การทำงานของกิเลส อุปกิเลส อาสวะกิเลส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 11 มิถุนายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    การเข้าไปเห็น คือ หนทางการเข้าไปกำจัดออกค่ะ
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    หัวใจในการปฏิบัติค่ะ

    ในธรรมจักรกล่าวไว้ดังนี้

    กะตะมา จะ สา ภิกขะเว

    มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถา คะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ

    อิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ฯ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ

    จะเห็นได้ว่าจะเกิดขั้นตอน คือ

    จักขุง ตาจักขุ คือ การเห็น

    ญานัง การรู้เกิดญาณรู้

    ปัญญา รอบรู้เหตุผลในการกระทำ

    วิชชา รู้แจ้ง

    และ แสงสว่าง (อาโลโก) มิใช่โอภาส แต่เป็นแสงสว่างต้นกำเนิดเดิมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2018
  3. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ไม่ต้องไปรู้
     
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ถ้าเป็นต้นกำเนิดของแสงสว่างเดิม เปรียบได้ดั่ง สิ่งนั้นคือ "อาจารย์ใจ" จากภายในค่ะ อุปมาเปรียบเทียบค่ะ
     
  5. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    มีเวลาไม่มากเลยไม่ค่อยใช้ทำลายใคร...คิดไปก็เท่านั้น...หัวแตกแน่นอน..เพราะคิดมาก....สรุปเลย...จะไปจะมาหารือจะลาหรือไม่คงไม่ใช่หน้าที่ใครมาตัดสิน...ถ้าบอกว่ามาจากนรกและอาจต้องไปนรก...ก็มีความเป็นไปได้เพราะมีหลากหลายกรรมที่ต้องชดใช้ทั้งในอดีตและปัจจุบันน่ะคับพี่นิวรณ์
     
  6. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เพราะ ไม่ต้องไปรู้
    เป็นที่มาของวิปัสนู

    สิ่งที่ปรุงแต่งจากจิตนี้ถ้าเจ้าของไม่รู้ทัน
    โดนมันหลอกทั้งนั้น
    บางครั้งหลอกให้เข้าใจว่าบรรลุธรรมแล้วก็มี

    จะจับโจรต้องสะกดรอยให้ถึงที่อยู่ของมัน
     
  7. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เห็นด้วยครับ
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    มีคน pm ถามค่ะ แต่ไม่สามารถกดข้อความโต้ตอบได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรค่ะ หากขอตอบในกระทู้แทนได้ไหมคะ ผิดถูกอย่างไร จะได้เป็นการหาคำตอบร่วมกันค่ะ
     
  9. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ตามสะบายครับ
     
  10. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อีกไม่นานต้นปีหน้าคุณจะรู้ความจริงทุกอย่าง
    ว่าเวปนี้มีที่มาอย่างไร
    คนที่มาเล่นเวปนี้มีที่มาอย่างไร
    เขาเล่นอะไรกัน
    ของที่ถืออยู่มีไว้ทำไม
    คุณแจคืออะไร

    คุณทำหน้าที่ของคุณไปครับ
    เพราะส่วนมากอธิฐานไว้ก่อนเกิด
    พอเกิดจำไม่ได้
    กรรมมันส่งผลให้มาเจอกันในเวปนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2018
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    คำถาม : เกี่ยวกับเรื่องวิบากกรรมที่เกิดขึ้นของแต่ละคน เราสร้างบุญกุศล ทาน ศีล ภาวนา (นั่งสมาธิ สมถะ/วิปัสนา) ขออโหสิกรรม แผ่เมตตา และอุทิศบุญกุศล ให้กรรมคลายตัว และขออโหสิกรรม ในที่สุดเพื่อความพ้นทุกข์ เข้าใจถูกไหม แล้วจิตคลายตัวลง

    เรื่องนี้ขอตอบเป็นประสบการณ์ของตัวเองคะ

    เคยอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก เกี่ยวกับการรับผลกรรมว่า กรรมที่ส่งผลให้ทำไมแต่ละชาติจึงส่งผลรับกรรม กรรมบางเรื่องจึงต้องรับผลร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง กรรมจึงยุติลง จึงตั้งคำถามไว้ในใจตนเองว่า เป็นเพราะอะไร? ทำไมจึงไม่ได้รับกรรมแค่ชาติเดียว แล้วกรรมนั้นยุติลง หรือจบลงไปเลย

    ก็มาพิจารณาว่า การเป็นวงเวียน หรือ การทำซ้ำ ๆ เปรียบดั่ง รอยเกวียนวนซ้ำทับรอยเดิม ส่วนใหญ่ล้วนมาจากความคิดเห็นผิด จึงเกิดความยินดี หรือ ติดใจเพลิดเพลินในสิ่งนั้น แม้แต่ความไม่ถูกใจหรือความไม่พอใจ ก็ตาม ก็ยังเกิดความยินดีในความไม่พอใจในเรื่องนั้น ๆ จากความเห็นจึงเกิดการกระทำในสิ่งนั้น ๆ เรื่อย ๆ เพราะความเห็นไม่ถูกต้อง จึงเข้าไปยึดถือต่อเรื่องราวนั้นหมักหมมดองเอาไว้เป็นนิสัยตามความเคยชิน

    หากเราสังเกตุเห็น การยึดถือ ก็คือ การควบแน่นของใจต่อทิฐิความคิดเห็น หากการปล่อยวาง จิตจะคลายตัว เหมือนการคลายน๊อตออก จะคลายความยึดถือเบาสบายในเรื่องนั้น ๆ คือ กระทบแล้วไม่มีผลต่อใจ ไม่มีผลต่อความรู้สึกอีกต่อไป สามารถวางและเพิกเฉยได้

    หากการแผ่เมตตาขออโหสิกรรม อุทิศบุญกุศลนั้น เราต้องดูว่าวัตถุประสงค์นี้ทำเพื่ออะไร การขออโหสิกรรม เพื่อไม่ให้มีเจ้ากรรมนายเวร การก่อกรรมต่อกันอย่างเดียวหรือเปล่าค่ะ

    เพราะการที่จะยุติกรรมเรื่องนั้นได้จริง ๆ ต้องเกิดจากความเห็นถูกต้องเสียก่อนว่า สิ่งนั้นให้ทุกข์ ให้โทษต่อตนเองอย่างไร และต้องสำนึกผิดจากใจจริง ๆ หรือ การตัดสินใจใหม่ ไม่กระทำเหมือนเดิม เมื่อเห็นแล้ว รู้แล้ว ด้วยเหตุและผล เมื่อไม่ทำอย่างเดิม นิสัยเดิมไม่มี ก็ไม่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป วิบากรรมเรื่องนี้ทางจิต ก็ไม่ส่งผลให้กระทบต่อจิตใจ เพราะรู้และปล่อยวางได้ กรรมในเรื่องนั้นก็ยุติลง

    สำหรับแค่กรณีวิบากกรรมที่เป็นผลทางใจ "การตัดสินใจใหม่" ให้ถูกต้อง จึงต้องเกิดขึ้นด้วยค่ะ ก็คือ เริ่มจากการสำนึกผิด ที่ในพระวินัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงบัญญัติไว้ อันนี้เป็นการหยุดวงเวียนกรรมเกี่ยวกับตนเอง

    ส่วนการส่งผลให้ ก็คือ วิบากกรรมที่มีคู่กรณี มีการอุทิศบุญให้ การแผ่เมตตา ขออโหสิกรรม หมดการจองเวร ก็หมดกรรมต่อกัน

    การตั้งสัจจะอธิษฐานจิต จึงเป็นบารมีที่ต้องมีร่วมด้วย ในการกำหนดเส้นทางเดินเพื่อให้ถึงฝั่งค่ะ เหมือนเป็นการตั้งจิตไว้

    เมื่อเหตุถึง ผลส่งให้ กรรมคลายตัว จิตคลายตัว คลายความยึดถือ และละวางได้ ก็พ้นทุกข์ ห่วงโซ่ก็หลุดไปทีละเปาะทีละเรื่องราว เมื่อชดใช้กรรม ล้างกรรมเพื่อหยุดกรรม หยุดการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

    นี้เป็นเฉพาะการเข้าไปขจัดกรรม ชดใช้กรรม และกรรมยุติลงไป ค่อย ๆ เบาบางลงไปค่ะ

    ความเห็นที่ตนเองปฏิบัติอยู่ค่ะในเบื้องต้นค่ะ ที่สำคัญคือ ต้องปรับทิฐิให้เป็นสัมมาก่อนค่ะ เพราะไม่สามารถปรับหัวเรือใหญ่ได้ การรู้เท่าทันอารมณ์ ตราบใดที่เรามีสติสัมปชัญญะ ความสงบสุขในจิตใจ ก็ย่อมไม่หวั่นไหวในอารมณ์ แต่ถ้าเราไม่ได้เกิดสติตลอดเวลา หากความเห็นผิดยังอยู่ ขาดสติเมื่อไหร่ก็จะไหลไปตามความเห็ของตนทันที แต่ถ้ามีความเห็นถูกต้องกำกับด้วย จิตจะคอยเตือนตนให้เกิดความยับยั้งชั่งใจ และละวางได้ที่สุด เห็นบ่อย ๆ ก็ละวางได้เองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2018
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ตรงข้อความสีแดงค่ะ แต่ในความว่างก็มีบางอย่างขยับตัวตลอด ถ้าพิจารณาการเข้าไปเห็นจริง ๆ ที่ตนเองประสบครั้งหนึ่ง คือ รหัสกรรม หรือ เรียกว่า กรรมแต่ละประเภทจะมีรหัสกำกับเรื่องราวเอาไว้ (เป็นอุปมาอุปมัยเชิงเปรียบเทียบค่ะ) ก็คือเรื่องราวที่เก็บเอาไว้ ทั้งสัญญาอารมณ์และความปรุงแต่งที่ตัดสินใจต่อเรื่องนั้น มันจากเกิดจากการที่เข้าไปสัมผัสภายใน แล้วตนเองจะเข้าใจและรู้ได้ ถึงสิ่งที่กระทบแล้วว่าเก็บอะไรเอาไว้? ถ้าใครที่มีความนิ่งและว่างพอ จะสามารถเข้าไปถอดรหัสสิ่งที่เก็บเอาไว้ได้ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร! อธิบายไม่ถูก ! แต่รู้ว่ามีจริง ! และต้องนิ่งและว่างพอจริง ๆ ค่ะ

    ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องราวเดียวกันหรือเปล่านะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2018
  13. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ความรู้ต่างๆที่ปรากฏขึ้นในการภาวนา
    มันหลากหลายครับ
    แล้วแต่จริตนิสัยที่สั่งสมมา

    จะให้เหมือนทุกคนเป็นไม่ได้หลอก
    ความรู้บางอย่าง ก็รู้เฉพาะตนไป

    ถ้าขยันภาวนาได้ละเอียดมากเท่าไร
    ก็เป็นประโยชน์กับเจ้าของเอง

    อย่างหลวงปู่มั่นจิตท่านพิศดาร การหยั่งรู้มากมาย
    แต่ท่านเอามาถ่ายทอดให้คนฟังแค่บางส่วน
    เท่าที่จำเป็น

    เพราะคนฟังมันชอบอวดรู้
     
  14. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    แสงที่เห็นในสมาธิ น่าจะเป็น โอภาส

    อาโลโก น่าจะหมายถึง ความสว่างของจิต
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อาโลโกอุปาธ อโลกาอุปาธ

    ใน บาลี มีคำว่า อุปาธิ ตามหลัง

    ตัด โลก โลกา ออก เหลือ อ..อุปาธิ คือ ไม่เกิด อุปาธิ อุปาทาน

    เอา คำว่า โลก ยัดใส่ขยายเข้าไปใหม่

    ได้ความว่า ไม่เกิดอุปาธิเนื่องกับโลก อีก วิชชา
    เกิดขึ้นแล้ว วิมุตติเกิดขึ้นแล้ว กิจอื่น...ไม่มี
    สรุปอีกที่ ชาติจบแล้ว พรหมจรรย์จบแล้ว

    สรุปอีกที ตรัสรู้แล้ว

    อย่าไป เมา แสง สี ฌาณฤาษีแปลงสาร
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    นี้แหละค่ะ ที่ตนเองเข้าใจว่าเป็นการทำงานของ "อาสวะกิเลส" ที่หมักดองเอาไว้ตามกระทู้ที่ตั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นไงกันค่ะ

    เพราะการเก็บเอาไว้หมักดองเป็นอาสวะนั้น จะรู้ได้ด้วยตนเอง เหมือนเข้าไปอ่านรหัสสัญญาณเพื่อแปลความหมายออกมาค่ะ หากจะหมายถึง ก็สิ่งที่เก็บไว้เป็นสัญญาเวทนาที่บันทึกไว้ แล้วปรุงแต่งเรื่องราวต่ออารมณ์อย่างไร ประมาณนี้ค่ะ

    หรืออาจจะเรียกว่า ในจิต มีเจตสิกแต่ละเรื่องราวเก็บบันทึกไว้ในจิต อยู่ข้าง ๆ จิต ที่คำสอนตรัส เรื่อง จิต เจตสิก รูป นิพพาน น่าจะเกี่ยวข้องด้วยประการนี้

    หรือครูบาอาจารย์ที่เคยกล่าวไว้ แยกปรมาณูละเอียด(คือเจตสิก) หรือเปล่า ออกจากจิต และที่ว่า จุดหย่อมผู้รู้ ของหลวงตามหาบัวนะค่ะ

    ก็เห็นไปตามที่ได้รู้ประกอบคำสอนของหลวงปู่หลวงตาและศึกษามา จึงมาแลกเปลี่ยนกัน ดีออกค่ะ ไม่ได้อวดรู้เลย เพราะเข้าไปรู้เห็นครั้งเดียวเองค่ะ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เดี๋ยวจะ งง กัน

    อนึ่ง พึงทราบก่อนว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แม้นจะเป็น ปัญญาธิกะ
    แต่ตอน ตรัสรู้ วินาทีบรรลุธรรม พระพุทธองค์ตรัสเองว่า พระพุทธองค์
    เป็นอรหันต์ประเภทวิชชา3

    ทีนี้ ต้องพึงทราบด้วยว่า อรหันต์ประเภทอื่นมี พระป่า ท่านเทศนาบ่อย
    อย่าง หลวงปู่สิงห์ทอง(รึเปล่า จำไม่ค่อยได้) ท่านเป็น อรหันต์ไปเรียบๆ
    ไม่มีอะไรเลย ทราบชัดแต่ หมดสงสัย หลวงตาเอาเพชรน้ำหนึ่งยื่นให้(รึเปล่า ก็จำไม่ได้อีก)
    แต่......แต่ มีพระแถวนี้ ....มโนยุกยิก เห็น ท่านเป็น เปรต มา รอขอส่วนบุญ
    หลังจาก ทราบเข่าวเครื่องบินตก ในงานศพโยม ซะงั้น ( ซึ่ง การณ์
    อาจจะตรงกันข้าม คือ มาโปรด แต่ บางคนหิวกัณฑเทศน์ บอกบุญ ไม่รับ )

    ดังนั้น อย่าไป ปักใจ (เข้าไปส่วนสุด) ใน บัญญัติ ว่าต้องอย่างนั้น อย่างนี้

    พอมันกระพริบ เอาเชียว จิตเคลื่อน " รึว่า รึว่า .....นิพพานเป็นเช่นนี้เอง "

    ฮิววววววววส์ ไม่ไปไหนหละ หากไม่กำหนดรู้เห็น กิเลส กายคตาสติ
    เอาสัมปชัญญะเข้าย้อนแย้ง ยันเอาไว้ จนหมดสงสัย(เป็นใช้ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2018
  18. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    คหสต. แบบสั้นๆนะครับ
    อาสวะกิเลสกับจิตแยกกันได้
    อวิชา ปัจย สังขารา
    อาสวะกิเลสมีอยู่ก่อนเป็นตัวเชื้อ ที่มีอยู่เมื่อสังขารเกิดขึ้นปนด้วยกิเลสที่เป็นเชื้อ ก้เป็นจิตที่มีกิเลส
    จิตไม่มีอาสวะได้ เพราะดับเชื้อนั้นได้ อาสวะเข้าจับกับส่วนสัญญา ที่เป็นอาการของจิตที่เกิดขึ้น เราสามารถฝึกจิตให้มีสัญญาที่ตรงข้ามกับอาสวะกิเลสได้และเกิดรู้เท่่่่าทันอาสวะกิเลสได้ครับ
    ผมเคยยกพระสูตรเรื่องเกี่ยวกับอาสวะกิเลสลงไว้แล้วครับลองหาอ่านย้อนหลังได้ครับ
    สุภะสัญญา อสุภะสัญญา แก้กันได้การใช้กายคตาสติลงในอสุภะสัญญา ให้เห็น อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา ก้ทำให้คลายจาก อาสวะกิเลสได้ครับ
    ส่าวนว่าจะคลายได้บางส่วนหรือทั้งหมดนั้นก้อยู่ที่กำลังของปัญญา ขอกล่าวอย่างย่อไว้เท่านี้ส่วนเรื่องการเห็นจิตเคลื่อนนั้น กล่าวไว้โดยย่อท่ามีโอกาสคงได้อทิบายกันอีกครับ

    กามาสวะ แก้ได้ง่ายกว่า อาสวะตัวอื่น และทำให้ละสังโยชเบื้องต้นได้เช่นกันพระพุทธเจ้ากล่าวถึง
    กามาสวะ ภาวาสวะ และอวิชาสวะ แยกชัดเจนการละกิเลสจึงละได้ตามระดับปัญญาครับ
     
  19. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    การเข้าไปรู้กลไกการทำงานของมันครั้งเดียว
    ก็เกิดความรู้มากมายแล้วครับ
    ส่วนการอธิบายนั้นอย่าไปยึดอะไรมากมาย
    เพราะภาษามันดิ้นได้
    แค่เราเข้าใจสภาวะก็พอแล้วครับ

    ปลฺผมว่าคนฟังชอบอวดรู้
    ผมหมายถึงพวกทึ่ไม่ภาวนาครับ
     
  20. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ระหว่างตันหาและ อาสวะ เป็นสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับจิต โดยข้องเกี่ยวคนละส่วนกันเกิดไวมากเหมือนจะพร้อมกันแต่เป็นคนละสิ่งกันเกิดก่อนหลังต่างกัน จิตหลุดพ้นจากอวิชาได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...