หน้า 4 #69 เรซิ่นที่ไม่เหลืองถึง 25 ปี

บันทึก :

ในที่สุดว่าที่นายจ้างใหม่ไม่ยอมฟังเหตุผล ไม่เชื่อคำแนะนำและคำเตือน ได้สั่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนเข้ามาในราคากิโลกรัมละ 5 หยวน ประมาณกิโลกรัมละ 25.- บาท พร้อมปูนทนความร้อนจากจีนในราคาถูกมาก กิโลกรัมละ 2.- บาท เพื่อคุมต้นทุนให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ว่าที่นายจ้างใหม่ตัดสินใจว่า การกระทำครั้งนี้หากหล่อได้สำเร็จ จะได้ตัดสินใจเริ่มต้นโครงการได้ทันที เพราะต้นทุนจะถูกมาก

.........................................

ปีเตอร์ให้คำแนะนำว่า ไม่ควรลองของจีน แต่ในที่สุดว่าที่นายจ้างใหม่ไม่ยอมเชื่อและสั่งซื้อวัตถุดิบจากจีนทั้งหมด

........................................

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงเริ่มการทดลองหลอมครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นในไทย โดยปีเตอร์ก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ด้วยความไม่เด็ดขาดจึงทำตามโดยใช้ขั้นตอนการหลอมแบบปกติธรรมดาและไม่ได้เฝ้าการหลอมตลอดช่วง

จากการสอบถาม ปีเตอร์บอกว่า ได้ทำการไปวางก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อในกระถางดินบนแม่พิมพ์ปูนด้วยตัวเอง ได้วางแม่พิมพ์ปูนทนความร้อนด้วยตัวเอง แต่เมื่อเตาได้เริ่มทำงานสักพักหนึ่ง ปีเตอร์ได้สั่งคนเฝ้าเตาให้ทำตามที่ปีเตอร์ได้สั่งงานไว้ แล้วก็กลับต่างจังหวัด

เมื่อผลงานผ่านเวลาไปหลายวันก็ได้ผลที่ไม่พอใจเลย

..........................................

 

วิเคราะห์ว่า

ปีเตอร์ไม่ได้ยื่นคำขาดว่า หากไม่ใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจาก gaffer และปูนทนไฟจากอังกฤษ ก็จะไม่เข้าร่วมทดลอง คือพูดง่ายๆว่า ถ้าไม่เลือกวัตถุดิบที่ดีก็ " ทางใครทางมัน "

..................................

เมื่อสถานการณ์เลื่อนจากวัตถุดิบที่แนะนำ มาเป็นวัตถุดิบที่รู้ๆอยู่แล้วว่าจะมีปัญหาอย่างมาก แต่ปีเตอร์ก็ยังเข้าร่วมการทดลองหลอมแก้วครั้งนั้นด้วยวิธีแบบปกติ ทำเหมือนกับก้อนแก้วนั้นไม่มีปัญหา และ ปูนนั้นก็ไม่มีปัญหาหรืออย่างไร

บันทึก : วิธีแก้ไขเมื่อสถานการณ์เคลื่อนเลื่อนมาใช้วัตถุดิบที่มีปัญหาแน่นอนแล้ว หน้าที่ของนักหลอมแก้วมีทางเลือกเพียงไม่กี่ทาง คือ

1. ไม่เข้าร่วมการทดลองหลอมเลย เพราะยังไงก็ไม่พ้นปัญหาใดปัญหาหนึ่ง คือ แก้วจะเกิดฟองอากาศอย่างมาก และปูนแม่พิมพ์จะหลุด ทำให้ผิวงานเป็นโพรงอากาศขนาดใหญ่เท่าไข่นกกระทาหรืออาจมากกว่า

2. เตือนว่าที่นายจ้างใหม่ว่า การทดลองครั้งนี้ ในฐานะนักหลอมแก้วในวิธี Lost Wax Glass Casting ว่าที่นายจ้างใหม่จะพบ 2 ปัญหา คือ ฟองอากาศมากมาย และ ผิวปูนหลุดใน ทำให้ผิวชิ้นงานมีรอยใหญ่ แต่นักหลอมแก้วมีวิธีแก้ไขเรื่องฟองอากาศในแก้วได้เพียงอย่างเดียว ( นั่นคืออย่างเก่งก็แค่ทำให้ฟองอากาศเล็กลงหรือน้อยลง แต่ไม่ถึงกับหายหมด ) ส่วนปูนที่ไม่มีคุณภาพจะหลุดร่อนนั้น แก้ไขไม่ได้

 

บันทึก :

เพื่อให้ว่าที่นายจ้างใหม่ได้เห็นชัดเจนว่า ผลที่เขาใช้วัตถุดิบจากจีนนั้นเป็นอย่างไร เราในฐานะนักหลอมแก้วควรสนองเขาด้วยการหลอม 1 ชิ้นงานด้วยวัตถุดิบทั้ง 2 คือก้อนแก้วและปูนจากจีน

แต่เพื่อให้ว่าที่นายจ้างใหม่ได้เห็นความแตกต่าง เราในฐานะนักหลอมแก้วที่ผ่านงานมานานหลายสิบปี เพียงแค่ใช้เศษแก้วแตกจากโรงงานแก้วโลตัสคริสตัลระยอง มาใส่แทนที่ก้อนแก้วจากจีนในกระถางดิน คือเปลี่ยน 1 ชิ้นให้มาใช้เศษแก้วของไทยนี่แหละ

..........................

ผลงานที่ได้จะออกมา 2 ชิ้น 2 อย่าง

1. ชิ้นงานที่ใช้ปูนและก้อนแก้วจีนก็จะออกมาเหมือนอย่างในภาพ คือมีฟองอากาศเม็ดใหญ่มากและจำนวนมาก และมีแผลใหญ่เนื่องจากปูนหลุดร่อนในแม่พิมพ์

2. ชิ้นงานที่ใช้เศษแก้วไทยก็จะออกมามีฟองอากาศเล็กๆจำนวนปานกลางเพราะเราไม่ได้เติมเคมีเลย แต่จะมีรอยแผลใหญ่อันเกิดจากปูนแม่พิมพ์หลุดร่อนภายในแม่พิมพ์ ทำให้เกิดแผลขนาดใหญ่

จะสามารถพิสูจน์ได้ว่า ปัญหาแก้วนั้นปัญหาหนึ่ง ปัญหาปูนนั้นก็ยังอีกปัญหาหนึ่ง

 

บันทึก :

การที่ปีเตอร์มาพบว่าที่นายจ้างใหม่ที่มีลักษณะเช่นนี้ ยากที่จะทำงานด้วย เพราะคิดแต่ต้นทุนต่ำมากที่สุดที่เป็นไปไม่ได้ ผมมักใช้คำว่า Lowest Impossible Price

การจะทดลองทดสอบแก้ไขก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนและปูนแม่พิมพ์จากจีนให้ได้คุณภาพดีถึงที่สุดนั้น ต้องผ่านขั้นตอนการแก้ไข ปรับแต่งเคมีภัณฑ์ และอื่นๆอีกนับร้อยนับพันครั้ง หรือถ้าเราจะปรับแต่งเอง ก็ต้องใช้การปรับแต่งทางเคมีภัณฑ์และทางการใช้เทคนิคการกระโชกไฟขณะหลอมแก้วช่วย ซึ่งไม่ง่าย เฉพาะตรงนี้ค่าใช้จ่ายในการทำการทดลองจนกว่าจะได้ผลที่น่าพอใจคงอีกหลายแสนหรืออาจเกินล้านบาท ซึ่งว่าที่นายจ้างใหม่ที่มีลักษณะอย่างนี้คงไม่เอาด้วย

 

ในอดีตที่โรงงานหลอมแก้วของคุณพ่อผมนั้น คุณพ่อผมเชิญปรมาจารย์ช่างแก้วฝีมืออันดับต้นๆของไทยซึ่งท่านเป็นนักหลอมแก้วจากจีนที่สืบทอดวิชามาจากจีน ซึ่งโรงงานแก้วจีนที่เก่งๆในอดีตก็ได้รับถ่ายทอดวิชาจากฝรั่งเศส

ที่โรงงานหลอมแก้วของคุณพ่อผมให้ความเคารพต่อเหตุและผลมาก ได้มีการทดลองทดสอบมากมายหลายพันเบ้า แต่ละเบ้าน้ำหนักเบ้าละ 350 kg. และที่โรงงานหลอมแก้วที่ดีนั้น ต้องมีห้องนอนติดเครื่องปรับอากาศแก่นักหลอมแก้ว อย่างเช่นโรงงานหลอมแก้วคุณพ่อผม มีห้องนอนที่อยู่ใกล้เตาหลอมเตาอบเลย สามารถเดินถึงเตาอบเตาหลายได้ภายในไม่กี่นาที ถ้าไม่มีห้องนอนปรับอากาศให้แล้ว นักหลอมที่อายุมาก มีโรคประจำตัว ไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกตรงนี้และต้องเฝ้าเตาหลอมเตาอบครั้งละ 5 วัน 6 คืนหรือกว่านั้นจะทำอย่างไร นี่เป็นอีกหัวใจหนึ่งของการประสบความสำเร็จในการงาน บางครั้งการหลอมแก้วพิเศษต้องทำงานต่อเนื่อง 10 วัน 10 คืน ต้องอยู่โรงงานตลอด 24 ชั่วโมง ( นี่ผมพูดถึงสมัยก่อนนะครับ ที่ผมเคยทำงานแบบนี้คืองานคนเดียวรับผิดชอบ ) [ แต่ปัจจุบันจะมีการผลัดกันรับผิดชอบเป็นกะ กะละกี่ชั่วโมงก็อาจไม่เหมือนกัน แต่นี่ต้องจ้างหลายคน ซึ่งนักหลอมแก้วที่เก่งมีน้อยนัก ]

 

ด้านบนเป็นก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของ gaffer glass

.................................

ด้านล่างเป็นก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนบริษัทหนึ่ง

ของจีนเวลาขายส่งออกเป็นแผ่นกลมแบน แต่เวลาถ่ายภาพใช้วิธีตัด 1 ใน 4

 

แก้วของ gaffer เวลาวางอยู่เหนือแม่พิมพ์ปูน จะมีรูปร่างลักษณะเช่นนี้

ภาพล่างคือการตัดครึ่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของ gaffer

 

ภาพนี้คือก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีน รูปร่างกลมแบน

การหลอมรูปบุคคลยืนสูง 60 ซ.ม. 2 ชิ้นงาน
และ
รูปหลวงปู่ทิมหน้าตัก 5 นิ้ว 10 องค์ ( แตกร้าว 2 เหลือ 8 องค์ )

 

แก้วจีนเมื่อชิ้นงานใหญ่ ปูนทนร้อนมักมีผิวหลุดร่อนภายในแม่พิมพ์ทำให้ผิวงานเสียหาย ส่วนแก้วจีนเมื่อหลอมแล้วมีฟองอากาศเยอะมากและขนาดใหญ่กว่าหัวเข็มหมุด


หล่อ 10 เหลือ 8 องค์

ถึงแม้ว่าปูนแม่พิมพ์เล็กจะไม่ผิวหลุดร่อนภายใน จึงทำให้ไม่เกิดแผลใหญ่ แต่ฟองอากาศจากก้อนแก้วจีนก็ยังมีเยอะและขนาดเท่าหัวเข็มหมุด

 

จากการถ่ายภาพจะเห็นฟองอากาศขนาดปลายเข็มหมุดเต็มหน้าแข้ง และลึกเข้าไปในเนื้อความลึกตลอดทั้งหลายนิ้ว ในขณะที่ฟองอากาศบริเวณพระเศียรและที่พระอุระมีน้อยมาก และมาตุงที่บริเวณเอวลงไปถึงเท้า พอต่ำกว่าเท้าลงไปยิ่งเม็ดใหญ่กว่าหัวไม้ขีดไฟ และเยอะมาก

จากภาพแปลว่าอะไร หมายความว่าอะไร

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า เวลาหลอมแก้ว เราทำการอั๊พไซด์ดาวน์ Up Side Down แปลว่า ฟองอากาศเกิดจากด้านล่างแล้วลอยขึ้นหนีแรงดึงดูดของโลก เพราะฟองอากาศจะลอยสูงขึ้น

และหมายความว่า ฟองอากาศมีจำนวนมากและเกือบจะตลอดช่วงการหลอมแก้วซึ่งกินเวลานานหลายชั่วโมงมาก

สรุปว่าแก้วจีนนั้นเกิดฟองอากาศในตัว หรือเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่นนั่นเอง แสดงให้เห็นคุณภาพของ Lead Oxide ที่ต่ำกว่ามาตราฐานของขบวนการหลอมแก้วคริสตัล นี่จึงเป็นเหตุว่า ทำไมราคาก้อนแก้วของจีนราคากิโลกรัมละ 25.- บาท ในขณะที่ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่ได้มาตราฐานโลกของ gaffer glass กิโลกรัมละ 700.- บาท

 

ฟองอากาศขนาดเท่าไข่จิ้งจกมาโผล่ที่ใต้ฐาน ใต้โต๊ะขาสิงห์ มีจำนวนมาก แปลว่าอะไร แปลว่า ฟองอากาศที่เกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่นในช่วงแรกนั้นเม็ดใหญ่มาก ได้แหวกน้ำแก้วที่เหนียว กว่าจะมาโผล่ที่ใต้ฐานนี้ใช้เวลาหลายชั่วโมง

แปลว่าอะไร แปลว่า ช่างเฝ้าเตาที่คุณปีเตอร์สั่งให้เฝ้าเตาได้ทำการลดอุณหภูมิเร็วเกินไป น่าจะลดหลังการหลอมเพียงแค่ 3 ชั่วโมง แล้วลดทันที ถึงแม้จะลดลงสู่อุณหภูมิของการ annealing ก็ตาม ช่างเฝ้าเตาไม่รู้ว่า อุณหภูมิ annealing นั้น ฟองอากาศแหวกออกไม่ได้ นี่คือสาเหตุที่ฟองอากาศหลุดไม่พ้น

การไม่มีห้องนอนให้ช่างหลอมแก้วทำให้เกิดเหตุอย่างนี้นี่เอง เพราะนับตั้งแต่การอุ่นไฟเตาไปถึงหมดขบวนการนี้ ต้องใช้เวลาเฝ้าเตา 4 วัน 5 คืน แต่ในเมื่อช่างหลอมไม่อยู่ ปล่อยให้ช่างเฝ้าเตาที่ทำแค่ตามหน้าที่ แต่รู้ไม่จริง เหตุนี้จึงเกิดขึ้น

 

ลองมาเปรียบเทียบกับพระแก้วคันธารราฐหน้าตัก 9 นิ้วที่ผมหลอมขึ้นจากก้อนแก้วของโลตัสคริสตัลระยองสิครับ ขนาดของผมใหญ่กว่าหน้าตัก 5 นิ้วหลายเท่า ทางน้ำหนักนะครับ

ยังหาฟองแทบไม่ได้เลย นี่จึงเป็นข้อสรุปว่า ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่ดี จะนำมาสู่ความสำเร็จครับ

หมายเหตุ
องค์นี้ก็คือ ปีเตอร์ทำตามคำสั่งของผมสมัยที่ทำงานอยู่กับโรงงานแก้วโลตัสคริสตัลระยองนั่นเอง

 

ส่วนองค์นี้เป็นน้ำแก้วของโรงงานแก้วเจษฏาที่ทำตามคำสั่งของผมนั่นเอง ขนาดแก้วโซดาไลม์ซิลิก้ายังดีกว่าก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีนเสียอีก

 

ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของ gaffer glass ใช้วางบนแม่พิมพ์ปูนทนร้อน หรือในกระถางบนแม่พิมพ์ปูน ลักษณะการวางก็ขึ้นกับวางเต็มก้อน หรือวางตัดก้อนแก้วให้เป็นเศษเล็กๆหรือไม่ ? ขึ้นอยู่กับเจ้าของงานว่าต้องการใช้เทคนิคแบบไหน

 

วันนี้ได้รับของที่ทางฝรั่งเศสส่งมาให้แล้ว ขอขอบคุณมากครับ

 

มีเพื่อนๆทั้งในและนอกวงการนักหลอมแก้ว ได้ให้คำปรึกษาแนะนำว่า หากก้อนแก้วที่ได้มาตราฐานต้นทุนกิโลกรัมละ 700.- บาท เมื่อบวกค่าขนส่ง ค่าภาษีแล้วคงประมาณกิโลกรัมละ 1,000.- บาท ส่วนก้อนแก้วของจีนกิโลกรัมละ 25.- บาทที่หลอมออกมาก็เรียกว่า เพียงแค่มีฟองขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟจำนวนหนึ่ง หากเรามีวิธีแก้ไขในส่วนนี้ได้ อาจต้องเพิ่มต้นทุนจากกิโลกรัมละ 25.- บาท เป็น 100.- บาท ราคาก็ยังต่างกันถึง 7 เท่า 10 เท่า น่าทดสอบทดลองเพื่อนำมาเป็นต้นทุนที่ต่ำ ที่จะทำให้วงการนี้ได้เกิดขึ้นในไทย

ผมคิดอยู่ครับ มันก็จริงอย่างที่ท่านว่า แต่ใครเล่าจะเป็นคนทำการทดสอบทดลอง เพราะตรงนี้ค่าใช้จ่ายนับแสนหรือนับล้านบาทก็อาจเป็นไปได้นะครับ

เอาไว้ผมค่อยๆคิดแล้วค่อยว่ากันใหม่ครับ

 

มีคนส่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของจีนที่เขาส่งขายไปทั่วโลก และทั่วโลกกำลังเห็นโอกาสว่า ในราคากิโลกรัมละ 25.- บาท ( ราคาขายส่งในบางประเทศไม่ถึง 15.- บาท ) [ ราคา sample กิโลกรัมละ 25.- บาท ] และสามารถหลอมออกมาได้ดีพอสมควร แค่ฟองอากาศเท่าหัวเข็มหมุดเท่านั้นที่นักหลอมแก้วเก่งๆทุกคนสามารถแก้ไขได้ด้วยการหาสูตรเคมีในการแก้ไข

ผมจึงทดลองถ่ายภาพก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนที่คนส่งมาให้เป็นตัวอย่าง เมื่อมองดูจากโคมไฟส่องแล้ว พบอย่างเคร่าๆว่า พอแก้ไขได้ แต่อย่างใดนั้น ขอให้ผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์มาถามผมเป็นการส่วนตัวน่าจะดีกว่า

 

ผมนำภาพที่ถ่ายโดย gaffer ถ่ายภาพก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อของเขา จะเห็นความแตกต่างทุกมิติ
สังเกตุพระแก้วหน้าตัก 8 นิ้วเศษองค์ขวามือ ที่ผมและลูกน้องช่างแก้วผมเคยหลอม

พระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วองค์ขวา ผมกับลูกน้องช่างแก้วเคยหลอมก็แสดงให้เห็นรายละเอียดและความใสของเนื้อแก้วที่ทำสำเร็จ

 

จีนสร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่น่าจะเรียกว่า " ยังใช้ไม่ได้ แต่พร้อมจะพัฒนาคืบหน้าต่อไป " กล่าวคือ เมื่อหลอมออกมาแล้ว ชิ้นงานมีฟองอากาศขนาดหัวเข็มหมุดจำนวนมาก แต่ก็ยังเป็นแก้วคริสตัลที่มีคุณสมบัติอื่นๆที่ใช้การได้ดี พูดง่ายๆว่า แค่มีฟองอากาศเท่านั้น