ติดตามสถานะการณ์

China Xinhua News

ตั้งมาตั้งกลับไม่โกง! รัสเซียเตรียมตั้งภาษีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 มิ.ย.) Maxim Oreshkin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะกำหนดภาษีการนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้ภาษีการนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมที่สหรัฐอเมริกาตั้งขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานรวบรวมรายชื่อสินค้าของสหรัฐอเมริกาจะต้องใช้เวลาหลายวัน และการกำหนดภาษีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องชี้วัดภาวะเศรษฐกิจมหภาคของรัสเซีย Oreshkin ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว TASS ดังนี้

ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้กำหนดอัตราภาษีศุลกากรการนำเข้าสินค้าเหล็กที่ร้อยละ 25 และการนำเข้าสินค้าอลูมิเนียมที่ร้อยละ 10 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศ

จากนั้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Viktor Yevtukhov รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซีย ก็ได้ออกมาประกาศว่ามอสโกได้พิจารณาเห็นว่าการกำหนดภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกาถือเป็นมาตรการที่สุดโต่งเกินไป

Yevtukhov ได้คาดการณ์ไว้เบื้องต้นว่าการดำเนินงานของสหรัฐอเมริกา จะทำให้รัสเซียจะสูญเสียรายได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.54 หมื่นล้านบาท) สำหรับสินค้าเหล็ก และสูญเสียรายได้อีก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.27 หมื่นล้านบาท) สำหรับสินค้าอลูมิเนียม

 

ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีน้ำมันช่วยภาคขนส่ง เผยแพร่: 20 มิ.ย. 2561 16:16 โดย: MGR Online


ครม. เห็นชอบคลังออกกฎกระทรวงกำหนดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลบี 20 ที่ 5.152 บาทต่อลิตรตามมติของ กบง. ทั้งให้ปรับอัตราภาษีน้ำมันดีเซลบี 7 ขึ้นจาก 5.85 บาทต่อลิตรเป็น 5.98 บาท โดยใช้ภาษีสรรพสามิต 82 ส.ต. ต่อลิตร ช่วยอุดส่วนต่างราคา และส่วนที่เหลือให้ใช้เงินจากกองทุนพลังงานอีกเดือนละ 230 ล้านบาท หวังช่วยเกษตกรที่ปลูกน้ำมันปาล์มลดสต๊อกน้ำมันปาล์มที่มีรวมกันสูงถึง 6 แสนล้านลิตร และหวังช่วยผู้ประกอบการรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถโดยสารสาธารณะลดค่าใช้จ่ายลงอีก 3 บาท เริ่ม 1 ก.ค. นี้

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงถึงมติจากที่ประชุมคณะรัญมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้ให้ความเห็นชอบกฏกระทรวงในการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยกรมสรรพสามิตกำหนดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลบี 20 อยู่ที่ 5.152 บาทต่อลิตร ตามมติกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งได้เห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลบี 20 เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน พร้อมทั้งให้ปรับอัตราภาษีน้ำมันดีเซลบี 7 จาก 5.85 บาทต่อลิตรเป็น 5.98 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 13 ส.ต. ต่อลิตร โดยกระทรวงพลังงานจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันสนับสนุนช่วยเหลือส่วนต่างราคาน้ำมันรวม 3,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีกซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บ 2 กรมสรรพสามิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้น้ำมันบี 20 ไม่ได้ใช้กับรถทุกยี่ห้อ แต่จะใช้ในรถยนต์บางรุ่นและบางยี่ห้อ รวมถึงส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ เช่น ฮีโน่ รุ่น GO8E รุ่นยูโรทู ส่วนรถยนต์นั่งทั่วๆ ไปจะใช้น้ำมันดีเซลบี 7 โดยจำนวนผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จะมีทั้งสิ้น 5 ราย เช่น ปตท. ,คอสโม่, และบางจาก เป็นต้น ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการนี้กับกรมธุรกิจพลังงาน ขณะที่กลุ่มรถบรรทุกซึ่งต้องการใช้น้ำมันในเบื้องต้นจะมีประมาณ 30 ราย ซึ่งจะทำให้ค่าขนส่งมีราคาถูกลงอีก 3 บาท

นอกจากนี้ การจำหน่ายน้ำมันจะเป็นเฉพาะกลุ่มที่เป็นบริษัทขนส่ง แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกน้ำมันดีเซลบี 20 จะไม่มีการจำหน่ายตามปั้มน้ำมันทั่วไป แต่จะขายตามฟีดที่ต้องทำความตกลงกับกรมธุรกิจพลังงาน ในช่วงนำร่องนี้คาดว่าการว่าจะมีการใช้น้ำมันบี 20 จำนวนไม่มากนักคือราว 1.5 ล้านลิตรต่อวัน หรือราว 45 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งคิดเป็น 2.5% ของปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในภาพรวมซึ่งมีการใช้ 1.8 ล้านลิตรต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม จะค่อยๆ ทยอยความต้องการใช้มาอยู่ที่รถบรรทุกด้วย และหากมีการตอบรับที่ดีแล้วก็คาดว่าจะส่งผลดีกับสต๊อกน้ำมันปาล์ม ซึ่งล่าสุดในเดือน พ.ค. นั้นจะมีทั้งสิ้น 6 แสนล้านลิตร ซึ่งค่อนข้างเยอะกว่าปกติเมื่อเทียบจากเดิมที่เคยมีราว 4-5 แสนล้านลิตร อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนต่างของราคาน้ำมันดีเซลบี 7 ที่ 3 บาทต่อลิตรนั้น รัฐบาลจะทำการอุดหนุนราคาโดยใช้เงินส่วนที่มาจากภาษีสรรพสามิตลิตรละ 82 ส.ต. และส่วนที่เหลืออีกกว่า 2 บาทนั้นจะใช้เงินกองทุนฯ มาสนับสนุน ทั้งนี้ ในแต่ละเดือนกองทุนฯ จะใช้เงินสนับสนุนราว 230 ล้านบาท ส่วนการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวนี้จะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ก.ค. นี้

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวถึงแนวโน้มการจัดเก็บภาษีโดยรวมตลอดปีงบประมาณ 61 จะต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 6.2 แสนล้านบาทแค่เพียงเล็กน้อย โดยใน 7 เดือนแรกของปีงบประมาณฯ กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้แล้ว 3.22 แสนล้านบาทต่ำกว่าเป้าหมาย 2.28 พันล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าราว 0.7% ทั้งนี้ สาเหตุไม่ได้เกิดจากการใช้กฎหมายสรรพสามิตใหม่ แต่เกิดจากประสิทธิภาพที่มีมากขึ้นในการณรงค์เรื่องเหล้า บุหรี่ จากกระทรวงสาธารณสุข โดยจากผลสำรวจการบริโภคเบียร์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าตั้งแต่เดือน ต.ค. 60 - เม.ย. 61 นั้นมีสัดส่วนลดลง 10% และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

https://m.mgronline.com/stockmarket/detail/9610000061373

 

สุสานทหารรับจ้างในศูนย์การทหารอัล-มุวัซซัมของซาอุดิอาระเบีย+วีดีโอ
Published: Wednesday, 20 June 2018 15:33| Written by Admin_taem |



โทรทัศน์อัล-มะซีเราะฮ์ ได้แพร่ภาพในรายงานพิเศษเฉพาะจากสุสานบริเวณที่ฝังศพของกองกำลังพันธมิตรผู้รุกรานเยเมนภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบีย ที่ถูกฝังที่สุสานนี้

สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ในศูนย์อัล-มุวัซซัม ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดญีซานในประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งในคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีถึงความสูญเสียทางด้านชีวิตที่ใหญ่หลวงของบรรดาผู้รุกรานและทหารรับจ้างในเครือพันธมิตรของพวกเขาในปฏิบัติการรุกรานต่างๆ ต่อเยเมน

ผู้สื่อข่าวของอัล-มะซีเราะฮ์ ได้กล่าวในรายงานของตนว่า ศูนย์อัล-มุวัซซัมของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีเยเมนหลายต่อหลายครั้ง ในวันนี้ได้กลายเป็นสุสานขนาดใหญ่สำหรับกองกำลังผู้รุกราน ผู้ฉ้อฉลหลอกลวงและบรรดาทหารรับจ้าง

ภารกิจที่สำคัญที่สุดของพันธมิตรผู้รุกรานที่ยังจำเป็นต้องกระทำหน้าที่เตรียมหลุมฝังศพในพื้นที่สุสานนี้ และการเคลื่อนย้ายศพของทหารที่เสียชีวิตออกมาจากสนามรบต่างๆ เนื่องจากยังมีศพนักรบของกลุ่มพันธมิตรได้ละทิ้งอีกจำนวนมาก ร่วมทั้งศพของทหารรับจ้างก็ถูกไว้ในสนามรบเช่นกัน การประกอบพิธีฝังศพเหล่านั้นลงในสุสานแห่งนี้จะยังคงดำเนินต่อไป และสุสานก็คงจะต้องขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นทุกๆ วัน

ที่มา : สำนักข่าว IRIB
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม

http://islamicstudiesth.com/index.p...8-news_articles/1469-mercenary-cemetery-saudi

 

Trade War หรือ ขึ้นดอกเบี้ย ทำหุ้นไทยดิ่ง ดอยนี้ยังไงต่อดี?

หลายท่านอาจสงสัย หุ้นไทยเป็นอะไร ถ้าใครที่ตามดูตลาดเพื่อนบ้านจะรู้ว่า ปู่ SET รู้สึกตัวช้า คือเพื่อนๆเขาถล่มทลายกันไปแล้ว หุ้นไทยพึ่งมาลงแรงๆ สองวันติด

BottomLiner ขอแบ่งการขายเป็น 2 ระลอก ครับ

1.กระแส America First ขายประเทศที่อ่อนแอ โดยเฉพาะประเทศที่มี หนี้ เป็นดอลลาร์เยอะ โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รอบนี้ไทยไม่ค่อยโดน (ถึงสัปดาห์ที่แล้ว)
2.Trade War มาอีกแล้ว vs ECB รัดเข็มขัด vs รัสเซียเทขายพันธบัตร US ครึ่งหนึ่ง มาเต็มไปหมด แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหน หรือมีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้ ครั้งนี้หุ้นไทยลงแรง และมีปอบ เข้ามาแจม

ขอพูดถึงข้อแรกก่อนครับ ทำไมไทยลงน้อยในตอนแรก แล้วเราจะใจเย็นลง หายตื่นตูม สติมา

มาดู ผลตอบแทน ของหุ้นกลุ่มนี้กันก่อน จากจุดสูงสุดจนถึงจุดต่ำสุดของปีนี้ (ถึงวันศุกร์ที่แล้ว 15/6/18) ก่อนจะเริ่มถล่มกันอีกรอบ)

หุ้นตุรกี – 23.6%
หุ้นอินโดนีเซีย -14.5%
หุ้นฟิลิปปินส์ – 19.2%
หุ้นเวียดนาม – 24.3%
หุ้นมาเลเซีย -9.8%
หุ้นบราซิล – 21.2%
หุ้นไทย – 9.2%

จะเห็นได้ว่าหุ้นไทยนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ลงน้อยที่สุด เพราะการขายที่ผ่านมา เป็นการเช็คบิล ประเทศที่ อ่อนแอ และอ่อนไหวต่อ fund flow ไหลกลับได้ง่าย ซึ่งมีวิธีดูหลายๆแบบ วันนี้อยากให้ดู 3 อย่างที่ค่อนข้างชัด สำหรับการเช็คบิลรอบนี้

1.เงินสำรองระหว่างประเทศ

2.ดุลบัญชีเดินสะพัด

3.หนี้ในหน่วยดอลลาร์

ถ้าดูตามเนื้อผ้าก็ต้องบอกว่า ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำในกลุ่มนี้ ไทยเราสามารถรับการกระแทกได้ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน (ณ เวลานี้) ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่ค่าเงินของประเทศเหล่านี้อ่อนแอจนน่าใจหายโดยเฉพาะอย่างยิ่งตุรกีที่นับตั้งแต่ต้นปีก็อ่อนมาแล้วถึง 26% (ถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา)

หรือฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่เรียกได้ว่าอ่อนในระดับเดียวกับช่วงวิกฤต 40 เป็นที่เรียบร้อยบางประเทศอย่างอียิปต์ที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ขึ้นค่าก๊าซ 50% จนต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF ฟังดูอ่อนแอเหลือเกินครับเวลานี้

ในขณะเดียวกัน กระแส America First ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จากผลสำรวจผู้จัดการกองทุนทั่วโลกพบว่า ได้กลับมา Overweight น้ำหนัก US มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเกือบ 2 ปี

ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเตรียมรับมือ Tightening Cycle อย่างสมบูรณ์ ในช่วงดอลลาร์แข็งค่า หลีกเลี่ยงหุ้นตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นธรรมดาของ Tightening Cycle เงินจะไหลกลับตลาดพัฒนาแล้ว … แต่ !! เข้ายุโรปก็กังวลความเสี่ยง ยุโรปแตก

จึงอาจเป็นเหตุผลให้เงินไหลกลับสหรัฐฯ เพราะในอดีตเวลาเกิดวิกฤตที่อื่นนอกสหรัฐฯ หุ้นสหรัฐฯจะปรับฐาน หรือซึมๆตามก่อนวิ่งต่อ เช่นปี 40 ไม่ได้จมดิ่งไปเลยเหมือนที่อื่นๆ


และแรงขายกระหน่ำก็มาทวีคูณมากขึ้นอีกจากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว การประกาศเตรียมขึ้นดอกเบี้ยของทางยุโรปพร้อมแผนเลิก QE อีกทั้งการเปิดเผยว่า รัสเซียได้เทขายพันธบัตรสหรัฐฯไปครึ่งหนึ่ง ในเดือนเมษายน ซ้ำร้ายด้วยชนวนสงครามการค้าระหว่างอเมริกาและจีน ที่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง จึงทำให้เกิดการขายระลอกที่ 2

เมื่อถึงคราวต้องขายหมู่ คราวนี้ก็ต้องจำยอมปล่อยหุ้นไทยครับ

แล้วมีหลายความเป็นไปได้แบบนี้ วิเคราะห์ยังไงดี โชคดีครับ เราสามารถวิเคราะห์ในแนวเดียวกันหมดได้ เพราะมันเป็นปัจจัยมหภาค ก็คือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เงินจะไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ คราวนี้ก็น่าจะมี 2 Scenario

1.ถ้าหุ้นตกเพราะ Trade War รับมืออย่างไร?
ก่อนอื่นอยากให้ใช้กฎ ครั้งแรกรุนแรงที่สุด ครั้งถัดไปค่อยๆเบาลง ยกตัวอย่างเช่น QE Tapering, ขึ้นดอกเบี้ย, ยุโรปแตก เกิดครั้งแรกหุ้นจะปรับฐานรุนแรง ถัดๆมาจะเริ่มส่งผลกระทบเบาลง

Trade War ที่เริ่มจุดชนวนขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่ดูน่าสงบแล้ว ส่งผลร้ายต่อตลาดหุ้นโลกอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ชนวนของวิกฤต มันเป็นธรรมดาของยุคแตกแยก (Deglobalization) ซึ่งเกิดขึ้นทุกๆ 30 ปีอยู่แล้ว มันไม่ได้แปลว่าโลกจะสลาย หุ้นถล่มทลาย ในอดีตหุ้นก็ขึ้นได้ และเกิดวิกฤตในลักษณะที่ไม่ได้ต่างกับยุค Globalization หรือกล่าวคือมันไม่ได้ทำให้แตกต่างขนาดนั้น

ที่น่ากลัวคือ ถ้าตลาดเล่นเรื่อง ปูตินจับมือสี จิ้นผิง สู้กับ สหรัฐฯ จะเกิดอะไรขึ้น เช่น จีนขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมดของสหรัฐฯแบบไม่กลัวขาดทุน … แน่นอนครับสหรัฐฯพังทันที จะหาใครมารับซื้อทั้งหมดนั้นทัน หรือเลิกใช้ดอลลาร์ซื้อน้ำมัน หันไปใช้หยวนทั้งหมด แต่โดยนิสัยของสี จิ้นผิงแล้ว ดูไม่ใช่แนว Aggressive ขนาดนั้น

2.ถ้าหุ้นตกเพราะทั่วโลก รัดเข็มขัด รับมืออย่างไร?
ปกติหุ้นจะปรับฐานก่อน 3-6 เดือนก่อนรัดเข็มขัด หรือ hint แรกที่ประกาศออกมาว่า “เอาแล้วนะ” แต่โดยรวมยังมีเวลาครับ เริ่มรัดเข็มขัดไม่ใช่แปลว่าหุ้นจะรูดกราวไปทันที ที่ผ่านมาจุดที่วิกฤตจริงๆคือเวลาดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นแรงและเร็ว มักจะมีจังหวะให้ออกได้เสมอ

แต่ที่สำคัญคือ แล้วบ้านเราจะดิ่งลงแบบกลุ่มตลาดเกิดใหม่เหล่านั้นหรือเปล่า?

ตุรกีที่มีหนี้ต่างประเทศเป็นสัดส่วนถึง 537% ของทุนสำรอง โดยไทยมีหนี้ต่างประเทศเพียงแค่ 67% ต่อทุนสำรองเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ จุดแข็งของไทยอีกอย่างคือ ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่จะค่อนข้างพึ่งพาสินค้าส่งออกจำพวก commodity เป็นหลัก ซึ่งราคาดิ่งกันยกแถบ แต่ประเทศไทยถือว่ามีสัดส่วนสินค้าส่งออกที่ค่อนข้างหลากหลายไม่กระจุกตัว แถมยังได้อานิสงห์การท่องเที่ยวที่ดีวันดีคืน

ด้วยภาพที่สะท้อนออกมาแบบนี้เอง ในเชิง มหภาค หุ้นไทยจึงดู ดีกว่าที่อื่น แน่นอนว่าคงวิ่งไปตามกลุ่ม แต่ว่าก็แข็งแกร่งกว่าเพื่อน

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาคือ การกำหนดดอกเบี้ยในวันพุธที่จะถึงนี้ (19/6/18)

เพราะในโซนเอเชียตะวันเฉียงใต้นี้มีเพียง 2 ประเทศที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า FED และไทยบังเอิญเป็น 1 ในนั้น ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่แปลกมากที่ดอกเบี้ยของประเทศกำลังพัฒนาอย่างเราจะต่ำกว่าสหรัฐ ในขณะที่ดอกเบี้ยของประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียนั้นสูงกว่ามาก คงต้องจับตาดูว่า จะเป็นอย่างไรครับ เศรษฐกิจบ้านเราดีพอให้ขึ้นดอกเบี้ยหรือยัง ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับมาสนใจ กนง. กันทุกครั้งอีกหรือยัง?

ดอยนี้ท่านจะรับมืออย่างไร แน่นอนคำถามนี้ย่อมเกิดกับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่คุ้นชินกับภาวะตลาดหุ้นตก 10-20% …

คำตอบคือ

ถามตัวเองก่อน ถ้าเห็นวิกฤตอยู่อีกไม่นานมาก สมมติว่าไม่เกินปี (ซึ่งจริงๆอาจจะเกินก็ได้ ตลาดคาด 2019-2020 แต่ก็คาดกันมาตั้งแต่ 2011) ถ้ายังเห็นว่ามีเวลาอีกสักระยะจนถึงวิกฤตครั้งใหญ่ จะถัว? จะเริ่มหาจังหวะออกหลังเด้ง? หรือจะหยุดเลย? คงฟันให้ไม่ได้ สุดท้ายอยู่ที่ความเสี่ยงทีรับได้ครับ ลองพิจารณาคำตอบให้ไปหมดแล้วว่า scenario ไหน ในอดีตเป็นอย่างไร หรือจะใช้ technical ช่วยก็ได้

ท้ายที่สุดนี้ หุ้นมันก็ไม่ต่างกับฟุตบอลลูกกลมๆ ที่พลิกล็อค เยอรมนี แพ้ เม็กซิโก ก็ได้ครับ มีบางเรื่องที่ช็อคโลกแบบไม่มีใครคิดได้

#BottomLiner
---
ติดตาม BottomLiner ได้ง่ายๆที่ BottomLiner - บทสรุปการลงทุน
หรือที่ https://www.facebook.com/bottomliner

 

MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว มีสาขาเยอะไปก็ไม่ดี!! โดยล่าสุด Starbucks ประกาศเตรียมปิด 150 สาขาในสหรัฐอเมริกาในปีหน้า #เหตุยอดขายไม่ได้ดีอย่างที่คิด หลายสาขาตั้งใกล้กัน-แย่งลูกค้ากันเอง โดยระบุว่าจะทยอยปิดสาขาในเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เพื่อทำให้ผลประกอบการของแบรนด์ดีขึ้น!!

Source : https://brandinside.asia/starbucks-closing-150-stores-2019/

แผนการปิดสาขาจำนวน 150 แห่งของ Starbucks ในครั้งนี้ ถือเป็นอัตราการปิดสาขาที่สูงกว่าปกติถึง 3 เท่า

ทั้งนี้ จากยอดขายทั่วโลกของ Starbucks ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 เพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น ในขณะที่ Wall Street คาดไว้ว่าน่าจะโตได้ถึง 3% โดย Kevin Johnson ซีอีโอของบริษัท บอกว่า “ผลประกอบการในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนศักยภาพของแบรนด์ เราต้องขยับตัวเร็วกว่านี้เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความต้องการของลูกค้า”

อนึ่ง นอกจากแผนการลดต้นทุนสาขาในเขตเมืองแล้ว Starbucks มีแผนที่จะเพิ่มยอดขายของแบรนด์ด้วยการเพิ่มเครื่องดื่มสายสุขภาพ เช่น เครื่องดื่มชาเย็นที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อตอบรับกับกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภคในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม สาขาของ Starbucks ในระดับโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มียอดขายเติบโตอย่างมากในช่วงที่ 2-3 ปีผ่านมา.

 

MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว อันตรายขั้นสุด!! งานวิจัยท้องถิ่นเผย หนองบัวลำภูจังหวัดเดียวพบผู้ป่วยโรคเนื้อเน่าระหว่างปี 56-60 สะสมสูงถึง 1,065 ราย เกือบ 10% ของผู้ป่วยจะพิการหรือเสียชีวิต #การเจ็บป่วยในพื้นที่สัมพันธ์กับปริมาณการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชเกินอัตราแนะนำ โดยระบุพบทั้งจังหวัดใช้ 'พาราควอต' เยอะมาก 8 แสนลิตรต่อปี!!

Source : https://www.tcijthai.com/news/2018/4/scoop/7889

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายส่งเสริมวิจัยท้องถิ่น จ.หนองบัวลำภู ร่วมกับนักวิจัยท้องถิ่น ได้ทำการวิจัยในพื้นที่ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เนื่องจากเห็นผลกระทบด้านสุขภาพตัวเลขการเจ็บป่วยสูงและพบการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชในการทำเกษตรกรรมเกินอัตรากำหนด 4-8 เท่า โดยคาดการณ์กันว่าในพื้นที่ อ.สุวรรณคูหา มีการใช้ ‘พาราควอต’ มากกว่า 3 แสนลิตรต่อปี โดยทั้ง จ.หนองบัวลำภูมีการใช้มากกว่า 8 แสนลิตรต่อปีเลยทีเดียว

อนึ่ง หนองบัวลำภูมีผู้ป่วย 'โรคเนื้อเน่า' (Necrotizing fasciitis) เฉพาะโรงพยาบาล จ.หนองบัวลำภู นับตั้งแต่ปี 2553 มีผู้ป่วยไม่ต่ำกว่าปีละ 120 คน และเกือบร้อยละ10 ของผู้ป่วยจะพิการและเสียชีวิต โดยสถิติทั้งจังหวัดมีผู้ป่วยโรคเนื้อเน่าสะสมระหว่างปี 2556-2560 จำนวน 1,065 คน และพบผู้ป่วยโรคผิวหนังมากสุดช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามักมีการสัมผัสกับน้ำในลำน้ำ นาข้าว หรืออ่างเก็บน้ำเป็นเวลานาน หลายรายมีบาดแผลในบริเวณแขน ขา จากการทำงานและไปล้างตัวในแหล่งน้ำที่รองรับสารเคมีทางการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมเกษตรกรใช้สารเคมีในห้วงเวลาดังกล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูล ‘โครงการวิจัยกระบวนการพัฒนาและขับเคลื่อนธรรมนูญชุมชนประเด็นสารเคมีเกษตร’ โดยณรงฤทธิ์ จันทรนาหว้าและคณะ ที่ได้ทำการศึกษาในพื้นที่ ต.นาดี อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู พบว่า #การเจ็บป่วยมีความสัมพันธ์กับปริมาณการใช้สารเคมี #โดยหมู่บ้านที่ใช้สารเคมีในปริมาณมากจะมีจำนวนผู้ป่วยทุกประเภทหรือได้รับผลกระทบมาก เช่น หมู่ที่ 13 มีการใช้สารเคมี 7,372 ลิตร มีจำนวนผู้ป่วยทุกชนิดสูงถึง 272 ราย เทียบกับหมู่บ้านที่ใช้ปริมาณสารเคมีจำนวนน้อย หมู่ที่ 7 ใช้สารเคมีจำนวน 1,510 ลิตร มีจำนวนผู้ป่วยเพียง 88 คน

ด้าน รศ.ดร.พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล นักวิจัย สกว. ม.นเรศวร ได้ดำเนินการวิจัยเพื่อหาการตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู และความสัมพันธ์ของสารเคมีเหล่านี้กับการเกิดโรคเนื้อเน่าพบว่า #จากการใช้สารพาราควอตจำนวนมากเกินอัตราของเกษตรกรในพื้นที่ #ทำให้มีโอกาสการตกค้างของสารเคมีในอ่างเก็บน้ำและลำน้ำที่มีระดับความเข้มข้นสูง จนก่อให้เกิดอันตรายได้ ผลการวิเคราะห์สารเคมีตกค้างในตัวอย่างสิ่งแวดล้อมยืนยันว่า ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมที่นำมาตรวจสอบ #มีการตกค้างของสารเคมีพาราควอตในทุกตัวอย่างและอยู่ในระดับความเข้มข้นสูง ในขณะที่มีการตรวจพบสารเคมีทางการเกษตรชนิดอื่นๆ ในปริมาณต่ำมาก จึงมีแนวโน้มว่าแหล่งน้ำทั้งอ่างเก็บน้ำและลำน้ำในพื้นที่มีทั้งสารเคมีพาราควอตและเชื้อแบคทีเรียก่อโรคเหล่านี้ปนเปื้อนอยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ ต้องมีงานวิจัยทางการแพทย์ระบุถึงความเชื่อมโยงของปัจจัยในการเกิดโรคทั้งสองส่วนต่อไป.

 

ย่อโลก

#ศาลเกาหลีใต้ตัดสิน
#ฆ่าสุนัขเพื่อกินเนื้อผิดกฎหมาย

หลังจากเมื่อปีที่แล้วกลุ่มสิทธิสัตว์อย่างแคร์ (Care) ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อเจ้าของฟาร์มเนื้อสุนัขคนหนึ่งในเมืองพูชอนด้วยข้อกล่าวหาฆ่าสัตว์โดยปราศจากเหตุผลที่เหมาะสม รวมถึงละเมิดกฎหมายสิ่งปลูกสร้างและสุขอนามัย ล่าสุด ศาลในเมืองพูชอนได้ตัดสินให้ปรับชายคนนี้เป็นเงินกว่า 86,000 บาท โดยชี้ว่าการกินเนื้อสุนัขไม่ใช่เหตุผลที่จะทำสามารถฆ่าสุนัขได้ ซึ่งเจ้าของฟาร์มเนื้อสุนัขตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์
.
.
คำตัดสินให้การฆ่าสุนัขเพื่อกินเนื้อเป็นเรื่องผิดกฎหมายของศาลครั้งนี้ถูกมองเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับเกาหลีใต้ที่ยังมีคนบางกลุ่มบริโภคเนื้อสุนัขโดยถือเป็นวัฒนธรรมที่ปฏิบัติมาอย่างยาวนาน แม้ความนิยมดังกล่าวจะลดลงต่อเนื่องจากทัศนคติในสังคมที่เปลี่ยนไปจากการมองว่าสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง เป็นเพื่อนของมนุษย์มากกว่าเป็นสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อกินเนื้อ รวมถึงการกดดันของนักกิจกรรมเพื่อสิทธิสัตว์และคนรักสัตว์ที่ต้องการให้แบนการกินเนื้อสุนัข โดยกลุ่มแคร์ซึ่งแสดงความยินดีต่อคำตัดสินนี้ระบุว่าศาลตัดสินตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแต่เพิ่งเผยรายละเอียดในสัปดาห์นี้ และหวังว่านี่จะปูทางไปสู่การทำให้การบริโภคเนื้อสุนัขกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ขณะที่ก่อนหน้านี้ สมาชิกผู้แทนราษฎรจากพรคประชาธิปไตยเกาหลีซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้เสนอร่างกฎหมายห้ามกินเนื้อสุนัขเข้าสู่สภา
.
.
อย่างไรก็ตาม คำตัดสินของศาลได้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาเจ้าของฟาร์มเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 17,000 แห่งทั่วประเทศ ผู้แทนของสมาคมฟาร์มเนื้อสุนัขเรียกร้องให้รัฐบาลรับรองให้การบริโภคเนื้อสุนัขเป็นเรื่องถูกกฎหมายชัดเจน โดยระบุว่าต้องแยกสุนัขสำหรับการบริโภคออกจากสุนัขเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงเพราะพวกมันเป็นคนละสายพันธุ์ ถูกเลี้ยงดูด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน พร้อมตั้งคำถามว่ามีการเลี้ยงวัว หมู เป็ดและไก่เพื่อการบริโภคได้ แล้วทำไมถึงเลี้ยงสุนัขเพื่อกินเนื้อไม่ได้

#ย่อโลก

 

Visudhi Punya

นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
บริเวณชายหาดฝั่งอ่าวไทยด้านภาคใต้
ตั้งแต่บางสะพานน้อย ประจวบคีรีขันธ์
สุราษฎร์ธานี สงขลา และ ปัตตานี

ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้
มิได้เกิดที่ไทยเท่านั้น
แต่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว
ในหลายๆส่วนของโลก

สิ่งที่ทำให้หลายคนกังวลใจก็คือ

1.เมื่อยามน้ำลง
น้ำทะเลหายออกไปจากชายฝั่ง
ไกลออกไปมากกว่าเดิมจนผิดปกติ
จากที่เคยเป็น

2.น้ำทะเลแห้งลงหายไปจากฝั่ง
เป็นเวลานานกว่าช่วงเวลาน้ำลงปกติ
ที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน

ปลา ปู กุ้ง หอย
ถอยตามน้ำทะเลลงไม่ทัน
จึงกลายเป็นเหยื่อของมนุษย์
ที่ฉวยโอกาสนี้ทำตัวเป็นชาวประมง

ตัวดีๆพวกเขาก็จะคัดเก็บไว้
ส่วนตัวที่เน่าแล้วแห้งแล้วเพราะตายแล้ว
ก็จะถูกชาวประมง (สมัครเล่น) คัดทิ้ง!

3.เมื่อน้ำทะเลแห้งลงนานเกินไป
จึงทำให้ปะการังตายเป็นจำนวนมาก
เพราะขาดน้ำ ขาดอาหาร ขาดออกซิเจน
และถูกแดดร้อนๆเผาจนตาย

เพราะปะการังเป็นสิ่งมีชีวิต
ที่ตายเป็นเหมือนกัน
เมื่อตายก็จะกลายเป็น
ปะการังฟอกขาวนั่นแหละนะ

สิ่งที่เกิดขึ้น 3 ประการนี้
เป็นปรากฏการณ์ที่
ผิดแผกแตกต่างไปจาก
ช่วงเวลาน้ำลงปกติจากที่เคยเป็นมา

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราชี้นำปรากฏการณ์นี้ให้ท่านดู
แล้วตั้งข้อสังเกตให้ท่านเห็นว่า
มัน "ไม่ปกติ"

จงอย่าเชื่อตามคนที่เขายังโง่อยู่
ที่เขาจะมาบอกต่อท่านทั้งหลายว่า

1.น้ำทะเลแห้งหายไปตามภาพที่เห็น
เกิดจากดวงจันทร์ข้างแรมตามปกติ
ทำเป็นตื่นเต้นกันไปได้

มันบางคนที่ทำตัวเป็นควาย
จึงแถเข้ามาบอกแกมเยาะเย้ยพวกท่าน
ด้วยปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมว่า
ทำไมพวกเราโง่จัง
ไม่รู้จักไปถามดวงจันทร์ดู

โดยที่มันไม่รู้ว่า
ครูอย่างเราเป็น King of the Universe
ที่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของมันเอง
ทรงประทานพระเกียรติยศให้ด้วยซ้ำ

ยังมีอะไรในจักรวาลนี้ด้วยหรือ
ถ้าเราอยากรู้ในสิ่งที่สมควรจะต้องรู้
แล้วพระบิดาจะไม่ทรงเมตตา
กล่าวความจริงนั้นต่อเรา

2.บางคนทำเป็นอวดรู้
ทำตัวเป็นนักวิชาเกินจนรู้มันไปทุกเรื่อง
ทั้งๆที่เป็นแค่ความคิดความเชื่อส่วนตัว
แล้วเอามาบอกพวกท่านเป็นตุเป็นตะ

เช่น ออกมาบอกว่า
ที่น้ำทะเลแห้งผิดปกตินี้
มันเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ในรอบ 20 ปีต่อครั้ง

ช่วยถามเขาด้วยว่า
เอาหลักฐานที่เคยเกิดขึ้นทั่วโลกลักษณะนี้
เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมาให้เราดูหน่อยว่า
มันเกิดมาแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อนน่ะ
มันเกิดที่ไหนบ้าง ขอตัวอย่างหน่อยนะ

3.บางคนทำเป็นอวดรู้อุตริมากกว่านี้อีก
ก็อยู่ในคราบนักวิชาการบางคนเหมือนกัน

คนบางคน (บางคนนะ) ก็มีส่วนอย่างมาก
ที่ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อตาม
เพราะเห็นว่าเป็นนักวิชาการ
ที่ทำมาหากินอยู่กับวิชาการ

เขาจะบอกท่านทั้งหลายว่า
ปรากฏการณ์น้ำทะเลหายไปเมื่อน้ำลง
เป็นเพราะสาเหตุ 2 อย่างร่วมกัน คือ

#หนึ่ง
เพราะอิทธิพลของข้างแรม
ดวงจันทร์ไม่มีแรงดึงดูดให้น้ำขึ้น
(อันนี้จริงของเขา เด็กประถมก็รู้)

#สอง
เพราะอิทธิพลของลมมรสุม
พัดพาให้น้ำถอยห่างไปจากฝั่ง

พอเกิดเหตุการณ์ 1+2 ร่วมกัน
จึงทำให้น้ำทะเลแห้งหายไปจากฝั่ง
มากกว่าช่วงเวลาปกติ

เราก็ขอฝากถาม
นักวิชาเกินคนที่บอกกล่าวคนนั้นด้วยว่า
ที่ออกมาบอกชาวบ้านอย่างนี้

มันเป็น "ความจริงที่จริงแท้" แน่นอน
หรือมันเป็นแค่ "ความเชื่อส่วนตัว" ของเขา
และมีข้อสรุปทางวิชาการตรงไหน
หรือมีใครกันที่เป็นผู้ยืนยันแล้วว่า
เหตุผลที่เขายกมาบอกกล่าวต่อชาวบ้านนี้
มันเชื่อถือได้จริงๆ เอาหลักฐานมา

กรุณาบอกให้ชัดเจนด้วย
อย่าดีแต่หลอกให้คนเขาเชื่อ
อย่าเก่งแต่วิจารณ์พวกเรา
โดยชอบด่าเราออกทีวีเพราะอยากดัง

โปรดสงสารคนที่เขายังต้องการ
พัฒนาจิตตปัญญากันบ้าง
จงอย่าอยากดังด้วยการเหยียบย่ำคนอื่น
จงอย่าสร้างความดังความรวยให้ตนเอง
ด้วยการใช้ความโง่งมงายของคนอื่น
เป็นเหยื่อล่ออีกต่อไปเลยนะ

เป็นนักวิชาการ
ไม่จำเป็นต้องสู่รู้ไปทุกเรื่องหรอกนะ
อะไรไม่รู้ก็บอกชาวบ้านว่าไม่รู้
มันจะไปเสียหายเสียฟอร์มตรงไหนกัน

ชอบเอาความไม่รู้ของตน
ไปเที่ยวโจมตีคนอื่นน่ะเลิกเถอะนะ
หากินวิธีนี้ไม่ได้นานหรอก
เพราะชาวบ้านเขาฉลาดขึ้นทุกวัน

แต่ตอนนี้น่ะ
สงสารพี่ๆน้องๆคนไทยด้วยกันบ้าง
มาช่วยกันติดอาวุุธทางปัญญาให้สังคม
ดีกว่ามาข่มพวกเขาให้งมงายตาม
โดยเก็บงำความฉลาดเอาไว้คนเดียว

ประเทศไทยจะเจริญได้มากกว่านี้
ถ้ามีคนฉลาดใช้ปัญญา
กันสักค่อนประเทศ

ดีกว่ามีคนที่รู้มากแต่ไร้สติปัญญา
เพียงกลุ่มเดียว
ที่ยกตนเป็นนักวิชาการเทียมๆ
แล้วเข้ามาก้าวล่วงพวกเราบ้าง
กล่าวร้ายต่อเราทางสื่อบ้าง
ทำให้นักวิชาการที่เขาดีๆที่มีอยู่มาก
ต้องมาพลอยเสื่อมเสีย
กับพวกเทียมๆนี้ไปกับเขาด้วย

เราจึงขออภัยท่านนักวิชาการที่ดีๆ
มา ณ ที่นี้ด้วย

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-06-2018

 

สหรัฐอเมริกา - เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวหาบรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชนขัดขวางความพยายามเปลี่ยนแปลงคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและมีส่วนทำให้วอชิงตันถอนตัวจากองค์กรแห่งนี้

 

ชุมพร - ชาวสวนมะพร้าว โอด ยุค คสช.คืนความสุขให้ประชาชน ราคามะพร้าวดิ่งเหว เดือดร้อนทั่วหน้า แถมพ่อค้าไม่รับซื้อเหตุนำเข้าจากต่างประเทศจำนวนมาก แกนนำเตรียมระดมพลทั่วประเทศบุกทำเนียบเรียกร้องนายกรัฐมนตรีช่วยเหลือ

 

พระนครศรีอยุธยา- ชาวบ้าน ม.7 บ้านกุ่ม อำเภอบางบาล นอนผวา หลังตลิ่งทรุดตัวอีกแล้ว กลัวจะไม่มีที่ซุกหัวนอน วอนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ ก่อนชาวบ้านจะไม่เหลืออะไร

 

"บิ๊กตู่" แจงมีรับสั่งพระราชพิธีราชาภิเษกจัดเรียบง่าย - ราชินี ร.9 มีพระพลานามัยแข็งแรงดี

 

กรุงเทพฯอย่าประมาท! นักวิจัยชี้ธรณีพิโรธโอซาก้า มีจุดเสี่ยงเหมือนกทม.ตรงที่มีแอ่งดินตะกอนลึกคล้ายกัน ส่งผลการสั่นไหวรุนแรงเกินคาด 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 14:45 น.

19มิ.ย.61-นักวิชาการแผ่นดินไหว สกว.วิเคราะห์ธรณีพิโรธที่โอซากา ทั้งที่มีความแรงระดับปานกลาง แต่กลับมีผลรุนแรงมาก เหตุเกิดจากรอยเลื่อนมีพลังที่ซ่อนตัวอยู่ และสภาพพื้นที่เป็นแอ่งตะกอนขนาดใหญ่ลึก1กม.คล้ายแอ่งในกรุงเทพฯ ทำให้คลื่นแผ่นดินไหวถูกขยายตัวได้อีกหลายเท่า อัตราเร่งพื้นดินมีค่า 20 แรงจี เตือนไทยไม่ควรมาท เร่งสำรวจและให้ความรู้เตรียมพร้อมรับมือ


ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร และนักวิจัยชุดโครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยถึงสาเหตุการเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวที่โอซากา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยมีผู้เคราะห์ร้ายถูกฝาผนังบ้านล้มทับจนเสียชีวิต ว่าผนังหรือกำแพงที่ก่อสร้างจากอิฐบล็อกหรือคอนกรีตบล็อกอาจก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการเสริมเหล็กในกำแพงหรือเสริมเหล็กน้อยเกินไป จึงถือว่าเป็นจุดบกพร่องของการออกแบบและก่อสร้าง เนื่องจากอาจมองว่าไม่ใช่ส่วนของโครงสร้างที่รับน้ำหนัก ทำให้ละเลยเรื่องนี้และเกิดอันตรายขึ้น

เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่าน ๆ มา ไม่ใช่เฉพาะส่วนของโครงสร้าง คานหรือเสา เท่านั้นที่พังถล่มทับคนเสียชีวิต แต่โครงสร้างประเภทผนังอิฐ ทั้งอิฐบล็อก อิฐมอญ และคอนกรีตบล็อก ล้วนอาจเป็นอันตรายได้ทั้งสิ้น เนื่องจากโครงสร้างเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกั้นบริเวณเท่านั้น ไม่ได้ใช้รับน้ำหนัก จึงมักละเลยการเสริมเหล็กในกำแพง เมื่อมีแรงสั่นสะเทือนก็ทำให้ล้มลงมาทับคนจนเสียชีวิต ดังเช่นแผ่นดินไหวที่เชียงรายเมื่อปี 2557 มีกำแพงคอนกรีตบล็อกล้มทับคนจนพิการ ดังนั้นปัญหาผนังกำแพงไม่แข็งแรงจึงเกิดขึ้นได้ในทุกประเทศ แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีการป้องกันที่ดีก็ตาม ขณะนี้ทางการญี่ปุ่นน่าจะสั่งให้มีการสำรวจความแข็งแรงของผนังกำแพง และคงจะกำหนดมาตรการเสริมความแข็งแรงต่อไป

ขณะที่ ผศ. ดร.ภาสกร ปนานนท์ นักวิจัยในชุดโครงการเดียวกันจากภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่าประเด็นที่น่าสนใจคือเหตุใดแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง จึงก่อให้เกิดความเสียหายในประเทศที่จัดได้ว่ามีความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหวดีมากที่สุดในโลกได้ ซึ่งในมุมมองของนักวิชาการด้านแผ่นดินไหวพบว่า อันดับแรกคือแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว ในภาพใหญ่ประเทศญี่ปุ่นเป็นบริเวณที่มีการชนกันและมีการมุดกันของแผ่นเปลือกโลก ทำให้เป็นบริเวณที่มีการสะสมพลังงานจำนวนมาก และจัดเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดใกล้ ๆ กับบริเวณที่พบรอยเลื่อนมีพลังมาตัดกัน 2 แนว แนวหนึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนที่วางตัวในแนวตะวันออกเฉียงเหนือตะวันตกเฉียงใต้ที่ต่อเนื่องมาจากรอยเลื่อนที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวโกเบ ในปี 2538 ที่สร้างความเสียหายอย่างมาก ส่วนอีกแนวเป็นกลุ่มลอยเลื่อน Uemachi ที่วางตัวในแนวเกือบเหนือใต้ ซึ่งมองไม่เห็นจากบนพื้นดิน เป็นรอยเลื่อนที่ซ่อนตัวอยู่ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นแอ่งตะกอนขนาดใหญ่ แต่ทางการประเทศญี่ปุ่นได้สำรวจธรณีฟิสิกส์รอยเลื่อนดังกล่าวทำให้ทราบว่ามีรอยเลื่อนนี้อยู่จริง และเนื่องจากเป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง จึงสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ ดังนั้นแผ่นดินไหวครั้งนี้จึงไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย

อันดับต่อมาแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบได้ค่อนข้างมาก จากการศึกษาของนักวิชาการประเทศญี่ปุ่นเองทำให้ทราบว่าบริเวณนี้มีลักษณะเป็นแอ่งตะกอนขนาดใหญ่ลึกมากถึง 1 กิโลเมตร คล้ายกับแอ่งกรุงเทพฯ ของไทย จึงทำให้คลื่นแผ่นดินไหวถูกขยายตัวได้อีกหลายเท่า จากข้อมูลตรวจวัดอัตราเร่งของพื้นดิน ในรัศมีประมาณ 20 กิโลเมตรจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว พบว่าค่าอัตราเร่งของพื้นดินมีค่ามากกว่า 20% จี และมีค่ามากที่สุดกว่า 80% จี ทั้งที่การคำนวณเบื้องต้นแผ่นดินไหวครั้งนี้น่าจะมีอัตราเร่งสูงสุดประมาณ 12%จี เท่านั้น ซึ่งค่าจี (g) เป็นค่าอัตราเร่งของพื้นดิน 1 จี มีค่าเท่ากับการการตกอย่างอิสระของวัตถุ สำหรับอาคารทั่วไปที่ไม่ได้แข็งแรงมากเป็นพิเศษ ความเสียหายอาจจะเริ่มปรากฏเมื่อพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนตั้งแต่ 10%จี ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของอาคาร ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพื้นดินบริเวณนี้ขยายสัญญาณคลื่นแผ่นดินไหว 5-7 เท่า และแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ยังเกิดค่อนข้างตื้น ลึกจากพื้นดินเพียง 13 กิโลเมตร ทำให้การสั่นสะเทือนที่รุนแรงและเกิดความเสียหายมากขึ้น


นักวิจัยผู้รับทุน สกว. กล่าวว่า บทเรียนที่เราควรจะคิดถึงคือ เราทราบหรือยังว่าพื้นที่ใดของไทย โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ ๆ มีรอยเลื่อนที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้หรือไม่ โดยเฉพาะรอยเลื่อนที่ซ่อนตัวอยู่ เพราะไม่สามารถตรวจพบได้นอกจากการสำรวจธรณีฟิสิกส์ที่ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง เท่าที่ทราบในประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใดที่สำรวจรอยเลื่อนมีพลังระดับลึกด้วยวิธีการทางธรณีฟิสิกส์ เช่นการสำรวจหาน้ำมัน ดังนั้นเรายังขาดองค์ความรู้อีกมากเกี่ยวกับรอยเลื่อนขนาดใหญ่ใกล้เมือง และหากเกิดขึ้นจริงจะนำมาซึ่งความสูญเสียที่สูงมาก และอีกสิ่งหนึ่งที่แทบจะไม่ทราบเลยคือ เมืองใหญ่ของไทยที่ตั้งอยู่ในที่ราบจะได้รับผลกระทบจากชั้นตะกอนที่หนาและรูปร่างของแอ่งอย่างไร เพราะความแข็งของตะกอน ความลึกของแอ่งตะกอนและรูปร่างของแอ่งตะกอน ล้วนทำให้เกิดการขยายคลื่นแผ่นดินไหว ส่งผลให้พื้นดินสั่นแรงขึ้นและทำความเสียหายมากขึ้น เราไม่รู้แบบชัดเจนทำให้การประเมินผลกระทบจากแผ่นดินไหวทำได้ยากมาก ซึ่งจะโยงไปถึงการเตรียมความพร้อมในการรับมือแผ่นดินไหวของประเทศในอนาคต การศึกษาทางด้านนี้ให้ครอบคลุมทั้งประเทศจึงเป็นเรื่องที่สำคัญพอ ๆ กับการสำรวจรอยเลื่อนในเมืองใหญ่

ประการสุดท้ายคือ การอบรมและเตรียมความพร้อมต่อการรับมือแผ่นดินไหวของประเทศไทย ให้เอาตัวรอดได้เมื่อเกิดภัยพิบัติเป็นเรื่องสำคัญมากเท่า ๆ กับการก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ ซึ่งจะช่วยในการวางแผนรับมือแผ่นดินไหวและเกิดความสูญเสียน้อยที่สุด ถึงเวลาที่เราต้องเลิกคิดว่าประเทศไทยปลอดภัยจากแผ่นดินไหว เพราะจะทำให้เราตั้งตนอยู่ในความประมาท เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะเกิดความสูญเสียอย่างมากดังเช่นแผ่นดินไหวเชียงรายที่ผ่านมา

https://www.thaipost.net/main/detail/11663

 

UPDATE: ประยุทธ์ขึ้นปกนิตยสาร Time พาดหัวถาม จะเลือกอะไรระหว่างนักประชาธิปไตยกับเผด็จการ
.
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เตรียมขึ้นปกนิตยสาร Time ฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2018 หลังจากทำการรัฐประหารและอยู่ในอำนาจมานานกว่า 4 ปีแล้ว และประกาศเลื่อนการเลือกตั้งมาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยล่าสุด ยืนยันกับ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร ระหว่างเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นต้นปี 2019 อย่างแน่นอน ภายหลังงานเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ 10 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019
.
แท้จริงแล้ว ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ เส้นทางไหนที่นายกฯ ไทยเลือกเดินต่อจากนี้ เป็นหนึ่งในคำถามสำคัญที่ประชาคมโลกเฝ้าจับตามอง
.
พลเอก ประยุทธ์ ยังยืนยันกับ Time ว่าระบอบเผด็จการของตนเกิดขึ้นจากความไม่เต็มใจและจะอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เขายังระบุอีกว่า “ผมไม่เคยคิดเลยที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผมเลย”
.
คำถามปิดท้ายที่นิตยสาร Time ถามพลเอก ประยุทธ์ คือท้ายที่สุดหลังจากเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า คุณจะลงจากอำนาจใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีของไทยยักไหล่พร้อมตอบว่า “มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และพี่น้องประชาชน ผมควบคุมสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้อยู่แล้ว”
.
อ้างอิง:
- http://time.com/5318235/thailand-prayuth-chan-ocha/
- https://www.hrw.org/news/2018/06/20/no-red-carpet-thai-junta-leader
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#News #TheStandardCo #TheStandardTH #StandUpForThePeople

 

China Xinhua News

มีผลทันที! สหภาพยุโรปตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สหรัฐฯ สงครามการค้าปะทุทั่วโลก

วันนี้ (22 มิ.ย.) สภาพยุโรป (EU) ลั่นปืนเปิดฉากสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้าหลายชนิดของสหรัฐฯ เช่น เบอร์เบินวิสกี้ ยีนส์ และจักรยานยนต์ เพื่อตอบโต้การตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

การเรียกเก็บภาษีดังกล่าวมีผลเมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา และจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกที่กำลังอยู่ในภาวะอันตรายอยู่แล้ว สืบเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

หน่วยงานด้านศุลกากรทั่วตลาดมหึมาของสภาพยุโรปซึ่งมีประชากรราว 500 ล้านคน จะดำเนินการกำหนดภาษีดังกล่าวทันที ส่งผลให้ราคาสินค้าที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ทั้งหมดพุ่งสูงขึ้น

ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ตั้งกำแพงภาษีกับเม็กซิโกและแคนาดา ทั้งหมดนี้ส่งผลให้สงครามการค้าปะทุขึ้นทั่วโลก สร้างความหวาดกลัวให้กับตลาดการเงินซึ่งจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลก เพราะสงครามการค้าเริ่มขึ้นและมีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากสินค้าที่กล่าวมาด้านบนแล้ว แครนเบอร์รี น้ำแครนเบอร์รี น้ำส้ม ข้าวโพดหวาน และเนยถั่วก็อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ตั้งเป้าหมายเรียกเก็บภาษีครั้งนี้ด้วย อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์อื่น เช่น ผ้าปูที่นอน รองเท้าหนังผู้ชาย เครื่องสำอางตกแต่งดวงตา และลิปสติก

 

China Xinhua News

ส่งนางฟ้าตัวน้อยกลับสวรรค์…อวัยวะของเด็กหญิงวัย 4 ขวบต่อลมหายใจให้ 5 ชีวิต

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา “จิ่วเยวี่ย” หนูน้อยวัยสี่ขวบครึ่งชาวเมืองชิงเต่าได้จากโลกนี้ไปด้วยโรคทางระบบประสาท โดยอวัยวะของเธอประกอบด้วย ไตทั้งสองข้าง ตับ และกระจกตาถูกบริจาคให้กับผู้ป่วยเด็กอีก 5 ชีวิต ในคลิปมีตอนหนึ่งที่เธอเกี่ยวก้อยสัญญากับแม่ว่าตนจะช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆ ทำให้ชาวเน็ตจีนร่วมแสดงความเสียใจพร้อมขอให้หนูน้อยไปสู่สุคติ

 

China Xinhua News

พร้อมร่วมปฏิบัติการ! ผู้ช่วยนักบินอวกาศ AI ตัวแรกของโลก

เมื่อเร็วๆนี้ นักบินอวกาศได้เริ่มทำความรู้จักกับสมาชิกใหม่ที่มีชื่อว่า “Cimon” ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถือเป็นโดรนอัจฉริยะบินได้ ที่มีรูปร่างเหมือนลูกบอล และมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม

หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถตอบโต้กับเพื่อนร่วมงานได้ ด้วยใบหน้าและเสียงแบบดิจิทัล และมีกำหนดการจะเข้าร่วมปฏิบัติการกับนักบินอวกาศชาวยุโรปที่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) อย่างเป็นทางการภายในปีนี้

 

China Xinhua News

ตุรกีตบเท้าเข้าขบวน เริ่มเก็บภาษีโต้กลับสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 266 ล้านดอล

วานนี้ (21 มิ.ย.) ตุรกีวางแผนใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษีศุลกากรต่อสหรัฐฯ โดยคิดเป็นมูลค่า 266.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังวอชิงตันกำหนดกำแพงภาษีเหล็กที่ "ไม่ชาญฉลาด" และ "ไม่สามารถรับได้" นิฮัท เซเบกซิ (Nihat Zeybekci) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจตุรกีกล่าว

ภาษีศุลกากรจะถูกกำหนดต่อถ่านหิน กระดาษวอลนัท/อัลมอนด์ ยาสูบ ข้าวเปลือก วิสกี้ รถยนต์ เครื่องสำอาง อุปกรณ์เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่นำเข้าจากสหรัฐฯ

เขากล่าวว่า "ภาระภาษีศุลกากรทั้งหมดที่ตุรกีกำหนดต่อสหรัฐฯ นั้นมีความสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ตุรกีต้องเผชิญจากภาษีศุลกากรที่กำหนดโดยสหรัฐฯ"

"มาตรการเหล่านี้กำหนดตามสัดส่วน สามารถวัดได้ และออกแบบมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตุรกี ในขณะเดียวกันเราก็สนับสนุนให้มีการเจรจา"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจกำหนดภาษีต่อเหล็กนำเข้า ที่ร้อยละ 25 และร้อยละ 10 สำหรับอลูมิเนียมนำเข้า ส่งผลให้เกิดการวิจารณ์จากประเทศอื่นๆ ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามการค้าทั่วโลก

ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ถูกกำหนดขึ้นต่อยุโรป แคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดเจ้าหนึ่งของสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน หลังสิ้นสุดช่วงเวลายกเว้นชั่วคราว

สหรัฐฯ เป็นประเทศปลายทางการส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของตุรกี โดยในปร 2017 มีปริมาณการค้าสินค้าที่ 2 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ตุรกียังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าอันเข้มแข็งระหว่างกันกับสหรัฐฯ นิฮัทกล่าว

 

China Xinhua News

รัสเซียลั่น! พร้อมตอบโต้กองกำลังหนุนนาโต้อย่าง “เท่าเทียม”

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 มิ.ย.) กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้กล่าวหาว่า องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังดำเนินงานเสริมกองกำลังรบ บริเวณใกล้ชายแดนของรัสเซีย พร้อมประกาศเตือนว่ามอสโกจะใช้มาตรการที่คล้ายคลึงกัน เพื่อโต้ตอบการดำเนินงานของนาโต

"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มสมาชิกของนาโต้ได้ดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารครั้งใหญ่ถึง 13 ครั้งในเขตยุทธศาสตร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีทหารกว่า 40,000 นายเข้าร่วม และมียุทโธปกรณ์ทางทหารกว่า 2,000 ชิ้นที่ถูกนำมาใช้" พลเอกเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวในที่ประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงกลาโหม ที่จัดขึ้นในเมืองเซวัสโตปอล คาบสมุทรไครเมีย

"สิ่งที่เกิดขึ้นบังคับให้เราต้องใช้มาตรการที่เท่าเทียมกัน เพื่อต่อต้านภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้น อีกทั้งต้องกำหนดมาตรการป้องกันเชิงกลยุทธ์ และฝึกซ้อมให้เกิดความพร้อมรบมากยิ่งขึ้น" พลเอกกล่าว

เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการรุกรานของรัสเซียที่ถูกกล่าวหาเพิ่มมากขึ้นในหมู่ประเทศบอลติกและโปแลนด์

พลเอกเซอร์เกย์ ชอยกูยังกล่าวเสริมอีกว่า ข้อความและข่าวต่อต้านรัสเซียต่างๆ ทำให้ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา จำนวนพลทหารของนาโตในทะเลบอลติก โปแลนด์ โรมาเนีย และบัลแกเรียเพิ่มขึ้นจาก 2,000 กลายเป็น 15,000 คน และพลทหารที่มาเข้าร่วมการฝึกซ้อมในหนึ่งครั้ง ก็มากถึง 40,000 - 60,000 คนเลยทีเดียว

 

เจาะลึกตะวันออกกลาง

#มาเลย์เมินอิทธิพลซาอุ_ผงาดจับมือเลบานอน!!!

รมว.กลาโหมมาเลย์เยือนเลบานอน หลังประกาศจะถอนกำลังจากพันธมิตรต้านเยเมนของซาอุดิอารเบีย

รัฐบาลใหม่ถอดด้ามของมาเลเซียโดยการนำของเฒ่าการเมืองอย่างมหาเธร์ มุฮัมมัด กำลังดำเนินการทางการเมืองให้ประเทศเป็นอิสระจาก #อิทธิพลเปโตรดอลลาร์ของซาอุ ที่เคยแผ่อิทธิพลครอบคลุมมาเลเซียในยุคของ นาจิบ ราซัค (ผ่านการติดสินบนระดับอภิมหาศาล)

มหาเธร์ เดินเกมระหว่างประเทศเฉียบแหลม เน้นถ่วงดุลอำนาจเพื่อประโยชน์ของชาติอย่างเต็มเปี่ยม ล่าสุดส่ง รมว.กลาโหม นายมุฮัมมัด ซาบูไปเยือนเลบานอน ประเทศที่มีอำนาจต่อรองกับฝ่ายมะกันมากที่สุดประเทศหนึ่ง ( สืบเนื่องจากอำนาจต่อรองของเฮซบอลเลาะห์ต่ออิสราเอล)

ดูท่าทาง มาเลย์เตรียมถ่วงดุลอำนาจระหว่างสองขั้วโดยไม่ตกเป็นเบี้ยล่างเหมือนที่ผ่านมา การเตรียมถอนตัวจากพันธมิตรซาอุถล่มเยเมนก็ดี การเยือนเลบานอนของ รมว.กลาโหมมาเลย์ก็ดี การปรับนโยบายลดความแข็งกร้าวต่อฝ่ายอิหร่านก็ดี...

...#ล้วนเป็นสิ่งที่อิสราเอลและมะกันจับตาเขม็งแน่นอน!!!

โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่สถานการณ์เยเมนกำลังร้อน และสถานการณ์ชายแดนอิสราเอล - ซีเรียใกล้ปะทุ

เสือแห่งเอเซียเริ่มกระโจนผงาดในเวทีโลกแล้ว ทางรัฐบาลไทยควรมองเป็นโอกาสเชื่อมสัมพันธ์ในอนาคตครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับการถอนทหารมาเลย์:
https://www.aa.com.tr/en/asia-pacific/malaysia-to-withdraw-troops-from-saudi-arabia-official/1180310

...........................
เพจเจาะลึกตะวันออกกลาง

ขอบพระคุณที่ติดตาม กดไลค์ แสดงความคิดเห็น และร่วมกันแชร์ครับ