ราคาพิเศษ ก่อนหมดอายุ PREMIUM, ปรับราคาครั้งสุดท้ายแล้วครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 6 กรกฎาคม 2018.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ราคาพิเศษ ก่อนหมดอายุ PREMIUM (หมดอายุ PREMIUM วันที่ 23 กันยายน 2561)

    พระเครื่องและวัตถุมงคลที่ให้เช่าบูชา รับประกันแท้ 100%

    จองได้ 5 วันครับ

    ราคาบูชารวมค่าจัดส่งแล้ว

    ธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 129-5-235657 ชื่อบัญชี เมธา รุ่งพัฒนพันธ์

    ติดต่อหาผมได้ที่ มือถือ 081-2670895

    เมธา.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2018
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ดอก1 ด้าน1-33.jpg
    ดอก1 ด้าน2-11.jpg
    1.ตะกรุดคอแมว (เชือกแดง) หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร วัดบุ้งขี้เหล็ก อุบลราชธานี ราคาพิเศษบูชา 1,450 บาท

    ตะกรุดคอแมว (เชือกแดง) รุ่นแรกๆ อันโด่งดัง หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร สุดยอดประสบการณ์ หายากครับ สภาพสวยเดิมๆ จากวัด ไม่เคยผ่านการใช้งาน

    หลวงปู่จันทร์หอม วัดบุ่งขี้เหล็ก ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี

    "เจ้าตำรับตะกรุดคงกะพันมหาอุตม์แห่งแดนอีสาน"

    หลวงปู่จันทร์หอม พระเกจิชื่อดังในสายสำเร็จลุน เป็นศิษย์เอกสำเร็จตันผู้เก่งกาจ วิชาของหลวงปู่จันทร์หอมถือได้ว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ในสายของสำเร็จลุน

    หลวงปู่จันทร์หอมท่านเป็นศิษย์สมเด็จลุน ยุคสุดท้ายท่านมีโอกาสได้ศึกษาวิชากับสมเด็จลุนโดยตรงเนื่องจากท่านเป็นหลานของสำเร็จตัน

    ตะกรุดยุคแรกๆท่านจะจารมือให้รอรับได้เลย ก่อนเอาไปถ้าเป็นทหารตำรวจท่านให้ลองก่อนโดยทำเสร็จท่านผูกคอแมวที่ท่านเลี้ยงไว้แล้วให้ยิง ไม่มีออกครับ นี่คือตะกรุดที่สร้างชื่อให้ท่านจากนั้นท่านก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

    ถึงขนาดมีคำพูดกันว่า "ในอุบลราชธานีปัจจุบันนี้มีสิงห์เหนือเสือใต้" กล่าวคือ สิงห์เหนือได้แก่หลวงปู่คำบุซึ่งมีชื่อเสียงแถบพิบูลมังสาหาร ตาลสุม ส่วนเสือใต้ก็คือหลวงปู่จันทร์หอมนั่นเองที่มีชื่อเสียงในละแวก เขมราฐ วารินชำราบ

    หลวงปู่จันทร์หอม คือพระเกจิอาจารย์ ที่อ.หม่อม นิรนามไตรภูมิ ผู้สร้างเหรียญมหายันต์พระนเรศวร-กรมหลวงชุมพร ให้เคารพนับถือเป็นอย่างมาก

    ปัจจุบัน ตะกรุดของหลวงปู่จันทร์หอม หาได้ยากแล้วครับ

    ใครชอบของเหนียว มหาอุตม์ เก็บได้เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%99-jpg.jpg

    หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร ถือกำเนิดเมื่อ เดือน 5 ปี มะโรง พุทธศักราช 2459 (โดยสมัยนั้นยังไม่มีการจดบันทึกวันเดือนปีเกิด ทางคณะศิษย์ยานุศิษย์จึงขอให้วันที่ 1 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิด เพื่อมุฑิตาจิตต่อองค์หลวงปู่)

    เกิดที่บ้านนาเอือด อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี โดยสมัยนั้นการเดินทางไปประเทศลาวยังสะดวก ไม่ยุ่งยากดังเช่นปัจจุบัน ฉะนั้นคนในหมู่บ้านนาเอือด และครอบครัวหลวงปู่จึงอพยพไปอยู่ยังประเทศลาว

    เนื่องจากมีพื้นที่เหมาะแก่การเพราะปลูก โดยครอบครัวหลวงปู่และญาติอีก 2 ครัวเรือนได้จับจองพื่นที่ ณ ตีนเขาลูกหนึ่งประกอบอาชีพทำนาทำไร่

    ซึ่งในทุกๆ วันจะมีพระรูปหนึ่ง พระรูปนี้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโยมพ่อของหลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่หลังเขาจะเทียวมาบิณฑบาตร โปรดทั้ง 3 ครอบครัวอยู่เสมอ ซึ่งพระรูปนั้นก็คือ “สำเร็จตัน” ศิษย์แห่งองค์สมเด็จลุน นั้นเอง

    บวชตั้งแต่เด็กรับใช้พระพุทธศาสนาตลอดชีวิต

    เมื่อหลวงปู่จันทร์หอม มีอายุได้ 12 ปี สำเร็จตันจึงขอพาไปรับใช้อุปฐาก และสอนสั่งหนังสือให้ หลวงปู่จันทร์หอม ขณะนั้นยังเป็นเด็กมีความซุกซนอยากรู้อยากเห็น

    เมื่อไปอยู่กับสำเร็จตัน วันๆหนึ่งวิ่งเล่นอะไรก็ไม่ได้ มีแต่ท่องจำหนังสือ จึงเกิดความเบื่อหน่ายหนีกลับมาหาพ่อแม่ที่บ้าน แต่สำเร็จตันก็กลับมาตามรับตัวเอาไปอีก

    เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง จนสำเร็จตันคิดว่าอยู่ใกล้พ่อแม่ไม่ได้แล้ว จึงพาหลวงปู่จันทร์หอมขึ้นภูเขาควาย ไปอยู่ในถ้ำบวชนุ่งขาวหุ่มขาว ถือศีล 8 สอนหนังสือ ปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ทำตามก็จะถูกตีด้วยไม้เรียว ผ้าขาวน้อยจันทร์หอมในขณะนั้นไม่มีทางเลือก จะหนีกลับก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ทาง จึงจำใจร่ำเรียนปฏิบัติตามคำสั่งสอนทุกบรรทัดอย่างเคร่งครัด

    ศึกษาอยู่นานราว 2 ปี จนมีความประพฤติใช้ได้ สำเร็จตันจึงบวชเรียนให้ ขณะนั้นหลวงปู่จันทร์หอมมีอายุได้ 14 ปี บวชตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบันนี้ไม่เคยสึกเลย


    a3-25e0-25b8-25a2-25e0-25b9-258c-25e0-25b9-2583-25e0-25b8-25ab-25e0-25b8-258d-25e0-25b9-2588-jpg.jpg

    พบปรมาจารย์ใหญ่องค์สมเด็จลุน


    เมื่อบวชเณรได้ไม่นานนัก สำเร็จตันก็พามาพบสมเด็จลุนที่ภูมะโมง ได้กราบนมัสการฝากตัวเป็นศิษย์ อยู่ปฏิบัติธรรมและศึกษาไสยเวทกับสมเด็จลุน โดยเฉพาะวิชาธรรมธาตุจนแตกฉาน รวมระยะเวลาอยู่กับสมเด็จลุนประมาณ 5 ปี

    ต่อมาสำเร็จตันจึงพากราบลานมัสการสมเด็จลุน ออกเดินทางวิเวกธุดงในป่าเขาเพื่อหาประสบการณ์ในสัจธรรมเป็นเวลากว่า 2 ปี ขณะนั้นอายุ 20 ปี สำเร็จตันจึงพาออกจากป่ามาบวชพระ

    เมื่อบวชพระแล้วพระภิกษุจันทร์หอม มีความคิดที่จะเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ได้ขออนุญาตสำเร็จตัน เมื่อสำเร็จตันอนุญาตจึงออกเดินทางไปเรียนในสำนักปริยัติธรรม จนจบ ป.ธ.4 ใช้เวลาปริยัติธรรมถึง 8 ปี

    เมื่อเรียนรู้หลักทางปริยัติธรรมพอสมควร จึงได้ข้อคิดว่าแท้จริงแล้วหลักพระธรรมคำสั่งสอน จะรู้แจ้งเห็นจริงตัวเราเองต้องปฏิบัติเองถึงจะเห็นผล ประกอบกับหลวงปู่ไม่ยินดีอยู่ในเมืองที่วุ่นวาย และไม่ยินดีในตำแหน่งปกครองที่ทางคณะสงฆ์จะมอบให้ จึงหันหลังเข้าสู่ป่าธุดงค์ขึ้นภูมะโรงซึ่งมีความสัปปายะวิเวกถูกจริตกับหลวงปู่อย่างมาก

    เหตุที่มาอยู่ประเทศไทย

    ในสมัยประเทศลาวเกิดสงครามสู้รบขึ้นภายในประเทศขณะนั้นน้องชายหลวงปู่เป็นทหารยศร้อยโทออกสนามรบ ได้หายตัวไปจากกองร้อยอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนเข้าใจว่าตายไปแล้ว แต่ความเป็นห่วงพ่อแม่ของพ่อแม่ จึงได้พูดกับหลวงปู่ว่าถึงอย่างไรให้สืบหาน้องให้รู้ ถ้าตายอยู่ที่ไหนพอเก็บกระดูกได้ ก็ให้เก็บกระดูกน้องมาทำบุญด้วย

    ต่อมาเมื่อสถารการณ์ในบ้านเมืองเข้าสู่ปกติ ประเทศไทย-ลาว สามารถไปมาหาสู่กันได้เป็นปกติและได้ยินข่าวว่าน้องชายยังมีชีวิตอยู่ที่ อ.เขมราฐ บ้านโบกม่วง เลยคิดจะมาสืบดูว่าจริงหรือไม่

    วันที่ท่านมา วันนั้นเป็นงานประจำปีให้คนไทยลาว มากราบนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดปากแซง โดยขณะที่หลวงปู่รอเรืออยู่ที่ฝั่งลาว บังเอิญมีเรือลำหนึ่งมาเทียบท่าตรงที่หลวงปู่ยืนรออยู่พอดี คนขับเรือขออาสาไปส่งหลวงปู่

    เมื่อส่งถึงฝั่งไทยหลวงปู่จะให้เงินเขาไม่รับ หลวงปู่จึงอนุโมทนาให้พรแล้วเดินขึ้นมาจากท่า เมื่อหันกลับไปไม่มีเรือลำเดิม ถามเรือ 2 ลำที่จอดอยู่ก่อนหน้าเขาก็ไม่เห็น

    หลังจากเหตุการณ์นั้นหลวงปู่จึงขึ้นมากราบนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ทำบุญกับทางวัดไป 50 บาท ตอนนั้นมีเงินติดตัวมา 200 บาท

    b8-25e0-25b8-2594-25e0-25b8-2584-25e0-25b8-25ad-25e0-25b9-2581-25e0-25b8-25a1-25e0-25b8-25a7-jpg.jpg

    ศรัทธาปาฏิหาริย์ เมตตาบารมี (ที่มาของตะกรุดคอแมว)

    ในวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่ออกบิณฑบาตร ขากลับฝนตกอย่างหนักเจอลูกแมวตากฝนอยู่ มองดูแล้วถ้าไม่ช่วยมันก็คงตายแน่ จึงพากลับมาที่วัดด้วย จับมันไปผิงไฟเมื่อตัวแห้งก็หาข้าวปลาให้มันกิน เลี้ยงดูจนมันโต

    พอมันโตกีมีแมวป่ามากัดจนเป็นแผลเหวอะหวะ ท่านก็หายาสมุนไพรมาใส่ให้จนหาย ครั้นเมื่อหายดีแล้วก็มิวายโดนอีก ด้วยความสงสารหลวงปู่จึงเขียนตะกรุดแขวนคอให้มัน

    หลังจากนั้นก็โดนแมวป่ากัดแต่ครั้งนี้นั้นไม่เป็นไร กลับกันซ้ำยังกัดแมวป่าคืนเสียอีก จนแมวป่าหนีไป คราวนี้เจ้าแมวกลับย่ามใจเทียวไล่กินไก่น้อยชาวบ้าน ไก่บ้านไหนฟักออกใหม่ๆ โดนกินจนหมด จนชาวบ้านเอาปืนมายิงแต่น่าแปลกก็คือ ยิงเท่าไร ก็ยิงไม่ออก

    จนวันหนึ่งบังเอิญมีทหารอากาศประอยู่กองบิน 21 กลับมาบ้าน เห็นแมวไล่ตะครุบกินไก่น้อย จึงเอาปืนมาไล่ยิง ไล่แมวตัวนี้จนมาถึงวัด เห็นมันหนีเข้าศาลาไปหาหลวงปู่ ญาติโยมจึงนำความไปแจ้งหลวงปู่ว่า แมวของหลวงปู่ตัวนี้มันไปไล่กินไก่ชาวบ้านเขา จนชาวบ้านนำปืนมายิง แต่ก็ยิงไม่ออก แมวตัวนี้มันมีอะไรดี

    หลวงปู่จึงบอกมาให้ลองดูเอง เขาก็พากันมาจับดูจึงเห็นตะกรุดแขวนอยู่ที่คอแมว คนที่เป็นทหารอากาศเลยปลดออกจากคอแมว และกราบขอหลวงปู่ไปพกติดตัว หลวงปู่จึงให้ไป

    เมื่อทหารนายนี้ได้รับตะกรุดแล้วก็กลับไปที่ค่าย เอาตะกรุดไปลองกับจ่าวิโรจน์ ปรากฏว่ายิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก ซึ่งวันเดียวกันนั้นก็มีนายทหารจากฐานทัพดอนเมืองมาตรวจราชการก็บังเอิญได้เห็นเหตุการณ์ด้วย จึงขอเอาไปติดตัว นายทหารผู้นั้นคือ น.อ.สุนทร นามศิริ และยังมีผู้เห็นเหตุการณ์อีก 2 คน คือ พล.อ.ท. กึกก้อง แก้วสว่าง และ น.ท.โกญจนา บำเพ็ญผล

    ซึ่งหลังจากนั้นชื่อเสียงของหลวงปู่ก็เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น ก็เพราะเจ้าแมวตัวนั้นตัวเดียว



    เครดิต : ประวัติหลวงปู่จันทร์หอม
     
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ล็อกเก็ตครูบาพรชัย วรปัญโญ ราคาพิเศษ ค่อยรอลงโอกาสหน้าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2018
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เรียนเชิญครับ
     
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เหรียญขวัญถุง มหาลาภ ด้านหน้า1.jpg
    เหรียญขวัญถุง มหาลาภ ด้านหลัง1.jpg
    3.เหรียญขวัญถุง มหาลาภ ปี 2529 หลวงพ่อโอด บูชาเหรียญละ 850 บาท (คู่ละ 1,700 บาท)

    เหรียญขวัญถุง มหาลาภ ปี 2529 หลวงพ่อโอด วัดจันเสน จ.นครสวรรค์

     
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    1017-0562-jpg.jpg
    ชาติภูมิ
    พระครูนิสัยจริยคุณ ฉายา ปัญญาโร นามเดิมชื่อ วิสุทธิ์ นามสกุล แป้นโต แต่ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อโอด" ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๘ เดือน ธันวาคม ๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง ณ บ้านเลขที่ ๑๐๓ หมู่ที่ ๗ (บ้านหัวเขา) ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ บิดามารดาของท่านชื่อ นายชิต นางต่วน แป้นโต มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๗ คน

    การศึกษาเบื้องต้น
    ท่านสำเร็จการศึกษา วิชาสามัญประถมบิริธูรณ์ จากโรงเรียนวัดหัวเขา อำเภอตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

    1016-afc8-jpg.jpg
    อุปสมบท
    เมื่อวันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๘๑ ณ พระอุโบสถ วัดหัวเขา อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมี
    ๑. พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี เป็นพระอุปัชฌาย์
    ๒. พระครูนิปุณธรรมธร วัดตาคลี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ๓. พระครูพิพัทธศีลคุณ วัดหัวเขาตาคลี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    วิทยฐานะ
    พ.ศ. ๒๔๘๔ สอบได้นักธรรมเอก จากสำนักเรียนวัดมหาพฤฒาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

    สมณศักดิ์
    ๑) พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น ตรี
    ๒) พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น โท
    ๓) พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น เอก
    ๔) พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น พิเศษ

    1014-7dc0-jpg.jpg
    ด้านการศึกษาของภิกษุ-สามเณร
    - เป็นครูสอนนักธรรม ของวัดดอนยานนาวา เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (ในสมัยที่พระอาจารย์กึ๋น เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนฯ)
    - เป็นครูสอนนักธรรม วัดหัวเขา และวัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    - เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดจันแสน
    - เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง


    ความสัมพันธ์กับหลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม
    หลวงพ่อโอด ท่านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อรุ่ง แห่งวัดหนองสีนวลและหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ สองพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของอำเภอตาคลี ในฐานะที่เป็นหลานที่ใกล้ชิด กล่าวคือ โยมพ่อของหลวงพ่อโอด คือ นายชิต แป้นโต เป็นน้องชายแท้ๆ ของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และแม่ของนายชิต แป้นโตและหลวงพ่อรุ่ง ก็เป็นพี่สาวโยมแม่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ดังนั้นหลวงพ่อโอดท่านจึงเรียก หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิมว่า "หลวงลุง"


    การศึกษาด้านพุทธาคม
    เมื่อท่านกลับจากการเป็นครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาว่าแล้ว ได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่งที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง โดยศึกษาคู่กับหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร (พระครูวิจิตชัยการ) หลวงพ่อรุ่งได้เขี่ยวเข็ญ และพร่ำสอนท่านเป็นอย่างดี ซึ่งท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านเองได้ค่อยจะสนใจเรียนเท่าใดนัก แม้หลวงพ่อรุ่ง จะแสดงคุณวิเศษทางวิชาที่สอนให้ท่านดู ท่านก็ไม่ค่อยจะสนใจ จนหลวงพ่อรุ่งถึงกับเอ่ยปากต่อว่าท่านว่า ท่านเป็นพระหัวสมัยใหม่ สักวันหนึ่งจะต้องนึกถึงตัวท่านอยู่ศึกษาวิชากับหลวงพ่อรุ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อรุ่งมรณภาพ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านก็ได้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวลต่อจากหลวงพ่อรุ่ง และในปีนี้เองชาวบ้านหนองสีนวล ชื่อนายอ๊อด ถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนฝังในทั้งเก้าเม็ด จะไปรักษาที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะเป็นยุคปลายสงคราม ญาติๆ ของนายอ๊อด จึงได้นำร่างที่บาดเจ็บของนายอ๊อดมาไว้ที่ศาลาวัดหนองสีนวล แล้วนิมนต์ท่านให้ทำการรักษาด้วยความจำเป็น ท่านจึงต้องรักษาให้ตามที่เขาขอร้อง โดยก่อนที่จะลงมือรักษาท่านได้จุดธูปอธิษฐานต่อหลวงพ่อรุ่งว่า "หากหลวงลุงต้องการใช้วิชานี้คงอยู่สืบไป ก็ขอให้ทำการรักษานายอ๊อดให้หาย หากรักษาหายจะเริ่มเรียน วิชาที่สอนให้ทั้งหมด" เสร็จแล้วท่านจึงทำน้ำมนต์ตามที่ได้เรียนมา แล้วนำไปให้นายอ๊อดดื่มและพรมตามบาดแผลที่ถูกปืน หลังจากนั้นท่านจึงได้เข้าจำวัดจนเช้ามืด ท่านได้ยินเสียงเรียกว่า หลวงน้า หลวงน้าผมไม่ตายแล้ว ท่านจึงลุกออกมาดู ปรากฏว่าเป็นนายอ๊อด ที่ท่านได้รักษานั่นเองผลออกมาว่าลูกปืนที่ฝังอยู่ในตัวนายอ๊อดทั้ง ๙ เม็ดไหลออกมาทั้งหมด และบาดแผลก็สมานกันดี เลือดหยุดไหล เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาท่าน ดังนั้นท่านจึงหันมาศึกษาวิชาของหลวงพ่อรุ่ง ทั้งหมดอย่างจริงจัง

    ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ระยะที่ท่านอยู่หนองสีนวล ท่านได้ไปมาหาสู่กับหลวงพ่อเดิมเป็นประจำ และหลวงพ่อเดิม ท่านก็มาหนองสีนวลอยู่เป็นประจำซึ่งท่านก็ได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิม ทั้งที่วัดหนองโพและที่วัดหนองสีนวลต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน หลวงพ่อเดิมท่านก็ได้ให้ทายกยิ้ม ทายกใหญ่วัดหนองโพ นำตำราต่างๆ ของหลวงพ่อเดิม ขึ้นรถไฟมาให้ท่านได้ศึกษาที่สัดจันเสนอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งหลวงพ่อเดิมมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๔

    จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโอดท่านเป็นทั้งหลาน และเป็นทั้งศิษย์ ของสองพระเกจิอาจารย์ ที่โด่งดังและเกรียงไกรที่สุดของอำเภอตาคลีในยุคนั้น แต่ มิใช่ว่าจะมีอาจารย์ที่ท่านได้ศึกษาทางพุทธาคม เพียงแต่หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม เท่านั้นก็ไม่ ที่ผู้เขียนรู้จากคำบอกของท่านเองยังมีอยู่อีก ๒ องค์คือ

    - หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยุค พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านไปหาหลวงพ่อพรหมบ่อยๆ มาก ท่านบอกว่าท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อพรหม แต่ท่านไม่ได้บอกว่าไปเรียนวิชาอะไร แต่ที่รู้ๆ หลวงพ่อพรหมรักใคร่ในตัวหลวงพ่อโอดมาก ถึงกับยอมมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้ที่พระอุโบสถวัดจันเสน ซึ่งหลวงพ่อพรหมท่านไม่เคยยอมไปปลุกเสกนอกวัดช่องแคเลย

    - หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบล ทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ท่านไปอยู่เรียนกับหลวงพ่อเขน ที่วัดสิงห์เลย ท่านบอกว่า ท่านไปเรียนวิชาทำตะกรุดซึ่งหลวงพ่อเชน ท่านเก่งมากในเรื่องการทำตะกรุดโทน


    ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า พระอาจารย์ที่หลวงพ่อโอด ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนไสยเวท พุทธาคม มีอยู่ ๔ องค์คือ
    ๑. หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๒. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๓. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๔. หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

    ด้านวิปัสนากรรมฐาน
    หลวงพ่อโอดท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติมาก ท่านศึกษามาจาก หลวงพ่อรุ่ง ต่อมาท่านได้ไปศึกษาต่อที่สำนักวิปัสนากรรมฐาน วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และต่อมาในปี ๒๕๐๕ ท่านได้ไปศึกษาต่ออีกที่วิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี จนท่านมีความชำนาญ และมีพลังจิตที่กล้าแข็ง สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอดีต และในอนาคตอย่างแม่นยำ ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านได้เปิดสำนักสอนวิปัสนากรรมฐานขึ้นที่วัดจันเสน โดยท่านเป็นผู้สอน และในระยะเวลาที่เข้าพรรษาท่านจะนั่งปฏิบัติของท่านติดต่อกัน๗ วัน โดยไม่ลุกออกมาจากกุฏิเลย ผมในวัยที่ท่านชราภาพและป่วยก็จะปฏิบัติของท่านอยู่เสมอ ในตอนกลางคืนและตอนเช้ามืด แม้จะป่วยอยู่ในโรงพยาบาลก็ตาม


    ลูกอม และ สีผึ้ง สุดยอดวัตถุมงคล
    วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงมานานที่สุดของท่านคือ ลูกอม และสีผึ้ง ซึ่งท่านสร้างตามตำรับของหลวงพ่อรุ่ง มีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดและคงกระพันอยู่พร้อม ลูกอมในสมัยหลวงพ่อรุ่งนั้นท่านบอกว่าจะต้องใช้วัสดุต่างๆ คือ ๑) ดิน ๗ เมือง ๒) ขี้ตะไคร่เรือจ้าง ๗ ท่า ๓) ขี้ตะไคร่เสาตะลุงช้าง ๗ เสา ๔) รังนกหัวหงอก ๕) ดินอุดโพรงนกเหงือก ๖) เทียนวิปัสสนา ๗) หนังสือ แต่ ในสมัยของท่านวัสดุบางอย่างหายากมาก จึงต้องใช้อย่างอื่นแทน และในการปลุกเสกทุกครั้ง ท่านจะนำเม็ดลูกอมของหลวงพ่อรุ่ง มาผสมปลุกเสกด้วยเสมอสีผึ้งและลูกอมวัดจันเสนนี้โด่งดังมาก ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเพียง ๓ ลูกเท่านั้น และนำติดตัวไปด้วยเสมอ ต่อมาท่านมีกิจนิมนต์ ท่านจึงไปพร้อมกับพระครูพยอม วัดราษฎร์บำรุง ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี ได้ไปยืนคอยเรืออยู่ริมแม่น้ำ เรือผ่านไปมาไม่มีแวะรับท่านสักลำ จนเวลาจะไม่ทันงานที่เขานิมนต์ ท่านจึงนำลูกอมที่ท่านสร้างมาเสกภาวนา พร้อมอธิษฐานว่าถ้าเรือมาขอให้จอดรับท่าน วิ่งไปจนระยะคุ้งน้ำงเลี้ยวกลับมารับท่านทั้งสอง เมื่อนิมนต์ท่านขึ้นเรือแล้วท่านก็ถามว่า "เมื่อกี้ทำไมไม่จอดรับต้องเลยไปก่อน" คนขับเรือตอบว่า "พอผมเลยไปถึงข้างหน้าแล้วพึ่งนึกขึ้นได้ว่าท่านทั้งสองจะไปไม่ทันฉันเพล จึงย้อนกลับมารับ" ดังนั้นการสร้างลูกอมจากวัดจันเสนจึงมีมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะสิ้นหลวงพ่อโอดไปแล้ว แต่ท่านพระครูนิวิฐธรรมขันธ์ (เจริญ) ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ไว้จากหลวงพ่อโอดไว้ จนมีความสามารถที่จะสร้างแจกแก่บรรดาผู้ที่ยังต้องการลูกอมของวัดจันเสนอยู่

    ทรายเสกที่ศักดิ์สิทธิ์
    ในห้องพระหลวงพ่อนาค วัดจันเสน จะมีกระถางธูปขนาดใหญ่ใส่ทรายไว้ตลอดเวลา ประชาชนที่มากกราบไหว้หลวงพ่อนาค และหลวงพ่อโอด จะต้องนำถุงใส่ทรายในกระถางธูปนี้กลับบ้านทุกคน เพราะทรายในกระถางธูปนี้ หลวงพ่อโอดท่านจะทำการปลุกเสกในตอนกลางคืนของทุก ๆ คืน เชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการคุ้มครองป้องกันไฟ โจรผู้ร้าย และภูตผีปีศาจ ได้อย่างดี วันหนึ่ง ๆ จะมีผู้นำทรายจากวัดจันเสนไปเป็นจำนวนมาก แม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้มานำทรายไปอยู่เช่นเดิม ท่านพระครูนิวิฐธรรมขันธ์ (เจริญ) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านจะทำการเสกไว้ในตอนกลางคืนทุก ๆ คืน ท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อโอดไว้เช่นกัน

    ภาพยนตร์ ลิเก ต้องจ้างให้เลิก
    วัดจันเสนปกติจะมีงานประจำปีเพียงปีละ ๓ ครั้งเท่านั้นคือ ๑. งานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อโอด ๒. งานวันสงกรานต์
    ๓. งานวันลอยกระทง ในงานประจำปีทุกครั้ง สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานนี้คือ ภาพยนตร์และลิเก ซึ่งที่วัดจันเสนนี้ ไม่เหมือนที่วัดอื่น ๆ เพราะ ภาพยนตร์ ลิเก ที่มาแสดงในวัดนี้ จะต้องจ้างให้เลิกแสดงทุกครั้งในวันสุดท้ายของงาน หากว่าหลวงพ่อโอดท่านไม่จ้างให้เลิกเล่นแล้ว ทั้งภาพยนตร์ ลิเก ก็จะเล่นอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าจะเช้า สายเพียงใด และเป็นเช่นนี้มากกว่า ๒๐ ปี แล้ว เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ ภาพยนตร์ ลิเก และประชาชนทั้งหลายเชื่อมั่นกันว่า จำนวนเงินที่หลวงพ่อโอดท่านจ้างให้เลิกแสดงนั้น จะไปตรงกับหวยที่ออกในงวดนั้น ๆ เสมอ


    มีเมตตาสูงยิ่ง
    หลวงพ่อโอดท่านเป็นพระที่มากด้วยเมตตา ท่านตัดแล้วซึ่งโกรธ โลภ หลง วันหนึ่ง ๆ ท่านจะนั่งคอยรับแขก อยู่ทั้งวัน ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไปหาท่าน ท่านก็จะให้คำแนะนำที่ดีแก่เขาเหล่านั้น ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็น คนรวย คนจน ท่านอนุเคราะห์ให้แก่เขาเหล่านั้นเสมอกันทุกคน มีบางคนขึ้นไปขอเงิน ขอข้าวของต่างๆจากท่าน ท่านก็ให้โดยมิได้หวงแหน บางคนนำของมาเสนอขายให้ท่าน ท่านก็ซื้อไว้ทั้งที่รู้ว่าเป็นของไม่ดี เช่นนำพระเครื่อง พระบูชา มาให้ท่านเช่า ท่านก็มีเมตตาเช่าไว้ โดยท่านพูดว่า เมื่อชาติก่อนติดค้างเขาไว้ ชาตินี้เขาจึงต้องตามมาทวงคืน ให้ๆ เขาไปเถิดจะได้ไม่ต้องติดค้างกันอีก ในการพูดคุยกับญาติโยมที่มาหาหรือว่ากล่าวใคร ท่านยิ้มอยู่เสมอ แม้แขกมานั้นจะจู้จี้ พูดมาก จนน่าเบื่อเพียงแค่ไหน ท่านก็ไม่มีอาการให้เห็นว่าท่านรำคาญหรือรังเกียจเขาเหล่านั้น แต่จะยิ้มเสมอ ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นท่านแสดงอาการโกรธ หรือดุด่าว่ากล่าวใครเลย นับว่าท่านมีเมตตาสูงยิ่ง

    1013-ea9c-jpg.jpg

    อาพาธ
    หลวงพ่อโอดท่านป่วยด้วยโรคเบาหวานมานานนับสิบๆปี แต่ท่านก็ใช้พลังจิตของท่าน ข่มกลั้นความเจ็บป่วยนั้นมาตลอด ไม่หนักหนาจริงๆ ท่านจะไม่ยอมให้พาท่านไปโรงพยาบาลเลย จนบั้นปลายของชีวิต อาการเบาหวานของท่านกำเริบมาก จนเท้าของท่านบวมอยู่ตลอดเวลา คณะกรรมการวัดและศิษย์ของท่าน ก็นำท่านไปรักษาที่กรุงเทพฯ บ้าง ที่บ้านหมี่บ้าง แต่ท่านเองก็ไม่ค่อยจะยอมไปเพราะท่านเกรงใจเขาเหล่านั้นที่จะต้องมาเสียค่า ใช้จ่ายในการรักษาท่าน จนครั้งหลังสุดอาการเบาหวานของท่านกำเริบมากจนไตไม่ทำงาน ต้องนำเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เพื่อล้างไต เมื่ออาการดีขึ้นท่านก็ขอให้ท่านกลับวัด มาอยู่จันเสนได้ไม่นานอาการของท่านทรุดลงอีก คณะศิษย์จึงนำท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ ท่านอยู่ ที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ได้ไม่นาน ท่านก็มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๓๒ เวลา ๒ ทุ่มเศษ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นวันอาสาฬบูชา ประชนชนชาวจันเสนและใกล้เคียง ต่างเศร้าโศกเสียใจ อาลัยในมรณภาพของท่านมาก ทางคณะกรรมการวัดได้เคลื่อนศพของท่านจากโรงพยาบาลบ้านหมี่ มายังวัดจันเสน มีประชาชนเข้าร่วมขบวนแห่มากมายเป็นประวัติการณ์ปัจจุบันร่างของท่านยังอยู่ ที่ตึกนิสิตสามัคคี เปิดให้ประชนชนทั่วไปได้สักการบูชาทุกๆ วัน สิริรวมอายุได้ ๗๒ ปี ๖ เดือน ๑๙ วัน ๕๐ พรรษา

    เครดิต : หลวงพ่อโอด พระครูนิสัยจริยคุณ (วิสุทธิ์ ปัญญาธโร) วัดจันเสน นครสวรรค์
     
  8. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เชิญครับ
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ร้อมกล่อง222-jpg.4088377.jpg
    ด้านหน้า333-jpg.4088379.jpg
    พระหลวงพ่อจรัญ เหรียญด้านหลัง.jpg
    พระหลวงพ่อจรัญ รูปหล่อด้านหลัง.jpg
    า-ด้านหน้า44-jpg.4088380.jpg
    า-ด้านหลัง22-jpg.4088381.jpg

    5.พระเครื่องหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน (ชุดใหญ่ 5 องค์) จ.สิงห์บุรี ราคาเดิมบูชา 8,000 บาท พิเศษบูชา 4,999 บาท


    พระเครื่องพระราชสุทธิญาณมงคล หรือหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ทางท่านผู้มีอภิญญา ซึ่งเป็นศิษย์ยุคแรกๆ ของหลวงพ่อจรัญ ส่งมาให้ จึงนำออกให้เช่าบูชา เป็นพระชุดใหญ่ มีจำนวน 5 องค์ พระชุดนี้ท่านผู้มีอภิญญาได้มานานแล้ว ประมาณ 30 ปีมาแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เรียนเชิญครับ
     
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ในสมัยสงครามเวียดนาม มีทหารคนหนึ่งไม่อยากไปรบ จึงมาหาหลวงปู่ ท่านเลยให้พระไป 1 องค์ พร้อมพระคาถา ทหารนายนั้นไปสงครามแนวหน้า หลังจากสงครามสงบก็ได้กลับมาหาหลวงปู่อีก เขาได้เล่าว่า ตอนออกไปรบด้วยกัน 40 กว่าคน ข้าศึกได้ซุ่มโจมตี พวกคนตกอยู่ในวงล้อมหลายวัน จนกระสุนหมด ทหารที่ไปด้วยเสียชีวิตทุกคนเขารอดตายมาได้เพียงคนเดียว กลับมาก็ขึ้นมากราบหลวงปู่เลย ทหารท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ได้ปลดเกษียณแล้วย้ายไปอยู่ที่ไหนไม่ทราบ แต่จะมาหาหลวงปู่บ่อยๆ

    หลวงปู่ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า มาอยู่บนยอดเขาได้ประมาณ 10 ปี (พ.ศ. 2502) เกิดอาพาธด้วยไข้ป่า อาการหนักมาก นอนซมอยู่แต่ในถ้ำไปไหนไม่ได้เลยเป็นอยู่หลายวันอาการมีแต่ทรงกับทรุดลงเรื่อยๆบางครั้งหนักขนาดลุกไปไหน

    ไม่ได้เลย หลวงปู่คิดไปว่า คราวนี้คงไม่รอดแน่แล้ว เพราะยาสมุนไพรที่ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ต่างๆ ตอนเดินธุดงค์ หลวงปู่เก็บมาต้มฉันหลายขนานแต่ก็ไม่หายเห็นว่าไม่ไหวแน่แล้ว จึงนึกถึงครูอาจารย์ของท่านแล้วกำหนดจิต

    อธิษฐานว่า หากจะมรณภาพที่นี้ด้วยพิษไข้ป่า ก็ขอให้ละสังขารโดยสงบลงไปเดี๋ยวนี้เลยแต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ขอให้หายไปโดยไว ด้วยบารมีธรรมของท่าน ที่สั่งสมมาแต่ในทางที่ดี ตั้งแต่บวชมา หลวงปู่อธิษฐานจิตได้ไม่นานก็มีเรื่อง

    แปลกเกิดขึ้น นั้นคือแรงอธิษฐานของท่านได้ร้อนถึงรุกขเทวดา (เทวดาที่อยู่ตามเขาตามถ้ำ ตามต้นไม้) ต้องลงมาช่วยรักษาท่าน หลวงปู่เล่าว่า ในเวลาบ่ายของวันนั้นเองได้มีหญิงสาวรูปร่างสวยงามมาก มาร้องเรียกท่านที่หน้าถ้ำท่าน

    จึงลุกขึ้นนั่ง แลเห็นหญิงสาวคนนั้น หลวงปู่เล่าว่าสวยงาม ท่าทางเรียบร้อย นุ่งห่มเหมือนคนในวังพูดจาไพเราะชวนฟังอย่างยิ่ง พอเข้ามากราบหลวงปู่เสร็จ ก็สนทนากับหลวงปู่ว่า หลวงปู่ไม่สบายหรือคะ หลวงปู่ตอบว่า ไม่สบายมา

    นานแล้วทานยาเท่าไรก็ไม่หายเสียที หญิงสาวบอกว่า เห็นหลวงปู่ไม่สบายมาหลายวันแล้ว เลยวันนี้มาเยี่ยมและเอายามาให้ พร้อมกันนั้นก็เอายา ซึ่งเป็นห่อประเคนหลวงปู่ และบอกว่าทานยานี้โดยเอาต้มแล้วทานวันสองวันก็จะหาย

    พร้อมกันนั้นได้บอกตัวยาด้วย ซึ่งหลวงปู่ได้จดเอาไว้ (และผู้เขียนได้ลอกลงไว้ ณ ที่นี้ด้วยแล้วพร้อมพระคาถาเพิ่มนิมิต) หลวงปู่ได้สนทนากับหญิงสาวนั้นว่า รู้ได้อย่างไรว่าอาตมาไม่สบาย หญิงสาวตอบว่า เห็นว่าไม่สบายมาหลายวัน

    แล้ว หลวงปู่ถามว่าเห็นได้อย่างไร? บ้านอยู่ที่ไหน? หญิงสาวตอบว่า ก็เห็นอยู่ในถ้ำนี้ บ้านก็อยู่บนเขานี้แหละ หญิงสาวยังบอกอีกว่า เห็นหลวงปู่ตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี้แล้ว หลวงปู่จะถามต่อ ก็พอดีหญิงสาวคนนั้นบอกขอตัวกลับ

    ก่อนกราบลง 3 ครั้ง แล้วเดินออกจากถ้ำไป หลวงปู่ก็ยังงงๆอยู่ หันมามองห่อยาแล้วหันไปที่หญิงสาวอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว หลวงปู่จึงรู้ว่าเป็นรุกขเทวดาเอายามาให้ท่านแน่ จึงนำยาไปต้มฉันตามที่รุกขเทวดาแนะนำ

    ฉันยาได้สองวัน โรคไข้ป่าก็หาย จนทุกวันนี้หลวงปู่ไม่ป่วยหนักอีกเลย เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว เรื่องของรุกขเทวดามาปรากฏนี้ เป็นเรื่องปัจจัตตังคือพบเองเห็นเอง จะเข้าใจเอง

    ยาเทวดา ยาอายุวัฒนะ
    ท่านให้เอาดอกจัน 1 บาท พระวาน 1 บาท กานพูล 1 บาท สมุลแว้ง 1 บาท มหาหิงคุ์ 1 บาท ชะเอมเทศ 1 บาท ลูกจันทร์ 1 บาท พริกไทยร่อน 1 บาท หัสคุณเทศ 1 บาท ยาทั้ง 9 อย่างนี้ หนักเท่าๆกัน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้ง รับประทาน

    ก่อนเข้านอน ขนาดปลายนิ้วก้อย รับประทาน 1 เดือน โรคภัยไข้เจ็บจะหายหมด กลับเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นทานแก่บุคคลที่อ่อนเพลีย ตำรานี้ได้มาจากหลงปู่เรือง ถ้ำพระอรหันต์ เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี

    ธรรมะเพิ่มพลังจิต เกิดเทพนิมิตพุทธอิทธิฤทธิ์คุ้มครอง
    คาถาของ หลวงปู่เรือง ถ้ำพระอรหันต์ เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี

    ปุพพะ นิมิตตัง ทัฬหังนิติ
    อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ มะอะอุ
    พุทธัง แคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท แคล้วคลาด ด้วยพระพุทธัง
    ธัมมัง แคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท แคล้วคลาด ด้วยพระธัมมัง
    สังฆัง แคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท แคล้วคลาด ด้วยพระสังฆัง

    หมายเหตุ : คาถาเพิ่มพลังจิต เทพนิมิต หลวงปู่เรือง ในคำว่า ทัฬหัง.. ควรใช้เป็น ทัฬหังนิติ บางที่ใช้เป็น ทัฬหังนิมิต
     
  12. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ประสบการณ์ของท่านที่บูชาพระเครื่องวัตถุมงคล หลวงปู่เรือง อาภัสสะโร

     
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-jpg.jpg
    7%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
    99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%87-jpg.jpg
    A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%87-jpg.jpg

    8.เหรียญหลวงปู่เรือง อาภัสสะโร รุ่นเจริญรุ่งเรือง ๙๕ ราคาเดิมบูชา 600 บาท พิเศษบูชา 399 บาท


    เหรียญหลวงปู่เรือง อาภัสสะโร รุ่นเจริญรุ่งเรือง ๙๕ หลังเจ้าพ่อพระกาฬ เขาสามยอด จ.ลพบุรี ปี ๒๕๕๐ เนื้อทองแดง ที่ระลึกฉลองอายุครบ ๙๕ ปี ๗๕ พรรษา เนื้อทองแดง สภาพสวย พร้อมใบรับรองการผลิต

    ด้านในของใบรับรองการผลิต จะมีคาถาเพิ่มพลังจิต เทพนิมิตคุ้มครอง หลวงปู่เรือง อาภัสสะโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เรียนเชิญครับ เร่เข้ามา ราคาพิเศษๆ
     
  16. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2-jpg.jpg

    9.ผ้ายันต์รอยเท้า รุ่น 1 หลวงปู่บุญมี โชติปาโล วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี ราคาเดิมบูชา 3,700 บาท พิเศษบูชา 2,800 บาท


    ผ้ายันต์รอยเท้า รุ่น 1 หลวงปู่บุญมี โชติปาโล เป็นวัตถุมงคลอีกชิ้นหนึ่ง ที่ผมสามารถสัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์ของผ้ายันต์ผืนนี้ได้ และเป็นวัตถุมงคลชิ้นเดียวที่ได้มาจากการเช่าบูชาที่วัดสระประสานสุข จ.อุบลราชธานี

    ผมได้ไปทำบุญที่วัดสระประสานสุข อันเนื่องจากการไปทัวร์บุญที่จัดโดยนักเขียนมีชื่อ ที่ใช้ชื่อว่าภักดีภูริ นักเขียนมีชื่อในเครือหนังสือโลกทิพย์-โลกลี้ลับ ปีที่ไปทัวร์บุญ ประมาณปีพ.ศ 2543 ช่วงนั้นหลวงปู่บุญมีท่านยังดำรงสังขารอยู่

    คุณภักดีภูริ ได้เคยพูดไว้ว่า เกือบทุกครั้งที่สมเด็จพระราชินีเสด็จไปที่อุบลราชธานี มักจะไปกราบและสนทนาธรรมกับหลวงปู่บุญมี โชติปาโล

    คุณภักดีภูริยังได้เคยเล่าว่า หลวงปู่บุญมีท่านบำเพ็ญภาวนาจนภูเขาทั้งลูกสว่างไสวในยามค่ำคืน ซึ่งมีน้อยคนนักที่สามารถทำได้แบบนี้

    หลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีบุญบารมี โดยวันที่ท่านเกิดก็เป็นวันมาฆบูชา และวันที่มรณภาพก็เป็นวันมาฆบุูชา


    นายตำรวจระดับพลเอก เคยรักษาการนายกรัฐมนตรี ก็มีบูชาพระเครื่องวัตถุมงคลหลวงปู่บุญมี โชติปาโล จำนวนหลายรายการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2018
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    _16_243-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) วัดสระประสานสุข

    • ผลงานด้านการพัฒนาวัด

    วัดสระประสานสุข เดิมชื่อ วัดบ้านนาเมือง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ ๕ กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๗๐ โดยการนำพาของ พระเดชพระคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เจ้าอาวาสวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกวางรากฐานและเป็นหัวหน้านำชาวบ้านญาติโยมก่อสร้างมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งหลวงปู่บุญมีได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระประสานสุข รูปที่ ๒ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๐ สืบต่อจากพระอาจารย์ทองดี เจ้าอาวาสรูปแรก ท่านจึงได้เริ่มวางแผนและดำเนินการพัฒนาวัดโดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านญาติโยมผู้เลื่อมใสศรัทธาจนมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ วัดมีเนื้อที่ประมาณ ๗๕ ไร่

    ผลงานด้านการพัฒนาวัดสระประสานสุข ที่หลวงปู่บุญมีได้ริเริ่มและดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัด เพื่อให้วัดเป็นศาสนสถานที่เป็นแหล่งรวมใจของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป มีดังนี้

    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ หลวงปู่บุญมีได้เป็นผู้นำศรัทธาชาวบ้านก่อสร้าง ศาลาการเปรียญ ขนาดใหญ่ ในลักษณะทรงปั้นหยา ภายในประดิษฐานพระประธานปางนาคปรกขนาดใหญ่ และรูปหล่อเหมือนพระเถราจารย์ชื่อดังอีกหลายองค์ ที่หลวงปู่เป็นผู้นำศรัทธาชาวบ้านหล่อไว้เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้บูชาสักการะ

    ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ หลวงปู่บุญมีได้ออกแบบและเป็นประธานในการก่อสร้าง อุโบสถบนเรือสุพรรณหงส์อันมีความหมายว่า จะเป็นพาหนะที่จะพาบรรดาพุทธศาสนิกชนผู้มีใจเป็นกุศลข้ามห้วงมหาสมุทรแห่งวัฏฏสงสารสู่ดินแดนมหานิพพานในที่สุด ซึ่งอุโบสถที่หลวงปู่บุญมีได้สร้างขึ้นนี้ มีความสวยงาม ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสง่า แปลกกว่าที่วัดอื่นๆ เพราะเป็นอุโบสถอยู่บนเรือสุพรรณหงส์ประดับด้วยเซรามิคสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่ ส่วนด้านหน้าอุโบสถประดิษฐาน รูปหล่อหลวงปู่บุญมี โชติปาโล หากเข้าประตูวัดมาจะเป็นด้านหลังอุโบสถ ก่อให้เกิดความศรัทธาปสาทะแก่ญาติโยมที่ได้เข้ามาทำบุญ ณ วัดสระประสานสุข เป็นอย่างยิ่ง

    ปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ หลวงปู่บุญมีได้นำคณะศิษยานุศิษย์สร้าง หอระฆัง ๕ ชั้น ประดับด้วยเซรามิคสีน้ำตาลแดง โดยมีนายชุ่นเลี้ยง แซ่ล้อ และนางโชจิร แซ่เตียว (เสี่ยบุญชัย) รับเป็นเจ้าภาพในการก่อสร้าง

    วันที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘ ทำพิธีเพื่อสร้าง วิหารกลางน้ำเรือธรรมนาคราช เวลาเที่ยงตรง และเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙ ทำพิธีตอกเสาเข็มเวลาเที่ยงตรง วิหารกลางน้ำเรือธรรมนาคราชเป็นวิหารกลางน้ำบนนาคราชรูปร่างคล้ายเรือ ส่วนหัวเป็นนาคราช ๕ เศียร โดยทางเดินเข้าวิหารกลางน้ำเป็นทางเดินด้านหางของนาคราช ตั้งอยู่ด้านหลังของวัดและมีปลาอาศัยอยู่ในสระน้ำใหญ่เป็นจำนวนมาก โดยพุทธศาสนิกชนได้นำมาปล่อยไว้ ซึ่งหลวงปู่บอกว่าไม่อยากให้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน จึงไม่มีใครนำปลาที่สระน้ำใหญ่ไปกิน ทำให้ปลามีปริมาณมาก อีกทั้งทางวัดได้จัดบริการให้อาหารปลาแล้วแต่ผู้มาทำบุญจะบริจาค

    นอกจากนี้แล้วหลวงปู่บุญมียังได้สร้างศาสนสถานต่างๆ ภายในวัดสระประสานสุข คือ วิหารโชติปาโล, กุฏิโชติปาโลนุสรณ์ ในลักษณะทรงไทย, กุฏิโชติธรรม ในลักษณะทรงไทย, หอสวดมนต์ ในลักษณะทรงไทย และที่สร้างความประทับใจเป็นพิเศษให้แก่ชาวบ้านญาติโยมที่เดินทางมายังวัดสระประสานสุข ก็คือ ซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าวัด (ประตูโขง) ที่หลวงปู่บุญมีได้สร้างเป็น รูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ๓ เศียร ที่ใหญ่โตมาก สามารถมองเห็นตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล นอกจากนี้ท่านยังได้ตัดถนนเข้าหน้าวัด, สร้างและปรับปรุงห้องน้ำห้องสุขาให้เพียงพอกับชาวบ้านญาติโยมที่มาร่วมทำบุญในงานเทศกาลต่างๆ รวมถึง การสร้างกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กซึ่งมีรูปสัตว์นานาชาติล้อมรอบบริเวณวัด ตลอดจนปรับปรุงสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ และพื้นที่ภายในวัดทั้งหมดให้เหมาะสม เป็นระเบียบ เป็นสัดส่วน สวยงาม ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด สมกับเป็นวัดสายปฏิบัติและสถานที่บำเพ็ญบุญ เป็นที่พึงพิงด้านจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป

    อนึ่ง เนื่องจากทางวัดมีอาณาเขตติดต่อกับเขตทหารอากาศ กองบินที่ ๒๑ ข้าราชการทหารอากาศจึงมีศรัทธามาร่วมอุปสมบทและจำพรรษา ณ วัดสระประสานสุข ตลอดมา

    ด้านการปกครอง หลวงปู่บุญมีท่านมีระเบียบการปกครองพระสงฆ์ในวัดให้สอดคล้องกับกฎของมหาเถรสมาคม (มส.) อย่างเคร่งครัด โดยมีกฎกติกาของวัดตามมติของคณะสงฆ์ภายในวัดเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง และที่เป็นกิจวัตรสำคัญที่หลวงปู่ได้ริเริ่มและให้ปฏิบัติเป็นประจำ คือ การจัดให้มีการปฏิบัติธรรมและเจริญสมาธิภาวนาทุกวัน โดยเฉพาะวันพฤหัสบดี ณ ศาลาการเปรียญวัดสระประสานสุข ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ น. เป็นต้นไป


    • ผลงานด้านการทำนุบำรุงพระศาสนา

    หลวงปู่บุญมี ไม่เพียงพัฒนาและก่อสร้างศาสนสถานในบริเวณวัดสระประสานสุข ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหลวงปู่เท่านั้น ท่านยังได้มีจิตเมตตาในการมอบทุนทรัพย์ ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ สนับสนุนการก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ และวิหารภายในวัดต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ เช่น

    ๑. สร้างพระพุทธรูปใหญ่ ณ วัดเขาพระงาม (วัดสิริจันทรนิมิต วรวิหาร) อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ร่วมกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) โดยใช้ไหกระเทียมในสมัยนั้นเป็นมวยผม (พระเกศ)

    ๒. สร้างพระนาคปรก ร่วมกับท่านพ่อลี ธัมมธโร เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะที่ท่านเป็นสหธรรมิกกัน อีกทั้งท่านพ่อลียังเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานีด้วย

    ๓. บูรณะมณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง ณ วัดสังกัสรัตนคีรี บนยอดเขาสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

    ๔. บูรณะศาลารัชมังคลาภิเษก ณ วัดสังกัสรัตนคีรี

    ๕. สร้างพระพุทธรูปเนื้อโลหะ ขนาดหน้าตักกว้าง ๓ เมตร ประดิษฐาน ณ ศาลารัชมังคลาภิเษก วัดสังกัสรัตนคีรี

    ๖. ปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ หลวงปู่บุญมีได้นำคณะศิษยานุศิษย์ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปปางประทานพร สูง ๗ เมตร ๗๗ เซนติเมตร เนื้อโลหะทองเหลือง ถวายนามว่า “พระพุทธโชติปาละชนะมาร”, สร้างพระสังกัจจายน์เป็นปูนปั้น สูง ๓ เมตร ๗๗ เซนติเมตร ถวายนามว่า “พระสังกัจจายน์โชติปาโล” และสร้างพระสิวลี ถวายนามว่า “พระสิวลีโชติปาโล” เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ ณ วัดสังกัสรัตนคีรี บนยอดเขาสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    ๗. ให้อุปกรณ์ในการก่อสร้างอุโบสถ วัดบ้านกุดมะฮง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

    ๘. สร้างพระเจ้าใหญ่ และบูรณะหอระฆัง ณ วัดบ้านบ่อ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ

    ๙. สร้างพระพุทธรูปสูง ๓ เมตร ณ วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

    ๑๐. สร้างพระพุทธรูปปางสมาธิ สูง ๓ เมตร จำนวน ๒ องค์ ณ เมืองเชียงรุ้ง ประเทศจีน

    ๑๑. ให้อุปกรณ์ในการก่อสร้างวัดป่าภูถ้ำพระ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

    ๑๒. ให้อุปกรณ์ในการก่อสร้างวัดคอนสวรรค์ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

    ๑๓. ให้การอุปถัมภ์และช่วยเหลือวัดต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ วัดบ้านก้านเหลือง, วัดบ้าน
    ตำแย, วัดบ้านหนองหว้า, วัดบ้านหนองมุก, วัดสำราญนิเวศน์, วัดบ้านระเว, วัดบ้านนาจาน, วัดบ้านดอนจืด, วัดบ้านด้ามพร้า, วัดบ้านปลาดุกน้อย, วัดบ้านยางลุ่ม, วัดป่าอำเภอม่วงสามสิบ, วัดบ้านกุดลาด, วัดบ้านกระโสบ และวัดบ้านหมากมี่ (วัดบ้านขนุน) เป็นต้น

    นอกจากนั้นหลวงปู่บุญมียังรับกิจนิมนต์ไปแสดงธรรมเทศนาตามสถานที่ต่างๆ โดยไม่เลือกปฏิบัติ เป็นกิจวัตรที่ท่านได้ปฏิบัติเป็นประจำจนทำให้ญาติโยมเลื่อมใสศรัทธา และมาร่วมทำบุญจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ


    • ผลงานด้านสาธารณประโยชน์

    นอกจากภารกิจในการบริหารจัดการวัดสระประสานสุข และวัดวาอารามต่างๆ แล้ว หลวงปู่บุญมียังมีจิตเมตตาบริจาคเงินทุนสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันแก่โรงเรียนที่ขาดแคลน, มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่่เรียนดีแต่ยากจนขาดแคลนทุนทรัพย์ ปีละ ๒๐ ทุน, บริจาควัสดุต่อเติมและก่อสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียน, สร้างรั้วกำแพงให้กับโรงเรียนบ้านนาเมือง ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าแก่ของบ้านนาเมือง เพื่อให้นักเรียนได้ใช้ประโยชน์ทางด้านการศึกษาต่อไป นอกจากนั้นหลวงปู่ยังได้นำญาติโยมชาวบ้านนาเมือง ช่วยกันตัดถนนจากบ้านนาเมืองเชื่อมต่อไปยังบ้านดงหนองแสน ตำบลไร่น้อย เป็นระยะทาง ๓ กิโลเมตร โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด เพื่อทำให้การสัญจรไป-มาของชาวบ้านในละแวกนั้นสะดวกยิ่งขึ้น และกิจกรรมสำคัญอีกประการหนึ่งที่หลวงปู่ได้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ คือ การไถ่ชีวิตโค กระบือ โดยซื้อมาก่อนที่จะถูกนำไปยังโรงฆ่าสัตว์ แล้วนำมาบริจาคให้กับชาวบ้านที่ยากจนได้เอาไปเลี้ยงเพื่อใช้แรงงานประกอบอาชีพต่อไป


    • ผลงานด้านสังคมสงเคราะห์

    หลวงปู่บุญมี ท่านเป็นพระผู้มีเมตตาจิตแก่ญาติโยมและประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงทั่วไป หลวงปู่เห็นความส่าคัญของการช่วยเหลือคนไข้ที่ขาดแคลนตามโรงพยาบาล จึงได้บริจาคอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องดูดเสมหะ เครื่องตรวจเลือด ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เช่น

    ๑. โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
    ๒. โรงพยาบาลสำโรง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี
    ๓. โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
    ๔. โรงพยาบาลน้ำยืน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
    ๕. โรงพยาบาลดอนมดแดง อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี
    ๖. โรงพยาบาลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
    ๗. โรงพยาบาลทุกอำเภอในจังหวัดศรีสะเกษ
    ๘. โรงพยาบาลจังหวัดเชียงใหม่

    นอกจากนั้นในวันทำบุญคล้ายวันเกิดของหลวงปู่บุญมี ท่านได้มอบทุนการศึกษา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การศึกษา รวมทั้งให้ทานแก่เด็กพิการในจังหวัดอุบลราชธานี ให้ทานวัวที่ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ให้กับชาวบ้านที่ยากจนเป็นประจำทุกปี บริจาคเสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งให้กับศูนย์ชาวเขาแม่ฟ้าหลวง ตลอดจนบริจาคอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ ให้กับชาวเขาในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ข้าราชการศูนย์หม่อนไหมจังหวัดอุบลราชธานี พัฒนาสถานที่ต่างๆ และยังจัดหาแหล่งน้ำดื่ม น้ำใช้ ให้กับหมู่บ้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี

    • ผลงานด้านการเผยแผ่ธรรม

    หลวงปู่บุญมี เป็นพระอริยสงฆ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะเห็นได้จากเวลาที่หลวงปู่ฉันภัตตาหารเช้า จะมีผู้นำอาหารมาถวายเป็นจำนวนมาก เมื่อฉันเสร็จแล้ว หลวงปู่จะแบ่งปันอาหารที่เหลือนั้นให้กับทุกคนๆ ให้นำกลับไปเลี้ยงดูบุตรหลาน และพ่อแม่ที่อยู่ทางบ้านโดยทั่วถึงกัน ญาติโยมที่นำอาหารไปถวายหลวงปู่ต่างก็มีความอิ่มเอิบใจ เพราะนอกจากเป็นการถวายทานแก่หลวงปู่แล้ว ยังได้ทำทานกับคนทั่วไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งการให้อาหารนี้หลวงปู่ให้โดยการโยนและขว้างอาหารหรือสิ่งของให้กับคนที่ท่านต้องการให้ กระทั่งมีลูกศิษย์ลูกหาเคยนมัสการถามหลวงปู่ว่า “ทำไมจึงโยนและขว้างสิ่งของให้”

    หลวงปู่บอกว่า “เป็นการเตือนสติสัมปชัญญะประจำตัวอยู่ตลอดเวลา”

    นอกจากการอบรมสั่งสอนแก่ญาติโยมที่มากราบไหว้ และทำบุญที่วัดแล้ว หลวงปู่ยังได้ออกเทศนา ปาฐกถาธรรม และสนทนาธรรมแก่ประชาชนทั่วไป ตามสถานที่ราชการ โรงเรียน หมู่บ้านต่างๆ มาโดยตลอด

    ทางด้านหลักธรรมและคำสอน หลวงปู่บุญมีท่านเป็นอริยสงฆ์ที่มีปฏิปทาและศีลาจริยวัตรอันงดงาม ชอบธรรม เดินทางสายกลางอันเป็นข้อปฏิบัติธุดงควัตรสายพระกรรมฐานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เจริญรอยตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท), พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่ มาโดยตลอด หลักธรรมคำสอนของหลวงปู่จึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง และมีคำผญาภาษิตอีสานแทรกอยู่ทุกครั้ง ทำให้เข้าใจง่าย รู้ถึงคุณค่าของหลักธรรมและคำสอนของพระพุทธองค์

    นอกจากนี้ท่านยังเน้นการอบรมสั่งสอนให้รู้คุณของพระแก้ว ๒ องค์ คือ บิดา มารดา ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในบ้านที่ทุกคนควรกราบไหว้บูชาตลอดกาล สอนให้ทุกคนบำเพ็ญตนตามหลักกุศลสมาทาน สอนให้รู้จักศาสนากับสังคมไทย การประหยัดและอดออมตามหลักพระพุทธศาสนา สำหรับการปฏิบัติธรรม ท่านสอนให้ปฏิบัติธรรมเป็นกิจวัตรประจำวัน โดยการนั่งสมาธิภาวนาทุกครั้ง ในเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต่างๆ ท่านจะให้บำเพ็ญทานบารมี สมาทานศีล ปฏิบัติภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทุกครั้ง


    ___721-jpg-jpg-jpg-jpg.jpg
    หน้าปกหนังสืออุบลราชธานี ๒๐๐ ปี​

    • บุคคลตัวอย่างของจังหวัดอุบลราชธานี

    หลวงปู่บุญมีท่านเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานีโดยกำเนิด เกิดที่บ้านนาเมือง ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ครั้นเมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ได้อุทิศตนเป็นสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำหน้าที่สืบทอดและเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ตลอดชีวิตในสมณเพศ หลวงปู่บุญมีท่านได้ทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในจังหวัดอุบลราชธานี ที่บ้านเกิดเมืองนอนของท่าน เห็นได้จากการเริ่มต้นพัฒนาวัดสระประสานสุข จากวัดป่าธรรมดาให้เจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับจนเป็นวัดปฏิบัติที่มีชื่อเสียง ญาติโยมประชาชนจากทั่วประเทศมีจิตเลื่อมใสศรัทธาเดินทางมากราบนมัสการหลวงปู่กันอย่างไม่ขาดสาย

    เมื่อครั้งที่จังหวัดอุบลราชธานีได้จัดงานสมโภชเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองอุบลราชธานีครบ ๒๐๐ ปี ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ มีการจัดทำหนังสือที่ระลึกชื่อว่า อุบลราชธานี ๒๐๐ ปี โดยได้มีการคัดเลือกและรวบรวมประวัติ-ผลงานของบุคคลสำคัญ บุคคลตัวอย่าง ที่เป็นชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิดและได้ทำประโยชน์นำความเจริญมาสู่จังหวัดอุบลราชธานี ในครั้งนั้น พระครูไพโรจน์รัตโนบล (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) เจ้าอาวาสวัดสระประสานสุข ท่านได้รับคัดเลือกและยกย่องให้เป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพนับถือทางด้านพระเถระสายวิปัสสนาธุระในจังหวัดอุบลราชธานี จึงถือได้ว่าท่านเป็นพระสงฆ์ตัวอย่างที่ชาวจังหวัดอุบลราชธานีสมควรยกย่องให้เป็น“พระดีศรีอุบล” และเป็น “พระดีศรีแผ่นดิน” ที่ชาวไทยทั่วประเทศสมควรเอาเป็นตัวอย่างตลอดไป


    • กิตติคุณูปการอื่นๆ ที่ได้รับ

    - มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวัฒนธรรมศึกษา

    - ได้รับยกย่องบันทึกประวัติและปฏิปทาเป็นพระสงฆ์วงศ์ธรรมยุตในภาคอีสานที่สําคัญ ใน หนังสือพระปรมาจารย์สายพระกรรมฐานท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล

    - ได้รับยกย่องเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และปาฏิหาริย์ของวัตถุมงคลที่น่าควรนับถือ ใน หนังสือพระเครื่องเมืองอุบล

    -
    ได้รับกล่าวขานว่าเป็นผู้ทำพิธีต่อพระชนมายุถวายแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวัฑฒโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใน หนังสืออิทธิฤทธิ์
     
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    e0-b9-81-e0-b8-9c-e0-b9-88-e0-b8-99-e0-b8-a2-e0-b8-b1-e0-b8-99-e0-b8-95-e0-b9-8c3-jpg-jpg.jpg
    11.แผ่นยันต์พระเวสสันดรประทานทรัพย์สมบัติ (แผ่นเงิน) ราคาพิเศษบูชา 1,700 บาท

    แผ่นยันต์เงินไม่ขาดกระเป๋า ขนาด 2.5*2.5 นิ้ว เรียกว่าแผ่นยันต์พระเวสสันดรประทานทรัพย์สมบัติ


    อาจารย์ศิวะมินทร์เขาลอง ให้ลุกศิษย์เอาไปใช้โดยลองไปค้าขายเอาเงินใส่กระเป๋าแค่ 20 บาท พอตกเย็นได้มาหลายหมื่นและอีกหลายประสบการณ์ครับพอดีจำมาคร่าวๆเจออาจารย์อีกจะเค้นมาเพิ่มครับ ท่านบอกว่า แค่แผ่นทองแดงนะ ถ้าจากได้เป็นแสน ให้หาเนื้อเงินแท้มาทำ และถ้าต้องการเป็นล้านให้เอาแผ่นทองคำแท้มาทำ สอบถามแล้วมีแผ่นเงินและทองเหลือง ทองแดงครับ
    ได้คุยแล้วครับ ประสบการณ์ จากคุณ อำพร โทร 0868082763 สอบถามเรื่องแผ่นยันต์พระเวสสันดรประทานทรัพย์สมบัตินะครับ ถ้าใครโทร
    คุณ อำพรเป็นนักธุรกิจ อาจารย์ศิวะมินทร์ทดลองให้แผ่นยันต์ไป 10 แผ่น อาจารย์บอกเขาว่า ให้เงินเหลือในกระเป๋า 20 บาทดูสิว่าจะได้มาเท่าไหร่ พอเข้าบริษัทมีลูกน้องมาเบิกเงินเลยให้ไปเหลือไว้ในกระเป๋าแค่ 20 บาท พอหลังจากนั้นตลอดทั้งวันมีเงินเข้ามา ตั้ง 3 ล้านบาท ในวันเดียว และทุกๆวันจะมีเงินไหลเข้ามาตลอด ไม่เชื่อลองสอบถามดูครับ
    ส่วนท่านอื่น ๆ ก็มี ดารา ชื่อ ผึ้ง เป็นทั้งดาราและพิธีกร อยู่ ช่อง 5 ได้แผ่นยันต์นี้ไปติดตัว ตอนนี้บอกว่า จะเอาไปให้เพื่อนในวงการหลายๆคนต้องการ ผมบอกไว้ก่อนนะครับ โกหกไม่เก่ง อาจารย์บอกมาอย่างนี้ก็เขียนอย่างนี้


    คาถาใช้กับแผ่นยันต์พระเวสสันดรประทานทรัพย์สมบัติ

    เต ชะสุเนมะภูจะนาวิเว อิติปิโส ภะคะวา อรหัง อิติปิโส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ พุทโธอิติปิโส ภะคะวา พุทโธ ภะคะวาติ สวดเช้า-เย็น วันละ 3 จบ

    ทำน้ำมนต์อาบมีโชคลาภ
    นะชาลีติ มะชาลีติ พะชาลีติ ทะชาลีติ
    สวด 9 จบ

    ประสบการณ์ผู้บูชาแผ่นยันต์พระเวสสันดรประทานทรัพย์สมบัติ
    "ว่าจะมาเล่าตั้งหลายวันแล้วพึ่งมีโอกาสครับ คุณแม่ผมได้รับแผ่นยันต์พระเวสสันดรประทานทรัพย์สมบัติ มาจากอ.ศิวะมิน เมื่อซักประมาณ2อาทิตย์ก่อนได้ พอดีไปหาอ.และฝากเงินไปทำบุญสร้างหน้าต่างที่วัดหลวงพ่อดำ แผ่นยันต์ที่ได้มาไม่แน่ใจว่าเป็นเนื้ออะไร คุณแม่ก็เอามาใส่กระเป๋าตังไว้ วันต่อมาคุณแม่ได้รับจดหมายEMSจากธนาคารกรุงไทยว่าได้รับรางวัลประจำสัปดาห์ในกิจกรรมของธนาคาร รางวัลที่2 เป็นทองคำมูลค่า50000บาทครับ
    ปล. เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ยืนยันว่าทุกอย่างที่เล่าเป็นเรื่องจริงครับ"
    ที่มา : http://palungjit.org/threads/มนต์พระกาฬ-เมียมากรุ่น-2-มาแล้ว-หลวงปู่สิมพะลี-วัดป่าวิชัยรวมมิตร-หลวงปู่แสน-วัด-บ้านหนองจิก.336485/page-70#post-8229034

    "ประสบการณ์ของแผ่นยันต์นอกจากเงินมาไม่ขาดสายแล้วยังมีเรื่องเมตตามหาเน่ห์อีกด้วยนะครับ สังเกตุดูนะครับ เพราะมีน้องผู้หญิงแจ้งมาว่า หลังจากได้ไปใช้แล้วเงินมีมาเรื่อยๆ แถมแฟนก็กลับมาคืนดีด้วย"
    ที่มา : http://palungjit.org/threads/มนต์พระกาฬ-เมียมากรุ่น-2-มาแล้ว-หลวงปู่สิมพะลี-วัดป่าวิชัยรวมมิตร-หลวงปู่แสน-วัด-บ้านหนองจิก.336485/page-74#post-8270988

    "เมื่อวานได้รับแผ่นยันต์เงิน1 เหลือง2 เหรียญอัลปาก้า1 ได้รับของมาแตวันช่วงเช้าตกบ่ายยันดึกยันเช้าวันนี้ ได้เงินแล้ว 2000 ซึ่งแปลกค่ะ ที่จะมีคนที่เคาะประมูลของได้จะมาชำระเงินพร้อมกันถึง3คนในวันเดียว ส่วนมากวันละ2 ก็มากแล้วค่ะ เห็นทันตา ได้เงินเข้ามากกว่าค่าเช่าของซะอีก"

    ที่มา : http://palungjit.org/threads/มนต์พระกาฬ-เมียมากรุ่น-2-มาแล้ว-หลวงปู่สิมพะลี-วัดป่าวิชัยรวมมิตร-หลวงปู่แสน-วัด-บ้านหนองจิก.336485/page-80#post-8399914

    เครดิต : คุณ supako
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    เรียนเชิญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  20. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ปรับราคาครั้งสุดท้ายแล้วครับ จะลงอีกประมาณ 2-12 รายการ ก็คงน่าจะพอแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...