ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    วันนี้วันที่ ๑๑ กรกฎาคมเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของพระพุทธพจนวราภรณ์ หรือหลวงปู่จันทร์ กุสโล รำลึก ๑๐ ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่จันทร์ กุสโล ท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาไว้มาก ทั้งด้านการเผยแผ่ การศึกษาของพระเณร สร้างสาธารณประโยชน์ให้กับวัดวาศาสนา และทางฝ่ายบ้านเมือง เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังร่วมถวายปัจจัย และทองคำเข้าโครงการช่วยชาติร่วมกับองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อยู่หลายครั้งหลายหนด้วยกัน

    หลวงตามหาบัว และหลวงปู่จันทร์ ท่านทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก อย่างคำกล่าวที่หลวงตามหาบัว เคยพูดไว้..”ท่านเจ้าคุณวัดเจดีย์หลวงท่านสบายดีไหม (ท่านสบายดีครับ) ท่านสบายเหรอ เราฝากความคิดถึงไปถึงท่านได้เล่าถวายท่านหรือเปล่าล่ะ(ถวายครับ) เล่าถวายเหรอ เออ อย่างงั้นซี คือแต่ก่อนว่าเป็นเพื่อนกันก็ได้ ท่านเป็นรุ่นน้องแต่ถือว่าเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่เรียนหนังสืออะไร ๆ นู้นนะ ท่านเป็นมหา เราก็เป็นมหา สนิทสนมเป็นเพื่อนๆ กัน ครั้นหลังจากนั้นมาแล้ว เดี๋ยวนี้เราถือท่านเป็นเพื่อนเหมือนแต่ก่อน ท่านไม่รับเลยนะ ท่านยกให้เป็นอาจารย์ ว่ายังไงท่านไม่ยอมรับ กิริยาท่าทางวางตัวเป็นเพื่อนเป็นฝูงท่านไม่รับเลย ท่านจะยอมตัวกราบ ท่านยกเราเป็นอาจารย์ตลอด ทีนี้เราก็เลยเป็นอาจารย์ท่าน แต่ก่อนเป็นเพื่อน เดี๋ยวนี้กลายเป็นอาจารย์ท่านแล้ว เพราะท่านไม่ยอมรับความเป็นเพื่อน ท่านไม่ยอมรับจริงๆ ไม่รับเลย มีแต่หมอบเลยๆ เราก็เลยถือเป็นลูกศิษย์เสีย ว่ารุ่นน้องๆ ก็เลยลบไปเลย เลยกลายเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ไปเลยเดี๋ยวนี้..”

    หลวงปู่จันทร์ นามเดิมของท่านชื่อ “จันทร์” สกุล “แสงทอง” เป็นบุตรของ นายจารินต๊ะ และ นางแสง แสงทอง ท่านถือกำเนิดตรงกับวันจันทร์ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๐ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะเส็ง ณ เรือนไม้อันร่มรื่นริมน้ำปิง บ้านท่ากองิ้ว ต.ปากบ่อง อ.ปากซาง จ.ลำพูน เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๐ ณ วัดเจดีย์หลวง โดยมี พระพุทธิโสภณ (พระอาจารย์แหวว ธัมมทินฺโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พระอาจารย์พิมพ์ ธมฺมธโร) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระญาณดิลก วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูพุทธิโสภณ (พระอาจารย์บุญปั๋น) วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นพระอนุสานาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “กุสโล” ซึ่งแปลว่า “ผู้ฉลาด”

    “..ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีการสูญเสียใดๆที่น่าเสียใจเท่ากับการเสียเวลา เสียเวลาเพียงหนึ่งวินาที ก็เท่ากับสูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิต อายุที่เราได้นั้นคือชีวิตที่เราสูญเสียไป..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่จันทร์ กุสโล

    พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) ได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคถุงลมโป่งพอง และโรคปอด เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๑๘.๓๕ นาฬิกา หลังจากรักษาอาการอาพาธมาเป็นเวลานาน โดยคณะแพทย์จากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้ย้ายการรักษาจากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มาถวายการรักษาอยู่ ณ กุฏิจันทร์ กุสโล ภายในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นต้นมาจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต สิริอายุรวม ๙๑ ปี พรรษา ๗๑

    ท่องถิ่นธรรม หลวงปู่จันทร์กุสโล วัดเจดีย์หลวง

    _/_ _/_ _/_

    -๑๑-กรกฎาคมเ.jpg
    วันนี้วันที่ ๑๑ กรกฎาคมเป็นวันคล้ายวันมรณภาพของพระพุทธพจนวราภรณ์ หรือหลวงปู่จันทร์ กุสโล รำลึก ๑๐ ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่จันทร์ กุสโล ท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาไว้มาก ทั้งด้านการเผยแผ่ การศึกษาของพระเณร สร้างสาธารณประโยชน์ให้กับวัดวาศาสนา และทางฝ่ายบ้านเมือง เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังร่วมถวายปัจจัย และทองคำเข้าโครงการช่วยชาติร่วมกับองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อยู่หลายครั้งหลายหนด้วยกัน

    หลวงตามหาบัว และหลวงปู่จันทร์ ท่านทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก อย่างคำกล่าวที่หลวงตามหาบัว เคยพูดไว้..”ท่านเจ้าคุณวัดเจดีย์หลวงท่านสบายดีไหม (ท่านสบายดีครับ) ท่านสบายเหรอ เราฝากความคิดถึงไปถึงท่านได้เล่าถวายท่านหรือเปล่าล่ะ(ถวายครับ) เล่าถวายเหรอ เออ อย่างงั้นซี คือแต่ก่อนว่าเป็นเพื่อนกันก็ได้ ท่านเป็นรุ่นน้องแต่ถือว่าเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่เรียนหนังสืออะไร ๆ นู้นนะ ท่านเป็นมหา เราก็เป็นมหา สนิทสนมเป็นเพื่อนๆ กัน ครั้นหลังจากนั้นมาแล้ว เดี๋ยวนี้เราถือท่านเป็นเพื่อนเหมือนแต่ก่อน ท่านไม่รับเลยนะ ท่านยกให้เป็นอาจารย์ ว่ายังไงท่านไม่ยอมรับ กิริยาท่าทางวางตัวเป็นเพื่อนเป็นฝูงท่านไม่รับเลย ท่านจะยอมตัวกราบ ท่านยกเราเป็นอาจารย์ตลอด ทีนี้เราก็เลยเป็นอาจารย์ท่าน แต่ก่อนเป็นเพื่อน เดี๋ยวนี้กลายเป็นอาจารย์ท่านแล้ว เพราะท่านไม่ยอมรับความเป็นเพื่อน ท่านไม่ยอมรับจริงๆ ไม่รับเลย มีแต่หมอบเลยๆ เราก็เลยถือเป็นลูกศิษย์เสีย ว่ารุ่นน้องๆ ก็เลยลบไปเลย เลยกลายเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ไปเลยเดี๋ยวนี้..”

    หลวงปู่จันทร์ นามเดิมของท่านชื่อ “จันทร์” สกุล “แสงทอง” เป็นบุตรของ นายจารินต๊ะ และ นางแสง แสงทอง ท่านถือกำเนิดตรงกับวันจันทร์ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๐ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ปีมะเส็ง ณ เรือนไม้อันร่มรื่นริมน้ำปิง บ้านท่ากองิ้ว ต.ปากบ่อง อ.ปากซาง จ.ลำพูน เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๐ ณ วัดเจดีย์หลวง โดยมี พระพุทธิโสภณ (พระอาจารย์แหวว ธัมมทินฺโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พระอาจารย์พิมพ์ ธมฺมธโร) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระญาณดิลก วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูพุทธิโสภณ (พระอาจารย์บุญปั๋น) วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นพระอนุสานาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “กุสโล” ซึ่งแปลว่า “ผู้ฉลาด”

    “..ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีการสูญเสียใดๆที่น่าเสียใจเท่ากับการเสียเวลา เสียเวลาเพียงหนึ่งวินาที ก็เท่ากับสูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิต อายุที่เราได้นั้นคือชีวิตที่เราสูญเสียไป..” โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่จันทร์ กุสโล

    พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) ได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคถุงลมโป่งพอง และโรคปอด เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๑ เวลาประมาณ ๑๘.๓๕ นาฬิกา หลังจากรักษาอาการอาพาธมาเป็นเวลานาน โดยคณะแพทย์จากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้ย้ายการรักษาจากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มาถวายการรักษาอยู่ ณ กุฏิจันทร์ กุสโล ภายในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นต้นมาจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต สิริอายุรวม ๙๑ ปี พรรษา ๗๑

    ท่องถิ่นธรรม หลวงปู่จันทร์กุสโล วัดเจดีย์หลวง

    _/_ _/_ _/_

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    1f340.png …ถึงวาระของมันแล้วใครจะรั้งมันไว้ได้ ต้องพังลงด้วยกันทั้งนั้นแหละ แล้วอะไรที่เป็นสาระสำคัญนอกจากใจที่ไม่ต้องแตกต้องดับเหมือนสิ่งทั้งหลายเท่านั้นในตัวคน

    1f340.png แต่สิ่งที่แทรกอยู่ที่ใจนั้นคือยาพิษน่ะซิ มันจะทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อไปอีกถ้าไม่รีบถอนยาพิษเสียแต่บัดนี้

    1f340.png ฉะนั้น จงเอาธรรมขับไล่เข้าไป สมถธรรม วิปัสสนาธรรม สมาธิธรรม สติธรรม ปัญญาธรรม วิริยธรรม แทรกลงไปแฝงลงไปขับไล่มันออกไป นี้แหละตัวภัย

    1f340.png จงขับออกให้พ้นตัวพ้นใจจะหมดภัย ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ร่ำไปดังที่เคยเป็นมาและเป็นอยู่นี้

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “โลหิตที่หลั่งไหลออกเพราะถูกตัดศรีษะของพวกเธอผู้หลงท่องเที่ยวไปมาในสังสารวัฏ แม้เพียงรายเดียวนี้ มีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ รวมกัน”

    (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก)
    (เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค)

    ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระดำริว่า ภิกษุชาวเมืองปาวาประมาณ ๓๐ รูปเหล่านี้แล ทั้งหมดล้วนถือการอยู่ป่าเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ถือทรงไตรจีวรเป็นวัตร ทั้งหมดล้วน ยังมีสังโยชน์ ถ้ากระไรหนอ เราพึงแสดงธรรมโดยประการที่ภิกษุเหล่านี้จะพึงมีจิตหลุดพ้นจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น ณ อาสนะนี้ทีเดียว ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ฯ

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้ยังมีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน โลหิตที่หลั่งไหลออกของพวกเธอผู้ท่องเที่ยวไปมา ซึ่งถูกตัดศีรษะโดยกาลนานนี้ กับน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ สิ่งไหนจะมากกว่ากัน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายย่อมทราบธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า โลหิตที่หลั่งไหลออกของพวกข้าพระองค์ผู้ท่องเที่ยวไปมา ซึ่งถูกตัดศีรษะโดยกาลนานนี้แหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย ดังนี้ ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูกละๆ พวกเธอทราบธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ ถูกแล้ว โลหิตที่หลั่งไหลออกของพวกเธอ ผู้ท่องเที่ยวไปมาซึ่งถูกตัดศีรษะโดยกาลนานนี้ นี้แหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นโค ซึ่งถูกตัดศีรษะตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นกระบือ ซึ่งถูกตัดศีรษะตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นแกะ เกิดเป็นแพะ เกิดเป็นเนื้อ เกิดเป็นสุกร เกิดเป็นไก่ เมื่อพวกเธอถูกจับตัดศีรษะโดยข้อหาว่า เป็นโจรฆ่าชาวบ้านตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า ถูกจับตัดศีรษะโดยข้อหาว่าเป็นโจรคิดปล้น ถูกจับตัดศีรษะ โดยข้อหาว่าเป็นโจรประพฤติผิดในภรรยาของผู้อื่น ตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างพอใจชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาค เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของภิกษุชาวเมืองปาวาประมาณ ๓๐ รูป พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ฯ (บรรลุเป็นพระอรหันต์)

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมถวายปัจจัยใน
    งานถวายเพลิงสรีระหลวงปู่บุญมี_ปริปุณโณ

    พินัยกรรมที่องค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ
    องค์ท่านทำไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖

    ๑. ห้ามเกินเจ็ดวันให้เผา
    ๒. จัดงานให้เรียบง่ายที่สุด
    ๓. ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย

    คณะสงฆ์จึงมีมติให้ถวายเพลิงสรีระองค์หลวงปู่
    ในวันพุธที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ตามคำสั่งหลวงปู่ทุกประการ

    หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่าศิลาพร จ.ยโสธร
    สิริอายุ ๙๑ ปี ๗ เดือน ๙ วัน ๗๑ พรรษา

    ท่านสามารถร่วมบุญถวายบูชาคุณบูชาธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ได้ที่

    ธนาคาร : กรุงเทพ
    สาขา : ยโสธร
    ชื่อบัญชี : หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ และ พระสมภพ ไวยเพ็ชร์ และ นายอมร ขันเงิน
    เลขที่บัญชี : 271-4-55650-9
    ประเภท : ออมทรัพย์

    ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อมต่อพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ด้วยความเคารพอย่าสูงสุด และข้าพเจ้าได้มีจิตศรัทธาขอร่วมถวายปัจจัยเป็นจำนวนเงิน ๑,๐๐๐ บาท จึงขอเชิญชวนสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมถวายปัจจัยได้ตามกำลังของตน เพื่อสร้่างกองมหาบุญกุศล อันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพาน ในปัจจุบันจิตปัจจุบันธรรมนี้เทอญ
    ______________________________________

    องค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านได้กล่าวปรารภถึงองค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ดังนี้

    “ท่านใหญ่ คือ ท่านบุญมี ท่านบุญมีอยู่กับเรามาร่วม ๓๐ ปี ไล่ออกจากนี้ก็ไปอยู่ที่นั่น ไปเสียที่นั่น เราละไล่ออกไป นี่มันจะเป็นพ่อแม่ยายได้แล้ว จะมาเป็นลูกเขยใหม่อยู่ทำไม เป็นลูกศิษย์มาอยู่กับเรานานนะ”

    1531588387_354_ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธ.jpg
    1531588387_843_ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธ.jpg
    1531588387_611_ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เป็นผัวเมียกัน นั่นแหละมันทุกข์..เข้าใจบ่ ?

    “..ทุกข์ทั้งนั้นแหละ เป็นผัวเมียกัน

    บอกฮักกันๆ มันกะดีแต่..ตอนใหม่ๆ นั่นละ
    กินข้าวเปล่า..ใส่น้ำปลา มันยังว่า..อร่อยเลย
    พอนานไป ทีนี้บ่..อร่อยแล้ว ทำมาแค่ไหน
    กะบ่อร่อยแล้ว เข้าใจไหม..มันเบื่อ มันนาน

    จิตดวงนี้มัน..บ่ตายเด้อมันออกจากร่างนี้กะไปสิงอยู่กับร่างใหม่..มนุษย์เฮาบ่ว่ารวยหรือจนกะกินข้าววันละสามครั้งคือกัน..กินกะได้แค่อิ่ม..ตอนเป็นมนุษย์อยู่นี้ให้พากันสร้างไว้หลายๆ กรรมดี เพราะว่าตอนเป็นมนุษย์นี้คนบ่มีกะยืมกันกินได้ ขอกันกินได้ หาเก็บผัก หาปลา มากินได้..เดินบ่ได้กะแบกกะหามกันไปนั้นมานี้ได้..แต่ข้างหน้านั้นมันขอกันกินบ่ได้ ยืมกันกินบ่ได้เป็นไปตามกรรมไผมันเด้อ..

    เป็นฆราวาสมีครอบครัวบ่ต้องเอาหยังหลาย..สวดมนต์ไหว้พระทุกวันก่อนนอนแล้วกะตอนเช้าตื่นนอน..นั่งภาวนาเช้าแลงให้ได้วันละ 20 นาทีแค่นี้เหลือกินแล้ว…เฮ็ดไปทุกวันๆ แบบนี้คือเฮากินข้าวทุกวัน บางวันกะกินกับพริกกับกินเกลือ..กินไปทุกๆวันมันสิเจอเองของดี..”

    หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร

    -นั่นแหละ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ..เหตุฉะนั้นบุญวาสนาบารมีทำไมจึงต่างกัน ที่พระพุทธองค์นั้นทรงตรัสสอนไว้ บุญวาสนาบารมีนั้นแข่งกันไม่ได้ เราจะแข่งกันได้ก็แค่แข่งรถแข่งเรือ ก็ได้แค่นั้น แต่จะแข่งบุญวาสนาบารมีนั้นแข่งกันไม่ได้ เพราะทุกคนนั้น สร้างคุณงามความดี สร้างหลักฐานนั้นมาต่างกัน ถ้าเราพากันดูบ้านเราเมืองเราประเทศไหนก็ดี มันมีหมด เหมือนกันหมด ทำไมชีวิตของคนจึงเป็นอย่างนี้ พระพุทธองค์จึงตรัสสอนว่าเป็นเรื่องของกรรม กรรมที่ทุกคนสร้างสมอบรมเอาไว้ ..ระดับชีวิตของคนเราที่เกิดขึ้นมานี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เคยเสวยมาแล้วทุกระดับ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารทั้งภพน้อยและภพใหญ่ วนไปเวียนมาในวัฏสงสารนี้ ตั้งแต่เกิดเป็นคนทุกข์คนจน มาจนถึงพระเจ้าจักรพรรดิ ก็เรียกว่ามีการพัฒนาคุณงามความดีนั้นให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป เมื่อถึงสูงสุดแล้วหากยังไม่ทำคุณงามความดีอีก ก็จะลดน้อยถอยลงมาตามระดับ เหมือนบุคคลในปัจจุบันนี้บางบุคคล มีเงินมีทองมีทรัพย์สมบัติมากมายดีแล้ว แต่จะจำแนกแจกทานให้กับคนจนก็ไม่ได้ สงเคราะห์อะไรนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้ หวงแหนทรัพย์สมบัติ อะไรทุกอย่าง หวงแหนไว้หมดเป็นคนตระหนี่ ชาติต่อไปมันก็จะตกระดับลงไปเรื่อยๆ วัดก็ไม่เข้าพระเจ้าก็ไม่ไหว้ สวดมนต์สวดพรไม่มีเมตตาแก่ใคร นั่นแหละเขากำลังหลงสมบัติที่เขามีอยู่ มันก็จะถอยหลัง ถอยหลังไปทุกภพทุกชาติที่ไม่ได้ทำเอาไว้ มันก็จะถอยลงไปเรื่อยๆตามระดับดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จนไปถึงเป็นคนจนอีก เป็นคนจนแล้วยังไม่แล้ว ยังไปทำบาปความชั่วไม่มีศีลธรรม ตกไปเป็นเดรัจฉานอีก เป็นหมูหมาเป็ดไก่ช้างม้าวัวควายอีก ตกต่ำลงไปเรื่อยๆจนเป็นสัตว์ที่ไม่มีขานั่นแหละ เหมือนงูเหมือนปลิงไส้เดือนอะไรต่างๆ ชีวิตของคนมันเป็นอย่างนี้เรียกว่า เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ตามอำนาจของกรรมที่ได้สร้างเอาไว้ในอดีตที่ผ่านมา
    ..เมื่อพวกเราเป็นผู้ที่มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้เป็นผู้ที่มีความตั้งใจ เป็นคนที่มีศรัทธาเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าทานศีลภาวนาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนให้พากันตั้งใจปฏิบัติ ฝึกหัดอบรมตนตามกำลังความสามารถของตน ไม่ให้เสียเวลาที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อเราเห็นแล้วว่ามันเป็นอย่างนี้ ชีวิตของคนที่เกิดมา ไม่ว่าจะอยู่บ้านใดเมืองใด ประเทศไหน มีคนจนคนรวยสูงต่ำตามระดับ จนถึงพระเจ้าจักรพรรดิ เหตุฉะนั้นหากพวกเรามีความต้องการ ที่จะให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปแล้วละก็ ก็ต้องมีการจำแนกแจกทานไปตามกำลังความสามารถของตน ถ้าไม่มีอะไรก็ใช้ร่างกายนี้แหละช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้น ร่างกายนี้ก็มีคุณค่า มีทรัพย์ก็ทำไปตามกำลังการทำมาหาได้ ทำบุญทำกุศลไม่ใช่ให้ทำมาก ที่จะทำให้เจ้าของมีความลำบาก ต้องทําไปทีละน้อยๆ เหมือนกับปลวกตัวเล็กๆมันคาบดินไปทำรังนี่แหละ มันมาแปะทีละน้อยมันก็เป็นจอมปลวกใหญ่ได้ ฉันใดก็ดีการทำบุญการกุศลให้ทำไปทีละน้อยๆ ไม่นานก็จะมากมายมหาศาลเกิดขึ้น ดังนั้นเองให้สร้างไปทุกภพทุกชาติ สร้างไปเรื่อยๆ มันก็จะเป็นคุณงามความดีเป็นพื้นฐานที่ดีของมนุษย์ที่ได้เกิดมาในโลกนี้ นี่ก็เรียกว่าเป็นการสร้างสมอบรมคุณงามความดีของชีวิต.. .การทำคุณงามความดีเป็นพื้นฐานที่ดีของมนุษย์ที่ได้มาเกิดในโลกนี้..
    1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png 1f64f.png

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ในบรรดา…
    ความไม่ประมาททั้งหลาย
    ความไม่ประมาทในความคิด
    เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
    เป็นต้นสาย…
    ของความไม่ประมาททั้งปวง”

    – สมเด็จพระญาณสังวรฯ

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พญานาคมีอยู่จริง”

    (วิสัชนาธรรมโดย หลวงปู่หา สุภโร)

    โยม : หลวงปู่เจ้าขา บนยอดภูกุ้มข้าว เขาเขียนไว้ว่า รูพญานาค โยมเลยสงสัยว่าพญานาคมีจริงหรือไม่เจ้าค่ะ ช่วงนี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับพญานาคออกบ่อยๆ หนูเลยอยากมากราบขอโชคขอลาภกับพญานาคท่านนะค่ะ

    หลวงปู่ : มีสิคุณ พญานาคมีจริงๆนะ

    โยม : หลวงปู่ทราบได้ยังไงว่ามีเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : (หลวงปู่ท่านยกขวดนมเปรี้ยวชนิดหนึ่งขึ้น) ในนี้มีอะไรคุณ ?

    โยม : แลคโตบาซิลลัส เจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : ไอ้ ลัดๆ นี่มันคืออะไร ?

    โยม : ภาษาเค้าเจ้าค่ะ คือ แบคทีเรีย เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ เจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : ทำไมคุณรู้ว่ามีหล่ะ

    โยม : ก็นักวิทยาศาสตร์เขาใช้กล้องส่องดูเจ้าค่ะ ดูด้วยตาเปล่าๆ ไม่เห็น

    หลวงปู่ : เออ การดูของแบบนี้ต้องใช้อุปกรณ์ดู ดูพญานาคก็ต้องใช้อุปกรณ์ดู นาคเป็นสัตว์ในโลกทิพย์ ก็ต้องใช้ตาทิพย์ดู ไม่มีตาทิพย์ก็ไม่เห็นของทิพย์ ไม่มีหูทิพย์ก็ไม่ได้ยินเสียงทิพย์ ไม่มีกายทิพย์ก็ไม่ได้ไปโลกทิพย์ เราไม่เห็นก็ไม่ได้แสดงว่าไม่มี

    โยม : อย่างนั้นโยมก็ไปกราบไหว้ ขอโชคขอลาภได้สิเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : เหอ ผิดไปกันใหญ่แล้ว รอแต่ไปขอคนอื่น มัวแต่ไปขอคนอื่นไม่ทำเอง เราจะได้รึเปล่า

    พญานาคเขาก็เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วมวัฏสงสาร เคารพกัน อยู่ด้วยกันตามอัตภาพ ไม่ใช่ไปกราบไปไหว้ เป็นของนอกเหนือคำสอนพระพุทธเจ้า ยิ่งกราบยิ่งไหว้ยิ่งหนีไกลจากปัญญา หนีไกลจากพระธรรม

    การกราบการไหว้พญานาคไม่ใช่คำสอนของพระองค์ท่าน อย่าพากันทำเกินคำสั่งคำสอน โชคก็ดี ลาภก็ดีมัวแต่ไปแบมือขอคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ คุณก็ไม่ต่างจากขอทาน ไม่ต่างจากลูกนกมัวแต่รอเหยื่อที่พ่อแม่เอามาป้อน แขนเราก็มีขาเราก็มีทำไมไม่ทำเอา มัวแต่ขอเขา ขอเขา

    สุดท้ายเราก็เป็นไอ้ขี้ขอ อยากได้อะไรก็ขอ ก็ขอ เป็นพวกขอทานผู้ดี ขอทานปัญญาชน เรียนมามากศึกษามาสูงกลับมาทำตัวเป็นขอทาน หมูหมาก็เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วมวัฏฏะสงสารทำไมไม่ไปขอ พวกนั้นก็สัตว์ในโลกเหมือนกัน

    โยม : ก็ต่างกันนี่ค่ะหลวงปู่ หมูหมาบันดาลโชคลาภให้หนูไม่ได้

    หลวงปู่ : ก็นั้นสิ แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่า พญานาคเขาดลบันดาลให้คุณได้

    โยม : ……………….(คิดหนัก)

    หลวงปู่ : คนฉลาดหมูหมาก็บันดาลโชคให้ได้ บางคนเลี้ยงหมูเลี้ยงหมาแล้วขาย เขาก็มีโชคมีลาภ โชคลาภจากการทำงานไม่ใช่แบมือขอ เขาพวกนั้นไม่ใช่ขอทานปัญญาชน ไม่ใช่ขอทานที่การศึกษาสูงนะ พญานาคเรารู้ว่ามี ก็มี แต่ไม่ใช่ไปเคารพกราบไหว้ ขอโชคขอลาภ เข้าใจนะ

    โยม : แล้วบั้งไฟพญานาคมีจริงไหมเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : เคยเห็นไหมหล่ะ

    โยม : เคยเห็นแต่ในทีวีเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : มีหรือไม่มี จะไปถามหาทำไม ถามแล้วได้อะไร

    โยม : บางคนเขาก็ว่าหลอกลวง

    หลวงปู่ : อย่าไปอยากรู้เลยว่าหลอกหรือไม่หลอก อย่าน้อยๆ บั้งไฟพญานาคก็ทำให้คนแถวนั้นมีรายได้วันออกพรรษา นั้นคนมีปัญญาขอโชคขอลาภกับพญานาค เรารู้จักทำมาหากิน ไม่ใช่แบมือขอ

    โยม : อย่างนั้นออกพรรษานี้ โยมควรไปดูไหมเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : อยากไปไหมหล่ะ

    โยม : อยากเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : คุณมีรถไหมหล่ะ

    โยม : มี เจ้าค่ะ

    หลวงปู่ : มี ก็ไปสิ

    โยม : ……………

    -พญานาคมีอยู่จริง.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “คนที่มีทานภายในใจ
    หรือมีการสละเป็นนิสัยของใจ
    ไปที่ไหนไม่ตาย
    แม้จะไม่มีมากแต่ก็ไม่จน
    เพราะอำนาจแห่งทาน
    ที่ตนให้ไปแล้วนั้นแล
    เป็นอานิสงส์ตามรักษาผู้นั้น”

    – หลวงตาพระมหาบัว

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ระวังศาสนาเสื่อมเพราะพุทธบริษัท๔ขาดปัญญา

    เรื่อง “โยมบังคับให้หลวงปู่สิมแสดงฤทธิ์”

    (วิสัชนาธรรมโดย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

    เย็นวันหนึ่ง มีโยมขึ้นไปหาหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ที่ถ้ำผาปล่อง แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “หลวงปู่! หลวงปู่ต้องแสดงฤทธิ์ให้ผมดู ไม่อย่างนั้นผมจะไม่นับถือพระพุทธศาสนา”

    หลวงปู่สิม : “ได้ (หลวงปู่ท่านตอบทันที) โยมนั่งๆ ไปเถอะ เดี๋ยวหิวข้าวก็ลุกไปเอง นั่นล่ะ หลวงปู่แสดงฤทธิ์แล้ว”

    แต่ โยมคนนั้นก็ยังไม่ยอม นั่งคาดคั้นอยู่เป็นชั่วโมงๆ จะให้หลวงปู่สิมแสดงฤทธิ์ท่านั้นท่านี้ หลวงปู่สิมองค์ท่านเอาแต่หัวเราะท่าเดียว จนในที่สุด! โยมคนนั้นทนฤทธิ์หลวงปู่สิมไม่ไหว (และคงจะหิวข้าวด้วยนั่นล่ะ) เลยลุกกลับไป

    พอคล้อยหลังโยม พระอุปัฏฐาก ซึ่งคงอดทนอดกลั้นอยู่นานเต็มที ก็โพล่งออกมาว่า “โอ้ เจออย่างนี้บ่อยๆ น่าเบื่อแย่เลยนะครับ”

    หลวงปู่สิม : “จะไปทุกข์ร้อนทำไมกับคนใจต่ำ”
    (หลวงปู่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น)

    พระอุปัฏฐาก : “พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามพระแสดงฤทธิ์ ในความเห็นของผม น่าจะทรงอนุญาตบ้าง เพื่อจูงใจให้คนที่ไม่มีศรัทธา หันมานับถือพระพุทธศาสนานะครับ”

    หลวงปู่สิม : “นั่นล่ะ คือ ความเสื่อมของพระพุทธศาสนาล่ะ คือว่า บารมีของพระอรหันต์แต่ละองค์ไม่เท่ากัน พระอรหันต์ทั้งหมดมีกี่องค์ที่แสดงฤทธิ์ได้? พวกที่ได้โลกียฌาน(ปุถุชน) ก็แสดงฤทธิ์ได้เหมือนกัน คนก็จะหลงผิด ไปเลือกนับถือแต่ผู้มีฤทธิ์ ศาสนาก็เสื่อมล่ะทีนี้”

    (ข้อมูลจาก : พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ภูผาแดงฯ)

    1531764067_623_ระวังศาสนาเสื่อมเพราะพ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “พระพุทธเจ้าแท้ ธรรมแท้ อยู่ที่ใจ
    การอุปฐากใจตัวเอง
    คือการอุปฐากพระพุทธเจ้า
    การเฝ้าดูใจตัวเองด้วยสติปัญญา
    คือการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
    พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง “

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    -ธรรมแท้.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...