ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ุทธศาสนาที่แท้จริงไม่ใช่ศาสนพิธี

    เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่เคยมีพิธี ศาสนาพุทธมิใช่ศาสนาแห่งพิธี แต่ทุกวันนี้ จะทำอะไรมีแต่พิธี หากศึกษาประวัติของพระพุทธเจ้าให้ดี จะพบว่า พระพุทธเจ้าไม่เคยมีพิธี เวลาที่ท่านจะตรัสรู้ ก็ไม่เคยทำพิธี ไม่เคยสวดมนต์ ไม่กราบไหว้อ้อนวอนผีสางเทวดา มีแต่นั่งภาวนาสู้กับกิเลสที่ใจ เวลาแสดงธรรมก็ไม่มีพิธี ไม่ต้องมีธรรมมาสน์ อยู่ที่ไหนๆก็แสดงธรรมได้ อยู่ในป่า ใต้โคนต้นไม้ ท่านก็แสดงธรรมได้ มีผู้สนใจธรรมเมื่อไรท่านก็แสดงได้ทันที ไม่ต้องมีพิธี ไม่ต้องถวายซองปัจจัย ท่านก็แสดงได้ แต่ทุกวันนี้ เอะอะ…อะไรก็มีแต่พิธี เป็นพิธีของพวกพราหมณ์ มิใช่ศาสนาพุทธ มีการเขียนตำราพิธีต่างๆ มากมาย พากันหลงผิดไปตามตำรา ปฏิบัติผิดตามกันมานานจนกลายเป็นศาสนพิธี ยากที่จะแก้ไขได้ บ้างก็มีการเขียนตำรา พากันถวายข้าวพระพุทธเจ้า ทั้งที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานมานาน พระพุทธองค์และเหล่าสาวกอรหันต์ เป็นผู้อิ่มพอและหมดกิเลสแล้ว จึงไม่ต้องเสวยอะไรอีก หรือแม้แต่พรหมเทวดาที่แท้จริง เขาก็ไม่มากินเครื่องเซ่นไหว้ของมนุษย์ เพราะเขามีอาหารทิพย์ ที่ได้ทำบุญไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ จะมีแต่พวกอสูรและเหล่าวิญญาณเท่านั้น ที่ยังกินเครื่องเซ่นไหว้อยู่
    และที่หลงกันมาก ก็คือ มีการทำพิธีเบิกพระเนตรพระพุทธรูป เบิกพระเนตรพระพุทธเจ้ากันไปทั่ว ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าตาสว่างไสว รู้แจ้งโลกมาตั้งสองพันกว่าปีแล้ว มีแต่ผู้ที่ยังตาบอดและใจมืดมิดอยู่นั้นละ ที่บังอาจไปเปิดตาพระพุทธเจ้า ชั่งทำไปได้ หลวงพ่อจึงขอถามพวกท่านทั้งหลายว่า… ศาสนาเป็นพิธี หรือพิธีเป็นศาสนากันแน่?…

    นี่..ขนาดหลวงพ่อพูดจบ ก็จะยังให้หลวงพ่อทำพิธีอีก หลวงพ่อไม่มีพิธีหรอก เพราะบุญมันสำเร็จแล้วที่ใจ มิใช่สำเร็จตรงที่พิธี นี่..หลวงพ่อคงบ้าอยู่ผู้เดียว เพราะหลวงพ่อไม่มีพิธีอย่างคนอื่นเขา เพราะหลวงพ่อทำตามพระพุทธเจ้าและหลวงปู่มั่น ก็ลองพิจารณากันดูนะ

    หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร
    วัดโคกปราสาท ต.หลุ่งตะเคียน
    อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา

    (ข้อมูลจากคุณ Niti Wattana)

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    บุคคลเรานั้น ถ้าแม้ยังไม่เป็นพระโสดาบัน ประตูนรกยังเปิดรออยู่เสมอ อย่านึกว่าตัวเองแน่ เพราะเราไม่แน่ไปกว่านรกได้ วันนี้เป็นคนนั่งอยู่ในวัด วันหน้าอาจต้องมาเป็นเปรตอยู่ตามกำแพงวัด เป็นแมวเป็นหมาขี้เรื้อนอยู่ตามศาลาวัด ตราบใดที่ภูมิจิตภูมิธรรมยังไม่ถึงพระโสดาบัน อย่าเพิ่งทะนงตนว่าตัวเองจะรอด

    -ถ้าแม้ยังไ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ตั้งแต่โยมพ่ออาตมาเสียโยมแม่อยู่คนเดียว หลัง ๆ อาตมาจึงโทร.ไปคุยบ่อย ๆ วันหนึ่งโยมแม่ถอนหายใจใหญ่ แล้วพูดว่า “ไม่รู้อยู่ทำไม อยู่ไปวัน ๆ ไปไหนก็ไปไม่ได้ เป็นภาระของคนอื่น ไม่รู้อยู่ทำไม” เสียงสั่นเครือของท่านน่าสงสารจริง ๆ

    อาตมาจึงสั่งโยมแม่ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปขอให้แม่ทำความดีวันละข้อ อะไรก็ได้ ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก ๆ ก็ได้ แต่ขอให้เป็นเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจได้ โยมแม่ถามว่าอยู่ไปทำไม คำตอบของอาตมาคืออยู่ไปเพื่อทำความดี วันไหนคนเราทำความดีวันนั้นไม่ว่างเปล่า วันนั้นไม่เป็นหมัน ความดีคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีความหมายและมีความสุข

    ทุกวันนี้เมื่ออาตมาโทร.ไปที่บ้าน ก่อนอื่นต้องถามโยมแม่ว่า “วันนี้ทำความดีแล้วหรือยัง ถ้าทำแล้วอาตมาก็ชื่นชมให้กำลังใจ โยมแม่มีความสุข”

    การตอบแทนบุญคุณไม่ได้อยู่ที่การปรนนิบัติ หรือการรับใช้อย่างเดียว การให้โอกาสให้ท่านทำขัญหรือกุศล และรู้จักอนุโมทนาในความดีที่ท่านได้ทำไว้แล้ว คือการช่วยสุขภาพจิตของผู้สูงอายุที่สำคัญมาก

    พระอาจารย์ชยสาโร”

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ทำบุญวันพระวันเดียว “ยังไม่พอ”

    เหตุเกิดที่ ศาลาหลวงพ่อบันดาลฤทธิผล ขณะหลวงปู่
    กำลังจะลงมือฉัน ก็มีโยมท่านหนึ่งถือภัตตาหารเดินมาทำทีจะถวายท่าน

    หลวงปู่ ; มาจากไหนหล่ะ โยม
    โยม ; มาจากเมืองกาฬสินธุ์เจ้าค่ะ วันนี้วันพระ โยมขับรถออกมาจากตัวเมืองพึ่งมาถึงเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; อือ อนุโมทนานะ
    โยม ; เจ้าค่ะ หลวงปู่ หลวงปู่เจ้าขา ทำบุญวันพระได้บุญมากกว่าทำบุญวันธรรมดาใช่ไหมเจ้าค่ะ เห็นเขาว่า
    อย่างนั้น

    หลวงปู่ ; โยม กินข้าววันปกติ อิ่มเท่าวันเสาร์ – อาทิตย์ไหมหล่ะ
    โยม ; ก็อิ่มเท่ากันเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; เออ จะวันธรรมดาหรือวันเสาร์ – อาทิตย์ กินข้าวมันก็อิ่มเท่ากัน จะวันพระหรือวันเณร ทำบุญก็ได้เท่ากัน

    ทำความความดี อย่าเลือกวัน อย่าเลือกเวลา โอกาสสถานที่

    ทำความดีทำได้ทุกวัน ทุกเวลา ทุกโอกาส

    อย่าไปคิดว่าค่อยทำวันพระ ถ้าคุณตายก่อนวันพระคุณ
    จะได้ทำหรือเปล่า ถ้าคุณมัวแต่รอโอกาส รอเวลา คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่าเวลานั้นจะมีแก่เรา

    กินข้าวคุณยังกินทุกวัน ความดีทำไมไม่ทำทุกวัน มัวแต่รอวันนั้นวันนี้ วันพระค่อยทำ วันนี้คุณทำอะไร อาทิตย์หน้าค่อยทำ อาทิตย์หน้าคุณทำอะไรเดือนหน้าค่อยทำ เดือนนี้คุณทำอะไร ปีหน้าค่อยทำ ปีนี้คุณทำอะไร ชาติหน้าค่อยทำ ชาตินี้คุณทำอะไร

    อย่ามัวรอโอกาสรอเวลา เราไม่รู้เราจะตายวันตายพรุ่ง เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีแก่เราหรือไม่

    แต่ที่สำคัญ เรามีวันนี้ มีเดี๋ยวนี้อย่าปล่อยลมหายใจทิ้งเสียเปล่านะ

    ทำความดี คิดสิ่งดี พูดคำดี ทำได้ทุกที่ทุกเวลาอย่ามัวรอโอกาสเวลาเข้าใจนะ
    โยม ; สาธุๆๆ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ

    จากเพจ : หลวงปู่ไดโนเสาร์

    -ยัง.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    รัก คำไหนยิ่งใหญ่กว่ารักแม่
    รัก จริงแท้จะหาไหนไม่มีเหมือน
    รัก ของแม่จริงใจไม่บิดเบือน
    รัก ของแม่คอยเตือนให้ลูกดี..
    ..รักของแม่ บริสุทธิ์ ดุจน้ำใส
    รักของแม่ จริงใจ มิแปรผัน
    รักของแม่ นั้นอยู่ยง คงกระพัน
    รักนิรันดร์ รักแน่แท้ คือ “แม่เรา”

    -คำไหนยิ่งใหญ่กว่ารั.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่องเล่า จาก งูตัวหนึ่งเลื้อยเข้าไปในโรงไม้ มันไถลเลื้อยข้ามเลื่อยใบหนึ่ง มันเจ็บปวดมาก เลยหันหัวแว้งฉกกัดเลื่อย. แต่กลับทำให้ปากมันมีแผลเหวอะโดยไม่ได้ยั้งคิด มันกลับเข้าใจว่า มันกำลังถูกจู่โจมโดยเลื่อย. มันตัดสินใจ เลื้อยโอบรอบตัวเลื่อย แล้วจัดการรัดเจ้าเลื่อยอย่างเต็มกำลัง. แต่สิ่งที่ได้ คือ มันกลับถูกเลื่อยฆ่ามันตายในที่สุด

    อย่าคิดว่าตัวเองแน่ แล้วใช้อารมณ์ เพราะบางปัญหา อารมณ์ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ บางทีอาจจะคิดว่าการบาดเจ็บเกิดจากคนอื่น แต่จริงๆ อาจจะเกิดจากจุดอ่อนตัวเอง

    ข้อคิด

    ในบางครั้ง เราตอบโต้ความโกรธ ด้วยการคิดทำร้ายคนๆนั้น แต่เราไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า ในที่สุดแล้ว เรากลับกำลังทำร้ายตัวเองอยู่

    ในชีวิตจริง บางทีมันจะดีกว่า ถ้าเราไม่สนใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
    ไม่สนใจคนพวกนั้น ไม่สนใจพฤติกรรมเหล่านั้น แม้แต่คำพูดของพวกเขา

    ในบางครั้ง มันจะดีซะกว่า หากเราไม่โต้ตอบ เพราะมันอาจจะไม่ใช่แค่ ได้ผลลัพท์ที่เลวร้าย แต่อาจเป็นภัยที่ร้ายแรงขั้นถึงชีวิตกันเลยที่เดียว

    อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำชีวิตคุณ แต่กลับเป็นความรัก ที่อยู่เหนือทุกสิ่ง

    จงยิ้มเข้าไว้ แผ่ความสุขในตัวคุณออกไป

    นี่คือ กฎของธรรมชาติ

    อาหารที่เรากิน จะถูกย่อยและถูกขับออกไปภายใน 24ชม. ไม่เช่นนั้น เราจะป่วย

    น้ำที่เรากิน เข้าสู่ภายในร่างกาย และจะถูกขับออกมา ในอีก 4ชม. ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สบาย

    อากาศที่เราหายใจเข้าไป จะถูกดันออกมา ในเวลาแค่ 1 นาที ไม่เช่นนั้น เราก็จะตาย…

    แล้วนับประสาอะไรกับอารมณ์ที่ไม่น่าพิศมัยต่างๆ เช่น ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท ความอิจฉาริษยา ความหวั่นไหวในจิตใจทั้งหลาย. แต่เรากลับเก็บสิ่งพวกนี้ไว้กับเรา เป็นแรมเดือนแรมปี

    หากอารมณ์แย่ๆทั้งหลายยังไม่ถูกกำจัดออกไปจากใจเรา. มันก็จะกัดกร่อนจิตใจส่วนดี และทำให้ร่างกายนี้เจ็บป่วยตามไปด้วย

    การมีสติ กลับมารู้สึกตัว ถือเป็นวิธีที่ไวและให้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด ในการชนะอารมณ์ลบๆในจิตใจของเรา.

    -จาก-งูตัวหนึ่.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ปลวกขึ้นบ้าน ทำอย่างไรจึงไม่บาป?”

    (วิสัชนาธรรมโดย พระไพศาล วิสาโล)

    โยม ปุจฉา – กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ สงสัยเรื่องปัญหากำจัดปลวกในบ้าน จะทำอย่างไรถึงไม่เป็นบาป

    พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา – ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้เขาตาย (หรือพิการ) ก็ถือว่าไม่บาป ส่วนวิธีการจะทำอย่างไรนั้น ต้องถามผู้รู้ ชาวบ้านสมัยก่อนพบว่าปัสสาวะวัวหรือควาย สามารถป้องกันและไล่ปลวกได้ จึงเลี้ยงวัวหรือควายใต้ถุน ใกล้เสาเรือน แต่วิธีนี้เป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับคนเมือง ในฐานะที่เป็นพระ อาตมาไม่สามารถแนะนำให้กำจัดปลวก อันนั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจเอง

    Admin – พระอาจารย์ครับ เรื่องกำจัดปลวก ผมลองค้น ๆ หาในเน็ตถึงวิธีที่จะกำจัดโดยไม่ฆ่าหรือเบียดเบียนมัน ดูเหมือนจะไม่มีเลยนะครับ แม้กระทั่งการปราบแบบ biological control โดยใช้มดหรือเชื้อราบางชนิด ก็ทำให้ปลวกตายอยู่ดี ที่น่าสนใจ คือผม search เจอกระทู้แบบนี้หลายแห่ง แสดงว่ามีคนกลัวบาปจากการกำจัดปลวก หรือสัตว์อื่น ๆ เช่น มด หนู แมลงสาป มากพอสมควร ทำก็กังวลว่าจะบาป ไม่ทำก็กังวลเรื่องที่อยู่อาศัยและโรคติดต่อ และพอดีเจอคำตอบน่าสนใจด้านล่างนี้ครับ พระอาจารย์ว่าถูกต้องตามหลักธรรมไหมครับ

    พึงทราบว่าการที่สัตว์โลกทั้งหลายต้องเกิดมานั้น การที่จะไม่เบียดเบียนกันนั้น ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นได้ สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเข้าถึงการเบียดเบียนไม่ทางตรงก็ทางอ้อมนั่นแหละ ในฐานะที่เป็นชาวพุทธได้ฟังธรรมแล้ว ย่อมพยายามหลีกเลี่ยงในการที่จะล่วงบาป ก่อเวรภัยทั้งปวง แต่บางครั้งก็สุดวิสัย ดังนั้นหากจำเป็น ก็ให้เลือกบาปน้อยเพื่อเลี่ยงบาปใหญ่การที่มีสัตว์เหล่านี้อยู่ในบ้าน หรือแม้แต่ปลวก โทษของเขามี หากเราเองไม่พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นแก่สุขภาพก็ดี หรือบ้านก็ดี ก็ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ดังนั้นหากจำเป็น ก็ทำแล้วให้ยุติกรรมนั้นโดยเร็ว ไม่ไประลึกถึงด้วยความไม่สบายใจ แล้วหมั่นเจริญบุญหนุนขึ้นมาให้มาก ข้อนั้นเพราะเหตุใด ? ตอบว่า หากเราปล่อยให้ปลวกกินบ้านไปหมด ผู้อาศัยย่อมประสบความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ต้องเสียทรัพย์จำนวนมาก อันที่บุคคลหนึ่งอาจจะไม่มีทรัพย์มากขนาดนั้น เขาผู้นั้นย่อมเป็นทุกข์ เสียใจ โศกเศร้าในทุก ๆ วัน ใจของเขานั้นย่อมเป็นไปกับโทสะนานนับเดือนนับปีหรือหลายปีพึงเห็นว่าเป็นโทษใหญ่ ส่วนปลวกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตแต่ไม่มีประโยชน์ ไม่ใช่สัตว์มีคุณ เป็นสัตว์มีโทษ ดังนั้นการล่วงเกินเขาย่อมชื่อว่าโทษน้อย แต่หากบุคคลใดกระทำไปแล้วเกิดความเศร้าหมอง ไม่สบายใจบ่อย ๆ นี้พึงเห็นว่ามีโทษมาก ก็นั่นแหละเกิดมาแล้วไม่เบียดเบียนกันไม่มี ดังนั้นก็พึงลำดับความบาปน้อยไปหาบาปใหญ่ เช่น สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์มีโทษ มีเชื้อโรค ก็เริ่มต้นจากการป้องกัน ทำความสะอาดบ้านให้ดี หายา หากลิ่น หรือเสียง อันจะมีโทษเพียงแค่การขับไล่ให้เขาหนีไป นี้ก็ชื่อว่าบาป น้อยกว่าการฆ่าหากแม้ว่าในที่สุดแล้ว ทำไม่ได้จำเป็นต้องฆ่า ก็เจตนาที่ตั้งนั้นควรจะสำคัญในใจขึ้นว่าเราจะเอายานี้ขับไล่พวกเขาไป ขออย่าให้เขาถึงแก่ชีวิตเลย เพียงแต่ให้เขาหนีไปโดยเร็ว หรือทำความสำคัญในใจว่าเราจำเป็นจะต้องรักษา บ้าน รักษาสุขภาพของคนในบ้านไม่ให้เป็นโรค ก็บรรดายาต่าง ๆ ที่นำมาใช้นี้ก็เป็นเพียงเพื่อให้พวกเขาหนีไปโดยเร็วที่สุด ชื่อว่าเจตนาแห่งการฆ่าไม่เกิด มาดแม้ว่าสัตว์บางตัวไม่ยอมหนีไปกลับเข้ามาแล้วเสียชีวิตลง องค์กรรมบถก็ชื่อว่าไม่ครบองค์ เพราะเจตนาแห่งการฆ่าไม่มี อย่างนี้ก็ชื่อว่าบาปน้อย หากแม้ว่ารังเกียจมากมาย หมายใจจะฆ่าให้ตาย อย่างนี้การกระทำนั้นๆ บาปมากกว่าที่ได้กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นก็กำหนดเจตนาให้ดีแล้วอย่าอ้อยอิ่งกับความเสียใจในบาปนั้นๆ มิฉะนั้นจะกลายเป็นบาปหนักขึ้นมา เพราะว่าทำบ่อย ๆ คิดถึงบ่อย ๆ ที่ขาดไม่ได้ต้องหมั่นเจริญกุศล ปุถุชนจำเป็นต้องใช้กุศลมาช่วยตนเองให้ปลอดภัยจากอกุศล คือเมื่อกุศลเกิดบ่อย อกุศลก็เกิดไม่ได้บ่อย กำลังบุญก็จะมาก ความปลอดภัยก็จะมีมาก ดังนั้นต่อคำถามนี้ก็พึงเห็นเหตุผลตามที่แสดงแล้ววางใจให้ถูก

    พระไพศาล วิสาโล : อาตมาเห็นด้วยกับสาระสำคัญในคำสอนที่คุณยกมา ตรงที่ว่า ชีวิตของคนเรานั้น การที่จะไม่ทำบาปเลย ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ควรทำบาปให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น กรณีการกำจัดปลวกนั้น ย่อมเป็นบาป แต่ควรทำให้เป็นบาปน้อยที่สุด ด้วยการตั้งเจตนาว่ามิได้ต้องการจะฆ่า หากมุ่งหวังเพียงแค่ขับไล่ให้เขาหนีไป ขออย่าให้เขาถึงแก่ชีวิตเลย และเมื่อทำเสร็จแล้วก็ไม่มัวหวนคิดถึงการกระทำนั้นให้จิตมัวหมองเศร้าโศกซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกันนั้นก็ควรทำความดีเจริญกุศลเนืองๆ

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ฉันรวย ฉันเก่ง ฉันเป็นคนใหญ่คนโต”

    หลวงปู่ชา สุภัทโท
    วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    “ทิฎฐิ คือความเห็นและความนึกคิดเกี่ยวกับสิ่งทั้งปวง เกี่ยวกับตัวเขาเอง เกี่ยวกับการปฎิบัติภาวนา เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า หลายๆท่านที่มาที่หนองป่าพง มีตำแหน่งการงานสูงในสังคม บางคนเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่ง หรือได้ปริญญาต่างๆ ครูและข้าราชการ สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ เขาฉลาดเกินกว่าที่จะฟังผู้อื่น เปรียบเหมือนน้ำในถ้วย ถ้าถ้วยน้ำมีน้ำสกปรกเต็มอยู่ ถ้วยนั้นก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ท่านต้องทำจิตให้ว่างจาก”ทิฏฐิ” แล้วท่านจึงจะได้เรียนรู้

    การปฎิบัติของเรานั้นก้าวเลยความฉลาดหรือความโง่ ถ้าท่านคิดว่า ฉันเก่ง ฉันรวย ฉันเป็นคนใหญ่คนโต ฉันเข้าใจในพระพุทธศาสนาแจ่มแจ้งทั้งหมดเช่นนี้แล้ว ท่านจะไม่เห็นความจริงในเรื่องของอนัตตาหรือความไม่ใช่ตัวตน ท่านจะมีแต่ตัวตน ตัวฉัน ของฉัน แต่พระพุทธศาสนาคือการละตัวตน เป็นความว่าง เป็นความไม่มีทุกข์ เป็นความดับสนิท คือ นิพพาน…”

    -ฉันเก่ง-ฉันเป็นค.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    บาปเพราะตำหนิติเตียนโดยขาดการไตร่ตรอง

    (คติธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

    ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    อีกเรื่องหนึ่ง ยังมีเทพยดาองค์หนึ่ง แต่ก่อนเป็นผู้หญิง ในสมัยครั้งหนึ่งแกไปวัดไปเห็นมันรกในทางจงกรมของพระ แกก็ไปเขี่ยขี้ฝอยในทางจงกรมนั้น เพื่อให้ความสะดวกในการเดินจงกรมของพระครั้งเดียวเท่านั้น

    แต่แกทำด้วยความรัก แกทำด้วยความเชื่อ ทำด้วยความนับถือ ทำด้วยความบริสุทธิ์จิต เพราะของที่รกรุงรังสกปรกนั้น ยังความเศร้าใจให้เกิดขึ้นท่านเห็นเป็นเช่นนี้จึงได้เก็บขี้ฝอยออกจากที่ทาง แล้วก็หาน้ำล้างเท้ามาไว้ในที่นั้น เก็บขี้ฝอยขี้เศษต่างๆ รกรุงรังออกหมด แกก็รู้สึกว่า ใจสบายผ่องแผ้ว กลับไปบ้าน

    บังเอิญไปเกิดเป็นลมตาย ตายจากโลกนี้ก็ไปเกิดเป็นเทวดา มีบริษัทบริวาร มีอาหารทิพย์ มีปราสาท มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมากมาย เมื่อไปอยู่ที่นั้น ระลึกชาติได้ เมื่อระลึกชาติได้อย่างนี้ ก็นึกในใจว่า ถ้าเราทำบุญมากๆ ก็จะได้ดีมากกว่านี้ จะขอไปทำความดีอีกสักหน่อยเถอะ เพื่อให้มันยิ่งกว่าที่ได้ผลอยู่ขณะนี้ แต่ก่อนไม่ยักรู้ว่ามันจะได้รับผลอย่างนี้

    ก็ได้ลงมาจากสวรรค์ ไปเที่ยวหาพระอยู่ตามป่าตามพง พอไปเห็นพระองค์หนึ่งท่านกำลังเข้าสมาธิ ฝ่ายเทวดาก็มายืนจ้อง คอยปฏิบัติอุปัฏฐากพระ ท่านเลยตะเพิดไป “เทวดาทำไมมาแย่งบุญมนุษย์ แต่ก่อนนี้มันประมาท เมื่อไปเสวยผล ได้รับผลดีแล้ว ยังจะอยากโลภมาก ไม่เอา ไม่ให้ท่านให้มนุษย์เขามาทำ คนที่ยังไม่ได้รับความดีอย่างแกนั้นยังมีอยู่อีกมาก ไม่ต้องมาแย่งเขา” เปิดเลย เทวดานั้นขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ ก็ได้ผลแค่นั้น บุญใหม่ควรทำต่อ เขาไม่ให้ทำ

    นี่เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่า คนเราประมาทในบุญเล็กน้อย เมื่อตายไปแล้ว จะมาทำบุญกุศลน่ะ มันยากนัก ยากยังไง กายก็ไม่เหมือนกายมนุษย์ จะมาพูดกับมนุษย์ก็ไม่ได้ จะมาใส่บาตรทำบุญก็ไม่ได้

    อย่างดีก็เพียงมายืนคอยอนุโมทนาเท่านั้น ถ้าใครตาดีก็เห็น ใครตาไม่ดีก็ไม่พบพาน ถ้าใครมีภูมิรู้ในทางจิต ก็พอจะแนะนำสั่งสอนกันบ้าง ถ้าไม่มีคนเช่นนั้น เทวดาก็ไม่มีหนทางที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีต่อได้เลย นี่มันเป็นอย่างนี้

    พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร

    -ยังมีเทพ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...