อนัตตา เปรียบดั่งยาขมของผู้ปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 11 สิงหาคม 2018.

  1. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    พึงวินิจฉัยให้ได้และรวมลงที่การพิจารณาในตนในแง่ที่ว่า...ระหว่างเป็นผู้เล่นกับเป็นผู้ดูค่าต่างกันอย่างไรและผลของทั้งสองอย่างจะให้อะไรกับเรา...ถ้าให้ด้านลบแสดงว่ายังมองไม่เห็นอะไร...แต่ถ้าให้ด้านบวกน้อมนำมาพิจารณาเป็นเหมือนว่าตนเองกำลังทำอะไรเรียกว่า...สติ
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    5555+

    ตอบคนเก่าแก่ที่มีความทรงจำกันไว้ก่อน

    เอ็งก็พูดเกินไป กรูเคยพูดไว้ที่ไหนว่ากรูเป็นอาจารย์

    ที่เอ็งไปส่องนั้น เค้าแค่ชวนกรูไปพูดคุยด้วยแค่นั้น

    ไอ้เรื่องทับถมใครนั้น มรึงก็น่าสังเกตุเห็นได้นะว่า

    ปรกติกรูพูดอยู่ในกอบแห่งพระพุทธพจน์ เอามาสรุปหรือขยายความออกไปบ้าง

    ส่วนใหญ่ที่ทับถมกลับ ก็แค่สวนกพวกชอบอวดโง่โชว์ตัวข่มคนอื่นเท่านั้น

    ถามเอ็งตรงๆ เอ็งคุยกับคนบ้าหลงตัวเองขนาดนี้ เอ็งคิดหรือว่าคุยกับมันดีๆมันจะรู้เรื่อง

    ทั้งๆที่รู้นะว่า แม้แต่หมอที่โรงพยายามบ้าคุยกับคนพวกนี้มากๆก็ยังเพี้ยนได้เลย

    แค่คิดถึง รู้นะ อยู่หว่างๆแบบห่วงๆ แต่ก็พร้อมที่จะลุยเหมือนกันนะ5555+


    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรม
     
  3. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ผมว่ากระทู้น่าสนใจใคร่รู้อย่างยิ่งว่าด้วยเรื่องความว่างและความไม่เป็นตัวเป็นตนของสองทางเลือกระหว่างสมาธิและจิต อันนี้ผมไม่รู้ว่า ว่างในที่นี้เกี่ยวอย่างไรกับอนัตตาแต่เชื่อว่าหลายคนเข้าใจว่าอนัตตาคือความว่าง....มันจึงเหมือนดังยาขม...เพราะว่าถ้าเราไม่อาจระบุสถานะของสติที่อยู่ท่ามกลางสมาธิต่างอย่างไรกับที่อยู่ท่ามกลางจิตน่าจะยุ่งยากมากที่เข้าใจ...จึงต้องพิจารณาอย่างยิ่งยวด
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ไม่ งับๆแงบๆตะแลบแก้บ ให้ตรงเป้าหละฮับ

    นิ้วขยับกดเปนอักษรได้ ใช้ ลมหายใจไป
    หลายควอตหน่าฮับ จะมาหายใจทิ้งทีหลัง
    มันแก้กันได้ หรอ ปู่ทำมาปูด
     
  5. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    หลายคนถ่ายทอดความรู้เพื่อประโยชน์เพื่อสร้างกุศลอย่าพยายามคิดถึงแต่ด้านลบเลย...จะมีก็บางท่านที่ยังยึดติดถ่ายทอดไปตามความคิดที่เป็นด้านลบในตน....ทั้งหมดอยู่ที่เราจะเลือกมอง....พยายามมองด้านลบก็เห็นด้านลบ หรือมองด้านบวกก็เห็นด้านบวก มองแบบเห็นทั้งสองด้านก็ไม่เรียกว่าตรงกลางแต่ถ้าใคนจะเข้าใจว่านั่นกลางก็เรื่องของเขาแต่ไม่ว่าด้านใด...ไม่น่าจะดีเพราะอยู่ที่เราใช้อะไรมอง....ผมก็ไม่ผมก็ไม่รู้บุคคลฝึกจิตแล้วใช้อะไรมองใช่แค่ตามองอย่างนั้นหรือ...หรือว่าใช้แค่ใจมอง..มันเพียงพอจริงเหรอต่อการมองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวัฏสังสารนี้
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    555+

    ไอ้ถ่อยเอ๊ย.......

    มรึงได้แค่นี้ กรูก็ยอมรับแค่นี้ ควายล้วนๆไม่มีส่วนผสมจริงๆ

    มรึงพยายามขุดหาคำหยาบๆเท่าที่คิดขึ้นมาได้ยิ่งกว่าแม่ค้าในตลาดแล้วอัดลงไป

    ตามความอัดอั้นตันใจที่หัวร้อนสมองบวมของมรึง มรึงทำได้เต็มที่เลยนะ

    กรูก็แค่อ่านข้ามๆจับใจความได้แค่ไหนแค่ก็แค่นั้น

    คำว่าแพ้ชนะนั้น เค้าดูที่อาการ มรึงยิ่งออกอาการมากเท่าไหร่ ก็เหมือนมวยรอง

    เหมือนคนที่ชอบคุยโม้อวดตัวว่าเก่งอยู่ข้างบน

    ที่บอกว่าราคาต่อรองไปไกลถึง 20ต่อ1

    อย่างที่เค้าพูดว่า การรบยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร จำไว้นะ

    มรึงต้องไปหัดนิสัยเสียใหม่นะ จะกล่าวหาใคร หลักฐานโว้ย

    อย่ามีแค่ลมตดออกมา มันเหม็นคุ้งไปทั่วแม้แต่ตัวมรึงเอง

    มรึงยิ่งแสดงอะไรที่ขาดเหตุผล เครดิตมรึงก็จะลดลงไปเอง

    เอาก็เชียร์ให้มรึงแสดงวิสัยทัศน์แบบควายๆต่อไปนะ กลัวอะ555+

    ปล.กรูก็รู้สึกว่าการที่เล่นหยาบกับมรึงนานๆ ชักจะติดนิสัยไม่ดีไปกับมรึงด้วยแล้วว่ะ


    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
     
  8. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ไอ้ลูกหมาจู โดนท้าแล้วหางจุกตูดเลยนะมึง ไอ้สวะกระจอก กระจอกแท้ มีแต่คำโว เจอคนจริงท้าก็ไม่กล้า ไอ้อ่อน มึงไม่มีน้ำยาอะไรไง ทำอะไรก็ไม่ได้จริงๆไง เฒ่าซะเปล่า แบกตำราขากถุย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2018
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    จี จี ปู่ ทำมา.... น่าจะกลับบ้านนอกนะฮับ ถ้าเหงา

    บ้านนอกเนี่ยะ เขาจะเปิดโรงเรียน ให้ ปู่ๆ ย่าๆ
    กลับไปนั่งเรียน มีกิจกรรมทำ

    ปู่ จะรอ พา กองตำรวจ ไปดักจับพระท่านอยู่
    อีกหรือฮับ....ถึงได้ ยังขยันแปะทุกวันพระ

    คราวทีแล้ว ...ดีนะ รู้ทัน ไม่ได้จับสึก ฮี้ๆๆๆ
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    5555+

    ก็ว่าแล้ว ใครจะโม้ยังไงก็โม้ไป โม้ขนาดให้เทวดาอายก็ทำได้

    ในเมื่อก็บอกไปแล้วว่า "ไปล่ะ" ในกระทู้โน่น

    ก็หมายถึงไม่เข้าไปอีกแล้ว อย่าทำเป็นไม่รู้ แล้วมาตีกิน

    เพราะเห็นคนหัวร้อนออกอาการ ขนาดอัดความคคห.อย่างบ้าคลั่งแบบนั้น

    ก็บอกไปแล้วว่า ถ้าตอบไว้ก็ยกมา เอาเท่าที่ถามไปนะ ไม่ต้องเยอะเอาแบบเนื้อๆ

    ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่า การแสดงออกแบบขาดความมั่นใจขนาดชอบพูดแบบลอยไป ลอยมา

    ขอเถอะอย่าอวดตัวมากไปกว่านี้อีกเลย จริงๆมันหน้าอายนะ คนไม่รู้กายทิพย์รู้

    ถ้าคนที่เค้าเก่งขนาดที่คุยไว้หนะ เค้าทิ้งบ้านที่เรือนไปแสวงหาที่วิเวกแล้ว

    จริงๆแล้วไปอยากขัดนะ ก็เพราะเห็นมานาน เห็นแวะเวียนไปในทุกกระทู้แบบตีเนียน

    ส่วนไอ้เรื่องว่า ไปนัดเกจิอาจารย์ คิดขึ้นมาได้ไง มันก็การแค่อยากอวดเท่านั้น

    เชื่อว่า พอมีพลังจิตอยู่บ้าง ส่วนเรื่องใช้สอยจิตนั้นใช้สอยเพื่ออะไร?

    ถ้าไม่ใช่ใช้สอยเพื่อให้ ลด ละ เลิก หรือใช้เพื่ออวดว่ากรูนี่เก่ง พูดเองเออเองก็ได้

    เอามาว่ากัน ที่พูดไปนะไม่ใช่แค่สำนวน เรื่องจริง

    ถ้าลองหัวไม่ร้อนสมองไม่บวมคนเราดีๆมีสติไม่รัวขนาดนั้นหรอก

    ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ที่ยังมีกิเลสหยาบบาปหนา

    แถมยังชอบแวะเวียนหมุนเวียนแอบแฝงอยู่แต่ในบอร์ดนี้หนะ

    อย่ามาคุยโม้เสียให้ยากเลย ว่ามีภูมิธรรมอะไรมากมาย ขนาดเทวดาอาย

    คนอะไรเก่งมันได้ทุกๆกรรมฐาน ขนาดพ่อแม่ครูบาอาจารย์ยังไม่กล้าอวดตนขนาดนั้นเลย

    โม้เสียมากกว่า ที่รู้ก็แค่ผิวๆเผินๆเท่านั้น หาที่จะลงลึกได้จริงๆนั้นยากยิ่งกว่ายาก

    เมื่อว่าเก่งก็อดถามไม่ได้เช่นเคย ถามสั้นๆง่ายๆ เตโชกสิณเพ่งไฟนั้น

    เป็นรูปฌาน หรืออรูปฌาน ตอบตรงๆนะว่า รูปฌานเพราะอะไร? อรูปฌานเพราะอะไร?

    ไม่ต้องเยอะ ถ้าตอบเยอะเวิ่นเว้อ ก็แสดงว่ามาจากสัญญา เตือนไว้ก่อน

    ถ้าตอบได้ถูกใจว่า มาจาก "รู้" จริงๆ เรื่องหาเกจิอาจารย์หามาเลย เพราะเป็นคนท้าเอง

    หรือให้ท่านมาบอกทางในก็ได้ เพราะเมื่อคืนก็รู้สึกดีใจจนขนลุกซู่เลยนึกว่ามาได้จริงๆ

    พอพิจารณาลงไปก็จางหาไปแบบรวดเร็ว และก็ไม่ชอบสรุปอะไรเอาเองตามชอบใจ

    ถ้ารู้ขึ้นมาแล้วไม่ชัดแจ๋ว แบบสื่อถึงกันได้โดยไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่เชื่อทั้งนั้น

    ให้จูงพระมาพูดก็ไม่เชื่อ แบบที่ท้าไว้ไง จำไว้นะ

    "คนรู้มักไม่พูดมาก พวกพูดมากว่ารู้หนะ มักเป็นพวกชอบอวดล้วนๆ"

    ปล. ยาวไปหน่อย ทั้งๆที่ชอบอะไรน้อยๆที่มีสาระ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    สาระธรรมวันละสูตร

    ลฑุกิโกปมสูตร เรื่องพระอุทายี

    ...(อันบุคคลควรเสพควรให้เกิดมี ควรทำให้มาก ไม่ควรกลัวแต่สุขนั้น)

    [๑๘๓] ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน
    มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
    บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่
    มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน
    ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข บรรลุ
    จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ
    ได้มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
    ฌานทั้งสี่นี้เรากล่าวว่า ความสุขเกิดแต่ความออกจากกาม
    ความสุขเกิดแต่ความสงัด ความสุขเกิดแต่ความสงบ
    ความสุขเกิดแต่ความสัมโพธิ
    อันบุคคลควรเสพควรให้เกิดมี ควรทำให้มาก ไม่ควรกลัวแต่สุขนั้น ดังนี้.

    [๑๘๔] ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน
    มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่.
    ดูกรอุทายี ปฐมฌานเรากล่าวว่ายังหวั่นไหว ก็ในปฐมฌานนั้น ยังมีอะไรหวั่นไหว
    ข้อที่วิตกและวิจารยังไม่ดับในปฐมฌานนี้ เป็นความหวั่นไหวในปฐมฌานนั้น.

    ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุทุติยฌาน
    มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่.
    ดูกรอุทายี แม้ทุติยฌานนี้ เราก็กล่าวว่ายังหวั่นไหว ก็ในทุติยฌานนั้น ยังมีอะไรหวั่นไหว ข้อที่ปีติและสุขยังไม่ดับในทุติยฌานนี้ เป็นความหวั่นไหวในทุติยฌานนั้น.

    ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน
    ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข.
    ดูกรอุทายี แม้ตติยฌานนี้ เราก็กล่าวว่ายังหวั่นไหว ก็ในตติยฌานนั้นยังมีอะไรหวั่นไหว
    ข้อที่อุเบกขาและสุขยังไม่ดับในตติยฌานนี้ เป็นความหวั่นไหวในตติยฌานนั้น.

    ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน
    ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้
    มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่. จตุตถฌานนี้ เรากล่าวว่าไม่หวั่นไหว.

    http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=13&A=3253&Z=3507
    ..................................................................................................
    ^
    ^
    พระพุทธพจน์จากพระสูตรนี้ ที่ทรงสั่งสอนพระอาจารย์อุทายีเรื่องฌาน๔

    บอกไว้ชัดเจนว่า เป็นฌานในสัมมาสมาธิ

    ซึ่งไม่เกี่ยวโยงกับรูปฌานและอรูปฌาน(สมาบัติ๘)

    ที่เป็นฌานที่มีมาก่อน พระพุทธองค์ทรงอุบัติขึ้นมาด้วยซ้ำไป

    ที่มีความพยายามเอามาปะปนกันจน ทำให้ฌานในสัมมาสมาธิเสียหายไปหมด

    ทั้งๆที่ในครั้งที่ทรงแสดงธรรมปฐมเทศนาให้ท่านพระอาจารย์ปัญจวัคคีย์ฟังนั้น

    พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ชัดเจนมากว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

    "สัพเพ อนนุต สุตเตสุ ธัมเมสุ"แปลว่า

    ธรรมที่ทรงตรัสรู้มานั้น พระองค์ไม่เคยทรงได้ยินได้ฟังจากที่ไหนมาก่อนเลย

    ถ้าฌาน๔ ในสัมมาสมาธิยังเกี่ยวโยงอยู่กับรูปฌานและอรูปฌาน(สมาบัติ๘)อยู่

    จะพุทธองค์จะทรงตรัสได้เสียงดังฟังชัดว่า ที่ทรงตรัสรู้นั้น ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

    ในพระสูตรก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นฌานที่อันบุคคลควรเสพควรให้เกิดมี

    ควรทำให้มาก ไม่ควรกลัวแต่สุขที่เกิดจากฌาน๔เหล่านั้น

    แถมสรุปในตอนท้ายว่า "ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน

    ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้

    มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่. จตุตถฌานนี้ เรากล่าวว่าไม่หวั่นไหว."

    ครั้งที่พระองค์ทรงเรียนอรูปฌานกับท่านอาจารย์ทั้งสองอยู่นั้น

    พระองค์ทรงปรารภว่า ไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์ เพราะจิตยังหวั่นไหวในอารมณ์ฌานอยู่ครับ

    เป็นเพียงฌานที่ทำให้กิเลสที่มีอยู่เบาบางลงได้เท่านั้นนั่นเอง

    ขอเถอะอย่าพยายามนำเอาสมาบัติแปดมาปะปนกับสัมมาสมาธิอีกเลย

    สำหรับพวกเดียรถีย์นิครนถ์นอกรีตที่สำนึกแล้ว ยังแก้ไขได้ง่ายกว่า

    แต่พวกที่ชอบยกตัวยกตนชอบโชว์ หลงตัวเองแบบโงหัวไม่ขึ้น พวกนี้แก้ยากมาก

    ฟังใครที่ไหน ฟังแต่หัวใจที่อยากโชว์ของตัวเอง ไม่ฟังแม้แต่บรมครูซะด้วย

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน


    ..................................................................................
     
  12. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    รอเวทนาใหญ่เกิด กำหนดดูเวทนาใหญ่สิ ดูซิ กรรมฐานที่คิดว่าฝึกมาแน่ๆ จิตหวั่นไหวถือทุกข์ป็นตน ทุกข์เวทนาเป็นของตนไหม

    ถ้ายังฉวยหยิบเวทนากายขึ้นมา ลุกหนีโอดครวญ จิตหวั่นไหวไม่ตั้งมั่นแยกจากกายแยกจากทุกข์ได้ ไอ้สมาธิที่โม้ๆกันมาน่ะ ไม่เชื่อนะ น้ำลายแตกฟอง ยังใช้งานจริงๆตอนธาตุขันธ์จะแตกตอนจะตายไม่ได้หรอก ไม่เรียกว่าสมาธิใช้งานได้

    ลองทดสอบตัวเองเรื่องสมาธิกันดู ท้าเลย
     
  13. ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ

    ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ 雪 (ひめみこ)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +292
    ฮิเมะเกอิชา

    มาคั่นรายการค่ะ

    มีแต่ หนุ่ม_หนุ่ม เถียงกัน รับ สาเก สักจอกไหมคะ


    B2AA72AD-BAFE-458B-9843-174C28253D24.jpeg F4984231-C3D1-4F8D-923F-7F591C3AF819.jpeg
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เด่ว จะฉายให้ดูว่า เจ้าของฉายยา
    ''ธรรมภูติกราบตีนกรู'' ท่านได้แต่ใดมา
    จะฉายให้ดู การแถตอแหล หน้าด้านๆ
    การแถหนีไม่กล้ารับคำท้า และเติมด้วยการพูดสร้างภาพทับถม
    และเก๊ทับ ของ ธรรมภูติกราบตีนกรู เป็นอย่างไร
    มีการสร้างภาพด้วยว่า ปกติไม่หาเรื่องใคร

    ล่าสุดก็โม้สร้างภาพเหมือนเดิม ๕๕๕๕๕๕๕

    เหตุเริ่มต้น จากการที่เข้าไปคอมเม้นปกติ เป็นการคอมเมนต์ในลักษณะ
    ที่ช่วยเสริม ช่วยเตือน แต่ด้วยที่คน มันปฏิบัติไม่ได้ เลยอ่านไม่เข้าใจ
    และด้วยที่คิดว่าตนเอง มีดีกว่าใคร เก่งกว่าใคร จึงได้แสดงกิริยา
    อวดยกตนเอง ข่มคนอื่นๆ ออกมา
    คำพูดที่ ธรรมภูติ ยกเอาแสดงยกตนข่ม คุยโม้ ว่าตนไม่ใช่คนธรรมดา
    กล่าวหาว่า วิธีการที่แนะนำเป็นพวกปถุชนกิเลสหนา และต่อเนื่อง
    ไปเรื่องคุยโม้สมาธิต่อในลำดับต่อมา ซึ่งยังมีการมากล่าวความเท็จ
    ว่าตัวเองไม่ได้ทำ สร้างภาพหน้าด้านๆในกระทู้นี้......

    ประโยคทั้งหมด ที่จะครบเนื้อหา คือ

    ''๒ ไปต่อไม่เป็น เมื่อถึงสภาวะที่เอื้อ
    พอระลึกขึ้นมา
    กลายเป็นวิปัสสนึก ที่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพ
    ทางจิตเลย และ ยังเป็นคนยึดมั่นถือมั่น
    ความรู้ความเข้าใจทางนามธรรม
    ก็ไม่พัฒนา จิตไม่คลายตัวเอง
    อ่านอะไร ฟังธรรมอะไร
    แล้วจิตไม่ปล่อย จบไม่เป็น
    ในระหว่างใช้ชีวิตปกติก็ได้
    ยึดติดแต่กิริยา เฉยๆ นิ่งๆ
    เหม่อๆ แต่เข้าใจว่าตน
    บรรลุหรือมีพัฒนาการแล้ว


    เหตุเพราะ วางอารมย์เรื่อง
    ที่จะพิจารณาไม่เป็น

    เพราะไม่เห็นตัวที่ตนพลาด
    หรือที่จะพิจารณาจากกำลังสติทางธรรม
    ในระหว่างวัน แล้วไประลึกเอาตามสัญญา
    เลยเป็นวิปัสนึก ได้อย่างคาดไม่ถึง

    วิธีแก้ ต้องรู้จักหมั่นตรวจสอบ
    ตนเองก่อนที่จะนอนและหลับตา
    ว่าทำอะไรไปบ้าง พลาดอะไรบ้าง
    มันถึงจะพอทราบว่า ควรจะพิจารณาอะไร


    พออารมย์ได้ เรื่องพวกนี้มันจะขึ้นมาเอง
    และจะไม่เป็นวิปัสสนึก


    การไประลึกเอาหรือพูดเรื่องวิปัสสนา
    ก่อนที่จิต จะเห็น ตัวจิต ความคิดจากจิต
    ความคิดผุดหรือขันธ์ ๕ นามธรรม
    แยกเป็นส่วนๆได้. จะไม่เข้าใจกิริยา
    “จะพิจารณาว่างรับรู้ภายในอยู่อย่างนั้น”''

    แต่เฉพาะส่วนข้อความ สีน้ำเงิน ที่ขีดเส้นใต้นั้น
    กลายเป็นที่มา ขอผู้ที่หลงตัวเอง หลงสภาวะ
    ไร้การปฏิบัติ เป็นที่มาของการท้า นอกจากไม่รับแล้ว
    ยังเสนอหน้าบอกให้ไปหา แล้วจะสอนสิ่งที่ไม่เคยเจอ
    พูดไปเรื่อยๆเปื่อย หลังๆมา แถหน้าด้านๆว่าปกติไม่เคยหาเรื่องใครก่อน
    ทั้งๆที่ อ้างอิงข้อความบางส่วน แล้วมาข่ม ดูถูกว่า เป็นเพียง
    ปถุชนกิเลสหนา และด้วยที่ยึดตัวตน ว่าตนยิ่งใหญ่
    จึงเลยเถิด มาดูถูกต่อมาว่าไม่รู้เรื่องทางสมาธิ
    เลยเป็นที่มาของการท้า..........



    จากกระทู้สติต้องหมั่นสร้างให้เกิดขึ้น อย่าคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นเอง
    ตามลิงค์ข้างล่าง

    https://palungjit.org/threads/สติต้องหมั่นสร้างให้เกิดขึ้น-อย่าคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นเอง.652986/


    นาย ธรรมภูติ จอมพลิกลิ้นปลิ้นปล้อน ผู้ไร้ความสามารถคนนี้
    แถอย่างไร ดูไปทีละก๊อก จะเข้าใจ



    ก๊อกที่ ๑.
    จากคำพูดในเครื่องหมายคำพูด ข้าพเจ้า เป็นจุดกำเนิด
    มหากาพย์ภาพยนตร์ เรื่องที่ทุกคนต้องติดตามเรื่อง

    ''The ธรรมภูติ กราบตีนกรู''
    ภาค '' ถูกเด็กถอนหงอก''
    คาดว่า จะภาค ที่ทำเงินมากที่สุด ของค่าย '' แถ แว๊ว สตูดิโอ้''


    ''วิธีแก้ ต้องรู้จักหมั่นตรวจสอบ
    ตนเองก่อนที่จะนอนและหลับตา
    ว่าทำอะไรไปบ้าง พลาดอะไรบ้าง
    มันถึงจะพอทราบว่า ควรจะพิจารณาอะไร''

    ถ้าย้อนอ่านทั้งบริษท จะทราบว่า เกี่ยวกับเรื่องการพิจารณา
    ความรวมโดยสรุปคือ ถ้าไม่มีสติในการที่จะรู้ว่า
    ตนเองได้ทำอะไรพลาดไปแล้วในระหว่างวัน เราจะรู้ได้อย่างไร
    ว่าเรายังพลาดกิเลสตัวไหน...
    ถ้าอยู่ดีๆ ไปนึกพิจารณาอะไรเลย ในขณะที่สภาวะมันได้
    มันจะเป็นวิปัสสนึก เพราะกิเลสถ้ามันยังไม่โผล่ให้เห็น
    เราจะรู้ได้อย่างไร แต่ ธรรมภูติ ไม่เข้าใจ ยึดในสิ่งที่ตนรู้แบบผิดๆ
    แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติที่ผ่านมา เป็นวิปัสสนึกทั้งนั้น
    ถึงไปแปลกใจว่า ทำไมปฏิบัติมานาม เอาแต่ธรรมะระดับสูงๆมาลง
    แต่กลับไม่มีพัฒนาการทางด้านนามธรรม
    ตลอดจนไม่มีความสามารถใช้งานทางสมาธิเลย
    แต่สิ่งที่ได้มา คือ ความสามารถในการเก๊ทับ คุยทับหน้าด้านๆ
    พอถูกท้า นอกจากไม่กล้ารับ ยังแถแบบคุยทับถมคืนได้
    ช่างเป็นอะไรที่ ถ้าไม่หน้าด้านจริงๆ จะไม่กล้าทำ......


    มาดูจุดเริ่มต้นก่อนจะถึงภาคแถและคุยทับถมคืน
    ของซีรีย์ เจ้าของ ฉายา ธรรมภูติ กราบตีนกรู
    เริ่มจาก คำพูดข้างล่างนี้

    ข้างบนเป็นปฐมบท เริ่มต้น เหตุให้พี่กราบตีนกรู ก่อนจะถูก
    คู่ต่อสู้ ถอนหงอก อยู่เรื่อยๆ ด้วยการแสดงอาการ

    ที่เริ่มจะคุยอวดกลายๆว่าตน เก่งสมาธิ ดูจะมั่นใจมาก
    ว่าที่ตนเองเอามาลง คือถูกร้อยเปอร์เซนต์
    มีการถามคืนด้วยกะจะเก๊ทับ
    ลงท้ายด้วยการไม่ใช่พูดลอยๆหาที่มาที่ไปด้วย ประหนึ่งว่า
    ควรอ้างอิงตำราด้วย ๕๕๕
    บ่งบอกว่า เป็นนักสายปฏิบัติ สาขา ตำราวิเคราะห์เดาสญานศาสตร์
    ถึงไม่เข้าใจกิริยา สมาธิจมแช่ เป็นอย่างไร อิอิ
    แถมเริ่มจะคุยกะทับแระ เลยทำเป็นถาม
    เรื่องสัมมาสมาธิ แอ๊นๆ แค่ช่วงต้นเรื่อง


    ต่อมา ช่วงกลางเรื่อง
    ก๊อก ๒
    เริ่มโชว์ ความสามารถด้านการอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง
    และเริ่มโชว์ว่า ความเหนือตนเองเป็นอย่างไร
    อ่านได้จากอ้างอิงข้างล่าง


    เห็นไหมว่า ธรรมภูติ กราบตีนกรู ไม่เข้าใจเรื่อง การอารมย์เพื่อที่จะวิปัสสนา
    ซึ่งสามารถเห็นได้จากการเจริญสติในระหว่างวัน ซึ่งเป็นส่วนของสติสัมโภษชงค์
    ด้วยความ ที่ตั้งกระทู้เรื่องสร้างสติ แต่ไม่เข้าใจสติสัมโภษชงค์ ๕๕๕๕๕
    เลยได้จังหวะคุยทับถม .......ช่วงท้ายมีการสร้างภาพ พูดถึงบอร์ดพลังจิต
    เชิงยกตนว่า มีตนเองที่ดี เก๊ทับด้วยการ พูดว่า ขอเถอะ ถ้ายังเข้าไม่ถึง
    ปฏิบัติให้มากๆ ๕๕๕๕๕๕๕๕ เห็น นิสัยการคุยโม้ของ
    ธรรมภูติ กราบตีนกรู ก๊อกนี้ไหม ๕๕๕๕

    ห้ย ยังไม่จบ มาดู การโม้ เก๊ทับ เรื่องสมาธิต่อ
    แต่ในกระทู้นี้ กลับพูดไว้ว่า



    เห็นไหม ไปแนะนำ แต่ธรรมภูติกราบตีนกรู คิดว่า ไปคุยโม้เหมือนตน
    และด้วยที่ ไม่เข้าใจ จิตแช่ เพราะปฏิบัติ ไม่ได้แต่ยังสามารถเอามาคุย
    สร้างภาพได้อีก ๕๕๕๕๕๕๕


    นี่ไง จากประโยคสร้างภาพให้ตนเองดูดีว่า ไปคุยข่มเรื่องสมาธิตรงไหน
    จะแถให้ตนเอง ดูเหมือนกับว่า อยู่ดีๆ ข้าพเจ้าไปท้าเรื่องสมาธิ ๕๕๕๕๕
    หลังจาก นอกจากไม่รับ ยังกล่าวหาว่า ข้าพเจ้าเป็นเดียร์ถีย์ ที่มาท้าย สาวก อย่างตน
    แถมยังมีการคุยด้วย ให้มาเจอ จะสอนสิ่งที่ไม่เคยเจอให้ ๕๕๕๕๕๕๕๕
    ข้างล่างเขียนเองนะ อย่าแถสร้างภาพอีก แถมากๆ จะกลายเป็นตอแหล
    จริงๆ ไม่น่างง คนจะงง ตรงที่ว่า ธรรมภูติ กราบตีนกรู คิดได้ไงถึงพูด ๕๕๕๕๕
    ข้างล่าง คือ ประโยคที่ พูดสร้างภาพให้ตัวเองดูดี

    แห๋มๆ เรื่อง The ธรรมภูติ กราบตีนกรู
    ภาค โดนเด็กถอนหงอก ช่างตั้งชื่อได้เหมาะสมจริงๆ

    ปล. อิอิ....
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ที่พูดๆมา กำลังด่าตัวเองอยู่หรือเปล่า ๕๕๕๕๕๕๕
    พูดยกตนเอง ประหนึ่งว่า ตนเอง เป็นคนดี กิเลสเบาบาง ๕๕๕ แอบขำ
    ความสามารถแบบมโน มาทางสมาธิ ของ ธรรมภูติ กราบตีนกรูแบบนั้น
    อย่าเอามาคุยยกตนเองซิ ๕๕๕๕๕๕ ถ้าเรื่อง กรรมฐาน
    บ้านญาติมะรึง มีหรือ กรรมฐานแบบที่ว่า ใน ๔๐ กองนะ ๕๕๕๕
    มีความสามารถทางนามธรรมแค่กิ๊กก๊อก ไร้กำลังจิต แสดง คุยโตจังเลย
    ทำเป็นพูดเรื่องกายทิพย์ ๕๕๕ มีปัญญา ทำได้หรือ
    รับคำท้าเลย แล้วถ้าคิดว่า ตนเก่งเรื่องนี้ ก็มาเลย
    และใครบอก ว่าท้าเรื่องแบบนั้น ๕๕๕๕๕ มันพิสูจน์ไม่ได้หรอก
    กะจะโชว์ฉลาด โชว์ความสามารถแบบยกทับคนอื่นๆ
    หน้าอย่างนี้ ต่อให้ไปได้จริง มันก็ไม่ยอมรับ และยกตนข่มอยู่ดี ๕๕๕

    มันต้อง แบบลืมตาเห็นๆ ทำตอนนั้นเลย
    แสดงให้คนเห็นได้ ต่อหน้าต่อตาคนอื่นๆ
    ถึงได้ต้องไปแสดงพิสูจน์ต่อหน้าพระเกจิอาจารย์ไง ๕๕๕๕
    ไม่ใช่มโน เป็นต่อยหอย เอาไว้สร้างภาพให้ตนดูดี
    เอาไว้คุยทับคนอื่นๆ ให้ไปหาตนเอง ให้ไปตอบตนเอง
    ตัวเอง ยังไม่รู้เรื่อง ยึดที่ตนรู้ แล้วยังไม่เจียม แล้วก็ยังมโนคุยโม้
    ความสามารถกิ๊กก๊อก แบบนั้นอีก ไปพูดเรื่อง อรูปฌานอีก ๕๕๕๕
    รับคำท้ามาเลย...เด่วจะรู้เองอะไรเป็นอะไร แบบธรรมภูติ กราบตีนกรู
    แบบนี้ ใครก็พูด สร้างภาพได้หรอก เก่งแต่ทาง คีย์บอร์ดหละมั่ง
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕


    ง่ายๆนะ ธรรมภูติ กราบตีนกรู ถ้าว่าข้าพเจ้าชอบอวด
    สงสัยจะลืมว่า ข้าพเจ้าเป็น ฆารวาส ไม่เคยบอกว่าตัวเองเก่ง
    แต่ตัวเองมา เก๊ทับก่อน พอถูกท้าย ก็เลยท้า ธรรมภูติ กราบตีนกรู ไง
    อย่าแถนะ หลักฐานในกระทู้ก่อนมี ๕๕๕
    ก็รับคำท้า แสดงความสามารถมา
    จะได้เชิญ คนที่อยาก เห็นหน้า ธรรมภูติ กราบตีนกรูไปด้วย
    และ ธรรมภูติ ก็เชิญคนไปด้วยเลย แนะให้แล้ว
    ว่า ไอ้ถ่อยนี้ มันมาคุยทับ ธรรมภูติ อย่างไร
    เด่ว ธรรมภูติ จะไปปราบมันเองไง ๕๕๕๕๕


    ถ้าว่า ข้าพเจ้าโม้ หรือ มโน
    ก็รับคำท้าแสดงความสามารถซิ ง่ายๆจะตาย
    ง่ายจะตายไม่รู้กี่รอบ
    จะพูดเป็นต่อยหอย
    เรื่อยเปื่อย ไร้สาระ และมาคุย
    ความสามารถแบบกิ๊กก๊อกไปเพื่อ ๕๕
    แน่จริงก็รับคำท้าไปเลยซิ



    จะได้รู้ไง ว่าใครโม้หรือไม่โม้ เห็นคุยทับถม ว่าตนเก่งหนักหนานิ
    ก็ยังพูดโม้ไปเรื่อย ไปเจอกันตัวๆ ไม่เจอการแสดงความสามารถ
    จะรู้ได้ไงว่า ใครโม้หรือไม่โม้ จะได้ไปต้องเสร่อมาวิเคราะห์มั่วๆ
    ไม่ต้องพูดมาหรอก รับคำท้าซิ
    จะเอาอรูปฌานก็ได้มาแสดงเลย ย้ำว่าให้มาแสดงให้ดู

    ไม่ใช่ให้ไปตอบคำถาม หรือมาตอบอะไรข้าพเข้า
    เพราะไม่ได้เรียนทฤษฏีนะ หรืออะไรก็ได้
    ในกรรมฐาน ๔๐ กอง บอกไปแล้วว่าได้หมด
    และต่อให้ ธรรมภูติ กราบตีนกู ใช้กรรมฐานที่คิดว่าเก่งที่สุด
    ในจักรวาลเลย อย่ามาทำเป็นพูดดี สร้างภาพ
    อย่าเก่งแต่ปาก บอกแล้วว่า



    ถ้า นาย ธรรมภูติ กราบตีนกรู เก่ง กว่าข้าพเจ้า
    หรือทำได้ดีกว่า ข้าพเจ้า แค่กรรมฐานเดียวใน ๔๐ กอง
    หรือ กรรมฐานพิเศษอะไรก็ได้ ที่คิดว่า เก่งที่สุดในจักรวาล
    ถ้าข้าพเจ้าทำไม่ได้ หรือทำได้แต่ดีน้อยกว่า ธรรมภูติ กราบตีนกรู
    จะยอมไป กราบตีนนายธรรมภูติ

    และให้ถ่ายรูปกราบตีนลงมาให้ชาวเวบเห็นหน้าไง
    แต่ถ้า ธรรมภูติกราบตีนกรู ดันเก่งแต่ปาก และทำไม่ได้
    บอกแล้วว่า ไม่ต้องมากราบตีน ไม่อยากได้ฉายา กราบตีนกรู
    แต่ขอแค่ เอารูป มาลงให้ ชาวเวบได้เห็นหนังหน้า
    ส่วนใครจะด่าหรือไม่ด่า ก็ถือสัญญาว่า จะ
    ไม่ปัญญาอ่อน ปัญญานิ่ม ไปฟ้องร้องอะไร
    และจะไม่ว่าอะไร.....


    จะถามอีกรอบว่า


    รับคำท้าแสดงความสามารถไหมครับ
    ''นาย ธรรมภูติ กราบตีนกรู''


    พูดโม้สร้างภาพไปก็แค่นั้นหละ รับคำท้า
    แล้วไปแสดงให้ดู ก็จบ หวังว่าจะรับคำท้า
    และจะเก่งเหมือนที่ปากพูดโม้ทับถมคนอื่นๆนะ...
    ธรรมภูติ กราบตีนกรู ส่วนตัวอยากเจอฆารวาส
    แบบที่มาคุยทับคนอื่นๆ โม้ทับสร้างภาพคนอื่นๆ
    แต่ทำเป็นแถเล่นลิ้นแบบนี้มานานแล้ว
    ว่าจะเก่งจริงๆ อย่างที่ เกรียนคีย์บอร์ด หรือเปล่า

    รับคำท้านะ ถ้าแน่จริง กรุณา อย่าแถอีก
    ยิ่งแถยิ่งจะเข้าตัวนะ.....

    ปล. เคยเตือนแล้วนะ จะว่าใครพล่อยๆ ธรรมภูติ
    ถ้าทำอีก อย่าหาว่าไม่เตือนนะ เพราะจะไม่มีใครช่วยได้..
    บอกแล้ว ให้ดูว่าตนเองสร้างบารมีมามากน้อยแค่ไหน?
    และมีความสามารถใช้งานทางจิตหรือยัง?
    ตลอดจนมีกำลังจิตที่ได้จากการฝึกกรรมฐานสำเร็จ
    ใช้งานได้หรือยัง...? อิอิ
     
  16. ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ

    ทามะโยริฮิเมะ ยูกิ 雪 (ひめみこ)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2018
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +292
    ฉายา ธรรมภูติ

    ฉายา หลายล้อกอิน

    ^^
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ส่อเค้าว่าจะจริง
    ถ้าใช้อาวุธกิเลสเลเซอร์มาสู้กันมันคงจบไม่ลง
    ง่ายๆคับ
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถ้าพูดว่า "อนัตตา คือ ไม่ใช่ตัวกู" ถึงมันจะ "มีตัวตน มันก็ ไม่ใช่ ตัวของกู อยู่ดี" "อนัตตา War" ก็จะไม่เกิด

    +++ แต่ถ้าไพล่ไปถึง "อนัตตา คือ ไม่มีตัวตน" แต่ไม่บอกว่า "ความเป็นตน ไม่มี" มันก็จะกลายเป็น

    +++ Dooku says "there is only one way to settle this…with the lightsaber", ...

    +++ เลยต้อง "ฟันกันกระจุยไปข้างหนึ่ง" นั่นแล...

    +++ นี่แล... การใช้ภาษา "ไม่ตรงกับ อาการ..." มันเลยเป็น "ทุ+กฏ (ผิด/เลว+ยึด)"

    +++ ไม่ได้หมายถึง "ทุกกฏ" ที่แปลว่า "ตะบี้ตะบัน ผิด แมงทุกอย่าง" ซึ่งก็ "แปลผิดอีก" ตามเคย...

    +++ คอยติดตามชม THE NEXT EPISODES... REVENGE OF THE SITH ก้อแล้วกัน...
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194


    ธรรมภูตตอบ
    รู้หรือเปล่าที่พูดมาข้างต้นนั้น
    มันก็แค่สัญญาอารมณ์ ของปุถุชนคนหนาด้วยกิเลสทั่วๆไป
    ที่วันๆจะก่อนนอนและหลับตาลง (ไม่ใช่วิธีแก้ในทางพุทธ)
    ที่ต้องวนเวียนคิดแล้วคิดเหล่าเฝ้าแต่คิดว่า "ทำอะไรไปบ้าง พลาดอะไรไปบ้าง"
    เฮ้อ!!! เป็นปัญญาในทางพุทธศาสนาตรงไหน มั่วไปได้
    ไม่น่าเชื่อเลยนะ เดี๋ยวนี้บอร์ดพลังจิตเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
    ขอเถอะ ถ้ายังเข้าไม่ถึง พูดให้น้อยๆ ปฏิบัติภาวนามยปัญญาให้มากๆ
    ^
    ^
    โอ๊ย เจอพวกหัวร้อนสมองบวมพยายามสร้างไทม์ไลน์โปรโมทตัวเองก็เอา
    เพื่ออยากจะอวดแบบคิดเองเออเอง โดยไม่คิดจะหันมาดูตัวเองเลยสักนิด
    อย่างที่พูดว่า นั้นเป็นวิธีแก้หรือพยายามเรียกเองซะเพราะว่าเป็น "วิปัสสนา"


    ถามตรงๆเถอะไม่รู้จริงๆ หรือ แกล้งโง่เพื่ออยากโชว์ไปซะงั้นเอง
    อยากเป็นอาจารย์มากถึงขนาดนั้นเชียวหรือ ปลงจริงๆ
    มีใครที่ไหนบาง ที่ก่อนนอนจะไม่หวนคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไว้บาง
    และหาวิธีแก้ไขมัน โดยการพยายามจำว่าทำอะไรพลาด
    ถ้าวิธีแก้แบบที่พยายามสอนนี้เรียกว่า "วิปัสสนา" แล้ว
    ไปกราบตรีนพวกชาวบ้านร้านช่องหรือแม่ค้าในตลาดได้เลยไม่ต้องรอ



    "ดูไอ้ถ่อยนพมันพูดสิ
    ถึงไปแปลกใจว่า ทำไมปฏิบัติมานาม เอาแต่ธรรมะระดับสูงๆมาลง
    แต่กลับไม่มีพัฒนาการทางด้านนามธรรม"


    แล้วที่ถามไปไม่คิดจะตอบเลยหรือ มาตะเภาเดียวกันหมดจริงๆ
    พอคอตก หมดปฏิภาณ ก็ออกอาจโชว์เก๋ากว่า กล่าวหาไปเรื่อย
    หาว่าเอาแต่ธรรมขั้นสูงมาลง ไม่รู้จักด้านนามธรรมเลย
    สงสัยจริงๆนะวนเวียนเป็นสัมภเวสีอยู่ในนี้มานาน ยังไม่รู้อีกหรือว่า
    ที่ธรรมภูตเอามาลงนั้น ล้วนเป็นเรื่องนามธรรมทั้งนั้น เป็นเรื่อง "จิตกับอารมณ์"

    ถ้ากระสันอยากเอาชนะมากๆขนาดนั้น ก็ควรศึกษาสิ่งที่เค้าเสนอให้ดีก่อน
    ธรรมะพระพุทธเจ้านั้น ล้วนเป็นธรรมชั้นสูงก็จริง
    ที่ว่าสูงนั้นก็ คือ สูงกว่า "ลัทธิ"อื่นๆ ไปได้ไกลกว่า(สูง) คือที่สุดแห่งทุกข์
    ไม่ใช่สูงจนเกินกว่าจะเอื้อมถึงได้ หรือว่าไม่จริงๆ

    ตราบใดที่ยังมีอริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ โลกจะไม่ว่างเว้นจากพระอรหันต์ (พระพุทธพจน์)
    นี่หนะสูงของไอ้ถ่อยนพ เดียร์ถีย์ชัดๆ สมาธิดีๆในศาสนา เช่นสัมมาสมาธิไม่เอา
    กลับไปโชว์โง่เอากรรมฐาน40กองที่มีการปนเปกันกับสมาธินอกศาสนา
    รูปฌาน อรูปฌานที่พระพุทธองค์ปฏิเสธไปแล้ว ยังอวดตนเองว่าเก่งทุกกองอีก
    "ความเพียรมีผลความพยายามมีผล" (พระพุทธพจน์)

    รู้เปล่าว่าทำไมถึงได้ขัด ปกรติก็มักมองแล้วเมินทำมองไม่เห็น
    แต่มาพยายามโชว์เหนือกว่าที่กระทู้ แถมเหน็บเอาสมาธิอีก ทำแล้วชุ่มแช่
    จิตซื้อบื้อ บาลๆๆอีกหลายอย่างขี้เกียจจำ ก็เลยอดไม่ได้
    เห็นเล่นมานาน กลับเนรคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ลงคอ
    แถมยกตนเองซะเลิอเลิศ แบบที่ใครมาสกิดนิดสกิดหน่อยก็ไม่ได้นี่สิ

    อย่าพยายามโชว์เขลาเบาปัญญามาท้าเหยงๆ เพราะกลัวเสียหน้าเลย
    เอาที่ลืมตาเห็นๆอยู่ตรงนี่ก็รู้แล้วว่าไม่ได้อะไรมากมายนัก อย่างที่คุยไว้
    ใครๆก็โม้ได้ทั้งนั้นว่าได้นั่นได้นี่ แต่วงการกรรมฐานเค้ารู้กันทั้งนั้นล่ะว่าไม่จริง

    เอาละที่ถามไปตอบด้วยอย่ามัวแต่โปรโมทตัวเองอยู่เลย
    บอกตรงๆนะนี่ย้ำ อ่านข้ามๆ เห็นลงคคห.เยอะแบบชอบโชว์เลยขี้เกียจอ่าน
    เอาที่มันชัดๆ อยากถามตรงไหน ให้ตอบตรงไหนดีกว่า
    นี่ก็สมองบวมเหมือนกันที่ต้องมาคิดว่าจะตอบอะไรดี ให้รู้จักตาสว่างขึ้นบ้าง

    จำไว้นะ "วิปัสสนา" "วิ" วิเศษ "ปัสสนา" รู้เห็น รู้เห็นตามความเป็นจริง
    คือรู้ว่านั่นอารมณ์ รู้แล้วละ ปล่อยวาง ไม่ใช่รู้แล้วเอาไปคิดต่อก่อนนอน
    ได้คิดแบบนั่นมันสัญญาอารมณ์ล้วนโว้ย ไม่ได้ช่วยให้ปล่อยวางอะไรเป็นเลย

    อย่าคิดเองเออเองสิว่าพูดพลอยๆ นั่นหนะพูดจริงพูดตรงๆทั้งนั้น
    อะไรถ้าคิดว่าไม่จริงก็ตอบแย้งชัดๆสิ แล้วที่สำคัญไม่ต้องขู่ด้วย
    เบื่อเอามากๆ ขนาดการแช่งชักหักกระดูก ศาลเค้ายังไม่รับฟ้องเลย
    อย่าเนรคุณศาสนาพุทธให้หมองลงไปมากกว่านี่อีกเลย

    มีเวลาก็ลองไตรตรองดูเองนะ ที่เกิดขึ้นเพราะอะไร
    เจริญในธรรมทุกท่าน



     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    สาระธรรมวันละสูตร

    ปมาทวิหารีสูตร

    [๑๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาทอย่างไร
    เมื่อภิกษุสำรวมจักขุนทรีย์อยู่ จิตก็ไม่แส่ไปในรูปทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ
    เมื่อภิกษุนั้นมีจิตไม่แส่ไปแล้ว ปราโมทย์ก็เกิด
    เมื่อภิกษุเกิดปราโมทย์แล้ว ปีติก็เกิด
    เมื่อภิกษุมีใจเกิดปีติ กายก็สงบ
    ภิกษุผู้มีกายสงบ ก็อยู่สบาย จิตของภิกษุผู้มีความสุขก็ตั้งมั่น
    เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ธรรมทั้งหลายก็ปรากฏ เพราะธรรมทั้งหลายปรากฏ
    ภิกษุนั้นก็ถึงความนับว่า เป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาทแท้จริง ฯลฯ

    เมื่อภิกษุสำรวมชิวหินทรีย์อยู่ จิตก็ไม่แส่ไปในรสทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยลิ้น ฯลฯ
    เมื่อภิกษุสำรวมมนินทรีย์อยู่ จิตก็ไม่แส่ไปในธรรมารมณ์ทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยใจ
    เมื่อภิกษุมีจิตไม่แส่ไปแล้ว ปราโมทย์ก็เกิด เมื่อภิกษุเกิดปราโมทย์แล้ว ปีติก็เกิด
    เมื่อภิกษุมีใจเกิดปีติ กายก็สงบ ภิกษุผู้มีกายสงบแล้ว ก็อยู่สบาย
    จิตของภิกษุผู้มีความสุขก็ตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ธรรมทั้งหลายก็ปรากฏ
    เพราะธรรมทั้งหลายปรากฏ ภิกษุนั้นก็ถึงความนับว่า เป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท ด้วยประการฉะนี้ ฯ

    http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=18&A=1973&Z=2004
    ................................................................................................
    ^
    ^
    ขัดๆนะครับว่า จิตแส่ส่ายไปในอารมณ์ที่เข้ามาทางอายตนะทั้งหลาย
    ไม่ใช่จิตเกิดดับ ที่เกิดดับคืออารมณ์ภายนอกทั้งหลายที่เข้ามาเกิดดับตามอาตยนะทั้งหลาย

    เพราะจิตนั่นเองที่แส่ส่ายไปในอารมณ์เหล่านั้น และเสวยอารมณ์เหล่านั้นที่ละอารมณ์
    ใครที่บอกว่าจิตเป็นกองทุกข์นั้นขัดกับพระพุทธวจนะชัดๆที่กล่าวว่า
    "จิตของภิกษุผู้มีความสุขก็ตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ธรรมทั้งหลายก็ปรากฏ "

    ก็ยังชัดเจนอีกว่า เมื่อจิตเป็นสมาธิมีสติตั้งมั่น ธรรมทั้งหลายก็ปรากฏ(วิปัสสนา)
    เมื่อจิตอยู่ในสัมมาสมาธิแล้ว ต้องไม่ซื้อบื้อ ไม่ชุ่มแช่ ไม่แส่ส่าย ตรึกธรรมเฉพาะหน้า
    ไม่เหมือนบางคนที่เก่งเกินบรมครู ชอบกล่าวหา อยู่ในสมาธิแล้วจิตจะซื้อบื้อ ไม่เกิดปัญญาอะไร


    ถ้าตนไม่มีแล้วไซร์ กรรมดี กรรมชั่ว ผู้หลุดพ้น ผู้เข้าถึง ผู้คงที่จะตั้งลงตรงไหน
    สิ่งที่พูดมาทั้งหมดก็ไม่มีเช่นกัน ไม่ต้องทำอะไรนอนเกาสคึอเล่นดีกว่ามั๊ง


    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...