มด แมลงสาป หนู เจอฆ่าให้ตาย

ที่พูดมานั้นเข้าตัวเองหมดเลยไม่รู้หรือ? เพราะไม่สามารถตอบได้จึงเบี่ยงประเด็นฉะแลก็เป็นเช่นนี้เรื่อยๆตามมิจฉาทิษฏิ กลับไปตอบคำถามผมทีครับ

 

เคยเห็นใครที่รักสุนัขไหม...คนนั้นก็จะรักสุนัขตลอดไป

คนที่รัก มด หนู แมลงสาบ แมงมุม คนเหล่านั้นก็จะรักตลอดไป

เพราะ ความใกล้ชิด...คนโบราณที่มีการศึกษาดี....สัตว์เลี้ยงจะไม่เอาไม่ยุ่งด้วยเลย

นั้นไม่มีเหตุผล..จะอธิบายว่าทำไม..อาจเป็นเพราะใช้ความรู้สึกช่วยในการไตร่ตรอง

แต่คนที่สูญเสียความเป็นตัวตนไปแล้ว มุมมองหรือฐานคติจะอยู่ไหนนั่นอยู่ที่ใคร ใครขับเคลื่อนร่างนั้น

หากมีหน่วยของสัตว์มาก..สัตว์ก็จะเป็นผู้ควบคุม
และความคิด ของสัตว์ก็จะปรากฎเอง...แถมเปิดมิติต่อเชื่อมเหล่าสัตว์อื่นมาหาตนเองอีก เมื่อเปิดแล้วคนเหล่านี้จะดูคล้ายมีพลังมาสนับสนุน..และก็จะคิดว่าแนวทางของตนเองคือถูกต้องแล้ว....

คนเหล่านั้นที่คิดและกระทำ..ด้วยเจตนาร้าย
ก็จะได้รับ อนุภาคของความชั่วร้ายเกาะกินติดตามไปเอง...ตามหลักการคึงดูด พวกกันเอง

หาก 999ฯ คิดชั่วประสงค์ร้ายเจตนาร้าย 999ฯ รับไปเองไม่มีเว้น อยู่แล้ว ใครทำผู้นั้นรับไปเอง

ไม่มีใครจะมาตัดสินใคร..ได้หรอกท่านวสุธรรม

 

ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของเธอ
เพราะฉันดูเจตนาของเธอเป็นคนที่ไม่ซื่อตรง
ไร้มรรยาทไม่มีคุณสมบัติของผู้ที่ประกาศธรรมะ
จริตทราม..(ดูได้จากวาจาที่ใช่ถาม)

หากอยากรู้ต้องกล่าวขอโทษ เปิดกระทู้ขอโทษฉันให้เป็นเรื่องราวก่อน..จึงจะมาตอบ..

 

เจตนา ดูยังไงใช้วิธีไหนดู ? จะพลิ้นลิ้นไปไหนอีก? ผมตอบตรงทุกคำถามเอ้าอย่าเสียเวลาพลิกลิ้นครับ มาบอกไม่ตอบเพราะวาจาที่ใช้ถาม เขลาหรือเบาปัญญา ?
ถ้าแสดงวิธีทำมาก็จบผมก็ไม่ถามต่อ หากอย่กรู้ก็จงขอโทษ? หือ หือ นี่จะพลิกลิ้นไปไหน ที่ให้ตอบคำถามคือเอ็งแสดงความบริสุทธ์ใจว่าธรรมที่เอ็งแสดงมันถูก ไม่ต้องพลิกลิ้นมากนะนักดริฟท์หุหุ ก็ในเมื่อเลือกจะบอกว่าฆ่าสัตว์ได้ไม่ติดกรรม ก็แสดงมาว่าทำไมถึงถูกตามแบบพุทธศาสนา

เนี่ยเอ็งยังไม่แสดงความบริสุทธ์ของเอ็งเองเลย แล้วให้ชาวบ้านเขาขอโทษ

ถามจริงครับ สนใจไปศรีธัญญาไหมเดี๋ยวโทรเรียกรถพยาบาลให้ครับ ฮาๆ อะๆตอบคำถามเก่าก่อนครับอย่าพึ่งแถ

 

แลประโยคนี้ละคือตัวชี้วัดที่แท้จริงของหน้าแรกมายันหน้านี้

"วิทยาศาสตร์ ทางจิต" =
วิทยาศาสตร์ความรู้ที่ได้มาจากการทดลองทำ(ด้วยอุปกรณ์ที่ตรวจสอบผลจากสมมุติฐานซึ้งอาจเต็มร้อยไม่เต็มขึ้นกับอุปกรณ์) + จิต(อัตตา,ตัวดู,วิญญาณขันธ์,หรือศัพท์อีกมากที่ใช้เรียกตัวนี้) ซึ่งจิตไม่สามารถใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทดลองได้ แต่ต้องลงมือปฏิบัติ เพื่อจะเอาไปให้วิทยาศาสตร์ตรวจจับด้วยเครื่องมืออีกที

ดังนั้นผมถามถึงวิธีทำมาตั้งแต่แรก และคุณก็ตอบแบบอภิปรายหน้าชั้นไม่มีวิธีไหนบอกวิธีทำบอกแต่ผลสรุปแต่ไม่บอกวิธีตรวจสอบ(ปฏิบัติเพื่อทดสอบผล) ว่าทำไมฆ่าสัตว์ปีเตอร์ไม่ผิด , ธรรมที่ถูกปิด(เหมือนเดิมบอกวิธีทำมาเพื่อตรวจสอบผล) ,หาว่าผมอย่างงั้นอย่างงี้โดนครอบงำด้วยการทานอาหารสัตว์(ใช้วิธีไหนทดลองบอกมา) สิ่งที่ไร้วิธีทำเรียกว่าสมมุติฐาน ดังนั้นที่แพล่มมายันตอนนี้ ทั้งหมด "ฟุ้ง" ครับ

เอ้า 8 หน้าแล้วขอ "สาระ" นะครับห้องวิทยาศาสตร์พูดเองนะครับคุณวสุธรรม แล้วจะมาเอาเรื่องเล่าอะไรครับ? คุณภูดิชดัวยครับ ขอวิธีทำ(ทางจิต)เพื่อตรวจสอบผลสรุปจากการตั้งสมมุติฐาน(มโน)ของคุณหน่อยนะ

นี่และเหตุที่ผมบอกว่าท่านวิปลาศเสนอแต่สมมุติฐานไม่มีวิธีตรวจสอบนี่ใช่คนบ้าหรือไม่?
แถมยังปรักปรำผม ทั้งๆที่ให้ไปหาหลักฐานมาก็เงียบ ขอโทษทีคงจุกสินะครับ ขออภัยด้วยแต่พูดเรื่องจริง


เอ้าผมก๊อปมาอีกรอบนะ อ่านให้ชัดๆ แล้วถ้ามีปัญญาก็ตอบครับอย่าแถ มันนิสัยตุ้ดอะครับ นักดริฟท์หมายเลข 999

ปล.Edit แก้สีด้วยจะได้เห็นด้วยตาตนเองชัดๆ

 

หากศีลต้องเอามาปนกับเรื่องกฏหมาย การชำระศีลของท่านภูดิศ ก็จะกลายไปเป็นเรื่องของ
การชำระโลก ไปโดยปริยาย แล้วสัตว์เดรัจฉานที่ไหนบ้างที่ไม่มีเชื้อโรค

โลกเป็นของกลางๆ การจะแบ่งแต่ว่าผู้ที่มีความบริสุทธิ์เท่านั้นจึงสมควรที่จะอยู่รอด
ผู้ที่มีเชื้อโรค เป็นพาหะ ไม่สมควรมีชีวิตดำรงอยู่ จะไม่คับแคบไปหน่อยหรือครับ

 

เชื้อรา แพร่พันธ์ได้เร็วมาก

 

รักอยู่กับสิ่งไหน ก็กลัวที่จะสูญเสียจากสิ่งนั้น
ชังอยู่กับสิ่งไหน ก็กลัวที่จะได้รับในสิ่งนั้น

ในความรักคนเราก็รักตัวเราเองนั้นหละมากที่สุด ที่ว่ามาช้วยปกป้อง ไวรัส อะไรๆ
ก็ปกป้อง อัตตารัก

รักไม่ได้มีแค่ คน และ สัตว์ วิชาความรู้ก็เป็นความรักอย่างหนึ่ง แล้วจะรู้ได้อย่างไร
ในวิชาความรู้ต่างๆเหล่านั้น ไม่มีไวรัส

หากยังไม่พ้นจากเรื่อง รัก ยังไงก็ต้องมีสายสัมพันธุ์ ให้ติดต่อกันได้อยู่ดี

ตัวรัก ก็เป็น ตัวครอบครอง คนจะสานต่ออะไรๆได้ นั้นต้องมี สัญญา เชื่อมต่อ
หากไม่มีสัญญา เป็นตัวเชื่อมต่อ นั้นไปสานสัมพันธุ์อะไรๆไม่ได้

คนรักในวิชาความรู้ ก็จะนำวิชาความรู้มาเป็นการครอบครอง
ก็จะเป็นการนำพาสัญญาจากภายนอกเข้ามาเป็นตัวร่วมสัมพันธุ์กับสัญญาภายใน
สัญญา ก็เชื่อมต่ออารมณ์ทั้งที่เป็นบุญและเป็นบาป

เมื่อใช้กระบวนการวิธีอย่างนี้ก็จะว่าสภาพแวดล้อมภายนอกเป็นอย่างไรภายในก็เป็นไปอย่างนั้น
มองเห็นโทษแต่ภายนอก แต่ไม่เห็นโทษอะไรๆจากตัวเองว่าร่างกายเรานั้นก็เป็นพาหะ บ่อโรค
พอมีโทษกลับโยนโทษไปให้กับภายนอก แล้วเอาแต่ดีๆกลับมาเข้าตัวเอง

ให้ด้วยการเบียดเบียน ย่อมได้รับการเบียดเบียน

 

ต้นไม้ใดที่สวยงามและมีคุณค่า ประโยชน์ต่อมนุษย์

และมีจำกัด.....เมื่อวันหนึ่งมีพืชกาฝาก มรสัตว์มาแทะกิน มาอาศัย มากจนพืชเหล่านั้นเสื่อม

มนุษย์โดยทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์และสูญเสียทรัพยากรไป..ขาดแคลนไม่สามารถดำรงชีวิตได้เป็นปกติแล้ว..เมื่อนั้นความคิดเพื่อการอยู่รอดจะเกิดขึ้น...เมื่อมนุษย์ไม่เห็นภัยใกล้ตัวความคิดปรากฎก็จะเป็นอย่างประมาท เพราะ?? ไตร่ตรองเอาเอง

 

มนุษย์ความรู้สึกไว

กับ

มนุษย์ความรู้สึกช้า

ทำไมจึงแตกต่างกัน

ทั้งที่ได้รับ..ร่างเหมือนมนุษย์แบบเดียวกัน

อยู่บนโลกธรรมชาติเดียวกัน

ทำไมจึงเป็นแบบนั้น??

 

ชีวิตที่เห็นแก่ตัวมุมมองจะมองต่างมุม

กับการมีชีวิตเพื่อประโยชย์สาธารณะ

มนุษย์แตกต่างกันตรงที่การเลือก

เลือกที่จะทำ....ความดี หรือไม่ทำ

หากมีความชั่ว ก็ยังมีสิทธิ์เลือก

จะยินยอมหรือไม่ยอมทำ

ความแตกต่างสะสมของแต่ละคนจึงเป็นดังนี้

 

มนุษย์ที่หลงผิด คิดว่าความชั่วคือสิ่งดี คือมองความชั่ว(ต่อความปลอดภัยของตนเอง)กลายเป็นสิ่งปกติที่เป็น...มองไม่เห็นโทษที่เกิดขึ้น

กลายป็นเพิกเฉยความปลอดภัยแล้ว..ไม่มีใครจะช่วยได้..

เมื่อความคิดและพฤติกรรมเห็นดีงามกับความไม่ดี
คิดและกระทำำในสิ่งไม่ดี ไม่น่าสรรเสริญ

คนแบบนั้นกำลังเสพความชั่ว ความสกปรกเป็นอาหาร เมื่อใดที่ แสดงกิริยาวาจาเพื่อการเจตนาร้ายคิดลบเกิดขึ้นในตนแต่ยังมีความสำราญเรียกว่าปกติไหม?

 

คุณรู้ไหม? อะไรที่ชอบเสพสิ่งสกปรก

เสพแล้วรู้สึกตนสำเร็จได้ อิ่มเอมแล้ว

 

เรีบกว่าปอบสิง หรือเป็นกระสือดี กินแต่อาจม เสพสิ่งสกปรกซ้ำๆ เลิกไม่ได้

 

เป็นแผนภาพตัวอย่างการยินยอมให้ความตรึกนึกคิดสกปรก ความชั่วร้ายเข้าครอบงำและปฎิบัตตาม ความเจริญของความชั่วจะเจริญไวยิ่งขึ้น

จนกระทั่งถูกครอบงำโดยละม่อม

 

คล้ายการแตกคัวปฎิกิริยาแบบนิวเคลียร์...ฟิซชั่น..

ทำไมแค่ตัวจิ๋วจึงมีวิวัฒทันสมัย....ไม่สงสัย..ฤ?

ความชั่วร้ายที่เป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ..มีมาตอนไหน?
ทั้งภายในภายนอกไม่มีในมนุษย์ใช่ไหม?
และเชื้อจากสัตว์ที่ทำให้มนุษย์ไม่มีใช่ไหใ?...คุณมีความชั่วกันเองใช่ไหม? คือไม่มีเหตุของความชั่วใช่ไหม??....เมื่อสมมติไม่มีเหตุของความชั่วแล้วที่ว่าหลักของเหตุและผลไปอยู่ไหน?

มีแต่ผล...เหตุหาไม่ได้หาไม่เจอแล้วมีความเชื่อหลักของเหตุและผล... ไม่สับสนหรือ

ฉันกำลังบอกว่า เหตุแห่งความเสื่อมแรกเริ่มของมนุษย์และสืบทอดกันมามาจากเชื้อไม่ดีจากภายนอนรอบตัวของมนุษย์เอง

 

บาปหรือไม่บาป
บาปมาก บาปน้อย

อยู่ที่เจตนา แรกเริ่ม

ผิดกฎหมาาย ได้รับโทษมากน้อยอย่างไร?
การพิพากษาของศาลก็จะดูที่เจตนาของผู้กระทำ

หากกระทำผิดโดยจริตที่อยู่ในกมลสันดาน
ความเป็นวิกลจริตตั้งใจให้เป็นภัยก็ต้องได้รับโทษหนัก

ศีล จะมีทั้งข้อควรปฏิบัติและละเว้นปฎิบัติ

กฎหมาย ก็ไม่แตกต่าง เรียกต่างกัน..กลุ่มชนใช้ต่างกันเท่านั้น

ศีลที่ดี สำหรับมนุษย์ คือ ทำความดีละเว้นชั่ว

แต่ศีลที่ดีที่สุด คือ การทำความดี

ถามว่าทำไมไม่มีละเว้นชั่ว...เพราะมนุษย์ที่ทำได้จะไม่มีช่องเปิดให้ความชั่วแทรกเข้ามาได้ แม้นแต่จะคิด หรือการระแวงสงสัย แม้แต่น้อย...

 

บาปมากบาปน้อย อยู่ที่เจตนา

ทำไม? จึงเป็นแบบนั้น

เมื่อคุณมีเจตนา จะทำชั่ว คิดไม่ดีเมื่อใด

แสดงว่า คุณกำลังตอบรับ คลื่นสื่อสารจาก

หน่วยหรืออนุภาคไม่ดีอยู่..เมื่อคุณกระทำ

หมายถึงคุณยินยอมให้ หน่วยหรืออนุภาคเหล่านั้นเข้ามาอย่างสะดวกโดยไม่มีการปิดกั้นและจะฝั่งอยู่ในระบบกระบวนการคิด ของคุณตลอดไป

จริตการแสดงออกจะพิกลพิการแบบไม่ปกติ

ฉันอุปมาให้เข้าใจหลายบทว่าเหมือนคอมพิวเตอร์
เมื่อคุณเปิดเว็บไซต์ชั่วร้าย..ที่มีอะไรแฝงอยู่ มีไวรัส มีสอดแนบ มีการขโมยข้อมูล..มีการแอบใช้ทรัพยากร...เมื่อไหร่ที่คุณเปิดใช้ระบบประมวลผล การผิดพลาด การรบกวน การแพร่กระจายไวรัส จะมีเพิ่มขึ้นตลอด...นี่คือการอธิบายที่ชัดเจนที่สุดว่า

ความบาป เริ่มจากคุณยินยอมเปิด ยินยอมกระทำ ยินยอมใช้งานสิ่งที่ผิดปกติเอง

ใครบาป ? คุณ เองที่มีเจตนาทำบาป

ตัวบาปคืออนุภาคชั่วร้ายนอกระบบธรรมชาติ
ที่เข้ามาสร้างให้คุณมีความคิดเห็นผิด

ตัวบาป หรือตัวสกปรก หรืออนุภาคสกปรก
ที่แฝงเข้ามาจะทำให้คุณได้รับ หรือเกิดอาการผิดปกติเอง