ถามเกี่ยวกับกสินอากาศ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย โฮมฮับ, 7 กันยายน 2018.

  1. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014


    เมื่อกี้พิมพ์ครั้งหนึ่งเรื่องอื่น
    แต่มือของเราไปโดนปุ่มลบ
    เหมือน พระ ไม่อยากให้สอนแบบนั้น
    อยากให้สอนเบบนี้แทน
    เลยต้องขอปรับอารมณ์ เป็น พระ หน่อยละกัน


    สมัยหนึ่ง ขณะที่เรากำลัง ถก เรื่อง กสินอากาส ที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สอน ในหลวง
    เราเห็นว่า ข้อมูลเรื่อง กสินอากาส กับ อรูปญานชั้นอากาส มันหายไป
    ทำให้คนชั้นหลัง หรือ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อฯ รู่นหลังๆ คิดกันไปว่า
    กสินอากาส กับ อรูปญานชั้นอากาส เป็นอันเดียวกัน
    พอข้อมูลสูญหาย ก็ทำให้ ตัดโอกาสของผู้ที่มีสัมพันธ์อันดีกับ กสินอากาส
    ก็คือ ผู้ที่เคยได้ กสินอากาสมาแล้ว ใน อดีตชาติ ไม่มีโอกาสที่จะได้ฝึกเพิ่มเติม

    เราจึงขอ ลงเรื่อง การฝึก กสินอากาส ของตัวเราเอง ในสมัยที่เรายังเณรน้อย เพิ่งจบประถมใหม่แล้วมาบวชเพื่อเรียนหนังสือ

    โดยมีขั้นตอน ต่อจากที่เรา ฝึกกสินน้ำในบาตร เนื่องจาก น้ำในบาตรมีแต่ครึ่งบาตร
    จึงทำให้เราเห็น ช่องว่าง ตรงส่วนที่ไม่ได้เป็นน้ำ เราก็มองดูตรงส่วนนั้น เพลินๆอยู่
    เราเห็น ความใส ของ กสินอากาส ทำให้จิตของเราใสไปตามมันด้วย

    เมื่อเรามองดู น้ำ เรารู้สึกว่า เย็นกาย
    และเมื่อเรามองดู อากาส เรารู้สึกว่า กายใสใจใส

    ที่บอกว่า ยังเป็น กสิน ก็เพราะว่า
    มันยังมี ขอบเขต ก็คือ ปากบาตรกลมๆ บังคับไว้อยู่
    แต่ถ้าเป็น อรูปญานชั้นอากาส จะไม่มีขอบเขต คือ ไม่สิ้นสุด แล้วส่งจิตของเรา เข้าไปอยู่ในอากาสนั้น นี่เรียกว่า อรูปญานชั้นอากาส แบบหนึ่งนั่นเอง

     
  2. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    ของท่าน คนไทบ้านๆ ผ่านโทรศัพท์ ส่วนผมขออนุญาตพบเจอตัวเป็นๆเลยครับ เหตุเกิดเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ของผมลองปิดห้อง ณ ที่พักที่หนึ่งแถว จ.นนทบุรี. ไปพิสูจน์กัน 4 คน ปิดห้องชนิดที่ว่าไม่มีอากาศหายใจกันเลย นั่งแบมือ ขอลองพลังงานกสิณก่อนเลย. ตอนแรกอ่านในเวปมาหลายปีก็อยากจะรู้ว่าใครทำอะไรได้หรือไม่ได้ (ผมเลยขอลองกองแรกคือกสิณลมกับท่านนพ) ท่านนพให้ผมแบมือขวา เพียงแค่เสี้ยววินาที ท่านเชื่อไหมว่า ลมบ้าหมูที่มันลักษณะ หมุนวน ๆ มันวนบนผ่ามือ นึกถึงบ้านเดี่ยวหน้าต่างที่ปิดหมด รูประตูลมยังผ่านไม่ได้. กองแรกผ่านไป ถึงกับอึ่งว่าท่านนพเขาแน่จริง ทำได้จริง ไม่ต้องทฤษฎีเยอะ ทำให้ดูเลย นี้เพียงแค่กองแรก. จนไล่ครบ 10 กอง ไฟกับดินนี้ชัดจนไม่รู้จะพูดว่ายังไงแล้วครับ ถ้ามือหนาๆรับพลังชัดขนาดนี้ แล้วถ้าเขากำหนดขึ้นบนหัว เชลล์สมอง เส้นเลือดฝอยจะเป็นยังไง แต่คนที่ฝึกได้ขนาดนี้ เขาไม่มานั่งทำใส่ใครแน่นอน และรวมทั้งการจัดกล้ามเนื้อโดยไม่โดนตัว (เพราะผมเบื่อที่จะมานั่งดูตำราและมโนเอา เลยหาคนที่ทำได้ทำให้ดู สรุปว่าเปิดหูเปิดตา บางอย่างที่นอกเหนือจากตำรา ไม่ใช่ว่าตำราไม่ดีนะ แต่สิ่งที่ผมสัมผัส ไม่มีในตำราไหนแน่ๆ)

    แต่พิเศษกว่านั้นคือ เขาทำให้เห็นเทวดาประจำตัวโดยที่เกิดมายังไม่เคยเห็น แบบลืมตาด้วยตาเปล่า ขอย้ำว่า แบบลืมตาด้วยตาเปล่า โดยท่าน.....(ขอกั๊กเอาไว้ให้งง) แต่ทั้ง 4 คน เห็นเหมือนกัน ทั้งภาพถ่ายที่ดวงตา.....เลยเข้าใจบางคำพูดว่า ทำให้เห็นเหมือนกับตนเองได้ แน่ไม่แน่ละครับ พลังงานกสิณก็ส่งออกให้ทั้ง 4 คน สัมผัสได้. ใช้นิ้วจิ้ม ทำให้คนทั้ง 4 คน เห็นภาพได้. ภาพที่คนเพิ่งหัดหรือแม้แต่คนฝึกมานานเห็นเหมือนกัน ทั้งสี่คนมาจากต่างที่ และผมก็ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ค่อนข้างอิโก้ ถ้าหากไม่พิสูจน์นะครับ

    ปล.ทฤษฎีในตำราที่ท่องจำกันมา มโนกันมา ฟุ้งกันมา แต่ผมขอให้ลองโชว์กลับทำกันไม่ได้ แต่ท่านนพทำได้ พอพูดมากเดี้ยวจะแถไปว่า ไม่ใช่หลักพุทธศาสนา. กุสุขวิปัสโก กุพุทธว....ไม่ใช่มาจากคำของ......บ้าง กุก็อปแปะคำสอนตัดทอนคำสอนครูอาจารย์บ้าง. (ต้องแบบไม่พูดเยอะ เจ็บคอ ทำได้ก็โชว์และพิสูจน์กันเลย จบ ไม่ต้องแบกตำรามาบ่นกันไม่มีที่สิ้นสุด)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2018
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,301
    ค่าพลัง:
    +12,628
    เม้นท์นี้ผ่อนแรงท่านนพไปได้มากโข
    ทีเดียว
    ยิ่งกว่าแบกถ้วยแบกโล่มาตั้งโชว์ฮับ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้าไม่ตอบที่ผมถาม
    แสดงว่าไม่มีอะไรแย้งที่ผมกล่าวหาเนาะ
    และย้อนถามคืนว่าฝึกสำเร็จหรือยัง
    ตรงนี้ผมคงไม่ต้องตอบเนาะ ^_^
    เพราะมันแสดงนิสัยบางอย่างของคุณได้

    ต้องเข้าใจนะ
    ผมไม่ใช่พวกอีแอบ จอมสร้างภาพ
    จอมดิสเครดิสคนอื่นๆ
    ที่ต้องมีหลาย user
    เพื่อมาอัพเดทอีกชื่อหนึ่ง
    เพื่อให้ตนได้รับการยอมรับ
    หรือทำเป็น เปลี่ยนบุคลิก พูดอีกแบบ
    ยกตนเองให้ดูดี แล้วความแตก
    พิมพ์ตอบแต่ลืมดู. User อ้างอิง
    อีก User ตนเองมาตอบแย้งคนอื่นๆ
    ให้คนแอบฮาเล่นๆหรอกครับ
    หรือเปลี่ยนชื่อเวลามีเรื่องกับคนอื่นๆ
    หรอกครับ พอดีทำไม่เป็น

    ip มันเชคได้ พลังงานที่ออกมาจากคน
    เดียวกันยังไงมันก็เหมือนกันครับ
    แต่จะพูดหรือไม่พูด
    หรือเอามาเป็นประเด็นดิสเครดิส
    ทำเป็นโชว์อวดว่าตนเองรู้ดีกว่าคนอื่นๆ เพราะเคยคบหา
    กันมาก่อนแบบคุณนะหรือทำไม่เป็นครับ
    และทำไปเพื่ออะไรครับ ??

    ผมไม่เคยบอกว่าผมเก่งเลยนะ
    แนะนำอย่างเดียว
    ส่วนทำได้ไหมคงไม่จำเป็นต้องบอกคุณ
    และไม่ได้เคยบอกว่าเป็นคนดีด้วย
    ไม่ได้บอกว่าบรรลุอะไรด้วย พูดให้ฟัง
    มีแต่พวกที่คุณรู้จักนั่นหละ
    มาดูถูก กล่าวหาผม ต่างๆนาๆ
    พอท้าให้แสดงความสามารถ
    ก็แถ อ้างไปเรื่อย แถมยังยกตนให้ดูดีอีก
    นี่หรือ วิสัยนักปฎิบัติที่คุณคิดว่าดี

    และถ้าคุณ
    พูดแบบนี้ ก็คือ คุณยอมรับคนอื่นไม่ได้
    มีความคิดว่าตนเองเก่งกว่าใคร
    เลยชอบพูดเชิงดูถูกคนอื่นๆ แสดงนิสัย
    ธาตุแท้ออกมาให้สมาชิกได้เห็น

    ผมฟันธงเลยว่า
    มันไม่แปลกหรอกครับ
    เพราะนิสัยและพื้นฐานจิตใจ
    แบบที่ชอบดูถูกคนอื่นๆ คิดลึกว่าตนเก่ง
    และชอบพูดเชิงกวนตรีนเชิงดูถูก
    แบบเนียนๆอย่างนี้
    คุณเป็นมานานมากแล้ว
    ผมเลยฟันธงได้ว่า คุณยังฝึกไม่สำเร็จ
    เพราะจริต วิสัยแบบนี้
    ชาตินี้ ฝึกอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอกครับ
    ไม่ใช่แค่กสิณนะครับ
    และที่ฟ้องว่า คุณมั่วมากในการแนะนำคือ
    คำตอบข้างล่าง

    ที่มั่วคือ การไปแนะนำกสิณสี
    ที่เป็นกสิณที่. จขกท ไม่เด่น
    และกำลังอ่อนสุด แล้วมั่วไปอีกกอง
    แถมยังไปพูดว่าจะบ้าก่อน

    ปกติกองที่เด่น ฝึกชาตินี้
    ยังตอบไม่ได้เลยว่าคนนั้นจะใช้งานได้ไหม
    เพราะมันยังมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง
    ที่ชาตินี้คุณคงไม่เข้าใจ
    การไปแนะนำกองที่อ่อน
    ชาตินี้ ถ้าฝึกไม่มีทางสำเร็จหรอกครับ


    นี่หละมันฟ้องผลการปฏิบัติและพฤติกรรม
    ทางจิตในอดีตที่ผ่านมาส่งผลจนถึงปัจจุบัน
    ของคุณเอง ว่าทำไมนิสัยไม่ดีขึ้น
    เรื่องความสามารถอะไรก็ไม่ถึง
    ระดับใช้งานได้จริงทั้งที่อยู่ในแวดวง
    มาหลายปีนั่นเอง

    ปล พอเข้าใจที่พูดนะครับ
    ผมไม่ได้กวนนะ พูดตามเนื้อผ้า
    กลับตัวกลับใจ เปลี่ยนพฤติกรรมทางจิตใหม่
    ยังจะมีโอกาสพัฒนาอยู่ครับ
    เพราะคุณยังถือว่าปกติอยู่
    สติ ทิฐิ สัญญายังไม่เริ่มวิปลาส
    เหมือนลุงวัยเกษียณที่คุณเคยเจอหรอกครับ

    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ. ^_^
     
  5. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    แทงผิดแต่หวย

    คนที่คุณเหมารวมมาหาผม

    ผมไม่เคยเจอนะครับรู้จักกันก้แค่ทางเวปพลังจิต
    พลังงานมันออกมาจากตัวหนังสือ
    คนจิตไวก้สัมผัสได้ไม่ต้องเช้คไอพีก้ได้

    ส่วนพี่ภูติถึงแกจะเกษียนอายุผมเคยเจอ

    แต่แกก็ยังปล่อยวางเป้นไม่ต้องไป ...


    ส่วนเรื่องกสิณก้แล้วแต่ จขกท.
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ป้าดโถ่
    พวกจิตไวหมายถึงใครหรือครับ
    พลังงานที่ออกมาจากตัวหนังสืออะไรพวกนี้
    คุณรู้เรื่องด้วยหรือครับ ?

    หรือคุณจะบอกว่าใครใช้ชื่ออะไรบ้าง
    แม้ไม่ต้องดู ip ก็รู้ได้เนาะจะได้รู้ไว้
    จากพลังงงานที่ออกมาจาก
    ตัวหนังสืออะไรนั่น

    และประมานว่าพวกจิตไวที่คุณยกอ้าง
    เอามาพาดพิงผมเชิงดูถูก
    ว่าไม่รู้เรื่องว่าใครเป็นใครในบอร์ด
    ในนั่นมีคุณรวมอยู่ด้วยหรือเปล่าหละครับ

    ถามจริงๆนะ จะได้ขอทดสอบหน่อย
    ว่าเป็นอย่างไร เห็นบอกว่าดูจากพลังงาน
    ที่ออกมาจากตัวหนังสือได้
    ถ้าไม่ใช่แล้วไปนะครับ


    ว่าไอ้พวกจิตไวเนี่ย ทำไมกล้าใช้คำนี้เนาะ
    พวกนี้คงมั่นใจว่าตัวเองว่าสัมผัสเล็กๆ
    น้อยๆ แบบนี้ คงจะเก่งมากเนาะ
    ถึงเอาเรื่องแค่นี้มายกตนเองได้ว่าไหมครับ

    ปล.ที่พาดพิงหมายถึง
    วัยเกษียณนั่นหละครับ ^_^
    เชื่อเหอะว่าเรื่องแบบนี้
    ผมพูดเเล้วไม่เคยพลาด

    แต่ถ้าคุณหมายพวก ๔ ถึง ๕ user
    ที่เคยมีเรื่องกับผม
    ก็ขออภัยด้วยครับ

    ปล ถามอีกครั้งนะ
    ตกลงพวกที่อ่านพลังงานจากตัวหนังสือ
    และจิตไวใช่คุณหรือเปล่าครับ?
    คำถามขี้วัด ตอบตรงๆแบบชัดๆได้ไหม


    แปลกเนาะ คุยจังแต่ฝึกกสิณ ฝึกกรรมฐาน
    กองอื่นๆไม่สำเร็จถึงขั้นใช้งานซักอย่าง
    ทำเป็นคุยว่าจิตไว สงสัยไม่เคย
    ออกงาน. ที่พูดไม่ใช่ผมนะ
    เพราะผมไม่เคยโม้ยกตัวเองแบบนี้ครับ
    ผมอายยยยยยย เป็น
    เพราะผมแค่พวกกะจอกๆ
    กะโหลกกะลาธรรมดาทั่วไป
    แค่อยากเจอพวกที่ใช้คำพูดยกตัวเอง
    ว่าจิตไวมากเลยยย
     
  7. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เรื่องพี่ภูตสงสัยจะพลาด

    เรื่องพลังงานตัวหนังสือ
    ไว้คุณก้ไปเปลี่ยนชื่อเล่นแล้วกันครับ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สรุปคือ ไม่ตอบที่ถามเนาะ...
    ว่าคุณคือ พวกที่อยู่ในพวกอ่านพลังงานจากตัวหนังสือ
    และเป็นพวกที่จิตไวหรือเปล่าครับ...
    เพราะเห็นคุณ เอามาคุยเชิงแปลกใจ
    ว่าผมไม่รู้เรื่องอะไร ประมาณว่า เชิงดูถูกไว้...
    ***ย้ำว่า ตกลง คุณเป็นพวกจิตไวหรือเปล่าครับ

    และประกันว่า ผม พูดออกไปเรื่อง นายวัยชรา
    ก็ไม่พลาดครับ. ^_^ เหอะๆ..ทำเป็นพูดดิสเครดิส
    ลองย้อนไปอ่าน ข้อความที่ เค้าย้อนเถียงผมดูก็ได้
    ถ้าคุณไม่ตกภาษาไทย คุณน่าจะเข้าใจได้นะครับ

    และท้ายนี้มีส่วนไหนที่ผมได้พลาดพิงคุณไป
    ไม่ว่า เรื่องดูถูกคน เรื่องไม่สำเร็จกสิณ
    และกรรมฐานกองอื่นๆ ก็แย้งได้นะครับ.. ^_^

    ก็บอกแล้วว่า ผมใช้อยู่ชื่อเดียว......
    จะโชว์ว่า ตนเองจิตไว ดูออกว่าใครเป็นใคร
    แม้จะใช้ user ไหนก็ได้
    ก็พูดมาตรงๆก็ได้ครับ....
    ถ้าพูดแล้ว มันทำให้รู้สึกว่า ตัวเองดูเก่ง ดูหล่อ
    ดูแล้วน่าเชื่อถือ มากกว่าคำว่า
    ผมมันกระจอก กระโหลกกะลา อะไรทำนองนี้

    จำไว้นะครับถ้าได้พูดเชิงดูถูกใครไว้
    ขออย่างเดียว ให้เก่งเหมือนที่ปาก
    คุยโม้ไว้จริงๆหน่อยนะครับ
    รอคำตอบ รอการพิสูจน์อยู่ครับ.....

    ปล. ตกลงจะตอบคำถามไหมครับ.....
    ผมถามยากไปหรือเปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2018
  9. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    การไช้นิ้วจิ้มแล้วทำไห้คนอื่นเห็นเทวดาแบบลืมตานี่เป็นการไช้กำลังแบบไหนครับอาจารย์นพ และไช้กำลังสมาธิหนักไหมครับเห็นเคยมีคนเล่าไห้ฟังว่ามีพระท่านไช้ไม้เท้าจิ้มแล้วทำไห้เห็นภาพในอดีตชาติที่เขาเคยเกิดเป็นพญานาคถ้าท่านสงเคราะห์สัก10คนคนละประมาณ5นาทีจะมีอาการเหนื่อยล้าหรือเพลียบ้างไหมครับขออาจารย์นพสงเคราะห์ตอบด้วยนะครับ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    บอกก่อนว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็สามารถทำได้นะ
    อาศัยกำลังของจิตไม่มาก ไม่ได้ใช้กำลังที่สูงเลย
    ซึ่งใครก็ตาม ที่สามารถปั่นปฎิภาคนิมิต กรรมฐาน
    ที่ขึ้นด้วยภาพได้ ในกำลังที่ไม่ใช่ระดับอุปจารสมาธิได้จริง
    จะมีความสามารถทำได้แบบนี้ เกิดขึ้นได้ทุกคนเป็นปกติ
    ถ้าทำไม่ได้ ก็แสดงว่า (................ )ไปคิดเอาเอง
    เล่าให้ฟังก่อน เด่วจะเผลอเข้าใจผิด
    ซึ่งแท้จริงแล้วกำลังมันน้อยนิดมากๆ ถ้าเทียบกับระดับ
    ครูบาร์อาจารย์ในอดีตที่ล่วงลับไปแล้วหลายๆท่าน
    คือ ถ้าเปรียบความสามารถแบบนี้เป็นขั้นที่ ๑
    แบบที่ท่านที่ล่วงลับไปแล้วที่อุทัยธานี หรือท่านอื่นๆ
    จะประมาณขั้นที่ ๘ คือ เราต้องพัฒนาไปอีก ๗ ขั้น
    พูดพอให้เห็นภาพเฉยๆ จริงๆแล้วเอาไปเปรียบ
    อะไรกับท่านไม่ได้หรอกมันคนละเรื่องกันเลย...
    พูดพอให้รู้ ให้พอมีขอบในการวัดเฉยๆ
    ทั้งๆที่ไม่สามารถไปวัดหรือเทียบอะไรกับท่านได้เลย


    หลักการก็คือ การค้นเข้าไปในตัวจิตบุคคลนั้น
    เหมือนเราค้นหา forder ที่เก็บข้อมูลในเครื่องคอมนั่นหละ
    ถ้าเราหาข้อมูลในส่วนไหนของจิตดวงนั้นเจอ
    ก็เหมือนกับการดึงเอาข้อมูลตรงส่วนนั้นขึ้นมาใช้งานได้นั่นเอง
    เป็นที่มา ที่บางคน แม้ไม่เคยฝึกอะไรมา
    แต่ทำไมถึงรับรู้และเข้าถึงกรรมฐานกองต่างๆได้
    บางคนก็สามารถนำมาใช้งานได้เลย
    โดยที่ไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรมา.....ฟังดูเวอร์ ไปหน่อยไหม
    แน่นอนว่า ไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้....
    พูดง่ายๆก็คือ การดึงของเก่าให้ขึ้นมาใช้ได้นั้นเอง...
    ซึ่งแท้จริงๆแล้ว มันไม่ใช่สาระและยากเย็นอะไรหรอก
    สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ. พื้นฐานความพร้อมทางด้านจิตใจ
    ความเฉลียวในการนำไปใช้งาน สภาพของร่างกาย
    และสมาธิสะสม ตลอดจนปฏิปทาในการนำไปใช้งาน
    ที่จะมีเพียงพอรองรับ หรือ ยอมรับได้
    สำหรับ การใช้งานของกรรมฐานกองนั้นๆที่ดึงขึ้นมา
    จากจิตบุคคลนั้นๆตรงนี้สำคัญที่สุดครับ
    (ในอดีต ท่านที่มีชื่อ ก็ทำปกติ สำหรับลูกศิษย์ใกล้ชิด
    บางกลุ่มเท่านั้น เพราะว่า ถ้าให้ไปฝึกเอง ชาตินี้
    อาจจะฝึกไม่สำเร็จ แต่ถ้าจิตใจพร้อม องค์ประกอบ
    พร้อมท่านในอดีตเหล่านั้นก็ทำให้. พูดง่ายๆแล้วแต่คน)

    ที่พูดมาข้างบน อาจจะฟังดูเวอร์ ดูเหลวไหล
    ดูแล้วหาเหตุหาผลรองรับไม่ได้ อาศัยความเชื่อ ศรัทธาหรือ ?
    แต่ถ้าเรามองแบบวิทย์ศาสตร์ในรูปของแรง
    หรือสื่อนำแรงเราจะเข้าใจว่า
    มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย....เพราะในระดับอะตอมนั้น

    (มีนิวเคียสอยู่ตรงกลาง และอิเลคตรอน
    และในนิวเคียสนั้น มันมี นิวตรอนและโปรตรอนเป็นองค์ประกอบ
    อยู่ร่วมด้วย ซึ่งทั้งนิวตรอนและโปรตรอน ก็ประกอบด้วย อนุภาคที่เป็นองค์ประกอบสะสารอยู่อีก ๒ ตัวคือ อัพคว๊ากและดาวน์คว๊าก แรงต่างๆบนโลกที่เรารู้จักกัน จะมี ๔ ตัว ๑.แรงที่เป็นสนามแม่เหล็ก หรือเรารู้จักในชื่อ แรงดึงดูด ๒.แรงคลื่นประจุไฟฟ้ามี ขั้วบวกและลบ มีแสง บางเรียกโปรตรอน
    ๓.แรงนิวเคียร์แบบเข้ม คล้ายๆเราดึงหนังยางให้ยืดออก
    และ ๔ นิวเคียร์แบบอ่อน
    ซึ่งถ้าสังเกตุ แรง ๑ ๒ และ ๓ มันจะมีอนุภาคที่เป็นสื่อนำแรง
    เพียงแค่ตัวเดียว แต่ ๔ มันแปลกตรงที่มีอนุภาพองค์ประกอบสะสารที่มีสื่อนำแรงถึง ๓ ตัว ตัวสุดท้ายนี่หละ ที่มันสามารถ
    สูญสลายไปได้ เทียบกับทางพุทธฯคือ ไม่มีการผุดการเกิด
    และสามารถเปลี่ยนไปมาได้ จากนิวตรอนไปเป็นโปรตรอน
    เรียกง่ายๆคือเล่นแร่แปรธาตุ
    เอาไว้ในอนาคต หากเหมาะสมจะเราให้ฟังว่ามันหายได้อย่างไร
    มันเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างไร พอดีเคยถูกห้ามไม่ให้
    ไปเล่นทางด้านนี้ไว้ เลยไม่ค่อยได้สนใจเท่าไร...ในวงเล็บ
    เล่าให้ฟังเฉยๆนะ...)


    มันจะประกอบด้วยอนุภาค ๒ ส่วนหลักๆ คือ ๑.อนุภาคที่เป็น
    ส่วนประกอบของสะสาร ที่ไม่สามารถแทนที่กันได้
    เช่น น้ำหนึ่งขวด จะเอาไปวางแทนที่อีกขวดไม่ได้
    มันจึงต้องอาศัยพื้นที่ เมื่อมีพื้นที่ ย่อมมีเรื่องของระยะทาง
    ของพื้นที่ เมื่อมีระยะทางแล้ว ก็ย่อมมีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้อง
    พอมองภาพออกไหม....

    และ๒.อนุภาคที่เป็นสือนำแรง (ยกตัวอย่างนะ คือจริงๆ
    มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า )เช่น เราสามารถเอาขวดล้านขวด
    วางซ้อนเข้าไปที่เดียวกันได้ และขวดล้านขวดนี้
    สามารถสร้างสนามพลังขึ้นมาได้ เมื่อมันไม่อาศัยพื้นที่
    มันก็ไม่อิงระยะทาง เมื่อไม่อิงระยะทางก็ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา
    เลยเป็นคำพูดว่า เหนือกาลเหนือเวลา ทำไมถึงสามารถ
    ส่งพลังงานข้ามทวีบได้ก็เพราะ คุณสมบัติแบบนี้
    หรือทำไมถึงเห็นท่านที่ล่วงลับไปแล้วได้ ก็คุณสมบัติ
    ของอนุภาคที่เป็นสื่องนำแรงแบบนี้นั้นหละ
    เพียงแต่ในทางปฏิบัติ หากเราไปตัดการเห็นได้
    หรือตัดมายาต่างๆที่สร้างเป็นภาพ ก็อยากที่เรา
    จะย้อนไปถึงระดับต้นตอที่เป็นแหล่งกำเนิดของภาพ
    ต่างๆเหล่านั้นได้ เราจะเข้าใจว่า เป็นสัญญาความ
    จำได้ในจิต ซึ่งเป็นภาษาที่เข้าใจกันทั่วไป....
    พอเห็นภาพการย้อนอดีตไหม การไปอนาคตไหม
    จากคุณสมบัติของอนุภาคที่เป็นสื่อนำแรง.....
    พอเข้าใจไหมว่า ทำไมฝึกกรรมฐานกองนั้นแล้ว
    ถึงเอาพลังงานกองอื่นๆมารวมกันได้ พอมองเห็นภาพชัดขึ้นเนาะ


    ถ้าสังเกตุต่อ แม้เราจะรู้ว่า แรงทั้ง ๔ ประเภทเป็นอย่างไร
    แต่จะไม่พบต้นกำเนิดของแรง.....
    ดังนั้น ในทางพุทธฯเรานั้นไม่ว่าการเจริญสติ การสวดมนต์
    การทำสมาธิ การปั่นปฎิภาคนิมิตต่างๆนั้น
    มันเป็นเพียงอุบายเริ่มต้น ในการสร้างต้นกำเนิดของแรง

    ผู้ฝึกจึงได้พบ กริยาต่างๆระหว่างทางของการฝึก
    ถ้าสังเกตุดูก็จะพบว่า จะไม่เกินทั้ง ๔ ข้อที่ได้กล่าวมา
    ไม่ว่ากิริยาที่เกิดภายใต้แรงดึงดูด แรงโน้มถ่วง แสง
    การยึดหยุน การเล่นแร่แปรธาตุ สังเกตุได้ กิริยาที่ส่ง
    ผลให้เรารู้สึกทางกาย จะอยู่ใน ๔ ประเภทนี้นั่นเอง
    ตรงนี้พอเกทไหม ตัวโยก เห็นแสง ลอยได้ ฯลฯ

    การใช้นิ้วจิ้ม ใช้ไม้เท้า ใช้อุปกรณ์ต่างๆ
    จริงๆมันก็เป็นเพียงแค่อุบายอย่างหนึ่ง
    ที่พอทำให้เราอยู่บนโลกได้แบบพอยอมรับ
    ได้ทางสมมุตินึกออกไหม
    ถ้าหากว่า เราสร้างต้นกำเนิดของแรงที่มาจากจิตเรา
    ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ พวกภาพ พวก
    ความสามารถต่างๆ มันล้วนเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง
    ในประเภทที่เป็นลักษณะคุณสมบัติของสื่อนำแรง
    เมื่อใครก็ตาม ที่สร้างต้นกำเนิดแรงได้
    และใช้แรงที่สร้างเข้าไปค้น(หรือรวมก็ได้
    ในกรณีต้องการสร้างสนามแรงขึ้นมาใหม่)
    แรงตัวนั้นๆหรือความสามารถนั้นๆมันก็จะขึ้นมาได้
    ของมันเองเป็นเรื่องปกติครับ


    ที่ส่วนตัวพูดมา เป็นแค่เศษเสี้ยว ความรู้ปกติ งูๆปลาๆ
    ซึ่งในระดับท่านที่เก่งๆในอดีตที่เข้าถึงระดับจิตธาตุ
    ท่านรู้ได้เป็นปกติกันทุกคนอยู่แล้ว แล้วแต่ว่าท่านจะพูดหรือไม่พูด
    ในปัจจุบัน ท่านที่ได้ทางปัญญาญาน
    ท่านก็รู้ๆของท่านปกติ ซึ่งยังพอมีให้พบเจออยู่

    อย่าง พลังงานกสิณน้ำ ก็เป็นสือนำแรงที่เป็นประจุที่
    มันไม่เข้าพวกกับแรงในกลุ่มเดียวกัน หรือ ธาตุไฟ
    ก็เป็นสื่อนำแรงที่เข้ากับพวกประจุเดียวกันที่มีขนาดมาก
    อะไรประมาณนี้ เล่าให้ฟังเป็นตัวอย่าง......


    เครเนาะ.....

    ปล.ใช้แล้วทิ้งเป็น ใช้แล้วก็แล้วไป ไม่อะไรๆกับมัน
    ไม่คาดไม่หวังผลอะไร
    ถ้าจะใช้ก็ใช้ไป ใช้ที่จำเป็น
    มันไม่มีเหนื่อยไม่มีเสื่อมหรอก เพราะใช้แบบอัตโนมัติ
    เป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิต....
    สังเกตุไหม ทำไมหลวงปู่ หลวงตา อายุมากๆ
    ร่างกายภาพนอกดูตามวัย ทำไมถึงกำลังจิตสูงได้
    นั้นหละ ที่เราเรียกว่า เป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิต
    แน่นอน ต้องอาศัยเรื่องทางด้านปัญญาเป็นตัวหนุน
    นำที่สำคัญก่อนจะมาถึงจุดเป็นไปตามเนื้อหาเดิม
    แท้ของจิตได้นั่นเอง.....ถ้าจิตมีกำลังอย่างเดียว

    มันมีเสื่อม เหนื่อย ยึด ติด...พอเข้าใจภาพรวมเนาะ
     
  11. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +708
    ขอบคุณอาจารย์นพที่มาเติมความรู้ไห้ครับทีนี้ขอถามท่านปราบต่อนะครับการอ่านพลังงานจากตัวหนังสือนี่สามารถเจาะลึกไปรุ้ถึงบารมีของคนๆนั้นได้เลยหรือเปล่าครับช่วยอธิบายให้ผมฟังพอเข้าใจหน่อยครับเพื่อเป็นองค์ความรู้ครับ
     
  12. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ก็น่าจะเริ่มจาก สามารถมองเห็นอากาศ(อากาศจะไม่ได้ว่าง จะมีนิวเคลียสเล็กๆลอยอยู่เต็มไปหมด) ต่อจากนั้นก็ทำให้อากาศมันเป็นช่องว่าง
    แต่มันยากนะ เพราะการจะเห็นอากาศ มันต้องฝึก กสิณแสงสว่างมาก่อน จนมองเห็นได้

    ผมเริ่มเห็นอากาศเมื่อ ประมาณ 15 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ไปต่อ เพราะไม่รู้ว่าจะฝึกไปทำไม
    เอากำลังสมาธิไปสู้กับกิเลสดีกว่า ได้ประโยชน์สูงสุด

    มัวไปทาง อิทธิวิถี ตกนรกได้นะ ต้องหาทางข้ามโคตรภูให้ได้ ถึงจะรอดนรก
     
  13. โฮมฮับ

    โฮมฮับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    นิมิตของกสินกองนี้เป็นวงกลมที่ข้างในเป็นเหมือนกงล้อหรือกังหันหมุนไปรอบๆเวียนขวาหรือเปล่า
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ไม่ใช่นั้นนิมิตหลอก
    ให้ไปสนใจ ทำให้ไปได้ช้า
    นิมิตหลอกมีประมาน ๗ ถึง ๘ แบบ
    ก่อนที่จะเห็นนิมิตตรง
    ต่อให้เห็นนิมิตตรงก็ยังไม่มีประโยชน์
    ถ้าจะไปต่อ

    ปล ลมกับอากาศ จะคล้ายกัน
    ต่างที่ลักษณะการเหวี่ยง
    ในวงกลมกรณีหลับตา
    ส่วนลืมตาก็อีกแบบ ควรที่จะฝึก
    สังเกตุเอง จากกำลังสติเราเอง

    ดีที่สุด
     
  15. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เคยเห็นเป็นโพรงอากาศที่ไม่เห็นปลาย แต่ไม่ได้เข้าไป ไม่เสี่ยงดีกว่า
    ความสามารถพวกนี้ ฝึกให้มียากมาก แต่ควบคุมสติไม่ให้หลง ยากมากกว่า
    ดี่สุด คือไม่ไปยุ่งกับมัน ถ้าไม่อยากเป็น อสูร

    ผมเปลี่ยนแนวมา ทรงภาพพระ นิมิตประหลาดมา ผมเพิ่มจำนวนพระขึ้นอีก
    สบายเลยทีนี้ เลยรู้ว่ากำลังตัวเองสู้ไม่ไหว พึ่งบารมีดีกว่า อยู่รอดปลอดภัย
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ...ุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ๑.ขี้โม้ ปรับอารมย์เป็นพระ...เป็นผู้วิเศษ ทรงคุณธรรมหรือ...เหอะๆ
    ๒.ขี้อ้าง เอา ลพ. มาอ้าง กับ พ่อหลวง ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเลย....
    ๓.ไม่ได้เรียกว่า ถกเนาะ เรียกว่า มโน เรื่อง ลพ.สอนกสิณ พ่อหลวง.....
    ๔.คุยทำเป็นย้อนอดีตสมัยเด็กๆ จะคุยเสริมประหนึ่งว่าตนเองเก่ง
    สุดท้าย พูดมา เรื่องกสิณ มโนทั้งนั้น........
    ทำเป็นคุยเรื่องอรูปฌาน ทั้งๆที่ทำไม่ได้ ไม่เคยผ่านรูปฌานด้วยซ้ำ
    คุยโม้ เป็นตุเป็นตะ...........

    ว่าจะไม่พูดแระ แต่รำคาญ พวกกระบือ ขี้โม้ ขี้อ้าง
    ทำเป็นอวดฉลาดรู้ดี
    โดยเฉพาะ ไอ้นิลกระบือ เนี่ย
    ใครบอกมันว่า ลพ.ที่มันชอบเอามาอ้างเพื่อเสริมให้มันดูดี
    ท่านสอน พ่อหลวง ของเราเรื่อง กสิณอากาศ


    ทำเป็นอ้าง แล้วสุดท้ายก็มโนไปเองเอาดีเข้าตัว......
    พ่อหลวงเราเลยขั้นนี้ไปถึง โหมดอรูปฌานแล้ว
    ซึ่งมันเลยเรื่องกสิณมาแล้ว แต่พ่อหลวงเรา ใช้สมมุติภาษา
    ว่ากสิณวิญญาน ซึ่งถ้าฟังภาษาสมมุติ อาจจะทำให้งง
    จึงมีการถาม เพื่อดูกิริยาทางจิต ซึ่งมันเรื่องปกติที่คน
    ที่ปฏิบัติได้ บางที่จะใช้ภาษาสมมุติไม่ตรงกับกิริยา
    จึงได้คำตอบ จาก ลพ.ว่าเป็น
    ''วิญญาณัญจายตนฌาน'' มันคืออรูปฌาน

    มันคือ คำว่า อรูปญานชั้นอากาส ที่ไอ้นิลละกระบือ(ไม่รู้ใครใช้ชื่อนี้
    มันเอามาอ้างทำเป็นบอกว่าหายไป หายไป ....่องงงงงงง มะรึงหรือ
    ตัวเองนะ ไม่รู้เรื่อง แต่เจือก อยากทำเป็นอวดรู้ ทำเป็นรู้ดี
    ทั้งๆที่ เปลี่ยนแค่ภาษาที่ใช้ แต่ความหมายทางกิริยาเดียวกันแท้ๆ


    ต่อจากนั้น ลพ.ถึงได้แนะทริค
    ในการพัฒนาให้พ่อหลวง ....
    ดังนั้น พ่อหลวงท่านทำได้อยู่แล้ว.....ายยยยยยยย เอ้ยยยย

    และจะบอกให้ว่า
    ศาสนาพุทธ วีถีบนดาวโลกนี้ ไม่ได้เน้นการส่งออกจิตนะครับ
    ไปเรียนพูทธศาสนาสายมโนเองเองจาก ดาวดวงไหนมา
    เพราะฉนั้น อย่ามาทำโชว์เหนือ ประหนึ่งว่าตนมีดี
    ปัจจุบัน ก็ยังหลงตัวเอง คิดว่าตนเองวิเศษ
    มาแนะนำให้ส่งจิตออก ทำเป็นรู้ดีเรื่องอรูปฌาน
    ทั้งๆที่ ไม่เคยผ่านการขึ้นรูปฌานมาก่อน


    คุณนะ ทำกสิณและใช้งานไม่ได้ซักกองหรอก
    และเข้าไม่ถึงอรูปฌานจริงๆหรอก
    อย่าดัดจริตทางจิต เที่ยวอ้างท่านโน้นท่านนี้มาเสริมตน
    อ้างตนป่านว่าไม่ใช่คนธรรมดาปรับอารมย์เป็นพระได้ ...ายยยยยยยย

    แล้วก็เที่ยวมามโน แนะนำเรื่องกสิณไปทั่ว.....
    อรูปฌานแบบที่ คุณมโนเอาว่าไม่ต้องผ่านรูปฌานนั้น
    เด็กปฐม เด็กอนุบาล หรือคนไม่เคยฝึกสมาธิมา
    ก็สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องฝึกกันทั้งนั้นหละ
    คิดไปได้ว่าตนเองเข้าถึง......
    จบ.สำหรับกรณี ขี้โม้ขี้อ้างขี้เดารายนี้..
    กล้าเถียงไหม ว่าที่ข้าพเจ้าพูดไม่จริง....
    มาพิสูจน์กันได้นะ...


    .เด่วไปต่ออีกราย..
     
  17. โฮมฮับ

    โฮมฮับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    อ้าวแย่เลย อันนี้ จขกท. ฝึกแบบลืมตามองไปบนท้องฟ้าอะ กับที่เห็นอีกแบบคือเป็นวงกลมตรงขอบหมุนวนๆ อันนี้เป็นนิมิตลมหรืออากาศ แล้วแบบที่นิมิตที่ถูกของกสินลมและอากาศต้องเป็นยังไง ขอได้โปรดชี้แนะ เพื่อกาเดินทางต่อที่ถูกต้อง
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035

    ข้อ ๑.นะ บอกให้ตรงๆนะ ถึงคุณจะเข้าใจว่า ตนเองมาทางสมถะ
    (ปกติพวกที่กล้าพูดแนวๆนี้ น่าจะต้องเก่งสมาธิพอตัวนะ
    ไม่ใช่ ให้คุณแบบนั้น ให้คุณทำแบบนี้ แต่ตัวเองทำไม่ได้ซักอย่าง
    แต่ก็แนะนำไปงั้นๆ)
    แต่คุณแปลกใจตัวเองไหมว่า ทำไมฝึกอะไรไม่เคยสำเร็จซักอย่าง
    จนใช้งานได้เลย...แต่กลับต้องมาเน้นเรื่องการเจริญสติให้มากๆแทน...
    ถ้าไม่รู้จะบอกให้ ถ้ายังฟังกันอยู่ ถ้าไม่ฟังก็เรื่องของคุณ
    เอาว่า อาการคุณจะหนักกว่าพวกที่ถูกแทรกในชาตินี้แล้วกัน...

    ข้อ ๒. ใครบอกคุณว่า จะเห็นอากาศต้อง ฝึกกสิณแสงสว่างก่อน อย่ามั่วววววววว
    การเห็น อากาศได้ เป็นเพียง กิริยาที่จิตทำงานได้ เมื่อมีเส้นสายนำ
    มันใช้กำลังแค่ระดับอุปจารสมาธิ ดั้งนั้น อย่าไปมั่วกับเรื่องกสิณแสงสว่าง
    มีหลายคนที่เห็นอากาศได้ โดยไม่ต้องฝึกกสิณแสงสว่าง ชัดนะ...

    ฝากถามให้เป็นข้อคิดนะ...
    ๑. รู้ไหม นิเคลียส เล็กๆที่พูดมันอยู่ตรงไหน เป็นเป็นส่วนประกอบที่อยู่ในอะไร
    และในตัวนิวเคลียสเอง มันประกอบด้วยอะไร และมีสื่อนำแรงอะไร
    และเกี่ยวอะไรกับอนุภาคที่เป็นองค์ประกอบสะสารอย่างไร?
    ๒.รู้ไหมว่า พลังงานกสิณเป็นสื่อนำแรงประเภทไหน? ถึงได้เอา นิวเคลียสมาอ้าง
    ๓.รู้ไหมว่า กสิณแสงสว่าง จัดอยู่ในสื่อนำแรงประเภทไหน ถ้าเทียบ
    ทางวิทย์จะเรียกว่า อยู่ในสื่อนำแรงประเภทอะไร
    ๔. มันเกิดเป็น ชื่อ ที่เรียกว่า กสิณโน้นนี่นั้นเพราะอะไร..
    ตอบ ๔.ข้อข้างบนไม่ได้แบบสิวๆ....ข้อร้อง
    อย่า มัวไปอิงกับทางวิทยศาสตร์ เด่วจะโดนข้าพเจ้าเบรคหน้าแหกในครั้งต่อไปชนิด
    ที่หมอไม่รับแย๊บนะครับ.....ตรงๆคือ ปฏิบัติไม่ได้
    ไม่เข้าใจ ว่าจะอ้างวิทย์ศาสตร์ เพื่ออะไร จบนะประเด็นนี้



    ข้อ ๓. ที่บอกว่า เคยเห็นอากาศเมื่อ ๑๕ ปีก่อน สุดท้ายพูดฟังดูดีเนาะ
    เอามาต่อสู้กับกิเลส ไม่แปลกหรอกครับ เพราะที่คุณเห็นมันแค่กำลังอุปจารสมาธิ
    มันต้องมีอีก ๕ ขั้นถึงจะบอกได้ว่า ใช้งานได้หรือเปล่า...เอ่อ ถ้าถึงขั้นที่ ๔
    หรือว่า ทำได้แล้วและมาพูด มันยังพอฟังได้นะครับ
    แต่อยู่ระดับรากหญ้า ที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย แล้วทำมาพูดว่า
    ไม่รู้จะฝึกไปทำไม ใครๆก็พูดได้หรอกครับ...เข้าเรียก ทำเป็นพูดให้ดูเท่ห์ๆ
    มันเป็นเรื่องธรรมดา ของพวกที่ชาตินี้จะฝึกไม่สำเร็จ ชอบเอามาอ้างกัน
    และพูดให้ตนเองดูดีครับ.....

    ข้อ ๔ อิธิวิถี มันเกี่ยวอะไรกับการตกนรกครับ....พูดอย่างนี้ก็แสดงว่าเหมา
    รวมพระเกจิในอดีตต่างๆหรือเปล่าครับ....ทำไมเหรอ กลัวว่าฝึกสำเร็จ
    จะไม่ทำให้ใครตายเพราะความปากสุนัขของคนนั้นหรือครับ
    ไม่ต้องห่วงหรอก ชาตินี้คุณทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ
    คำนี้ จำมา จะเอามาอ้าง ก็หาเหตุผลประกอบหน่อยก็ดี
    ไม่ใช่ไม่มีความสามารถทำได้ ทำเป็นอ้างเรื่อง ตกนรก...ายยยย

    ข้อ ๕ โครตภู....โม้เป็นปลาซิวปลาสร้อย...การพูดเพราะๆ
    ไม่ได้เป็นตัวชี้วัด คุณภาพจิตของจิตได้เสมอไปนะครับ.....



    ธรรมดา กำลังสมาธิน้อย ต้องเน้นเรื่องสติอยู่แล้ว....ถึงฝึกต่อไปก็ไม่สำเร็จครับ
    ดีที่สุด คือไปเน้นทางด้านปัญญานะครับ ไม่ใช่เน้นแนวทรงภาพพระนะครับ
    เพราะภาพพระในกำลังระดับคุณ มันอยู่บนพื้นฐานการมโนอยู่นะครับ
    กล้าเถียงไหม ตราบใดที่ยังทำให้คนอื่นๆเห็นเหมือนที่คุณโม้ไม่ได้
    นั่นหละ ที่ส่วนตัวเรียกว่า ยังไม่พ้นมโน...เข้าใจนะ....

    อิอิ อย่าไปยุงกับมันเป็นกสิณใช่ไหม แต่ที่พูดโพรงอากาศคือเล่าให้ฟัง
    ไม่งั้นจะเป็นอสูรเนาะ......คนเรามันไม่ได้เป็นอสูรกายกันง่ายๆหรอกนะ...
    เพราะภูมิที่เข้ามาแทรกทางท้ายทอย พวกบ้าพลัง อยากดีอยากเด่น
    ที่ไม่ฝึกสติไม่เดินปัญญาก็ภูมินี้ทั้งนั้นหละครับ.....


    ว่าแต่ คุณว่า คุณทรงภาพพระได้.......
    ไหนตอบ ข้าพเจ้าซิ ว่าภาพพระที่คุณเห็นเกิดขึ้นได้อย่างไร
    และทำไมถึงเห็นแบบนั้น......อย่าตอบว่า ระลึกเอา
    หรือใช้ทิพยคิกขุนะ..เข้าใจเนาะ


    ถ้าตอบไม่ได้ ภูมิจิตคุณเองนั่นหละครับ
    ที่จะไม่พ้นภูมิอสูรกาย....เพราะตอนนี้คุณแยกไม่ได้ว่า
    นิมิต ที่คุณเห็นเป็นพลังงานระดับไหน
    พูดตรงๆว่า สิ่งที่เห็นเหมือนกัน
    อาจไม่ใช่มาจากแหล่งพลังงานเดียวกัน เกทนะ
    และคุณ ก็ยึดแต่นิมิต ภาพพระที่เห็นในครั้งแรกนั่นหละ
    เรียกว่า ยึดนามธรรม อิอิ ยังไงภูมิจิต
    ก็ไม่พ้นภูมิอสูรกาย ถ้าแยกไม่ได้ขาดนะครับ
    การพูดจาไพเราะ ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะครับ....
    เครไหม.....


    ส่วนตัวยังไม่เคยเห็นพวกที่มีวิบากด้านพลังงานในอดีต
    จะฝึกหรือปฏิบัติอะไรได้สำเร็จเลยนะครับ(ไม่ใช่พวกถูกแทรกในชาตินี้นะ)
    ยกเว้นว่า ต้องมาเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง
    และเดินปัญญาต่อ อีกนานพอควร
    แต่อย่างว่าหละ พอจะมาเจริญสติก็ถูกขวางอีก..
    พอไปพูดเรื่อง นามธรรม ก็ออกนอกดาวโลกไปอีก
    เอาเป็นว่า เรื่องของใครของมันแล้วกัน....
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จะให้บอกเลยหรือ? มันจะไม่ได้ทางด้านกำลังสติทางธรรมตรงนี้นะ
    ที่จะทำให้เรามีความละเอียดทางนามธรรมที่จะแยกมันได้เองนะบอกไว้ก่อน..
    แต่ถามมาก็พอตอบให้ได้...แบบลืมตานะ
    อากาศกับลม เราจะไปดูตรงขอบๆอย่างเดียวยังจะไม่สามารถแยกได้ชัดเจนเลย
    เพราะที่วนๆที่ขอบๆมันเป็นเพียงสภาวะกิริยาไม่มาก...
    พูดง่ายๆก็คือ มันเริ่มต้นเหมือนๆกัน

    ซึ่งลมก็สามารถเกิดตรงนี้ได้เช่นกันอากาศก็เกิดได้เช่นกัน...
    ต้องดูต่อไปว่า ถ้านิมิตที่เราเห็นนั้น
    ต่อไปมันหมุนขยายออกไปเป็นวงกว้างขึ้นออกไปอีกหรือไม่
    คล้ายเราโยนหินลงน้ำแล้วมันเป็นวงกลมขยายออกกว้างๆพอนึกภาพออกไหม
    ตรงนี้คืออากาศ แต่ถ้ากรณีเดียวกัน มันขยายออกไปกว้าง
    แต่กลับมากระแสบางส่วนวนกลับเข้ามาแบบเหวี่ยง
    คล้ายๆวงแหวนดาวเสาร์ ตรงนี้เป็นลม
    พอมองภาพออกไหม ตรงนี้คือการดูที่ภายนอกนะ
    แต่ถ้าเราดูภายใน อากาศมันจะเหมือนหลุมที่ขุดไว้แล้ว
    มีรูลงไปเลย แต่ลมมันจะเหมือนมีรูแต่ยังมีการเหวี่ยง
    ของกระแสเพื่อมาคล้ายๆขุดรู้นั้นอยู่....

    ปล. การที่เห็นภาพอะไรก็ตาม ในวงกลม ไม่ว่าดีหรือไม่ดี
    ที่ไม่ใช่ภาพกระแส เป็นนิมิตหลอก หรือนิมิตขวางทั้งสิ้น..
     
  20. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    nop ปกติผมไม่อ่านข้อความอะไรของท่าน

    ถ้าทำได้ อย่ามายุ่งเกี่ยวกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...