ถ้าเราเลิกนั่งสมาธิเลิกสวดมนต์เราบาปมากมั้ยคะ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ray of Light, 5 พฤศจิกายน 2018.

  1. Ray of Light

    Ray of Light สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    ถ้าเราเลิกนั่งสมาธิเลิกสวดมนต์เราบาปมากมั้ยคะ?

    เราลืมตาตื่นมาตอนดึกในวันหยุด พร้อมคำถามในหัว
    เจอบทสวดมนต์วางอยู่ มองหิ้งพระ ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนน้ำพระ
    สิ่งที่บูชาก็วางอย่างนั้น ก้ไม่เห็นจะมีอะไร ก็วางอย่างนั้น
    มองพระพุทธรูป ก็วางตั้งอย่างนั้น เครื่องรางของขลัง ผ้ายันต์
    สำนักดังๆ ก็วางทิ้งอย่างนั้น มันมีคำถามตลอด เกิดมาเพื่ออะไร
    ไหว้ๆสวดๆนั่งสมาธิ เพื่ออะไร แล้วเรานั่งก็ไม่เข้าใจ ก็ไม่เห็นจะสงบเลย
    เบื่อมากกว่าเดิม ไม่เพลิดเพลิน หรือต้องบุญบารมีเยอะๆ เลยเพลินนะ

    เห็นเพื่อนๆรุ่นพี่ ไม่เห็นจะสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ ไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ ชีวิตดีงามกัน ได้แต่งงานใส่ชุดเจ้าสาว เจอคนดี มีเงินทอง หน้าตาสวยหล่อ
    เห็นมีแต่คนรักใคร่ เราก็สังเกตุ ว่าเขาช่างป้อปปูล่ากัน นางอาจจะทำบุญบ้าง
    ก็รักพ่อแม่เขา ใครๆก็รักพ่อแม่ ก็เห็นได้สมหวังไม่เห็นต้องcrazyทำบุญหรือธรรมมะจ๋าเลย พวกเขาอยู่ในสังคมอย่างมีคนยอมรับกันนะ

    แต่คนที่มานั่งสวดมนต์ ยิ่งหลายจบ เอ่อ เห็นปัญหาชีวิตเยอะ เหมือนเรา
    และที่ว่าดี ก็ดีแบบแกนๆ จะว่าบุญเราน้อยเหรอ ก็เอาอะไรมาวัด แถมหลงอารมณ์ด้วยว่า ดีนิดนึง เพราะเทพ เพราะพระรูปนั้นนี้ มาดลมาช่วย กลายเป็นเอะอะๆอะไร ก็นึกว่า นิมิต เช่นยอดขายเยอะก็นึกว่าหลวงปู่หลวงตาช่วย
    อ้าว เพื่อนเราเห็นมันสำมะเลเทเมา ยอดขายดีกว่าเราอีก ไม่เห็นต้องซีเรียสด้วย นี้เรา หลงทางหรือเปล่านะ ?

    เครียดกับงานก็ไม่ใช่ เลยขอทำงานแทนคนนั้นนี้ไปทั่ว
    เผลอๆงานตัวเองไม่ใช่ก็เข้าไปทำ จะช่วยกุศลหรือทางโลกก็ทำค่ะ
    ก็ เบื่อ นั้นเอง วันๆนึงนอน สองสาม ชั่วโมง จนเข้า รพ
    แต่สุขภาพแข็งแรงแค่ นอนน้อย ยังไม่วัยทองค่ะ สามสิบปลายๆ
    อายุเท่านี้ก็อยากลาโลกละค่ะ เบื่อมาก...เกิดมาเพื่อ เบื่อ แน่ๆ

    อย่าเพิ่งด่าเรานะคะ ว่าไม่รักชีวิต คนป่วยๆล่ะเค้าทรมานนั้นนี้
    เราหมายถึงว่า เราไม่ได้อยากทรมานกาย แต่สิ่งที่เป็นอยู่คือทรมานใจค่ะ
    อยู่อย่าง ทรมาน
    นอนตื่นมาน้ำตาไหลและหลับไปพร้อมน้ำตา ก็ไม่รู้เสียใจเพราะเหตุใด
    และหาสาเหตุไม่เจอ give up for anything มันหดหู่ เศร้าหมอง
    ไปวัดก็ไม่ได้ช่วยเลยค่ะ ไปมาแล้ว ที่ดังๆ กรรมเราคงหนามากสินะ ทั้งที่ไม่เคยทำความเจ็บช้ำน้ำใจใจชาตินี้เลย

    ถ้าจะมาแย้งชาติที่แล้ว เราขอหักล้างเหตุผล เพราะไม่มีพยานยืนยันค่ะ
    มันอภินิหาร เราไม่เห็นเราไม่รู้สึก และไม่สัมผัส เพราะเราให้คนที่บอกว่าฝึกจิตดีแล้วมาสอบอารมณ์เรา นี้เราจ้างด้วยนะ สุดท้ายคนเหล่านั้นล่ะที่จิตไม่สงบและเมตตากรุณาเพียงพอ อคติจิต คุยกับเราไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ามีดีที่อยากจะช่วยคน ต้องให้คนที่ไร้ความหวังและมืดมนอย่างเราเห็นแสงนำทาง Ray of light นั้น แบบจริงๆ เราไม่ได้ท้าหรอกค่ะ เรามาขอความช่วยเหลือ เพราะเราไม่ไหวกับสภาพน่าสมเพชของจิตตนเอง เราช่วยฟื้นฟูจิตใจตัวเองไม่ได้

    เราไม่ใช่หน้าม้า เรากำลังทุกข์ นี้คือคำสัตย์จากเราค่ะ

    เราเป็นคนโดดเดี่ยวค่ะ
    และเคยมีเพื่อน มีคนรักแต่ผิดหวังในทุกอย่างนะคะ
    เคยคบจริงจัง และออนไลน์ สุดท้ายธาตุแท้ก็มุ่งหาผลประโยชน์จากเรา
    ไม่ว่าจะเงิน สิ่งของ หรือ อะไรก็ตาม
    เอาล่ะ เราไม่พูดเรื่องว่า ทุกคนมีกรรมของตน อันนั้นรู้ค่ะ
    แต่เราหมายถึงว่า ปัจจุบันที่เรากำลังพิมพ์ข้อความนี้ เพราะ

    "เราเบื่อ"

    สภาวะที่เรา ทำงานทุกวันนะ รายได้โอเคสำหรับคนตัวคนเดียวอย่างเรา
    ไม่มีพันธะ อิสระ ที่บอกเพราะว่าเรารู้ว่าเราอาจจะเป็นที่อิจฉาสำหรับคนที่ไม่ได้เงินเดือนสูงและมีปัจจัยสี่ครบแบบเรา แต่เรากลับโดดเดี่ยว อ้างว้าง
    ทั้งที่เกลียดการอยู่กับคนหมู่มาก ไม่มีความมั่นใจ งานที่ทำก็ไม่สื่อสารกับใครมาก อยู่กะตนเองมากกว่าค่ะ นี้ก็หลับตาก็นอนไม่หลับ ทั้งที่บางครั้งเพลียมาก

    จะว่าเราตั้งกระทู้หาคู่ก็ไม่ใช่นะ เราเคยใช้เวลาสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ
    อาจจะเพราะบาปเยอะมั้ง มาเสาะหาธรรม ก็ไม่เข้าสมองเห็นแต่คนที่ขั้นสูงๆศัพท์ยาก เลยเซ็ง บางท่านวกวนมากไปและเนื่องจากเราเป็นคนสับสนอยู่ละ
    พอไปเจออะไรสับสนๆ เลยมึน

    เราก็เลิก สวดมนต์ นั่งสมาธิ เลิกทำบุญ ที่ทำมาหลายๆปี พูดตรงๆ เลย
    เลิกมันหมดทุกอย่าง เหลือแต่วิญญาณกับร่างไปทำงานมั้ง
    ลืมตาก็ เบื่อ อยากไปให้พ้นๆ แต่อย่าเพิ่งบอกพระนิพพานนะคะ
    เพราะเราไม่เข้าใจเราจึงไม่ต้องการจะไป

    พูดจริงว่าชีวิตอาจจะเหมือนนักบวชก็มั้งยกเว้น เล่นเนต กับ กินอาหาร
    เพราะไม่ปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านเลยค่ะ แต่ก็ไม่เป็นมิตร และไม่เป็นศัตรูกับใครนะคะ ปัญหาคือ นอนไม่หลับ กรุณาอย่าบอกให้พบแพทย์เพราะแพทย์ยังตอบโจทย์เราไม่ได้ค่ะ สั่งแต่ยานอนหลับให้ เราไม่อยากหลับเพราะฝันร้าย

    เราไม่สนใจอภินิหารอะไรนะ จะนั่ง นอน ตื่น เดิน เราเซ็ง
    และไม่ใช่ว่าเราไม่เคารพพระเถระ ครูอาจารย์ เราเคยไปทำบุญกับหมู่คณะมาบ้าง แต่ด้วยการที่คนเหล่านั้นเราไปคลุกคลีแล้ว เราว่าไม่ใช่อะค่ะ คือไม่ใช่เรา จึงเหนื่อยกับการสนทนาที่สุดโต่ง

    คนที่เข้ามาคุยหรือคบหา แม้แต่สายบุญก็หลอกลวงเงินทองข้าวของ
    ก็อุเบกขาไป เลยไม่ตอบรับคำทักทายใคร จะว่าเราระบายในนี้ก็ได้นะคะ

    เราหยุดกิจกรรมที่เคยชอบ ฝึกฝน ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งดูหนังฟังเพลง
    ออกกำลังกาย ช้อปปิ้ง เราหยุด และมาเฉยๆ ได้ เกือบ สามเดือน
    เราก็ปกติ แต่เราหว้าเหว่มาก

    ให้เราระบายหน่อยนะคะ เราไม่รู้เกิดมาทำไม สวดๆมนต์ไป เราก็เข้าไม่ถึงเลย จะไปจัดมาลัยดอกไม้ หรือ จะไปทำบุญอธิษฐานตอนนี้เหรอคะ เราก็ไม่มีเจตนาขออะไรสักอย่าง จะนั่งสมาธิยังมึนๆงงๆเลย อึดอัด นี้คือผลจากการติดคุกในใจตนเอง เรารู้ค่ะ

    วานคนมีวิธีปลดล้อคความคิด ความรู้สึกอารมณ์นี้แบบที่อธิบายง่ายๆให้ฟังได้ไหมคะ กรุณาเมตตา ข้อความที่สื่อให้เราเข้าใจง่ายหน่อยนะ ยินดีรับฟังทั้งทางโลกและทางธรรมแล้วค่ะ

    ขอความกรุณาเมตตานะคะ ด้วยดวงจิตที่ทุกข์ทนหลงทางดวงนี้ขอความช่วยเหลือ หากมีบุญยังเหลือหรือใกล้หมดอายุขัย จะได้หาทางที่จะไปเจอค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับทุกความเห็น
     
  2. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    สวัสดีครับคุณ Ray of Light

    ผมมาให้กำลังใจนะครับ ในสถานะเพื่อนทางธรรม

    จากที่ผมนั่งอ่านและพิจารณาดูจากสมองอันน้อยนิดของผม เหมือนกับว่าคุณ Ray of Light ยังมีความลังเลสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย อาจจะเป็นไปได้ว่ายังไม่ได้พบกับกัลยาณมิตรที่แท้จริง เช่น ครู อาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ หรือสหายธรรมที่มีเป้าหมายที่แท้จริง และที่สำคัญผลของการกระทำมันไม่ส่งผลให้เห็นเมื่อเราต้องการ




     
  3. lordsir

    lordsir Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +61
    ไม่เป็นไรนะ ช่างมันยังไม่สวดมนต์ไม่เป็นไร ยังไม่ทำสมาธิก็ไม่เป็นไร คิดแล้วทุกข์ใจก็ช่างมัน ถ้าหยุดคิดไม่ได้ก็ปล่อยมันคิดไปอยากร้องไห้ก็ร้อง สู้ๆนะครับ
    ขอให้กำลังใจซึ่งกันและกันครับ
     
  4. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    ขอให้สู้ต่อไปนะครับ อย่าหยุดทำในเรื่องของธรรมะเลย

    ผลของการกระทำความดีมันจะส่งผลของมันเอง เมื่อถึงเวลา อย่าได้สนใจว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ ทำแล้วให้ใจสุขก็เป็นพอ

    ส่วนผลของการกระทำนั้น ไม่ผิดไปจากคำสอนของพระรัตนตรัยแน่นอน เน้นปฏิบัติไปก่อน ทฤษฎีว่ากันทีหลัง เมื่อปฏิบัติได้และถูกต้องแล้ว เดี๋ยวทฤษฎีก็ตามมาเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องมีความอดทนเป็นอย่างสูง เพราะการทวนกระแสในทางโลกนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก พระพุทธองค์สอนให้เดินทางสายกลาง แต่ถ้าเราไม่เคยตึงด้วยตนเองมาก่อนเราก็จะรู้ทางสายกลางแค่ในทฤษฎี

    คำว่า"ปัจจัตตัง" หรือต้องรู้ด้วยตนเอง ยังมีอยู่จริง เพราะผมก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ขอให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า "เราเกิดมาแล้ว ตายไปเราจะไปไหนต่อ หรือจะไปพระนิพพาน หรือจะไม่กลับมาวนเกิดวนดับในวัฏฏะสงสารนี้อีกต่อไป" ก็ว่ากันไป จากนั้นก็เร่งปฏิบัติ โดยต้องมีขันติหรือความอดทนให้มาก

    สิ่งที่พระรัตนตรัยอยากให้รู้แก่นแท้ของการวนเกิดวนดับนั้นก็คือ "ทุกข์" นั่นเอง ถ้ารู้ที่มาของทุกข์ และหาวิธีดับได้ แสดงว่าเราเข้าใจในพระศาสนาแล้ว

    หัวใจของพระศาสนา คือ "ละความชั่วทั้งหลายทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ผ่องใส"


     
  5. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    เราต้องตอบโจทย์ตัวเองก่อนว่า ที่เราเข้าธรรมะนี้เพราะว่าเราหวังผลในเรื่องของโลกธรรม คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ ความสุขหรือโลกุตรธรรม คือหลุดพ้นจากความทุกข์

    เรียกง่ายๆว่า ถ้าในทางโลกเราต้องการแต่ความสุข แต่ถ้าในทางธรรมเราต้องการแต่หลุดพ้นจากความทุกข์

    ถ้าได้ธรรมที่เป็นของแท้ อาการที่คุณ Ray of Light บอกว่า "เบื่อ" จะเรียกว่า "ปล่อยวาง"
    เบื่อ คือ อาการที่ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันผ่านไปวันๆ ผมขอใช้คำว่าจิตตก ส่วน
    ปล่อยวาง คือ การพิจารณาแล้วว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วอยู่ได้ไม่นานเดี๋ยวมันก็ดับไป มันก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอด

    หลังจากที่ปฏิบัติมาแล้ว ต่อจากนั้นเรามาพิจารณาตัวเองว่า "ความโลภ ความโกรธ ความหลง" ในใจเรามันลดลงบ้างหรือยัง ถ้าลดลงแสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว ก็ปฏิบัติต่อไป ถ้ามันไม่ลดลงก็แสดงว่าสิ่งที่เราทำมามันผิดทางก็ต้องกลับไปแก้แล้วเริ่มใหม่ เพราะรากเหง้าของความทุกข์จริงๆมันคือ "ความโลภ ความโกรธ ความหลง" นั่นเอง
     
  6. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    ถ้าเราเลิกนั่งสมาธิเลิกสวดมนต์เราบาปมากมั้ยคะ?

    ในความคิดของผมนะไม่บาปหรอกครับ มันจะบาปได้อย่างไรเพราะไม่ได้ทำผิดศีล ถ้ากายไม่ทุจริต วจีไม่ทุจริต และมโนไม่ทุจริต มันก็ไม่น่าจะบาป

    แต่สิ่งที่จะไม่ได้คือ การสั่งสมความดี เพื่อจะเอาไปเป็นเสบียงเท่านั้นเอง

    ถ้าเราไม่เชื่อเรื่องของกฎแห่งกรรม เรื่องแบบนี้ก็ปล่อยผ่านไปได้เลย
    แต่ถ้าเราเชื่อในคำสอนของพระรัตนตรัย เชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง การสวดมนต์และการทำสมาธิเป็นการสร้างกุศล เพื่อสั่งสมบารมีในทางตรงก็คือ "ศีล สมาธิ และปัญญา" ที่เป็นตัวแก้อวิชชาหรืออกุศลมูล(ความโลภ ความโกรธ และความหลง)นั่นเอง
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ศึกษาศาสนาพุทธขององค์พระสัมมาฯให้แจ่มแจ้งก่อน ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน?
    ในคำสอนบ้าง
    เนื่องจากคำสอนทเั้งหมดเพื่อ
    ช่วยสัตว์โลกพ้นทุกข์หลักคือเกิดแก่เจ็บตาย
    ให้จบๆไป.ในรอบชีวิตนี้ไม่ต้องมาเวียนเกิด
    เวียนทุกข์ เวียนตายไม่รู้จบอย่างที่ผ่านมา
    หมื่นชาติแสนชาติ( ไม่ได้พูดเองนะฮับมีในคำสอน)
    หรือหากปัญญาไม่มีพอ เพียงแต่ประพฤติ
    ปฏิบัติคำสอนพื้นฐานเรื่อง ทาน ศีล ภาวนา
    ก็เป็นความดีที่จะช่วยให้มีชีวิตปกติสุข
    กว่าเดิมแล้วฮับ
    การปฏิบัติไปโดยไม่เข้าใจโดย
    ไม่ศึกษาเรียนรู้ก่อนไม่ใช่วิธีของ
    ศาสนาพุทธหรอกฮับ
    ศาสนาพุทธต้องปฏิบัติตามด้วยความเข้าใจ
    ในเหตุและผลของการปฏิบัติ
    และเป็นการปฏิบัติเพื่อให้จิตมีกำลัง
    ที่จะละวาง ปล่อยวางสิ่งที่เป็นอกุศล
    ทั้งหลายที่มีมูลเหตุมาจากความหลง
    เป็นพื้นฐาน
    ดังนั้น พิธีกรรมต่างๆที่ปฏิบัติอยู่แทบจะไม่มีอานิสงค์อะไร
    สิ่งที่ต้องเพิ่มเติมและสำคัญยิ่งคือความเข้า
    ใจในหลักและวิธีการประพฤติปฏิบัติที่ตั้ง
    อยู่บนหลักการเหตุและผลของการปฏิบัติ
    ทั้งนี้ด้วยความ
    เคารพและศรัทธาในพระธรรมคำสอน
    ขององค์พระสัมมาฯ
    เป็นที่สุดเหนือกว่านี้ไม่มี( มีในคำสอน)
    เอวังฮับ
     
  8. somkid

    somkid สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +38
    ไม่เอาสาระนะครับ
    1. คุณอาจจะมีเรื่องผิดหวังในชีวิต เลยเบื่อ
    2. ธรรมดาครับ ที่คนอื่นไม่ทำดี แล้วได้ดี เป็นเพราะบุญเก่าเขาเยอะ
    3. ทำดีแล้วหวังผลดี ทุกคนก็หวังครับเป็นเรื่องปกติ
    4. ทำดีอาจได้ชาติหน้า หรือภพหน้า ชาตินี้อาจเสวยกรรมเก่า ก็อยู่ชดใช้มันให้หมดๆ ครับ
    5. ผมอายุ 47 แล้ว มีครอบครัวมีบุตร 2คน ก็มีอาการนี้เหมือนกัน และเคยคิดเหมือนกัน
    6. แต่ยังตายไม่ได้ครับ สร้างภาระไว้ 2 คน คือห่วงทางโลกที่ยังทิ้งไม่ได้
    7. แต่คนเราเลือกวันตายไม่ได้ครับ ฉะนั้น
    แค่ทำตัวเป็นคนดี อย่ามองผลดีของคนอื่น และอย่าหวังผลตอบแทนจากการทำดี
    อยู่ให้ทุกๆ วันเหมือนวันสุดท้าย ไม่หวงหาสิ่งใด ไม่มีอาลัยในสิ่งที่มีหรือสิ่งที่ขาด
    เตรียมพร้อมชีวิตเพื่อรอวันตาย อย่าเรียกร้องความหวังจากใคร นอกจากตัวเรา

    ปล. ไม่มีสาระ ไม่มีความรู้เปรียญธรรม ไม่ได้ใฝ่หานิพพาน ตอบได้แค่นี้ครับ 555
     
  9. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    ที่ทำก็ไม่บาปเนอะ

    ที่เป็นก็ธรรมดาเนอะ เพราะทุกข์ จึงแสดงการมีตัวตนของเราอยู่

    ทางออกจากทุกข์มี แต่ทางออกจากความคิดไม่มี มีแต่ความสงสัยไม่สิ้นสุดในห้วงของคำถามนั้น

    เท่านี้ก่อน ถูกบ้าง ผิดบ้าง ช่างปะไร เนอะ

    เว้นที่ให้ท่านอื่นๆ แนะนำ ส่วนตัว เท่านี้ก่อนเนอะ ;)
     
  10. ธรรม-กาล

    ธรรม-กาล รอยต่อของลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +65
    อา..ทดสอบ แสดงว่าโพสได้ ฮา
    มันน่าเบื่อเนอะ โลกเรา ชีวิตเราก็น่าเบื่อเนอะ ยึดอะไรไม่ได้เลย
    สวดมนต์มันก็เบื่อ นั่งสมาธิมันก็เบื่อ คนรอบนอกเขาดูสนุกสนานเฮฮา หาเงินใช้เงิน แหม ขนาดสำมะเรเทเมาเขายังหาเงินได้ แถมเยอะด้วย เราสวดมนต์ ทำบุญแทบตาย ไม่เห็นได้อะไรคืนมา
    แล้วเราจะสวดมนต์ นั่งสมาธิทำไม

    เป็นเรื่องธรรมดาครับ เรื่องเบื่อ ใครๆก็เป็น พอเราเบื่อแล้วยิ่งคาดหวังกับสิ่งที่ทำ ก็ยิ่งไปกันใหญ่ พาลชวนให้คิดว่าเราบาปหนามั้ง มีกรรมมั้ง เข้าไม่ถึงธรรมเพราะโง่มั่ง แต่เอาจริงๆไม่ใช่หรอกครับ เป็นอาการทางความคิดของตัวเราเอง ยิ่งอยู่คนเดียวมากขึ้นเท่าไหร่เราจะยิ่งคิดลงต่ำมากขึ้นเท่านั้น อยู่คนเดียว ระวังความคิดอยู่มิตรระวังวาจา
    ธรรมะคืออะไร เรามาปฏิบัติธรรมสวดมนต์นั่งสมาธิเพื่ออะไร คงต้องถามตัวเองแหละครับว่าเราทำเพื่ออะไร
    เพื่อเงิน ไม่ใช่ พระพุทธเจ้าจะสละสมบัติทำไม
    เพื่อชื่อเสียง พระพุทธเจ้าหนีออกจากวังเพื่อชื่อเสียงหรือ
    เพื่อหุ่นดี สวยหล่อ ตอนทำบำเพ็ญทุกขกิริยา มีแต่โครงกระดูก หล่อหรือครับ

    คนที่สวดมนต์ นั่งสมาธิ แท้จริง ง่ายๆเพราะอยากทำ ทำแล้วสบายใจ ทำแล้วเบาใจถึงอยากทำ
    ส่วนอีกมากๆ ที่ฝึกฝนจนทิ้งลมหายใจสุดท้ายไว้ในโลก เพื่อมองหาสัจจะธรรม และพิสูจน์สัจจะธรรมนั้น ไม่ได้เพื่อหวังเงินทางสรรเสริญ

    คำถามต่อมา คุณต้องการสวดมนต์ นั่งสมาธิเพื่ออะไรครับ

    หลายๆคน มาฝึกฝนเพื่อหาสรณะ คือที่พึ่งของใจ เพื่อที่เวลาทุกข์ใจ เวลาสุขใจ เราจะไม่หลงไม่เหงา ไม่เบื่อ

    อย่ามองหาเลยครับคนที่จะมามองใจของคุณ เพราะคุณจะพาลคาดหวังกับเขาเหล่านั้นที่ได้จริงหรือไม่ได้ ขอให้คุณมองใจคุณพอ

    มองดูสิ สัจจะธรรมคืออะไร เราเกิดมา ต้องตายใช่ไหม ต้องเจ็บใช่ไหม ทุกคนรู้ แต่ รู้จริงหรือ ยอมรับแน่หรือ คุณยอมรับจริงๆหรือ หรือแค่จำได้ อันนี้แหละที่ต้องหาคำตอบ

    มองดูให้แน่ชัด ว่าแท้จริง ชีวิตคืออะไร ทันทีที่เกิดเราก็ตาย แล้วก่อนตาย คุณลองหาดูแน่ชัดหรือยังว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้คุณเบื่อ มองดูให่ชัดครับ ว่าคนที่ทำให้คุณเบื่อคืออะไร คือใครกันแน่ มองดูที่กระจกสิครับ มองหน้าของคุณให้ชัด ใช่เธอคนนี้หรือเปล่าที่ทำร้ายคุณ หรือเพราะคุณคิดว่าเขาทำร้าย ลงท้าย มันคืออะไร แค่ความคิดหรือเปล่า

    ถ้าคุณรู้ ถ้าคุณเห็น แสดงว่า คุณเดินทางถูกแล้วครับ พุทธะ จะอยู่กับคุณ มากกว่าแค่สวดมนต์ มากกว่านั่งสมาธิโดยไม่ฝึกปัญญา

    ที่พูดมาก็แค่คนโง่ๆคนหนึ่งที่เคยเป็นเหมือนคุณ ธรรมรักษาครับ
     
  11. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    คุณเจ้าของกระทู้ครับ ถ้ามีโอกาส คุณลองมองไปในมุมต่างๆของสังคม ของโลกสิครับ
    คุณจะเห็นผู้คนอีกมากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ด้วยเหตุต่างๆ เชื่อมั๊ยครับว่า มนุษย์มากกว่าครึ่งของโลกใบนี้ ต้องทนมีชีวิตอยู่ด้วยความลำบากยากแค้นทั้งทางกายและใจยิ่งกว่าคุณ คุณเพียงแต่ทุกข์เพราะความคิดของตนเอง ที่หาคำตอบของคุณค่าแห่งชีวิตไม่พบ กับความเหงา ว้าเหว่ จนถึงขั้นเป็นคนระแวงโลก การศึกษาธรรมะ ทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ของคุณ เต็มไปด้วยความคาดหวัง ว่าจะได้สิ่งที่มีคุณค่า สิ่งที่คุณต้องการตอบแทนกลับมาในเร็ววัน ต้องการคำตอบจากการปฏิบัติทันทีทันใด อย่างคนที่ดิ้นรนหาคำตอบของโลกและชีวิต ผมแนะนำให้ดับที่เหตุน๊ะครับ ทุกข์ตรงความคิดก็ดับตรงความคิด คิด(ฟุ้งซ่าน)ให้น้อยลง คิดทำอะไรที่น่าจะทำให้มีความสุขมากขึ้น บางครั้งก็แค่ทำอะไรเล็กน้อยๆ เช่น ให้อาหารหมา แมว สำหรับผมเห็นพวกเขาได้ทานอิ่ม ผมก็เป็นสุขแล้วครับ ช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้ด้วยใจบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ให้เพราะสบายใจ ให้แล้วให้เลย ไม่คิดเป็นบุญเป็นคุณ
    เห็นผู้ได้รับมีความสุขเราก็สุขด้วย แต่มีสติไม่ใจดีเรื่อยเปื่อยจนถูกคนชั่วหลอก บางครั้งถูกหลอกบ้างนิดหน่อยก็ชั่งมัน นึกถึงแต่เจตนาบริสุทธุ์ของเรา บุญเป็นของเราบาปเป็นของเขา ทำความดีให้เป็นธรรมชาติของใจเรา ไม่ต้องไปหวังอะไรตอบแทนแม้แต่ความสุข เพราะถ้าเฝ้ารออะไรตอบแทนอยู่ก็จะไม่มีวันรู้ว่าได้มาแล้วแต่ใจเราเองที่ไม่รับรู้ ใจเราเองที่ไม่พอ คุณเป็นโรคเดียวกับที่ประชากรของประเทศที่เจริญทางเศรษฐกิจแต่ว้าเหว่ทางสังคมเป็นครับ อ่านหนังสือที่สนุกๆ บ้าง ดูหนังฟังเพลงบ้าง นันทนาการให้จิตใจคุ้นชินกับความสุขก่อนครับ แล้วจะเข้าใจว่า ความทุกข์เกิดขึ้นเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ความสุขเกิดขึ่นเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราต่างมีเวลาวันละ ๒๔ชั่วโมง เหมือนกัน จะให้ใจเราจมอยู่กับทุกข์ทำไมครับ เรียนรู้มุมอื่นๆของชีวิต เปิดใจยิ้มให้ตัวเองในกระจกตอนอาบน้ำ แล้วแหงนหน้ายิ้มรับแสงอรุณแรกที่ต้องใบหน้าสิครับ
     
  12. Ray of Light

    Ray of Light สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    ขออภัยนะคะที่เรามาตอบช้าเพราะ เราทานยานอนหลับค่ะ
    เนื่องจากร่างกายทนสภาพอดนอนติดต่อกันไม่ได้ และทำงานด้วย
    จึงเพิ่งมาเปิดกระทู้อ่านค่ะ

    เจตนาเรา ขอกล่าวว่าเราไม่ได้ป่วยกาย แต่ถ้าป่วยจิต เพราะจิตเราอ่อนแอค่ะ เรายอมรับ
    และเราไม่ใช่มาลองของ ลองดี เป็นมารแทรก หรืออะไรต่อมิอะไรที่มนุษย์ป้าบางท่านคิดลบกับเรานะคะ

    ขออนุญาตตอบทุกท่านตรงนี้นะคะ ก็เพลียๆอยู่ค่ะ ลาพักงานทีเดียว
    แต่ไม่เสียงานมากมายค่ะ

    จิตส่งผลต่อร่างกาย ทำให้เรายุติทุกสิ่งที่กล่าวมา แม้แต่การแต่งหน้าแต่งตา ก็ตาม...

    เราอ่านละเอียดทุกข้อความที่ทุกท่านโพสต์ ทั้งความเห็น คำสอน และข้อแนะนำ ข้อคิดค่ะ
    ขอบพระคุณมากนะคะ สำหรับการแผ่เมตตา และสังเคราะห์สัตว์โลกที่เดิน งงๆ อย่างเรา

    เราเคยทำกิจกรรมทำบุญ อาสาสมัคร อะไรต่ออะไรค่ะ ที่ give up อาจจะเพราะเรา เบื่อ
    ค่ะ ถูกต้องเราผิดหวังกับคนด้วย เราอาจจะไม่อดทนก้ได้ พอกลับมาที่เดิมที่ห้องพัก
    ก็เหนื่อยใจ และคิดว่าถ้าปฏิบัติคนเดียวจะดีขึ้น ก็ยัง ล้า และไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ

    ที่เราว่า บาปมั้ย? เพราะเราโดนท่านที่บุญเยอะๆ ว่าเราเรื่องนี้ที่เราไม่ยอมปฏิบัติในจริตที่เราอยู่กับคนแบบนี้ในกลุ่ม เมื่ออกมา เราเป็นตัวเราเอง เราจึงพบว่าเราอ่อนหล้าเกินไปที่จะเดินในสายบุญแบบอับจนหมดหนทาง
    เราเคยขอ แต่จริงๆ พอทำบุญเราก็คิดไม่อกจะขออะไรค่ะ
    เราเคยดูหมอเรื่องเนื้อคู่นั้นนี้ บลาๆ เราก็ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น
    เราจึงขอบคุณทุกท่านที่ไม่ แสดงอภินิหาร อะไรๆที่เราไม่อยากได้ยิน ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่มันไม่เคยเกิดกับคนแบบเรา และมันพิสุจน์ไม่ได้สำหรับเราเลยค่ะ

    เราเอาพวกอะไรๆ เครื่องรางบนหิ้งเก็บใส่กล่องแล้ว เพิ่งเปลี่ยนน้ำพระ
    พนมมือในรอบสามเดือน กราบนมัสการพระรัตนตรัย
    เราต้องการทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิด้วยใจเปี่ยมบุญ
    ไม่ใช่ใจที่รู้สึกว่าเราบาป เราผิด เราเลยมาทำ เราไม่ชอบค่ะ
    เราว่ามันจะยิ่งทำให้เราหดหู่และไม่อยากทำ

    อย่าเพิ่งตีโจทย์ ว่าเราไม่ศรัทธาหลวงพ่อ สงสัยไตรสรณคมณ์ เราไม่สงสัยแต่เรา เบื่อ
    และเชื่อค่ะ ว่า กฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
    แค่ไม่มีความสุข เราบอกแบบนี้เราผิดไหม?
    เหมือขับรถไปตามเส้นทางแต่ไม่รู้ว่าจะขับไปไหน

    เราก็ไม่เอาตัวไปวัดกับใคร เรื่องสภาวะทางธรรมค่ะ คือ พอเราอยากจะไปให้มันได้
    แบบ slow but sure แต่ไปเจออะไรก็ไม่ทราบ
    คือ โดนว่า ว่าอย่างรุนแรง เราเลยเฉย วางเฉย ค่ะ ค่ะ ค่ะ และเลิกทำไปเลย..-"-

    เอ้า นั่ง 123 คืออะไร ยากนะคะ ไม่ใช่จะได้ ทำไมเขานั่งกันได้
    ยิ่งเห็นแสง รูปพระ ทำไงอะคะ ทำไม่เป็นอันนี้ เราบอกว่ายากกว่าทำกับข้าวอีกค่ะ
    คือเราทำกับข้าวไม่เป็น เราไปเรียนกลับมาก็ทำได้
    คือเราภาษาต่างประเทศไม่ได้ ไปเรียนก็ทำได้
    และไม่เห็นมีอะไรเลย..ยังงงๆ มีลมหายใจไว้ทำอะไร
    คนอื่นลำบากกว่า ก้ทราบค่ะ เราอาจจะแย่ที่ตัวคนเดียวในสังคมนี้
    แต่โชคดีที่เรามีพร้อมด้านอื่นทางการกินอาชีพชดเชย

    เคยไปคอร์สสมาธิก้ไม่กระเตื้องเลย สงสัยโง่ใต้ตมแน่ๆ ...แย่จังค่ะ
    ไปนั่งตาแป๋วๆสบตาหลวงพ่อท่าน กฏแห่งกรรม บทสวดเบื้องต้นได้อยู่ค่ะ
    แต่แบบว่า พอทำสิ ไปไม่เป็นท่าเลย โดนดุจากผู้หญิงที่ไปด้วยเยอะ
    เวลาถวายของอะไรก็โดนเขาว่าเรากระโดกกระเดก ก็เลย เซ็งๆตนเองที่คงเป็นลิงมาเกิดมั้ง
    เลยจากไปวัด กลับมาทำบุญที่บ้าน ออนไลน์ ก็ไม่วายไม่สงบ
    พอ shut down ทุกกระแส เลยมึนๆงงๆ ค่ะ

    เราจึงไม่อยากมีเพื่อน หรือมีคนรักเพราะเราไม่ชอบทะเลาะกับใครอีกค่ะ และเบื่อเรื่องคู่ด้วย
    แค่ตัวเรายังเอาไม่รอดเลยในสภาพจิต จะหวังพึ่งคนอื่นอีกคงไม่ไหวค่ะ
    เอามาให้ปวดหัวอีกเหรอ คงเซย์โนว์ SAY No
    ยิ่งสมัยนี้ เราว่าเห็นแก่ตัวกันจัง อะไรก้ไม่รู้ อีรุงตุงนัง

    จึงมารับฟังคำแนะนำทุกท่านในนี้ แบบนิรนาม ก็พอจะเข้าใจบ้างว่า ก็ไม่บาป แต่เชื่อไหม
    คำว่าบาปหนา ที่เราไม่สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิยังหลอกหลอนเราอยู่เลย

    ก็ว่าวันนี้ จะเริ่มทำ คือ เปลี่ยนน้ำพระแล้ว คงขอขมาพระรัตนตรัย และกลับมาสวดพระชินบัญชร พาหุง แผ่เมตตา นั่งสมาธิสัก สิบนาที (-''-) ลองดูเพราะทุกท่านก็หวังดีให้เราดีขึ้น
    เพื่อนๆบอกกันก้จะลองกลับมาทำนิดหน่อย และจะลอง ไปกันคิ้ว ตัดผม ทำสี ทำเล็บ (ไม่ได้อยากสวยค่ะ คือ ไม่ใส่ใจตัวเองเลยอย่างที่เล่า โต้ะเครื่องแป้งยังรกเลย มันเบื่อ ไม่เคยทำอะไรกะตัวเองมาเกือบปีกว่า) ก็จะลองรักๆตนเองสักหน่อย

    ขอบคุณนะคะที่เข้ามาแนะแนวให้ทุกๆท่านค่ะ ขอให้พบสิ่งที่ดีจากอานิสงส์ช่วยแนะนำเราครั้งนี้นะคะ สาธุค่ะ
     
  13. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    ก็ว่าวันนี้ จะเริ่มทำ คือ เปลี่ยนน้ำพระแล้ว คงขอขมาพระรัตนตรัย และกลับมาสวดพระชินบัญชร พาหุง แผ่เมตตา นั่งสมาธิสัก สิบนาที (-''-) ลองดูเพราะทุกท่านก็หวังดีให้เราดีขึ้น
    เพื่อนๆบอกกันก้จะลองกลับมาทำนิดหน่อย

    อนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมนะครับ ถ้าสนใจลองทำตามดูครับ

    ปัจจุบันผมชอบภาวนาบทไตรสรณคมน์ไปเรื่อยๆ

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    โดยตอนแรกผมตั้งใจว่าใน ๑ วันผมต้องภาวนาให้ได้ครบ ๙ จบให้ได้ พอทำทุกๆวันจนติด ถ้าว่างเมื่อไหร่ความคิดก็จะบอกว่าให้ท่องไปเรื่อยๆ เช่น ตอนเอนหัวนอนก็ต้องภาวนาไปเรื่อยๆจนกว่าจะหลับ เวลาวิ่งออกกำลังกายก็ภาวนา เวลาขับรถก็ภาวนา จนติดเป็นอารมณ์ส่วนลึกไปแล้ว ถ้าจะถามผมว่าทำไมไม่ใช้คำภาวนาคำอื่น เช่น พุทโธ สัมมาอะระหัง ฯลฯ เคยลองมาเหมือนกันแต่เอาความคิดของผมไม่อยู่

    ข้อดี
    ๑ เวลาจะคิดเรื่องอื่นๆในทางที่เป็นอกุศล เช่น จะวิจารณ์ผู้อื่นจากตาที่ได้ดู หูที่ได้ยิน จากสื่อต่างๆ คำภาวนามันก็จะขึ้นมาซ้อน ทำให้เราสนใจคำภาวนามากกว่า ตอนแรกที่คิดจะวิจารณ์มันก็ปล่อยวางลงของมันเอง
    ๒ ทำให้มีสติ เช่น ใครจะนินทาหรือว่าอะไรเรา เรากลับไม่สนใจเพราะเรามัวแต่สนใจภาวนาของเรา
    ๓ ถ้าวันไหนไม่ได้สวดมนต์ อย่างน้อยเราก็ยังมีการภาวนาในวันนั้นๆอยู่ จิตก็ยังยึดมั่นในพระรัตนตรัยอยู่ในแต่ละวัน
    ๔ ตัดเรื่องกาม กิเลสได้ดี

    ปล.ความคิดของคนเรานั้นมันไม่สามารถหยุดได้ มันคิดตลอดเวลา โดยเฉพาะกับตัวผมเอง ผมจึงต้องหาอุบายให้ความคิดมันจดจ่ออยู่กับพระรัตนตรัยได้ตลอดเวลา ใจเป็นเหตุที่สำคัญที่สุดของการกระทำ ผลของการกระทำจะสมบูรณ์เมื่อมีเจตนา
     
  15. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    คงขอขมาพระรัตนตรัย

    ผมชอบประโยคนี้ครับ
    เพราะในแต่ละวันเราได้ล่วงเกินพระรัตนตรัยโดยที่เราไม่รู้ตัว อาจจะโดยที่ไม่ได้ตั้งใจด้วยกาย วาจา และใจ ในทั้ง ๑o ทิศ การขอขมาพระรัตนตรัยในทุกๆวันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการความละเอียดของความคิด

    ผมจะทำตอนก่อนนอน ตื่นนอน ก่อนสวดมนต์ไหว้พระ หลังกราบพระปฏิมากร คำบาลีที่ผมใช้คือ
    วันทามิ พุทธัง สัพพะเมวะโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
    วันทามิ ธัมมัง สัพพะเมวะโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
    วันทามิ สังฆัง สัพพะเมวะโทสัง ขะมะถะเม ภันเต

    แต่ถ้าเป็นภาษาพูดก็ดังนี้
    ข้าพเจ้า..........................ขออโหสิกรรมต่อพระรัตนตรัย สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินพระรัตนตรัยด้วยกาย วาจา และใจ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ในทั้งสิบทิศ ขอให้พระรัตนตรัยจงอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าด้วยเทอญ

    เวลาขอขมาโดยใช้คำบาลี ผมจะเริ่มทำโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือไม่ก็ทางทิศเหนือ จากนั้นก็ใช้ความคิดขอขมาเวียนขวาไปเรื่อยๆ จนครบทั้งสิบทิศ

    ถ้าสนใจลองทำดูนะครับ
    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2018
  16. somkid

    somkid สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +38
    ยึดทางสายกลางไว้นะครับ
    อะไรที่ไม่พอดี ก็กลับมาทำให้มันพอดี (การดำเนินชีวิต)
    อะไรที่มันเกิน ก็หยุดๆ ไปซะบ้าง (ความคิด)
    ทุกคนมีกรรมเป็นตัวกำหนด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นสรณะ (ถูกหรือเปล่าไม่รู้)
    ไม่มีคู่ ก็ไม่ทุกข์ เพราะมีคู่ ก็ยิ่งมีทุกข์
    ใส่ใจกับตัวเอง ทำงานทำชีวิตให้ดีที่สุดเท่าที่แรงจะมี คิดดี ทำดี พูดดี
    ไม่ต้องถึงกับดีทุกลมหายใจ เพราะคนเรายังมีกิเลส
    ความเบื่อ เกิดจากอะไรซ้ำซากจำเจ ความผิดหวัง ความเหงา หรืออะไรก็แล้วแต่
    วางลงซะ แล้วคิดว่าเป็นสัจธรรมที่หนีไม่พ้น
    ผมเคยสนุกกับช่วงหนึ่งของชีวิตที่รุ่งโรจน์ ไม่เคยคิดถึงธรรมมะ ไม่เคยคิดถึงการปล่อยวาง
    และไม่เคยเบื่อกับชีวิต
    ทุกวันนี้ก็เปลี่ยนไป เบื่อโลก เบื่อชีวิต แม้แต่กินยังเบื่อเลย แม้บางอย่างจะสมหวัง ไม่ควรจะทุกข์
    ควรจะมีแต่สุข แต่ใจก็ยังเบื่อหน่าย
    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็อย่าไปยินดียินร้ายกับมันนัก เห็นเป็นเรื่องธรรมดา
    ที่มีเกิดแล้วต้องดับไป จนกว่าเราจะสิ้นลมหายใจ โลกนี้ก็จบไป โลกหน้าค่อยว่ากันใหม่ 555
     
  17. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    811
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,433
    สำหรับเรานะ เลิกสวดมนต์ ภาวนา นั่งสมาธิ บาปไหม? คำตอบคือไม่บาป แต่ไม่ได้เพิ่มบุญ บุญ บาป อยู่ที่การกระทำ ไม่ทำบุญ แต่ไม่เพิ่มบาป ก็คือไม่บาป แต่ถ้าทำบาป อันนี้คือบาปแน่ (บาปคืออะไรน่าจะพอทราบ)
    สำหรับเรา เราว่า จขกท อาจมีปัญหาโรคซึมเศร้า เบื้องต้น ทุกคนเคยเป็นหมดนะ เราก็เป็น อะไรที่ทำแล้วสบายใจ คือทำเลยค่ะ หยุดคิดอะไรวกวนในสมอง เปิดโลก เปิดใจให้สบายๆ ไม่ต้องกังวลเครียดอะไร ถือเป็นการผ่อนคลายตัวเอง จิตใจเบาสบายคือสิ่งสำคัญที่สุด อยู่บนโลกนี้ให้เป็น อย่าหนักข้างใดข้างหนึ่งถ้ายังมีกิเลสครบครัน สู้ๆค่ะ ธรรมชาติสามารถรักษาจิตใจที่ซึมเศร้าได้ เพียงลองเปิดใจ เปิดอกรับมัน ไปเที่ยวดีกว่า ว๊ากก!!

    คนทำดีมักมีมารผจญ ...
    เหนื่อยก็หยุดพัก ค่อยสะสมไปเรื่อย
    สำคัญจิตใจโล่งเบา หมดทุกข์โศก มีแต่สุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2018
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อาการที่เล่าคล้ายโรคซึมเศร้ามากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ รักษาร่างกายให้แข็งแรงก่อน
     
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    หลุดพ้นจากวัฏได้จริงไหมฮับ
    ด้วยการรู้จักความคิด
     
  20. ธรรม-กาล

    ธรรม-กาล รอยต่อของลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +65
    ไม่ทราบสิครับ เพราะผมยังติดอยู่เลย ยังไม่หลุดยังไม่พ้น ยังหิวข้าวอยากกิน ยังเห็นอันนั้นอันนี้สวยอยู่ ยังทุกข์อยู่ กิเลสจะท่วมหัวละ ฮา
    เอาเป็นว่าก็ค่อยๆดูครับ ว่ามันลดลงบ้างหรือเปล่า กิเลสของเราเอง ถ้ามันลดลง แสดงว่ามีโอกาสหมดมีโอกาสหลุดพ้น
    ก็เป็นไปตามความจริงเนอะ อะไรที่มันลดลงเรื่อยๆ มันก็มีโอกาสหมด แต่ถ้าไม่ลดลงเลย ก็คงไม่มีทางหมดไม่มีทางหลุดครับ
    อย่างน้อยๆการรู้จักความคิดตัวเองก็แสดงว่าเรามีสตินั่นแหละครับ ต่อมาก็คงต้องมองหาที่มาของความคิดต่อ ว่าความคิดเกิดจากอะไร เมื่อมีจุดเกิดก็ต้องมีจุดดับ ไฟติดที่ไหน มันก็ดับที่นั่น ปัญหาคือสติของเราจะตามหาจุดเกิดได้ทันหรือเปล่า น่าเสียดายผมยังไม่สามารถบอกได้ ถ้าทำได้จะบอกละกันเนอะ เอ หรือไม่บอกดีละ เดี๋ยวบ้าฮาเฮไปอีกคน ฮาๆๆ


    คิดง่ายๆตามประสาคนโง่คนหนึ่งอย่าถือสากันเลยเนอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...