{... (ปิดรับ) รับสื่อจิต ตรวจกรรม ตรวจวาสนาบารมี เพื่อชี้ทางชีวิต...}

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย วิษณุกรรม, 6 พฤศจิกายน 2018.

  1. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    48D1DCA4-189C-4026-AAA9-D885AAC8EB4E.jpeg

    (( ปิดรับ ))
    {...รับสื่อจิต ตรวจกรรม ตรวจวาสนาบารมี เพื่อชี้ทางชีวิต...}
    - ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ -

    • คำถามที่ใช้ในการสื่อจิต(ส่งทาง inbox ใน Facebook) •
    1.องค์พรหมท่านให้ถามแค่ 4 ข้อเท่านั้น ขอให้เป็นคำถามแบบเฉพาะเจาะจงหน่อย อย่าถามแบบหว่านแห! กรุณาเขียนคำถามมาเป็นข้อ 1,2,3,4 ครับ

    - ช่วงเวลารับสื่อจิตทั้งหมด 3 ช่วง(ช่วงละ 1 คน) คือ
    ช่วงที่ 1 เวลาที่เริ่มต้นสื่อจิต คือ 15:30 pm.
    ช่วงที่ 2 เวลาที่เริ่มต้นสื่อจิต คือ 17:30 pm.
    ช่วงที่ 3 เวลาที่เริ่มต้นสื่อจิต คือ 22:00 pm.

    # ขั้นตอนและเงื่อนไขการสื่อจิต
    1.ให้เขียนข้อความ inbox ไปใน Facebook มาว่า "ขอรับการสื่อจิต" ที่ Facebook ชื่อ “พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ” เท่านั้น.
    2.ช่องทางการพูดคุยสื่อจิต คือ โทรผ่านมือถือหรือโทรผ่าน Facebook เท่านั้น ให้ติดต่อนัดคิวผ่านข้อความ inbox ใน Facebook ก่อนเท่านั้น! ซึ่งคุณต้องรอข้อความตอบกลับจากผมก่อนเป็นรายบุคคล (ส่วนเบอร์โทร ผมจะให้คุณอีกครั้ง ในกรณีถ้าคุณเลือกคุยผ่านมือถือ)
    3.ถ้าใครที่ผมยังไม่ได้ตอบกลับข้อความไปให้ แสดงว่า ผมสื่อจิตดูให้กับคิวเดิมยังไม่หมด ถ้าดูคิวเดิมหมดแล้ว ผมจึงจะตอบรับคิวใหม่ครับ ให้รอหน่อยครับ ^_^
    4.ผู้ใดที่นัดวันเวลาสื่อจิตแล้ว ไม่มาตามนัด!! อาจโดนตัดสิทธิ์ในการสื่อจิต!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2019
  2. Nansy26

    Nansy26 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +1
     
  3. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    156DCE82-3B85-4BC6-B8D0-C0367A20F2B4.jpeg 592FA139-1C58-41B2-86CF-465DDDA27EF0.jpeg

    ในช่วงนี้ผมได้นิมิตฝันเห็นเทพธิดาจีนและต่อมาก็นิมิตเห็นในสมาธิ ลักษณะเด่นของเธอ คือ แต่งชุดแต่งกายจีนโบราณแปลกๆ ชุดยาวๆ คล้ายนักบวช ทรงผมตั้งๆ ซึ่งผมก็แปลกใจว่าเธอเป็นใคร? แต่ช่วงหลังมานี้การสื่อจิตมีความชัดเจนมาก คือ บอกความเป็นปัจจุบันของคนผู้นั้นได้อย่างถูกต้อง เช่น ลักษณะหลังคาที่อยู่อาศัยของคนไทยในเยอรมัน,ลักษณะบ้านหรือสิ่งของที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมทางกายภาพในความเป็นปัจจุบันของคนผู้นั้น รวมถึงบอกถึงชื่อเฉพาะของพระสงฆ์หรือวัดหรือสถานที่หรือชื่ออื่นๆ ที่มีอยู่จริงใน google(ซึ่งบางครั้งผมก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน) เป็นต้น ถึงแม้ในบางคำถามเทพธิดาจีนเธอจะตอบสั้นหรือไม่ตอบ เพราะเธอมีปัญญาดั่งชื่อของเธอ และบางกรณีเธอจะพูดถึงจุดสำคัญหรือโชคชะตาชีวิตโดยรวมของคนผู้นั้น เธอให้เหตุผลว่า “ชีวิต คือ การเรียนรู้” , “รู้ผิดจึงรู้ถูก” , “ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบททดสอบของชีวิตที่จะต้องฝ่าฟันไป” ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมเคยสอบถามผู้รู้ท่านหนึ่งว่า เทพธิดาจีนองค์นี้มาจากไหน? ก็ได้คำตอบว่า พระโพธิสัตว์กวนอิมท่านส่งเธอมาดูแลผม โดยเฉพาะช่วยเหลือผมในการสื่อจิตชี้ทางชีวิตให้กับผู้คนในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะชี้ทางสว่างให้แก่ลูกหลานคนจีนด้วยกัน ส่วนตัวผมก็เป็นลูกหลานคนจีนคนหนึ่งที่ไม่มีเชื้อไทยเลย แต่เกิดที่เมืองไทย และเธอบอกว่า หน้าที่เธอกับผมในวาระนี้จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อมีคำบัญชาจากพระโพธิสัตว์กวนอิม.

    ซึ่งก่อนหน้านี้ผมกับเทพธิดาจีนก็สื่อจิตช่วยเหลือคนมาเกือบเดือนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้สนใจอยากจะถามอะไรเกี่ยวกับตัวเธอ แต่เมื่อคืนหลังจากสื่อจิตผมก็รู้สึกอยากรู้จักเธอมากขึ้น หรืออาจเป็นเพราะเธอดลใจให้ผมอยากรู้เรื่องของเธอก็เป็นได้ เพราะเราต่างคนก็มีหน้าที่ร่วมกันอยู่ ควรจะรู้จักกันไว้บ้าง..

    จากการสอบถามเทพธิดาจีนองค์นี้ได้ความว่า

    *เธอชื่อภาษาจีนว่า “陳慧蓮” แซ่ เฉิน (ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับผม) ชื่อเธอแปลว่า ดอกบัวแห่งปัญญา , 慧 คือ ปัญญา , 蓮 คือ ดอกบัว และเธอมีฉายาว่า เทพธิดาดอกบัวทอง(金蓮仙女) เธอเป็นนางฟ้าหรือเทพธิดาอยู่ที่เขาเหลียงซาน(ในเทือกเขาหัวซาน) เธอเป็นนางฟ้าบริวารของพระโพธิสัตว์กวนอิม เธอบอกว่า เธอมิได้ประจำอยู่ที่วัดหรือศาลเจ้าใด แต่ปกติเธอจะรับคำบัญชาโดยตรงจากพระโพธิสัตว์กวนอิม และหน้าที่เธอ คือ ช่วยเหลือมนุษย์ และผมถามเธอว่า เธอมาสื่อจิตให้ทุกครั้งใช่ไหม? เธอตอบ เกือบทุกครั้ง (ผมเข้าใจ เพราะมีบางวาระก็ขึ้นอยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนผู้นั้นด้วยว่า ท่านจะขอสื่อด้วยตัวท่านเอง) จบละ ผมถามเธอแค่นี้ ^_^

    ข้อมูลเขาเหลียงซาน(ในเทือกเขาหัวซาน) :
    https://board.postjung.com/876859
     
  4. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    8B9243F6-45B2-42E9-B13D-90C544A59560.jpeg

    ช่วงนี้ มีหลายเคส ขณะสื่อจิตมีบอกเรื่องราวชีวิตโดยย่อในอดีตภพชาติที่ติดบาปกรรมของคนผู้นั้น ซึ่งผมก็แปลกใจว่า ปกติท่านเทพธิดาจีนจะไม่พูดเรื่องราวในอดีตชาติ ท่านจะเน้นเรื่องราวในปัจจุบันชาติเป็นหลัก จากการสอบถามเทพธิดาจีน เธอบอกว่า ช่วงนี้มีองค์พรหม 2 องค์ ท่านมาขอสร้างบารมีด้วย ท่านขอช่วยในส่วนการตรวจกรรมในอดีต,ตรวจวาสนาบารมีและอื่นๆ ด้วย แต่เทพธิดาจีนเธอก็ยังคงช่วยเหลือผมในการสื่อจิตชี้ทางชีวิตโดยรวม ให้กับลูกหลานคนจีนเป็นหลัก ช่วยตรวจวาสนาบารมี และชี้บอกคนผู้นั้นว่า วัดหรือศาลเจ้าหรือสถานที่ใดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีบุญสัมพันธ์กับเขาสถิตอยู่ที่แห่งนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยในชีวิตของเขา เป็นการเปิดวาสนาบารมีให้กับเขา

    เทพธิดาจีนเรียกนามขององค์พรหมทั้ง 2 องค์ว่า วิสุทธิกัณหาพรหม และ โลกาธิวาสพรหม ท่านทั้ง 2 อยู่ที่รูปพรหมชั้นที่ 15
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2018
  5. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    46AD191A-B95B-46A4-8027-8243786CF52E.jpeg
    < ธรรมทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน ทุรยศชาติ >​

    -อดีตกรรมเป็นเหตุ
    เคสนี้เป็นผู้หญิงวัยกลางคน องค์พรหมท่านส่งกระแสจิตมาเล่าทีละประโยคและผมก็ให้เธอจดบันทึกไว้ เรื่องราวมีอยู่ว่า “หญิงผู้นี้เคยกระทำบาปกรรมทุรยศต่อแผ่นดิน และทุรยศต่อพระยาศรีวิชัย ในอาณาจักรล้านนา หญิงผู้นี้เคยเกิดเป็น 1 ในจตุรงคบาท(ทหาร 4 นายที่รักษาเท้าช้างศึก)เป็นคนใกล้ชิด แต่กลับคิดแผนการฆาตกรรม และเจ้าตัวก็ได้ไปทำการสวามิภักดิ์แด่พระเจ้ามังระ(กษัตริย์พม่า) แต่สุดท้ายก็จบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ

    -สิ่งที่พบเจอในปัจจุบันชาติเป็นผล
    อดีตสามีได้ทิ้งหนี้สิน 500,000 บาทไว้ให้กับหญิงผู้นี้ซึ่งเป็นภรรยา รวมถึงลูกสาวอีก 2 คน

    •องค์พรหมท่านชี้ทาง•
    1.ให้เตรียมธูปไหว้กี่ดอกก็ได้ ตามสะดวก.
    2.เตรียมพวงมะลิพวงใหญ่หน่อย และขณะไหว้ให้นำพวงมะลิคล้องไว้ในธูป และไหว้ที่บ้านในช่วงกลางคืนช่วงที่เงียบสงบหน่อย ผมจึงระบุควรไหว้ตั้งแต่ 22:00 เป็นต้นไป.
    3.หลังจากสวดมนต์นั่งสมาธิแล้ว ให้หญิงผู้นี้ตั้งจิตอธิษฐานต่อพระสยามเทวาธิราชที่สถิตอยู่ที่ “..(ขอสงวนชื่อวังนี้)..” เพื่อการขออโหสิกรรม และกล่าวสำนึกถึงบาปกรรมที่เคยกระทำต่อแผ่นดิน ต่อพระยาศรีวิชัยในอาณาจักรล้านนา ถึงแม้ตนจะระลึกไม่ได้ก็ดี แต่ตอนนี้ตนได้ทราบถึงเหตุแห่งบาปกรรมแล้ว ขอให้พระสยามเทวาธิราชโปรดงดโทษหรือผ่อนปรนวิบากกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะปัจจุบันในชาติภพนี้ ข้าพเจ้าได้ชดใช้วิบากกรรมแห่งการทุรยศชาติบ้านเมืองไปส่วนหนึ่งแล้ว สาธุ!” พรหมท่านให้พูดประมาณนี้ พูดผิดบ้างไม่เป็นไรแต่เจตนาถึงแล้ว พระสยามท่านรับรู้ด้วยความเป็นทิพย์ และพรหมท่านจะเป็นผู้ส่งแรงอธิษฐานจิตของหญิงผู้นี้ไปยังพระสยามเทวาธิราชพระองค์นั้น ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิบากกรรมของเธอโดยตรง.

    ..ตอนท้ายของการสื่อจิต ผมได้บอกเธอว่า ขณะอธิษฐานจิตเธอจะมีอาการใจเบาโล่งเหมือนปลดบ่วง+ร้องไห้+ขนลุก และให้เธอกลับมาเล่าอาการขณะอธิษฐานจิตด้วย และในคืนนั้นหลังจากการสื่อจิตวันเดียวกัน เธอมาเล่าว่า เธอน้ำตาไหลและร้องไห้ออกมาดังมาก+ก้มลงกราบพื้น+ใจโปร่งโล่ง และเธอบอกว่า ก่อนวันที่จะมาสื่อจิต เธอปวดหลังมากจนแทบนอนไม่ได้(ให้ลิ้มรสความเจ็บปวดจากเหตุแห่งกรรมการถูกหักหลังทุรยศ)..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2018
  6. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    20CADDBE-C181-4188-90FC-1FBD9BF2DBED.jpeg 923CB774-F79E-4F65-B130-60192BA8232C.jpeg
    { บันทึกความทรงจำ ณ วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2561 ก่อนวันขึ้นปีใหม่ 2562 }​

    วันนี้ผมได้มากราบไหว้พระพุทธชินราชที่วัดใหญ่(หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร) ซึ่งถ้าผมกลับบ้านที่พิดโลก ผมจะต้องหาโอกาสมากราบไหว้ท่านทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น ผมจึงเขียนบันทึกความทรงจำไว้ เพื่อให้รู้ว่า ในชีวิตมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เพราะถ้าไม่จดบันทึกไว้ กาลเวลาอาจทำให้ผมหลงลืมรายละเอียดไปได้ คือ เรื่องราวมีอยู่ว่า

    พอผมเดินทางไปถึงวัดใหญ่ พอรถยนตร์จอดหยุดนิ่ง องค์พรหมท่านส่ง Keyword ข้อความมาว่า “วันนี้จะได้ของดีกลับไป” ผมก็คิดว่า ท่านน่าจะหมายถึง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดใหญ่นี้ ท่านรู้การมาของผมและท่านจะมาสร้างบารมีกับผมด้วยอีกองค์ ซึ่งผมก็เดาว่า น่าจะเป็นพรหมที่ดูแลรักษาองค์พระพุทธชินราช แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นสิ่งของที่จับต้องได้ คิดเพียงแค่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาสร้างบารมีร่วมกันเท่านั้น ก็เหมือนองค์พรหม 2 องค์ที่ท่านมาสร้างบารมีกับผม เมื่อไม่นานมานี้ มันเหมือนเป็นวาระของการสร้างบารมีร่วมกันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายองค์ แต่ช่วงนี้ผมมีวาระกับเหล่าพรหมท่านเป็นหลัก ซึ่งพรหมท่านเป็นหัวแรงหลักในการสืบทอดพระพุทธศาสนา เพราะพรหมท่านมีอำนาจบารมีมาก เก่งทุกอย่าง ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ผมจะมีวาระกับพญานาคและเทพเป็นหลัก

    พอรถจอดเสร็จ ผมก็เดินเข้าไปในวัดใหญ่ ขณะที่ผมกำลังยืนคุยกับแม่ที่หน้าโบสถ์อยู่นั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งกระแสจิตพูดมาว่า “สวัสดีครับ” ผมก็ถามกลับว่า “ท่านเป็นใคร” ท่านตอบ “เราเป็นพรหมสุทธาวาส ผมถาม “ชั้นไหนครับ” ท่านตอบ “ชั้นที่ 16” ผมถาม “ท่านเป็นพรหมที่ดูแลรักษาองค์พระพุทธชินราชใช่ไหม?” ท่านตอบ “ใช่” ผมถาม “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ท่านตอบ “เรามาแค่ทักทายท่าน ให้ท่านทำกิจของท่านให้เรียบร้อยก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน” ซึ่งท่านคงเห็นผมกับครอบครัวกำลังวุ่นอยู่กับการนำของมาไหว้พระพุทธชินราช และผมก็มาไหว้พระแป๊ปเดียว การที่ท่านทักทายมา ตอนผมอยู่ที่วัด ผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ขณะเขียนเล่าอยู่นี้ มันเกิดปัญญารู้ว่า เหตุแห่งการทักทายนั้น คือ ท่านรู้ว่าผมจะเช็คการปรุงแต่งของจิตตนกับเรื่องจริงที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์สื่อมาอยู่ตลอดเวลาและทุกครั้งที่สื่อจิต เพราะการคุยในกระแสจิตมันจะหลงได้ง่าย หลงเข้าใจไปเองได้ง่าย ดังนั้น ทุกครั้งที่สื่อจิต ผมจะเช็คผลจากคนที่มารับสื่อจิตว่า สิ่งที่ท่านสื่อมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ต้องเอาเรื่องที่เขาคนนั้นรู้ด้วย อย่างเช่น ตอนนี้คุณเกล้าผมอยู่ใช่ไหม? มีสมุดจดสีเขียววางอยู่แถวนั้นใช่ไหม? มีดอกไม้เล็กๆ อยู่ริมรั้วบ้านคุณใช่ไหม? และอื่นๆ เป็นต้น ดังนั้น พรหมท่านมีปัญญา จึงสื่อมาตอนที่ผมอยู่ในวัด เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะให้ผมพิจารณาเองว่า ควรเชื่อในสิ่งที่ท่านพูดไหม? แต่ปกติผมก็ไม่ได้ยึดอะไร จริงเท็จก็ปล่อยวาง ถึงแม้จะโดนหลอกอีกครั้งก็ไม่เป็นไรก็ปล่อยวางมันไป เพราะผมโดนทดสอบทางจิตมาเยอะ ทำให้ผมมีสติปัญญาแยกแยะได้มากขึ้น ควรจะขอบคุณและอนุโมทนากับท่านทั้งหลาย ที่ทำให้ผมมีสติปัญญาเป็นของตนเองตามคำสอนของพุทธองค์ ผมก็แค่ระวังตัวไว้บ้างแต่ไม่ระแวง เพราะผมถือคติว่า “ผมจะเชื่อถือในผลที่ปรากฏแก่กายใจเราเท่านั้น ตามความเป็นจริง ผมจะยังไม่เชื่อทั้งหมดในสิ่งที่ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านมาสื่อบอก แต่ผมจะพิจารณาตามให้เกิดปัญญาของตนเอง แต่เรื่องใดเกินปัญญาของผม ผมก็เชื่อส่วนหนึ่งและก็บอกเล่าไปตามที่สื่อจิตมาได้”

    พอไหว้พระเสร็จ ผมก็มาทำบุญตามซุ้มต่างๆ ซึ่งมีซุ้มหนึ่งที่ผมจะทำบุญทุกปี คือ ซุ้มผ้าใบสีแดงผืนใหญ่ที่เขียนว่า “บริจาคข้าวสาร 1 ถัง(1,000) บริจาคเสาเอก (1,000) บริจาคน้ำปานะ (500)” ครั้งนี้ผมอยากบริจาคแค่ 500 บาท เพราะต้องประหยัด(หุ้นติดลบเยอะ) ^_^ แต่พอจะเขียนชื่อบริจาค ปากผมก็ไปถามเรื่องบริจาคเสาเอก เป็นเสาเอกของอะไร? เจ้าหน้าที่ตอบ เป็นเสาเอกของศาลาแก้บน ผมรู้สึกอยากทำบุญเสาเอกทันที 1,000 บาท สรุปว่า ผมทำบุญไปทั้งหมด 1,500 บาท กะจะทำแค่ 500 บาท ^_^ เพิ่มขึ้นมาอีก 1,000 บาททันที และปกติทุกปีเจ้าหน้าที่จะให้ไข่เค็มและขนม สำหรับผู้บริจาค แต่ปีนี้ นอกจากไข่เค็มและขนมแล้ว เพิ่มเติมคือ เหรียญไม้พระพุทธชินราช 5 เหรียญในถุง ปกติผมทำบุญจะไม่เอาเหรียญเพราะไม่อยากเก็บ ผมจึงปฏิเสธไม่เอาเหรียญทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน พอผมพูดจะไม่เอาเหรียญ เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า เป็นเหรียญที่ทำจากแผ่นไม้สักพันปีที่นำมาทำหลังคาโบสถ์วิหารของหลวงพ่อพระพุทธราชของปี 2551 แต่ตอนนี้เปลี่ยนหลังคาใหม่ พอผมฟังเช่นนั้น ผมก็รับไว้แต่ไม่คิดอะไรมาก ผมก็กำพระอยู่ในมือเพราะไม่มีกระเป๋าใส่ จากนั้น ผมก็มองไปบนหลังคาวิหารหลวงพ่อพุทธชินราช ก็เห็นโครงเหล็กที่ใช้บูรณะอยู่ด้านบนหลังคา ทันใดนั้น ผมก็บังเกิดปิติแรงมากเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาสักแป๊ปหนึ่ง และมีคำขึ้นมาในจิตว่า “บารมีเปลี่ยนชีวิต” ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่กำเหรียญแล้วมีปิติเกิดขึ้นแรงเช่นนี้ และขณะที่กำเหรียญอยู่สักพักหนึ่ง ฝ่ามือที่กำเหรียญอยู่นั้นจะเกิดความรู้สึกชาๆ ขึ้นมา ผมก็แจกเหรียญไม้นี้ให้กับพี่น้องไป เพราะพวกเขายังอยู่ในวัยทำงาน ยังต้องดิ้นรนสู้ชีวิตอยู่ แต่ไม่ให้พ่อแม่ เพราะท่านไม่ได้ทำงานอายุมากแล้ว แต่องค์พรหมท่านบอกว่า “ควรให้ท่านด้วย” ผมจึงให้พ่อไว้ 1 องค์ และผมก็นำไปไว้ที่บนหน้าตักขององค์พระประธานพุทธชินราช ผมรู้สึกว่า วางไว้จุดนี้จะเป็นการเพิ่มพลังให้กับหิ้งพระในบ้าน

    จากนั้น ผมก็ออกมานั่งสื่อจิตกับองค์พรหมผู้ดูแลรักษาองค์พระพุทธชินราช จากการสอบถามพรหมท่านได้ความว่า
    1.ท่านเป็นพรหมสุทธาวาส ชั้นที่ 16 นามว่า “วิกรพรหม” ท่านเป็น 1 ในมหาพรหมของชั้นที่ 16
    2.ท่านได้เล่าว่า “มีชายท่านหนึ่ง อ่านโองการสวรรค์ และอัญเชิญเรามาดูแลรักษาองค์พระนี้ เราเป็น 1 ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลองค์พระนี้” ผมรู้สึกได้ว่า ท่านถ่อมตนมาก แม้ศักดิ์และศรีท่านสูง แต่ท่านก็อ่อนน้อม แสดงได้ถึง เมตตาที่มีมากมายของท่าน.
    3.เหรียญไม้พุทธชินราชที่ได้มานั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดสถิตอยู่ไหม? ท่านตอบ ในเหรียญมีเพียงพลังงานทิพย์สถิตอยู่ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดใหญ่ท่านจะรับรู้ด้วยความเป็นทิพย์เพราะมีสายใยแห่งพลังงานทิพย์เชื่อมโยงกันอยู่ ท่านจะรู้ว่า ใครผู้ใดครอบครองเหรียญไม้เหล่านี้อยู่นั้นเอง

    ส่วนคำว่า “บารมีเปลี่ยนชีวิต” มันเปลี่ยนได้จริงๆ เหรอครับท่าน ท่านตอบ ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมและวาสนาของคนผู้นั้นเป็นพื้นฐานสำคัญ แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัด รวมถึงเราวิกรพรหมจะทำการตรวจดูว่า จะช่วยเหลือสงเคราะห์คนที่ครอบครองเหรียญนั้นได้อย่างไร เช่น นำพาไปทำบุญทานบางอย่างที่ช่วยบรรเทาวิบากกรรมที่เขาประสบอยู่ในปัจจุบันและในอนาคต นำพาให้ไปพบเจอกัลยาณมิตรหรือผู้อุปถัมภ์ค้ำชู,พบเจอเรื่องทำบุญ,พบเจอคนที่ชี้ทางให้ เป็นต้น กรณีถ้าประสบเคราะห์กรรม ก็ต้องดูว่าช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด ถ้าตกนรกตายไป ก็เป็นพยานในการทำบุญให้แก่เขา เวลาเขาหลงลืมจำไม่ได้ต่อหน้าพญายม และส่งเสริมบุญวาสนาของเขาให้ยิ่งขึ้นไปอีก เหล่านี้เราพูดตามหน้าที่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านกระทำอยู่ไม่ใช่แค่ในวัดใหญ่แห่งนี้วัดเดียว สิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดอื่นท่านก็ทำเช่นเดียวกันแล้วแต่บารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกส่งมาช่วยเหลือตามแต่ละวาระ ไม่ว่าวัตถุมงคลหรือสิ่งของใดที่ปลุกเสกผ่านพิธีกรรมในโบสถ์วิหาร ก็ย่อมศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น ไม่ได้อยู่ที่วัตถุนั้นจะเป็นสิ่งใด แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อและการให้ความสำคัญให้คุณค่าในวัตถุนั้นเสียมากกว่า แต่ความศักดิ์สิทธิ์จะแตกต่างกัน ก็มีเหตุอยู่ 2 ประการ คือ
    1.บารมีของผู้ครอบครอง หมายถึง บุญวาสนาของคนผู้นั้น(ทาน ศีล ภาวนาที่สั่งสมมาแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน หรือเรียกว่า วาสนาบารมี)
    2.บารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาปลุกเสกให้ ย่อมให้ผลในด้านพลังงานความเป็นทิพย์ที่มากน้อยแตกต่างกันไป รวมถึงความสามารถหรือพลังอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ฝากพลังงานเอาไว้ในวัตถุมงคลนั้น ท่านมาช่วยสงเคราะห์เราได้มากน้อยเพียงใดตามบารมีของท่าน แต่การที่ผู้ทำพิธีอธิษฐานจิตจะอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงบารมีมากมาช่วยเหลือปลุกเสกได้นั้น ผู้อธิษฐานจิตต้องมีกำลังวาสนาบารมี(ทาน ศีล ภาวนาอันบริสุทธิ์ ซึ่งเราวัดจากจิตอันเป็นอริยะในแต่ละระดับตามพุทธศาสนา)

    ถ้าคนมีวาสนาบารมีน้อย แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยเหลือมีบารมีมาก ท่านก็ช่วยได้ตามวาสนาบารมีของคนผู้นั้น แต่ท่านจะหาหนทางชี้ทางนำพาให้เขาได้สั่งสมบุญบารมีให้มากขึ้น เพื่อท่านจะได้ช่วยเหลือได้มากขึ้น แต่ถ้าคนมีวาสนาบารมีมาก และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยเหลือมีบารมีมากเช่นกัน ท่านก็ช่วยเหลือเร่งผลบุญวาสนาให้เกิดได้เร็วขึ้น รวยเร็วขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้นเร็วกว่าเดิม หรือถ้าช่วงใดพบเจออุปสรรคปัญหาหรืออุบัติเหตุ ท่านก็ช่วยบรรเทากรรมวิบากหรือปัดเลื่อนกรรมนั้นไปได้ชั่วคราว แต่ทำกรรมเช่นไรไว้ ก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นแน่นอนไม่เป็นอื่น แค่ช้าหรือเร็ว.

    4.ผมถามท่านวิกรพรหมตรงๆ เลยว่า การที่ท่านทักทายผมมา ท่านจะมาสร้างบารมีกับผมหรือครับ? ท่านตอบ ใช่ ผมถาม แล้วมาสร้างบารมีแบบใด? ท่านตอบ เราขออุบไว้ก่อน แต่ผมจำได้ชัดเจนในความทรงจำ เมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน ปีนั้นผมก็มาไหว้พระพุทธชินราชเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนั้น ผมนั่งสมาธิด้วยแต่ไม่นานต่อหน้าองค์ท่าน ขณะนั่งสมาธิไปได้ไม่นาน เหมือนมีพลังงานส่งมาจากองค์พระกระแทกมาที่ร่างกายและจิตผม ร่างกายทั้งร่างซาบซ่านอยู่สักครู่ พอผมกลับมาทำงานที่กรุงเทพ ปรากฎว่า มีคืนหนึ่งขณะแปรงฟันอยู่ ในจิตผมเห็นรูสีดำเล็กๆ เท่าเข็มมุด ผมมองจ้องเข้าไปในรูดำนั้น จนมองทะลุออกจากรูดำนั้น เบื้องหน้าเห็นเป็นองค์พระขาวลอยอยู่ในอวกาศที่กว้างใหญ่ ทางพุทธศาสนาไม่รู้ว่าเรียกว่า ฌาน 5 (อากาสานัญจายตนฌาน) หรือ เรียกว่า สภาวะแห่งสุญญตา หรือเปล่า? การเพ่งอารมณ์ในสภาวะนี้ ทำให้รู้สึกจิตมีกำลังมากขึ้น เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้ สำหรับบันทึกความทรงจำในช่วงวันขึ้นปีใหม่ของปี 2562 จบครับ ^_^
     
  7. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    65BC17F1-917E-4B8C-A474-E55D9E38F12D.jpeg

    < ธรรมทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน โกงชาติโกงแผ่นดิน >​

    -อดีตกรรมเป็นเหตุ
    เคสนี้เป็นข้าราชการวัยกลางคน อยู่ที่จังหวัดสงขลา องค์พรหมท่านบอกเหตุแห่งกรรมในอดีตชาติ และผมก็ให้เขาจดบันทึกไว้ คือ ชายผู้นี้เคยได้สร้างเวรกรรมไว้ในอดีตชาติ ย้อนหลังไปในภพชาติที่ 10 เขาได้สร้างกรรมหนักด้วยการทุจริตโกงกินชาติบ้านเมือง ผลกรรมจึงตามให้ผลมาทุกๆ ภพชาติตลอด 10 ชาติที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็ได้ชดใช้วิบากกรรมไปมากแล้ว แต่ด้วยผลบุญที่เคยได้สั่งสมมาในภพอดีตโดยเฉพาะภพชาติปัจจุบัน องค์พระพรหมคุณากรท่านได้เห็นเจตนาความตั้งใจจริงของชายผู้นี้ ประกอบกับวาระนี้ได้มีองค์การสวรรค์ให้คัดเลือกผู้เคยกระทำผิดในภพอดีตและภพปัจจุบันที่มีความตั้งใจจริงที่อยากจะหลุดพ้นในบ่วงกรรมนี้ จึงได้กระทำคุณความดีต่างๆ เช่น บุญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ถึงพร้อม เพื่อการร้องขอต่อเทพยดาให้โปรดอโหสิกรรมต่อบาปกรรมในอดีตที่ตนก็ไม่อาจทราบได้ สวรรค์จึงเห็นพ้องต้องกันว่า ชายผู้นี้เป็นอีก 1 ในผู้ถูกเลือกให้ได้หลุดพ้นจากบ่วงแห่งวิบากกรรมนี้ แต่กรรมที่ให้ผลแล้วจะยังคงดำรงอยู่และต้องเสวยชดใช้ไปให้สิ้น และบุญวาสนาของชายผู้นี้ก็จะเปิดขึ้น เพราะไม่มีกรรมใหญ่มาบดบังบุญวาสนาเดิม แต่มนุษย์คนเรานั้นมิได้มีเพียงกรรมเดียวเท่านั้น แต่ถือได้ว่า กรรมที่โกงกินบ้านเมืองทุรยศต่อแผ่นดินบ้านเกิดอันเป็นกรรมใหญ่นี้ได้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ กรณีนี้ขอให้ทุกคนจงตระหนักและมีจิตสำนึกว่า กรรมวิบากของการโกงชาติโกงแผ่นดินบ้านเกิดนั้น เป็นกรรมหนักที่คอยบดบังมิให้เสวยกรรมดีที่ส่งผลต่อความเจริญของชีวิตตนเป็นแน่แท้ สวรรค์มีเทพยดาคอยดูแลจัดการและให้ผลในสิ่งที่คนเหล่านี้เคยกระทำไว้ สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตามิใช่ว่าไม่มีอยู่จริง! จงตระหนักและสำนึกเถิด!

    จากข้อความข้างต้น ขณะที่ผมเขียนเล่าก็มีกระแสจากเทพยดา ท่านประสงค์ให้เขียนเพิ่มเติมแบบนี้ เขียนเพื่อเป็นการเตือนสติให้แก่คนอ่านหรือคนที่กระทำผิดอยู่ได้เกิดจิตสำนึกในชาติบ้านเมือง เพราะกฎแห่งกรรมมีจริง และกรรมต่อชาติบ้านเมือง มิได้รับวิบากแห่งกรรมนี้เพียงชาติภพเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของกรรม คือ มวลรวมความเสียหายมากน้อยที่เกิดขึ้นกับประชาชนในประเทศชาติบ้านเมืองโดยรวม ถ้าประชาชนหลายแสนหลายล้านคนได้รับผลแห่งการกระทำเบียดเบียนจากเจ้าเพียงคนเดียวหรือรวมพวกพ้องของเจ้า เจ้าลองคิดดูเถิด! แต่ละคนจะรับวิบากกรรมมากเพียงใดในจำนวนหลายแสนหลายล้านคนเหล่านั้น และจะรับกรรมนี้ไปอีกกี่ภพชาติ! ท่านยกตัวอย่างให้เห็นคร่าวๆ มาแบบนี้ สาธุครับ!

    -สิ่งที่พบเจอในปัจจุบันชาติเป็นผล
    (รับวิบากกรรมต่อเนื่องมาแล้ว 9 ชาติ ชาตินี้เป็นชาติที่ 10)
    ชายผู้นี้กำลังประสบปัญหาใหญ่อยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องหนี้สินร่วม 5 ล้านบาท และการไม่เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน.

    •องค์พรหมท่านชี้ทาง•
    1.องค์พรหมของผมท่านบอกให้ทำการขออโหสิกรรมคืนนี้เลย เพราะพระพรหมคุณากรท่านมารอรับการอโหสิกรรมแล้วตามการคัดเลือกจากสวรรค์เบื้องบน.
    2.องค์พรหมบอกให้เขาเดินออกไปเด็ดดอกไม้มาตามที่เขาต้องการ ดอกไม้อะไรก็ได้ (พรหมท่านบอก เขารู้อยู่ว่ามีดอกอะไรบ้าง) สรุปเขาเก็บดอกดาวกระจายซึ่งปลูกไว้แถวที่พักมา 9 ดอก และให้นำมาวางไว้บนฝ่ามือและอธิษฐานจิตตามเคสของทุรยศชาติที่ผมเคยโพสต์ไปแล้ว ให้เขากลับไปอ่านดู แต่เปลี่ยนตรงการตั้งจิตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลวิบากกรรม คือ ให้ตั้งจิตไปที่ “พระพรหมคุณากร(รูปพรหมชั้นที่ 11) แต่ตอนนี้ท่านมารออยู่แล้ว.
    3.ส่วนธูปจะใช้กี่ดอกก็ได้ แต่ในใจเขาคิดว่าต้องใช้ 16 ดอก เป็นเรื่องแปลกที่เขาหยิบออกจากห่อออกมาครั้งเดียว เมื่อนับดูก็ครบ 16 ดอกพอดีเลย!

    •อาการขณะทำพิธีอธิษฐานจิตขออโหสิกรรม•
    ขณะทำพิธีชายผู้นี้รู้สึกมีอาการขนลุก และเมื่อทำพิธีเสร็จสิ้น ข้างนอกห้องก็มีฝนตกลงมาแรงพอสมควร สักประมาณ 5 นาที จากนั้น ฝนก็หยุดตก ถือว่าเป็นเรื่องแปลก ส่วนตัวผมเชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! ถ้าฝนตกแรงพอควรตามที่เขาบอก มันต้องเริ่มจากตกเบาแล้วค่อยแรงขึ้น และไม่ใช่ตกเพียงแค่ประมาณ 5 นาที มันประจวบเหมาะเกินไป มันบังเอิญเหมือนไม่บังเอิญ! เหมือนพรหมท่านบันดาล และฝนก็ตกหลังจากทำพิธีเสร็จสิ้นทันที! อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนี้ ^_^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2019
  8. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    64DF96C2-4BFD-427F-9E90-EBE84FB39C0F.jpeg

    < ธรรมทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน กรรมของเทพธิดา >​

    ธรรมทานในเรื่องนี้ไม่ยาวมาก และเป็นธรรมทานจากเทพธิดาองค์หนึ่งที่เพิ่งจุติเกิดใหม่บนสวรรค์ชั้น 1 จาตุมหาราชิกา ซึ่งเธอเคยเกิดเป็นผู้หญิงมีอาชีพครูในยุครัชกาลที่ 9 แต่ด้วยผลกรรมมาตัดรอนจึงทำให้เธอเส้นเลือดในสมองแตก แล้วเสียชีวิตตอนอายุ ประมาณ 40 ปี(เมื่อปลายมีนาคม 2559) ถือว่า อายุสั้นมาก! แต่ด้วยผลบุญวาสนาที่เคยกระทำสั่งสมไว้ จึงทำให้จุติเกิดเป็นเทพธิดาหรือนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นนี้ และเสวยทิพยสมบัติบารมีตามที่ตนเคยสั่งสมไว้ในชาติที่แล้ว แต่การเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์นั้น มิใช่ไม่มีหน้าที่หรือไม่ต้องเสวยกรรมไม่ดีอื่นๆ ที่ตนเคยกระทำไว้ในครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ ซึ่งเทพธิดาองค์นี้ ตอนครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในชาติที่แล้วมีอาชีพเป็นครู ได้เคยกระทำมโนกรรม,วจีกรรม,กายกรรมเบียดเบียนต่อหญิงผู้ที่มารับการสื่อจิตในครั้งนี้ ตลอดช่วงเวลาที่เธอกับหญิงผู้นี้เป็นครูในโรงเรียนเดียวกัน ด้วยผลกรรมไม่ดีนี้ จึงส่งผลให้เธอต้องกลายเป็นเทวดาประจำตัวที่คอยดูแลโชคชะตาชีวิตของหญิงผู้นี้ แต่จะดูแลไปนานเท่าไหร่ ผมก็ไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่เทพธิดาองค์นี้ปรารถนาจะบอกกล่าวให้เป็นธรรมทานแก่คนทั่วไปให้ได้รับทราบว่า กฎแห่งกรรมมีจริง แม้มิได้เป็นกรรมใหญ่ แม้มาเสวยกรรมดีที่สวรรค์ชั้นฟ้าแล้ว ก็ยังต้องมาชดใช้กรรมที่เคยกระทำเบียดเบียนต่อผู้อื่น คือ ต้องมาดูแลคนที่เราเคยว่าร้ายเขา เคยทำให้เขาขายหน้าและเสื่อมเสียชื่อเสียง! เธอจึงดลจิตดลใจให้หญิงผู้นี้ได้มาสื่อจิตรับรู้ถึงผลแห่งกรรมที่เธอกำลังได้รับอยู่ ณ ขณะนี้ เพื่อเป็นอานิสงส์ผลบุญให้เธอได้หลุดพ้นจากสภาวะกรรมนี้หรือหน้าที่นี้โดยไว.
    ——————————
    เหตุการณ์ขณะสื่อจิต มีอยู่ว่า ขณะที่เธอสอบถามเรื่องจะได้ย้ายตำแหน่งไหม? (ช่วงนี้เป็นช่วงการเขียนใบขอย้ายตำแหน่งหน้าที่ครู)

    โดยปกติพรหมท่านจะเล็งญาณดูไม่นาน แต่ครั้งนี้ ท่านเล็งญาณดูนานมาก พอผมสงสัย จิตผมก็รู้สึกรับรู้ว่า ท่านไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา(ชั้น 1) เพื่อสอบถามเทวดาที่ดูแลหญิงผู้นี้อยู่ ซึ่งปกติท่านก็เล็งญาณด้วยตนเองได้ แต่ครั้งนี้ไปสอบถามเทวดา ผมก็ไม่ได้เอะใจ พอท่านกลับมา ท่านบอกว่า ท่านไปคุยกับเทพธิดาที่ดูแลหญิงผู้นี้ เธอให้คำตอบว่า หญิงผู้นี้ยังไม่มีบุญวาสนาหรือวาระที่จะได้ย้ายตำแหน่ง! และจู่ๆ ผมรู้สึกอยากถามชื่อของเทพธิดาองค์นี้ พรหมท่านบอกว่า “เธอบอกว่า เธอชื่อ นงเยาว์” ผมก็แปลกใจ เพราะชื่อเป็นชื่อคน ผมจึงถามหญิงผู้นี้ว่า “คุณรู้จักชื่อนี้ไหม?” เธอตอบ “ชื่อคุ้นๆ หู” แล้วเธอก็นึกได้ เป็นชื่อของครูโรงเรียนเก่าที่ตายไปแล้ว ตายหลังจากที่เธอย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่ ผมถาม “คุณคุ้นเคยหรือสนิทกับเขาไหม?” เธอตอบ “ไม่สนิท และไม่ชอบหน้ากัน เขาชอบพูดจาไม่ดี,ชอบแขวะ,เหน็บแนมเวลาเจอกัน คือ ไม่ชอบหน้า แต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้ว เราก็อโหสิกรรมให้เขาไปในสิ่งที่เขาเคยกระทำไม่ดีต่อเราไว้” ผมตอบ “อโหสิกรรม ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ต้องชดใช้กรรม นี้เป็นเหตุแห่งกรรมที่เขาเคยกระทำไม่ดีต่อคุณในครั้งเป็นมนุษย์ จึงส่งผลให้เขากลายเป็นเทวดาประจำตัวดูแลคุณอยู่ตอนนี้ เพื่อมาชดใช้กรรมให้คุณนั้นเอง.” สาธุในธรรมทานของเทพธิดานงเยาว์ครับ!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2019
  9. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    528613F8-A99A-447D-BD9F-73513CA32658.jpeg

    < วิทยาทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน เทพจำแลง >​

    วิทยาทานนี้เขียนเพื่อเตือนสติให้แก่บุคคลทั่วไป ได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงในสังคมแห่งความเชื่อความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของคนในยุคสมัยนี้ ซึ่งคนโดยทั่วไปมิอาจรับรู้ได้เลยว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลคุ้มครองและสร้างบารมีกับเรานั้น ท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆหรือไม่? หรือแท้จริงคือ ดวงวิญญาณหรือภูตผีที่มีพละกำลังที่สามารถหยั่งรู้เรื่องราวต่างๆ ได้ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงนั้นสามารถบอกเล่าชีวิตเรื่องราวของคนผู้นั้นได้อย่างถูกต้องราวกับตาเห็น! จึงทำให้เกิดความเชื่อศรัทธาในบุคคลที่มีความสามารถพิเศษเหล่านี้ เพราะในโลกใบนี้ก็มีหลากหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นของจริงและของปลอม! แต่เราจะรู้ได้เช่นไรว่า สิ่งนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม! มันเป็นเรื่องพิสูจน์ได้ยากมาก! เพราะมันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ แต่มิใช่ทุกสัมผัสของใจจะบ่งบอกได้อย่างถูกต้องเสมอไป ดังนั้น สิ่งที่จะใช้ได้จริงของมนุษย์ ก็คือ สติปัญญาที่นำมาพิจารณากลั่นกรองข้อเท็จจริงในเวลาที่มีคนบอกเราว่า เรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดคุ้มครองอยู่? เมื่อรับรู้ด้วยหูแล้ว ก็จงใช้สติปัญญาพิจารณาเสียก่อนว่า “อย่าเพิ่งเชื่อ” ในสิ่งที่เขาบอกมา แต่จงพิสูจน์ความจริงด้วยกายใจของเรารวมถึงสัมผัสต่างๆ และสติปัญญาที่เรามีเสียก่อน! แล้วจึงจะเชื่อว่ามันเป็นความจริง! เพราะผลพิสูจน์เหล่านี้ได้ปรากฎประจักษ์แก่กายใจเราแล้วนั้นเอง! แต่สุดท้ายผลมันจะเป็นเช่นไร ก็ปล่อยวางมันเสีย! แล้วเอาการเจริญปฏิบัติในทาน,ศีล และภาวนาตามคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่ตั้ง จึงจะได้ชื่อว่า “เป็นผู้มีสติปัญญาโดยแท้” กล่าวคือ มีสติปัญญาเป็นของตนเอง ไม่หลงเชื่อคำบอกเล่าของใครผู้ใดโดยง่าย! และเช่นกัน จงอย่าเพิ่งเชื่อในเรื่องราวเหตุการณ์ของเคสการสื่อจิตที่ผมจะบอกเล่าตามข้างล่างนี้ครับ
    ————————————-
    เหตุการณ์ขณะสื่อจิต มีอยู่ว่า ชายอายุ 27 ปีมีอาชีพทหารได้สอบถามเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลคุ้มครองของตัวเขา

    องค์พรหมท่านเล็งญาณสักครู่ ท่านก็บอกว่า มีพระแม่ทุรคาดูแลคุ้มครองชายผู้นี้อยู่ แต่ทว่าเทพองค์นี้แท้จริงมิใช่เทพที่จำแลงมาสร้างบารมีในนามของพระแม่ทุรคา แต่เป็นดวงวิญญาณผู้หญิงที่จำแลงเป็นเทพ เพื่อให้ชายผู้นี้ได้รู้จักเธอในนามของเทพผู้มีบารมี เขาจะได้เคารพศรัทธาเธอ ยึดมั่นในเธอ และอยู่ร่วมกับเธอด้วยความสนิทใจนั้นเอง แต่ด้วยบารมีแห่งพรหมผู้บริสุทธิ์ ท่านรู้เห็นทุกอย่าง! จึงได้บอกกล่าวให้ชายผู้นี้ทราบ และพรหมท่านก็เมตตาตรวจดูให้อีกว่า ชายผู้นี้ได้ไปพบเจอกับดวงวิญญาณดวงนี้ที่สวนลุมพินี และเธอก็อยู่กับชายผู้นี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ผมจึงถามเขาว่า “คุณเคยไปสวนลุมพินีไหม?” เขาตอบ “เคยไปล่าสุดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว แต่รวมๆ แล้วเคยไปประมาณ 2-3 ครั้ง” แต่พรหมท่านบอกว่า “ดวงวิญญาณผู้หญิงนี้เธอชอบคุณ และเธอก็มีเจตนาดีที่จะคอยช่วยเหลือคุณ แม้เธอจะมีพละกำลังไม่มากก็ตาม” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมาอยู่ด้วย แต่ในรายละเอียดเบื้องลึกในด้านบุพกรรมร่วมกันระหว่างชายหญิงทั้งคู่นั้น พรหมท่านไม่ขอตรวจดู เหตุเพราะจะเสียเวลามาก เพราะสื่อจิตถามคำถามมาเยอะแล้ว แต่ท่านบอกเพียงว่า ทุกอย่างมีเหตุของมันมาก่อน เหมือนดั่งโชคชะตาได้ขีดไว้นั้นเอง วิทยาทานนี้ผมหวังว่าจะมีประโยชน์แก่คนในสังคมปัจจุบันนี้ไม่มากก็น้อย เพื่อเป็นสติเตือนใจแก่ทุกท่านทั้งหลายว่า อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ! แม้บทความเรื่องราวที่ผมบอกเล่านี้ ก็อย่าเพิ่งเชื่อ ถ้าท่านยังมิได้ใช้สติปัญญาของตนเองพิจารณาครับ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    E8955B2A-4F0F-49B1-9422-FB926045E37B.jpeg 5883C819-2F4E-463D-A77F-78946F3D466F.jpeg

    < วิทยาทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน เจรจากับเจ้าที่ >​

    ผมขอหยิบยกเฉพาะเรื่องคำถามการขายบ้านมาเล่าสู่กันฟัง เพราะมีบางเคสที่มีปัญหาเรื่องการขายบ้านหรือขายที่ดิน แต่ขายไม่ได้ เพราะด้วยเหตุของทำเลที่ตั้งไม่ดีรวมถึงเหตุจากสิ่งที่มองไม่เห็น คือ ดวงวิญญาณหรือเจ้าที่ที่สถิตอยู่ ณ สถานที่นั้นๆ กรณีเคสนี้ผมขอลำดับแยกย่อยในการเล่าเรื่อง เพื่อให้เข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะสื่อจิต โดยมีลำดับเรื่องราว ดังนี้
    1.หญิงผู้นี้มีเทพธิดาดูแลคุ้มครองอยู่เป็นองค์หลัก เป็นเทพสตรี มีนามว่า “เทพศรินทิพย์” เธอเคยเป็นแม่ของหญิงผู้นี้มาก่อน ซึ่งตอนสื่อจิตเริ่มแรก เธอเกิดอาการขนลุกที่หัวไม่หยุด เหตุเพราะมีกระแสพลังงานปกป้องจากเทพธิดาองค์นี้ ส่งกระแสพลังงานลงมายังกลางกระหม่อมของเธอ เพื่อปิดกั้นมิให้ดูจิตเธอได้ ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของผมท่านก็ตามกระแสพลังงานที่ตรงกลางกระหม่อมของเธอไป แล้วก็ไปพบและเจรจาให้เทพธิดาองค์นี้เปิดทางเพื่อสื่อจิตได้ และเทพธิดาเธอก็อนุโมทนาด้วยเช่นกัน! และเธอก็ดลใจให้หญิงผู้นี้สอบถามเรื่องปัญหาการขายบ้านด้วย เพราะหญิงผู้นี้ไม่กล้าถาม ซึ่งผมก็จับกระแสแห่งเจตนาตรงนี้ได้.
    2.จากการที่องค์พรหมท่านตรวจดูและสื่อคุยกับเจ้าที่ของบ้านหลังนี้ ได้ความว่า เจ้าที่ของบ้านหลังนี้เป็นบิดาที่เสียชีวิตไปแล้วของแฟนเธอ ซึ่งแฟนเธอจะยกเป็นมรดกให้กับเธอ แต่ชื่อเจ้าของยังเป็นชื่อของแฟนเธออยู่ เมื่อก่อนไม่ขาย เพราะมีเหตุจากการดลใจของพ่อไม่ให้ขาย เพราะพ่อเขารักบ้านนี้มาก พ่อเขาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในจังหวัด และที่บ้านก็เปิดเป็นคลีนิคเล็กๆ ไว้รักษาคนอีกด้วย ยามว่างก็ชอบตกแต่งสวนธรรมชาติภายในบ้าน ดังนั้น หมอท่านนี้จึงรักและหวงแหนบ้านหลังนี้มาก และพรหมท่านบอกว่า เขาเสียใจที่ลูกหลานทำกับเขาแบบนี้ แต่เขาก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ทำไมจะต้องขาย เพราะลูกชายจะนำเงินมาใช้หนี้ธนาคาร ซึ่งเขาก็รู้เหตุผลมากขึ้นจากการบอกเล่าของเธอผู้เป็นแฟนลูกชายในระหว่างสื่อจิต จึงทำให้หมอท่านนี้รู้และเข้าใจในสภาวะที่เป็นอยู่ของลูกชายที่ต้องแบกรับหนี้สิน ท่านจึงยอมอ่อนลงและยอมขาย โดยจะไม่ดลใจขัดขวางไม่ให้ขายอีกต่อไป โดยผมขอองค์พรหมให้ท่านช่วยสงเคราะห์ส่งดวงวิญญาณของหมอท่านนี้ ให้ได้ไปเกิดตามบุญกรรมวาสนาของเขา พรหมท่านบอก “ไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่เราจะไปบอกให้ผู้มีหน้าที่มารับแทน แต่ดวงวิญญาณนี้ขอเวลาสะสางเรื่องทางโลกสักพักก่อนแล้วค่อยไป” ผมคิดว่า น่าจะเป็นเรื่องขายบ้าน.
    3.ผมสอบถามแทนหญิงผู้นี้ เพื่อให้เธอไปบอกแฟนเธอว่า พ่อของเขาจะได้ไปเกิดในภพภูมิใด เพื่อให้คนเป็นลูกได้สบายใจว่า พ่อเขาไม่อยู่แล้วจริงๆ องค์พรหมท่านเมตตาตรวจดูบุญกรรมวาสนาของหมอท่านนี้ให้ ท่านบอกว่า หมอท่านนี้ในอดีตชาติที่แล้วและในชาติปัจจุบันนี้ที่เป็นหมอได้เคยสั่งสมบุญไว้มากมาย จึงทำให้เขาได้ไปจุติเกิดเป็นเทพชั้นสูงในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา(ชั้น 1) มีนามว่า “หทัยเทพ” ผมถามต่อ “ชื่อนี้ใครตั้งให้ครับ?” ท่านตอบ “ดวงวิญญาณนี้ขอให้เราตั้งชื่อให้ ด้วยเพราะเรามาช่วยสงเคราะห์เขาในกาลนี้”

    *หมายเหตุ หญิงผู้นี้อนุญาตให้ลงรูปบ้านได้ครับ.
    ————————————-
    ข้อความบอกเล่าเรื่องราวของผู้รับการสื่อจิตท่านนี้

    “สวัสดีค่ะ ชื่อ น้ำหนึ่ง (นามสมมุติ)
    เรื่องราวต่อจากนี้ อยากเผยแพร่เป็นธรรมทานจากการรับสื่อจิต

    น้ำหนึ่งได้ขอติดต่อ การขอสื่อทางจิต ด้วยการทักเฟสพี่วิทย์ไป แล้วนัดกันช่วงบ่ายเวลา 15.30 น พี่วิทย์ก็ทักมาทางเฟสบุ๊คก่อน แล้วค่อยสื่อทางจิตด้วยการโทรคุยกัน รวมแล้ว 2 ชั่วโมง 38 นาที ค่ะ
    เริ่มต้นด้วยการสนทนาแบบ ทักทายกันก่อน อยู่ที่ไหนทำอะไร แล้วเริ่มเข้าสู่การสื่อจิตด้วยการ เล่นเกมทายของจากองค์พรหมและบริวาร แรกๆๆ องค์พรหมทายมาไม่ถูกเลยๆ จนพี่วิทย์ถามว่า เจ้าที่ที่อยู่ตรงนั้นน่าจะแรงมาก มี ซิกเซ็นต์ไหม ตอนแรกตอบไปว่า ไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้หนูมีอาการขนลุกที่หัว พี่วิทย์ก็ ถึงบางอ้อ... ว่าเพราะตัวน้ำหนึ่งเอง มีเทพรักษาอยู่ เลยต้องให้องค์พรหมสื่อตามกระแสจิตของแสงไปว่าใครกันที่ปกป้องอยู่... เพื่อขออนุญาติสื่อจิตเปิดทางและองค์พรหมก็พบกับเทพธิดาที่คุ้มครองน้ำหนึ่ง ก็สนทนากัน พี่วิทย์ก็บอกว่า เค้าสนทนากันและเจอกันอยู่ ทักทาย และอนุญาติเปิดให้สื่อจิตได้ สักพักอาการขนลุกเราก็หายไป

    พี่วิทย์ถามน้ำหนึ่งว่า อยากให้สื่อว่าอะไร
    น้ำหนึ่งบอกว่า อยากดูเรื่องราวอดีต
    บทสนทนานี้ขอข้ามไป เพราะเป็นกรรมอันเล็กน้อยที่ไม่น่าสนใจมาก แล้วขอเข้าเรื่องถึงตอนที่พี่วิทย์ถามว่า อยากถามอะไรอีก ตอนแรกก็อยากรู้เรื่องวาสนา หน้าที่การงาน ก็คุยกันบลาๆๆ ว่าน้ำหนึ่งเกิดมาก็ทำอาชีพได้หลากหลาย บลาๆ จนมาคุยถึงเรื่อง ว่ามีอะไรอยากถามอีกไหม (ในใจคิดแต่แรกว่า ไม่อยากถามพี่วิทย์เท่าไหร่ แต่เราก็ทุกข์ใจเรื่องนี้แหละ แล้วก็พั้งปากพูดออกมา ) ว่า อยากขายบ้านของแฟน
    พี่วิทย์เริ่มด้วยการเอ๊ะใจว่า เริ่มเข้าใจว่าทำไมเทพที่ปกป้องเราถึง อนุโมทนาบุญ แล้วก็ได้สื่อว่า เจ้าที่ของบ้านหลังนี้ อดีตชาติเคยเกิดอยู่ในบ้านหลังนี้ เป็นผู้ชายเค้าหวงแหนบ้านหลังนี้มาก... ทำไมถึงอยากขาย เดือดร้อนมากไหม จะได้ให้องค์พรหมสื่อกับเจ้าที่คุณพ่ออดีตชาติที่เคยเป็นพ่อของแฟนให้เข้าใจ

    น้ำหนึ่งก็เล่าว่า บ้านหลังนี้เป็นสมบัติที่คุณพ่อของแฟนยกให้ แฟนมีพี่น้อง 3 คน พี่น้อง 3คนจะได้เงินกับบ้าน เงินและบ้านที่มาจากเงินของคุณพ่อและคุณแม่แบ่งให้ แล้วเงินก้อนสุดท้าย ของคุณพ่อ คุณพ่อได้เรียกให้น้องชายคนเล็ก มารับเงินก้อนสุดท้ายไปแบ่งกัน แล้วน้องชายคนเล็กก็ ฝากเงินผ่านทางน้องชายคนกลางเพื่อที่จะมาให้แฟนเรา แต่น้องชายคนกลางเอาเงินไป เงินที่คุณพ่อแบ่งให้ก่อนตาย เลยไม่มาถึงมือแฟนเราส่วนเรื่องเงินที่พ่อแบ่งให้ แฟนรู้ข่าวหลังจากที่คุณพ่อเสียนานแล้ว ว่ามีการให้เงินก้อนสุดท้ายโดยรู้จากปากของแม่ที่ป่วยอยู่และคิดขึ้นได้ แฟนรู้ก็ตามทวงน้องชายหลายปี น้องชายทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ แฟนก็มีหนี้ 1 ก้อน แต่พี่วิทย์ถามเราแหละว่า หนี้มาจากไหน เป็นหนี้อะไรบ้าง เราก็รู้แค่ว่าเป็นหนี้ธนาคาร แต่พี่วิทย์หรือองค์พรหมก็สื่อจิตสัมผัสได้ ว่าเป็นหนี้ธนาคารจริงๆๆ พูดมาก่อนที่เค้าจะถามเรานะว่า หนี้มาจากไหนก็เลยให้องค์พรหมช่วยสื่อ กับเจ้าที่ บอกถึงปัญหาที่เกิดว่าลูกหลานเดือนร้อนจริงๆๆ เจรจากันอยู่นานมากเหมือนกัน ระหว่างที่องค์พรหมสื่อกับเจ้าที่นั้น หนูกับพี่วิทย์ ก็คุยกันถึงตอนที่คุณพ่อมีชีวิตอยู่ ทำอาชีพเป็นหมอช่วยรักษาคน จนถึงอายุ 90 กว่าๆ ท่านก็จบชีวิตลงที่โรงพยาบาล ท่านเป็นหมออยู่ในโรงบาลประจำจังหวัดหนึ่ง (ทราบมาจากแฟนเพิ่มเติ่มว่าบ้านหลังนี้ตอนท่านมีชีวิตอยู่ท่านก็เปิดคลินิคเล็กๆในบ้านช่วยรักษาคน และชอบตกแต่งทำสวนธรรมชาติในบ้าน ท่านชอบอยู่กับสวนในพื้นที่และบริเวณของบ้านหลังนี้เสมอ )

    แต่อันนี้ไม่ได้เล่าให้พี่วิทย์ฟัง เพราะเพิ่งทราบเพิ่มเติ่มภายหลัง เลยคิดว่า ท่านคงหวงแหนมากๆ จนกระทั้ง ปัจจุบัน แฟนบอกว่า อยากขายบ้าน เราบอกว่าเดี๋ยวเราช่วยทำงานหาเงินใช้หนี้ให้ แต่แฟนเราไม่อยากให้เราลำบากไปมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้เราทำงานคนเดียว เหมือนเป็นเสาหลัก เราอายุ 29 แฟนเราอายุ 60 แล้ว ช่วงคบกันก็ทำงานประจำทั้งคู่ แล้วเราก็ย้ายออฟฟิตใหม่และทำได้ 1 ปีเศษเราออกจากงาน ส่วนแฟนเราก็เกษียณอายุ ในเวลาต่อมาเรามีอาชีพขายของออนไลน์ ขายพอได้มีเงินมาเลี้ยงชีพเรา 2 คนได้ แต่ขอเกิ่นก่อนว่า แฟนทำพินัยกรรมยกบ้านให้เรา เราก็เฉยๆ ให้ก็เอา ไม่ให้ก็ไม่เอาแต่เราก็คิดว่า เราไม่ได้อยากได้ แต่เมื่อ 2 ปีก่อนมีคนมาขอซื้อบ้านโดยให้ราคา 7 ล้าน แต่แฟนก็ไม่สนใจนะ ไม่ยอมขาย ไม่มีความยากขายเลย ทั้งๆที่เค้ามีปัญหาเรื่องหนี้ๆ แต่ก็ไม่สนใจอยากจะขาย เราก็แล้วแต่เฉยๆๆไปๆๆ จนปัจจุบันเค้าเอ่ยปากถามเรา ว่าอยากขายบ้านให้ได้แต่ก็ขายไม่ได้สักที ท้อใจที่เห็นเค้าเป็นทุกข์ เราก็ช่วยจนสุดกำลัง เราก็เริ่มหาวิธีที่ะให้ขายบ้านให้สำเร็จ ก็ไปเจอคาถาบวงสรวงตาม google ต่างๆๆ ก็ลองให้แฟนซื้อของ มาบวงสรวงดู พอซื้อของมาเสร็จ ช่วงค่ำแฟนก็เจองูที่ก็อกน้ำหน้าบ้าน แฟนก็คงคิดว่าเป็นงูเจ้าที่ ก็เลยกล่าวไปว่า พรุ่งนี้จะเซ่นไหว้เจ้าที่ ขอให้มากินของเซ่นไหว้ด้วย งูก็เลื้อยไป ตอนเช้ามาก็ทำพิธีไหว้ แฟนเล่าว่า รินเหล้า1 แก้ว เต็มแก้วเลย ให้พ่อที่ตายไปแล้ว แต่แฟนก็สังเกตุว่า เหล้ายุบนะ ท่านคงลงมากินของเซ่น

    เราก็เล่าเพิ่มเติ่มให้พี่วิทย์ฟังว่า ได้มีการเซ่นไหว้ หาพิธีกรรมมาจาก google ขอพรขอให้ขายบ้านหลังนี้เมื่อวาน
    แล้วพี่วิทย์ก็ได้สื่อผ่านองค์พรหมได้สื่อกับเจ้าที่นานมาก กว่าท่านจะยินยอม แต่เจ้าที่ก็ตัดเพ้อว่าจะอยู่ที่ไหน รู้สึกเสียใจที่จะไม่มีที่อยู่ องค์พรหมเลยช่วยติดต่อกับเทพที่จะหาที่อยู่ให้เจ้าที่พ่อของแฟนและขอตรวจกรรม ที่เคยทำมา ทั้งในชาตินี้และอดีตชาตินับถอยหลังไปอีก 1 ชาติ หลังจากรู้ว่าเคยทำกรรมดีมาเยอะมาก ชาตินี้เลยได้มีอาชีพเป็นหมอ องค์พรหมเลย ชี้ทางว่าจะได้ไปจุติบนสวรรค์ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่ที่ไหน หากลูกชายขายไปแล้ว
    แล้วพ่อของแฟนก็ได้ให้องค์พรหมช่วยตั้งชื่อ ว่า “หทัยเทพ” เพื่อที่จะไปอยู่ที่ สวรรค์ชั้น 1 ชื่อว่า จาตุมหาราชิกา แต่เจ้าที่ก็ได้ขอองค์พรหม ก่อนไปอยู่ที่ใหม่ว่า ขอให้เราสะสางเรื่องที่อยู่ในโลกมนุษย์ก่อน ขอเวลาสักพัก แล้วจะช่วยดลบรรด”
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    F21C4997-88E9-4785-A0A7-066AC7F2080A.jpeg 0E85EEA5-4A71-4D3F-B838-772A78717F7D.jpeg

    { บันทึกความทรงจำ ณ วันจันทร์ที่ 14 มกราคม 2562 }​

    วันนี้การที่ผมมากราบไหว้พระพุทธชินสีห์ที่วัดบวรนิเวศวิหารแห่งนี้ ซึ่งเป็นวัดที่กษัตริย์ไทยทุกพระองค์รวมถึงเชื้อพระวงศ์จะทรงเสด็จมาบวชเรียน เหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันเช่นนี้มานาน ซึ่งการมาในวันนี้ ผมก็เพิ่งรู้เมื่อคืนว่ามีวาระจะต้องมาพบกับองค์พรหมที่ดูแลรักษาพระพุทธชินสีห์ โดยองค์พรหมของผมท่านได้นำจิตให้ผมระลึกนึกถึงพระองค์นี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้นึกถึงท่านนานแล้ว และพรหมท่านยังให้ผมได้รู้วาระคร่าวๆ ของเหล่าพรหมทั้งหลายที่จะมาสร้างบารมีร่วมกับผม เพราะผมมีกิจหน้าที่ร่วมกับเหล่าพรหมท่าน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีพรหมหลายองค์ที่มาสร้างบารมีร่วมกับผมแล้วโดยการสื่อจิตชี้ทางชีวิตให้กับผู้คน โดยสถานที่แรก เป็นเหล่าพรหมที่มาจากสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง สถานที่ที่ 2 เป็นเหล่าพรหมที่ดูแลรักษาพระพุทธชินราช(วิกรพรหมและศิษย์บริวาร) สถานที่ที่ 3 คือที่ผมไปพบในวันนี้ เป็นเหล่าพรหมที่ดูแลรักษาพระพุทธชินสีห์(อิศราพรหมและศิษย์บริวาร) และอนาคตผมยังมีวาระหน้าที่ร่วมกับเหล่าพรหมในสถานที่อื่นๆ อีก

    พอผมก้าวเข้าไปในโบสถ์ ก็เห็นพระหนุ่มท่านเทศน์อยู่ ผมก็นั่งลงกราบพระพุทธชินสีห์ และสวดมนต์เล็กน้อย จากนั้นพรหมของผมท่านก็บอกมาในกระแสจิตว่า ให้นั่งสมาธิเพราะพรหมท่านรออยู่แล้ว ทันใดก็มีอีกกระแสจิตหนึ่งส่งมาบอกว่า “ให้ฟังเทศน์ก่อน” สักครู่พระท่านก็เทศน์จบ จากนั้นผมก็นั่งสมาธิเพื่อสื่อจิตกับองค์พรหมที่ดูแลรักษาพระพุทธชินสีห์ บทสนทนาระหว่างพรหมท่านกับผม มีดังนี้

    พรหมท่าน : สวัสดี!
    ผม : ครับ สวัสดีครับ!
    พรหมท่าน : การมาของท่านในวันนี้ เพราะมีวาระของการสร้างบารมีร่วมกันตามหน้าที่ระหว่างเรากับท่านในช่วงเวลาหนึ่ง
    ผม : ท่านเป็นพรหมที่ดูแลรักษาพระพุทธชินสีห์หรือเปล่าครับ?
    พรหมท่าน : ใช่ เราทำหน้าที่บวชพระเณรในโบสถ์ และสงเคราะห์ชี้แนะชี้ทางในด้านการปฏิบัติธรรมสวดมนต์นั่งสมาธิให้แก่พระภิกษุสงฆ์สามเณรและบุคคลทั่วไปที่มีศรัทธาที่มากราบไหว้พระพุทธชินสีห์ในโบสถ์แห่งนี้
    ผม : ท่านมีนามว่าอะไรครับ?
    พรหมท่าน : เรามีนามว่า “อิศราพรหม อยู่ชั้นที่ 16”
    ผม : ผมขอถามหน่อยครับว่า ก่อนหน้านี้ที่ผมได้มาวัดบวรทุกอาทิตย์เพื่อมานั่งสมาธินั้น เป็นเพราะท่านดลใจเหรอครับ?
    พรหมท่าน : ไม่ใช่ นั้นเป็นเพราะพระกษิติครรภ์ท่านดลใจ ท่านเห็นว่า อดีตชาติของคุณเคยบวชเรียนที่วัดแห่งนี้มาก่อน ท่านจึงดลใจให้คุณกลับมา เพื่อให้เราได้ชี้แนะการปฏิบัติสมาธิให้แก่คุณ ก่อนที่คุณจะเริ่มทำกิจหน้าที่ของตนเองในชาตินี้ (ผมเคยนั่งสมาธิในโบสถ์นี้ แล้วเหมือนมีแสงยิงมาจากองค์พระพุทธชินสีห์ลงตรงที่กลางหน้าผากผม จนหัวผมสะดุ้งและออกจากสมาธิ!)
    ผม : อดีตชาติผมเป็นใคร? จึงมาบวชเรียนที่วัดแห่งนี้
    พรหมท่าน : (พรหมท่านนิ่งไปสักครู่! จิตผมรู้สึกได้ว่า ท่านกำลังคิดอยู่ว่าจะตอบยังงัย? เพราะท่านรู้ว่าผมจะเอาไปโพสต์) อดีตท่านเคยเป็นราชวงศ์ (ซึ่งผมรู้สึกได้ว่า ผมเคยเกิดในฐานันดรใดมาก่อน! แต่พรหมของผมท่านรู้ความคิด ท่านจึงเบรคว่า “ให้หลีกเลี่ยงคำว่า กษัตริย์”

    จบการสนทนากับท่านอิศราพรหมแล้ว ผมก็รู้เลยว่า ตั้งแต่วินาทีนี้ไป พรหมท่านจะมาชี้แนะชี้ทางและดูแลช่วยเหลือผมในการสื่อจิตช่วยเหลือคนในช่วงเวลาหนึ่ง และนั้นหมายถึง การหมดวาระหน้าที่ของเหล่าพรหมองค์เก่าที่มาจากวัดใหญ่(พระพุทธชินราช)นั้นเอง จากนั้น ผมก็เดินออกจากโบสถ์ เพื่อไปกราบพระศรีศาสดา ซึ่งเป็นพระพุทธรูป 1 ใน 3 องค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกันในช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากกราบเสร็จ ผมก็นั่งสมาธิเพื่อสื่อจิต(ปกติไม่ต้องนั่งสมาธิก็สื่อได้ แต่นั่งเพื่อให้ความเคารพสถานที่) บทสนทนาระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาองค์พระกับผม มีดังนี้

    ผม : ฮัลโหลครับท่าน! ฮัลโหล! ท่านเป็นพรหมหรือเปล่าครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เราเป็นสมมติเทพ เรามีนามว่า “คฤหัสถ์เทพ อยู่ชั้นดาวดึงส์(ชั้น 2) เป็นหัวหน้าเทพ”
    ("สมมติเทพ" หมายถึง พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเทพลงมาจุติเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อประกอบคุณความดีและสะสมบารมี เมื่อเสด็จสวรรคตก็กลับขึ้นสรวงสวรรค์)
    ผม : ท่านมีวาระหน้าที่ร่วมกับผมหรือเปล่าครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : อันนี้ก็แล้วแต่ท่านอิสราพรหมจะจัดสรร(จากการสอบถามท่านอิสรา ท่านบอกว่า ท่านยังไม่ได้กำหนดว่า จะให้ศิษย์บริวารองค์ใดมาเป็นผู้ช่วยท่าน ท่านบอก ถ้าเลือกแล้ว จะบอกให้ผมรู้) และบางคำถามเทพท่านไม่ตอบ!

    โดยวาระนี้ เป็นวาระหน้าที่ของเหล่าพรหมของวัดบวรนิเวศวิหารที่ท่านทั้งหลายจะมาสร้างบารมีร่วมกับผมในช่วงเวลาหนึ่งนับจากนี้เป็นต้นไป สาธุกับท่านทั้งหลายด้วยครับ! ^_^
     
  12. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    3376E1AA-FEEE-400F-BCD8-9AE76C5C76F6.jpeg

    < ธรรมทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน เอาชีวิต >​

    มีเคสหนึ่งนานแล้ว แต่ผมได้จดบันทึกไว้สั้นๆ เพราะเป็นเคสที่น่าสนใจเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรตามเอาชีวิต โดยเธอถามว่า ช่วงนี้เกิดอุบัติเหตุเกือบตายหลายครั้งเป็นเพราะอะไร? องค์พรหมท่านจึงได้ตรวจอดีตกรรมของหญิงผู้นี้ และเล่าเรื่องราวโดยย่อให้เธอฟัง เพื่อเธอจะได้รับรู้ในเหตุต้นผลกรรมที่เคยก่อไว้ในภพอดีต เรื่องมีอยู่ว่า

    หญิงผู้นี้ได้มีเหตุให้ย้ายตามสามีมาอยู่ที่สุพรรณ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และพรหมท่านบอกว่า มีเหตุแห่งชะตากรรมที่นำพาให้เธอได้มาพบเจอเจ้ากรรมนายเวรโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นดวงวิญญาณหญิงสาว ชื่อ “พิชนารถ” โดยอดีตชาติเธอกับเจ้ากรรมเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่มีเรื่องผิดใจกันบางอย่าง จึงทำให้เธอวางแผนฆาตกรรมอำพรางเพื่อนสนิทของเธอในอดีตชาตินั้น และท่านบอกว่า เจ้ากรรมนี้ต้องการให้เธอตายตกไปตามกัน โดยหญิงผู้นี้ได้บอกว่า เธอได้ยินเสียงมาพูดที่หูซ้ายบ่อยๆ เป็นเสียงผู้ชายบ้างผู้หญิงบ้าง จุดประสงค์คือ เจ้ากรรมทำเสียงหลากหลาย เพื่ออยากหลอกหลอนให้เธอเป็นโรคประสาท และที่สำคัญตัวเธอได้ตรวจเจอโรคหลายโรคภายในไม่กี่เดือนนี้(เมื่อก่อนไม่เคยเป็น!) และเธอบอกว่า เธอเกือบรถคว่ำตายหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่มาอยู่ที่สุพรรณ แต่ด้วยเธอมีปู่ฤาษีภุชงค์ครูบาอาจารย์องค์หลักของเธอได้ช่วยชีวิตเธอไว้ และตอนนี้เธอก็ได้รับรู้เหตุต้นผลกรรมทั้งหมดของตนเองแล้ว พรหมท่านก็ได้แต่สอนเตือนว่า เวลาขี่มอไซด์ไปไหนให้มีสติระมัดระวังให้ดี แต่จะรอดได้เพียงใดก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่ตนเคยกระทำมา เพราะเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว การมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันเพื่อการชดใช้ จงตั้งรับและชดใช้กรรมวิบากทั้งหลายด้วยการมีสติ รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อนำแสงสว่างแห่งบุญแห่งธรรมเข้าสู่กายใจเรา เพื่อการประคับประคองและนำทางชีวิตของเราไปสู่จุดหมายปลายทางที่มีแต่ความเจริญเป็นสุขให้ได้นั้นแล.
     
  13. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    C14061B0-1B09-49C2-81A5-380C73824443.jpeg

    < วิทยาทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน ลูกที่จะมาเกิด >​

    เคสนี้เป็นเคสที่น่าสนใจอีกเคสหนึ่ง ผมขอหยิบยก 2 เรื่องมาเล่าสู่กันฟัง มีดังนี้ครับ

    -เรื่องที่ 1 ชายผู้นี้ถามเกี่ยวกับความฝันของแฟนว่า "แฟนเขาฝันเห็นกระสือมาวนเวียนอยู่รอบๆบ้านบ่อยๆ และได้ไปถามคนทรงก็ทักว่า กระสือตนนั้นอยากจะมาเกิดเป็นลูกของผม เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?" พรหมท่านตรวจดูและให้คำตอบว่า "ดวงวิญญาณของกระสือตนนั้นมีจริงและมาจริง แต่กระสือไม่ได้จะมาเกิดเป็นลูกของหญิงผู้นี้ได้ง่ายๆ แต่ที่นิมิตฝันเห็นนั้นเป็นเหตุจากคลื่นกระแสจิตของหญิงผู้นี้จูนตรงกับคลื่นกระแสจิตของกระสือก็เท่านั้น ไม่เป็นอันตรายใดๆ และไม่ใช่ลูกที่จะมาเกิดในอนาคต.

    -เรื่องที่ 2 ชายผู้นี้ถามเรื่องหนี้ผ่อนรถว่าเมื่อไรจะผ่อนหมด เพราะเขากับภรรยาอยากมีลูกแล้ว แต่ยังมีภาระผ่อนรถอยู่! พรหมท่านตรวจดูและบอกว่า เรื่องผ่อนรถไม่ตอบ และผมแนะนำเขาว่า เรื่องนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลย คุณก็คำนวณได้คร่าวๆ จากเงินเดือนที่เหลือเก็บของคุณ ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวคุณก็ผ่อนหมด รอให้ผ่อนรถหมดก่อนคุณค่อยมีลูกก็ได้ ไม่ต้องรีบ!

    แต่พรหมท่านได้เมตตาสงเคราะห์ตรวจดูเรื่องเด็กที่จะมาเกิดให้ ท่านบอกว่า เด็กที่จะมาเกิดมีสภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง มีลักษณะขี้โรคสักหน่อย! ด้วยเหตุมาจากสุขภาพของแม่เด็ก ท่านจึงแนะนำว่า ก่อนที่จะมีลูก ให้พาเมียไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและเตรียมสุขภาพก่อนมีบุตร ส่วนเรื่องดวงวิญญาณที่จะมาเกิดเป็นลูกของชายผู้นี้ เป็นผู้ที่เคยมีความเกี่ยวข้องกับชายคนนี้มาก่อนในชาติสมัยหนึ่ง ส่วนเรื่องวาสนาของเด็กคนนี้ เด็กมีวาสนาพอใช้ได้แต่จะอาภัพเรื่องคู่ เพราะมันเป็นกรรมของเด็กคนนี้ ตอนท้ายชายผู้นี้บอกว่า จะอุทิศบุญแผ่เมตตาถวายแด่องค์พรหมเวลาเขาสวดมนต์ พรหมท่านจึงอวยพรให้แก่ลูกของเขาที่จะมาเกิดในอนาคตว่า “ขอให้เด็กที่มาเกิดจงมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงทุกประการ” สาธุครับ!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    80C53B4A-E0FA-4F5B-ACA9-1D5550B089A3.jpeg C28A817B-81E7-4681-8046-C66E823980A8.jpeg { บันทึกความทรงจำ ณ วันพุธที่ 16 มกราคม 2562 •วันครู• }​

    ช่วงนี้ผมมีการเปลี่ยนวาระกับองค์พรหมบ่อย และวันนี้ก็เป็นอีกวาระหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้เมื่อคืนอีกเช่นเดียวกัน คือ ประมาณว่า จะรู้ก่อนไปเพียงแค่คืนเดียว แต่ครั้งนี้ ผมรู้สึกอย่างชัดเจนว่า มีวาระอย่างแน่นอนแบบไม่สงสัยเลย เพราะวันที่ 16 มกราคมเป็นวันครู ซึ่งทุกปีผมก็แค่ถวายพวงมะลิหน้าหิ้งพระเท่านั้น ไม่ได้ไปไหน และเดิมทีผมกะจะทำความสะอาดหิ้งพระ แต่วันครูในปีนี้ จิตผมรู้ชัดจากการนำจิตโดยท่านอิศราพรหม ว่าพรุ่งนี้วันครู เป็นวันที่ผมจะต้องไปกราบพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้ว เพราะพระแก้วมรกตเป็นอธิษฐานบารมีของพระสมณโคตมพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และวัดพระแก้วเป็นวัดของพระพุทธเจ้า ดั่งคำที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยพูดไว้ ซึ่งการไปไหว้ครูในครั้งนี้ของผม คือ เจาะจงไปไหว้พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เพราะพรหมท่านเคยบอกว่า ครูบาอาจารย์องค์หลักของผม คือ พระสมณโคตมพุทธเจ้า มิใช่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อย่างที่ผมเข้าใจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่วนเวียนมาดูแลสร้างบารมีกับผมเหล่านั้น เป็นเพียงครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลชั่วคราวเท่านั้น.

    และก่อนที่ท่านอิศราพรหมจะหมดวาระกับผม ท่านได้เมตตาไขความกระจ่างให้แก่ผม ในเรื่องดวงญาณของเหล่าพรหมที่แบ่งให้ไว้ในดวงจิตผมตอนครั้งที่แต่ละองค์พรหมท่านมาสร้างบารมีร่วมกับผม ท่านอิศราบอกว่า พรหมท่านมาสร้างบารมีกับผม ท่านไม่ได้มาสร้างบารมีแป๊ปเดียวแล้วก็ไปอย่างที่ผมเข้าใจ! แต่ประเด็นสำคัญ! อยู่ที่การให้ไว้ซึ่งดวงญาณแห่งพรหม ซึ่งดวงญาณแต่ละดวงสามารถซ้อนทับกันได้ และเป็นกำลังส่งเสริมกัน เพื่อกิจหน้าที่ในการชี้ทางช่วยเหลือคนของผม และสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นบารมีของผม ซึ่งปกติความเป็นมนุษย์เพียงอย่างเดียวที่อยู่ในภพภูมิหยาบ จะทำให้เกิดความเป็นทิพย์ในสภาวะจิตตนนั้นได้ยาก! ดังนั้น ผู้มาสร้างบารมีจึงจำเป็นจะต้องฝึกจิตให้บริสุทธิ์ลดละกิเลสให้มากให้เข้าถึงอริยจิตขั้นสูง จึงจะสามารถรองรับพลังงานบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้ เพื่อนำพลังบารมีเหล่านั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นได้นั้นเอง พลังงานบริสุทธิ์มีหลายระดับ แต่ภพภูมิที่มีความบริสุทธิ์ละเอียดและมีพละกำลังมาก และประกอบด้วยพรหมวิหารสี่ในดวงจิต นั้นคือ บารมีบริสุทธิ์แห่งพรหม เช่นนั้นแล้ว การสร้างบารมีไม่ว่าพระหรือฆราวาสก็ล้วนเป็นเฉกเช่นเดียวกันนั้นแล สาธุครับ!

    โดยปกติถ้าผมไปวัดพระแก้วก็จะไปวัดพระเชตุพน(วัดโพธิ์)ด้วย เพราะวัดอยู่ติดกัน และผมเคยมีเหตุการณ์ร่วมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาองค์พระนอนของวัดแห่งนี้มาก่อน เรื่องย่อมีอยู่ว่า ช่วงเริ่มสื่อจิตช่วยเหลือคนใหม่ๆ ครั้งนั้นผมไปไหว้พระแก้วมรกตและกำลังจะเดินไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน แต่ในระหว่างทาง มีกระแสจิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเชิญผมไปเยี่ยมวัดท่าน ท่านบอกว่า วัดท่านอยู่ใกล้ๆนี่เอง ผมมองไปก็เห็นวัดหนึ่งซึ่งอยู่ติดๆ กัน คือ วัดพระเชตุพน(วัดโพธิ์) พอเดินเข้าไปในวัด ท่านบอกว่า ท่านอยู่ในโบสถ์แห่งนี้ และท่านแนะนำตัวว่า ท่านเป็นพระสยามเทวาธิราช(ไม่รู้เป็นเทพหรือพรหม)ที่ดูแลองค์พระนอนองค์ใหญ่นี้ และท่านก็มาสร้างบารมีร่วมกับผมในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จำได้ ท่านเคยบอกว่า ท่านเป็นองค์เดียวที่ดูแลองค์พระนอนใหญ่นี้ ซึ่งผมเชื่อว่า พระสยามเทวาธิราชองค์นั้น ก็คือ ท่านวิษณุพรหม และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเคยมาวัดนี้.

    •วัดแรก คือ วัดพระแก้ว(พระแก้วมรกต)•
    พอผมกราบพระแก้วมรกตและสวดมนต์แล้ว ผมก็นั่งสมาธิ สักครู่ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาสื่อ และเราก็คุยกันสั้นๆ ดังนี้

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ท่าน “..(ชื่อของผม ผมขอสงวนชื่อ)..” (และผมไม่แน่ใจว่า ผมเป็นบุคคลคนนั้นจริงๆเหรอ?)
    ผม : ท่านคือ พระสมณโคตมพุทธเจ้าหรือเปล่าครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : แล้วท่านอธิษฐานจิตถึงใคร เราขออวยพรให้ท่านทำกิจหน้าที่ได้สำเร็จลุล่วง! ส่วนเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน พวกเขาจะมาช่วยเหลือสร้างบารมีร่วมกับท่านเมื่อถึงวาระนั้น!
    (..ภายหลังผมมาพิจารณาแล้ว จิตผมรู้สึกได้ว่า ไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์จริง แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระสยามเทวาธิราชที่ดูแลองค์พระแก้วมรกตองค์นี้ การมาของท่านในวาระนี้ มาเพื่อสนองในเจตนาดีของผมและท่านปรารถนาจะมาอำนวยอวยพรให้..)
    (..แต่จริงๆ เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว ตอนผมเริ่มนั่งสมาธิใหม่ๆ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เคยพาผมไปเข้าเฝ้าพระสมณโคตมพุทธเจ้าในนิมิตฝันแล้วครั้งหนึ่ง..)
    ผม : สาธุในคำอวยพรครับ!

    •วัดที่ 2 คือ วัดพระเชตุพนหรือวัดโพธิ์(พระพุทธไสยาสน์หรือพระนอน)•
    หลังจากทำบุญกราบพระนอนแล้ว ผมก็ออกจากโบสถ์หาที่นั่งม้าไม้หน้าโบสถ์ เพื่อนั่งหลับตารอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลพระนอนมาสื่อจิต นั่งแป๊ปเดียวท่านก็มาสื่อ ระหว่างที่สื่อจิตก็มีชาวต่างชาติมากมายพลุกพล่านเข้าออกโบสถ์เหมือนเช่นเคย โดยบทสนทนาระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาองค์พระกับผม มีดังนี้

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : สวัสดีครับ! ท่านวิษณุกรรม(ID เว็บพลังจิต)
    ผม : ครับ สวัสดีครับ!
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เราเป็นมหาพรหมผู้ดูแลรักษาองค์พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่นี้ การมาของท่านในวาระนี้ ท่านน่าจะรู้แล้วในระหว่างที่ท่านเดินมาที่วัดโพธิ์แห่งนี้(ใช่ ผมพอรู้แล้วว่า น่าจะมีวาระกับพรหมที่ดูแลพระนอนของวัดโพธิ์แห่งนี้) จากนี้ไป เราจะเป็นผู้ดูแลท่านจนกว่าจะหมดวาระ!
    ผม : ท่านมีอะไรอีกไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เชิญท่านตามสบาย!
    (..หลังการสนทนา ผมก็รีบจดบันทึกการสนทนาระหว่างท่านกับผมไว้ เดี๋ยวลืม! พอจดเสร็จ นึกได้ว่า ลืมถามนามของพรหมท่าน ผมจึงขอสื่อถามท่านต่อ เพราะตอนนี้ท่านมาดูแลผมแล้วตามวาระหน้าที่..)

    ผม : ผมลืมถามท่านว่า ท่านมีนามว่าอะไรครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เรานึกว่าท่านจะไม่ถามชื่อเราเสียแล้ว เรามีนามว่า “วิษณุพรหม”
    ผม : ท่านอยู่ชั้นอะไรครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เราก็อยู่ชั้น 16 นั้นเล่ะท่าน (ผมรู้สึกว่า ท่านพูดจาเป็นกันเองดี) พรหมท่านตอบ เราเป็นคนสบายๆ
    ผม : เราเคยเป็นอะไรกันมาก่อนครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เรื่องนั้น ท่านไม่ต้องรู้หรอกท่าน(ท่านพูดหยอกล้อ!)
    ผม : แล้วเรื่องโพสต์รับสื่อจิตเบิกเนตรที่ท่านอิศราพรหมหมดวาระหน้าที่กับผมไปแล้ววันนี้ ท่านให้ผมปิดรับชั่วคราวไว้ก่อน!
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เราก็ยังไม่อยากให้เปิดรับในตอนนี้
    ผม : ผมขอถามตรงๆ เลยว่า เป็นเพราะช่วงนี้ผมมีการเปลี่ยนวาระกับองค์พรหมบ่อยๆใช่ไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ใช่ท่าน! (ผมก็ทราบดีว่า จะต้องร่วมสร้างบารมีกับเหล่าพรหมทั้งหลาย แต่ผมไม่รู้ว่าเมื่อใดจะเปลี่ยนวาระเท่านั้นเอง แต่ช่วงนี้เปลี่ยนบ่อยมาก! ซึ่งปกติผมไม่ค่อยเดินทางไปไหนและก็ไม่ค่อยชอบเดินทางไกล!)

    ••• บันทึกความทรงจำของวันนี้ ผมอาจเขียนวกวนไปหน่อย แต่จุดประสงค์เพื่ออยากเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวให้ครบถ้วนชัดเจนก็เท่านั้นเองครับ! ขอให้คนอ่านพยายามเข้าใจหน่อยนะครับ ^_^
     
  15. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    5ECB6186-4199-4F3F-A885-C21D26E9F492.jpeg F4413D1D-B89C-436E-B816-54AC3C65C043.jpeg

    < วิทยาทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน โรคสะเก็ดเงิน >​

    เคสนี้ต้องนำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นทั้งวิทยาทานและธรรมทาน เรื่องมีอยู่ว่า หญิงผู้นี้กับน้องชายเธอ เป็นโรคเดียวกัน คือ “โรคสะเก็ดเงิน” เธอถามเหตุแห่งกรรมนี้ และองค์พรหมท่านสงเคราะห์ตรวจดูให้ ท่านว่า โรคสะเก็ดเงินของเธอ มีเหตุแห่งกรรมจากภพอดีตของเธอเคยกระทำการฆ่าสัตว์ใหญ่จึงทำให้เกิดเป็นโรคนี้ พรหมท่านสงเคราะห์บอกวิธีเยียวยาโรคนี้ คือ ให้ดื่มกินว่านสมุนไพรใบย่านางเช้าเย็น จะช่วยทุเลาอาการของโรคนี้ได้ ส่วนตัวผมแนะนำให้เธอทานประมาณ 1 เดือน เห็นไม่เห็นผลอย่างไร? ให้เธอช่วยแจ้งกลับผมมาด้วย แต่ผมเห็นว่า เคสนี้เป็นประโยชน์แก่คนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินเหมือนกัน(โรคนี้ยังรักษาไม่หายขาด! มีแต่ประคองอาการ!) ผมจึงนำมาลงเพื่อเป็นวิทยาทานครับ !

    ข้อมูลโรคสะเก็ดเงิน :
    https://www.honestdocs.co/psoriasis-no-definite-cause

    ข้อมูลว่านสมุนไพรใบย่านาง :
    https://medthai.com/ใบย่านาง/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2019
  16. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    917D4AEE-C6D8-4C6D-93E1-966076570EEB.jpeg 9BA94E46-4AB2-4F5E-8F32-2F03ADB18973.jpeg

    { บันทึกความทรงจำ ณ วันอังคารที่ 22 มกราคม 2562 }​

    ในคืนก่อนที่จะเปลี่ยนวาระองค์พรหม ท่านวิษณุพรหมมาบอกชัดเจนว่า “เราหมดวาระกับท่านแล้ว พรุ่งนี้ขอให้ท่านไปพบกับหลวงพ่อทองคำ” โดยวันถัดมา ผมก็นั่งรถไฟฟ้าและเดินเท้าไปยังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร(วัดสามจีน)ที่อยู่แถวเยาวราช ซึ่งมีหลวงพ่อทองคำ(พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร)ประดิษฐานอยู่ ผมได้ไปกราบสักการะองค์หลวงพ่อทองคำ และได้สื่อจิตกับองค์พรหมที่ดูแลรักษาองค์พระนี้ โดยมีบทสนทนาดังนี้ครับ..

    องค์พรหม : ท่านวิทย์ สวัสดี!
    ผม : ใครครับ? ท่านมีนามว่าอะไรครับ?
    องค์พรหม : เรามีนามว่า “พิชิตฆ์พรหม” พรหมชั้นที่ 15
    ผม : ชื่อท่านสะกดว่า “พิชิต” อย่างนี้ใช่ไหมครับ?
    องค์พรหม : เรื่องการสะกดชื่อของเรานั้น (ท่านเงียบ.. ผมรู้สึกว่า ท่านต้องการให้ผมลองสะกดชื่อของท่านเอง)
    ผม : ชื่อท่านตัวแรกเป็น “ภ สำเภา” หรือเปล่า? คือ “ภิ”
    องค์พรหม : ไม่ใช่ ก็ “พ พอพาน” นั้นเล่ะท่าน คือ “พิ”
    ผม : ส่วน “ช ช้าง” คือ “ชิ” ใช่ไหมครับ?
    องค์พรหม : ใช่
    ผม : และก็ “ชิ+ตต์” ต่อเต่า 2 ตัวและการันต์ ใช่ไหมครับ?
    องค์พรหม : ไม่ใช่
    ผม : งั้นก็ “ชิ+ภ์” ภ สำเภาและการันต์ ใช่ไหมครับ?
    องค์พรหม : ไม่ใช่
    ผม : งั้น “ชิ+ฆ์” ฆ ระฆังและการันต์ ใช่ไหมครับ?
    องค์พรหม : ถูกต้องแล้ว
    (สรุปชื่อท่านเขียนว่า “พิชิตฆ์พรหม”)
    ผม : ผมอยากทราบว่า ท่านมีหน้าที่ไปตลอดในการดูแลรักษาองค์หลวงพ่อทองคำ(พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร) หรือเปล่าครับ? หรือว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์วนเวียนผลัดเปลี่ยนมาดูแลองค์พระ
    องค์พรหม : ใช่ พระพุทธรูปทุกองค์ก็เป็นเช่นนี้ จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาผลัดเปลี่ยนกันดูแลองค์พระ
    ผม : แล้วใครเป็นผู้กำหนดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะมาดูแลองค์พระว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านใดจะมาดูแลหรือเมื่อใดหมดวาระ? ใช่ สวรรค์เบื้องบนกำหนดหรือเปล่าครับ?
    องค์พรหม : ใช่
    ผม : คือ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ท่านมารับช่วงดูแลผมเลยใช่ไหมครับ? เพราะวันนี้ผมมีคิวสื่อจิตชี้ทางชีวิตตอน 15:30 ผมต้องรีบกลับ! และเคสนี้ท่านจะช่วยตรวจดูให้ใช่ไหมครับ? แล้วท่านเตรียมลูกมือที่เป็นศิษย์บริวารมาช่วยระหว่างการสื่อจิตแล้วใช่ไหมครับ?

    (..โดยปกติเวลาสื่อจิตชี้ทางชีวิต จะมีองค์พรหมท่านช่วยตรวจกรรม,ตรวจวาสนาบารมีในส่วนที่เป็นอดีตชาติเป็นหลัก ซึ่งท่านตรวจสดๆ จึงใช้เวลาประมาณหลาย 10 นาที เพราะส่วนใหญ่ท่านตรวจหลายชาติย้อนกลับไป เพราะการตรวจกรรมหรือตรวจวาสนาบารมีที่ส่งผลกลายเป็นชะตากรรมที่เราเสวยอยู่ในทั้งชาติภพนี้ ในแต่ละเรื่องนั้นเกิดจากหลายภพอดีตให้ผลรวมกัน พรหมท่านจึงตรวจละเอียดตรวจกรรมดีและกรรมไม่ดีในภพอดีตหลายชาติที่ให้ผลทั้งชาติภพนี้ของเรา กลายเป็นตัวตนเราในปัจจุบัน กล่าวคือ ตรวจกรรมในส่วนที่เป็นบาปอกุศลกรรมและตรวจวาสนาบารมีในส่วนที่เป็นบุญกุศล.

    ส่วนระหว่างที่รอท่านตรวจอดีตหลายภพชาติที่ใช้เวลาหลาย 10 นาที แล้วแต่เรื่องราวกรรมของคนผู้นั้น พรหมท่านก็จะมีลูกมือหรือผู้ช่วยที่เป็นเทพซึ่งเป็นศิษย์บริวารของท่านมาช่วยตรวจดูเรื่องราวในอดีตของชาติภพปัจจุบันตั้งแต่คนผู้นั้นเกิดมามีเรื่องราวอะไรบ้าง รวมถึงเรื่องราวและความเป็นปัจจุบันที่เกิดขึ้นกับตัวเขา เช่น ตรวจสิ่งของรอบตัวเขา(สร้างความเชื่อมั่นในการสื่อจิตว่า “เทพท่านเห็นจริง”),สภาพสภาวะจิตใจของเขา,ตรวจสแกนโรคและอวัยวะต่างๆ เพราะหลายครั้งเจ้าตัวไม่รู้ว่าเป็น และบางครั้งเซลล์ผิดปกติเริ่มก่อตัวเป็นมะเร็ง เทพท่านก็จะบอกเตือนให้ไปหาหมอหรือดูแลตนเอง ถ้าการแพทย์ยังไม่สามารถตรวจเจอในตอนนั้นได้ เพราะท่านใช้ญาณตรวจดูเห็นถึงอะตอมและเซลล์ที่ผิดปกติของอวัยวะต่างๆ เป็นต้น สรุปคือ จะมีองค์พรหมและเทพศิษย์บริวารรวม 2 ท่านที่จะมาช่วยผมในการตรวจชี้ทางชีวิตให้แก่ผู้คนในแต่ละครั้งของการสื่อจิต และในแต่ละคนทำไมต้องใช้เวลาสื่อจิตนานถึงประมาณ 1 ชมหรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่คำถามและเรื่องราวกรรมของคนผู้นั้นในอดีตในหลายภพชาติ เพราะพรหมท่านตรวจละเอียดตรวจดูกรรมดีกรรมไม่ดีที่เป็นกรรมใหญ่ที่มีอิทธิพลและส่งผลโดยรวมตลอดทั้งชาติภพนี้ของคนผู้นั้น ดังนั้น แต่ละคนให้พรหมท่านตรวจดูชี้ทางชีวิตเพียงครั้งเดียวก็พอสำหรับในเรื่องของการตรวจกรรมและตรวจวาสนาบารมี แต่บางคำถามที่ถามเฉพาะเจาะจงท่านอาจตอบให้ ก็แล้วแต่วิจารณญาณของท่านเห็นสมควร..)

    องค์พรหม : เรามีวิธีการของเราในการชี้ทางชีวิตในช่วงที่เราดูแลรับผิดชอบอยู่!

    จบบทสนทนาของวาระนี้.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2019
  17. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    8F27EC80-3F26-4FED-8392-6A4B8CDAD1DA.jpeg

    < ธรรมทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน แฝงร่าง >​

    เคสนี้เป็นอีกเคสหนึ่งของเรื่องเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังตามทวงหนี้กรรมกับหญิงผู้รับการสื่อจิตคนนี้ เพราะเธอสงสัยมานานแต่ไม่แน่ใจว่า ตัวเธอมีอะไรอยู่กันแน่? มีวิญญาณแฝงหรือโดนคุณไสย? แต่องค์พรหมท่านตรวจดูและให้คำตอบว่า มีดวงวิญญาณหญิงสาว 1 ดวงแฝงร่างเธออยู่ ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอ แต่ท่านไม่เห็นคุณไสยใดๆ ส่วนอาการมึนศีรษะที่เป็นบ่อยๆ ของเธอนั้น ท่านให้คำตอบว่า “สมองปกติ” แสดงว่า เป็นผลข้างเคียงจากการโดนเจ้ากรรมแฝง และเธอก็เคยไปสแกนสมอง(mri)แล้ว ผลก็ปกติดีทุกอย่าง และเธอก็ถามในเรื่องอดีตชาติว่า เธอเคยทำกรรมอะไรถึงต้องเจอกับเรื่องผีตลอด 3 ปีมานี้ องค์พรหมท่านตรวจดูและเล่าเรื่องราวกรรมโดยย่อของเธอดังนี้ว่า “ในอดีตชาติเธอเคยเป็นสนมนางในของกษัตริย์ แต่เธอเกิดความอิจฉาริษยากับนางสนมด้วยกัน จึงทำการสั่งฆ่านางสนมคนนั้น! ซึ่งผู้ตายก็คือเจ้ากรรมนายเวรที่มาแฝงร่างเธอในตอนนี้ ดวงวิญญาณหญิงสาวนี้มีความเคียดแค้นมาก ได้แต่นับคืนนับวันรอคอยที่จะแก้แค้นกับหญิงคนนี้!

    ผ่านไปหลายร้อยปี ด้วยเหตุแห่งโชคชะตากรรมจึงนำพาให้ดวงวิญญาณนี้ก็ได้มาพบเจอกับหญิงผู้นี้ และได้มาให้ชดใช้หนี้กรรมต่อกัน ดวงวิญญาณจึงสามารถเข้ามาแฝงร่างของตัวเธอได้ ผลจากการแฝงร่าง ก็คือ ทำให้เธอสัมผัสวิญญาณต่างๆ ได้ และทำให้เธอมีปัญหาสุขภาพอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเธอเล่าเรื่องราวที่พบเจอในชีวิตตลอด 3 ปีที่ผ่านมาโดยย่อให้ฟังว่า อาการที่เป็นในปีแรก คือ มีอาการมึนหัวหนักตลอดเวลา เวลาไปวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะเกิดอาการมากกว่าปกติ เวลาโดนน้ำมนต์หรือจับเครื่องรางของขลังก็จะมีอาการมึนผะอืดผะอม! มีอาการป่วย! อ่อนเพลีย! ไม่มีแรง! นอนไม่เคยพอ! จนทำงานไม่ค่อยได้! สรุปคือเรื่องการงานการเงินและสุขภาพดิ่งลงเหวหมดทุกอย่าง! ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว เธอตกบันไดจนเอวเคล็ดเส้นเอ็นและกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังจนทำให้มีปัญหาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท! เนื่องจากวันที่ตกบันไดเป็นวันที่เธอตั้งใจจะปฏิบัติธรรมเพื่อสู้กับโรคภัยและอาการต่างๆอย่างจริงจัง! เธอเลยโดนเจ้ากรรมนายเวรจัดหนัก! เพื่อทำให้เธอไม่สามารถนั่งปฏิบัติธรรมสวดมนต์และนั่งสมาธิได้ เพราะถ้านั่งนานจะปวดมาก! ปกติเธอก็จะปวดตลอดเวลาอยู่แล้ว! แต่ถ้านอนลงจะไม่ค่อยปวด ถือว่าทรมานอย่างมาก!

    และเธอได้สอบถามว่า เธอได้ไปพบเจอเจ้ากรรมนี้ที่ไหนเมื่อใด? พรหมท่านสงเคราะห์ตรวจดูและบอกว่า เธอได้ไปเจอดวงวิญญาณหญิงสาวเจ้ากรรมนี้ที่แหล่งชุมชนแห่งหนึ่งในสถานที่หนึ่ง เมื่อประมาณเกือบ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะสื่อจิตเธอจำไม่ได้ว่า 3 ปีที่แล้วไปไหนมาบ้าง? ผมจึงบอกให้เธอนำกลับไปคิดให้ดีๆ แล้วค่อยมาบอกเล่าอีกที ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง! เธอก็ระลึกนึกได้ และคิดว่า น่าจะเป็นเหตุการณ์นั้น เพราะผมตั้งข้อสังเกตุให้เธอว่า ต้องเป็นสถานที่ที่เราไม่เคยไปหรืออยู่ต่างจังหวัด เพราะเรามีอาการมาแค่ 3 ปี ถ้าเป็นแถวบ้านเกิดหรือในจังหวัดเดียวกัน ป่านี้เจอเจ้ากรรมไปแล้ว เพราะดวงวิญญาณนี้อยู่มาเป็นร้อยปีแล้ว ซึ่งเธอก็เล่าบอกว่า ในช่วงระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่แล้ว(2 ปี 7 เดือน) เป็นช่วงเวลาที่เธอมีปัญหาด้านสุขภาพและก็สามารถสัมผัสวิญญาณต่างๆได้ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่พรหมท่านบอก และช่วงนั้นเธอก็ได้ไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัด คือ จังหวัดจันทบุรี และเธอก็ได้ไปเข้าพักที่โฮมสเตย์แห่งหนึ่ง และพอกลับมาบ้าน อาการทุกอย่างมันก็ค่อยๆประทุขึ้นมาตลอดเกือบ 3 ปีนี้.

    •ข้อคิดคติเตือนใจ•
    ในแนวทางการสื่อจิต ตรวจกรรม ตรวจวาสนาบารมี ชี้ทางชีวิตของเหล่าองค์พรหมท่าน มิได้หมายความว่า ทุกเคสทุกเรื่องราวของแต่ละคน พรหมท่านจะช่วยเหลือหรือบรรเทากรรมให้ได้เสมอไป! ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของบุญกรรมที่เคยกระทำสั่งสมไว้แต่อดีต มีปัจจุบันกรรมในชาติภพนี้เป็นตัวเร่งผล! แต่จะเร่งผลบุญกุศลหรือเร่งผลแห่งบาปอกุศลกรรมนั้นก็อยู่ที่ความคิด,คำพูดและการกระทำของตัวท่านเองในปัจจุบัน ดังนั้น นัยยะหรือจุดประสงค์ในการชี้ทางชีวิตขององค์พรหมท่าน นั้นหมายถึง การชี้ทางชีวิตให้แก่คนผู้นั้นได้รับรู้ในเหตุต้นผลกรรมของตนเอง เมื่อรับรู้แล้ว ก็ให้มีจิตสำนึกในบาปกรรมที่ตนเองได้เคยกระทำลงไปในภพอดีต! ถึงแม้จะระลึกถึงความผิดบาปนั้นไม่ได้ก็ตาม! แต่อย่างน้อยเราได้รับรู้และพยายามที่จะไถ่โทษชดใช้ให้แก่กรรมนั้นๆ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรผู้นั้น เพื่อการอโหสิกรรมตัดขาดเวรกรรมต่อกันให้หมดสิ้น! เพื่อเปิดหนทางแห่งความเจริญในเส้นทางใหม่ของชีวิตเรา บนหนทางที่พุทธองค์ทรงตรัสสอนแล้วว่า เป็นหนทางแห่งผู้เจริญโดยแท้ คือ
    1.หนทางที่เดินอยู่บนความตั้งมั่นในบุญทาน คือ การรู้จักเสียสละให้ทานแก่ผู้อื่น!
    2.หนทางแห่งการรักษาศีล คือ รักษาความดีโดยงดเว้นหรือลดละซึ่งการกระทำอันเบียดเบียนต่อผู้อื่น ที่เป็นบาปชั่วแห่งกรรมไม่ดี! ให้การกระทำไม่ดีลบล้างออกจากใจเรา.
    3.ภาวนาหรือการสวดมนต์เจริญสมาธิจิต เป็นหนทางของความสงบนิ่งแห่งใจหรือจิตเรา เมื่อความสงบนิ่งบังเกิด สติก็จะบังเกิดตามมา เพราะทั้งสติและสมาธิต่างก็มีกำลังเกื้อหนุนกัน และเมื่อจิตที่มีสติสมาธิเกื้อหนุนกันอยู่เป็นนิจจนตั้งมั่นแล้ว จิตย่อมมีกำลังคิดพิจารณาเดินไปที่เรียกว่า “วิปัสสนา” คือ ความสงบนิ่งถ่องแท้หรือความรู้แจ้งแห่งกระบวนความคิดที่เป็นระบบระเบียบมีเหตุผลตามความเป็นจริง ซึ่งผลแห่งความรู้แจ้งถ่องแท้นี้ เราจึงเรียกว่า “ปัญญา” เป็นปัญญาอันรู้แจ้ง! รู้แจ้งในความรู้ของธรรมชาติอันเป็นสัจธรรมความจริงที่ไม่เป็นอื่น! มิใช่รู้โดยการอ่านหรือการบอกเล่า! แต่เกิดจากรู้ที่ใจหรือจิตตน เป็นความรู้ที่ไม่หวั่นไหว! แม้ผู้ใดหรือเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดมากล่าวบอกว่า “มันไม่ใช่” เราก็จะไม่หวั่นไหวในความรู้นั้นนั้นเอง.

    สุดท้ายนี้ จิตสำนึกในผิดชอบชั่วดีของแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญ! เป็นเครื่องชี้วัดหนทางเดินของชีวิตตนนั้นเอง ขอให้ทุกคนจงตระหนักให้มากครับ เพื่อเราจะได้ไม่เดินผิดทางอยู่บ่อยๆ จนนำพาชีวิตของตนไปสู่หนทางแห่งหายนะโดยไม่รู้ตัว.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    0CBAB897-5594-45AA-9D7A-5C0A0CEA0AEA.jpeg 948D6DA5-D1EF-4F41-9EA5-C0C2CD390D71.jpeg

    { บันทึกความทรงจำ ณ วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2562 }​

    คืนนี้หลังจากสื่อจิตชี้ทางชีวิต ก่อนที่จะอาบน้ำ จู่ๆ จิตผมก็ปิ๊งแว๊บนึกถึงพระประธานในโบสถ์ของวัดหัวลำโพง ซึ่งอาการปิ๊งแว๊บนี้ผมรู้สึกได้ทันทีว่าเป็นอาการของการดลจิตดลใจขององค์พรหม ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็มีประสบการณ์ลักษณะเดียวกันมาก่อน และกำลังฤทธิ์ที่ใช้ในการดลใจขององค์พรหมจะเป็นกำลังที่คมชัด ซึ่งจิตผมก็รู้ชัดเลยว่า ถึงวาระเปลี่ยนองค์พรหมในการสื่อจิตชี้ทางชีวิตอีกแล้ว ต่อมาผมก็รู้สึกอยากดูเวลาในมือถือขึ้นมาทันที! ซึ่งเป็นการดลใจของพรหมท่านอีกนั้นเล่ะ และ ณ เวลานั้นมันเป็นเวลา 00:01 เป็นนาทีแรกของวันใหม่ ก็หมายถึง การมีวาระกับพรหมองค์ใหม่ในวันใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันย้ำชัดว่า พรุ่งนี้ผมต้องไปวัดหัวลำโพงไปกราบพระประธานในโบสถ์ แต่ผมก็ยังอยากสอบถามท่านพิชิตฆ์พรหมอีกที พรหมท่านบอกว่า “เราแสดงให้ชัดเจนแล้วนะ” ผมก็อนุโมทนาบุญกับพรหมท่านรวมถึงเทพบริวารที่มาร่วมกันสร้างบารมีในวาระนี้ ท่านก็อนุโมทนากับหน้าที่ที่ผมมีในชาติภพนี้ด้วยเช่นกัน จากนั้น ผมก็ค้นหาชื่อพระประธานในโบสถ์ของวัดหัวลำโพงว่ามีชื่อว่าอะไร? สรุปว่า พระประธานมีชื่อว่า “พระพุทธมงคล” ซึ่งผมขอเล่าถึงบทสนทนาเลยละกันครับตามข้างล่างนี้

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : งัยท่าน! เจอกันอีกแล้วนะท่าน!
    ผม : เราเคยเจอกันตอนไหนครับ? อดีตชาติหรือชาตินี้ครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เราไม่ได้หมายถึงอดีตชาติ แต่เราหมายถึงในชาตินี้ ตอนที่ท่านมากราบพระองค์นี้
    ผม : ครับ
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เดินทางมาลำบากไหม?
    ผม : ไม่ครับ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาก็ถึงเลย(วัดอยู่ติดกับสถานีสามย่าน) ท่านมีนามว่าอะไรครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : นามเราคือ “วีระยุทธ”
    ผม : “วีระยุทธพรหม” ชื่อท่านมีสระอะ(ะ) ไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ชื่อเรามีสระอะ(ะ)
    ผม : ท่านอยู่ชั้นใดครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ชั้นที่ 15
    ผม : ผมมีคำถามอยากสอบถามครับว่า ดวงญาณมันซ้อนทับกันได้จริงหรือไม่ครับ? และที่บอกว่า ดวงญาณของแต่ละองค์พรหมที่ท่านแบ่งมาให้ในจิตผม ตอนที่พรหมท่านมาสร้างบารมีด้วยนั้น ที่บอกว่าจะกลายเป็นบารมีของผมนั้น เป็นบารมีของผมอย่างไร? มีประโยชน์อย่างไร? ผมยังสงสัยอยู่ครับ
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : องค์พรหมก่อนหน้านี้ได้บอกท่านไปแล้วนิ
    ผม : แต่ผมยังไม่กระจ่างชัด!
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ดวงญาณในจิตท่าน เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงสถานะตัวตนของท่าน แสดงถึงหน้าที่ในการสืบทอดพระพุทธศาสนาในชาติภพนี้ของท่าน ส่วนประโยชน์ของดวงญาณ ก็คือ ส่งผลต่อความสามารถทางจิตของท่านในด้านจิตสัมผัสจิตรู้ที่ไวขึ้น!
    ผม : แล้วเรื่องของการเปลี่ยนวาระกับองค์พรหมต่างๆ ที่ดูแลองค์พระประธานในแต่ละวัดนั้น ผมสังเกตุว่า ที่เปลี่ยนวาระมาทั้งหมดล้วนเป็นวัดที่ผมเคยไปกราบพระประธานแล้วทั้งสิ้น แต่วัดที่ผมเคยไปในกรุงเทพมีไม่กี่วัดและตอนนี้ผมก็ไปกราบองค์พระประธานใกล้จะหมดทุกวัดที่ผมเคยไปแล้ว ผมอยากทราบว่า การเปลี่ยนวาระนั้นจำเป็นต้องเป็นวัดที่ผมเคยไปหรือเปล่า?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : “อะไรเกิดขึ้นแล้ว ย่อมมีเหตุของมัน”
    ผม : ผมก็ยังไม่กระจ่างครับ! สรุปว่า ต้องเป็นวัดที่เคยไปใช่หรือไม่ครับ? ผมจึงจะมีวาระสร้างบารมีร่วมกันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่วัดนั้น?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เรื่องนี้เราไม่ขอตอบ! ท่านจะรู้เองเมื่อถึงเวลา.

    จบบทสนทนาครับ.
     
  19. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    623B3613-863A-4D61-9343-16EFE18A8E0C.jpeg

    < วิทยาทานจากผู้รับการสื่อจิต ตอน ทายาทสืบสกุล >​

    เคสนี้เป็นเคสที่น่าสนใจ เนื่องด้วยผมไม่เคยเจอเคสอยากมีลูกแบบนี้ ประกอบกับโชคชะตาวาสนาเรื่องคู่ครองของเธอเหมือนถูกลิขิตไว้โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของตัวเธอเอง โดยเธอเล่าให้ฟังถึงการแต่งงานแบบสายฟ้าแลบของคู่เธอ คือ เป็นแฟนกันเพียงแค่ 2 เดือนก็แต่งเลย หลายคนจึงนึกว่า เธอท้องหรือเปล่า? ถึงแม้สามีเธอจะแค่เคยเป็นคนรู้จักของเธอมาก่อน แต่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน จึงเกิดคำถามว่า ไปรักกันตอนไหน? แต่มันไม่สำคัญแล้ว เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจัดสรรคู่ครองมาให้เธอแล้ว! เพื่อการมีทายาทสืบสกุลนั้นเอง ซึ่งทุกอย่างถูกจัดสรรถูกจัดฉากโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปรารถนาดีแก่ตัวเธอและวงศ์ตระกูลของเธอ เพราะการจะมีลูกได้นั้น ต้องมีสามีก่อน และสามีที่ถูกจัดสรรมาก็ย่อมเคยมีบุพกรรมร่วมกับตัวเธอในอดีตเช่นกัน ซึ่งสามีคนนี้เป็นคนธรรมะธัมโมแต่อารมณ์ร้อนสักหน่อย

    แต่จากที่องค์พรหมได้ตรวจวาสนาเรื่องคู่ครองหรือคู่แต่งงานในภพอดีตหลายชาติของเธอ ปรากฎว่า ในหลายชาติเธอก็มีคู่สมหวังมีครอบครัวมีลูกเป็นปกติเฉกเช่นครอบครัวทั่วไป แต่เหตุด้วยยุคสมัยก่อนกับยุคสมัยนี้มีความต่างกันมากในเรื่องของการดิ้นรนทำงานหาเงิน คือ มัวแต่ทำงานจึงไม่ค่อยได้มีเวลาคิดเรื่องการมีคู่ครอง ประกอบกับสังคมที่มีอัตราการหย่าร้างมากขึ้น เพราะผู้หญิงสมัยนี้ไม่ง้อผู้ชายเหมือนสมัยก่อน เพราะตัวเธอสามารถทำงานหาเงินเลี้ยงชีพตนเองได้(เธอเป็นเภสัชในโรงงานยาแห่งหนึ่ง) ตัวเธอเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ซึมซับความคิดแบบนี้ความคิดที่ไม่เคยรู้สึกว่าอยากมีครอบครัว แต่แค่อยากมีแฟนเหมือนคนทั่วไปจะได้ไม่เหงา มีเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว คิดอยากแต่งงานบ้างบางครั้ง แต่ไม่อยากมีลูก เพราะเดิมเป็นคนไม่รักเด็กเลย! อยู่มาจนอายุ 35-36 ปี ความรู้สึกเธอได้เปลี่ยนไป คือ เห็นเด็กแล้วรู้สึกอยากได้อยากจะมีเด็กสักคนมาเลี้ยง(สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจ!) เธอจึงคิดอยากสร้างครอบครัวกับผู้ชายคนนี้(ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จัดสรรมาให้) แต่การมีลูกมันไม่ง่ายสำหรับเธอเลย! ทั้งสามีเธอและตัวเธอต่างก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงทำให้มีลูกยาก ตัวเธอเองก็ตรวจพบเนื้องอกในมดลูก(ก้อนซีสต์)ที่ค่อนข้างใหญ่จนมีผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หรือถ้าฝังตัวได้ ทารกในครรภ์ไม่สามารถโตได้เพราะเนื้องอกขนาดใหญ่ (ใหญ่ประมาณ 1 กำมือ 1 ก้อน ซึ่งพอ ๆ กับมดลูก และก้อนเล็ก ๆ อีก 4 ก้อน) มันเบียดอยู่ แพทย์แนะนำให้ผ่าตัดก่อนการมีลูก แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นมดลูก 6 เดือนถึงจะท้องได้ แต่แพทย์ที่รักษาแจ้งเธอว่า เธอน่าจะท้องได้ เพราะภายในไม่มีอะไรที่รบกวนแล้ว ณ ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือนแล้ว เมื่อทางการแพทย์ไม่สามารถช่วยเธอให้มีลูกได้สำเร็จ 100 % และด้วยความรั้นของสามีเธอที่ไม่ยอมทำกิ๊ฟท์หรือเด็กหลอดแก้ว เพราะสามีเธอธรรมะธัมโมไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ เขาจึงบอกว่า “แล้วแต่โชคชะตา ถ้ามีก็มี ถ้าไม่มีก็ไม่มี” เธอจึงอยากให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย จึงเป็นสาเหตุที่เธอมารับการสื่อจิตชี้ทางชีวิตในวันนี้นั้นเอง.

    ระหว่างรอองค์พรหมท่านตรวจในเรื่องอดีตหลายภพชาติ ซึ่งท่านต้องใช้เวลาประมาณ 40 นาทีในแต่ละกรรมวาสนา ระหว่างนี้ผมจึงขอให้เทพท่านช่วยตรวจเรื่องการมีลูกของเธอก่อน เทพท่านตรวจดูคร่าวๆ และบอกว่า ณ ตอนนี้ท่านตรวจไม่พบดวงวิญญาณของเด็กที่จะมารอเกิด ท่านจึงบอกว่า ให้เป็นเรื่องของโชคชะตา ต่อมาผมก็สอบถามองค์พรหมในเรื่องการมีเด็ก ท่านก็บอกว่า ท่านไม่รับปากจะช่วย แต่ท่านจะดูให้ แต่ต้องใช้เวลาตรวจดูให้ละเอียด ซึ่งตรวจดูตอนนี้ไม่ได้เวลามันไม่พอ ในช่วงสุดท้ายของการสื่อจิต องค์พรหมบอกว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเธอมาขอสื่อจิตผ่านผม ซึ่งข้อความของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เธอมีดังนี้
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์เธอ : “เราขอขอบคุณท่านที่ช่วยสื่อจิตให้ เราเป็นเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรามีเรื่องจะบอกแก่เธอว่า ไม่ต้องกังวล!ในเรื่องการสืบทายาท เราเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลเธอ เรื่องสืบทายาทเป็นหน้าที่ของเรา เราจะจัดการให้!”
    ผมถาม : แล้วเธอจะมีลูกได้เมื่อไรครับ? มีได้ชัวร์ใช่ไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์เธอ : มันเป็นความลับของสวรรค์! ขอให้บอกเธอเท่านี้ก็พอ!
    (ส่วนตัวผมคิดว่า ท่านต้องไปจัดสรรหาวิธี และต้องใช้เวลา อีกอย่างบางเรื่องก็บอกไม่ได้ด้วย)

    ผมก็สอบถามเธอว่า ทำไมท่านใช้คำว่า “ผู้สืบทายาท” ทำไมไม่ใช้คำว่า “ลูก” สั้นๆง่ายๆ เธอตอบ ในครอบครัวของเธอ พ่อแม่มีลูกสาว 3 คน พี่สาวเธอซึ่งแต่งงานมาเป็นสิบกว่าปีอยากมีลูกมากก็ไม่มีลูก ส่วนน้องสาวเธอแม้แต่แฟนก็ยังไม่มีและดูทีท่าว่าไม่อยากมีภาระแน่ๆ ส่วนตัวเธอถ้ามีลูก ลูกจะเป็นทายาทสืบสกุลของครอบครัว จะเป็นดั่งแก้วตาดวงใจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งพ่อแม่เธอก็อยากให้เธอมีลูกมากเช่นกัน! เธอจึงได้แต่ภาวนาขอให้สมหวังตามปรารถนานี้ ซึ่งเคสนี้ก็เป็นอีกเคสหนึ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเธอนำพามาเพื่อบอกกล่าวชี้ทางชีวิต เพราะเธอได้สื่อจิตก่อนวันเวลาที่เธอนัดไว้ เดิมนัดเวลา 22:00 ของคืนวันอื่น แต่เวลาที่ผมทักเธอไปคือ 23:00 นาฬิกา ซึ่งเธอเกือบจะนอนแล้ว แต่เธอรู้สึกอยากหยิบมือถือขึ้นมาดู ปกติเธอจะไม่ดูมือถือก่อนนอน ซึ่งผมก็แน่ใจว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเธอจัดสรรให้เธอมาดูในคืนวันนี้แน่นอน เพราะผมทักไป! เธอตอบกลับว่าสะดวกสื่อจิตทันที! ซึ่งในคืนนี้ มีคนสละสิทธิ์ 1 คนที่นัดคิวไว้,1 คนที่พรหมท่านไม่ดูให้เพราะไม่เกิดประโยชน์เท่าใด และอีก 1 คนไม่สะดวกเลื่อนมาดูในคืนนี้ จนเธอเป็นคนที่ 4 ที่ผมทักไปและเธอสะดวกที่จะสื่อจิตในค่ำคืนนี้ ซึ่งผมก็ให้เธอแจ้งผลกลับมาด้วย ถ้าวันใดเธอมีลูกสืบทายาทในวงค์ตระกูลแล้ว ปิดเคส ^_^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. วิษณุกรรม

    วิษณุกรรม พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(Facebook)

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +190
    8A6A9E58-93D0-4CB4-AE03-F7D13999804A.jpeg 3B8EAE6E-CF64-402F-A677-47919EFE9A32.png 482D39C3-A5E2-4E22-BDDE-B2F54E3B9D5C.jpeg 286748AA-9364-4880-AC4D-79A930B3ED35.png

    { บันทึกความทรงจำ ณ วันพุธที่ 30 มกราคม 2562 }​

    เมื่อคืนตอนกำลังอาบน้ำล้างหน้าเพลินๆ อยู่ ท่านวีระยุทธพรหมได้แสดงนิมิตเจดีย์สีทองขึ้นมาในดวงจิตผม ซึ่งจิตผมก็รู้ว่า เป็นเจดีย์ภูเขาทอง แต่ผมจำชื่อวัดไม่ได้ เลยไปค้นหาชื่อวัดใน Google วัดนี้ชื่อ “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” ต่อจากภาพนิมิต พรหมท่านก็ส่งกระแสจิตมาบอกว่า “เราหมดวาระแล้วนะ พรุ่งนี้ให้ไปเจดีย์ภูเขาทอง หลังอาบน้ำค่อยมาสื่อให้เป็นกิจจะลักษณะ” ซึ่งผมคิดว่าก็เหมือนเดิมคือ ผมจะมีวาระร่วมกับองค์พรหมที่ดูแลรักษาเจดีย์พระธาตุแห่งนี้ ซึ่งถือว่า เป็นครั้งแรกที่ผมมีวาระร่วมกับองค์พรหมที่ดูแลเจดีย์พระธาตุ ซึ่งปกติก่อนหน้านี้ผมจะมีวาระเฉพาะแต่กับองค์พรหมที่ดูแลรักษาพระประธานในโบสถ์เท่านั้น.

    และผมก็ถามพรหมท่านว่า ทำไมพรหมแต่ละองค์ถึงมีวาระหน้าที่และจำนวนวันที่มาช่วยเหลือผมสื่อจิตชี้ทางชีวิตให้ไม่เท่ากัน! บางท่านก็อยู่ช่วยสื่อจิต 15 วัน บางท่านก็ 6 วันหรือ 4 วัน ท่านตอบ ขึ้นอยู่กับวาระ! และวาระก็เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยหลายอย่างที่รวมตัวขึ้นมากลายเป็นวาระนั้นเอง ผมถามต่อว่า ใช่สวรรค์เบื้องบนกำหนดหรือเปล่า? เรื่องการที่ผมมีวาระร่วมกับองค์พรหมทั้งหลายในแต่ละสถานที่หรือวัด ท่านตอบ ไม่ใช่ เป็นเหตุแห่งบุญสัมพันธ์ระหว่างท่านกับองค์พรหมเหล่านั้น ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้คำตอบในเรื่องการเปลี่ยนวาระหน้าที่ระหว่างองค์พรหมด้วยกันกับผม ดังนั้น วัดที่ผมไม่เคยไปไม่ได้หมายถึงผมจะไม่มีบุญสัมพันธ์หรือไม่มีวาระกับองค์พรหมเหล่านั้น ก็เหมือนกับวัดโพธิ์ ที่เมื่อก่อนผมไม่เคยไปเลย ก็เพิ่งเคยไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เพราะมีเหตุจากพระสยามเทวาธิราชท่านส่งกระแสจิตมาเชิญผมไปเยี่ยมวัดท่าน หลังจากที่ผมเดินออกจากวัดพระแก้วแล้วสักครู่ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมก็จะนำไปถามองค์พรหมที่ดูแลรักษาเจดีย์ภูเขาทองที่ผมจะมีวาระร่วมกับท่านในครั้งนี้ด้วย ซึ่งบทสนทนาของผมกับท่าน มีดังนี้ครับ

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เราชื่อ “โกศล”
    ผม : ชื่อท่านเขียนยังงัย?(ผมถามเพื่อความชัวร์)
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ให้ท่านไปค้นหาเอง
    ผม : ผมก็ค้นคำทันทีใน Google คำนี้เขียนว่า “โกศล” ท่านเป็นพรหมใช่ไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ใช่ (สรุปชื่อท่านเขียนว่า โกศลพรหม)
    ผม : ท่านอยู่ชั้นไหน?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ท่านลองทายดูซิ
    ผม : 15 ใช่ไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : เราให้ท่านทายอีกครั้งหนึ่ง
    ผม : 16 ครับ(เพราะผมเดาว่า องค์พรหมที่ดูแลโบราณสถานหรือดูแลสิ่งสำคัญของสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนานั้นจะต้องเป็นพรหมชั้นที่ 15 หรือ 16 แน่นอน)
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : 16 ก็ 16 ท่าน
    ผม : วันนี้คิวตอนบ่าย 3 ครึ่ง(15:30) ท่านและเทพบริวารเตรียมพร้อมในการสื่อจิตชี้ทางชีวิตแล้วใช่ไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : ไม่มีปัญหา
    ผม : ผมอยากสอบถามว่า เมื่อคืนที่ท่านวีระยุทธพรหมได้บอกว่า การที่ผมมีวาระร่วมกับองค์พรหมทั้งหลายนั้น เป็นเพราะมีบุญสัมพันธ์ร่วมกันกับเหล่าท่าน ดังนั้น ผมจึงตีความว่า วัดที่ผมไม่เคยไปไม่ได้หมายถึงผมจะไม่มีบุญสัมพันธ์หรือไม่มีวาระกับองค์พรหมเหล่านั้น ใช่ไหมครับ?
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ : (..ท่านเงียบสักครู่!) เราไม่รู้จะตอบยังงัย ในเมื่อท่านก็รู้แล้ว เราจึงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรท่าน.

    สุดท้ายนี้ ท่านโกศลบอกว่า ในช่วงที่ท่านมีหน้าที่ร่วมกับผมในการสื่อจิตชี้ทางชีวิตนั้น ในส่วนผู้ช่วยที่จะมาช่วยตรวจกรรมและตรวจวาสนาบารมีนั้น ท่านจะเชิญเพื่อนพรหมด้วยกันมาช่วยเหลือตรวจดูให้ เพื่อความรวดเร็วในการตรวจอดีตหลายภพชาติให้เสร็จสิ้นในเวลาเดียวกันพร้อมกันในหลายเรื่องครับ ผมต้องขออนุโมทนาบุญกับท่านโกศลและเพื่อนพรหมทั้งหลายด้วยครับ สาธุ!
     

แชร์หน้านี้

Loading...