การถอดจิตไปเข้าร่างผู้อื่นมีจริงใหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย davilnut, 17 ธันวาคม 2009.

  1. davilnut

    davilnut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +66
    เท่าที่ผมรู้มาก็มีการแฝงร่างโดยวิญญาณ หรือว่าผีสิง
    แล้วก็องค์เทพ มาโปรดโดยการอาศัยร่าง
    แล้วก็การเข้าแทรกร่างคนที่ตายแล้วโดยวิญญาณอื่นแล้วอาศัยอยู่จนหมดอายุไข
    ผมอยากรู้ว่า
    การที่คนเป็นยังมีชีวิตอยู่นั้นจะถูกคนอื่นถอดจิตมาเข้าร่างเราได้หรือไม่ครับ
    แล้วมีอันตรายหรือไม่ครับ
     
  2. yaba150

    yaba150 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    983
    ค่าพลัง:
    +636
    อยากรู้เหมือนกันครับ
     
  3. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ก็ถ้าอยากรู้ก็ต้องลอง แต่กว่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะไปรู้ มันก็เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ศาสนาพุทธขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดานี้ ไม่ได้ตรัสสอนเรื่องเหล่านี้ มีเพียงศาสนาพารมห์ และอื่นๆ ฯล

    พูดเรื่องจิตและการเกิดใหม่และตายแล้วตายเลยนี่มันเป็นเรื่องที่สามารถรู้ได้โดยปัญญาครับ

    อาการเข้าแทรกของอำนาจความคิดนั้น เป็นไปได้ คิดดีก็ทำดี คิดไม่ดีก็ทำไม่ดีเลยทันที โดยไม่ได้ผ่านการกรั่นกรองเสียก่อน ทำดีก็เป็นบุญเป็นกุศล ทำชั่วก็เป็นบาปเป็นมารเป็นอกุศล นั่นหมายถึงจิตเป็นตัวสั่งงานทั้งหมดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เพราะความไม่แน่นอนของอาการหรือลักษณะเกิดดับอยู่ตลอดเวลาแม้แต่เวลานอนหลับจิตก็ยังทำงานอยู่และไม่เคยตายไม่เคยหลับ
     
  4. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    คนสิงคนไม่ได้แต่ใช้จิตบังคับได้



    สมัยพระเพื่อน อาตมาเป็นเณร เขาปลุกพระกันโดย กำพระที่จะปลุก ภาวนาเชิญพระเช่นหลวงปู่โต หลวงปู่ทวดก็ลองมาหมด จนสุดท้าย
    [​IMG]ลองเชิญเจ้าอาวาส คือหลวงพ่อวิริยัง วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 มาเสกเหรียญท่านเอง
    ซึ่งท่านขณะนั้นอยู่วัดไทยที่อเมริกา ปรากฎเณรที่ปลุกพระถูกหลวงพ่อเข้าสิงเทศนาสอนเณรเพื่อนพากันเผ่นแน๊บหนีหมด
    และคืนนั้นหลวงพ่อวิริยังท่านโทรทางไกลจากอเมริกามาบอกพระเลขาที่วัดเรื่องเณรปลุกพระ
    และพระเลขาท่านประกาศออกไมล์ห้ามให้เณรเล่นปลุกพระอีก

    [​IMG]


    การถอดจิตสิงคนด้วยกันทำไม่ได้แต่ใช้พลังจิตบังคับทำได้
    เช่นหลวงปู่ฝั่น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร ท่านปวดท้องกลางดึกจึงกำหนดจิตให้เณรอุปปัฏฐากเดินมาถวายยาได้กลางดึกก็เคยมีเล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  5. maxgatod

    maxgatod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +228
    ถ้าจขกท สามารถทำสมาธิได้ เอาแค่พอเห็นนะ ที่เรียกว่าทิพย์จักขุญาณ (เอาแบบมัวๆก็ได้)

    ไม่ต้องชัดมาก เอาพอสัมผัสความเป็นทิพย์ได้ ขอดูภาพนะ

    ก็จะเห็นว่า พวกกายทิพย์ เขาจะไช้อำนาจจิตบังคับ จะเห็นเลยนะ

    เป็นกระแสไฟ (กระแสจิต) เป็นสายพุ่งออกจากตัวเขา และจะมาคลุมตัวเรา

    เริ่มจากทางด้านศรีษะ ถ้าคลุมสนิท ทั้งร่าง เขาก็สมารถ ที่จะสั่งการเราได้ทุกอย่าง

    คือใจเราถูกอำนาจจิตเขาครอบงำโดยสิ้นเนชิง แต่ถ้าเป็นคนจิตแข็ง มีการขัดขืน

    กระแสจิต ที่พุงออกมาเป็นสายจากตัวเขา ก็จะคลุมใจเราไม่ได้หมด คนที่ถูกอำนาจจิต

    ครอบงำในลักษณะนี้ บางทีก็รู้ตัวบ้าง บางทีก็ไม่รู้ตัว เพราะเขาเข้าควบคลุมได้ไม่หมด

    ไม่มีการเข้าร่าง ร่างใครร่างมันนะ

    ผมพูดไปจะไห้ จขกท เชื่อน่ะมันลำบาก

    คุณต้องไปฝึกสร้าง ทิพย์จักขุญาณไห้มีเกิดขึ้นกับตัวคุณเสียก่อน

    นั้นแหละ คุณจึงจะเชื่อผมร้อยเปอร์เซนต์เต็ม

    มันเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตัวนะครับ

    ผมก็อธิบายได้แค่นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  6. davilnut

    davilnut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +66
    แล้วแก๊งค์แขกขาวใช้วิธีนี้ปล่าวน้า
    อิอิ
    ถ้าใช้ในทางที่ไม่ดีคงน่ากลัว
    อนุโมทนาในความรู้ครับ
     
  7. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    726
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,503
  8. jatupon122

    jatupon122 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมโดนคนมีสายอภิญญา หรือกรรมฐานจิตใช้จิตอื่นหรือส่งกระแสจิตมาทับสวมรอยจิตเพื่ออ่านใจและรู้อดีตผมคือรู้เหมือนผมทุกอย่างบังคับกระตุกยามจิตเราอ่อน ส่งเสียงรบกวนทางกระแสจิต แต่ด้วยตัวผมนั้นไม่กลัวยึดหลักบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มารดา บิดา พระพุทธคุณที่ขึ้นคอ ผมไม่กลัวและยังสู้กับกระแสจิตจากพวกมิจฉาวมาธิบางกลุ่มที่มีจิตเป็นมิจฉาทิฐิ อยากรู้ว่าผมควรจะแก้ไขยังไงคับ เพื่อจะตัดกระแสจิตจากกลุ่มพวกนี้มันเอาจิตบางส่วนที่เป็นพวกของมันมาแฝงรับกับกระแสจิตที่มันส่งมาคับ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขออนุญาตตอบแล้วกัน
    ในฐานะที่พอมีประสบการณ์
    คลุกคลีและได้เคยช่วยเหลือบุคคล
    ที่โดนเรื่องแนวแบบนี้มาบ้างพอสมควร

    ปกติทั่วไป สติทางธรรม
    ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิต
    ประจำวันและกำลังสมาธิสะสม
    วัถตุมงคลบางอย่าง
    ตลอดจนการเคารพพระรัตนตรัย
    เป็นทุน ก็เพียงพอต่อการต้านทาน
    พลังงานไม่ดีภายนอกได้
    เพียงแต่ว่า เราต้องไม่ไปคิดถึง
    ระลึกถึงมันเลย

    แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลเลย
    ถ้าหากว่า พลังงานหรือสิ่งไม่ดีภายนอก
    เหล่านั้นที่เข้ามา เป็นวิบากเฉพาะบุคคล
    ไม่สามารถมีใครช่วยได้
    แม้อยู่ต่อหน้าพระเกจิเก่งๆ
    หรืออยู่ต่อหน้าพระพุทธฯก็ตาม

    ต้องอาศัยการแก้เป็นกรณีๆไป
    เช่น กรณีไปรับมาหรือถูกหลอกให้รับ
    หรือกรณีข้ามรุ่นข้ามตะกูลมา
    หรือกรณีสืบเชื้อ
    หรือกรณีถูกแกล้ง
    หรือกรณีเข้าไปข้องเกี่ยวโดยไม่ได้ตั้งใจ
    เช่น ไปรับวัตถุมา หรือผ่านบริเวนนั้นๆ
    อะไรแบบนี้ ที่เล่าพูดให้พอเห็นภาพ

    พวกนี้เปรียบเหมือนไปหาหมอรักษา
    ถ้าให้ยาผิดก็อาจตายได้
    ให้ยาไม่ตรงอาการก็ไม่หายอีก
    ให้ยาแรงไปก็มีผลกระทบกับร่างกายอีก
    หรือไม่ให้ยาเลยก็ไม่ได้อีก

    ประมานนี้ แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง

     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ เห็นโพสท์อยู่ในกระทู้ "มิจฉาสมาธิ" ตั้งแต่วัน จันทร์ แล้วมาโพสท์ในกระทู้นี้อีก
    +++ แสดงว่า "ยังอยู่ในช่วง หาทางออก แต่ ยังออกไม่ได้"
    +++ ก็จะตอบให้ไป ที่ละช่วงของคำถาม นะ
    +++ เท่าที่อ่านมา รวมทั้งในกระทู้ "มิจฉาสมาธิ และ ในโพสท์นี้" รวมกัน
    +++ ก็ขอให้ "จำแนกประเภท" เอาไว้ก่อน เพื่อความไม่ประมาท

    +++ 1. กลุ่มแรกอาจจะเป็น "คน" ตามที่กล่าวมา ก็ได้ แต่
    +++ 2. ต้องเผื่อ กลุ่มที่สองเอาไว้ด้วย คือ "กลุ่มเจ้ากรรมนายเวร"
    +++ 3. ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มที่สาม คือ "กลุ่มวิบากกรรม"

    +++ หลัก ๆ ทั้ง 3 กลุ่มนี้ ย่อมมี "ข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง"
    +++ แต่จะจำแนกให้ คุณ jatupon122 ไปตามหัวข้อของคุณ ก็แล้วกัน นะ
    +++ หากเป็น "คน (กลุ่ม 1)" นับว่า น่าจะเป็น "คน" ที่แค้นคุณมาก และ "ทำมิจฉาสมาธิ" ได้รุนแรง
    +++ แต่ กรณีนี้ "มีน้อย" หรือไม่ก็ "แค้นในระดับ จ้างหมอผีทำคุณไสย" กันเลยทีเดียว ตรงนี้ "คุณ พอนึกออกหรือไม่"

    +++ กลุ่มที่ 2 นั้น "ไม่จำเป็น" ที่จะต้องใช้จิตอื่น เพราะ "มาเองได้"
    +++ กลุ่มที่ 3 นั้น เรียกว่า "กรรมบันดาล" ไม่ใช่จิตอื่น
    +++ กลุ่มที่ 1 อาจทำได้อยู่บ้าง "แต่" ไม่สามารถทำได้แบบ 24/7
    +++ กลุ่มที่ 2 ทำได้มากกว่า "แต่" ก็เช่นเดียวกัน ไม่สามารถทำได้แบบ 24/7
    +++ กลุ่มที่ 3 เท่านั้นที่ทำได้แบบ 24/7 (วิบาก)
    +++ ตรงนี้ คุณ ต้องพิจารณาเอาเอง ว่า "แนวโน้ม" ควรเป็นกลุ่มใด
    +++ กลุ่มที่ 1 ไม่น่าจะใช่ เพราะยังเป็น "คน" เหมือนกัน ทำ 24/7 ไม่ได้
    +++ กลุ่มที่ 2 ก็ยังมีเวลา "ไป/มา" เหมือนกัน ก็ ไม่น่าจะใช่ 24/7
    +++ กลุ่มที่ 3 เท่านั้น ที่ทำตอน "จิตเราอ่อน + รบกวนทางกระแสจิต" แบบ 24/7 ได้
    +++ ไม่กลัว นั้น "ดี" แต่ต้อง จำแนกสถานการณ์ให้ออกด้วย "ปัญญา" ที่ชัดเจนนะ ว่า เป็น "กลุ่มไหน"
    +++ กลุ่มที่ 1 + 2 นั้น Work ในกรณีนี้ แต่ กลุ่มที่ 3 จะ Work หรือเปล่า คุณ ควรพิจารณาเอานะ (วิบาก)
    +++ ไม่กลัว นั้น "ดี" แต่ต้อง จำแนกสถานการณ์ให้ออกด้วย "ปัญญา" ที่ชัดเจนนะ ว่า เป็น "กลุ่มไหน"
    +++ มัน ใช่ "กระแสจิตจากพวกมิจฉาสมาธิ" จริงหรือเปล่า "รอบคอบ" ด้วยนะ
    +++ วินิจฉัย ให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วจึง "แก้ให้ตรงจุด"
    +++ อีกประการนึ่ง "ปัญหาของคุณ ควร ตั้งกระทู้ของคุณเอง" เพื่อความเป็นสัดส่วน นะครับ
     
  11. jatupon122

    jatupon122 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +2
    กรณีของผมเคยผมไปเช่าห้องอยู่เพียงลำพัง เผอิญผมไปถามคนที่เกี่ยวข้องกับญาติเขา ห้องพักผมไม่มีกุญแจด้านนอกเพราะเจ้าของตึกไม่ให้ทำกุญแจล็อคด้านนอก เพราะเกรงว่ากลัวโครงสร้างประตูจะเกิดความเสียหาย พอผมกลับมาที่ห้องหลังทำงานผมเจอกองน้ำหมากอยู่กลางห้องผมเอาผ้าไปเช็ดมือไปสัมผัสกับน้ำหมาก หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงแปลกคุยทางกระแสจิต เวียงนั้นเป็นผู้หญิงคุยไม่กี่คำทำให้นึกอยากจะคุยด้วยตลอดทั้งที่ไม่รู้จักกัน ตอนกลางคืนผมกลับมานั่งสมาธิรู้สึกเจ็บด้านหลังและเริ่มการยิงภาพเข้ามาในขณะนั่งสมาธิ ผมปรึกษาอาจารย์สายกรรมฐานท่านบอกว่าผมโดนเปิดทวารทั้ง5และคนมีวิชาใช้จิตของคนอื่นที่เป็นลูกหลานมาสวมรอยจิตทับสวมรอยจิตคับ ท่านแน่ะนำให้ผมไปโบสถ์มหาอุตนำน้ามะขามที่ใช้คาถาชัครสูตรที่ปลุกเสกมาดื่มตัวผมก็จะถ่ายออกมาเป็นสีดำคับแล้วปิดทวารทั้ง5ด้วยคาถานะโมพุททายะหรือค่ถาชินบัญชรหลังเที่ยงคืนขอบุญบารมีท่านเท้าจตุโลกบาลทั้ง4ช่วยปกปักรักษาทั้ง4ทิศคับ ตอนนี้ผมยังได้ยินเสียงอยู่ตามแรงกำลังของเสียงที่ผมสัมผัสกับอุปกรณ์ที่ให้เสียงคับ ผมตอบโต้ทางกระแสจิตรู้สึกอ่อนเพลียคับ ตอนนี้ผมดื่มน้ำมะขามกับสวดมนต์อิติปิโสและชินบัญชรคับ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    พอเข้าใจ ที่ทำมาก่อนหน้าก็ถือว่าดีแล้วหละ
    แต่ว่ายังไม่หมดจด เพราะว่ามันเป็นการแก้ปัญหาแบบชั่วคราว
    ภาษาแพทย์ เค้าเรียกว่า
    เลี้ยงไข้


    เพราะมันยังมีเชื้อ
    เหลือให้จิตเราไปพ่วงพันธุ์เรื่องแบบนี้
    ได้อยู่ ซึ่งมันจะยังส่งผลกระทบกับ
    กายและจิตเราได้อยู่นั่นเอง

    เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะดวงจิตที่เข้ามานี้
    เค้าก็มีพื้นฐานทางด้านพลังงานมาก่อนในอดีต ซึ่งไม่ใช่พลังงานเดียวนะ
    ยังมีด้านสัมผัสภายในพอตัวเลย
    ประมานว่าสามารถท่องบ่นใช้คาถาได้เลย

    แต่ด้วยวิบาก ของการนำไปใช้งานในทางด้านที่ส่งเสริมความโลภของตนและ
    เจ้าคิดเจ้าแค้น อาฆาต เอาไปทำร้ายคน
    และก็เคยปรามาส พวกที่สร้างบารมี
    ในการช่วยเหลือคนมาก่อน
    (เหมือนเห็นคนกำลังแจกของช่วยคนจน
    ก็ไปว่าเค้าสร้างภาพพูด เปรียบให้เห็นภาพ)

    เค้าเลยโดนข้างบนตัดหางปล่อยวัด
    ให้ต้องชดใช้วิบากที่ตนเองได้ก่อมา
    ซึ่งมันอีกยาวนานมาก


    การเข้ามา
    พยายามแทรกแซงเรานั้นเค้ามาแบบ
    ที่ส่วนตัวเรียกว่ากะชาก จากของเดิมที่เค้าเคยมีนั่นหละ เลยทำให้เราสามารถ
    เห็น สัมผัส
    และสื่อสารได้เลย
    ซึ่งแม้ที่ผ่านมาเราจะใช้วิธีอะไร ยังไงจิตเค้า
    มันก็ต้องส่งผลต่อเราอยู่ดี เพราะอย่างที่บอก
    มันเป็นวิบากเก่าเราด้วย


    เราควรจะแก้ให้มันจบๆไป
    เพราะไม่งั้นแล้ว หากปล่อยไปนานเข้า
    จะส่งผลต่อกะดูกข้อต่อ ไม่ว่าจะเป็นหัวเข่า
    และข้อศอก ตลอดจน ปอด หัวใจ ทำให้เราทำอะไรแล้วรู้สึกเหนื่อยง่าย ลำไส้
    เราจะไม่ค่อยดี พอนึกออกเนาะ
    รวมทั้งส่งผลต่ออาการปวดๆ
    มึนๆตื้อๆศรีษะร่วมด้วย


    จริงๆเรื่องเปิดปิด ทวารมันไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ
    เพราะมีคนมีพระที่มีความสามารถ
    ทำได้เยอะแยะ. เพียงแต่ว่า
    มันจะมีปัญหาทันที ถ้าดันเปิด
    ในกรณีที่ร่างกายยังมีสติทางธรรม
    กำลังสมาธิสะสม กำลังจิตไม่พอ
    .ตลอดจนยังไม่ได้เดินปัญญามาก่อน


    ปัญหาตอนนี้
    มันคือเชื้อ หรือกะแสวิบากตกค้าง
    ที่มันยังหลงเหลืออยู่นั้นเอง
    ที่เราไม่ควรชะล่าใจนะ

    ส่วนตัวแนะนำท่านที่จะช่วยได้
    แบบไม่หลงเหลือเชื้อให้แล้ว
    ยังไงไปหาให้ได้นะครับ


    โชคดีเด้อ ^_^
     
  13. LucianoDion

    LucianoDion สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +4
    เป็นไปใด้ยากคับ สำหลับถอดจิตเข้าคนอื่น
    เพราะมันต้องผ่านการ ฟังเช่น หู ลิ้น กาย
    ส่วนเรื่องใจไม่ต้องพูดถึงเรย จริง จริง
    ถ้าเราจะทำจริง จริง มันก็ได้อยู่นะแต่ตัวเรา
    นั้งสมาธิอยู่แล้วถอดจิตเข้าคนอื่น มันก็คง
    ต้องผ่านการฟังจากหูเรานี้หล่ะ ใครจะมัว
    ตามฟังหูตัวเองที่ยาวเป็น เมตรๆ อีกหงล่ะ
    ส่วนตัวเชื่อนะว่ามีอยู่จรืงและมีคนทำได้
    ส่วนตัวผมฝึกนั้งสมาธิมาสามวันยังเห็น
    < ตัวเองเดินมาเปิดประตูน่าบ้านอยู่เลย >
    แต่ไม่ทันก็ลุกขึ้นจากสมาธิเสียแล้ว
    เช่นนี้จ่ะเป็นอ่ะไรใหมคับอยากรู้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2018
  14. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขออนุโมทนาในธรรมของทุกท่านด้วยความเคารพครับ

    การใช้อำนาจจิตแบบที่ จขกท. กล่าวมา ข้าพเจ้าเคยได้มีโอกาสสัมผัสอยู่ครับ

    เคยฝึกสายนี้เมื่อสมัยบวช (ตอนนั้นยังบ้าเรื่องฤทธิ์อยู่ครับ)

    สามารถไปภพภูมิต่างๆ อ่านจิตใจคนหรือสัตว์ แม้แต่ภพภูมิอื่นๆ ใช้ในการบังคับจิตใจ อารมณ์ หรือความคิดและภาพนิมิตต่างๆได้ กำหนดธาตุใส่เข้าไปในผู้อื่นก็ได้ และมีตาทิพย์อีกด้วย
    (แต่ขออนุญาตไม่เผยแพร่วิธีการฝึกนะครับ)

    แต่การทำเช่นนี้ จะทำให้เกิดผลได้นั้น ผู้ถูกกระทำจะต้อง มีกำลังจิตหรือสมาธิที่อ่อนกว่า ต่ำกว่า หรือมีบุญบารมีน้อยกว่า จึงจะทำให้เกิดผลได้ชัดเจน ถ้าหากผู้ถูกกระทำมีกำลังจิตหรือสมาธิมากกว่า สูงกว่า หรือมีบุญบารมีมากกว่า จะทำอะไรให้เกิดผลไม่ได้เลย แม้มีกรรมต่อกัน เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้

    ไม่ว่าเขาจะส่งกระแสใดมาก็ตาม เราจะรู้สึกถึงการเข้ามาอยู่ หากเป็นผู้ทำสมาธิที่มีกำลังสติและสมาธิที่ดี พอรู้เห็นหรือสัมผัสการส่งเข้ามา เราแค่รู้ในกระแสนั้นๆ แล้วปล่อยวาง อย่าเข้าไปยึดต่อสิ่งนั้นๆ ให้อยู่กับกรรมฐานของเราให้มั่น มีเพียงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเท่านั้น เมื่อปฏิบัติกรรมฐานของเราเรียบร้อยแล้ว ก็แผ่เมตตาส่งกลับไปตามกระแสนั้นๆ เรื่อยไปๆ ทุกๆครั้ง แล้วเขาจะเบาไปเอง

    ที่สิ่งเหล่านี้มีผลกับเรา เพราะเราไปรับมาเองด้วยส่วนหนึ่ง
    พวกใช้กำลังจิตก่อกวนหรือมุ่งร้ายผู้อื่นโดยส่วนใหญ่ที่ประสบมา จะส่งสิ่งที่กระตุ้นความอยากของเราให้เกิดกิเลสก่อน เมื่อเราหลงไปยึดมันไว้ จึงสำแดงฤทธิ์เดชออกมา

    สุดแท้แต่จะพิจารณา

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    มุมที่ส่วนตัวมองว่ามีประโยชน์
    คือ การที่ใช้กำลังจิต ดึงตัว
    วิญญาน หรือกายนามธรรม
    ของอีกบุคคลหนึ่ง
    เข้ามาซ้อนกับ กายนามธรรมตนเอง
    แล้วทำการรักษา

    มักจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยติดเตียง
    หรือผู้ป่วยที่ไม่เชื่อ ในเรื่องของ
    การใช้วิธีพิเศษต่างๆ พร่องในศรัทธา
    เรื่องการทำพิธี
    การใช้ท่าทางประกอบ

    ซึ่งจะได้ผลดีเพราะผู้ทำการรักษา
    จะทราบรายละเอียดส่วนที่พร่อง
    ของผู้ป่วยได้ชัดเจนดีกว่า
    การสแกนทั่วๆไปครับ

    ส่วนการจะถอดกายนามธรรมปกติไปซ้อน
    กายนามธรรมอื่นๆมันเป็นไปได้ยากเพราะว่า
    แต่ละดวงจิตมีสัญญาที่สร้างเป็นกายนามธรรม ซึ่งผูกกับกายรูปธรรม
    เฉพาะตนเองไว้แล้วครับตั้งแต่เกิด
    และมีการควบคุมจากพลังงาน
    ที่คอยดูแลกายนามธรรมนั่นร่วมด้วย

    จะทำได้เฉพาะกรณี ที่กายนามธรรมนั้น
    ได้ทิ้งกายรูปธรรมนั้นไปแล้ว
    และต้องมีการตัดสายใยเชื่อม
    กายรูปธรรมกับกายนามธรรมนี้ร่วมด้วย



    ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นช่องทางให้พวก
    วิญญาณมีฤทธิ์ พวกภูมิสายอสูรกายต่างๆ
    ที่มีเป้าเพื่อจะใช้กายรูปธรรม
    เพื่อประโยชน์ตนนั้น
    สร้างอุบาย ในการให้กายรูปธรรมนั้น
    ไปอุปโลกน์ สร้างสภาพแวดล้อมให้
    นึกถึงกายนามธรรมอื่นๆ
    เพราะว่ากำลังจะไม่มากเท่ากายนามธรรม
    ตั้งแต่แรกเกิด เช่น หลอกว่าจะมีกายทิพย์พิเศษ สร้างสภาพแวดล้อมว่าประกอบว่าจะไม่มีอาวุธใดมาทำลายได้
    จะมีความสามารถพิเศษต่างๆ
    ช จะมาหลงไหล ญ จะมาดรี๊ดกร็าด
    จะร่ำจะรวย หรือหลอกว่า เป็นระดับโน้นนี่นั้น
    ที่สูงๆมีหน้าที่พิเศษ เป็นอะไรที่ พิเศษต่างๆ

    รวมทั้งใช้อุบายในการหลอกเพื่อตัดทอน
    กำลังสติ กำลังสมาธิ ด้วยการใช้การนึกคิด
    เรื่องความทรงจำที่เจ็บปวดในอดีต
    ความรักที่ซอกซ้ำ บ้างก็ใช้เสียงเพลง
    ทำนองที่ทำให้จิตไปยึด เพื่อตัดกำลังสติ
    และสมาธิก็มี พอสบช่องก็จะเข้ามาแทรก
    เจาะผ่านท้ายทอย ผ่านต่อมไพเนียลแกน
    แล้วลงมาความคุมจิต

    ทำให้กลายเป็นกายรูปธรรม
    ที่เกิดสัมผัส เกิดความสามารถขึ้น
    มาทันทีแบบไม่ต้องฝึกอะไร
    คือสัมผัสรับรู้ได้ แต่มักจะจำไม่ได้
    และไม่รู้ว่าเกิดอย่างไร
    ถ้าให้ถ่ายทอดจะถ่ายทอดไม่ได้
    เหตุเพราะ
    จากการถูกคุมจิตและสัมผัสที่ผ่านต่อม
    ไพเนียลแกน ออกท้ายทอยไปรับรู้
    ภายนอก นั่นเองครับ

    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ



     

แชร์หน้านี้

Loading...