การฝึกแยกรูปแยกนาม แต่ยังไม่ต้องการนิพพานทำได้ไหม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฮักตัวน้อย, 5 ธันวาคม 2018.

  1. ฮักตัวน้อย

    ฮักตัวน้อย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +28
    ถ้าหากมีคนเราทำวิปัสสนาจนแยกรูปแยกนาม ถอนความเป็นอัตตาตัวตนได้แล้ว แต่คนนั้นยังไม่อยากเข้านิพพานเป็นไปได้ไหม แล้วถ้าหากจะฝึดด้านอภิญญาต่อได้รึเปล่าคับ อย่างเช่นผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิมีไหมคับ
     
  2. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    พระโพธิสัตว์บารมีเต็มมีความรู้ทุกอย่างเทียบเท่าพระอรหันต์มรรคแล้วครับ เหลือแต่ตัดขั้นสุดท้ายรวมบารมีทุกอย่างให้ถึงผลในชาติที่มาทำหน้าที่เป็นพระสัมมาขนรื้อพวกของตัวเองที่สร้างบารมีมาด้วยกันไปพระนิพพานครับ

    ตัวอย่าง หลวงพ่อชื่อดังๆที่บารมีเต็มแน่ๆคือ หลวงพ่อดู่ หลวงพ่อปาน ครับ แต่ถ้าสมัยที่ท่านยังอยู่ไปถามเรื่องตัดกิเลสท่าน ท่านก็แนะนำไปถามกับพระอรหันต์แทนอยู่ดี ไม่ใช่ท่านไม่รู้หรือแนะนำไม่ได้ แต่ยังไม่ถึงเวลาวาระหน้าที่ของท่านที่จะต้องบอกต้องสอนเรื่องหลุดพ้นครับ
     
  3. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    แต่ถ้าเป็นสายพุทธภูมิ จะย่ำด้านสมาธิทุกขั้นในกรรมฐาน40จนช่ำ ว่ากันตั้งแต่กำลังสะสมบารมีกันขั้นต้น ขั้นกลางแล้วครับ เรื่องของปัญญาจะมาเน้นกันจริงๆก็ขั้นปลายเกือบเต็มครับ มีเวลาเยอะเรียนรู้เป็นหลายๆอสงไขย ครับ
     
  4. ฮักตัวน้อย

    ฮักตัวน้อย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +28
    แล้งถ้าหากเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มปรารถนา บารมียังน้อยอยู่ จะเป็นเหมือนกันไหม
     
  5. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    งั้นผมเอาเองพูดบอกตามจริงเลยครับ ผมก็ปรารถนาเหมือนกัน บารมียังอยู่ในขั้นต้นของแบบศรัทธา กี่อสงไขยช่างมันนานมาก ผมก็กำลังสะสมกำลังด้านสมาธิไปเรื่อยๆครับ ทำได้ไม่เยอะอุปจาระ ปฐมฌานต้นๆ บอกกันตามตรงมันติดแหงกอยู่เท่านี้ คือไปเร่งมันไม่ได้ครับมันถอยมาเรียนใหม่ มันต้องว่ากันช่ำจริงๆ ว่ากันแค่อุปจาระปีติต้องผ่านกันทุกตัว จะเลยไปเลยเหมือนคนทั่วไปจับเอาปัญญากันเลยไม่ได้ครับ ถึงว่าชาตินี้คุณจะเน้นปัญญาทั้งชาติ เกิดชาติใหม่คุณก็ต้องมาตั้งหน้าว่ากันที่อุปจาระปีติให้ครบทุกอย่างอีกครับ คือมันเร่งรัดให้จบพรึบเดียวเลยไม่ได้มันต้องเรียนจนรู้ทุกอย่างด้วยตนเอง นี่ว่ากันแบบโพธิตรงๆนะครับ

    ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้มาทางนี้เขาก็รวบรัดไปกันได้เร็วได้ โพธิมีกฏอยู่ว่าถ้าคุณไม่ลาพิจารณาให้ตายยังไงคุณก็บรรลุตัดกิเลสแบบพระอริยะไม่ได้ครับนี่ผู้ปรารถนาโพธิรู้กันดี
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หาก "ทำ" ตรงนี้ได้ "จริง"
    +++ "รูป" ย่อมแยกออกเป็นส่วนหนึ่ง และ "นาม" ย่อมแยกออกเป็น อีกส่วนหนึ่ง
    +++ เปรียบเหมือน "ตะเกียบ" แยกออกจากกันเป็น 2 ซีก ในสภาวะ "ว่าง/รู้"
    +++ ความเป็น "อัตตา" เป็น "นาม" และเป็น "ตน"
    +++ ส่วนความเป็น "ตัว" นั้นเป็น "รูป" และเป็น "กาย"
    +++ หาก "ทำ" ตรงนี้ได้ "จริง"
    +++ ไม่ต้อง "อยาก" มันก็ "เป็น ว่าง/รู้" อยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว
    +++ ว่าง/รู้ นี่แหละที่ "พ้น" เกิด/แก่/เจ็บ/ตาย และ "ทุกข์" ไม่สามารถตั้งอยู่ได้
    +++ มันไม่มีทั้ง "อยาก/ไม่อยาก" ถ้าทำไดจริง มันมีแต่ "เป็น/ไม่เป็น สภาวะรู้" เท่านั้น
    +++ อภิญญา ล้วน "บันจุ" อยู่ข้างใน "นาม+รูป"
    +++ เมื่อ "เป็น" ว่าง/รู้ จริง ก็ย่อม "รู้รอบ" ในกองขันธ์ ตามความเป็นจริง
    +++ และเมื่อนั้น "ย่อมมี อภิปัญญา" ในการใช้ขันธ์ ตามความเป็นจริง
    +++ ผู้ที่ปรารถนา "พุทธภูมิ" ย่อมได้แค่ "อภิญญา 5" เท่านั้น ไม่ถึง 6
    +++ หากเข้าถึง 6 เมื่อไร ย่อม "ขาด" จากพุทธภูมิ เข้าสู่ "อริยะภูมิ" ทันที
    +++ พุทธภูมิ นั้น "ไม่ใช่" อริยะภูมิ แต่ประการใดทั้งสิ้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    +++ พุทธภูมิ เป็น ระยะ สร้าง/สะสม/รวบรวม "บารมี"
    +++ อริยะภูมิ เป็น ระยะ เก็บเกี่ยว/นำมาใช้ "บารมี" เรียบร้อยแล้ว

    +++ พุทธภูมิ เปรียบเสมือน คนกำลัง "ปลูกข้าว" ส่วนจะมีที่นา ใหญ่/เล็ก ก็แล้วแต่
    +++ อริยะภูมิ เปรียบเสมือน คนกำลัง "หุงข้าว" ส่วนจะมาจากที่นา ใหญ่/เล็ก ไม่เกี่ยว

    +++ พุทธภูมิ เปรียบเสมือน คนกำลัง "ปลูกข้าว" ยังไม่ได้ "กินข้าว"
    +++ อริยะภูมิ เปรียบเสมือน คนกำลัง "กินข้าว" เมื่อ "กินอิ่มแล้ว" ก็แล้วกัน แค่นั้น นะครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ไม่ปรารถนานิพพานเป็นปฎิธานครับ

    การแยกรูปแยกนามได้ไม่ใช่เครื่องประกันว่า
    เราจะหลุดพ้นครับ สมมุติจะเข้านิพพาน
    ต้องขับเครื่องบินเข้า
    แยกรูปแยกนามเหมือนเราขี่จักรยานอยู่
    (เปรียบให้เห็นภาพ)

    เพราะแยกรูปแยกนาม ความเห็นชอบ
    จะเปิดทางให้เราเริ่มต้นเดินปัญญาได้
    แต่ยังต้องไปอีกไกลครับ

    การแยกรูปแยกนาม
    ถ้าเทียบการปฎิบัติคือเริ่มคลานครับ
    คลานนะครับ ต้องไปปัญญาทางธรรมต่อ
    และไปปัญญาญานต่อ แม้ได้ปัญญาญาน
    ก็ไม่ใช่ว่าจะพ้นได้ เพราะระหว่างทางมีอะไร
    อีกมากมาย เอาง่ายๆหมอขูดหินปูน
    จิตเราอยู่ที่ไหนตอนนั้น

    สรุป มันไม่เกี่ยวกันหรอกครับ
    จิตที่วิถีไปด้านไหน มันไปตามจริต
    อนุสัย วิบาก นั่นหละครับ
    จิตที่พ้นต้องเหนือเรื่อง จริต
    อนุสัย วิบากเหล่านี้
    ส่วนพฤติกรรมจะดำเนินไปเอง
    โดยไม่สนใจว่าปรารถนาอะไรหรอกครับ
    ทำไปครับ อนาคตจะเข้าใจเอง
    ไม่มีอะไรหรอก
     
  8. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    การพิจารณารู้จักแยกรูปแยกนามออกจากกันได้ เป็นนามรูปปริจเฉทญาณ อันเป็นญาณ
    ลำดับที่ 1 ครับ ถ้าเจ้าของกระทู้เป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ก็ยังสามารถพัฒนาญาณ
    ที่ต้องพิจารณารูปนามไปตามลำดับญาณอีกมากครับ อีกสิบกว่าลำดับเพราะจะเข้าสู่ญาณโลกุตรก็ลำดับ 13 - 16 ลองศึกษาเรื่องลำดับญาณดูครับ
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อีกนัยยะหนึ่ง คือ ให้เทียบเอากับ "ปฏิจจะสมุปบาท" จากตรงนี้ คือ
    ======================================
    +++ คำถามมาว่า "แยกรูปแยกนาม ถอนความเป็นอัตตาตัวตนได้แล้ว"
    +++ เป็นคำถามในท่อนนี้ คือทำ "วิญญาณะปัจจะยา นามะรูปัง" ได้แล้ว

    +++ แล้วถามต่อไปว่า "แต่คนนั้นยังไม่อยากเข้านิพพานเป็นไปได้ไหม"

    +++ คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับ "คน ๆ นั้น" ทำตรง "สังขาระปัจจะยา วิญญาณัง" แล้วหรือไม่
    +++ ต่อจากนั้น ทำ "อะวิชชาปัจจะยา สังขารา" พ้นหรือไม่
    ======================================
    +++ อีกประการหนึ่ง คือ ให้เทียบเอากับ "สังโยชน์ 10" จากการแยก รูป/นาม/ถอนอัตตา ได้คือ

    +++ เป็นคำถาม ที่พ้น "รูป/อรูป ราคะ" รวมทั้ง "มานะ" ไปแล้ว
    +++ เป็นคำถาม "ที่อยู่ใน สังโยชน์ 2 ตัวสุดท้าย"
    +++ คือ 1. อุทธัจจะ/กุกกุจจะ (สังขารา) และ 2. อวิชชา
    ======================================
    +++ พระพุทธองค์ ทรงกล่าวว่า "ผู้ที่ ตก เข้าสู่กระแสแล้ว ย่อมไม่ หวลกลับ"
    +++ คำถามนี้ อยู่ในระดับ "อนาคามี" ที่พ้น "รูป/อรูป/มานะ" ไปแล้ว

    +++ ให้ เจ้าของกระทู้ พิจารณาเอาเองว่า "เป็นไปได้ไหม"
    +++ แม้ว่า จะเป็นคำถามที่ "อยากถามเฉย ๆ"
    +++ ผมก็ "แค่ตอบให้เฉย ๆ " เท่านั้น นะครับ
     
  10. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +3,090
    หากการปฏิบัติแล้วเสร็จถึงขั้นแยกรูปแยกนามได้ จะเข้าถึงความเป็นจริง และจะล่วงรู้ว่าทุกสรรพสิ่งมีกำหนด มีเวลาของมันครับ ถ้ากำหนดของผู้ฝึกอยากให้จบตรงนั้น ก็จะจบตรงนั้น หากไม่ได้กำหนดว่าให้จบตรงนั้น ก็จะต้องเป็นไปตามกำหนดครับ พระพุทธเจ้าก็บรรลุและได้เข้าใจว่ายังไม่ถึงกำหนดของตนเอง เพราะต้องตายตอนอายุ ๘๐ ปี ก็ทำตามหน้าที่ที่กำหนดให้ทำ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือฝืนชะตา ทำได้แค่ยอมรับและทำความเข้าใจเหตุผลนั้น พุทธองค์รู้อนาคต เห็นอนาคต เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว มันกำหนดแล้ว เพียงแต่เป็นกาลข้างหน้า เหนือกว่าสามัญสำนึกปุถุชนที่ติดในกาลปัจจุบันจะเข้าใจ อธิบายมากไปจะพาหัวระเบิด เอาเป็นว่าคำตอบคือ สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้จนถึงวาระนั่นเองครับ
     
  11. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    คนเรา เกิดมา ก็มีความรู้อยู่กับตัวอยู่แล้วที่ขึ้นชื่อว่าสมองตัวสมองจิตนี้ถ้าเราดูดีๆมันจะทำให้เราเห็นว่าในตัวเราสามารถแยกออกมาได้ถึงหลายส่วนตัวสมองนี้แยกน้ำให้เราเห็นก็ได้แยกกายให้เราเห็นก็ได้แต่แยกออกจากตัวเองไม่ได้หรอกครับทำได้ยากมากก็ทำได้ก็คงเป็นสุดยอดแล้วล่ะครับตอนนี้นะครับ...ขอบคุณครับ
     
  12. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    แค่โดนลมผมก็คิดว่ามันเป็นอภิญญาแล้วนะครับ เพราะว่าอภิญญาก็เหมือน เพราะว่าอภิญญาก็เหมือน L ธาตุอะไรอย่างนึ เพราะว่าอภิญญาก็เหมือน L ธาตุอะไรอย่างนึงแต่กา เพราะว่าอภิญญาก็เหมือน L ธาตุอะไรอย่างนึงแต่การอะไรที่คนเราจะไปฝึกก เพราะว่าอภิญญาก็เหมือน L ธาตุอะไรอย่างนึงแต่การอะไรที่คนเราจะไปฝึกก็คงไม่ผิดหรอกบ้างครั เพราะว่าอภิญญาก็เหมือน L ธาตุอะไรอย่างนึงแต่การอะไรที่คนเราจะไปฝึกก็คงไม่ผิดหรอกบ้างครับที่เราจะทำจะไปฝึกมั เพราะว่าอภิญญาก็เหมือน L ธาตุอะไรอย่างหนึ่งแต่การอะไรที่คนเราจะไปฝึกก็คงไม่ผิดหรอกบ้างครับที่เราจะทำจะไปฝึกมันเป็นผมผมก็ฝึกต่อครับเรื่องอภิญญา ระหว่างที่การนั่งสมาธิก็คิดเรื่องอภิญญาอยู่เสมอ ก็อยากทราบเหมือนกันครับว่าอภิญญาคืออะไรอภิญญาใช่ฤทธิ์เดชหรือไม่ก็ยากทราบเช่นเดียวกันครับ
     
  13. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    ผู้เจริญกรรมฐาน ที่ไม่เจริญวิปัสนาญาน
    หรือเจริญวิปัสนาด้วยแต่ยังไม่ก้าวสู่ความเป็นอริยบุคคล เนื่องจากปรารถนาพุทธภูมิหรือเหตุอื่นก็ตาม สามารถพัฒนาจิตได้ถึง สมาบัติ 8 และสามารถมีอภิญญา 5 ได้ครับ
    อยากให้เจ้าของกระทู้ศึกษาต่อในเรื่องที่เสนอนี้เองน๊ะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...