มุมไม่มืดในป่ามะม่วง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 10 ธันวาคม 2018.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    mangifera-indica-fruits.jpg

    มุมไม่มืดในป่ามะม่วง

    โดย อนามิส
    จากโลกของเหตุผล ผมกำลังดุ่มดิ่งลุ่มลึกลงไปสู่โลกของผลจากเหตุอันไม่อาจใช้เพียงเหตุผลเป็นมาตรการวัดความเป็นสัจจะได้

    ค่ำคืนวันนั้น เป็นโอกาสที่ผมรับทราบวิธีการรวบรวมความทรงจำของมนุษย์ ซึ่งอาจทบทวนย้อนไปถึงอดีตเก่าแก่ ยิ่งกว่าสมัยที่เราเป็นเด็กแบเบาะ หรือนอนคุดคู้อยู่ในครรภ์นั่นคือ ชีวิตก่อนที่จะมาถือกำเนิดเป็นคนในทุกวันนี้ และตื่นใจกับวิธีการก้าวข้ามไปดูอนาคตของเหตุการณ์ที่ยังไม่บังเกิดขึ้น

    การหยั่งลงไปสู่มิติของอดีต และเยี่ยมกรายล้ำหน้าไปสู่มิติของอนาคตที่จะอุบัติต่อไป พูดกันด้วยเหตุผลธรรมดาแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อเหลือเกิน

    เรากำลังอยู่ในพระอุโบสถสร้างใหม่ มีอายุประมาณห้าปีเท่านั้น

    “สถานที่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธ์ ผู้ที่มีจิตผ่านการปฏิบัติมาแล้วจะทราบได้ว่า มีอะไรหลายอย่างนอกเหนือจากที่สายตาเราแลเห็นอีกเป็นอันมาก!”

    พระภิกษุสองสามท่าน อยู่ห่างจากเราไม่เกินหนึ่งวา แต่สุ้มเสียงของท่านเหมือนกับดังมาจากสถานที่อันไกลแสนไกล ร่างกายเนื้อหนังมังสาของท่านถูกบรรยากาศภายในพระอุโบสถอันกว้างขวางแทรก แยกท่านไว้ราวกับอยู่คนละภพ
    เป็นโบสถ์ที่นอกจากจะมีรูปร่างแปลก ยังมีกระแสของความกดดันอันเร้นลับแผ่ซ่านอย่างประหลาด

    พระประธานองค์ใหญ่ประทับนั่งอยู่บนฐานชุกชีลายปูนปั้น ประดับกระจก มีแสงสว่างส่องต้ององค์พระจนสีทองเกิดประกายเจิดจ้า บริเวณอื่นนอกจากนั้นความมืดปกคลุมทึมทึบสลัวหน้ากลัว!

    ณ ผืนดินจุดเดียวกันนี้ เคยก่อสร้างเป็นพระอุโบสถแล้วก็พัง แล้วก็มีการสร้างกันขึ้นใหม่อีก อย่างน้อยก็สามครั้งสามหน เท่าที่หลักฐานปรากฏ ท่านพระครูญาณสังวร เจ้าอาวาสขอพระราชทานผูกพัทธสีมา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประกาศนามวัดว่า “อัมพวัน” ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
    อัมพวัน แปลว่า ป่ามะม่วง ครับ

    ราชทินนามญาณสังวร ในสมัยหลังปรากฏความสำคัญมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงสยาม จะทรงพระราชทานถวายให้แก่พระภิกษุรูปสำคัญ อันเป็นที่สรรเสริญคุณธรรมอย่างยิ่งเท่านั้น

    สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน วัดราชสิทธาราม ผู้ทรงพระเมตตาธรรมสามารถทำให้ไก่ป่าเปลี่ยวกลับเชื่องได้ ได้รับพระราชทานเป็นองค์หลังสุด ต่อจากนั้นก็เว้นว่างมาถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี ก่อนจะถึงสมเด็จพระญาณสังวรแห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ขณะนี้ (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก)

    พระครูญาณสังวร แห่งวัดอัมพวันก็เป็นที่เลื่องลือมาก ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ ฝรั่งชาวฮอลันดาเข้ามาค้าขายติดต่อกับราชอาณาจักรไทย ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้นำเอาพระพุทธรูปนาคปรกสององค์เข้ามาถวาย
    สมัยพม่ายกทัพมารบพระนครศรีอยุธยา ตั้งทัพอยู่ปากแม่น้ำบางพุทราลพบุรี ทำลายวัดวาอารามต่าง ๆ เสียหายเป็นอันมาก แต่วัดอัมพวัน ปลอดภัยรอดอยู่ได้อย่างอัศจรรย์

    พระพุทธรูปนาคปรกที่ฝรั่งนำมาถวายในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ฯ ยังคงสภาพสมบูรณ์เก็บรักษาอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้

    ท่านเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี องค์ปัจจุบัน คือ หลวงพ่อพระครูภาวนาวิสุทธิ์(พระภาวนาวิสุทธิคุณ)
    ราชทินนามของท่านระบุบ่งว่าเป็นพระภิกษุสายปฏิบัติบำเพ็ญเพียร ผ่านการฝึกฝนเล่าเรียนด้านภาวนาจากพระภิกษุสุปะฏิปันโนหลายท่าน เช่น พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) หนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์, พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี) วัดอโศการาม, พระอริยคุณาธร (เจ้าคุณเส็ง) สำนักเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น, หลวงพ่อจง เกจิอาจารย์เวทมนตร์คาถา วัดหน้าต่าง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี และท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธิมุนี ต้นตำรับยุบหนอพองหนอ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ เป็นต้น

    นอกจากนั้นยังศึกษาพระอภิธรรมกับพระอาจารย์เตชิน ภิกษุชาวพม่า ณ สำนักวัดระฆังโฆษิตาราม ธนบุรี ศึกษาวิชาโหราศาสตร์จากสมเด็จพระสังฆราช (ญาโณทย มหาเถร) วัดสระเกศวรวิหาร อีกด้วย

    ผมไปที่วัดอัมพวันครั้งแรกมิได้ตั้งใจ โดยติดไปกับคุณ ท. เลียงพิบูลย์แห่งคณะ “กฎแห่งกรรม” และคุณประสิทธิ์ การุณยวนิช ผู้ก่อตั้งเมตาฟิสิคส์ อินสติติวออฟไทยแลนด์

    ขณะหลวงพ่อพระครูภาวนาวิสุทธิ์นำคุณ ท. และคุณประสิทธิ์ ชมสถานที่ ท่านเปิดเผยถึงการฝึกจิตที่สำนักวัดอัมพวัน
    เพียงเวลาสามชั่วโมง ผู้ที่มีกรรมเล็ก ๆ น้อย ก็จะเห็นได้ด้วยตนเอง

    ต่อจากนั้น ผมก็ซัดเซเข้าไปแวะโดยมิได้ตั้งใจอีกสองครั้ง ตอนบ่ายหนหนึ่ง ก่อนเวลาพอดีพระอาทิตย์ชิงพลบอีกคราว
    ใกล้ค่ำ นกสารพัดชนิดมาจับต้นไม้ใหญ่เกือบทุกต้นเท่าที่มีส่งเสียงกันแซ่ดไป

    วัดอัมพวันมีพันธุ์ไม้กว่าสามร้อยแปดสิบชนิด คุณหลวงบุเรศ บำรุงการ ท่านเอาไปจัดปลูกไว้ ปักป้ายบอกชื่อประจำต้นอย่างเรียบร้อย

    ต้นไม้ดอกสีม่วงอ่อน มีเม็ดเหลืองเป็นพวง อย่างที่พบบนภูเขาวัดถ้ำกองเพล เส้นทางระหว่างจังหวัดอุดรธานีไปยังจังหวัดเลย ผมมาทราบชื่อที่วัดอัมพวันนี่เองว่า ชื่อ “เทียนหยด”

    จำปีเหนือ แคแสด มะขามป้อม พุดจีน ประยงค์ ปัตตาเวีย งาช้าง สบู่ส้ม ชมพูพันธ์ทิพย์ เถาวัลย์หลง อโศกขาว สุพรรณิกา มะตาด อินทผลัม ธรรมบูชา เหล่านี้ เป็นชื่อพันธุ์ไม้สะพรั่งอยู่ในวัดอัมพวันทั้งนั้น ต้นแหย่ง บางคนเรียกว่า ‘เล็บครุฑ’ ต้นฝิ่นออกดอกสีชมพูหยัก คว่ำหน้าคล้ายชบาแฉก

    พระอุโบสถทรวดทรงแปลกตา ก็ใช้ไม้พุ่มเตี้ยตัดเป็นกำแพงแก้ว ใบเสมาติดไว้กับผนังโบสถ์แบบเดียวกับพระอุโบสถวัดมหาธาตุในกรุงเทพฯ

    พระครูภาวนาวิสุทธิ์ท่านนี้แหละครับ ที่ท่านสร้างพระเครื่ององค์เล็ก ๆ มีอภินิหารเปล่งแสงเรืองอยู่ในตู้เก็บของ ขณะที่จิตวิญญาณของร้อยเอกชาญ สุริยันต์ ซึ่งเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกในสมรภูมิเวียดนาม ปรากฏกายแต่งเครื่องแบบสนาม นัยน์ตาดำเป็นนิล ไม่มีนัยน์ตาขาว เข้ามาหาร้อยเอกเสถียร สถานพล ขณะนอนเฝ้าโรงทหารในค่ายอาสาสมัคร จังหวัดกาญจนบุรี ที่ผมเล่าในบทที่แล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    (ต่อ)
    พระองค์ที่มีเสียงกระซิบเตือนร้อยเอกเสถียร สถานพล (ยศสมัยเมื่อเหตุการณ์อุบัติขึ้น) มีชื่อว่า พระพุทธนฤมิตโชค สร้างเป็นสองแบบ ปางสมาธิกับปางประทานพร

    ผงวิเศษที่ผสมเป็นองค์พระ ประกอบด้วย แร่เศรษฐีป้อมเพชร จากดงเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร, แร่ทรหด จากถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่, แร่เม็ดมะขาม จากเจดีย์หัก บ้านแป้ง เจดีย์วัดปราสาท จังหวัดสิงห์บุรี, ข้าวตอกพระร่วง จากจังหวัดสุโขทัย, แร่ขวานฟ้า จากท่านอาจารย์หร่ำบ้านเตาอิฐ, แร่ขี้เหล็กไหล จากเขาหลวง จังหวัดนครสวรรค์, แร่สังคะวานร จากโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร, อิฐดอกจันทร์ จากวัดค่ายบางระจัน, คตปลวก จากโคกดิน วัดพระปรางค์มุนี, คตไม้สัก จากดงพญาเย็น จังหวัดนครราชสีมา, ขี้ปรอท จากเพชรบูรณ์, ผงกรุพระ จากวัดพระธาตุ ชัยนาท ส่วนหนึ่ง จากกรุพระของหลวงพ่อ จากจังหวัดปราจีนบุรี, จากกรุพระอาจารย์ร้อยแปด ในจังหวัดสิงห์บุรี, จากกรุพระของพระครูวินิจสุตคุณ จังหวัดอ่างทอง และจากกรุพระของพระครูเปลี่ยน วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพฯ

    สรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ หลวงพ่อพระครูภาวนาท่านเดินทางไปจัดสรรค้นหามาด้วยตนเองทั้งสิ้น ที่สามารถกระทำได้ก็เพราะก่อนสมัยจะได้รับตำแหน่งเป็นครูบาอาจารย์สอนพระกรรมฐาน ท่านศึกษาเวทย์มนตร์ไสยศาสตร์ และเคยธุดงค์รุกขมูลไปยังที่ต่าง ๆ แหล่งกำเนิดของแร่มงคลศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นมาก่อนแล้ว

    ผงวิเศษบางสิ่งมีการติดต่อกับจิตวิญญาณผู้เป็นเจ้าของดั้งเดิม เพื่อขออนุญาตนำมาใช้ และบางอย่างเดินทางเข้าไปนำมา ต้องผ่านภัยธรรมชาติ อาศัยพลังจิตอันเข้มแข็งและเมตตาธรรมอย่างสูงส่งเป็นเครื่องช่วยคุ้มครอง

    ผมนึกเห็นภาพพระธุดงค์ห่มกาสาวพัสตร์สีย้อมกลัก จุดเทียนเดินเข้าไปในถ้ำมืดแต่เพียงลำพัง ผนังถ้ำเบื้องบนต้องประกายไฟสะท้อนแสงเป็นสีเขียวระยับ ท่ามกลางพื้นถ้ำยั้วเยี้ยไปด้วยบรรดางูใหญ่น้อย แม้งูที่ร้ายที่สุดเช่น จงอาง แผ่พังพานชูคอขึ้นมาสูงเกือบถึงเอวคน ส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ

    นั่นคือภาพของสภาพการณ์ตอนหลวงพ่อพระครูภาวนาฯ ท่านเข้าไปขูดขี้เหล็กไหล “เจ้าถ้ำเจ้าเขาไม่ยอมให้นำออกมาทั้งก้อน ต้องใช้วัสดุมีคมขูดเพียงขี้ของมันมาเท่านั้น”

    ดงเศรษฐี เดี๋ยวนี้ไม่มีเศรษฐี แต่ครั้งโบราณกาลเป็นถิ่นของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินสิ่งของนอกกายอันมีค่าทั้งหลาย ที่ป้อมเพชรดงเศรษฐี จัดเป็นที่แรงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เนื่องด้วยจิตวิญญาณผู้มีทรัพย์ยังคงผูกพันวนเวียนอยู่กับทรัพย์ทั้งหลายที่เคยเป็นสมบัติของเขาสมัยเป็นมนุษย์จนกลายเป็นแผ่นดินที่มีอาถรรพ์ไป

    มโนภาพของผมถ่ายทอดให้เห็นพระภิกษุธุดงค์รูปร่างผอมบางท่านเดียวกัน กระทำพิธีไสยเวทสักการะจิตวิญญาณอดีตเศรษฐีบอกกล่าวขออนุญาตนำแร่เศรษฐีมาสร้างพระพุทธรูปองค์เล็กเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจพุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง
    ฉับพลันทันใดนั้น ก้อนแร่กลมโตก็ผุดขึ้นมาพ้นดินเบื้องหน้าพระธุดงค์อย่างอัศจรรย์

    โพธิ์ประทับช้าง เป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ พระมหากษัตริย์อันเป็นที่เลื่องลือทั้งเรื่องของความจงรักภักดี ความเคร่งต่อจารีตศักดิ์ศรีของชายชาตรีพันท้ายนรสิงห์ และความเป็นนักเลงคุณไสยคงกระพันต่าง ๆ

    อิฐที่บางระจัน ก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักเกิดปรากฏการณ์ประหลาดแก่ผู้ที่หยิบฉวยนำเคลื่อนย้ายจากสถานที่ดั้งเดิม ทุกก้อนมีตราดอกจันทร์ประทับกำกับอยู่ ส่วนมากก้อนหนึ่ง ๆ มีตราสามดวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หลวงพ่อพระครูภาวนาอธิษฐานขอจากจิตวิญญาณเพื่อการสร้างพระมีตราดอกจันทร์ประทับอยู่มากที่สุด คือมีตราถึงเก้าดวง

    ผมได้เริ่มต้นเรื่องของมุมไม่มืดในป่ามะม่วงว่า เรากำลังจะคุยกันถึงสาเหตุที่ส่งผลผิดธรรมดา อันไม่สามารถจะยกเอาเหตุและผลขึ้นมาวัดความเป็นสัจจะได้ การที่แร่ผุดขึ้นจากดินได้เอง หรือพออธิษฐานจิตขอต่อจิตวิญญาณคนกล้าบางระจัน ก็ได้มาซึ่งอิฐที่มีตราประทับมากกว่าธรรมดาก็ตาม เป็นเพียงเรื่องปลีกย่อยเท่านั้น

    ที่วัดอัมพวันมีเสียงบุคคลที่คนไม่ได้ฝึกฝนพลังจิตพิสดาร พจพ. ไม่เห็นตัวผู้พูด ไม่สามารถได้ยินเสียงได้นอกจากในบางกรณี

    เราจะว่ากันถึงเจ้าของเสียงประหลาด หรือเสียงจิตวิญญาณจากปรโลกส่งกระแสข้ามมิติโลกที่ซ้อนกันให้มนุษย์ธรรมดารู้เรื่องราวก่อน

    ในตอนที่แล้ว ผมเล่าถึงเสียงจากพระเครื่องปางบำเพ็ญภาวนาสมาธิ ปรากฏแสงเรืองขึ้นในตู้เก็บของ ของร้อยเอกเสถียร สถานพล ก่อนที่จิตวิญญาณร้อยเอกชาญ สุริยันต์ จะเวียนมาเยี่ยมเยียนอีกเป็นรอบที่สี่ ผู้กองเสถียรได้ยินเสียงเตือนว่า “ประเดี๋ยวเขาจะมาอีก ถ้าเขามาครั้งนี้แล้ว อย่าลืมบอกเขาด้วยนะว่าจะทำบุญไปให้”

    พอจิตวิญญาณ รอ.ชาญ ปรากฏมาอีก คุณเสถียรประหวั่นเสียจนพูดกับผีไม่ออก เสียงจากมิติอื่นต้องเตือนให้บอกเรื่องการจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงสี่ครั้ง

    พระเครื่องวัดอัมพวันรุ่นนั้น ก่อนจะกระทำพิธีพุทธาภิเษก มีท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏในนิมิตบอกว่า “พระนี้ดีอยู่ในตัวแล้ว ไม่ต้องกระทำพิธีปลุกเสกใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ให้ท่านพระครูนั่งบริกรรม แล้วนิมนต์พระสงฆ์สวดธรรมจักรกับพาหุงแปดบทและสวดบารมีสามสิบทัศ ให้ได้ครบร้อยแปดจบก็พอแล้ว”

    พระครูที่บริกรรมนั่งปรกนอกจากหลวงพ่อพระครูภาวนาวิสุทธิ์ผู้สร้าง ก็มีหลวงพ่อแพ (พระครูธรรมโสภิต) วัดพิกุลทอง ซึ่งกิตติคุณเป็นที่ประจักษ์เลื่องลือนั่นเอง

    พอสร้างสำเร็จยังไม่เข้าพิธี มีโหรหลวงท่านหนึ่งขอชมพระของหลวงพ่อพระครูภาวนา พอพิจารณาแล้วท่านผู้นั้นกล่าวเช่นเดียวกับจิตวิญญาณในนิมิตว่า “พระนี้มีดีในตัวแล้ว ผมขอทำบุญกับท่านร้อยบาท ผมขอหนึ่งองค์ จะเอาไปเลี่ยมใส่กรอบเดี๋ยวนี้เลย”

    เสียงประหลาดอีกรายหนึ่งไปเกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี กับคนรถของคุณสมเจตน์ วัฒนสินธุ์
    คุณสมเจตน์ เป็นวิศวกรผู้คิดค้นเกี่ยวกับผลิตกรรมไฟฟ้า การแปลงสายจากสามเส้นเป็นเส้นคู่ และดำเนินการสร้างโรงงานผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าขึ้นในประเทศไทย

    ระหว่างที่คุณสมเจตน์ไปธุรกิจที่จังหวัดสุพรรณ และจำเป็นต้องพักค้างแรมในเวลาค่ำคืน คนรถของคุณสมเจตน์ฝันเห็นคนแก่มีหนวดเครารุงรังเดินเข้ามาหา คนแก่ในฝันหยิบองค์พระห้อยคอของเขาดู แล้วพูดว่า “กูอยู่วัดมานาน ยังไม่ได้สักองค์เลย!”
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    (ต่อ)
    เสียงประหลาดข้ามมิติ ในเวลาค่ำคืนที่ป่ามะม่วงยังมีอีก และมีอย่างยืนยันเรื่องชาติก่อนชาตินี้และชาติหน้าภายหลังความตายของมนุษย์ในชาตินี้ได้เป็นอย่างดี

    เกี่ยวกับพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งหลักฐานจารึกบนตู้ลายรดน้ำ ระบุว่าอุบาสกอุบาสิกาสร้างถวายในปี พ.ศ. ๒๒๐๐ ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตู้หนึ่ง กับตู้ลายรดน้ำจารึกว่านายเจียก สร้างถวายเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ ปีซึ่งกรุงศรีอยุธยาราชธานีเสียแก่พม่าข้าศึกครั้งหลัง

    ตกมาถึง พ.ศ. ๒๕๐๐ กว่าสภาพของวัสดุต้านกระแสลมยืนหยัดสู้สายฝนซัดสาดมาเป็นเวลานับร้อย ๆ ปี จะอยู่ในสภาพอย่างใดลองนึกดูเถอะครับ

    เวลาสี่นาฬิกาคืนวันหนึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ขณะพระครูภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสนั่งสมาธิอยู่ มีเสียงกระซิบของผู้ชาย สำเนียงบอกบ่งความสูงอายุ บอกว่า “โบสถ์พัง โบสถ์ท่านพังแล้ว อย่าไปไหนนะ!”
    ครั้งนั้นหลวงพ่อพระครูภาวนาฯ ท่านคิดว่าเป็นเสียงของผู้ใดผู้หนึ่งในวัดกล่าวกับท่าน เพราะว่าเป็นการได้ยินอย่างแจ่มชัดมาก

    ท่านลืมตาขึ้นมองหาเจ้าของเสียง จึงทราบว่าไม่ใช่เสียงของมนุษย์ เพราะไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดอยู่ใกล้ท่านเลย
    หลับตากระทำสมาธิต่อ เสียงชายชราก็กระซิบข้อความซ้ำกันเช่นนั้นอีก

    พอรุ่งอรุณ หลวงพ่อจึงเดินออกไปพบพระภิกษุเฟื่อง ซึ่งท่านเข้าไปกระทำศาสนกิจในพระอุโบสถเป็นประจำเพื่อสอบถาม “โบสถ์เราพังเมื่อไร? โบสถ์เราพังหรือเปล่า?”

    หลวงพี่เฟื่องตกใจ “โบสถ์ไม่ได้พัง ผมเพิ่งออกจากทำวัตรในโบสถ์เดี๋ยวนี้เอง”
    “งั้นไปดูกันหน่อยซิ”

    หลวงพ่อพระครูเดินนำหน้า มีพระภิกษุเฟื่องเดินตาม ไปยืนพิจารณาสังขารคร่ำคร่าของพระอุโบสถอยู่ครู่เดียว
    “เปรียะ!” เสียงตัวไม้ลั่นต่อหน้าต่อตา บางส่วนของเชิงชายหน้าพระอุโบสถยุบเอียงฮวบ มีลักษณาการเหมือนนกปีกหัก กระเบื้องและเศษปูนหล่นกราว

    “อย่าเพิ่งพังลงมาเลย ผลัดขอแรงคนเขามารื้อเสียก่อน!” หลวงพ่อท่านบอกกล่าว
    ครั้นแล้วการติดตามระดมแรงทั้งพระและชาวบ้านมาช่วยกันขนข้าวของจึงเริ่มขึ้น จัดการรื้อเฉพาะเชิงชายออกก่อน

    ในพระอุโบสถหลังใหม่เวลาราตรีกาลช่างเงียบกริบ ผมปล่อยให้เพื่อนที่ไปด้วยกันสอบถามข้อความเรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับสวรรค์และนรกที่มนุษย์สามารถแลเห็นได้ ถ้ามีความตั้งใจต้องการจะเห็นโดยอาศัยพระคาถา ‘ระเบิดเปิดโลก’ ของหลวงพ่อเขียนวัดตะพานหิน ที่หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร ‘ฤาษีลิงดำ’ ท่านเคยทดลองให้หลวงพ่อเขียน เขียนเลขสลากกินแบ่งที่จะออกล่วงหน้าครบทุกตัว ผนึกเก็บไว้ตรวจสอบเมื่อเวลาออกแล้ว

    เลขที่หลวงพ่อเขียน เขียนไว้ออกตรงครบทุกตัวของรางวัลที่หนึ่ง!
    นานแล้วไม่ได้ย่างกรายเข้าไปอยู่ในพระอุโบสถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาค่ำคืนดึกดื่น เงียบเชียบเช่นนั้น
    พอคุยกันถึงเรื่องมิติที่เรามองไม่เห็น และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระอุโบสถ ใจผมชักระแวงชอบกล อดชำเลืองไปในที่ไกลมุมสลัวไม่ได้

    สายตากวาดต่อไปที่พระบรมรูปของบุรพกษัตริยาธิราช
    “องค์นั้นมีการลงพลังจิตหรือเปล่าครับ? มีกระแสเปล่งออกมาแรงเหลือเกิน!” เพื่อนผู้มีพลังจิตพิสดาร-พจพ.ของผมโพล่งออกมาทำเอาแทบสะดุ้ง

    “องค์ไหน?” ผมถามลืมตัว นึกไปว่าตนเองเป็นผู้ที่ถูกขอคำตอบ

    “ไม่มีการปลุกเสกแต่อย่างไร” หลวงพี่ท่านหนึ่งในพระอุโบสถท่านบอก

    “องค์นั้นน่ะครับ รูปของใครครับ?”

    “สมเด็จพระนารายณ์ฯ”

    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ ก่อนที่พระอุโบสถหลังเก่าจะเริ่มพังบางส่วน อุบาสิกาเป้า ปาลวัฒน์วิชัย คหปตานีมีชื่อชาวอำเภออินทร์บุรี ไปเยี่ยมนมัสการหลวงพ่อพระครูภาวนาฯ เสร็จแล้วท่านได้ออกเดินชมพระอุโบสถโดยรอบแลเห็นน้ำไหลขึ้นมาจากพื้นอุโบสถ ได้กราบเรียนว่าชาวจีนถือเป็นนิมิตดี และเสนอแนะด้วยว่า “พระอุโบสถชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว จำเป็นต้องสร้าง รอไปอีกหน่อยหากสร้างก็ควรใช้ที่เดิมนี่แหละจะดีมาก ๆ”

    หลวงพ่อพระครูภาวนาฯ ท่านเคยสร้างพระอุโบสถวัดอื่นมาก่อน ต้องใช้เวลาหลายปี มาพบกับปัญหาที่จะต้องหาทุนสร้างพระอุโบสถใหม่อีก ท่านเปิดเผยว่านึกท้อทีเดียว

    มิติจากภพอื่นบอกว่า “ไม่ต้องห่วง เจ้าของเก่าชาติก่อนเขาจะมาสร้างของเขาเอง!”
    ในฤดูกาลจองกฐินปีที่พระอุโบสถเริ่มพังนั้นเอง คุณทองย้อย ชโลธร จากจังหวัดลพบุรี คุณฟัก ยุติโยธิน จากจังหวัดพิจิตร คุณปรุง ศรีพวงวงศ์ จากนครราชสีมา มีใจตรงกันที่จะมาทอดกฐินที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
    เจ้าภาพทั้งสามตกลงพร้อมใจรวมเป็นกฐินเดียวกัน และร่วมทุนทรัพย์กับคุณสมเจตน์ วัฒนสินธุ์ อีกส่วนหนึ่ง พระอุโบสถใหม่สวยงาม จึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย

    บ่ายอีกวันหนึ่ง ภายในอุโบสถหลังเดียวกัน ผมกราบองค์พระประธานแล้วลองนึกอธิษฐานขอดูฤทธานุภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ในโบสถ์

    “ถ้ามีขอได้โปรดแสดงอะไรให้ผมเห็นสักนิดเถิดเจ้าพระคุณ”
    ผมนั่งพิจารณาความสวยงามขององค์พระ และฐานชุกชีลอยตัวงามเด่นฝีมือของคุณประจวบ จันทร์อุบล กับคณะ กำลังนึกในใจต่อไปว่า การกระทำสมาธิในพระอุโบสถหลังนี้ องค์พระประธานลอยเด่นมีส่วนช่วยในการน้อมนำสมาธิได้อย่างดียิ่ง
    ทันใดนั้น…..

    นกสาลิกาตัวหนึ่งบินถลาเข้ามาทางประตูด้านหลังองค์พระประธาน มันบินวนรอบองค์พระรอบหนึ่ง แล้วก็โผกลับออกไปตามทางเดิม

    นอกจากบ้าภูเขา รักทะเล ผมยังรักนกชอบดูนก วัดที่ไหนมีนกไปชุมนุมอาศัยความร่มรื่น ผมสมัครใจที่จะทึกทักว่าที่นั้นมีความร่มเย็น ให้ความเมตตาแก่บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นอย่างสูง

    นกบินเข้ามาในพระอุโบสถวนเวียนรอบองค์พระปฏิมาทองสว่างโพลนด้วยแสงโคมส่องอย่างนั้น ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องค่อนข้างผิดธรรมดาสักหน่อย

    “ขอให้นกเข้ามาอีกเถอะ ถ้าเป็นอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่ามันบินเข้ามาเพราะเพียงพระอุโบสถอยู่กลางดงไม้ มันย่อมหลงเข้ามาได้เป็นธรรมดา”

    คราวนี้นกบินเข้ามาเป็นฝูงเลยทีเดียว ฉวัดเฉวียนรอบองค์พระประธานสวนทางกันไปมาอยู่พักหนึ่งจึงบินกลับออกไป
    วันนั้นตอนจะกลับ ขณะก้าวขาขึ้นรถ ผมพบไข่ไก่แจ้อยู่บนพื้นทรายลานวัด อยู่ใกล้เท้า จนแทบเหยียบไปโดนมันเข้า
    ไม่พบแม่ไก่ แต่ฟองไข่ยังอุ่นนิ่มอยู่.

    จากหนังสือ คนเหนือโลก จัดพิมพ์โดย สถานีวิทยุ ทหารอากาศ ๓๐๑ บางซื่อ
    ขอบคุณที่มา :- https://rulesofkarma.wordpress.com/ก๓๔-มุมไม่มืดในป่ามะม่ว/
     

แชร์หน้านี้

Loading...