บัญญัติจากตำราที่ความหมายแตกต่างกัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 22 พฤศจิกายน 2018.

  1. เตรียมตัว

    เตรียมตัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +156
    ขอย้ำว่า การปฎิบัติธรรม พยายามทำความสงบ ให้ได้.. ให้เป็น.. ให้จริงก่อน เตรียมตัวให้พร้อมก่อน ให้จิตมีกำลังก่อนนั่นแหละเป็นการดี เป็นฐานที่มั่นไว้ก่อน เหมือนทำการรบ สู้ไม่ไหวก็ถอยมาที่ฐานที่มั่นก่อน ถ้าเราไม่มีฐานที่มั่น ออกไปรบแพ้มามันจะโซซัดโซเซเป๋ไปเป๋มา เหมือนคนมีกำลังดี จะเดินผิดทางหลงทางบ้าง แม้จะเสียเวลาไปบ้างแต่ก็ได้ประสบการณ์ เรามีกำลังเต็มที่ จะผิดจะถูกก็ว่าไปเรามีกำลังเหลือเฝือ เราเดินอยู่ไม่หยุดไม่ถอย เรามีกำลังดีซะอย่าง ไม่ท้อเสียอย่างเดียว ไปได้ผ่านไปได้แน่นอนช้าเร็วแล้วแต่ละบุคคล ดีกว่าพวกประเภทเป็นง่อย ใช้ปากเดินมันก็ไม่ไปถึงไหน ปากแตกปากเจ่อแค่ไหนก็ไปไม่ถึง เป็นง่อยแล้วปากดี แบบนี้ใช้ไม่ได้ วาจากล่าวธรรมแต่สิ่งที่มันวาดลวดลายแอบแฝงอยู่ในใจมันไม่ใช่ธรรม เอะอะก็จะปัญญาท่าเดียว มันก็สัญญาเท่าน้้นแหละ ครูบาจารย์ท่านประเสริฐอยู่แล้วผ่านไปแล้ว ธรรมของท่านคือของท่าน แล้วของเรามันมีอะไร ไม่ต้องไปอ้างท่านมาเข้าข้างตัว เอาความจริงของแต่ละคนของเจ้าของนั่นแหละ ว่ามันจริงแค่ไหน พุทธศาสนาเป็นศาสนาของจริง คนต้องจริง ทำให้จริง ไม่ใช่ศาสนาน้ำลาย ....ไม่ใช่ศาสนาเดา...
     
  2. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขออนุโมทนาครับด้วยความเคารพในธรรมของทุกท่านครับ

    เรื่องการแช่ฌาณนั้น ข้าพเจ้าหมายถึงไปแช่ค้างเติ่งโดยไม่เอาอะไรครับ ส่วนข้าพเจ้านั้น เมื่อมีสมาธิจะมีสติ เมื่อมีสติก็จะมีสมาธิ คู่กันเช่นนี้มานานแล้วครับ เพียงแต่ยังต้องทำจึงมี หากไม่ทำก็ไม่มี ยังทำให้เป็นมหาสติเช่นที่คุณธรรมชาติแนะนำไว้ไม่ได้ครับ

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากแม้นในระหว่างที่ข้าพเจ้าใช้ชีวิตปกติธรรมดาอยู่นั้น ถ้าหากไม่ได้ทำอยู่ เมื่อมีเหตุใดก็ตามมากระทบ ทำให้ข้าพเจ้าไหลไปตามอารมณ์นั้นจนเกิดกิเลสขึ้นมา เช่น รัก โลภ โกรธ หลง มันจะแค่เกิดตรงนั้นแล้วจิตมันจะหยุดของมันเอง แล้วพิจารณาเห็นถึงผลที่จะเกิด

    เช่นความโกรธ มีคนทำให้เราเจ็บแค้นใจมากๆ (ข้าพเจ้าเจอเรื่องแรงๆบ่อยครับ) มันจะแค่โกรธขึ้นมา แต่ไม่ไปทำอะไรต่อ ความคิดแก้แค้นหรือฆ่าก็มีเกิดขึ้นมา แต่แค่คิดไม่สานต่อ ไม่ใช่เพราะกลัวติดคุก ไม่ใช่เพราะกลัวจะทำให้ใครเดือดร้อน แต่เพราะไม่ต้องการจองเวรกับใคร ไม่ต้องการต่อภพชาติไม่ดีต่อไป เราหยุดการเบียดเบียนไว้ที่ของเขาพอ จะไม่ให้มันเป็นของเรา หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมา ถ้าข้าพเจ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ข้าพเจ้าจะหยุดนิ่งเสีย หรือหนีออกไปให้พ้นจากสิ่งนั้น และข้าพเจ้าเองก็ไม่ยุ่ง ไม่เข้าหา และหลีกหนีจากสิ่งที่จะก่อเกิดให้พาไปสู่ความบาปหยาบชั่วทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ บุคคล สิ่งของ หรือสถานที่ ข้าพเจ้าเป็นเช่นนี้มาแต่เด็ก

    และปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าก็พอจะทราบแล้วว่า เส้นทางเดิมของข้าพเจ้าเป็นมาอย่างไร ข้าพเจ้าหลงไปกับเส้นทางที่ไม่ใช่ของตัวเองมานานหลายปี แม้จะมีมาบอกมาเตือนอยู่หลายครั้งก็ตาม

    ต้องขออภัยที่นอกเรื่องไปเยอะครับ
    ขอขอบคุณในคำแนะนำอีกครั้งครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับทุกท่าน.
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ขอโอกาส...

    ตรงที่โกรธแล้วไม่ขยับ แต่ การไม่ขยับเปน
    เรื่องของเหตุผลโลกๆ ...ตามเนื้อความ จัดเข้า
    เปน วิหิงสาวิตก

    แทนที่จะเหน ความเกืดดับ ของความโกรธ
    โดยที่ไม่ต้องใส่วิตก วิจาร

    แล้วที่บอกว่า แช่ได้ มันเลยไม่จรืง

    ไม่ได้หมายความว่า ย้อนแย้งว่า แช่ไม่ได้

    หมานเอา การแช่ ที่เแนการข่ม ให้วิหิงสาวิตก
    มันตามนอนงงเแน อนุสับ

    ถ้า ปล่อยจิต เปลื้องจิต ตามเหน วิหิงสาวิตก
    กำลังเกืด แม้นจะเปนการเกิด เพื่อปรุงไม่โกรธ
    ให้อดทน มีขันตื ที่จะไม่ใส่เหตุผล ยกเหนวิหิงสา
    วิตกเกิดดับแทน

    ทำแล้วได้อะไร

    ได้ รู้ซื่อๆ รู้อย่างยอมจำนน ว่า จิตไม่เที่ยง

    จิตบางครั้งก้ภาวนา บางครั้งก้ตกจากการภาวนา

    อาสัย จืตแสดง สามัญลัดษณ์ด้วยตัวมันเอง

    พอ พิจารณาแบบนี้ จะหน สภาวะจิตที่เลื่อมใส
    ในความ สงบ กับจิตยีงไม่เลื่อมใสในสภาวะ
    พ้นจากอุปาธิทั้งปวง

    ตามดูบ่อยๆ กล้า ยกจิตเพชิญ อริยสัจจ เนืองๆ

    จิตจะถึงฐาน

    ไม่ต้อง ขยับโยคะกรรม เพื่อกดข่มนิวรณ์ อนสัย
    แล สังโยชน์

    ยก กิเลส นิวรณ์ สังโยชน์ แสดงความเกิดดับ

    ยก จิต ที่เปน ภาชนะ เปนมหาเหต ของ สิงใดสิ่ง
    หนึ่ง้กิดขึ้นที่......ดับลงที่......เปนธรรมดา

    อสังชตธรรม อีกฝาก ก้จะค่อบๆ ปุพพภาคแห่ง
    แสงอรุณปรากฏ.....เหน อมตะ ที่ปราศจากการ
    อาสัยการตบแต่งขันธ์ เหนมรรคในส่วน อนาสวะ

    จะเข้า จะอยู่ จะออก จะปราถนาสิ่งใด สมควรแก่
    ธรรม ไม่ต้องพึง จิตรวมอึ๊กตลบแตลงแสดงมายาจิต
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ เรื่องการแช่ฌานของคุณ Supop นี้ เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ "ผ่านออกมาได้" มีไม่น่าจะเกิน 3%
    +++ มันเป็น "ฌานขี้เกียจ/สมาธิหัวตอ" ขี้เกียจแม้แต่จะคิด
    +++ ช่างเหมือนกับในตำราทุกประการ เพียงแต่มัน "เป็นฌานที่ โง่ดักดาน ไร้สติสิ้นดี"
    +++ เมื่อเอาไปเทียบกับ "ตำรา" มันก็ตรงกับ "สงบเย็น ละวางปล่อยวาง เหลืออยู่แต่ ปัจจุบัณขณะ"
    +++ เพราะ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม "มันวาง ความจำ ในสิ่งที่เกิดขึ้นทันที" ประดุจ "คนปัญญาอ่อน" ฉันนั้น
    +++ นั่นแล... "อสัญญีภูมิ" ที่รู้จักกันในนาม "โลกียะนิพพาน" เพราะมัน "เป็นทุกอย่างเท่าที่ ตำรา เขียนมา"
    +++ ให้ลองทำซ้ำอย่างที่ผมเคยกล่าวไว้แล้วก็พอ คือ "กำหนดสติ" แล้ว "กำหนดซ้ำเข้ามาอีก 2-3 ที"
    +++ คุณ Supop จะรับรู้ "คลื่นตกกระทบ แห่ง การกำหนดจิต" ได้เอง ตรงนี้เรียกว่า "การกำหนด ถูกรู้"
    +++ รวมทั้ง "การเดินจิตทุกชนิด ถูกรู้" เพราะ "รู้นี้ มีอยู่ก่อนแล้ว" นั่นเอง

    +++ จากนั้น "ทำให้ได้นิสัย" ที่ "รู้เท่าทัน กิริยาจิต ที่ตกกระทบนี้" จนกว่าอาการของ "กิริยาจิต ไม่ใช่ตน" เกิดขึ้นมาเอง
    +++ ตรงนี้ก็จะได้อาการ "อยู่กับรู้" ซึ่งเป็น อาการเดียวกันกับที่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เคยชี้เอาไว้

    +++ ตรงนี้จะเป็น "อาการ จิตเห็น กิริยาจิต" ซึ่งเป็น "ต้นตอ/ต้นเหตุ" ก่อนที่จะเป็น "จิตส่งออก" ไปยัง "รัก โลภ โกรธ หลง" ต่าง ๆ
    +++ ตรงนี้ "ไม่ทันมันแล้ว" เหตุเพราะ "ไม่ทันเห็น กิริยาจิต" นั่นเอง
    +++ มันเป็น "จิตส่งออก" ไปแล้ว ซึ่งหลังจากส่งออกไป "มันจะเป็นอะไรก็ได้ ทั้งหมด"
    +++ อย่าไปมัว "พิจารณา" อะไรตรงนี้
    +++ มันเปรียบเสมือน "ท่อน้ำแตก" แต่ไม่ยอม อุดรูรั่ว
    +++ เพราะมัวแต่ไป "เช็ดน้ำที่รั่ว" ให้แห้ง โดยไม่เหลียวแล "จุดที่แตก"
    +++ หากคำสอนที่ให้ "ดูจิต" กลับกลายเป็นแบบ "เช็ดน้ำที่รั่ว" ก็ถือว่า "ผู้สอน ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย"

    +++ การ "อุดรูรั่ว/ระงับน้ำที่รั่ว" ตรงนี้คือ "การ รู้ กิริยาจิต" เท่านั้นเอง
    +++ คนที่ "ผ่านมาแล้ว" ก็ย่อม "รู้แล้ว" นั่นเอง
    +++ ปัญหาอยู่ที่ "คนบอก" นั่นแหละ ที่ยัง "ไม่รู้เรื่อง/ไม่เคยโดน" มิจฉาสมาธิ มันเล่นงานเอา
    +++ ให้ "มุ่งหน้าต่อไป ในเส้นทาง แห่งความเป็นจริง"
    +++ บทเรียนที่ "ผ่านมาแล้ว" จะทำให้เรา "มุ่งได้ตรงทาง" กว่าเดิม
    +++ ขอให้ "เจริญในธรรม" ยิ่ง ๆ ขึ้นไป นะครับ
     
  5. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ ด้วยความเคารพทุกท่านครับ

    ขออนุญาตตอบคุณธรรมชาติก่อนนะครับ

    ตามที่คุณธรรมชาติเคยแนะนำมานั้น ข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าน่าจะพอรู้จักบ้างแล้วนะครับ ข้าพเจ้ายังไม่แน่ใจนักว่า ข้าพเจ้าเห็นว่า จิตกับรู้มันเป็นคนละตัวกัน คือในระหว่างที่เห็นว่าจิตเป็นสิ่งหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า อาการรู้มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งครับ


    ตรงส่วนนี้เป็นคำตอบทั้งของคุณเล่าปังและคุณธรรมชาติครับ

    ส่วนลักษณะนิสัยปกติโดยที่ไม่ได้กำหนดอะไรอยู่นั้น นั่นคือลักษณะวิสัยของจิตข้าพเจ้าแบบเดิมๆเลยครับ หากแม้นว่าชาตินี้ข้าพเจ้าจะไม่ได้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานเลย ข้าพเจ้าก็จะเป็นเช่นนี้ครับ มันเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าสะสมมาครับ การไม่เบียดเบียนเป็นพื้นฐานของเมตตาครับ

    ปล.ขอนอกเรื่องนิดหนึ่งครับ สำหรับบุคคลโดยทั่วไปครับ ปฏิปทาที่ท่านเป็นผู้สั่งสมมาหลายภพหลายชาติ และเป็นแนวทางธรรมปฏิบัติธรรมหนึ่งธรรมใดนั้น หากแม้นว่าชาติภพใด ท่านจะไม่ได้เกิดมาในโลกที่มีพุทธศาสนา ปฏิปทานั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำจุนชีวิตของท่านต่อไป เป็นความดีหนึ่งของจิตที่มีอยู่ และมีกันทุกคน เรียกว่าเป็นเรื่องเอกของเฉพาะท่านเอง.

    การพ้นมาจากสภาวะแช่ฌาณที่ข้าพเจ้าผ่านมานั้น แน่นอนว่า ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าอาการนี้มันคืออะไร และปัญญาอะไรข้าพเจ้าถึงได้สลัดมันออกมา ข้าพเจ้ารู้แต่เพียงว่า มันมีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกถึงคือ สภาวะ "น้ำกลิ้งบนใบบัว"
    ในขณะนั้นข้าพเจ้ารู้ว่า นี่มันไม่ใช่สภาวะที่ถูกต้อง สภาวะที่ถูกต้องมีอยู่อีก ข้าพเจ้าจึงสลัดมันออกมา ทั้งๆที่ข้าพเจ้าเองก็เพิ่งจะเป็นเช่นนี้ครั้งแรก แต่ข้าพเจ้ากลับรู้จักกับอีกสภาวะหนึ่ง
    ข้าพเจ้าเองจึงสงสัยว่า ข้าพเจ้าเคยครองสภาวะ "น้ำกลิ้งบนใบบัว" มาก่อนแล้วในอดีต เพราะข้าพเจ้าเข้าใจในสภาวะนี้ครับ มันบอกยากครับว่าข้าพเจ้ารู้จักสิ่งที่เป็นในสภาวะนี้ แต่อาจจะใช่หรือไม่ใช่สภาวะระดับสูงอย่างที่คุณธรรมชาติเคยบอกกล่าวไว้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าคงพ้นทุกข์ไปแล้ว หรือมีสภาวะใดที่คล้ายกันอีกครับ

    และทุกอย่างที่ทุกท่านได้แนะนำมา ข้าพเจ้าเองก็กำลังพยายามทำอยู่ครับ

    ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2018
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    สภาว ถอยมา จากฌาณ และ ไม่กลับเข้าไปในโลก

    ก้เรียกว่า เหน นิรามิส เหนกายปัสสัทธิ เหนจิตปัสสัทธิ

    แต่มัน จืดฉืด ไม่มีน้ำ ไม่มีนวล(สำนวนหลวง
    พ่อพุธ)

    อย่าปล่อยให้จิตไปติดเฉย จขกท เองก้ทราบ
    ว่ามันไม่เกิดปัญญา ไม่เกิดรสชาติ ประหานกิเลส
    ทราบชัดเพียง วิขัมภะ ตทังคะ วิมุตติ

    วิธี เจริญปัญญ ก้ อยู่ตรงหญ้าปากคอก

    กำหนดรู้ ตรงๆ ซื่อๆ ว่า จิตก้ดี ผู้รู้ก้ดี นิรามิสก้ดี

    ส่วนเหล่านี้ เปนภาชนะ รองรับปัญญาธรรมไม่ได้

    ไม่ใช่ฐานะจะเปนไปได้

    แต่ อายตนะในการเหนธรรมยิ่งกว่า ก้มีอยู่

    ผู้ติดอุปาธิ เพียงนิดเดียวในขันธ์5
    แบก ปัญญาพูดได้ไว้บนหัว แบกปัญญาเจตนา
    ฉวยเอาได้หลอกลวงกันมานักต่อนัก

    แทนที่ จะวางลง แล้ว ขึ้มฝั่งไป ซื่อๆ หมดความลังเล ไม่เลื่อมใสว่าโน้นสงบ โอนไปยัง ธาตุที่
    หมดเจตนาจับ หมดเจตนาปล่อย .....แล้ว แลอยู่

    มีธรรมเอก

    มีปราโมทย์

    มีปิติ

    มีความตั้งมั่น

    มีธรรมวิจับยะ เงียบกริบ หมดอาการพากษ์
    ทำอย่างงี้สิดี ทำอย่างงี้สิถูก

    เริ่มนับหนึ่ง โพชฌงค์

    ยังมี สัมโพชฌงค์ เปนกิจเบื้องหน้า

    หาก ยังเข้าใจผิดว่า ธรรมของพระพุทธ
    องค์เปรเรื่องการ สะสม สั่งสม ข้ามภพ
    ข้ามชาติ แทนการเหน การล่วงส่วน

    ระลึกได้ว่า การล่วงส่วน อย่างนี้ เคยสดับ(ระวัง
    อาการยังเหนว่า เคย คือ การสั่งสม)

    ก้จะเข้าใจ อาการได้ยินเสียงสังข์ เสียง
    กลองศึก สงครามธาตุ สงครามขันธ์ เคยรบ
    มาแล้ว แต่เพนาะตรึกผิดวิธี คิดว่า เจตนา
    เอาได้ เก็บเล็ก ผสมน้อย ....ก้ วนเวียน
    ดิ้นรน ทำท่า ปั้นน่า เปนอรหันต์เจ๊ดวันไม่ตาย

    เครียด

    เจ้าคิดเจ้าแค้น

    ออกลาย ออกงา งวง
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,301
    ค่าพลัง:
    +12,628
    หึย์หึย์
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ตรงนี้ "ใช่" และเมื่อถึงในระดับนี้แล้ว "ภาษา" ที่ผมจะใช้ จะ Upgrade ไปอีกระดับหนึ่ง คือ "กู VS รู้" และจะวางคำว่า "จิต" ทิ้งไป
    +++ ตรงนี้แหละ "ไม่ง่าย" และต้อง "รู้จัก ปัจจุบัณขณะ ณ ขณะจิตนั้น ๆ" นะ

    +++ ตรง ณ ขณะที่ "เห็นจิตเป็นสิ่งหนึ่ง" ตามที่กล่าวมานั้น จะถามว่า "ณ ขณะจิตนั้น ๆ กู อยู่ที่ไหน" และ "จิตไม่ใช่ ตัวกู ณ ขณะนั้น ๆ หรือไม่"
    +++ และ ณ ขณะที่ "เห็นว่า อาการรู้มันเป็นอีกสิ่งหนึ่ง" นั้น จะถามว่า "ณ ขณะจิตนั้น ๆ กู รู้ว่า อาการรู้เป็นสภาวะหนึ่ง ใช่หรือไม่"

    +++ ทำ Remark ในบริเวณนี้ให้ดี ๆ นะ ว่า ณ ขณะจิตนั้น ๆ "กูมี" อยู่ในช่วงไหน และ ในช่วงไหน ที่ "ไม่มีกู"
    +++ ในท่อนนี้ "น่าจะเป็น คนละเรื่อง" กับที่ผมกล่าวเอาไว้ ในโพสท์ก่อนหน้านี้นะ

    +++ กิริยาจิต "ถูกรู้" หากไม่มีการ "กำหนด" ใด ๆ จริง ก็ขอถามว่า "สิ้นมโนกรรม จริงหรือเปล่า" หรือว่า "ไม่รู้ว่า มันมีอยู่"

    +++ วิธีทำ ในการรู้กิริยาจิต ผมโพสท์เอาไว้ในโพสท์ก่อนหน้านี้แล้ว "หากไม่เล่นกับ การกำหนด ก็ไม่รู้จัก กิริยาจิต ได้เลย" นะ

    +++ การกำหนดจิต "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง" กับ เมตตา อะไรนั่นเลย

    +++ การกำหนดจิต "มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง" กับ "เกิดขึ้น/ต่อ (ติด/ไม่ติด) ตั้งอยู่/ดับไป" ของจิตโดยตรง

    +++ ในท่อนนี้ "น่าจะพูดกัน คนละทาง" นะ
    +++ ที่พูดมาทั้งกระบินี้ "เป็นอาการของ พุทธภูมิ ที่ยังไม่ขาด" นะ
    +++ อาการของ "พุทธภูมิ" นั้น จะไม่มีวันเข้าสู่ "สภาวะรู้" ได้เลย
    +++ อาการของ "พุทธภูมิ" นั้น จะเข้าสู่ "สภาวะรู้" ได้ก็ในยามที่ สำเร็จ "โพธิญาณ" แล้วเท่านั้น
    ===================================================
    +++ ถ้าจะ "ไม่ใช่ น้ำกลิ้งบนใบบัว" แบบ หลวงตามหาบัว "แน่นอน" และอาการนี้ จะไม่เกิดกับพวกที่ "ไม่ขาดจากพุทธภูมิ" แน่นอน
    +++ สภาวะไหน ก็เล่าสู่กันฟังมาก็แล้วกัน
    +++ เอาละ เรื่อง "น้ำกลิ้งบนใบบัว" มี 2 สภาวะ ตรงนี้ผมโพสท์ "เฉพาะคุณ Supop" ก็แล้วกัน และมั่นใจว่า "อยู่ในอาการหนึ่งในนี้ แน่นอน"

    +++ ผู้ที่จะ "รู้/เห็น" อาการ น้ำกลิ้งบนใบบัว ได้นั้น "ต้อง" ผ่านอาการ "รู้/ถูกรู้" ที่ แยก/ขาด ออกจากกันมาแล้ว (อริยะภูมิ)
    +++ ผู้ที่จะ "ดู/เห็น" อาการ น้ำกลิ้งบนใบบัว ได้นั้น "ต้อง" ผ่านอาการ "จิตตั้งมั่น" ที่ตั้ง ตน/ขาด ออกจากสิ่งอื่นแล้ว (พุทธภูมิ)
    +++ คุณ Supop กลับไปอ่านในท่อน "กู VS รู้" อีกที ก็พอจะสำเหนียกอาการได้เองนะ

    +++ ผู้ที่มี ตัวกู/จิต ตั้งมั่นได้ในอิริยาบทปกติ สัพสิ่ง จะไม่สามารถเข้ามา "ต่อ/ติด" กับ ตัวกู/ของกู ได้เลย เป็นน้ำกลิ้งบนใบบัว ชนิดหนึ่ง
    +++ ผู้ที่มี ตัวกู/จิต ตั้งมั่นได้ในอิริยาบทปกติ สัพสิ่ง จะ "รู้/เห็น" อยู่ข้างนอก ตัวกู/ของกู ตรงนี้เป็น "จิตกับรู้มันเป็นคนละตัวกัน" (ของคุณ Supop)
    +++ คุณ Supop สามารถรู้ได้ว่า "จิตกับรู้มันเป็นคนละตัวกัน" ก็จริง แต่ คุณ Supop รู้หรือเปล่าว่า "ตัวกู" อยู่ที่ไหน

    +++ ย้อนกลับมายังที่เดิมอีกที คือ "ณ ขณะที่รู้อยู่ว่า อาการรู้ มีอยู่" ณ ขณะนั้น "ตัวกู อยู่ที่ไหน"
    +++ ย้อนกลับมายังที่เดิมอีกที คือ "ณ ขณะที่รู้อยู่ว่า จิต มีอยู่" ณ ขณะนั้น "ตัวกู อยู่ที่ไหน"
    +++ ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ รู้จัก "ตัวกู" หรือยัง

    +++ เรื่อง "น้ำกลิ้งบนใบบัว" นั้น สามารถเกิดได้ 2 สถานะ สิ่งที่ต่างกันคือ "มี/ไม่มี ตัวกู" เท่านั้นเอง

    +++ กรณีหนึ่ง เปรียบเหมือน "ขี้ฝุ่น ฟุ้งในอากาศ ไม่เกาะกับอะไรเลย" เพราะ "ไม่มีกู ให้เกาะ" (หลวงตามหาบัว)
    +++ กรณีหนึ่ง เปรียบเหมือน "ขี้ฝุ่น ฟุ้งในอากาศ วนอยู่รอบ ๆ ตัวกู" แต่ "เกาะไม่ได้" เพราะ "กู ยังตั้งมั่นอยู่" (คุณ Supop)

    +++ ในกรณี "ไม่มีกู" ก็ย่อม "พ้นทุกข์ไปแล้ว"
    +++ ในกรณี "กูตั้งมั่น" กูก็ย่อม "มาเกิดใหม่"

    +++ เพราะ "กู" คือ จุติจิต/วิญญาณขันธ์/ตัวดู/หลุมดำ/อัตตา/ผู้รู้/ผู้เห็น รวมทั้ง "เป็นแม่งทุกอย่าง" นั่นแล...
    +++ คุณ Supop ต้องเลือกเอาเองว่าจะ "พ้นตัวกู หรือ ลาจากตัวกู" ตรงนี้เท่านั้น นะครับ
     
  9. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขอขอบคุณคุณเล่าปังและคุณธรรมชาติอีกครั้งครับ
    ด้วยความเคารพครับ

    คำแนะนำของคุณเล่าปังเป็นการบอกแนะนำ ข้าพเจ้าจะพิจารณาต่อไปครับ

    ของคุณธรรมชาตินั้นเป็นข้อๆไปนะครับ

    ข้อแรกข้าพเจ้าจะนำไปปฏิบัติต่อไปครับ
    ข้อสอง เป็นการเข้าใจคนละส่วนจริงๆครับ ตรงนี้เป็นส่วนที่ข้าพเจ้าพิจารณาแล้วแยกมันออกมาครับ และปัจจุบันข้าพเจ้าก็ปฏิบัติในช่วงเวลาที่ดำเนินชีวิตปกติอยู่ครับ

    ส่วนที่สามนี้ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วครับว่า เป็น "น้ำกลิ้งบนใบบัว"แบบมีตัวกูอยู่ครับ ข้าพเจ้าจะพิจารณาปฏิบัติต่อไปครับ

    ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งจากใจจริงครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครัย.
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ขอให้เจริญในธรรมขึ้นไปเรื่อย ๆ นะครับ
     
  11. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ผมขออนุโมทนากับพี่ธรรมชาติและพี่นิวรณ์ และผมแน่ใจว่าเป็นธรรมที่คนทั่วไปจะพึงรับรู้ได้ในสองทางระหว่างอริยะบุคคลกับพุทธภูมิบุคคล แม้จะมีข้อแตกต่างแต่บั้นปลายก็เป็นไปตามแบบที่ปราถนาตามแต่ตน ผมอนุโมทนาทั้งสองท่าน และหวังว่ากิเลสต่างๆคงเบาบางจนเหลือน้อยแล้ว ขอแค่ยังมีคนคอยให้คำตอบแก่คนอื่นผู้ไม่รู้ในทางที่ควรไว้สักคนสองคนก็ยังดี น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ผมกราบที่ใจของทั้งสองคนเพราะไม่เคยลดละที่จะพยายามและผ่านไปจนถึงขนาดนี้ ขอกราบสักการะด้วยจิตนี้ตลอดกาล ขอท่านทั้งสองมีความสุขความเจริญตามสมควรแก่วาระ
     
  12. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แต่ขำๆนะ พี่ธรรมชาติไม่ใช่ลุงขันธ์ไช่ไหมคับ
     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ธรรมทุกบทผมใช้เพื่อละไม่ใช่เพื่อยึด ผมพิจารณามาก็เห็นเพียงความตายหรือความสิ้นไปของสังขารรูปอันอาศัยเป็นเหตุและเป็นผลจากขันธ์ที่ถูกกำหนดจากธรรมไม่ใช่ใครไหนมากำกำหนดให้ ผมพยายามสร้างสมาธิ สติ ปัญญา เพียงเพื่อเรียนรู้ความเปลี่ยนไปที่เกิดขึ้นเพราะทุกข์ทุกคนต้องรู้และสุขทุกคนต้องรู้โดยฐานะ แต่ที่สุดแห่งสิ่งทั้งสองนั้นตอบยากบางคนต้องรวยล้นฟ้าบางคนต้องจนพิการ แต่ที่ผ่านมาโอกาสของการเรียนรู้ไม่ใช่จบที่นั่น จึงต้องแสวงหาสมาธิเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เสมอเพื่อใช้สร้างสติและสติจะกำหนดทิศทางให้เราเดินต่อไปในชีวิต ว่าจะอยู่กับความฝันหรือความเป็นจริง สิ่งอื่นแม้จะจริงแต่ปัจจัยมันต่างกัน มีแล้วได้อะไรก็ต้องพิจารณาเอา เพราะหลายสิ่งเป็นเหมือนหลุมดำอำพลาง
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ขำ ๆ ก็ได้ แต่ก็ควรไป "ตรวจ" การโพสท์ของลุงขันธ์ด้วยนะว่า เป็น "นักปฏิบัติ หรือ พวกมากตำรา"
    +++ จะได้ "สิ้นสงสัย" นะ รวมทั้งลักษณะการโพสท์ต่าง ๆ ด้วยว่า "เหมือน หรือ ต่าง" กันแค่ไหน นะ
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ลุงขันธ์ เปน สมาชิกในตำนาน..

    หน้าตา แกบอกว่า เหมือน กิทาโร่ นักไวทยากรดนตรี ญี่ปุ่น

    ท่าน เปน บุคคลในตำนานเพราะ เวลา โพสตอบ...

    จะพูด ประโยคสั้นๆ ไม่เกินสาม บรรทัด

    ปราศจาก การอิงคำคนอื่นทีละบรรทัด เพื่อ
    อาสัยภาพว่า เปนคนพูดมีหลัก รู้เรื่อง

    แล้วสามารถ ครอบคลุม บรรดาความเหน
    ก่อนหน้าทุกๆคน ที่ฝุ้งธรรมอยู่ ได้ทั้งหมด...

    สมาชิกที่ชอบปฏิบัติ จึง ชอบโพสแซะแกต่อ

    เพื่อ.....

    "ไขก๊อก" เอาธรรม สดๆ ร้อนๆ สั้นๆ ได้กำลัง
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,301
    ค่าพลัง:
    +12,628
    หึ๋ยยย... ปังคิดไปเอง ใกล้โดนแระ
    ก็สไตล์การเขียนของใครก็ของคนนั้น
    ถ้าเขาคิดว่าจะสื่อแบบไหนแล้วจะเข้าใจ
    ได้แจ่มแจ้งก็มีสิทธิ์เขียน ตามที่เห็นว่าดีที่สุด
    ฮับ
    มันอาจจะเป็นตามที่คิดกรือไม่ก็ได้
    แล้วแต่ปัญญาคนอ่าน
    ไม่เจาะจงดิสเรดิตใคร อ.ปังคิดไปเอง
    เปล่าฮับ
    เดี๋ยวโดนนะฮับ
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ กวนตีนไปวัน ๆ สันดานสัตว์ "จิตเสื่อมโทรม"
    +++ ไม่ว่าจะโพสท์อะไร "สันดาน ตุ๊ดสำส่อน" ต้องปรากฏออกมาเป็นระยะ ๆ
    +++ ไม่มีใครเชิญให้ "มึง" มาตอบ แต่ก็สันดานระยำ "เสือกแม่งทุกที่"
    +++ ตอบทุกครั้ง ก็กระแดะบิดตูดตอบทุกที ระยำสัตว์ตัวจริงแหละมึง

    +++ คุณ kenny2 สงสัย ก็ต้องเป็นคุณ kenny2 ไปสืบหาเอาเอง
    +++ จะได้แก้ข้อสงสัย ได้ด้วยตนเอง ให้หาสิ่งที่เรียกว่า "นิสัย" ให้เจอ
    +++ แล้วก็จะรู้ได้เองว่า "ใครเป็นใคร" ในการโพสท์
    +++ ต่อให้เป็น "ไอ้สัตว์หลายยูสเซอร์" ก็ไม่มีวันหนีพ้นได้ นะครับ
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,301
    ค่าพลัง:
    +12,628
    นั่นงัยไม่รอดโดนแล้วปัง..บายจาย555
     
  19. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ที่เหมือนเพราะจิตเมตตาเหมือน ส่วนคำจะว่าไปก็คล้ายครับแต่ละเอียดกว่าเหมือนกับคนละคนถ้าเป็นคนเดียวกันจิตระดับนี้สูงกว่าตอนนั้นมากมายครับ
     
  20. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ที่พูดเพราะผมเองเห็นทุกแบบที่ลุงขันธ์ใช้อธิบายมีหลายอย่างคล้ายแต่ที่ต่างเลยคือเมื่อเห็นต่างจะกลายเป็นเหมือนคนเห็นต่างกำลังใช้วาทะเพื่อลบล้างคำพูดแต่เสียดายที่บางครั้งหรือบางคนเขาเห็นต่างเพราะต้องการคำตอบหรือแนวทางแก้ไขถ้าผิดจะได้รู้ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการเลือกที่รักมักที่ชัง จึงหาประโยชน์ไม่ได้ แต่บางอย่างก็ดีแก่เฉพาะบางบุคคล ผมจำเขาได้ดีเพราะผมโดนด่ามากสุดในที่นี้ เขามองว่าผมอวดดี แต่ผมเองไม่ได้คิดแบบนั้นเลย และเขาก็ผ่านไป คงได้ดีและพ้นวาระไปแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...