พระศรีอาริย์เจ้าโลก บทที่ ๔ พระศรีอาริย์ นารายณ์ปราบสงครามล้างโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย วสุธรรม, 10 ธันวาคม 2018.

  1. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    SriarayaFeature04.jpg

    หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดยรหัสยญาณ
    พระอิศวรเทวราช พร้อมด้วยจอมขุนศึกจตุโลกบาล ทั้ง ๔ อันมีนามว่า ทตรฐ , วิรุฬหก, วิรูปักข์, กุเวร นําเอาเวชยันตรถ ทิพย์ลงมารับเอากระทาชายนายหนึ่งอันมีนามว่า “ศรีอาริยโพธิสัตว์” ไปแต่งตั้งบนจอมดอยลูกหนึ่ง ซึ่งพระวิษณุเทพบุตรจะเนรมิตหอสรงน้ํำอันประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ และเนรมิตท่อทองคํา (ลินคํา) พาดลงมาจากดอยสูงอีกลูกหนึ่งมีพระอิศวรเทพเจ้าทรงเป็นประธาน แห่งหมู่ทวยเทพทั่วสากลโลกธาตุ มาประชุมพร้อมกัน แล้วก็ หลั่งน้ํำทิพย์ลงในท่อทองคําไหลมาอาบสรง “กระทาชายศรีอาริย์” พร้อมด้วยการโปรยปรายข้าวตอกดอกไม้เป็นทิพย์เกลื่อนกลาด ดาษดาไปทั่วบริเวณ พระฤาษีนามว่า “อินทสมภาร” จะเอาดอก “ริรัวคํา” มาสักการบูชา เมื่อได้สรงน้ํำมูรธาภิเษกและประดับ ประดาด้วยเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์อันเป็นทิพย์ สมควรแก่ตําแหน่งบรมจักรพัตราธิราช (ประมุขโลก) อันประเสริฐแล้ว ก็เสด็จลงเวชยันตรถ เพื่อไปห้ามทัพซึ่งกําลังโรมรันพันตูกันที่ตีนดอย สุวรรณคีรี (ภูเขาทองคํา) โลหิตไหลสาดเป็นท่อธารอย่างน่า ขนพองสยองเกล้า

    A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%8C-009.jpg พระอิศวรเทพเจ้าเสด็จประทับอยู่หน้ารถพระพิษณุเทพบุตร ทรงเป็นสารถีช่วยมาตลีด้วยอีกองค์หนึ่ง พร้อมด้วยหมู่ยักษ์ และทวยเทพทั้งหลายแน่นขนัดเต็มไปทั้งอากาศ พร้อมด้วย การบรรเลงดนตรีทิพย์ สะเทือนสะท้านหวั่นไหวเป็นโกลาหล เบื้องขวานั้นเต็มไปด้วยกองทัพนาคราชซึ่งมีลมปากเป็นพิษขนาด ไฟประลัยกัลป์ เบื้องซ้ายเต็มไปด้วยกองทัพยักษาอสูร ซึ่งมี หนุมาน เทวยักษ์เป็นขุนศึก (หนุมานเป็นขุนศึกถึง ๒ ปาง คือ ปางที่ ๗ และปางที่ ๑๐) มือถือตะบองใหญ่ลุกเป็นเปลวไฟ กวัดแกว่งสําแดงเดชอย่างน่าสะพรึงกลัว

    ดินฟ้าอากาศมืดมิดอยู่ถึง ๗ วัน ๗ คืน แผ่นดินก็ไหว สะท้านไม่ขาดสาย ปานประหนึ่งโลกพิภพจะถล่มทลายลงไปก็ว่าได้ ฝูงมนุษย์ที่ตั้งเคหสถานอยู่บนพื้นพิภพนี้ ก็ตัวสั่นงันงกด้วยความ ตกใจกลัวทั้งไม่ทราบเหตุผลกลการณ์เสียด้วยว่ามันเกิดจากอะไรกัน บ้างก็ร้องไห้กันเซ็งแซ่ บ้างก็หลับตาภาวนา บนบานศาลกล่าวถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้มาช่วยปกปักรักษา บ้างก็เสพสุรายาเมา กันงอมพระรามในทํานอง “เหล้าเข้าปากความยากก็หายไป” บ้าง ที่ยากไร้อนาถาก็ฉกชิงวิ่งราวทรัพย์สมบัติของผู้อื่นกันชุลมุนวุ่นวาย เพราะนานละที่ปีละหน บ้างก็รําพึงกันว่า “โลกแตกแน่แล้ว ฉิบ หายแน่แล้ว” พากันวิ่งวุ่นเป็นสิ่งคลี ทิ้งบ้านทิ้งเรือนและทรัพย์ สมบัติ หนีเอาตัวรอดกันเป็นอลหม่าน ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้กันกระจองอแง และพลัดพ่อพลัดแม่กันทั่วไป คนที่คอยระวังอยู่แล้ว ก็พากันหลบลี้หนีไปซุกซ่อนอยู่ซอกห้วยราวดอย และสวดมนต์ ภาวนาแขม่วท้องหายใจรวยๆ แทบว่าชีวิตจะปลิดปลงด้วยความ กลัวตาย พวกวัดก็พลัดเข้าบ้าน พวกบ้านก็คลานเข้าวัด หลวงซีก็ หนีหลวงเถร ไม่ว่าพระไม่ว่าเณรเผ่นตามกันไป พวกเหนือก็เผื่อลง ใต้ พวกใต้ก็ไหลขึ้นเหนือ ตะวันตกก็หกไปตะวันออก ตะวันออกก็ ลอกไปตะวันตก เสียงปืนใหญ่และลูกระเบิดดังอยู่ไม่ขาดสาย ฝูง มนุษย์ต้องจุดใต้ตามไฟกันตลอด ๗ วัน ๗ คืน

    Publication2-2-1200x638.jpg

    พอถึงวันคํารบ ๔ ซึ่งเป็นวันรุ่งสางสว่างแจ้งฝูงมนุษย์ที่ เหลือจากความตายด้วยภัยสงคราม ก็พากันร้องไห้ระงมถมทึก แทบว่าจะไม่เป็นเสียงมนุษย์ เพราะจะมองไปทางใดก็พบแต่ซาก ศพของคนตาย เช่น ลูกตายพลัดพ่อแม่ พ่อแม่พลัดลูก ผัวตาย พลัดเมีย เมียตายพลัดผัว ญาติมิตรที่ต้องตายพลัดตายพราก จากกัน เหลือที่จะนับคณนา เพราะวันตัดสินโลก ได้ผ่านไปแล้ว พร้อมกับมนุษย์ที่ชั่วร้าย คงเหลือแต่มวลมนุษย์ที่เชื่อในคําสั่งสอน | ของพระศาสนา ซึ่งมีเมตตาภาวนาเพื่ออยู่สืบโลกและศาสนาต่อไป

    ในวันที่รุ่งแจ้งซึ่งความมืดได้ฉุดกระชากลากพาเอาวิญญาณ ร้ายผ่านพ้นไปแล้วนั้น กองทัพอากาศของพระศรีอาริย์บรมจักร พร้อมด้วยเทพเจ้าบนสวรรค์ ก็เคลื่อนขบวนเวชยันตรถทิพย์ เลื่อนลอยไปโดยทางนภากาศเวหา เพลงสวรรค์ซึ่งคนธรรพ์ทั้งหลาย อันมีปัญจสิกขคนธรรพ์เทพบุตรเป็นหัวหน้า ก็ดีดสีตีเป่าสะท้าน หวั่นไหวไปพร้อมกับกองทัพนั้นด้วย ฝูงเทพเจ้าทั้งหลายก็โปรย ข้าวตอกดอกไม้ทิพย์เกลื่อนกลาดไปทั่วแผ่นดินที่ผ่านไป ครั้นแล้วกองทัพพระศรีอาริย์ก็หยุดลอยอยู่เหนือดอยสุวรรณคีรี ซึ่งกองทัพ มนุษย์กําลังพิฆาตฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงเมื่อกองทัพเหล่านั้น ได้ยินเสียงอึกทึกโกลาหลอยู่เบื้องนภากาศ และร้อนรุ่มกลุ้มใจไป ด้วยไฟพิษ ซึ่งหมู่มวลนาคราชได้พ่นออกจากปาก เป็นประกายอยู่ ทั่วไป ทางเบื้องซ้ายก็กัมปนาทหวาดหวั่นไหวด้วยแสงอาวุธของ มวลยักษ์ ตะบองใหญ่เท่าลําตาลก็กวัดแกว่งเป็นเปลวไฟ ทหารที่ ทนได้ก็ทนไปที่ทนไม่ได้ก็ล้มสลบลงไปด้วยความร้อนสุดที่จะทนทาน อิทธิฤทธิ์ของทหารผีกระทําปาฏิหาริย์อยู่ครู่เดียว ทหารมนุษย์ก็ กลิ้งทูตระเนระนาดตามกันลงไป ร่างกายสั่นเทาเหมือนผีสิงสิ้น หมดทั้งกองทัพ พลันก็มีเสียงคํารามลั่นลงมาจากฟากฟ้า แทบว่า แก้วหูจะแตกตาย

    “อะโห! มาริสสา- มาริสสา ดูก่อนทะแกล้วทหารผู้ใจบาป หยาบช้าทั้งหลาย! พวกสูจะมารบราฆ่าฟันกันตาย ด้วยเหตุผล กลใด? ขุมทรัพย์อันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นนี้ หาใช่เป็นสมบัติ ของพวกสูทั้งหลายหรือของผู้ใดไม่ดอก! หากเป็นสมบัติของพระ ศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในรถนี้ ซึ่งจะมาดํารงตําแหน่งบรมจักร อันประเสริฐ เพื่อจรรโลงโลกไปสู่สันติสุขและสันติภาพอันเที่ยงแท้ เลิก เลิกรบกัน ! เลิกรบกันเว้ย! ประเดี๋ยวตายโหงหมดเอ้า! ไม่ เชื่อก็ลองไปดู!!” พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ได้สําแดงเสียงอยู่บนศีรษะ ทหารมนุษย์อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วเปล่งสิงหนาทสืบต่อไปว่า:

    “วันตัดสินโลกได้เริ่มมาถึง ๗ วันแล้ว วันนี้เป็นวันครบ ๘ โลกสว่างแล้ว! สงครามครั้งสุดท้ายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คนบาปทั้ง หลายได้ถูกความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะสร้างอาณาจักรสัมมาทิฏฐิให้พวกสูทั้งหลายอยู่ดีกินดีกันทั่วไป”

    พระอิศวรเจ้าฟ้าตะคอกขู่จู่โจม เสียงนั้นสะท้านเหมือนฟ้าผ่า ได้ยินตลอดไปทั่วทั้งกองทัพ แม้พวกจอมทัพ จอมขุนศึกทั้งหลาย ก็พากันตกใจเหมือนหัวจะแตกลงในยามนั้นพญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขนสั้นยาว พญาลิ้นกาฬ ฯลฯ ต่างก็พากันส่งสัญญาณให้ กองทัพของตนถอนกลับไปสู่บ้านเมืองสิ้นด้วยกัน ครั้นแล้วพระ อิศวรเป็นเจ้า ก็บันดาลฝนห่าใหญ่ ตกลงมาถึง ๗ วัน ๗ คืน ท่วมท้นซากศพเหล่านั้น ลอยไปลงทะเลจนหมดสิ้น คงเหลือแต่ พื้นดินเป็นปรกติ อนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสงครามที่ล้างโลกจะต้อง บังเกิดมรสุมทําลายความชั่วช้าเลวทรามของมนุษย์ที่กระทําขึ้นแล้ว ฝูงมนุษย์ก็จะต้องเป็นทายาทรับกรรมนั้นๆ หาใช่ผู้ใดหรือพระเจ้า องค์ใดมากระทําให้ไม่ ก็เมื่อมนุษย์พากันฝ่าฝืนคําสอนของพระเจ้า และกระทํากรรมอันชั่วช้าเลวทรามถึงเพียงนี้ผลกรรมก็ย่อม ตามสนอง กล่าวคือ บังเกิดการรบราฆ่าฟันกันตายวายวอด ซึ่งพา กันเรียกร้องให้พระเจ้ามาช่วยรับบาปนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะ พระเจ้าหาใช่ทาสของมนุษย์ดังที่บางคนเข้าใจกัน

    พระศรีอาริย์ห้ามทัพตะวันออกเฉียงใต้ ตํานานพุกาม ทํานายว่าเมื่อปรากฏแล้ว พระศรีอาริย์ธรรมิกราช พร้อมด้วยพระ อิศวรเป็นเจ้าจะเสด็จไปห้ามทัพตะวันออกถึง ๒ ครั้ง ไปโดยทางฟ้า และกองทัพฟ้าของเทวดาเป็นหมู่พล

    นักจิตศาสตร์ไม่เคยเป็นชาวตะวันตก เป็นความจริง ๑๐๐% ที่ไม่เคยมีนักจิตขนาดจอมศาสดาจะไปเกิดเป็นชาวตะวันตก พระพุทธเจ้า, พระเยซู, พระมะหะหมัด, และอื่นๆ ก็เป็นชาวตะวันออกด้วยกันทั้งสิ้น ชาวตะวันตกต้องหันมาเคารพศาสนธรรมของ ชาวตะวันออก ตลอดพงศาวดารโลก ฉะนั้น เจ้าโลกในอนาคตก็ ต้องเป็นชาวตะวันออกตามเคยอีก
     
  2. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    เรียน คุณเวชยันต์ไกรภพ
    • กระทู้นี้ ผมเป็นผู้จัดทำ แต่ผู้เขียนเนื้อหาเป็นของคุณรหัสยญาณ
    • ตามความคิดเห็นของผม ว่าน่าจะเป็นชื่อตำแหน่งหน้าที่ของหัวหน้า หรือผู้นำในปัจจุบันที่ปฏิบัติหน้าที่นี้
    • ที่คุณได้ศึกษาและจดจำมานั้นเป็นอดีตที่ผ่านมา อาจเป็นเช่นนั้นจริง แต่ปัจจุบันอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ผู้เขียนหนังสือ(รหัสยญาณ)บันทึกไว้ครับ
     
  3. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    เรียน คุณเวชยันต์ไกรภพ
    แสดงความเห็นได้ในทุกกระทู้ครับ ขอบคุณที่มาแสดงความคิดเห็นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...