เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Dhamma2, 19 ตุลาคม 2018.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    เขาว่ามา......

    มีพระผู้ใหญ่ที่ผมนับถือท่านหนึ่งตอนนี้ท่านมรณภาพแล้ว ท่านก็เป็นพระปฏิบัติเช่นกัน ท่านก็ยืนยันว่าการแบ่งภาคเกิดขึ้นได้คล้ายๆกับที่หลวงปู่ดู่ท่านว่าไว้ล่ะครับ

    ทีนี้ท่านผู้อ่านมากทั้งหลายจะว่าอย่างไรกันดีครับ

    ไก่เหลืองหางขาว, 3 มีนาคม 2011



    แจ้งทีมงาน เก็บไว้ดู
    #6 + อ้างอิง ตอบ
     
  2. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    เรื่องบางเรื่องมันเกินวิสัยปุถุชนคนธรรมดาจะเข้าไปรู้ บางท่านปฎิบัติฌานชั้นสูงได้ แต่เรายังไม่ถึงท่าน เพราะอำนาจ วาสนาบารมีทำมาไม่เท่ากัน ดังนั้นการรู้เห็นจึงไม่เท่ากัน ปัญญาจึงไม่เท่ากัน

    เช่นพระอรหันต์บารมีก็ไม่เท่าพระโพธิสัตว์ บารมีขั้นอุปปารมี หรือขั้น ปรมัติ และความรู้ความสามารถก็ไม่เท่าพระพุทธเจ้า เพราะการบำเพ็ญเพียรต่างกัน

    ยกตัวอย่างในสมัยพระพุทธกาล ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพาน มีพระอรหันต์มากมาย ได้หูทิพย์ ตาทิพย์ แต่มีพระอนุรุธคนเเดียวที่ได้ทิพจักษุญาณแจ่มใส เห็นพระพุทธเจ้าว่าท่านกำลังเข้าฌานอะไรไล่ลำดับก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน

    เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปปรามาสภูมิธรรมของท่านผู้ใดหาก เรายังไม่รู้จริงเห็นจริง
    หรือใช้เพียงแค่ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ว่าน่าจะเป็นแบบนั้น ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ จะเป็นการปรามาสผู้ทรงธรรม และถึงแม้ผู้นั้นจะมีอายุน้อยกว่าเรา หากเขามีภูมิธรรมที่สูงกว่าก็ควรที่จะเคารพกันในคูณธรรมความดีของท่านผู้นั้น

    เขาเรียกว่าการอ่อนน้อมในการปฏิบัติ

    ขอบคุณค่ะ
     
  3. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    เรื่องที่ ๑ พระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค
    เนื้อหาทั้งหมดในกระทู้นี้เรียบเรียงจากหนังสือกายสิทธิ์เล่ม 1
    สำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะในปัจจุบัน) ตีพิมพ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน

    235-7%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95-jpg.jpg

    ช่วงที่ ๑

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ วันหนึ่ง ขณะที่ผู้เขียนกำลังนั่งคุยกับหลวงปู่ ท่านได้ถามผู้เขียนว่า "เคยได้ยินเรื่องการแบ่งภาคไหม" ผู้เขียนเรียนตอบท่านว่า "เคยครับ ในเรื่องรามเกียรติ์ พระรามแบ่งภาคมาจากพระนารายณ์ มีจริงหรือครับหลวงปู่" หลวงปู่ท่านนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งแล้วตอบว่า "มีจริงเหมือนกัน อย่างหลวงปู่ทวดแบ่งภาคมาเกิดไงละ" เกี่ยวกับเรื่องนี้ เคยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนถามหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ตอบว่า "มี...แต่ทำได้ในพวกหน่อพุทธภูมิ" หลวงปู่ท่านเคยบอกผู้เขียนว่า "แก รู้ไหมว่า ในหลวงท่านเป็นใคร ท่านคือผู้ปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจของท่านพวกนี้จะต้องเป็นผู้นำหมู่คณะ ดูอย่างวัวยังมีจ่าฝูง นกก็ต้องมีหัวหน้าฝูง วัดก็ต้องมีเจ้าอาวาส อย่างหลวงพ่อใหญ่ (พระโบราณคณิสร อดีตเจ้าอาวาสวัดสะแก) แต่หน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มแล้ว สูงแล้ว เขามักจะไม่เป็นกษัตริย์ เพราะจะมีภาระหนักหน่วง ส่วนใหญ่เขามักเป็นคนธรรมดาแล้วบวชพระ แต่จะบำเพ็ญบารมีจนในที่สุดจะกระเทือนถึงพระราชวงศ์เอง พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ท่านมีบุญมาก และเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการผู้ใหญ่ทำตาม"

    ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านต่อไปว่า "หลวงปู่ครับ หน่อพุทธภูมิที่บารมีเต็มแล้ว ท่านก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหม รอการตรัสรู้เลยที่ชั้นดุสิต หรืออย่างหลวงปู่ก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหมครับ" หลวงปู่ตอบว่า "กำลัง ของพุทธภูมิมีหน้าที่ที่จะทำให้มหาชนมีความสุข ถ้ามีคนเรียกร้องหรือบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญก็ต้องลงมาช่วย จะคิดเอาแต่สบายได้ยังไง นั่นไม่ใช่ความคิดของหน่อพุทธภูมิ อย่างนี้พระอรหันต์สำเร็จแล้ว ท่านก็ไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่ต้องทำอะไรแล้วซิ" หลวงปู่ท่านตอบคำถามของผู้เขียนเสร็จแล้ว ท่านปรารภถึงการจัดการเรื่องศพของท่านต่อไปว่า "ถ้าข้าตายแล้วอย่าเก็บศพไว้นาน เจ็ดวันเผาเลย ไม่เผาก็โยนทิ้ง เดี๋ยวจะกลายเป็นหากินกับศพ"

    ผู้เขียนได้แย้งท่านว่า "กลัววัดจะร้าง" หลวงปู่ท่านตอบว่า "เรื่อง เผาไม่เผา ต้องแล้วแต่คำสั่ง ดูอย่างหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ท่านสั่งไม่ให้เผา เพราะกลัวพระเณรจะอดอยาก แต่สำหรับข้าให้เผา เวลาจะเผาให้เผายืน ข้าจะได้ไปไหนได้" ผู้เขียนจึงถามท่านว่า "หลวงปู่ไม่ไปนิพพานหรือ" ท่านตอบว่า "จะ ไปได้อย่างไร คนนี้ก็เรียก คนนั้นก็ร้อง ข้าไปแค่หัวตะพานก็พอ ดูอย่างหลวงปู่ทวดซิ มีคนเรียกร้องท่านมากมาย บารมีท่านเต็มท้องฟ้า อย่างข้าเอง คนไหนคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา คนไหนไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา เพราะในวันหนึ่งๆ ข้าต้องอธิษฐานไปให้หมู่คณะทุกวันไม่เคยขาด วันละ ๓ ครั้ง เขาจะได้ไม่เป็นอันตรายทั้งเช้ามืด ตอนเย็น ตอนกลางคืน ก่อนนอน เพื่อเป็นการช่วยเหลือหมู่คณะ"

    ผู้เขียนฟังจบ พร้อมกับสำนึกในเมตตาของหลวงปู่ที่มีต่อลูกศิษย์อย่างมาก หลวงปู่ท่านได้ย้ำด้วยความเมตตาต่อไปอีกว่า "คิด ถึงพระครั้งหนึ่ง บารมีพระมาถึงเราไปกลับ ๗ เที่ยว รวมแล้ว ๑๔ ครั้ง ได้กำไรดีไหมล่ะ นี่มีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ ถ้าเราคิดถึงพระได้เหมือนกับคิดถึงแฟนเมื่อไหร่ แสดงว่าจะดีแล้ว"



    ช่วงที่ ๒

    ในเรื่องการแบ่งภาค ตามความเห็นของผู้เขียนเข้าใจว่า ท่านลงมาเกิดทั้งองค์ คงจะไม่ใช่เป็นการแบ่งจิตมาเกิด เนื่องจากหน่อพุทธภูมิที่มีบารมีสูงแล้ว ท่านจะมีพลังจิตสามารถตั้งพุทธนิมิต ธรรมนิมิต สังฆนิมิตได้ ซึ่งรวมเรียกว่าเป็นพลังงานหรือบารมีธรรมที่ท่านสร้างมา ซึ่งหลวงปู่เรียกรวมว่า "ภูตพระเจ้า" นั่นเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นบารมีที่คอยติดตาม รักษาคุ้มครองไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางของศาสนา จวบจนกระทั่งท่านได้ปฏิบัติธรรมไปถึงจุดหนึ่ง ทำให้ท่านได้รู้ถึงอดีตที่เคยทำมา ซึ่งตรงกับมงคล ๓๘ ในข้อที่ว่า "ปุพเพจะกตะ ปุญญะตา" บุญที่เคยทำมาแต่ก่อนนั้นเป็นมงคล ดังนั้น ผู้ที่สนใจทางศาสนาได้ จึงถือว่ามีบุญแต่เก่าก่อน มาค้ำชูอุดหนุน บางคนเคบเป็นโจร เมื่อถึงเวลาผลบุญเก่าเข้ามาเสริม ก็สามารถพลิกจิตให้เกิดปัญญาได้ อาทิเช่น พระองคุลีมาล เป็นต้น



    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ได้เคยอธิบายถึงท่านที่ได้พระโสดาบัน เมื่อมาเกิดใหม่ ไม่ใช่จะรู้ว่าตนเองเป็นพระอริยบุคคลเลยทีเดียว แต่ต้องมาปฏิบัติธรรมอีกระยะหนึ่ง จึงจะรู้อดีตได้ ซึ่งในหน่อพุทธภูมิก็คงเช่นเดียวกัน หลวงพ่อมหาวีระ ท่านเคยกล่าวถึงหน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มขั้น ซึ่งเป็นปรมัตถบารมี จึงจะไม่ตกนรกอีก เสมือนพระโสดาบัน ซึ่งไม่ตกไปสู่อบายภูมิอย่างแน่นอน พระบางองค์อาจบรรลุอรหัตตผล โดยไม่ผ่านขั้นตอนโสดาสกิทาและอนาคามีผล ซึ่งผู้เขียนมีความเห็นว่าเป็นไปได้ ๒ กรณีคือ กรณีที่ ๑ พระองค์นี้เคยเป็นพระโสดาบันมาแล้วในอดีต กรณีที่ ๒ คือ พระองค์นั้นบรรลุอรหัตตผลโดยฉับพลันทันทีตลอดสายเช่น การบรรลุอรหัตตผลของพระสีวลี เริ่มตั้งแต่เป็นเณรได้เป็นพระโสดาบัน เมื่อท่านมาบวชเป็นพระ ในขณะที่ปลงผมจนกระทั่งเป็นพระเรียบร้อย ท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ทันที



    ช่วงที่ ๓

    หน่อพุทธภูมิที่มีการสร้างบารมีถึง ๓๐ ทัศน์ มีอยู่อย่างหนึ่งคือ ปัญญาบารมีขั้นปรมัตถ์ จึงทำให้ท่านไม่ต้องไปอบายภูมิ เพราะท่านล่วงรู้ถึงสัจจะธรรมต่างๆ ทำให้ไม่หลงตน ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามหลวงปู่โดยอ้างพระไตรปิฎก ซึ่งได้กล่าวถึงบุญที่ถวายทานกับพระอริยะขั้นต่างๆ กำลังบุญไม่เสมอกัน แต่ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึงหน่อพุทธภูมิ หลวงปู่ท่านได้ตอบผู้เขียนว่า "หน่อ พุทธภูมิ ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็คือ พระอนาคามี เพราะกำลังจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แต่จัดเป็นพระอนาคามีชั้นพิเศษ คือเหมือนกันแต่ท่านยังไม่เอา หลวงปู่ท่านจึงยังไม่สอนใครถึงนิพพาน เพราะถึงไม่ใช่กิจของท่าน แต่ท่านรู้ทั้งนั้น บารมีทั้ง ๑๖ อสงไขย ไม่รู้ได้อย่างไร หลวงปู่ทวด จิตท่านยังมีจุดดำอยู่ แกว่าจริงไหม" ผู้เขียนตอบว่า "ถ้าไม่มีท่านก็สำเร็จแล้วซิครับ แต่จุดดำนั้นเป็นจุดของความเมตตา ที่ท่านจะโปรดสัตว์ เพื่อจะให้สมกับคำว่า ศรีอริยเมตไตรย ดังนั้น จุดดำนี้ผมถือว่า มีค่าน้อยมากตัดทิ้งไปได้เลย" หลวงปู่ท่านพยักหน้ายิ้มรับ และทำให้ผู้เขียนเข้าใจถึงพระธาตุหลวงปู่ทวด ที่ท่านเสด็จมาเอง สัณฐานค่อนข้างกลม สีน้ำตาลดำ หลวงปู่ท่านบอกว่า คือพระธาตุหลวงปู่ทวด ซึ่งถ้าเราอ่านตามพระไตรปิฎก พระธาตุจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้น ไม่มีการกล่าวถึงพระธาตุจากหน่อพุทธภูมิเลย เพราะท่านก็เปรียบเสมือนพระผู้บริสุทธิ์ การซักฟอกธาตุขันธ์จึงย่อมเป็นไปได้ ทำให้เข้าใจถึงฟันและเกศาของหลวงปู่ที่เป็นพระธาตุเช่นกัน ผู้เขียนนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อมหาวีระ ที่กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีสูง พระอรหันต์ยังให้ความเคารพ เมื่อผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ ท่านตอบว่า "คงจะจริง ดูอย่างหลวงปู่ทวดนั่นไง เวลาปลุกเสกพระ พระโดยมากก็ร้องขอความช่วยเหลือจากท่าน"



    ช่วงที่ ๔

    หลวงปู่ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังในวันหนึ่ง ถึงหมอจีนที่มารักษาท่าน โดยการจับชีพจรเพื่อตรวจอาการโรคหรือที่เรียกว่า หมอแมะ หมอบอกว่า หลวงปู่มีพระเต็มไปหมดทั้งตัว ท่านถามเหตุผลกับผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนพิจารณาแล้วนึกถึงเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ชนิดหนึ่ง ใช้วัดการเต้นของชีพจร ถ้าเป็นผู้มีสมาธิดี การเต้นของชีพจรจะราบเรียบ การใช้ออกซิเจนจะน้อย แต่ในกรณีหลวงปู่ หมอใช้วิทยาการทางจิตตรวจสอบพบว่า การเต้นของชีพจรราบเรียบ ทั้งๆ ที่หลวงปู่นั่งอยู่ในอิริยาบทกำลังคุย คือไม่ได้นั่งสมาธิ นั่นแสดงว่า จิตของท่านเป็นสมาธิตลอดเวลา หรือจิตไม่มีความคิดปรุงแต่ง ทางหนังจีนกำลังภายในเรียกว่า ท่าไร้อารมณ์ ลักษณะเช่นนี้ เข้าลักษณะทางพุทธ คือ อารมณ์ของพระอรหันต์ เป็นลักษณะของผู้ที่ได้รับจากการปฏิบัติจิตขั้นสูง ทำให้นึกถึงหลวงปู่ปาน ที่กล่าวไว้ในประวัติของท่าน ในขณะที่ท่านกำลังคุยกับญาติโยม แต่อีกจิตหนึ่งสามารถเสกน้ำมนต์ไปพร้อมกัน หรือผู้เขียนประสบมาด้วยตัวเองกับหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ในขณะที่ท่านนั่งคุยกับผู้เขียนและญาติโยมอยู่นั้น ท่านก็ได้จุดเทียนไว้บนขันน้ำ สักพักหนึ่งก็ได้น้ำมนต์มาพรมให้กับญาติโยมและผู้เขียน โดยท่านไม่ได้นั่งอธิษฐานจิตเลย แม้แต่หลวงปู่เอง ท่านก็ได้ทำอยู่บ่อยๆ เมื่อมีญาติโยมมานิมนต์ท่านไปร่วมพิธีต่างๆ ตั้งแต่พิธีปลุกเสกพระ งานทำบุญบ้าน ฯลฯ



    เพื่อนของผู้เขียนคนหนึ่งเรียนถามหลวงปู่ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์ไหนบารมีสูง หลวงปู่มองหน้าผู้เขียนแล้วตอบยิ้มๆ ว่า "อย่างเช่น ท่านนั่งอยู่ที่หนึ่ง แต่อธิษฐานจิตไปช่วยเหลือ ไปได้อีกที่หนึ่ง" เพื่อนของผู้เขียนฟังแล้วรู้สึกงงๆ แต่ผู้เขียนเข้าใจทันที เพราะกำลังพูดคุยอยู่กับท่านพอดี เกี่ยวกับท่านอธิษฐานจิตไปช่วยเหลือในการสร้างรูปหล่อของหลวงปู่ที่กรุงเทพฯ โดยท่านบอกผู้เขียนว่า "ทำมาหลายวันแล้ว อธิษฐานให้หลวงพ่อทวดไปช่วยเหลือ ให้พระไปช่วย เรามีกิจมาก เดี๋ยวลืมจะทำให้เสียงานได้"


    ช่วงที่ ๕

    เกี่ยวกับเรื่องความปรารถนาของหลวงปู่ ผู้เขียนสรุปได้เลยว่า ท่านปรารถนาพุทธภูมิอย่างแน่นอน ผู้เขียนเคยคุยกับลูกศิษย์ของหลวงปู่หลายคน มีคนหนึ่งชื่อ "เช็ง" อยู่วัดสะแก ได้กล่าวถึงหลวงปู่ว่า "หลวงลุงท่านปรารถนาพุทธภูมิ ไม่อย่างนั้น ท่านไม่มานั่งหลังขดหลังแข็งรับญาติโยมอยู่หรอก" มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์หลวงปู่ชื่อ "ปราณี" ได้ถามหลวงปู่เรื่องการไปนิพพานของหลวงปู่ หลวงปู่ตอบว่า "เรื่องอะไรข้าจะไปนิพพาน ข้าหวังเป็นนายร้อย ไม่ใช่หวังเป็นนายสิบ คนอย่างข้าต้องหักยอดฉัตร จึงสมใจ" ซึ่งเป็นการกล่าวจากปากท่านเอง สำหรับผู้เขียนนั้น ท่านบอกความปรารถนานี้เช่นกัน และท่านยังบอกผู้เขียนอีกว่า "เขาว่ากันว่า ข้าจะสำเร็จระหว่างต้นไม้หนึ่งคู่ ข้าเองยังไม่รู้เมื่อไร" ในตอนนั้น ผู้เขียนยังไม่แน่ใจ ได้แต่มองต้นไม้ในวัดสะแกว่าจะเป็นต้นไหน แต่ก็ไม่มี มาตอนหลังจึงเข้าใจในคำพูดของท่าน จนกระทั่งหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรี ท่านมาเยี่ยม เมื่อคราวที่หลวงปู่ไม่สบายก่อนมรณภาพ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่หลวงปู่บุดดาจะกลับ ท่านได้พูดกับหลวงปู่ดู่ว่า "วันนี้ผมนำมงกุฎพระ พุทธเจ้ามามอบให้คุณ นิมนต์อยู่ต่อเถิด ถ้าไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร ที่คุณปรารถนานั้นน่ะ สำเร็จแน่ ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า" หลวงปู่บุดดาก็ลากลับ ในวันนั้น ผู้ได้ยินหลายคน ลูกศิษย์คนหนึ่งได้เรียนถามหลวงปู่ ถึงความหมายที่หลวงปู่บุดดาพูด ท่านตอบว่า "พระอรหันต์ให้พร เราก็รับไว้ไม่เสียหายอะไร"

    ผู้เขียนเคยปรารภกับหมู่คณะหลายๆ ท่าน ถึงความโชคดีที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับพระผู้บริสุทธิ์ และมีเมตตาจนเรากล่าวคำนมัสการได้สนิทใจว่า

    นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ สัมมาสัมพุทโธ อนาคตกาเล

    - จบเรื่องที่ ๑ -
     
  4. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    upload_2018-12-12_22-4-45.png upload_2018-12-12_22-4-45.png
     
  5. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ขอเป็นกำลังใจให้พุทธภูมิทุกท่านในการนำพาคนให้พ้นทุกข์

    และทำงานฟ้าให้สำเร็จด้วยกันทุกท่านนะคะ

    มารไม่มี บารมีไม่เกิด ประเสริฐไม่ได้
    (นี้คือคำกล่าวของหลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวันค่ะ)

    คนที่มีหน้าที่รับงานฟ้ามา เราจะเดินไปด้วยกันค่ะ

    We Are One Teamss!!!


    สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ คุณน้าดาราแฟร์ ที่มีเมตตาจิตสละเวลาอันมีค่าของท่านมาคอยเตือนพวกเราค่ะ

    ถึงแม้อนาคตจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะเกิดหรือไม่เกิด แล้วแต่วิจารณญาณของผู้อ่านในการตัดสินใจเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะคนเตือนก็ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แห่งการเป็นมหาโพธิสัตว์ และทรงพรหมวิหาร 4 อย่างแท้จริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ทุกคนมีกรรมนำมาเกิด กรรมก็คือผลแห่งการกระทำ ที่พวกเราได้ คิด พูด ทำ เอาไว้ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ เพราะฉะนั้นทุกชีวิตมีทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีเป็นตัวจัดสรรเอง ว่าควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ


    ขอบคุณค่ะ ^_____^
     
  6. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ก่อนนอนคืนนี้ ขอฝากข้อความถึงตามหาศรีอาร์ย ว่าอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็น รู้ หรือได้ยินมา โลกใบนี้มีสองด้านเสมอ เหมือนเหรียญย่อมมีสองด้านฉันใดฉันนั้น เวลาเรารู้หรือเห็นอะไรมาควรหาผู้รู้จริงคอยตรวจสอบด้วย. ไม่เช่นนั้นเราอาจพลาดได้ และสิ่งที่ตามหาศรีอาร์ยรู้มาไม่รู้จริงหรือไม่อย่างไร

    และหากที่ศรีอาร์ยเห็นจริงตามนิมิต โลกใบนี้ไม่เคยมีใครไม่เคยเกิดเป็น พ่อแม่ลูกกัน ไม่เคยมีใครไม่เคยเกิดเป็นศัตรูกัน ทุกคนเคยทำทั้งดีและชั่วมาแล้ว และบางชาติเราอาจจะเคยทำชั่ว เบียดเบียนคนอื่นให้เขาเดือดร้อน จนผู้ที่เขามีหน้าที่รักษาความสงบสุขของบ้านเมือง เช่นกษัตริย์ อาจจะลงโทษเรา ทีนี้เกิดเป็นความอาฆาตจองเวรกันก็ได้

    อย่างที่บอกคนเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน ทำทั้งดีและชั่ว ดังนั้นชาตินี้เราต้องมาหัดละทั้งดีและชั่ว ทั้งถูกและผิดเพราะสิ่งนี้คือสังโยชน์หรือเครื่องร้อยรัดสรรพสัตว์ให้ติดบ่วงกิเลส ตัณหา รักโลภ โกรธ หลง อันเป็นการสร้างภพชาติ.

    จริงๆแล้วทั้งความดีและความชั่ว ถูกผิดมีอยู่ในโลก แต่เราจะมาละทั้งดีและชั่ว ถูกหรือผิด ให้จิตไม่ยึดเกาะเหมือนกับ น้ำที่มันกลิ้งอยู่บนใบบัว หรือน้ำที่มันเป็นคนละส่วนกับน้ำมัน ไม่อาจเป็นเนื้อเดียวกันได้ฉันใด


    คนเรามันพลาดกันได้เพราะความไม่รู้ ซึ่งมีกันทุกคนหากไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะฉะนั้นเวลาเราทำอะไรพลาดไปขอขมาพระรัตนตรัย สำนึกบาปที่ทำ เพราะคนเราไม่ได้รูทุกเรื่องนะ เพราะเราไม่ใช่สัพพัญุตญาณ. ทุกอย่าวเริ่มต้นได้ใหม่เสมอ ไม่มีผิดไม่มีถูก ธรรมัของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก คือไม่จำกัดกาลเวลา. เพราะฉะนั้น ทุกวันคือการเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ และไม่ตามนึกสิ่งที่ผิดพลาด

    แม้กระทั่งบางชาติพระพุทธเจ้ายังเผลอทำผิดศีล ไปตกนรกก็มาก. แต่พอท่านรู้ตัวหรือระลึกถึงความผิดหนหลัง. ท่านก็เลิกทำกรรมไม่ดี ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่กรรมดีใหม่จนได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า


    ปล.เป็นห่วงและหวังดีมาก

    (คืนนี้ยังไม่เห็นมากด โกรธกับ ไม่ชอบให้เลย คิดถึงจัง อิอิ)
     
  7. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    รู้สึกตัวตื่นนอนตอนไหน...ลุกออกจากที่นอนตอนนั้น...ฝึกด้วยกันมั๊ยทุกคน...











    แต่ก็รู้บางคนยังไม่นอน:):)
     
  8. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ท่านที่อ่านอยู่ตอนนี้...ที่ชื่อ "ธิดารัตน์"(ภาษาอังกฤษ) ใช่รึเปล่า ปัญญาทางธรรมท่านมีพอสมควรแต่ยังขาดการปฏิบัติต่อจิต...จึงยังเห็นไม่ถูกตามจริง...หาครูบาอาจารย์สอนกรรมฐานซะนะ...จะได้มีประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงในอนาคต...
     
  9. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391

    ..ผู้มีปัญญาใช้ตำราเป็นลายแทง..


    ..ผู้ขาดปัญญาใช้ตำราเป็นขุมทรัพย์..
     
  10. PaerwThidarat

    PaerwThidarat หลังคาบ้านกูมี3หลังเดะ 55555

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +111
    การตัดสินคนอื่นที่ภายนอกเรามันไม่สมควรเท่าไร ท่านไม่ได้ล่วงรู้ด้วยซ้ำมาเราเจออะไร ผ่านอะไรมา เจ็บ ทรมาน เสียใจแทบตาย กับเกมส์การเมือง กิเลส ตัณหา(ของคนอื่น) เราเจ็บปวดขนาดไหน ถึงขนาดทำลายโลก ตั้งสวรรค์นรก ทุกภพภูมิ ทุกมิติ เรามีสิทธิ์ปิดมันได้ด้วยซ้ำ...เฮ้อ หนีก็ไม่ได้เวทนาตัวเอง
     
  11. Cheewin...

    Cheewin... อิ่มแล้ว...ไปต่อไม่ไหวแล้ว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +1,514
    ขอโทษสำหรับใครบางคน กับข้อความก่อนหน้านี้ ที่อาจจะดูแรงไปหน่อย ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรนั้น ในความแท้จริงแล้วเราก็ไม่ได้ต่างไปกว่ากันเลย ผ่านพบเจอสิ่งทั้งหลายทั้งปวงมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น มันเป็นธรรมดาของแดนกรรม แดนเกิด ดับ ของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง. สัมผัส รับรู้ และวาง วางกรรม กรรม คือ ตัวทุกข์ ทุกข์ที่จะนำไปสู่การเกิด ดับ ไม่มีที่สิ้นสุด.(เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็อย่าลืมเพื่อนที่อยู่ใน3แดนวัฏสงสารแห่งทุกข์ล่ะท่าน)#ผมออกนอกกรอบเกินไป รู้ว่าไม่สมควร ขอโทษก่อนหน้านั้นที่พิมพ์อย่างนั้นออกไป... ปัยล่ะ
     
  12. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ทางโน้นเนตล่มรึเปล่าท่านแมวซา
     
  13. PaerwThidarat

    PaerwThidarat หลังคาบ้านกูมี3หลังเดะ 55555

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +111
    พวกท่านอยากได้ภัยพิบัติก็นักใช่มั้ย? เมื่อถึงวันนั้นแล้วมารู้ความจริงที่เราประสบพบเจอมา อย่าคิดว่าเราไม่เตือนท่านแล้วกัน
     
  14. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    หากยอมรับความจริงได้..ทุกอย่างก็จบ
    ..หากยอมรับว่านั่นคือทุกข์ย่อมหาที่ปล่อยวาง..

    ...หากเปิดใจรับฟัง...ก็จะมีสิ่งที่ดีมาทดแทน...หากต้องการหลุดจากบ่วงกรรม...ยังมีคนให้คำแนะนำท่านได้

    ..โพสต์ข้างบนนี้ไง..ช่วยนำทางใจท่าน..




    มีมิตรแปลกหน้า...ดีกว่ามีศัตรูเป็นคนสนิท
     
  15. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ไม่มีใครอยากได้หรือต้องการทั้งนั้น...แต่พระพุทธองค์ก็ได้ทำนายไว้แล้ว...พระอรหันต์ในอดีตที่ผ่านมาก็ได้เตือนไว้เหมือนกัน...สำคัญที่สุดคือ จะแปลความหมายคำเตือนอย่างไร....หากคิดว่าภัยพิบัติทางโลก...อันนั้นยังไม่สำคัญเท่าภัยพิบัติในจิตใจ...ปล่อยเสีย วางเสีย
     
  16. PaerwThidarat

    PaerwThidarat หลังคาบ้านกูมี3หลังเดะ 55555

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +111
    ถ้ายังไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไร จงอย่าตัดสินคนนั้น เป็นอย่างงั้นอย่างนี้ ตามทิฐิของตัวเองสิท่าน อยากไปฝึกกรรมฐานตามที่ท่านบอกเลย แต่เงินสักบาทก็ยังไม่มี ต้องหนีหัวสุกหัวสุน มีคนตามหา ปองร้าย ตามฆ่า อยู่ตลอดทำไงดีท่าน ไม่มีที่พึ่งเลย
     
  17. PaerwThidarat

    PaerwThidarat หลังคาบ้านกูมี3หลังเดะ 55555

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +111
    แล้วท่านจะเชื่อเรามั้ยว่าเราแบกภัยพิบัติอะไรต่อมิอะไรไว้ให้คนเดียว
     
  18. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ขออภัย...หากไม่ยอมรับความปรารถนาดี....เราก็จะไม่ยุ่งกับท่านอีก



    เราต้องขอโทษท่านด้วย...
     
  19. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ท่านก็พูดให้ทุกคนในนี้รับรู้...ในห้องนี้ทุกคนคือมิตรแท้...จะมีคนชี้ทางให้ท่านเอง
     
  20. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ยังไงก็แล้วแต่...ขออวยพรวันเกิดล่วงหน้าเลยแล้วกันนะ...

    ***ขอให้ท่านผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดี...ขอให้ได้พบกับกัลยาณมิตรที่ดี...ขอให้ได้ช่วยเหลือผู้อื่นตามเจตนาของท่าน***





    ...สวัสดี...
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...