มีปัญหาเรื่อง กสิณครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จิตวิปริต, 20 มิถุนายน 2008.

  1. จิตวิปริต

    จิตวิปริต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +13
    คือว่า ผมฝึกกสิณ ปีตกสิณ...เวลา ลืมตานึกถึงกสิณนั้นนึกได้นาน
    แต่หลับตานึกได้ไม่นาน ...จะทำไงดี
     
  2. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการฝึกจำใหม่ๆครับ ทุกอย่างถ้าชินไม่ว่าภาพอะไร จะเห็นในจิตแทน เปรียบดั่งเราเห็นภาพสถานที่บ้านเรือนต่างๆที่เราเคยอาศัยหรือเคยเจอ นึกปุ๊บก็รู้ทันทีว่ามีสภาพรูปเป็นยังไงครับ บางทีไม่ต้องขึ้นด้วยภาพก็สามารถเห็นภาพในจิตได้นะครับ ถ้าในอดีตชาติเราเคยสะสมมาแล้ว เข้าสมาธิถึงอุปจาระนึกอยากเห็นภาพจิตก็เห็นได้ครับ เห็นในจิตเป็นสถานที่ต่างๆ
     
  3. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    ต้องดูจริตเราเองเสริมด้วยครับ ถ้าบางทีจริตเราอาจจะไม่ชอบการทำสมาธิด้วยการจำภาพ อาจจะชอบแบบการภาวนาคำบริกรรมดูลมหายใจแทนก็เป็นได้ครับ ต้องลองว่าแบบไหนที่เราทำแล้วจิตรู้สึกดีได้ไวที่สุดก็ให้เริ่มต้นแบบที่จิตชอบจิตถนัดครับเพราะอาจบ่งบอกได้ว่าเราพอมีของเดิมมาทางนั้นจะทำให้คล่องกว่าเริ่มฝึกแบบอันใหม่ครับ อันนี้ต้องลองสลับเปลี่ยนดู
     
  4. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    ถ้ายังเลื่อนลอยไม่คงที่ นักปฎิบัติให้ดูความไม่เที่ยงเลยครับ คือ เปรียบเหมือนกับว่าเหมือนๆเราไม่มีสติอยู่ทุกขณะ คือเริ่มๆทำถ้าไม่ค่อยจะดีมันจะเครียด คือจิตมันหาที่จับไม่ได้ดี คือ สมาธิเนี่ย ให้เดินฌาณเลยครับ คือ ให้ดูวิตก (คือความคิดนึกปรุงแต่ง) วิจารณ์ (คือเราช่วยมันคิดต่อรึตอบโต้ความนึกคิดนั้นๆ) คือ ดูให้มีสติ ให้รู้ อย่างนี้ก่อน เปรียบเหมือนกสิณ ที่เพ่งนี้ล่ะ แล้วเรามีสติ เราจะรู้ถูกผิด สติจะกลับมาได้ อย่างนี้ก่อน แล้วสมาธิ เราจะแข็ง คือ รู้ผิดรู้ถูก ถ้าให้ดีตัวรู้ผู้นั้นล่ะ มันจะเป็นฐานของกสิณต่อไปในอนาคต เหมือนอย่างเพ่งกสิณแล้วมันจับอารมณ์เดียวแต่มีสิ่งอื่นมาแทรกนั่นล่ะ มันจะไม่พ้นวิตกวิจารณ์ คือ ไม่ทรงอารมณ์เดียวอย่างนั้นน้ะ เอามาใช้ประโยชน์ คือเห็นความเปลี่ยนแปลงมันอย่างนี้ ไปๆ เราจะไม่วิตก คือ ไม่สงสัย ปล่อยวางความนึกคิด จะดีกว่า เพราะมันจะสงบได้เร็วกว่า เมื่อสงบแล้ว เราก็เอาประโยชน์จาก ปีตกสิณ มาใช้ได้ อย่างนั้น
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    กระทู้โครตตตตตตตตตตตตตตเก่า....

    อาการของ จขกท...
    เหตุเพราะจิตมันไม่ได้สร้างภาพจากตัวจิตเอง
    แต่ภาพที่สร้างมันมาจากความคิดร่วมด้วย
    ถ้าทำต่ออนาคตจะแป๊กที่ปฐมฌานและจะปวดศรีษะอย่างหนัก
    และเผลอๆจะเลิกฝึกไปเลย ยกเว้นว่า จะเล่นที่ระดับอุคคนิมิต
    แล้วมาต่อทางด้านปัญญา ไม่ว่ากัน...
    เหมาะสำหรับที่ชอบทางปัญญาและไม่ชอบเรื่อง
    ความสามารถพิเศษทำได้ของจิต

    ๑.จขกท ขึ้นด้วยกสิณสีดีแล้วครับ..เพราะเด่นกว่ากสินกลาง
    ๒.กสิณให้จำไว้ว่า ต่อให้อุคคนิมิตตรง ก็ไม่ควรสนใจ
    เพราะว่า มันเป็นตัวขวางได้หมด ถ้าสนใจจะหลงตัวเองไปวันๆ
    ๓.เราไม่ได้เน้นที่จะรักษาภาพอุคคนิมิตเอาไว้ให้ได้นานๆ
    เพราะจะทำให้จิตจมหรือแช่ในกำลังระดับนั้น
    อนาคตจิตจะพิการ คือ ไม่ได้ทั้งความสามารถทำได้
    พิเศษและหนุนเรื่องปัญญา นอกจากหลงนิมิตเล่นๆ
    ๔. กสิณไปได้ ๔ ทาง ในกลุ่มที่ ไม่เน้นสมาธิระดับสูง
    ให้ดูความเปลี่ยนแปลงอุคคนิมิต แล้วไปทางด้านปัญญาครับ

    แต่ถ้ามีเวลา หรือ ภาระทางโลกเคลียร์แล้วช่วงนั้น
    จะไปได้ ๓ ทาง คือ ๑.สร้างกำลังจิต(ปั่นปฎิภาคนิมิต
    วนซ้ายได้ในกำลังระดับสูง การปั่นได้ในขณะลืมตาก่อนเข้าห้องน้ำหรือเวลาจะหลับหรือครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่มีประโยชน์ครับเอาไว้ซ้อมได้อยู ให้ปั่นได้ทั้งชาติในอารมย์ระดับนี้
    ก็ไม่มีประโยชน์ยกเว้นหลงตัวเองครับ) ๒.อฐิษฐานจิต(ยากสุด
    ส่วนมากที่ทำได้เป็นห่มเหลืองครับ)
    ๓.ไปอรูปฌาน(ถึงระดับ ๓ เพราะ ๑ ถึง ๓ กำลังเท่ากัน
    ส่วน ๔ ฝึกเอาไม่ได้ ต้องทิ้งเอา) เหมาะสำหรับ
    ท่านที่มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตและเป็นเซียนสวด
    หรือชอบใช้คาถาอาคมต่างๆครับ
    เช่น ๒ ทุ่มต้องนั่งสมาธิสวดมนต์ประจำ ฯลฯ

    กำลังทั้งหมดอย่างที่บอก เอามาหนุนการเดินปัญญาจะไป
    ได้เร็ว กว่ากำลังระดับอุปจารสมาธิ ที่มักทำให้หลงคิดว่า
    เป็นระดับฌาน ๔ ทำให้หลงตัวเอง ทั้งๆที่ไม่มีกำลังจิตครับ

    ทริคการฝึกกสิณอย่างหนึ่งที่ควรจำคือ
    ๑.ถ้ายังไม่สามารถใช้งานจริง ไม่ว่าจะเกิดกิริยาระหว่างทาง
    พิศดาร หรือเกิดความสามารถอะไร หรือพบเจออะไรที่อลังการระดับโลกแค่ไหนก็ตาม ห้ามสนใจทุกๆกรณี ย้ำว่า ห้ามสนใจครับ
    ๒.อย่าไปพยายามรักษาอุคคนิมิตให้นานๆ แต่ให้เห็นปุ๊บแล้ว
    ระลึกออกปั๊บ และเข้าไป ใหม่ มันถึงจะมีกำลังสะสมเพียงพอ
    ที่จะข้ามไประดับปฏิภาคนิมิตได้ ถึงตรงนี้ ถึงจะพอมีประโยชน์ครับ...

    ๓.อย่าฝึกเพื่อตัวเอง ตั้งเป้าเพื่อประโยชน์สาธารณะและ
    ประโยชน์ทางธรรม..........
    ๔.กสิณแม้จะเป็นนิมิตตรงก็อย่าสนใจ บอกไว้อีกรอบกันลืม
    ๕.ถ้าจิตสามารถเริ่มสร้างภาพได้ด้วยตัวมันเองแล้ว
    สังเกตุง่ายๆ ถ้ามองไปบนอากาศเวลาระลึก อุคคนิมิต
    ภาพจะขึ้นมาภายในวินาที ถ้ายังไม่ได้แบบนี้

    ให้ตรวจสอบการวางสายตาในเวลาหลับตาฝึก
    ว่าเผลอมองด้วยตาปกติหรือเปล่า ถ้าใช่ให้โน้ม
    สายตามองที่ลิ้นปี่ แล้วจะเหมือนมีตาเดียวมองผ่าน
    เหนือระหว่างคิ้วแทน ถ้าลืมตา ผลักภาพให้ไป
    ปรากฏบนอากาศในมุนสูงตรงได้หรือยัง
    *** เป็นธรรมดาภาพที่สร้างจากจิต หรือ จิตสร้าเอง
    แรกๆมันจะไม่ชัดเป็นเรื่องปกติ มันจะไปต่อได้ครับ
    ไม่เหมือนภาพที่สร้างร่วมกับความคิดที่จะสวยกว่า
    แต่จะแป๊กและส่งผลต่อร่างกายเราได้ครับ. ส่วนนี้
    เล่าให้ฟังเล่นๆ...

    ปล.ถ้าไม่ผ่านการทดสอบเรื่องความเฉลียวในการใช้งาน
    และเมตตาตลอดจนความกลัวตาย.....จะไม่มีทางสามารถ
    นำมาใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน จะทำได้แต่ในนิมิต
    และหลงตัวเองเล่นๆไปวันๆครับ.
    *** อย่าลืมพื้นฐานเรื่องระบบการหายใจครับ
    คือ หายใจเข้าและออกลมหายใจลึกถึงท้อง
    ทำความรู้สึกรับรู้ว่าลมหายใจเข้าและออก
    หยุดที่ปลายจมูกแต่ห้ามไปตามหายใจนะครับ
    ไม่งั้นเสียเวลาฝึกเฉยๆครับ ***
     

แชร์หน้านี้

Loading...