ต่อไปนี้เอาแต่ความรู้ในการบำเพ็ญตนดีกว่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Username-chatreekain, 16 ธันวาคม 2018.

  1. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    ต่อไปนี้เราจะเป็นคนดี และซื่อสัตย์กับพ่อกับแม่ ซื่อสัตย์กับครูบาอาจารย์ ทั้งหลายที่ได้ สอนเรา สอนเรา ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นในการอ่านความคิดเห็นแต่ละอย่างของ ที่เราเคารพบูชา ต่อไปนี้ ผม จะนั่งสมาธิวันละ 5 นาที หรือ 30 นาที ก็พอใจแล้วครับ แค่นี้แหละครับชีวิตก็มีความสุขแล้วไม่ต้องการอะไรอีกแล้วขอขอบคุณ ว่าแต่ใครมีคำสอ ว่าแต่ไข่มีคำสอนคำสอน ว่าแต่ใครมีคำสอนตอน ดีๆดีๆบอกอ้าวกันบ้างก็ได้นะครับรอรับฟังอยู่ครับ รอรับฟังประสบการณ์ของแต่ละคนอยู่ครับประสบการณ์ของผมจากไม่เคยนั่งสมาธิเลยได้มาเจอเว็บพลังจิต ก็เลยลองเล่นดูปรากฏว่าเป็นเว็บที่ชอบมาก ทำอะไรก็สะดวกจะอธิบายเรื่องศาสนาก็สะดวก ขอครูบาอาจารย์สั่งสอนด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  2. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    ขนาดมดยังตื่นตอนเช้า เพื่อรีบไปหาอาหาร แล้วทำไมคนเรา จะตื่นแต่เช้า ทำงานบ้าน แต่เช้าไม่ได้ มดยังหาอ่านเก็บมาใส่รังของมันเพื่อไว้กินวันข้างหน้า และคนเราทำไมจะทำไม่ได้ ว่าการอดออมของเรา เก็บสะสมไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นความดีแล้ว ยังจะต้องการอะไรอีกเล่า ชีวิตที่แสนสบาย แต่ต้องมาจมปลักอยู่กับกองกิเลสตัณหา ต่อไปนี้ควรนั่งสมาธิเยอะๆวันละ 5 นาทีถึง 30 วินาที เพื่อจะได้ผ่อนคลายสมอง ทำให้เรามีสติสัมปชัญญะ ที่จะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องคิดไม่ต้องรอความคิดไม่ต้องมองเห็นความคิดสามารถทำได้เลย ครับ
     
  3. แผ่บุญ

    แผ่บุญ ชอบ~ศรัทธา 40 อสงไขย

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2018
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +307
    สาธุ ดีแล้วครับ เริ่มสะสมบุญกันวันละนิดนั่นแหละดีครับ ให้ธรรมทานก็เป็นบุญ นั่งสมาธิก็เป็นบุญ แม้กระทั่งให้กำลังใจกันในการปฏิบัติภาวนาก็เป็นบุญแล้วครับ มองแต่สิ่งดีๆจิตก็มีบุญเข้าตลอดแล้วครับ
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  5. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    จขกท.

    ลองทำความดีที่ไม่โคสะนาดูครับ
     
  6. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    ุค นั่งสมาธิเพิ่งจะเสร็จครับก็เลยมาตรวจสอบดูว่ามีใครโพสต์อะไรหรือเปล่าก็เลยมาดูก็เห็นพี่น้องอยู่ 4-5 คนตอบปัญห นั่งสมาธิเพิ่งจะเสร็จครับก็เลยมาตรวจสอบดูว่ามีใครโพสต์อะไรหรือเปล่าก็เลยมาดูก็เห็นพี่น้องอยู่ 4-5 คนตอบปัญหากันอยู นั่งสมาธิเพิ่งจะเสร็จครับก็เลยมาตรวจสอบดูว่ามีใครโพสต์อะไรหรือเปล่าก็เลยมาดูก็เห็นพี่น้องอยู่ 4-5 คนตอบปัญหากันอยู่พอดีฟั นั่งสมาธิเพิ่งจะเสร็จครับก็เลยมาตรวจสอบดูว่ามีใครโพสต์อะไรหรือเปล่าก็เลยมาดูก็เห็นพี่น้องอยู่ 4-5 คนตอบปัญหากันอยู่พอดีฟังธรรม นั่งสมาธิเพิ่งจะเสร็จครับก็เลยมาตรวจสอบดูว่ามีใครโพสอะไรหรือเปล่าก็เลยมาดูก็เห็นพี่น้องอยู่ 4 5 คนตอบปัญหากันอยู่พอดีฟังธรรมะไปเรื่อยๆ ๆจิตใจคิดอะไรไปเรื่อยๆดีขึ้นมาหน่อยไม่เหมือนสภาวะที่ผ่านมาหัวใจเต้นก็ไม่ค่อยปกติทำให้เจ็บหน้าอกอยู่ตลอดเวลาเลย ก็มีสมาธินั่งละสบายคิดอะไรในใจผ่อนคลายสมองออกไปบ้างก็นับว่าดีแล้วล่ะครับที่ผมทำได้แต่ผมเคยนั่งสมาธิด้วยนานกว่านี้อีกเยอะเลยครับ แต่ลับหลังและแต่หลั่งแล้วเราก็ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิสักเท่าไรบ้างเป็นบางครั้งบางคราวที่เราอยากจะนั่งแต่ว่าต่อไปนี้เขาบอกเลยครับ จะนั่งทุกวัน ไปเลยครับทุกตกดึกตกดึกขึ้นมาเมื่อไร 8:00 นถึง 9:00 นคงเป็นเวลา นั่งสมาธิ ของกระผมแล้วมั่งสิครับอยากจะบรรลุทำอะไรเหมือนพวกเขาบ้างเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นบ้างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ จะได้มีแรงกำลังใจที่จะทำความดีในแต่ละวัน ไม้ตะพด ตอนกลางคืนออกหาอาหารเช้ามามันก็เดินตามออกมาหาอาหารของมันอยู่อย่างนั้น
     
  7. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    นั่งเร็วจังนั่งทั้งทีให้คุ้มหน่อยสิคับ อย่าไปสนใจกับเรื่องราวอื่นๆ นั่งแล้วให้ได้อย่างที่ควรจะเป็น นั่งไปเลยถึงเช้าตื่นมาเห็นตัวเองสภาพไหนจะได้รู้ และรู้ว่าตกลงนั่งสมาธิหรือนอนสมาธิหรือ แค่การพักผ่อน เวลาจริงในสมาธิไม่มีหรอกแต่ไม่ต้องทำขนาดนั้นนะคับค่อยๆทำ แล้วจะเห็นว่าอย่างน้อยมีบางสิ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีถ้านั่นคือสมาธิจริงๆ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ในภาพรวม...
    ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ตามเหตุและปัจจัยแห่งตนเองครับ.......
    การตั้งใจปฏิบัติธรรมไม่ใช่ไม่ดี
    แต่จะเป็นการปิดกั้นตัวเอง คือ ปิดกั้นใจเรา
    ควรเปลี่ยนความตั้งใจในการปฏิบัติมาเป็น
    การสร้างสติทางธรรมด้วยการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    ควบคู่กับการทำสมาธิร่วมด้วย เพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วย
    ควบคุม ความคิด และพถติกรรมของจิต
    เพื่อให้จิตคลายจากความคิด คลายจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมต่างๆ
    เพื่อให้จิต เค้าคล่อยๆละ ค่อยๆคลาย จากความยึดมั่นถือมั่น
    ในสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้ได้ก่อน แล้วก็ค่อยปล่อยให้จิตเค้าว่างรับรู้
    อยู่ภายในอย่างนั้น ด้วยใจที่เป็นกลาง
    จนจิตเค้าเห็นได้ว่า การเกิดมันเป็นทุกข์
    เมื่อจิตเค้ารู้ได้อย่างนี้แล้ว ตัวจิตเค้าก็จะไม่อยากเกิดอีก
    จิตเป็นธาตรู้ เราจะปล่อยให้เค้ารับรู้ แต่ไม่ให้เค้าเกิดครับ

    ปล.สมาธิแรกๆอาจจะต้องฟิกเรื่องเวลา เพื่อเป็นแนวทาง
    ในลำดับต่อมา เราจะเน้นการเข้าถึงอารมย์
    เช่น เมื่อก่อนนั่ง ๓๐ นาทีได้อารมย์นี้ ต่อไปอาจจะแค่ นาทีเดียว ก็ให้พอ
    และก็ค่อยมาดูว่า ต้องการต่อยอด หรือ พอใจกับกำลังระดับนี้
    ปลายทางเพื่อมาหนุนทางด้านปัญญา

    ส่วนเรื่องนามธรรม สิ่งอัศจรรย์ กิริยาแปลกๆอะไรทั้งหลาย
    นั้นมีเกิดขึ้นได้เป็นปกติ เพียงแต่เราอย่าไปยึด
    ถ้ามันจะเกิดก็ช่างมัน ถ้ามันไม่เกิดก็ไม่ต้องไปอยากให้มันเกิด
    ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน แต่อย่าไปสนใจ
    เน้นว่าเป็นประเด็นหลัก เด่วจะเผลอยึดได้อย่างไม่รู้ตัวครับ
    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     
  9. แนน จันทบุรี

    แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    ธรรมะอยู่ที่ไหนๆก็เป็นธรรมะ คือ ภาวนาพิจารณา บ่อยๆ อะไรๆ เข้ามาทางตาหูจมูกลิ้นกาย ใจ รู้ พิจารณาอย่างนั้น เท่ากับใจมีธรรมะ ไม่ห่างภาวนา พิจารณาอย่างนั้น แล้วๆเหมือนจะเหม่อน้ะ แต่ไม่ใช่ คือ ตวามรู้ความเห็นมันเกิดขึ้นมาเราพิจารณามันอยู่ภายใน สติมันก็จะไวขึ้นเอง ดีกว่าคนไม่รู้เรื่องอะไรน้ะ ใจอยู่กับเราตลอด เราก็มีธรรมะ พิจารณามันไปอย่างนั้น เกิดทุกข์มันก็จะไม่ทุกข์มากน้ะเพราะเราพิจารณามันอยู่ มันจะเป็นอย่างนั้น ส่วนโลภ โกรธ หลง เราก็จะเห็น รู้ ในการภาวนาพิจารณาอย่างนั้นล่ะ แต่รู้ตัว คือ ปั๊ป มีสติ คือธรรมที่ผู้อื่นทำได้ยาก อย่างนั้นก่อน เข้าใจก็ดีหรอก
     
  10. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    ขอบคุณมากคับ
     
  11. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58

    จิตที่ว่าเป็นผู้รู้ใช่อยู่กลาง ฝันของคนเราเปล่าครับที่เรียกว่าสมองอีกจุดหนึ่งอยู่ที่ใจ
    ใช่ประคับจุดแรกคือความรู้นึกคิดและเก็บ
    ในด้านความรู้ส่วนอีกจิตเก็บทางด้านความ
    รู้และการนึกคิดเช่นเดียวกันใช่ประคับ
     
  12. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    วันนี้ เราได้นั่งสมาธิแล้ว ประมาณ 60 นาที เห็นจะได้ วันนี้ไม่ได้ความรู้อะไรเลยจากการนั่งสมาธิ แต่ได้ความสงบจากการนั่งสมาธิตลอดเวลา 60 นาท แต่ได้ความสงบจากการนั่งสมาธิตลอดเวลา 60 นาทีรู้สึกว่าตัวเย็นสบาย นอนสบาย นี่ก็สามทุ่มแล้วขอเวลาไปพักผ่อนดีกว่า ฝันดีครับทุกคน จุดจุดจุด โจทย์ นอนแล้วครับฝันดีทุกคนครับขอบคุณครับ หวังว่าพี่น้องคงจะเข้ามาโพสต์มาคุยกันได้ตลอดเวลานะครับมีอะไรจะมาตอบที่หลังนะครับสำหรับคืนนี้ขอนอนพักผ่อนก่อนขอบคุณมากครับขอบคุณครับ...
     
  13. Username-chatreekain

    Username-chatreekain ใต้สรวงสวรรค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +58
    สมาธิวันละนิด สำหรับวันนี้การนั่งสมาธิประมาณ 60 นาทีทำให้สมองแล้วคลายความกังวลและความเครียดไปได้ประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์ถึง 99 เปอร์เซ็นต์จุด ทำให้เราสบายใจก็นอน เราก็นอนต้องไปพุทโธพุทโธถึงไม่ได้นั่งสมาธิแล้วออกจากสมาธิแล้วเราก็นั่งท่องได้ว่าพุทโธพุทโธหรือนอนท้องก็ได้ว่าพุทโธพุทโธยุบหนอพองหนอยุบหนอพองหนอก็ได้ทำให้เรามีความสุขและมีความดีต่อการบำเพ็ญตนไปเรื่อยๆ ทำยังไงก็ได้ให้เรามีความสุขอยู่กับสมาธิให้นานที่สุด แค่นี้เราก็ภูมิใจแล้วกับชีวิตไม่ต้องการอะไรอีกแล้วต้องการแค่สมาธิที่ดีสติปัญญาที่ดีการเข้มแข็งแข็งแรงของตนเรา แค่นี้เราก็มีความสุขแล้วขอบคุณครับ ใน 60 นาทีนี้นั่งตัวนิ่งตลอด ไม่สั่นไหวไปไหน เพ่งเล็ง อย่างเดียวคือพัดลม ก็เหมือนกับการฝึกกสิณใช่ไหมครับ ฉะนั้นพัดลมก็เป็นตัวอย่างตัวหนึ่งได้ ทำให้เราฝึกได้ พัดลมก็ฝึกกสิณได้เช่นเดียวกันเหมือนกันครับ ดีซะอีกทำให้ใจเราก็สติปัญญาเราอยู่นิ่งอยู่กับพัดลมแล้วทำให้เราสบายกายสบายใจขึ้นมาอีกเรื่อยๆ แค่นั่งฟังพัดลมเองแค่นี้ก็สบายใจแล้ว ไม่ต้องไปหาจุดแดงๆที่ใจ มาเพ่งกสิณ อีก ใน 60 นาทีนี้ที่นั่งไปไม่มีตอนไหนเลยที่มีความสุขมีแต่ความสุขกายสบายกายสบายใจสบายทั้งตัวสบายมากสบายจน อยากจะนั่งต่อแต่เราก็ต้องใช้เวลานอนพักผ่อนบ้างเพื่อการทำงานของวันพรุ่งนี้และวันต่อไปเราก็จะทำให้ดีที่สุด ถึงเวลานั่งเราก็มานั่งถึงเวลาทำงานแล้วก็ต้องไปทำงานคนเราจะอยู่เคลียร์อยู่อย่างนั้นไม่ได้ต้องนอนหลับและตื่นมาทำงานบ้างมันถึงจะชีวิตถึงจะเข้าคู่ไปด้วยกันได้ขอบคุณครับ ต่อไปนี้เพลงก็กินอย่างเดียวเลยคือพัดลม พัดลมนี่แหละเป็นโลกคู่ขนานของเราแท้ๆ ขอเวลานอนพักแหล่ะคับ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ตัวจิตเป็นนามธรรม มีลักษณะคล้ายส่วนประกอบหนึ่งของอะตอม
    ที่เป็นอนุภาคของสื่อนำแรง มีคุณสมบัติคือ สามารถเพิ่มแรงได้
    และไม่เกี่ยวกับพื้นที่
    ไม่เหมือนองค์ประกอบสะสาร
    (เช่น เหรียญบาท ๑ เหรียญ
    เอาอีกเหรียญมาวางทับ จะกลายเป็นเหรียญบาท ๒ เหรียญ พอเห็นภาพเนาะ)

    และ สามารถมีแรงเข้ามาซ้อนกันได้ ไม่ว่ากี่ล้านๆแรง
    (เปรียบได้กับทางพุทธฯคือสัญญาความจำได้นั่นหละ หรือ เรียกอวิชชาก็ได้)
    เมื่อไม่มีพื้นที่ ก็ไม่ต้องมีระยะทางมาเกี่ยว
    พอไม่มีระยะทาง มันก็ไม่ต้องใช้เวลาในการเดินทาง
    มันจึงอยู่เหนือกาลเหนือเวลา

    ถ้าแรงที่เคยเข้ามารวมกับจิต

    (คือ ตัววิญญานจากจิต ที่มันส่งการรับรู้ไปกระทบภายนอกมาเก็บไว้
    ตั้งแต่ก่อนที่จะสร้างช่องการให้ตัววิญญานส่งออกเป็น ตา หู ฯลฯ จนรวมเป็นกาย)

    มันเป็นอดีต เราก็เรียกอดีตชาติ ถ้ามันเป็นความสามารถทางด้านแรง
    เราก็เรียกของเก่านั่นหละ

    ตรงใจที่เข้าใจนั้น เป็นต่ำแหน่งที่ผู้รู้พึ่งบังเกิด
    เคยได้ยินคำนี้ไหม
    ''หากดับสัญญาความจำได้แล้วไซร์
    ปัญญาพึ่งบังเกิดขึ้นได้เอง....''

    ดับสัญญาความจำได้ ก็คือ การที่จิตปล่อยการยึดเกาะแรงต่างๆ
    ที่เอามาเก็บไว้เป็นสัญญาชั่วคราว
    จนจิตเกิดการคลายตัว หรือ เกิดการขยายตัวไร้รูปร่าง
    เกิดเป็นแรงออกไปภายนอกไร้ขอบเขต
    กิริยาตรงนี้ นั้นหละเป็น ผู้รู้หรือองค์ความรู้ต่างๆ......



    แต่การเป็นผู้รู้ยังไม่ใช่อย่างที่เข้าใจ
    ผู้รู้ในที่นี้ คือ องค์ความรู้ที่ได้จากการที่จิตมันคลายตัว
    (ลักษณะนี้คือธรรมชาติ
    เหมือนที่เล่าให้ฟังในทางด้านแรงก่อนหน้านี้)

    ซึ่งเป็นผลที่จิต คลายจากความยึดมั่นถือมั่น จนปล่อยวางการเกิด
    และกลับคืนสู่ธรรมชาติได้ชั่วคราว........ย้ำว่า ชั่วคราว

    ซึ่งก็ยังมีองค์ความรู้อีกแบบ ที่เริ่มต้นจากความว่าง
    ในความว่างนั้น แท้ยังมีดวงจิตอยู่ จิตที่ว่างจากการเกิดเค้าก็ไม่อยากเกิด
    การค้นเข้าไปในที่ว่าง ผ่านดวงจิตที่ซ่อนอยู่ในความว่างที่ไม่อยากเกิดตรงนี้
    ก็เป็นการรู้อย่างหนึ่งเช่นกัน
    แต่เป็นการรู้แบบมีตัวกระทำ

    ผู้รู้การรู้ทั้ง ๒ ตัวนี้จะต่างกันตรง
    ผู้รู้ ตัวแรก เมื่อรู้แล้วมันจบเป็น คือ สิ้นสงสัย
    ไม่มีการนึกขึ้น คิดขึ้นได้ ระลึกขึ้นได้ ขึ้นมาอีก......


    การรู้อีกตัวคือ รู้แล้วไม่จบ รู้ไปเรื่อยๆ เรียกว่า รู้เตลิด
    บางที เรียกว่า ปล่อยรู้ไม่เป็น
    แต่ก็สามารถนำไปใช้งานได้อยู่
    แต่ก็ต้องมาฝึกทิ้ง ไม่งั้นจะพัฒนาเกิ๊น.....

    ส่วนการเก็บต่างๆที่เราเข้าใจ มันคือ สัญญาความจำได้ในจิต
    เป็นคล้ายๆโพลเดอร์ในเครื่องคอม เมื่อความสงบ เข้ามา
    จนเกิดกิริยาว่าง ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตอนที่ว่างนั้น จะมีแรงตัวไหน
    ที่เคยอยู่ในจิต มันจะวิ่ง ไปค้น
    เข้าไปหาโฟลเดอร์ไหนนั้นเอง นี่ก็รู้อย่างหนึ่ง
    ซึ่งรวมทั้งความสามารถในการทำได้พิเศษของจิต
    แต่เป็นรู้พิเศษ
    แต่ไม่ใช่รู้ที่เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น
    สังเกตุได้ ว่าการรู้และความสามารถเหล่านี้
    ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ความรู้ความสามารถเดิม
    ที่จิตได้เคยผ่านมา หรือ เก็บมาไว้เป็นสัญญาทั้งสิ้น

    ส่วนการนึกคิด คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ตีความ
    เป็นรู้ทางโลก เป็นการรู้ที่ปรุงร่วมกับสัญญาความจำได้
    อาจจะรู้ได้ระดับโลก แต่ก็ยังถือเป็นปัญญาทางโลกอยู่
    เราสามารถใช้การศึกษา หรือ ทำมาหากินได้อยู่......

    ถ้าอยู่ดีๆ แล้วระลึกขึ้นได้ นึกขึ้นได้ คิดขึ้นได้
    ซึ่งมักเป็นเรื่องราวในอดีต
    และปรุงร่วมกับมันได้ ส่วนนี้เรียกว่า วิบาก วิบาก
    คือกระแสที่จรเข้ามาเข้าหาจิต ถ้าเราไม่ปล่อย
    มันก็จะกลายเป็นวิบากกรรมนั่นเอง......
    ไม่ว่าเรื่องอะไร พวกนี้ ผ่านไป สิบยี่สิบปี ก็จรมาได้
    เนื่องจากมันเป็นแรง แบบที่ไม่ขึ้นกับกาลและเวลา
    อย่างที่เล่าไปแล้วข้างบน


    ก่อนที่จิตจะแยกรูปแยกนามได้ เพื่อที่จะสามารถ
    เดินปัญญาได้นั้น ก็จะต้องเห็น ความคิดที่ผุดขึ้นมา
    ตรงนี้แบบไม่ตั้งใจก่อน เห็นมันให้ทันก่อนที่จะรวมกับจิต
    ซึ่งเป็นนามธรรมเป็นฝ่ายอารมย์

    หรือ เห็นความคิดจากจิตกำลังจะผุดขึ้นมา
    จิตก็จะแยกรูปแยกนามได้ ซึ่งเป็นนามธรรมเช่นกัน
    เห็นมันได้แยกกันได้ ในกายเรานี่หละ...
    ความเห็นชอบจะเปิดทางให้
    เราเดินปัญญาได้ ความเข้าใจทางด้านนามธรรม
    เราก็จะมาถูกทาง แบบที่จะไม่เป็นวิปัสสนึกนั่นเอง


    วิปัสสนึกคือ ไปเข้าว่า ความคิดจากจิต หรือ ความคิดผุดนั้น
    มันเป็นสติและปัญญาแล้วเผลอไปวิปัสสนานั่นเอง
    หรือที่เราเรียกกันว่า คิดเองเอ่อเองนั่นหละ

    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง...
     

แชร์หน้านี้

Loading...