ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ไม่ชะลอ


    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6170.JPG
    (Dec 19) ขึ้นดอกเบี้ยสะท้านหุ้นโลกสะเทือน : ตลอดช่วง 10 ปีมานี้ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ภาคการเงินในสหรัฐที่ลุกลามไปทั่วโลกเมื่อปี 2008 และกินเวลาต่อเนื่องไปอีกราว 2-3 ปี ตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนเคยเผชิญคลื่นสึนามิกันมาแล้วทั้งนั้น โดยฝั่งสหรัฐเผชิญคลื่นระลอกหนักสุดในวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์และช่วงรอยต่อ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคยเจอวันหุ้นถล่ม Flash Crash วันเดียวร่วงเกือบ 1,000 จุดมาแล้วเมื่อปี 2010

    ส่วนฝั่งตลาดเกิดใหม่นั้นเจอแรงกระเพื่อมหนักสุดในช่วง Taper Tantrum ปี 2013 หรือเมื่อครั้งที่ เบน เบอร์แนนคี อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในขณะนั้นส่งสัญญาณว่าจะยุติมาตรการผ่อนปรนทางการเงินเชิงปริมาณ (คิวอี) ที่ทำให้เกิดภาวะทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่อย่างหนัก จนเฟดต้องออกมาส่งสัญญาณใหม่ระงับความปั่นป่วนของตลาดในเวลาต่อมา

    ทว่า หากนับกันรวมตลอดทั้งปี นับตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงพีกของแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสไปแล้ว อาจไม่มีปีไหนที่ตลาดหุ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จะปั่นป่วนได้มากเท่ากับในปี 2018 นี้อีกแล้ว โดยเฉพาะในเดือนแดงเดือด ธ.ค.ที่ใกล้จะได้ฉายาใหม่ว่า "ธันวาทมิฬ"

    ซีเอ็นบีซีรายงานว่า เดือน ธ.ค. 2018 นี้ อาจทุบสถิติเป็นเดือนธันวาทมิฬที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ทำผลงานได้แย่ที่สุด นับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 1931 เป็นต้นมา หลังจากที่ดาวโจนส์ร่วงลงไปแล้วราว 7.8% และเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 7.6% เฉพาะในเดือนนี้

    เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดลบไป 54.01 จุด หรือ 2.08% ปิดที่ 2,545.94 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2017 หรือทะลุจุดต่ำสุดช่วงที่เกิดแรงเทขายหนักทั่วโลกเมื่อเดือน ก.พ.ปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว มูลค่าดัชนีหายไปแล้วถึงราว 3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาด ลบ 507.5 จุด หรือ 2.11% ไปปิดที่ 23,592.98 จุด และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ลบ 156.9 จุด หรือ 2.27% ปิดที่ 6,753.73 จุด แรงเทขายอย่างหนักในตลาดสหรัฐยังส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปวานนี้ปิดลบตามด้วย เนื่องจากตลาดกังวลผลกระทบการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงสงครามการค้าและความเสี่ยงทางการเมืองว่าอาจฉุดเศรษฐกิจปีหน้าลง

    ยิ่งใกล้วันประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ตลาดหุ้นก็ยิ่งออกฤทธิ์ออกเดช Markets tantrum ตามที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นแรงกดดันเฮือกสุดท้ายก่อนที่เฟดจะประกาศนโยบายดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปี 2018 และคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยของปีหน้าต่อไป

    ที่ผ่านมา เฟดได้ส่งสัญญาณยืนยันมาตลอดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้รวม 4 ครั้ง หรือหมายถึงขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ อีก 0.25% ไปอยู่ที่ระดับ 2.25-2.5% เพราะปัจจัยพื้นฐานหลายตัว อาทิ อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ล้วนบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับยุคดอกเบี้ยขาขึ้นได้แล้ว

    ทว่า หลังจากที่ เจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการเฟดส่งสัญญาณใหม่เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ดอกเบี้ยในปัจจุบันใกล้แตะระดับสมดุลแล้ว ก็ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มมีความหวังอีกครั้งว่า อาจไม่ต้องรอให้เฟดไปชะลอการขึ้นดอกเบี้ยกันในปีหน้า แต่อาจเริ่มได้เลยตั้งแต่ปัจจุบันกับการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ เพราะปัจจัยหลายอย่างกำลังเริ่มสุกงอมเพียงพอ

    ปัจจัยที่ตลาดให้น้ำหนัก ก็คือ ปีหน้า 2019 จะเต็มไปด้วยความเสี่ยงข่าวร้ายมากกว่าดี ทั้งสงครามการค้าโลกที่แค่สงบศึกแต่ยังไม่จบดี ทั้งความเสี่ยงทางการเมืองในต่างประเทศและในสหรัฐเอง ที่จะต้องฟาดฟันเรื่องงบประมาณและเพดานหนี้สาธารณะกันอีก ซึ่งปัจจุบันหลายหน่วยงานสำคัญทางเศรษฐกิจของโลกเริ่มออกมาปรับลดหรือส่งสัญญาณว่าจะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งโลกกันแล้ว หากเป็นเช่นนี้สหรัฐเองก็ไม่แคล้วต้องชะลอตัวลงตามด้วย และเป็นเหตุผลเพียงพอให้เฟดต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ตอนนี้เลย

    แม้แต่บทบรรณาธิการของวอลสตรีท เจอร์นัล ก็สนับสนุนให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้เช่นกัน โดยให้เหตุผลว่า บริบทของดอกเบี้ยสหรัฐในปัจจุบันไม่ใช่การ "ยื้อดอกเบี้ยในอัตราต่ำเกินไป เป็นเวลานานเกินไป" เหมือนกับยุคของ อลัน กรีนสแปน และเบน เบอร์แนนคี 2 อดีตผู้ว่าการเฟด อย่างน้อยที่สุดก็คือราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์โลกในวันนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่แพงเหมือนอดีต และจึงทำให้อัตราดอกเบี้ยแทบไม่ขยับขึ้นตามไปด้วย

    ตลอดทั้งปีนี้ ราคาน้ำมันโดยรวมอยู่ในภาวะขาลง และแม้จะขึ้นมาได้ในช่วงสั้นๆ จากความกังวลที่สหรัฐดำเนินมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ แต่ราคาน้ำมันก็ยังถูกกดจากปัจจัยโอเวอร์

    ซัพพลายที่นำโดยสหรัฐอยู่ แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) จะร่วมมือกับพันธมิตรนอกกลุ่มอย่างรัสเซีย เตรียมลดกำลังการผลิตลง แต่ในภาพรวมก็อาจจะยังไม่มากพอที่จะลดซัพพลายอย่างมีนัยได้ และเมื่อรวมความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะโตได้น้อยลงจากความเสี่ยงทั้งจีน สงครามการค้า เบร็กซิต หรือแม้แต่ดอลลาร์ที่แข็งค่าไป 17 เดือนแล้ว จึงทำให้ล่าสุดราคาน้ำมันลงเมื่อวานนี้ดิ่งลงวันเดียวถึง 4% หรือลงไปราว 2 ดอลลาร์

    เมื่ออัตราเงินเฟ้อไม่ขึ้น แรงกดดันที่ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยให้กลับสู่ยุคนโยบายการเงินปกติ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่รายล้อมในปีหน้า จึงลดลงตามไปด้วย และยังมีคำถามเกิดขึ้นด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยที่ "ปกติ" ในยุคหลังวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ควรอยู่ที่ระดับใดกันแน่

    อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่า อัตราจีดีพีสหรัฐที่โตเฉลี่ยได้มากกว่า 3% ในปีนี้ พร้อมอัตราว่างงานที่ 3.7% หรือต่ำสุดในช่วงราว 5 ทศวรรษ จะทำให้เฟดยังสามารถฝ่าแรงต้านของตลาดทุนโลกและแรงกดดันของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไปขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ของปีนี้ได้สำเร็จ และค่อยผ่อนสัญญาณเรื่องการทยอยขึ้นดอกเบี้ยหลังจากนี้ลง โดยอาจลดคาดการณ์ดอกเบี้ยปีหน้าในรายงาน Dot Plot ออกไปเหลือ 1-2 ครั้ง และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในปีหน้าต่อไปแทน

    ไม่ว่าจะคงหรือจะขึ้น เฟดก็ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ และเป็นอีกครั้งที่ทั่วโลกต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าปรับตัวเปลี่ยนแปลงรับนโยบายของสหรัฐ


    โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ


    Source: Posttoday
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6171.JPG
    (Dec 19) คณะกรรมธิการยุโรป (European Commission: EC) ยอมรับร่างงบประมาณขาดดุลประจำปี 2019 ฉบับปรับปรุงของรัฐบาลอิตาลี : รัฐบาลอิตาลีสามารถเจรจาประนีประนอมในประเด็นปัญหาเกี่ยวกับแผนงบประมาณประจำปี 2019 กับคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission: EC) ได้เป็นผลสำเร็จ โดย EC ยอมรับร่างงบประมาณขาดดุลประจำปี 2019 ฉบับปรับปรุงของรัฐบาลอิตาลี หลังจากรัฐบาลอิตาลียอมผ่อนปรนการบังคับใช้นโยบายด้านสวัสดิการและเงินบำนาญซึ่งเคยใช้เป็นนโยบายหาเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และส่งผลให้เป้าหมายการขาดดุลงบประมาณของอิตาลีปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.04 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยตามร่างแผนงบประมาณขาดดุลประจำปี 2019 ฉบับเดิม อิตาลีมีเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณที่ระดับร้อยละ 2.4 ของ GDP ซึ่งอาจทำให้อิตาลีละเมิดต่อกฎเกณฑ์ด้านการคลังของสหภาพยุโรป

    - นาย Valdis Dombrovskis รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า แม้ข้อเสนอของรัฐบาลอิตาลีจะยังไม่สมบูรณ์ แต่สามารถช่วยให้อิตาลีรอดพ้นจากการถูกบังคับให้เข้าสู่กระบวนการ excessive deficit procedure ได้ในเบื้องต้น อีกทั้งร่างงบประมาณฉบับปรับปรุงดังกล่าวยังถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างอิตาลีและสหภาพยุโรปในประเด็นที่เป็น serious non-compliance

    - อิตาลีจะรอดพ้นจากการถูกบังคับให้เข้าสู่กระบวนการ excessive deficit procedure ได้อย่างสมบูรณ์ หากสามารถดำเนินตามมาตรการที่มีการตกลงร่วมกันไว้ได้ทั้งหมด โดย EC ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านงบประมาณโดยรวมและมาตรการบางอย่างของรัฐบาลอิตาลี

    - นาย Giovanni Tria รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอิตาลี คาดว่าอัตราส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Debt/GDP) ของอิตาลี จะปรับสูงขึ้นเล็กน้อยในปี 2018 ตรงข้ามกับที่เคยประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่า อัตราส่วน debt/GDP ของอิตาลี จะปรับลดลงจากร้อยละ 131.2 ในปี 2017 มาอยู่ที่ร้อยละ 130.9 ในปี 2018 อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าอัตราส่วน debt/GDP ดังกล่าว จะกลับมาปรับลดลงเล็กน้อยอีกครั้งในปี 2019


    Source: BoTSS


    ************

    EU ไฟเขียวงบประมาณประจำปี 2562 ของอิตาลีแล้ว: อิตาลีและสหภาพยุโรป (EU) สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณประจำปี 2562 ของอิตาลีได้แล้ว หลังจากที่มีความขัดแย้งกันก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับตัวเลขขาดดุลงบประมาณ


    ทั้งนี้ อิตาลีประกาศปรับลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณในปีหน้า สู่ระดับ 2.04% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 2.40%


    "รัฐบาลอิตาลีได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับงบประมาณ ถึงแม้ตัวเลขที่ออกมาจะไม่ดีที่สุด แต่ก็ทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการลงโทษประเทศสมาชิกกรณีมีการขาดดุลงบประมาณมากกว่าที่กำหนดไว้ (EDP) โดยตัวเลขงบประมาณใหม่ได้อ้างอิงอยู่บนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นไปได้" นายวัลดิส ดอมโบรฟสกีส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU กล่าว


    เมื่อเดือนที่แล้ว EU ปฏิเสธที่จะให้การรับรองงบประมาณประจำปี 2562 ของอิตาลี พร้อมกับประกาศเตรียมลงโทษอิตาลีด้วยการสั่งปรับเนื่องจากร่างงบประมาณดังกล่าวขัดต่อกฎหมายทางการเงินของ EU หลังจากที่รัฐบาลอิตาลีได้เพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2562 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขขาดดุลงบประมาณ 0.8% ของ GDP ของรัฐบาลชุดเดิม


    Source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


    - https://www.cnbc.com/2018/12/19/italy-and-eu-reach-budget-deal.html
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Nostradamus คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2562 สงครามโลกครั้งที่สามจะเริ่มต้นขึ้น

    IMG_6174.JPG
    ปีใหม่นี้มีกำหนดจะเกิดการทำลายล้างทั่วโลกรวมถึงการเพิ่มขึ้นของการก่อการร้าย น้ำท่วมใหญ่ แผ่นดินไหวรุนแรงและการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สามตามการคาดการณ์ที่น่าตกใจของ Nostradamus 2019


    ตามที่ผู้เผยพระวจนะผู้มีชื่อเสียง ในปี พ.ศ.2562 จะเป็นปีที่น่าสังเวชสำหรับคนส่วนใหญ่ทั่วโลก


    นอกเหนือจากการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่3 แล้ว ปี พ.ศ.2562 ยังเป็นปีแห่งความไม่มั่งคั่งทางการเงิน


    Nostradamus เป็นแพทย์ชาวฝรั่งเศสและผู้ทำนายผู้เขียนหนังสือของเขา Les Propheties ซึ่งตีพิมพ์ในปี พศ. 1555 ซึ่งเป็นที่รวบรวมบทกวีนิพนธ์ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตในปี ค.ศ. 942


    มีการกล่าวกันว่าการคาดการณ์บางอย่างของเขา ได้แก่ Great Fire of London ในปี 1666 การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี พ. ศ. 2332 การเพิ่มขึ้นของนโปเลียน การลุกขึ้นของฮิตเลอร์ การลอบสังหารเจเอฟเคและแม้แต่วันที่ 11 กันยายน


    การคาดการณ์ของเขาสำหรับ ปี พ.ศ.2562 มาจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ สงครามที่รุนแรง และภัยพิบัติทางธรรมชาติ


    ตามที่นักวิชาการยุคกลาง สงครามโลกครั้งที่สามจะมีการต่อสู้ระหว่างสองมหาอำนาจและความขัดแย้งจะยืนนาน 27 ปี


    นอกจากนี้ ยังมีน้ำท่วมในหลายประเทศ ในทวีปยุโรปจะมีการเพิ่มขึ้นของการก่อการร้ายในยุโรปและสหรัฐอเมริกาและการเพิ่มขึ้นของความคลั่งไคล้ศาสนาในตะวันออกกลาง


    ผู้นำทางการเมืองจะบรรลุข้อตกลงเพื่อหาแนวทางในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่จะไม่เป็นการยับยั้งเหตุแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ ที่จะส่งผลกระทบต่อรัฐแคลิฟอร์เนียและเกาะแวนคูเวอร์ ในประเทศแคนาดา


    การคาดการณ์อื่น ๆ เป็นบิตแปลก เช่นมนุษย์พัฒนาความสามารถในการพูดคุยกับสัตว์


    แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเป็นข่าวร้ายเพราะยาจะก้าวหน้าอย่างมากเพื่อให้ประชาชนสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 200 ปีตามที่ Nostradamus บอก


    แพทย์ยุคกลางได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมายทั่วโลกด้วยการคาดการณ์ลึกลับของเขา


    แต่บางครั้งก็มีข้อผิดพลาดในลักษณะที่น่าตื่นเต้นเช่นการคาดการณ์ถึงจุดสิ้นสุดของโลกในปี 2542


    นอกจากนี้การคาดการณ์ที่เรียกว่าของเขาซึ่งมีคุณลักษณะหลายอย่างที่ 9/11 อาจพูดเกินจริงเล็กน้อย


    เขาเขียนว่า "ไฟภูเขาไฟจากใจกลางโลกจะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทั่วเมืองใหม่: หินขนาดใหญ่สองก้อนจะทำสงครามเป็นเวลานานแล้ว อาเรทูซาจะทำให้แม่น้ำสายใหม่เป็นสีแดง"


    อาเรทูซาบางครั้งก็ถูกมองว่าเป็นนามแฝงของ "สหรัฐอเมริกา" แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นผีปอบที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำและสปริง


    https://www.climaseveromundial.com/...que-en-el-2019.html?m=1#.XBqx3YfD4QU.facebook
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students

    3753488F-63FA-49B7-9B7C-5D379B7C3E76.jpeg
    (Dec 20) สหรัฐกำลังหาทางหลีกเลี่ยง government shutdown: สำนักข่าว The Wall Street Journal รายงานว่านาย Mitch McConnell, Republican Senate Majority Leader ผลักดัน stopgap bill ตามคาดการณ์เพื่อหลีกเลี่ยง government shutdown ที่อาจเกิดขึ้นหากทุกฝ่ายไม่สามารถหาข้อสรุปได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีผลถึงวันที่ 8 ก.พ. 2562


    นอกจากนี้ นาย Richard Shelby, Senate Appropriations Committee Chairman กล่าวเพิ่มเติมว่า วุฒิสมาชิกทั้งหลายควรปรับแนวความคิดการผลักดันร่างต่างๆ ใหม่ ภายใต้ภาวะ divided government ขณะที่นาย Chuck Schumer, Democrat Senate Minority Leader และนาง Nancy Pelosi, Democrat House Minority Leader ต่างสนับสนุนแนวทางของนาย McConnell ท่ามกลางการคาดการณ์ของวุฒิสมาชิกพรรค Republican หลายท่าน ว่าประธานาธิบดี Trump มีแนวโน้มเห็นด้วยกับ stopgap bill เช่นกัน


    อย่างไรก็ดี นาย Kellyanne Conway, ที่ปรึกษาประธานาธิบดีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ประธานาธิบดียังคงยืนยันแนวคิดเดิม แต่อาจจะรับ stopgap bill ไว้พิจารณา อนึ่ง หลายฝ่ายมองว่าการผลักดันนโยบายก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ–เม็กซิโก มีแนวโน้มพบอุปสรรคมากขึ้นในปี 2019 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนาง Pelosi ได้ตำแหน่ง Speaker of U.S. House of Representative ในการเลือกตั้งวันที่ 3 ม.ค. 2562 (คู่แข่งคือนาย Kevin McCarthy)


    Source: BOTSS


    - https://www.cnbc.com/2018/12/19/mcc...erm-bill-to-avoid-a-government-shutdown-.html
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub

    IMG_6179.JPG
    007กำลังเจอฝันร้ายที่เป็นจริง


    นายMichael Kavrig หรือ007 นักการทูตแคนาดาที่ถูกจีนจับกุมตัวคนแรกในข้อหาร้ายแรงว่าบ่อนทำลายความมั่นคงของจีนกำลังเจอกับฝันร้าย เหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะว่าเขากำลังอยู่ในขั้นของการถูกสอบสวน


    คนที่รู้จัก007ดีที่สุดและออกมาบอกว่า007กำลังเจอฝันร้าย คือนายGuy Saint-Jacques อดีตทูตแคนาดาประจำจีน เขาเคยทำงานร่วมกันกับ007อย่างใกล้ชิดเป็นเวลา2ปี ก่อนที่007จะลาไปทำงานด้านเอ็นจีโอให้จอร์จ โซรอสที่International Crisis Group


    ในฐานะนักการทูตที่ทำงานในจีนถึง13ปี นายเซ็งจ๊าครู้ดีว่าหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของจีนที่จับตัว007มีวิธีการสอบสวนอย่างไรกับผู้ที่ถูกจับกุมตัว


    เซ็งจ๊าคบอกว่า เขารู้ได้ว่า007กำลังอยู่ในฐานะที่ลำบากเป็นอย่างมากในขบวนการสอบสวน ห้องของเขาจะเปิดไฟสว่างอยู่ตลอดเวลา จะมีคนเฝ้าดูตลอด จะมีการใช้การกดดันทางจิตวิทยาให้007หมดสภาพ ยอมจำนนทุกอย่างและยอมสารภาพจนหมดไส้หมดพุง


    007จะเจอแรงกดดันทางจิตใจที่รุนแรง เพราะว่าจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน บางทีจะถูกให้อดอาหาร ไม่แน่นอนว่าจะได้รับอาหารเมื่อใด และจะถูกซักถามเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน


    ไม่สนุกเลยที่007กำลังเจอกระบวนการสอบสวนของจีนในข้อหาบ่อนทำลายความมั่นคง และ008น่าจะโดนเช่นนี้เหมือนกันถ้าหากว่าคำพูดของนายเซ็งจ๊าคน่าเชื่อถือ ยิ่งจีนจับ009อีกคนเป็นคนที่3 ทำให้แคนาดาเป๋ไปแล้ว


    จะปล่อยเจ้าหญิงหัวเหว่ย หรือว่าจะยอมให้คนของตัวเองถูกสอบสวนอย่างทรมาณหรือถูกจับกุมตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเป็นโหลเพียงเพื่อต้องการหยุด5Gของหัวเหว่ยตามคำสั่งของเฒ่าหนวดเฟิ้ม

    https://www.abc.net.au/news/2018-12-15/canadians-detained-in-china-face-tough-interrogation/10621930


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เจาะลึกตะวันออกกลาง


    ด่วน!! #มะกันถอนทหารจากซีเรียแล้ว!!!

    .

    กองกำลังเคิร์ดโดนเทครับงานนี้ มะกันหักหลัง ปล่อยให้เผชิญหน้ากับตุรกีที่จ้องเคี้ยวกระดูกจากทางตอนเหนือ...


    มีทางเดียวแล้วสำหรับเคิร์ด...!?!


    #เข้าร่วมทีม รัสเซีย อิหร่าน รัฐบาลซีเรีย จึงจะสามารถยับยั้งตุรกีได้...


    อานิจจา นี่คืออุทธาหรณ์ของผู้ที่หวังพึ่งมะกัน

    สุดท้าย #โดนเท


    แต่ทีมอิหร่าน รัสเซีย ไม่ทิ้งกัน ช่วยรัฐบาลซีเรียพลิกจากที่แพ้ชัวร์ๆ ให้กลายเป็น #ชนะใสๆ

    .

    .

    .


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    La nueva era de la tierra - respaldo



    พบเห็นฉลามตัวใหญ่ที่ผิดปกติใกล้ชายฝั่งของ ปารานา brazil

    13.12.2018
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    La nueva era de la tierra - respaldo

    #ULTIMA #HORA



    มีรายงานการพบอุกกาบาตใน แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    La nueva era de la tierra - respaldo


    น้ำท่วมสุดขั้ว ที่สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี

    19.12.2018

    IMG_6185.JPG IMG_6186.JPG IMG_6187.JPG IMG_6188.JPG IMG_6189.JPG

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    ออสเตรเลีย



    พายุที่มาพร้อมลูกเห็บ ฝนตกหนัก ในซิดนีย์ วันนี้
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    ออสเตรเลีย

    IMG_6193.JPG IMG_6194.JPG

    ลูกเห็บขนาดใหญ่ ที่พายุที่เข้ามาในวันนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในซิดนีย์

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    ออสเตรเลีย



    พายุลูกเห็บขนาดใหญ่ และรุนแรง ในซิดนีย์ในวันนี้
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    ออสเตรเลีย



    ลูกเห็บตกที่รุนแรง ที่กระทบ Liverpool, ซิดนีย์ขนาดยักษ์ วันนี้ ในวันที่ 20 ธันวาคม
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    ตุรกี



    สนามบิน Istanbul Atatürk ถูกน้ำท่วม และอยู่ภายใต้น้ำ ในตอนเช้า
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    สวิตเซอร์แลนด์



    หิมะที่รุนแรงในเมือง billy nzwnạ ในสวิตเซอร์แลนด์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    โรมาเนีย



    หิมะสด 50 ซม. ใน Zalau, โรมาเนีย
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Clima Extremo 24

    อินโดนีเซีย



    หลุมยุบขนาดมหึมา ถัดจากสถานที่ก่อสร้างที่โรงพยาบาลSiloam ในเมืองสุราบายา ถนนสายหลัก ในเมืองสุราบายาของอินโดนีเซีย ถูกกลืนกิน เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศอินโดนีเซีย ภาพแสดงผลของการก่อสร้างใต้ดิน

    หนังสือพิมพ์ Kompas รายงานว่ามันพังทลายลงมา เมื่อคืนวันอังคารที่ 18 ธันวาคม ซึ่งทำให้เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ ที่มีความยาว 328 ฟุตและยาว 65-100 ฟุต การพังทลายนี้ อาจเกิดจากการก่อสร้างใต้ดินที่โรงพยาบาล Siloam โดยนาย Luki Hermawan หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของ East Java กล่าวในระหว่างการตรวจสอบสถานที่ เมื่อวันพุธที่ 19 ธันวาคม
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6206.JPG
    (Dec 20) สื่อแคนาดาเผยพลเมืองถูกจับในจีนรายที่ 3 "เป็นคุณครู": แคนาดายืนยัน "ให้ความสำคัญอย่างสูงสุด" เพื่อช่วยเหลือพลเมืองซึ่งถูกควบคุมตัวในที่จีนเพิ่มเป็น "อย่างน้อย 3 คน" โดยคนล่าสุดสื่อท้องถิ่นเผยว่าเป็นคุณครูสาว สัญญาณบ่งชี้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศว่า "ยังรุนแรง" จากกรณีรัฐบาลออตตาวาควบคุมตัวบุตรสาวเจ้าของบริษัทหัวเว่ย


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ว่านายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงเมื่อวันพุธ ว่าเขาได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศแคนาดาแล้วว่า ทางการจีนได้ควบคุมตัวพลเมืองของแคนาดาไว้เป็นคนที่ 3 แล้ว ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการมอบความช่วยเหลือด้านกงสุลให้แก่ชาวแคเนเดียนรายนี้


    อย่างไรก็ตาม ทรูโดกล่าวว่าโดยส่วนตัวเขาไม่เชื่อว่าพลเมืองซึ่งถูกควบคุมตัวเป็นคนที่ 3 นี้ "มีความเกี่ยวข้อง" กับ "เหตุผล" ของรัฐบาลปักกิ่ง ในการควบคุมตัวพลเมืองอีก 2 คนก่อนหน้านี้ คือนายไมเคิล คอฟริก อดีตนักการทูตซึ่งผันตัวไปทำงานให้กับเอ็นจีโอ และนายไมเคิล สเปวอร์ นักธุรกิจซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่เมืองตานตง ในมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน


    ทั้งนี้ รัฐบาลออตตาวายังคงสงวนข้อมูลเกี่ยวกับพลเมืองคนที่ 3 แต่ยืนยันว่าได้ประสานงานกับทั้งฝ่ายจีนและครอบครัวของผู้ได้รับผลกระทบซึ่งยังอยู่ในแคนาดาแล้ว ด้านสื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานไปในทางเดียวกัน ว่าคือน.ส.ซาราห์ แมคไอเวอร์ ครูสาวจากรัฐแอลเบอร์ตา ในภาคกลางตอนล่างของประเทศ เดินทางไปสอนหนังสือที่จีนหลายเดือนแล้ว และตอนนี้ "กำลังประสบปัญหาเรื่องวีซ่า"


    ในวันเดียวกัน นายแอนดรูว์ เชียร์ ผู้นำฝ่ายค้านของแคนาดา กล่าวต่อที่ประชุมสภาสามัญ ในกรุงออตตาวา ขอให้ผู้นำหนุ่มของแคนาดา "เลิกอ้างหลักการ" แล้วต่อสายโทรศัพท์ตรงถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องการปล่อยตัวพลเมืองแคนาดาทั้งหมด ขณะที่นายเดวิด มัลโรนีย์ อดีตเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำกรุงปักกิ่ง กล่าวกับสำนักข่าวเอพี ว่าดูเหมือนทรูโดมีความเชื่อว่าการแสดงท่าทีประนีประนอมให้มากที่สุด น่าจะช่วยบรรเทาความไม่พอใจของจีน จากกรณีการควบคุมตัวน.ส.เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยและยังเป็นบุตรสาวของเจ้าของบริษัทด้วย ไว้ที่เมืองแวนคูเวอร์ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรอการพิจารณาในวันที่ 6 ก.พ. ปีหน้า ว่าจะส่งตัวเธอให้แก่สหรัฐตามหมายจับ "ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน" หรือไม่


    มัลโรนีย์กล่าวด้วยว่า เขาไม่เชื่อว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพลเมืองแคนาดาในจีนทั้ง 3 คนจะไม่มีความเชื่อมโยงกับกรณีของหัวเว่ย และตอนนี้ทรูโดกำลังได้รับบทเรียนเบื้องต้นจากรัฐบาลปักกิ่งแล้วว่า จีนตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน และ "อานุภาพแห่งความโกรธ" ของจีนนั้น "รุนแรงเพียงใด".


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์


    - It Shouldn’t Be a Political Decision.' Justin Trudeau Says Politics Won’t Factor Into Possible Huawei 5G Ban

    http://time.com/5485141/justin-trudeau-huawei-5g-decision-politics/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    John Traczyk

    IMG_6207.JPG IMG_6208.JPG IMG_6209.JPG IMG_6210.JPG
    หลุมยุบขนาดใหญ่กลืนเป็นส่วน ๆ กับ ถนนสี่เลนในประเทศอินโดนีเซีย "ฉันคิดว่ามันเป็นแผ่นดินไหว":


    หลุมลึก 30 เมตร กว้าง 15 เมตร ได้กลืนกินส่วนหนึ่งของช่องสี่เลน Jl Raya Gubeng ในสุราบายา ชวาตะวันออก เมื่อคืนวันอังคาร


    StrangeSounds.org ภาพถ่ายและวิดีโอ: http://strangesounds.org/2018/12/i-...sinkhole-swallows-up-part-of-a-four-lane-road -in-indonesia.html


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Sinthorn

    IMG_6211.JPG
    ปี 2019 ดูท่าทางแล้วจะเป็นปีที่ความผันผวนในตลาดหุ้นจะสูงมากขึ้นกว่าปี 2018 ไปอีกระดับ


    เหตุผลสนับสนุนก็คือ ดูเหมือนกระแสคลื่นลมเศรษฐกิจ มีโอกาสจะกลับทิศทาง และการต่อสู้กันในระดับมหภาคเพื่อแย่งการเติบโตกลับไปยังประเทศตัวเอง ในขณะที่กำลังซื้อ และจำนวนประชากรโลกเริ่มทรงตัว


    ในมุมมองการลงทุนปี 2019 ที่ผมร่วมเขียนกับ Investment Committee ของ FINNOMENA มีพูดถึงปัจจัยใหม่ 4 ปัจจัย ที่น่าจับตา ลองอ่านกันดูนะครับว่า ผมมองว่ามีอะไรบ้าง เพื่อการวางแผนการลงทุนจัดพอร์ตกันต่อไป


    1.Political Unrest

    ถึงแม้ประเด้นการเมืองครั้งที่น่าจะสำคัญที่สุดในปี 2018 ได้ผ่านไปแล้ว นั่นก็คือ US Midterm Election แต่เมื่อกางปฏิทินปี 2019 เรากลับพบว่า จะเป็นปีที่มีโอกาสเปลี่ยนโอนถ่ายอำนาจทางการเมืองในหลายๆ ประเทศทั่วโลกทีเดียว เริ่มตั้งแต่ในไตรมาส 1 การเลือกตั้งในไทยวันที่ 24 ก.พ. และพอเข้าไตรมาส 2 ก็มีกำหนดเส้นตายการออกจากสหภาพยุโรปของประเทศอังกฤษ เลือกตั้งทั่วไปในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศอินเดีย ขณะที่ ประเทศญี่ปุ่น จะมีการเลือกตั้งวุฒิสภาในไตรมาส ช่วงเดือนก.ค. และเมื่อย่างเข้าไตรมาส 4 ก็จะมีการเลือกตั้งที่ประเทศออสเตรเลีย ทั้งนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผมมองว่าความเสี่ยงที่เราจะเจอก็คือ การที่ลัทธิชาตินิยมได้แรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ Income Gap ที่กว้าง และประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งหากประเทศใดก็ตามที่ได้ผู้นำที่มีแนวคิดเช่นเดียวกับลัทธินี้ เราก็จะเห็นแนวทางการดำเนินนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงในเฟสต่อไปครับ


    2.Lower Growth Lower Valuation

    ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงกว่าปกติ สาเหตุเป็นเพราะ การเติบโตของผลประกอบการบริษัทที่นำโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนั้นสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้นักลงทุนใส่ความคาดหวังกับกำไรในแต่ละไตรมาสมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสะท้อนกลับมาด้วยค่า P/E Ratio ของหุ้นประเภท Growth Stock อย่างกรณีกลุ่มเทคโนโลยี ที่เพิ่มสูงขึ้นมาจนอยู่ในระดับที่เรียกว่าแพงกว่าในอดีต แต่ในช่วงปี 2018 ที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นนักลงทุนในตลาดปรับมุมมองต่อผลประกอบการในอนาคต โดยคาดว่าจะมีการชะลอตัวลง ดังนั้น การที่ราคาหุ้นเคยเทรดที่ P/E แพงๆ ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้ เพราะอัตราการเติบโต (Growth) อาจมีการปรับตัวลดลง ดังนั้น ปี 2019 น่าจะเป็นที่ Valuation ของตลาดหุ้น ปรับตัวลงมาเทรดในระดับที่ต่ำกว่าในช่วงปี 2018 ที่ผ่านมานะครับ


    3.Trade War in Difference Area

    ปี 2018 เป็นปีที่สหรัฐฯ เริ่มต้นสงครามการค้าเพื่อความพยายามจะดึงเงินลงทุนกลับไปที่สหรัฐฯ และลดการขาดดุลการค้ากับนานาประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งผลอย่างที่เราเห็น ก็คือ คู่กรณีเบอร์ใหญ่อย่างจีน ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ แต่ปธน.ทรัมป์เอง ก็แลกมาด้วยการเสียฐานคะแนนเสียงในสภาคองเกรสลงไป โอกาสจึงสูงมากที่ปธน.ทรัมป์จะเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายจากการตั้งกำแพงภาษีกับประเทศคู่ค้าตรงๆ ไปเป็นบังคับใช้กฎหมายย่อยกับเหล่าบริษัทข้ามชาติ อย่างกรณีการคุมตัว CFO ของบริษัทหัวเว่ย ด้วยข้อหาติดต่อการค้ากับประเทศอิหร่านทั้งๆ ที่สหรัฐฯ ดำเนินการคว่ำบาตรอยู่ ทั้งๆ ที่ 1 สัปดาห์ก่อนหน้า ปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้น ผิง ได้หารือข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน เมื่อดูจากการกระทำดังกล่าว จึงอาจตีความได้ว่า สหรัฐฯ จะยังใช้มาตรารกดดันทางการค้าต่อไป แต่ในระดับที่แคบลง จำกัดวงและรายการสินค้ามากขึ้นครับ


    4.Fed Change the Policy Stance

    จากการประชุม 2 ครั้งล่าสุด คณะกรรมการเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) มีความเห็นที่เริ่มจะคนละทางมากขึ้น จากการที่ Fed Dot Plot ที่ออกมา มีกรอบของดอกเบี้ยนโยบายกว้างถึง 2.25% – 3.75% แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการบางท่านมีมุมมองว่า ขาขึ้นของดอกเบี้ยอาจสิ้นสุดลงในไม่ช้า ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งยังมองว่า ควรขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นต่างเช่นนี้ เฟดจึงเลือกใช้กลยุทธ์ในการสื่อสารกับตลาดให้มากขึ้น ด้วยการจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกครั้งหลังการประชุม จากเดิม จะมีการให้สัมภาษณ์เพียงแค่ 4 ใน 8 ครั้งในแต่ละปี ส่วนหนึ่งก็น่าจะเพราะต้องการโยนหินถามทาง และดูผลตอบรับของนักลงทุน อีกส่วนก็มาจากการที่เฟดมีความพยายามจะสลัดตัวเองให้ออกจากกรอบการดำเนินนโยบายการเงินแบบเดิมๆ ที่จะพิจารณานโยบายดอกเบี้ยจากข้อมูลเศรษฐกิจโดยไม่สนว่าตลาดจะมีความเห็นอย่างไร ก็มาใส่ใจ Sentiment ของตลาดทุนมากขึ้น มุมหนึ่งก็เหมือนจะดี แต่อีกมุม สิ่งนี้ น่าจะยิ่งทำให้ปี 2019 ตลาดทุนมีความผันผวนมากขึ้นไปอีกนะครับ


    จะเห็นว่า 4 เรื่องใหม่นี้ เป็นเรื่องที่เรายังไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบได้อย่างแน่นอน ซึ่งไม่ได้หมายความว่า มันมีแต่ผลกระทบเชิงลบเท่านั้นนะครับ แต่ก็อาจจะเป็นผลบวกต่อการลงทุนในปี 2019 ก็เป็นไปได้


    อย่าลืมว่า ในทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ


    โชคดีในการลงทุนครับ


    อ่านในรูปแบบบทความได้ที่

    https://www.finnomena.com/mr-messenger/4-topics-2019/


    Mr.Messenger รายงาน


     

แชร์หน้านี้

Loading...