อยู่อย่างเบิกบานด้วยตนเอง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 14 มกราคม 2019.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อาการนี้ เกิดจาก "การขาด ตัวระลึก ถูกรู้" เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก นะครับ
     
  2. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอบคุณครับท่านธรรม - ชาติ ลองปฏิบัติตามที่ท่านบอกแล้วเข้าใจอยู่บ้างแต่เป็นเพราะสติทางธรรมยังน้อยอยู่ ผมขออสรุปตามความเข้าใจของผมให้ท่านฟังนะครับ
    พอเริ่มระลึกรู้ คือมีสติ รู้ ในขั้นแรกอย่างที่ท่านบอก พอขั้นสองระลึกอีกครั้ง คือระลึกรู้อีกครั้งว่ามีสติทำหน้าที่รู้อยู่ เราก็จะเห็นไอ้ตัวรู้ปลอม หรือไอ้ตัวสู่รู้ ซึ่งจะคอยแทรกหรือมีบทบาทในทุกเรื่อง ให้ทำโน่นี่นั่น ใช่ไหมครับ ผมพอเห็นบ้างในบางครั้งผมเลยเรียกว่าตัวปรุงแต่งครับผม(มันทำของมันเองเลย ขนาดพอเห็นมั่งแล้วนะครับยังโดนมันจูงอยู่เลย)
    แต่ ลองระลึกแบบที่ท่านบอกตอนอ่านชัดเจนกว่าครับ พอเริ่มสงสัย มันก็มาเลย เหมือนพวกนี้มันจะโผล่มาช่วงที่สติเราดับไปแว้บนึงมันก็แทรกเข้ามาเลย แถมดูใกล้ๆก็ไม่ได้ต้องถอยออกมาดูห่างๆหน่อยถึงจะเห็น (ตอบสั้นๆแค่นี้ผมใช้เวลานานมากๆครับท่านธรรมชาติเกิน 30 นาที มันมาบ่อยมาก) ผิดถูกอย่างไรชี้แนะด้วยครับผม
     
  3. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อ่าครับพอเข้าใจมากขึ้นหน่อยละครับท่านธรรม-ชาติ
    มีสติระลึกรู้ว่าอ่าน กำลังอ่านอยู่ หยุดอ่าน ระลึกรู้อีกครั้ง มันจะมาแถวๆนี้ใช่ไหมครับท่าน ต้องถอยมาห่างๆจากเดิมอีกนิดนึง ก็ต้องพยายามระลึกบ่อยๆละครับ จะพยายามใช้คำให้ถูกต้องมากกว่านี้ด้วยครับ ผมก็ไม่ค่อยได้อ่านธรรมะเท่าไหร่ ก็อาศัยเข้ามาอ่าน กระทู้ในพลังจิตนี่ละครับสงสัยอะไรก็สอบถามเอา ล่วงเกินท่านใดก็ขออภัยด้วยครับ
    เพิ่มเติมครับผมใช้วิธีปฏิบัติโดยการรู้อยู่กับธรรมชาติครับท่านธรรม-ชาติ โดยหลักคืออานาปานะครับ มองทุกอย่างเป็นธรรมชาติเฝ้ามองไปนานๆ ก็จะพอมองเห็นครับว่าไอ้นี่ตัวกูสร้างมายึดถือธรรมต่างๆเป็นของเราก็พยายามคืนทุกอย่างกลับคืนสู่ธรรมชาติครับและก็เพิ่งเดินมาถึงจุดนี้ เลยยังมึนๆอยู่ครับ ขอบคุณในความเมตตาจะพยายามเดินทางต่อไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2019
  4. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ท่านธรรม - ชาติครับ เมื่อคืน โดนอุปปาทานขันธ์ที่ท่านกล่าวทักทายทั้งคืนแทบไม่ได้ได้หลับเลยจนผมหมดแบตไปเองถึงหลับได้ มิน่าละไปเกาะที่กายก็ไม่สบายตัว ไปเกาะที่จิตก็อึดอัด ไปเกาะที่ความคิดก็ฟุ้งซ่านวุ่นวาย มันถึงได้เป็นเครื่องถ่วง มีแค่เรากับธรรมชาติก็สบายแล้ว แต่เห็นก็ดีละครับมีเป้าหมายให้พยายามขึ้น ขอบคุณครับ
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    รอผู้ตรวจแผล็บบ์ฮับ
     
  6. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อ่าพอเข้าใจขึ้นมาอีกนิดละครับท่าน ธรรม-ชาติ
    ลมหายใจเข้าออกเป็นอย่างนี้ เดินต่อไปตามวาระ อุปทานขันธ์มาเมื่อไหร่ มันจะอึดอัดไม่ปกติ แสดงว่ามันทำงานอยู่แน่นอนถึงแม้มองไม่เห็นว่ามันเกาะอยู่แถวไหนแต่ก็รู้สึกได้ ให้ระลึกอีกครั้ง(สำหรับผมคือถอยออกมาอีกหน่อย แต่บางทีก็หาไม่เจอ)
    ขอบคุณครับท่านนีโอ ขอยืมกระทู้ท่านไขข้อสงสัยหน่อยนะครับ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะเบิกบานที่กระมูว์นี้ฮับ
    แต่ต้องมาทบทวนซ้ำๆ หลายๆ รอบฮับ
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อันดับแรก "ยินดีด้วยนะครับ กับคุณ คนโง่โง่" ที่สามารถมาถึง อาการของ "สันทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปัสสิโก" ได้ด้วยตนเอง
    +++ สำหรับคุณ คนโง่โง่ เมื่อมาถึงตรงนี้ คือ "พอเริ่มระลึกรู้ คือมีสติ รู้ ในขั้นแรก"
    +++ ตรงนี้เป็นการ "ได้ สติ มาด้วยการ บังคับจิตให้ลงมือ เข้าสู่ สติ" (ไม่ได้มาจาก การจำ (ระลึก) สติ)

    +++ ที่ผมใช้คำว่า "ระลึกรู้" ในช่วงแรกนั้น ก็เพื่อให้เป็น "สะพานของการ เดินจิต ของคุณ" ให้เข้าสู่ "การกำหนด รู้"

    +++ ต่อไป อาการนี้ ผมจะใช้ภาษาว่า "กำหนด/เข้าสู่อาการ รู้" ซึ่งจะ ต่างจาก อาการ "ระลึก/จำ รู้"
    +++ ภาษาของผม จะแปรไปตาม สภาวะการฝึก ของ จิตผู้ฝึก เป็นหลัก จากตรงนี้ไป จะใช้ภาษา "กำหนด/รู้"
    +++ ตรงนี้เป็น "กำหนดซ้ำ" แม้ว่าจะยังไม่ "เห็น" "ตัวกำหนด" ถูกรู้ ก็ตาม
    +++ แต่ก็ยังส่งผลให้ "สติ/รู้" ชัดเจนกว่าเดิม ตรงนี้เป็น "กุศลาธรรมา"
    +++ ณ ขณะตรงนี้ "ไอ้ตัวรู้ปลอม" เริ่มรู้ตัวมันแล้วว่า "กำลังจะโดน สำรวจ" มันเลย อาละวาดหนักหน่อย
    +++ "ไอ้ตัวรู้ปลอม" ตัวนี้แหละ ที่ทางสาย "พระป่าหลวงปู่มั่น" กล่าวไว้เสมอว่า "พบผู้รู้ (ปลอม) ให้ทำลายผู้รู้ (จอมปลอม)" ตัวนี้

    +++ สำหรับผม "ไอ้ตัวรู้ปลอม" ตัวนี้ ผมเรียกมันว่า "ไอ้ตัวพูดมาก" ตรงนี้ผมแยกภาษาไว้ 3 ด้าน/ฝ่าย เพื่อความเข้าใจ ดังนี้

    +++ 1. "ไอ้ตัวรู้ปลอม" ตัวนี้ ทางพระป่าท่านเรียกมันว่า "ผู้/ตัว รู้" กำหนดไว้ว่า "หามันให้เจอ แล้ว ทำลายมันเสีย"
    +++ ยินดีด้วย ที่คุณ คนโง่โง่ "เริ่มหา ตัวผู้รู้ เจอแล้ว" ณ ขั้นตอนนี้ นะ

    +++ 2. "ไอ้ตัวรู้ปลอม" ตัวนี้ ทางพระไตรปิฏก เรียกมันว่า "จิตตะสังขาร ขันธ์" แยกได้ 2 อาการ
    +++ อาการ 1. เป็นอาการ "ผลิตภาพ" ออกมา เรียกว่า "มโนจิตตะสังขาร" เป็น มโนขันธ์
    +++ อาการ 2. เป็นอาการ "ผลิตเสียง" ออกมา เรียกว่า "วจีจิตตะสังขาร" เป็น วจีขันธ์

    +++ 3. "ไอ้ตัวรู้ปลอม" ตัวนี้ ทางกลุ่มฝึกของผม จะ เรียกมันว่า "ไอ้ตัวพูดมาก"
    +++ เพราะการฝึก จะใช้อาการ "วจี" เป็นหลัก เพื่อตัดอาการ "มโน" ที่หลงทางได้ง่ายกว่า
    +++ เมื่อ ฝึกผ่าน "วจี" ได้แล้ว จึงค่อย ฝึกผ่าน "มโน" ในภายหลัง ผลลัพธ์ จะผ่านทั้ง "วจี+มโน" ได้เร็วขึ้น

    +++ ตัวอย่างของผู้ที่ผ่านด่านนี้มาได้ จะเป็นดังคำพูดที่ว่า "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ไอ้ของพูดได้ ไม่ใช่ของจริง" ตรง ๆ ตามนั้น
    +++ ณ ขั้นตอนการปฏิบัติของคุณ จะเริ่ม "เห็น/เข้าใจ" ในการ อาละวาด ของมัน (ผู้นึกว่ารู้) ให้ตามให้ดี ๆ นะ
    +++ ภาษาของคุณ "มันจะโผล่มาช่วงที่สติเราดับไป" ตรงนี้ "ยังไม่ตรง กับ อาการ"

    +++ อาการของมัน ตามความเป็นจริง คือ "พอมันโผล่มา สติของเรา ก็โดนบังจนมิดไป" ตรงนี้ จะตรงกว่า
    +++ อาการ "ดู ใกล้/ไกล" นี้ ผมจะไม่ค่อยโพสท์ ในกระทู้ แต่มักจะเป็น "คำพูดที่คุ้นเคย ในกลุ่มฝึก เท่านั้น"
    +++ เพราะผู้ที่ "ทำได้ ตามอาการแห่ง ความเป็นจริง" นั้น "ต้อง" สามารถควบคุมอาการของ "ความเป็น ตน/อัตตา" ได้คล่องแล้ว
    +++ เพราะมันเป็นอาการของ "โอปนยิโก เข้าไป และ วิมุติญาณทัศนะ ออกมา" เรียกว่า เข้า/ออก สภาวะธรรม (พระไตรปิฏก เรียก พิจารณา)
    +++ ซึ่งเป็นอาการของ "พินิจ เล็งเป้าสภาวะธรรม (วิตก)" จากนั้นจึง "โอปนยิโก เข้าสู่สภาวะธรรมนั้น" จากนั้นจึง "อยู่ใน สภาวะธรรมนั้น (วิจารณ์)"
    +++ หลังจาก "อยู่ ข้างใน" แล้ว อาการ "เป็น สภาวะธรรม นั้น ๆ จึงเกิดขึ้น" ณ อาการเป็น ตรงนี้ จะมี "ธัมมารมณ์ เดียว (ฌาน4)" เท่านั้น

    +++ หลังจากที่ "ทำ" จนได้นิสัยแล้ว ก็จะรู้ได้เองว่า "ตน อยู่ที่ใด ที่นั่น เป็น กาย"
    +++ หรือที่ผมโพสท์บ่อย ๆ ว่า "จิต ยึดที่ใด "เป็น" ตน ที่นั่นเป็น กาย" สักกายะทิฏฐิ ตรงนั้นแหละ

    +++ หากอาการ "ดู ใกล้/ไกล" ของคุณ ตรงกับอาการ "เข้าสู่/แยกออก" แม้ว่าจะ "เข้า ถึง/ไม่ถึง" ก็ไม่เป็นไร
    +++ ถ้าหาก "ตรงกัน" ก็ถือว่า "ใช่" แต่ถ้าหาก "ไม่ตรงกัน" ก็ให้ "รอบคอบ" เอาไว้ก่อน นะ
    ================================================
    +++ ขณะที่ "อ่าน/กำลัง/หยุด อ่าน" นั้น ตัวที่เรียกว่า "มัน" นั่นแหละที่ "อยู่" กับคุณ และ "คุณ เป็น มัน" เต็มตัว
    +++ หากเข้าใจตาม อาการ ในโพสท์ก่อนหน้า ก็จะ "รู้" ได้ชัดเจนเอง ตามอาการ "เป็น สภาวะ" ณ ขณะนั้น ๆ

    +++ ณ ขณะ ที่คุณทำ "ระลึกรู้อีกครั้ง" ตรงนั้นแหละที่คุณ "ตัด" ตัวปรุง ให้ "หยุด/ตัด" ชั่วขณะ (งูแลปลิ้น ฯลฯ)

    +++ จริง ๆ "มัน เป็น คุณ" อยู่แล้ว ในทุก ๆ ขณะ เพียงแต่คุณ "ตัดมันขาด" ได้เท่าที่ "รู้" ไม่โดนบัง เท่านั้น
    +++ แล้วจากนั้น มันก็กลับเข้ามา "บดบังต่อ" ตรงนี้เรียก "นิสัยยะปัจจัยโย" ตามสภาวะธรรมของมัน
    +++ ตรงนี้ของคุณ เป็นการ "ถอยห่างจากหน้าจอ" เฉย ๆ นะ ยังไม่ใช่การคุม "อัตตา" ให้ถอยออก ห่างออก จากสภาวะธรรม
    +++ ต้อง "ระลึก - เข้าสู่ - สภาวะรู้" ด้วยการ "บังคับ/กำหนด จิต" ให้ได้นิสัย เท่านั้น จึงไปต่อได้
    +++ ให้ใช้ "อาการ" เป็นตัวนำ "ภาษา" ไปทีละ คำโดด ๆ ต่อไปก็จะเป็นไปเอง
    +++ อานาปาน เป็น "เครื่องมือ" เฉย ๆ เพื่อ เป็นสะพานสู่ "สภาวะรู้/สติ" เท่านั้น
    +++ เมื่อ "ถึงสภาวะ สติ" แล้ว ก็ย่องต้อง "วางกองลม" ทิ้งไป เหลือแต่ "รู้" เฉย ๆ

    +++ จากนั้น จึง "ระลึก ถึง รู้ ตรงนี้" จึงจะเรียกว่า "ระลึกรู้" ตามอาการแห่ง ความเป็นจริง
    +++ แต่โดยส่วนใหญ่ จะได้แค่ "ระลีก ลม" เท่านั้น ไม่ได้ ระลึก รู้ แต่ประการใด เป็นแค่ "ระลึก ลม" เฉย ๆ

    +++ อุปกรณ์ในการ "ระลึกรู้" ที่ถูกต้อง เป็น สัมมาสติ จะมีอยู่ 4 แห่ง เท่านั้น คือ "กาย/รู้สึกกาย จิต/รู้สึกจิต" เท่านั้น
    +++ แต่สำหรับ ผู้ที่ "ทำไม่ได้" ครูบาอาจารย์ ท่านก็ อนุโลม ให้ คือ "เอาแค่ บางส่วน" ก็ได้ จนกว่าจะ "ได้ทั้งตัว" นั่นเอง

    +++ "ลมหายใจ" เป็นส่วนหนึ่งที่ "อยู่ในกาย" อยู่กับลม จนกว่า จะอยู่กับกาย "ได้ทั้งตัว"
    +++ เมื่อได้ "กายทั้งตัว" ก็จะ "วางลม" ไปเอง จากนั้นก็อยู่กับ กาย ต่อไป
    +++ ตรงนี้ เรียกว่า เมื่อฝึก "อานาปานสติ" ได้มากเข้า ก็ย่อมถึง "สติปัฏฐาน (ตามกาย)" ได้เอง
    +++ เมื่อฝึก "กายสติ (รู้กาย)" มากเข้า ก็ย่อมได้มาซึ่ง "รู้สึกกาย สัมปชัญญะกาย" เรียกว่า "สัมโภชฌงค์" ได้เอง

    +++ ตรงนี้จึงเป็น "รู้อยู่กับธรรมชาติ" หากของคุณ ตรงกับที่กล่าวมา ก็ ยินดีด้วย แต่ถ้ายังไม่ตรง ก็ "รอบคอบ" ไว้ด้วยนะ
    +++ อาการของคุณ ยังเป็นอาการ "เข้าใจ" เฉย ๆ ยังไม่ได้ "เห็น" ตามอาการ
    +++ อาการของ "ตัวกู/อัตตาจิต" ตรงนี้ มันเข้ามา "บดบัง รู้" ในระดับ "อรูป" นะ
    +++ รอบคอบ ให้มาก ๆ "พยายาม กำหนดรู้ ให้ได้ แล้ว อยู่กับรู้ ในนาน ๆ" ก็จะ ฝ่าฟันไปได้เอง นะ
    ================================================
    +++ อุปปาทานขันธ์ เป็นอาการที่
    +++ 1. ตัวพูดมาก (วจี/มโน) ทำงานบดบัง รู้"
    +++ 2. อัตตา ส่งกระแสเข้า เชื่อมต่อกับ ตัวพูดมาก (บาลีเรียก วิตก)
    +++ 3. อัตตา เคลื่อนเข้าสู่ (โอปนยิโก) ตัวพูดมาก
    +++ 4. อัตตา "อยู่" ใน ตัวพูดมาก (บาลีเรียก วิจารณ์)(เอากิเลส เป็น วิหารธรรม)
    +++ 5. อัตตา เป็น ตัวพูดมาก (กิเลส เป็น กาย) เป็น สักกายะทิฏฐิ
    +++ 6. กู เป็น กิเลส เรียบร้อยแล้ว เอวังเลยกู ...
    +++ ตรงนี้เป็นอาการที่ "จิต เกาะ กิเลส (วจี/มโน)"
    +++ แต่ฝึก "รู้ ตัว/กาย" มาบ้าง จึงได้ "อุปปนิสัย" ในกาย อยู่บ้าง
    +++ ดังนั้น "กาย" จึงปรากฏมาเป็น "เครื่องรู้" ในการ "ถ่วง กิเลส"
    +++ แต่ "กู ในข้อ 6" จะเอา "กิเลส เป็น วิหารธรรม" เลยหงุดหงิด
    +++ เพราะ "กู ในข้อ 6" ไม่ยอมเอา "กาย เป็น วิหารธรรม" เลยติดขัด

    +++ คำตอบในวรรคนี้ คือ "กู" ไม่ยอมเอา "กาย" เป็นวิหารธรรม ก็เลย "ไม่สบายตัว"
    +++ คำตอบในวรรคนี้ คือ "กู" ไปเกาะกับ "จิต ที่ฟุ้งซ่านอยู่" เลย "อึดอัด"F
    +++ ตรงนี้เป็นอาการ "กาย ถ่วง กิเลส" แต่ไปเอา "กิเลส"
    +++ เลยกลับกลายเป็น "กาย เป็นเครื่องถ่วง" ตามที่ กิเลส มันบอก นั่นแล...
    +++ "รอบคอบ ให้ มากที่สุด" กับประโยคนี้ นะครับ "สติรู้จริง นิ่งเป็นใบ้ สติพูดได้ ยังไม่ใช่ของจริง" นะ
    ================================================
    +++ อาการ "เป็นอย่างนี้" ที่แท้จริง คือ
    +++ 1. รู้กายทั้งตัว
    +++ 2. ปล่อยให้ "กาย มันหายใจ เอาเอง"
    +++ 3. อยู่กับ "กาย" อย่าอยู่กับ "ลม"
    +++ 4. เมื่อทำได้ จะมีอาการ "ลม อยู่ส่วนลม" "กาย อยู่ส่วยกาย"

    +++ ตรงนี้เป็น "วิมุติญาณทัศนะ (แยก ลม/กาย)" เบื้องต้น
    +++ ตรงนี้ถึงจะเป็น "ลมหายใจเข้าออกเป็นอย่างนี้" ตามความเป็นจริง
    +++ แต่ ต้องอยู่กับ กาย ทั้งตัว ให้ได้ จริง ๆ เท่านั้น
    +++ อาการ "อึดอัด" เกิดจาก การที่ "อัตตา/ตัวกู" ก่อเกิดอาการ "เกร็งตัว" ก่อนที่จะ teleport ส่งออก เข้าสู่ อุปปาทาน
    +++ อาการ "อึดอัด/เกร็งตัว" นั้นแล .... ทุกข์สัจจะ
    +++ เริ่ม "รู้สึก ในบริเวณนี้ได้" ก็ถือว่า "เริ่มพอจะ ใช้ได้" แล้วหละ

    +++ จิตส่งออก คือ "สมุทัย" นั่นคือ อาการ จิตส่งออกไปหา อุปปาทานขันธ์
    +++ ผลลัพธ์ คือ "ทุกข์" นั่นคือ อาการ "อึดอัด/เกร็งตัว" ของอัตตา นั่นแล...
    +++ จิตเห็นจิตเป็น "มรรค" นั่นแล คือเริ่ม "เห็น/เข้าใจ" ในบริเวณนี้ได้
    +++ ฝึกฝนต่อไป จนกว่าจะ "จบเกมส์" นั่นแลจึงเป็น "นิโรธ" ปิดเกมส์ ได้
    +++ ให้เปลี่ยนเป็น "กำหนด" ให้ได้ แล้วจะ "เข้าสู่ สนามจริง" นะ ฝึกเข้าให้มาก ๆ ไว้
    +++ อ่านแล้วทำ ทบทวน ตั้งแต่หน้าแรก แล้ว "ลงมือ กำหนด" เมื่อไร ก็จะ "เข้าสนาม" ได้เลย
    +++ ลุงแมว ไม่เคยมีปัญหาในเรื่อง "หวงกระทู้"
    +++ ดังนั้น "ยืมได้ โดยไม่ต้อง ผ่อนดอก" นะครับ
     
  9. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีนอกจากคำว่าขอบคุณมากครับเข้าใจชัดเจนมากๆถึงจุดที่เราเป็นและจุดที่เรากำลังจะก้าวเดินต่อไป และตัวนี้มันก็พูดมากจริงๆครับ ไม่รู้จะเริ่มตอบท่านตรงไหนดี แต่ตรงนี้ "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ไอ้ของพูดได้ ไม่ใช่ของจริง" ตรง ๆ ตามนั้นเลยครับ
    อาการดูไกล ดูใกล้มันเป็นความรู้สึกของผมเองมากกว่าครับ ส่วนเรื่องฌาน 4 นั้นคงไม่ได้แน่นอนครับเพราะผมนั่งสมาธิ แค่ 30 -60 นาที ครับ
    ตรงนี้ละครับ ที่ทำให้ผมกระจ่าง ผมรู้ลมมานานเป็น 10 ปีละครับปัจจุบันก็พยายามรู้ลมอยู่ ก็รู้สึกว่าทำไมมันอึดอัดบอกไม่ถูก ท่านธรรม-ชาติไม่บอกผมไม่รู้จริงๆ ทั้งๆที่ รู้กายคือรู้ธรรมชาติ เป็นวิหารธรรมที่ผ่อนคลายสบายๆ ที่สุดแล้ว(อยากจะร้องไห้จริงๆ) ผมสังเกตุมานานมากๆละเวลารู้ตัวทั่วพร้อมนี่มันผ่อนคลายสบายดีนะ แล้วผมก็กลับมารู้ลมต่อ ตอนนี้ผมมารู้กาย(ทำได้ตลอดเวลาที่ต้องการครับ) ก็เห็นอ่อเวทนาอยู่ตรงนี้(ตรงใจ) นะความคิดอยู่ตรงนี้นะ(แถวๆหน้าผาก) เราคิดอยู่ตรงนี้นะ(ด้านในสมอง) เวลากิเลสมันจะทำงานตอนกระทบก็จะแว้บๆที่จิตกลางหน้าอกก่อน(เกิดขึ้นตอนเย็นๆ) ผิดถูกอย่างไรขอท่านธรรม-ชาติ ช่วยตรวจทานด้วยครับ สำหรับคืนนี้ผมขอไปนอนกอดกายให้ชื่นใจก่อนครับ แต่นี้ไปก็จะเริ่มรู้กาย รู้ทุกอย่างไปตามนั้นละครับ
    สำหรับท่าน นีโอ ผมไม่กล้าเรียกลุงแมวหรอกครับ เส้นผมผมก็เริ่มหงอก หนวดก็เริ่มหงอก ขนจมูกยังมีหงอก เรียกท่านแมวดีกว่าครับ และขอบคุณอีกครั้งสำหรับเจ้าของบ้านนะครับ
     
  10. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ตอนนี้ผมเริ่มอยู่กับกาย มันจะกลั้นหายใจเองโดยอัตโนมัติ หลายๆครั้งมาก เหมือนมีการปรับระดับลมหายใจให้เข้ากับกายก็จะลองดูครับว่าอาการแบบนี้จะเกิดจนผมหลับไปเลยหรือเปล่า
    ถ้าให้ผมเดาตัวกูพยายามจะยึดลมหายใจจนมันหายใจอึดอัด แต่พอรู้กาย ธรรมชาติจะทำงานของเขาเป็นปกติมันก็เลยชักเย่อกันแบบนี้ จะทำอะไรก็ทำไปเก่งกับธรรมชาติเดี๋ยวมันก็รู้เองส่วนผมก็รับไปเพราะไปสร้างมันไว้ แบบนี้หรือเปล่าครับท่านธรรม-ชาติ
     
  11. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    เช้านี้รู้สึกตัวมาก็ยังมีการกลั้นหายใจเป็นระยะแต่อาการอึดอัดบรรเทาเบาบางลงไปมากแล้ว แต่การนอนรู้ตัวถ้าทำไปนานๆในอดีตมันจะแน่นๆไปทั้งตัวซึ่งผมจะเป็นบ่อยๆ แล้วมันจะดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนรู้สึกเหมือนจะมีพลังงานไหลออกมารอบๆตัว ผมก็จะพยายามหยุดเลิกไม่ทำต่อไปครับ
    อ่อในอดีต 20 ปี+ตอนบวชพระ ผมเคยปฏิบัติสายยุบหนอพองหนอของคุณแม่สิริ กริณชัยครับ ซึ่งจะมีการฝึกรู้อริยบทย่อย ผมก็พยายามทำมาตลอดถึงจะไม่เข้มข้นก็ตามครับ ท่านธรรม-ชาติ
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    บัวปริ่มน้ำฮับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2019
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อือ... ไม่ใช่ "ปริ่มน้ำมัน" นะ 555
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ภาษาง่าย ๆ คือ หากเป็น "ตัวเรา/ตัวกู" เข้าไป ใกล้/ไกล จากสภาวะนั้น
    +++ โดยไม่เกี่ยวข้องกับ "กายเนื้อ" ก็ถือว่า "ใช้ได้" แต่ต้องเป็นการ เข้า/ออก "ทั้งตัว"
    +++ ฌาน เป็นเรื่องของ "การเข้าถึง/การอยู่/การเป็น" ตาม อาการดังนี้
    +++ 1. เดินจิต "ขาเข้า = วิตก" (พินิจ) (จ่อ/ไม่จ่อ ของหลวงตามหาบัว)
    +++ 2. เดินจิต "เข้า/อยู่/เป็น = วิจารณ์" (ณ ขณะที่ "เป็น" คือ ฌาน 4)
    +++ ส่วนการ "เป็น ฌาน 4" จะ นาน/ไม่นาน ไม่เกี่ยวกับเวลา
    +++ ทั้งหมดอยู่กับ "งานเสร็จ" ก็ออกมา เท่านั้นเอง "1-2 นาที" ก็ได้ ถ้าเสร็จงาน
    +++ นั่นแหละ "พิษของภาษา" เขาบอกอยู่แล้วว่า "รู้+ลม"
    +++ แต่กลับกลายเป็นว่า "ดู+ลม = เป็นลม" ผิดนั่นแล...
    +++ คำว่า "ใจ" เป็นคำ ๆ หนึ่งที่ผม "พยายามหลีกเลื่ยง" ไม่ใช้มัน
    +++ เพราะ "แต่ละคน จะ นิยามแตกต่างกัน" ลงท้ายคือ วิวาทะ เท่านั้น
    +++ เมื่อมาถึง "ในบริเวณนี้" ให้พยายาม "ตัดภาษาที่เยิ่นเย้อออก" หากเป็นไปได้ ให้ใช้เพียง "คำโดด ๆ" ก็พอ
    +++ หาก คำโดด คำเดียว "ชี้อาการ" ไม่ถึง ก็ให้ใช้ "คำโดด แบบ ล้อมกรอบอาการ" ก็จะได้ อาการตรง ๆ ออกมา

    +++ เช่น ในวรรคนี้จะออกมาเป็น จิต "ผุด" แถวลิ้นปี่ แล้ว มีการ "เชื่อม" มาจากบริเวณ "หน้าผาก" แล้วเรา "ปรุง" ข้างในกะโหลกศีรษะ ฯลฯ
    +++ หากเป็นอาการตามที่กล่าวมา ถือว่า "ถูกต้อง" ในขั้นตอนนี้แล้ว
    ==========================================
    +++ ให้สังเกตุให้ดี ๆ ว่า มันเป็นอาการ "จิตหยุด กายหยุด ลมหยุด" ณ ขณะจิตเดียว ใช่หรือเปล่า
    +++ ปัญหาอยู่ที่ "การอยู่" ในขณะจิตที่ 2 คือ "เข้าไปยัง อาการที่ สัพสิ่งหยุด ณ วาระจิตนั้น ๆ"
    +++ ตรงนี้ "ภาษาของผม+กลุ่มฝึก" จะใช้ คำศัพท์ 3 คำ ระบุตามอาการ คือ "ตรึง/แช่/อยู่ ใน หยุด"

    +++ หากคุณ ฝึกเข้า "ใกล้/ไกล" ได้อย่างถูกต้อง
    +++ ตรงนี้ คุณ สามารถ "เข้าไป/อยู่" ณ สภาวะที่ "สัพสิ่งหยุด" ณ วาระจิตที่ 2 ได้เลย

    +++ ขั้นต่ำที่สุด ตรงนี้คือ "ฌาน 4" หากทำได้ดีจริง ๆ ณ "สัพสิ่งหยุด" มันจะกลายเป็น "สัพสิ่ง ดับ"
    +++ ณ ที่ "สัพสิ่งดับ" ตรงนี้ หากเกิดอาการ "กาย/จิต รูป/นาม" ดับหายไปหมด จะเรียกว่า "นิโรธ"

    +++ เพียงแค่ "กำหนดเพียง กาย อย่างเดียว" อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ตรงนี้ "แล้วแต่วาสนา"
    +++ แต่อาการ "ดับหมด" ตรงนี้ ผมจะยังไม่แนะนำ เพียงแต่ บอกอาการแบบ "คร่าว ๆ" ไว้เฉย ๆ
    +++ เผื่อไว้ในกรณีที่มันเกิดขึ้น จะได้ "อยู่" และ "เป็น" ได้ ตรงนี้ พอเป็นแนวทาง เท่านั้น
    +++ ณ ขณะที่เกิดอาการ "สัพสิ่งหยุด" ให้รู้ไว้อย่างคร่าว ๆ ด้วยว่า "ตน/อัตตา" มันก็ หยุด ตามไปด้วย เช่นกัน
    +++ ตรงนี้ ณ ขณะที่ "ตน/อัตตา หยุด" ก็ให้ "อยู่" เช่นนั้น อาการ "ต่อเนื่อง" ของมัน คือ "คลายตัว และ ปล่อย" อัตตา

    +++ ณ ตรงนี้ ให้ "รู้" อยู่เฉย ๆ "ปล่อย" ให้ กาย มันหายใจเอาเอง ไม่ต้องไป "ช่วย/แทรกแซง" อะไรกับมัน
    +++ หน้าที่ คือ "อยู่กับรู้" แต่เพียงอย่างเดียวก็พอ แล้ว "ทุกอย่าง จะ ดำเนินไปเอง ตามธรรมชาติของ ขันธ์"
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้แหละที่ผมใช้ศัพธ์ว่า "แทรกแซง" ดังนั้น ปัญหาอยู่ที่ "การอยู่" ว่าจะ "อยู่กับสภาวะธรรมใด"
    +++ หากมีนิสัยในการ "อยู่กับลม มันจะอึดอัด" หากเปลี่ยนมาเป็น "อยู่กับรู้" มันจะสบาย
    +++ ตรงนี้ สำหรับคุณ คนโง่โง่ น่าจะผ่านได้ "ไม่ยาก" ตรงนี้เรียกว่า "ใช้ สติรู้ เป็น วิหารธรรม" นั่นเอง
    +++ นั่นแล... "นิสัยเก่า ที่ชอบ อยู่กับลม" หากชักเย่อนานไป อาการ "ธาตุไฟแตก" ย่อมเกิดขึ้นได้
    +++ แต่จะ "เว้นไว้ ไม่อธิบาย" ในช่วงนี้ เพราะ "ยิ่งอธิบายมาก ก็จะเกิด นิวรณ์มาก" เช่นกัน
    +++ ตรงนี้ เกิดจาก "คำศัพธ์คำเดียว" ที่บกพร่อง นั่นคือ "ดูลมหายใจ" ทั้ง ๆ ที่ต้องเป็น "รู้ลมหายใจ"
    +++ นี่แล... "พิษของภาษา ที่ไม่ตรงกับอาการ ตามความเป็นจริง" ดังนั้น ให้ใส่ใจกับ "ภาษาสื่อสาร" ให้มาก
    ==========================================
    +++ ตรงนี้ หาก "เลือกอยู่ กับความรู้สึกทั้งตัว ให้เป็น" ก็จะเข้าสู่หมวด "สัมโพชฌงค์" สัมมาสมาธิ ในทันที
    +++ จริง ๆ แล้ว ตรงนี้ "ถูกต้อง" ตามอาการของมัน ซึ่งเป็นอาการ "รู้สึกตัว ทั่วถึง ทั้งตัว"
    +++ เปลี่ยนจาก "หมวดสติ สู่ หมวดสัมปชัญญะ" ซึ่ง "ไม่ใช้/ไม่มี" ลมหายใจเข้ามาเกี่ยวข้อง
    +++ อาการ "ดิ่ง" คืออาการ "ลงลึก" ตรงนี้ คือ "ระดับฌาน" ตัวจริง เสียดายที่ "ไม่รู้จักมัน" นั่นแหละ
    +++ ตรงนี้จริง ๆ คือ "ปิติ 5" ในระดับ ฌาน 2 ทั้งตัว
    +++ เรียกว่า ตัวทั้งตัว "เป็น" ฌาน ทั้งแท่ง
    +++ หากคุณ "อยู่" กับมันเป็น
    +++ คุณจะได้ "สัมปชัญญะ 4 ปิติ 5" ครบถ้วน
    +++ และสามารถ "เดินจิต" ต่อจนจบ "โภชฌงค์ 7" ได้เอง
    +++ จริง ๆ "ต้อง" พยายามทำต่อไป จนจบ "โภชฌงค์ ทั้ง 7" นะ
    +++ หากคุณทำ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง ทั้งตัว" คุณจะ "สำเร็จวิชา หนอ" ไปโดยปริยาย
    +++ เพราะมัเป็นการ "รู้+รู้สึก" ทุกหนอ อยู่แล้ว โดยไม่ต้อง "บริกรรม หนอ" ด้วย "ตัวพูดมาก" เลย
    +++ หากคุณทำ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง ทั้งตัว" ทุกอิริยาบถย่อย รวมทั้ง "ขณะจิต" ที่สั่งงาน
    +++ เช่น "จิตสั่ง" ก้าว ย่าง ยก เยื้อง ต่าง ๆ คุณจะ "รู้" ชัดเจนว่า "มันสั่งมาจาก ลิ้นปี่"
    +++ จากตรงนี้ คุณ จะก้าวเข้าสู่ "อภิธรรม เจตสิก" ด้วยการปฏิบัติ ด้วยตัวคุณเอง
    +++ ตัวสั่ง "เจตสิก" หาก อัตตา/ตัวดู ไม่ทำตาม ไม่ต่อติด มโนกรรมนั้น ๆ เป็น "โมฆะ"

    +++ ต่อไปจะ "ค่อย ๆ" ทราบไปเอง นะครับ
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ที่ต้อง โพสท์เป็น 2 ท่อน เพราะ มีการ "ตัด" การโพสท์ จากใน Server หรือ "การตั้งค่า" อะไรบางอย่าง ใน Text Box ของการโพสท์ ที่มีการ Limit ความยาว นะครับ
     
  17. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจากคำว่าขอบคุณมากๆ อีกครั้ง
    แบบนี้พอมันมีกริยาแว้บที่หน้าอก ผมก็ตัดไปเลยหรือเปล่าครับ เพราะถ้ามันเกิดนานขึ้นมันก็ขยายตัวมากขึ้นครับ ปัจจุบันนี้ผมจะตัดทิ้งไปเลยครับ
    ตามนั้นเลยครับ รู้แล้วจะเป็นลม
    ขอโทษครับจะพยายามเรียบเรียงให้ดีขึ้นครับ คือ หน้าผาก กับกะโหลก เป็นเราเห็นในตอนนั้น ส่วน ที่จิตผมดึงมาจากสัญญา ก็เลยเรียงลำดับผิดครับท่านธรรม-ชาติ
    ปัจจุบันตอนพิมก็ยังเป็นอยู่ครับคือเป็นมากเลยตั้งแต่เมื่อวานซืนมีอาการตลอดเวลา เป็นอาการ จิตหยุด กายหยุด ลมหยุดครับ ณขณะจิตเดียวครับเพราะจิตไม่ได้ขยับไปไหนเลย แต่มันก็จะกลั้นหายใจไปเรื่อยๆจนถึงจุดๆนึงมันก็จะหายใจเข้าของมันเองครับมันก็อึดอัดสลับสบายอยู่แบบนี้ละครับ
    แหะๆ แล้วผมจะทำอะไรได้ละครับท่าน ธรรม-ชาติ ทำได้แค่มองตาปริบๆ ก็แล้วแต่วาสนาอย่างที่ท่านบอกละครับ
    รับทราบครับผม
     
  18. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    พยายามปฏิบัติให้ได้ตามนี้โดยสม่ำเสมอครับ
    - - เมื่อก่อนเกิดขึ้นทุกวันตอนเช้าๆเลยครับ ผมก็ลุกหนีตลอดที่มีอาการ แต่ทุกอย่างเริ่มใหม่ได้ครับถ้ามีความพยายาม
    กราบขอบคุณครูบาอาจารย์สายคุณแม่สิริ กริณชัยด้วยครับ ท่านบอกให้ทำเถอะมันดีโชคดีที่ผมไม่ฉลาดนักก็เลยทำมาตลอด 6-7 ปีแรกมีหนอ หลังจากนั้นมันก็กลายมาเป็นรู้เฉยๆไปเองครับ
    ตอนนี้ผมยังเห็นไม่ชัดครับเพราะยังมีอาการ แน่นๆที่หน้าอก(แต่ก็ยังพอรู้สึกได้เล็กน้อยครับ) กับยังมีอาการหน่วงๆที่หน้าผาก และยังเสียดๆที่ในสมอง (ทั้ง 3 อาการนี้เป็นมาหลายปีแล้วครับ) เมื่อก่อนอาการเสียดในสมองจะรุนแรงมากตอนนี้ก็เบาบางลงไปมากแล้วแต่ก็จะมีกลับมามั่งเป็นระยะๆ
    สรุปเรื่องอนาคตอะไรจะเกิดก็เกิดครับ ปัจจุบันพยายามรู้สึกตัว หรืออยู่กับรู้ตามที่ท่านธรรม-ชาติบอกครับผม
     
  19. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ปล. ท่านแมวอย่าทอดผมเลยครับ ผมเจียวแล้วไม่อร่อยครับ
     
  20. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    หลังจากนอนใกล้หลับเหลือแต่รู้ รู้สึกเหมือนก้อนกลมๆวิ่งอยู่บริเวณหน้าผาก ก้อนกลมนี้เหมือนเป็นก้อนที่พูดหรือแสดงภาพตลอดเวลา รู้อยู่อย่างนั้นเหมือนก้อนกลมๆมันรั่วมานิดหน่อย มีเสียงดังปุๆด้วยตอนนั้น รู้สึกเหมือนมีพลังงานไหลออกมาทางจมูกปากด้วยครับ อาการนี้เกิดขึ้นมานานแล้วแต่จะมาเป็นระยะๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...