พระแก้ว 25 พุทธศตวรรษในมุมมองของผมในฐานะช่างผู้สร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษ

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย glassbuddha2009, 15 ธันวาคม 2018.

  1. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    หลายวันก่อน ผมไปทำธุระที่หมู่บ้านเมืองเอก รังสิต กว่าจะกลับก็ค่ำคืน ขากลับผ่านบ้านที่ใช้โคมไฟหน้าบ้านที่เป็นแก้วเป่าด้วยปอดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 26 นิ้วที่ผมเป็นคนสร้าง เป็นขนาดใหญ่เกือบที่สุดผมเคยเป็นหัวหน้าทีมสร้าง เราเลือกใช้น้ำแก้วใสทั้งชั้นในสุดและชั้นนอกสุด ส่วนชั้นกลางเราหลอมน้ำแก้วตะกั่ว red lead oxide ชนิดเหลวมาก ( น้ำแก้วตะกั่วในขณะนั้นแบ่งออกเป็นหลายเกรดมาก เกรดทำโคมไฟยังแบ่งออกเป็นหลายเกรดที่ใช้งานไม่เหมือนกัน ในขนาดใหญ่ขนาดนี้เราเลือกใช้เกรดเหลวมากปานกลาง ถ้าสร้างพระแก้วต้องเป็นเกรดต่ำ เพราะต้นทุนน้ำแก้วถูกกว่ามาก น้ำแก้วจะหนืดเป็นก้อน คุณภาพสู้เกรดเหลวไม่ได้เลย )
    za1234.jpg
    โคมไฟดวงนี้ผมสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ส่วนหนึ่งส่งงานสเป็กไปแล้ว อีกส่วนมีพ่อค้าขายส่งโคมไฟรับไปทั้งหมด คาดว่าพ่อค้าคนนี้ขายส่งให้ร้านโคมไฟในกรุงเทพฯ แล้วต่อมาบ้านหลังนี้สร้าง แล้วไปซื้อจากร้านโคมไฟมาอีกที ที่ผมมั่นใจเพราะเป็นที่เลื่องลือกันในสมัยนั้นว่า มีแค่ทีมช่างทีม A ของผมทีมเดียวที่สร้างได้ขนาดนี้ และไม่มีช่างทีมไหนสร้างได้อีกเลยหลังจากนั้น

    โคมไฟที่ใช้น้ำแก้วตะกั่วเกรดดีมากเกือบที่สุดของเรา อยู่มาเกือบ 50 ปีโดยคาดว่าตากแดดตากฝนมาประมาณ 30 ปีมานี้ เปิดไฟทุกคืน ผ่านแดดที่แรงมาก กิ่งไม้หล่นใส่ เนื่องจากเกรดแก้วตะกั่วเกรดดีเกือบที่สุดนี้เอง ทำให้ทนทานไม่มีความเสียหายแต่อย่างใดเลย ผิดกับพระแก้วมรกตหรือพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษที่เป็นสีนม สีเขียวนม สีเหลืองนม หรือสีอื่นๆนม แม้ไม่ได้อยู่กลางแดดฝน ไม่มีการเปิดให้ได้รับความร้อนแต่อย่างใด แต่กลับแตก ร้าว ปริ ร่อน และอื่นๆ สาเหตุมาจากน้ำแก้วตะกั่ว red lead oxide เกรดที่เรานำมาใช้สร้างพระแก้วนั้น เป็นเกรดต่ำมากๆ ทั้งนี้เพราะไปกดต้นทุนให้ต่ำไว้นั้นนั่นเอง ผมจึงมีแรงบันดาลใจนับจากปี พ.ศ. 2516 จากนั้นมา ว่าผมจะสร้างพระแก้วแก้ไขสิ่งที่พ่อค้า นักฉกฉวยกำไรจากพระพุทธรูปต่างๆ มาแก้ไข สร้างให้ดีขึ้น
     
  2. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ขออภัยที่ต้องโพสต์ภาพที่ไม่บังควรนี้ครับ แต่ถ้าไม่โพสต์ก็คงศึกษาอะไรกันต่อไปไม่ได้

    ปกติผมจะไม่ค่อยโพสต์ภาพพระที่ชำรุด เพราะบางส่วนเป็นฝีมือของครูบาอาจารย์ช่างแก้วบ้าง ของปรมาจารย์ของผมเองบ้าง และจากฝีมือการสร้างของผมภายใต้การกดต้นทุนให้ต่ำเกินไปจนต้องทำให้มีการลดต้นทุนทั้งน้ำแก้ว ทั้งวิธี และทั้งการอบลดอุณหภูมิ
    FB_IMG_1547298259444.jpg
    ตามประวัติที่ว่าพระแก้วมรกตรุ่นนี้น่าจะสร้างจากอิตาลีในปี พ.ศ. 2475 ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง แปลว่าสมัยนั้น อิตาลีเองก็ยังมีความรู้เรื่องแก้วนม แก้วตะกั่วยังไม่ถึงที่สุดนั่นเอง ซึ่งผมแปลกใจ เพราะในปี พ.ศ. 2498 โรงงานในเมืองไทยมีความรู้เรื่องแก้วตะกั่ว แก้วนมนี้ดีมากแล้ว
    FB_IMG_1547298308047.jpg
    ต่อมาคุณทนงศักดิ์ได้ให้ทันตแพทย์ซ่อมพระแก้วองค์นี้ด้วยอุปกรณ์ทางทันตกรรม ซึ่งผมแค่คิดว่า จะมีทันตแพทย์มาคอยซ่อมพระแก้วให้เรากี่องค์กัน และเมื่อซ่อมเสร็จก็ไม่ใช่หยุดปัญหาได้ เพราะในส่วนที่จะแตก จะร้าว จะปริ จะร่อน เขาก็ยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะแตกจนหมดนั่นแหละจึงจะหยุดครับ
    FB_IMG_1547298325054.jpg
    ดูจากรอยการหยอดน้ำแก้วลงแม่พิมพ์เหล็กแล้ว ผมยังไม่อยากเชื่อว่าเป็นฝีมืออิตาลีเลย มีการหยอดน้ำแก้วถึง 5 หยอด ซึ่งนั่นเป็นฝีมือช่างไทยมากกว่า ผมไม่กล้าคิดต่อไป

    เอาเป็นว่าเรายังคงเชื่อตำราต่อไปว่า สร้างในอิตาลี แต่ทำไมอิตาลีถึงแย่ขนาดนี้ หรือ หรือ ไม่อยากคิดต่อไปเลย โรงงานแก้วในไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่รับสร้างพระแก้วมีตอนแรกนับสิบๆโรงงาน และต่อมาเพียงไม่ถึง พ.ศ. 2512 ก็เพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยโรงงาน ผมหมายถึงโรงงานที่รับสร้างพระแก้วทุกรุ่น นั่นอาจหมายความว่า มีบางรุ่นที่คนไทยสร้างหรือไม่ ? เพราะแม่พิมพ์เหล็กจากอิตาลีก็ขนส่งมาไทยได้ไม่ยากนัก เมื่อมาถึงก็อาจสร้างได้ไม่ยากเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2019
  3. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ขออภัยที่การศึกษานั้น ผมศึกษาจากของจริง จากประสบการณ์จริง จากตัวผมเองที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่ได้อิงตำราที่คนเขียนสามารถเขียนได้ตามใจ อย่างเช่น เหตุการณ์สร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษบางรุ่น ที่ตามตำราบอกว่า สร้างในปี พ.ศ. 2500 และสร้างเพียงล๊อตเดียวจบ บอกว่า สร้างจำนวนมาก แต่สร้างล๊อตเดียว ปี พ.ศ. 2500 ปีเดียว ไม่มีการสร้างเสริม แต่ความจริงก็คือ ผมเองในปี พ.ศ. 2516 - 2520 ผมยังสร้างรุ่นนั้นๆด้วยแม่พิมพ์เดียวกันกับที่สร้างในปี พ.ศ. 2500 อยู่เลย เพราะแม่พิมพ์เหล็กสามารถใช้ได้นานมากครับ แค่ 20 ปีนั้น ไม่เสียหาย

    ดังนั้น ผมในฐานะหัวหน้าทีมสร้างพระแก้วมรกตหลายรุ่น พระแก้ว 25 พุทธศตวรรษหลายรุ่น รู้ว่าตำราที่เขาเขียนนั้นอาจไม่ใช่ความจริงหรือไม่ ? โปรดพิจารณาเพื่อการศึกษาที่แท้จริง

    ขออภัยหากทำให้ท่านใดขุ่นเคืองบ้าง แต่การศึกษานั้น ต้องฟังความจริงจากบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆด้วย
     
  4. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    หลายเรื่องผมก็ไม่อยากเขียน แต่เพื่อการศึกษาว่า มีสำนักต่างๆมากกว่า 25 สำนักฯ และอาจมีที่ไม่ใช่สำนักอีกหลายสิบหรือหลายร้อยเจ้าของโครงการที่สร้างพระแก้วด้วยการจ้างโรงงานแก้วที่ขณะนั้นมีโรงงานแก้วให้เลือกนับร้อยโรงงาน เดินเข้าไปคุยได้เลย ทุกโรงงานจะรับงานทันที เพราะงานพระแก้วสมัยนั้นคือ " จำนวน " การสร้างพระแก้วทุกรุ่น ทุกขนาด ทุกปาง ทุกสี ทางโรงงานแทบทุกโรงงานสร้างได้เร็วมาก แทบจะนับนาทีกันเลย บางโรงงานเร็วหน่อยก็ประมาณนาทีละองค์ต่อ 1 ทีม 1 แท่นเครื่อง ถ้าโรงงานที่ช้าหน่อย อาจมีความพร้อมต่างกัน ก็อาจช้าหน่อย ประมาณ 2 - 5 นาทีต่อองค์ต่อทีม ต่อแท่นเครื่อง ดังนั้นทุกโรงงานแก้วในสมัยนั้นจะรับงานพระแก้วทันที เพราะหมายถึงว่า เขามีงานจำนวนมาก กำไรที่ต่ำหรือที่ไม่มากก็มีทางไป คือมีการลดต้นทุนด้วยการใช้เศษแก้วปริมาณมากปนเข้าไป ทำให้คุณภาพแก้วต่ำไปด้วย การอบลดอุณหภูมิก็ลดให้สั้นลง ทำให้แก้วไม่ทนทาน มีการเสียหายต่อมาไม่หยุด ( บางรุ่นนะครับ รุ่นไหนที่เสียหายน้อยก็ดีไป ) และยังมีตลาดมืดที่มาขอซื้อจากโรงงานตรงๆเลยอีกจำนวนหลายสิบราย เพราะเจ้าพ่อตลาดมืดต้องการสินค้าไปขายในตลาดของเขาที่ได้ราคาง่ายกว่าสินค้าอื่นๆ
     
  5. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ผมเดินเข้าออกโรงงานแก้วต่างๆนับสิบโรงงานตั้งแต่ผมอายุ 5 - 6 ขวบ ก็ประมาณปี พ.ศ. 2503 เป็นต้นมา คุณพ่อผมไปจ้างโรงงานแก้วต่างๆสร้างชิ้นงานแก้วมากมายหลายโรงงาน และในหลายโรงงานนั้น ทุกโรงงานสร้างพระแก้วไปด้วยในขณะที่สร้างโคมไฟไปด้วย สร้างถ้วย ชาม แก้วน้ำไปด้วย บางโรงงานก็สร้างตาไฟรถยนต์ ตาไฟรถสิบล้อ และอื่นๆ ผมเห็นถังน้ำมัน 200 ลิตรกองอยู่เป็นกองๆหลายโรงงานแก้ว มีคนบอกผมว่า ข้างในเป็นแป้งบรรจุในฐานพระแก้ว ต่อมาผมเป็นหัวหน้าทีมสร้างพระแก้วในปี พ.ศ. 2516 - 2520 ผมจึงทราบว่า ในถังน้ำมัน 200 ลิตรที่เหล่าสำนักต่างๆก็ดี วัด หรือสำนักสงฆ์ หรือเจ้าของโครงการฯมาฝากถังน้ำมัน 200 ลิตรจำนวนมากไว้กับโรงงาน ก็คือแป้งธรรมดา ไม่ใช่แป้งเสกอะไรเลย เมื่อเจ้าของหรือคนคัดพระแก้วของเจ้าของมาโรงงานแก้วเพื่อคัด เรียกว่า คัดโหด เขาก็จะบอกว่า พระแก้วที่เขาคัดได้อยู่ตรงนั้นตรงนี้ เขาจะแยกกองเอาไว้ ให้บรรจุแป้งขาวลงในฐานพระ พร้อมตีตราประทับ ซึ่งต่างวัดก็ต่างตรา ต่างสำนักก็ต่างตรา และมีตรากรรมการ ตรากรรมการผู้จัดการ และมีบางครั้งก็มีอะไรมาให้เราฝังลงไป หรือมาสอนให้คนงานฝึกจารลงที่แป้ง ผมจึงไม่มีความเชื่อใดๆเลย เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า แป้งเสก
     
  6. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    แต่ถ้าถามว่า จะมีบางรุ่นหรือไม่ ที่เจ้าของโครงการรับพระแก้วไปตอนสร้างเสร็จ หลังคัดโหด เขารับพระแก้วไปโดยไม่ได้บรรจุแป้งหรืออะไรลงในฐาน ผมก็ต้องบอกว่า ก็น่าจะมีบางเจ้าของโครงการฯที่ทำเช่นนั้นครับ แต่น้อยมากๆ และก็น่าจะเป็นวัดดังๆเพียงบางวัดเท่านั้นที่ทำเช่นนั้น

    นี่คือการให้ความรู้ การศึกษาที่ถูกต้องแท้จริงครับ
     
  7. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    จากการที่วัดก็ตาม สำนักสงฆ์ก็ตาม เจ้าของโครงการฯต่างๆคัดโหด ทางโรงงานจึงสร้างเกินจำนวนไว้จำนวนมาก เพราะเจ้าพ่อตลาดมืดเขารับทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขารับซื้อให้ราคาสูงกว่าเจ้าของโครงการเสียอีก

    ดังนั้น เท่าที่ผมเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ผมบอกได้เลยว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีส่วนสร้างเกิน ( ยกเว้นโรงงานที่ผมไม่ได้เข้าไปดู ไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ผมบอกไม่ได้ แต่เท่าที่ผมเข้าไปคลุกคลีอยู่ประมาณ 20 โรงงานแก้ว ผมเห็นมาตลอด อย่าเรียกว่าส่วนเกินเลย ส่วนที่เกินน่ะมากกว่าส่วนเจ้าของโครงการด้วยซ้ำ )
     
  8. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    พวกเรายึดถืออะไรหรือครับ พวกเรายึดถือสิ่งงมงาย เช่น การปลุกเสก แป้งเสก สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าพระพุทธเจ้าหรือครับ ? สำคัญกว่าทุกอย่าง งมงายไม่เหมือนชาวพุทธเลย นั่นเป็นแค่ปม หรือเงื่อนไขที่เขาทำให้โงหัวไม่ขึ้นต่างหาก ปมหรือเงื่อนไขเหล่านี้เขาทำขึ้นมาเพื่อให้คนไม่สามารถหลุดออกไปจากสิ่งที่มาจากเขา คือต้องรับแต่ของที่มาจากเขาเท่านั้น แต่เมื่อคนอยู่เบื้องหลังมาเปิดเผยแล้ว ท่านจะเลิกงมงายได้หรือยัง ท่านจะตื่นมาดูความจริงได้หรือยังครับ
     
  9. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    FB_IMG_1547298259444.jpg
    พระแก้วมรกตหน้าตัก 5 นิ้วองค์นี้ สร้างจากน้ำแก้วสีเขียวนม ถ้าตามประวัติจากตำราที่คนไหนก็ไม่ทราบบันทึกว่า สร้างในอิตาลี แต่จากการวิเคราะห์ของผม ผมในฐานะช่างหลอมแก้วและช่างแก้วที่สร้างพระแก้วมรกตและพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษและอื่นๆที่เป็นเครื่องแก้วบริวารมามากรุ่น ทุกขนาด ทุกสี ยังสงสัยว่า รุ่นนี้อาจไม่ใช่ที่สร้างในอิตาลี เพราะฝีมือคล้ายช่างแก้วไทย ทั้งวิธีการหยอดน้ำแก้ว และการที่พระแก้วชำรุดออกมาจากภายใน เนื่องจากเนื้อแก้วนมทำพิษ ทำให้พระแก้วหลุดขาดออกจากกัน และในอนาคต พระแก้วในรุ่นเดียวกันที่สร้างในล๊อตเดียวกัน ก็น่าจะถึงเวลาชำรุดใกล้เคียงกันก็อาจเป็นไปได้ครับ ถึงแม้จะซ่อมด้วยฝีมือของทันตแพทย์ไปแล้ว มองไม่ออกเลยหลังซ่อมแล้ว แต่เนื้อแก้วในส่วนอื่นๆก็อาจจะแตกร้าว หรือมีอาการทำให้ชำรุดต่อไปได้อีกครับ

    พระแก้วองค์นี้มีการใช้วิธีหยอดน้ำแก้วลงแม่พิมพ์เหล็กมากกว่า 5 หยอด ซึ่งเป็นวิธีของช่างไทยในสมัย พ.ศ. 25XX ต้นๆ จนกระทั่งเป็นคำหยอกล้อกันในหมู่ช่างแก้วว่า " พระแก้ว 5 หยอด "
     
  10. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    001ww.jpg
    ผมขออนุญาตยกตัวอย่าง เนื้อแก้วสีเขียวนมที่ช่างแก้วรุ่นใหม่ได้สร้างขึ้น ที่มีสีและสภาพแก้วค่อนข้างดี เป็นสีเขียวนมที่ไม่ใช่เนื้อเกรดต่ำแบบที่สร้างพระแก้วมรกต ( ขออภัยที่ต้องบอกความจริง ) เพราะเกรดของเนื้อแก้วกำหนดจากสูตรการผสมเคมี ซึ่งการสร้างพระแก้วมรกตและพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษในสมัยนั้น แทบทุกโรงงานแก้ว หรือจะบอกว่า โรงงานแก้วส่วนใหญ่ รับในราคาถูกมากๆเพราะมีจำนวนให้เขา แต่ต้องกดต้นทุนด้วยการใช้เคมีภัณฑ์ให้น้อย ให้ใช้เศษแก้วให้มาก สมัยนั้นเศษแก้วสีนมได้มาจากโคมไฟที่แตก เศษแก้วพวกนี้กิโลกรัมละไม่ถึง 1 สลึงในสมัยนั้น จึงทำให้พระแก้วที่สร้างได้ต่อมาแตกเอง ร้าวเอง ผิวแก้วร่อนเอง กระเทาะเอง ก็เพราะการกดต้นทุนสูตรเคมีนั่นเองครับ

    ผมจึงแอนตี้การสร้างพระแก้วในเชิงพาณิชย์มาตลอด เพราะเรายกย่องเงินตรามากกว่านั่นเองครับ
     
  11. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    9fc8092002bd20e5188d71405db4bd63.jpg
    ตัวอย่างพระแก้วที่ต่างประเทศสร้าง สีเขียวนมมักเป็นลักษณะแบบนี้ คือมักเป็นสีเขียวนมตลอดทั้งองค์ ไม่มีการแบ่งโซนสี ซึ่งความจริงนั่นคือการเทหยอดแยก 5 - 6 ครั้งนั่นเอง

    ต้องคนที่ชำนาญการด้านนี้จริงๆก็พอจะกล้าฟันธงหน่อย
     
  12. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    952695-11d11.jpg
    การสร้างพระแก้วมรกตก็ตามพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษแทบทุกรุ่น ทุกขนาด ทุกสี ได้เกิดขึ้นในไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา ช่างแก้วปั๊มในยุคต้นๆยังไม่มีความชำนาญเรื่องการเทหยอดน้ำแก้ว จึงเป็นที่มาของการหยอกล้อกันว่า พระแก้ว 5 หยอด คือต้องหยอดน้ำแก้วถึงมากกว่า 5 ครั้งจึงจะปั๊มพระแก้ว 1 ทีสำเร็จเป็น 1 องค์ ในยุคต่อมาอีกนับสิบปี ช่างแก้วปั๊มไทยจึงเริ่มมีความสามารถเทหยอดมากขึ้น จาก 5 หยอดมาเป็น 2 หยอด ( คือหยอด 2 - 3 ครั้งต่อการกดปั๊ม 1 ที ) ดูรอยเส้นขาดที่เข่าขวาขององค์พระลากมาที่ข้อเท้าซ้ายขององค์พระและลากไปทางขวา นั่นคือรอยเส้นขาดที่เป็นรอยต่อของการหยอดน้ำแก้วครั้งที่ 1 และ 2 นั่นเอง
     
  13. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    6350871732641800001.jpg
    6350871723222100001.jpg รอยเส้นขาดของการเท 2 หรือ 3 หยอดในยุคหลังๆมานี้ ช่างแก้วส่วนหนึ่งมีความชำนาญในการปกปิดรอยเส้นขาดมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้ปืนไฟลบรอยเส้นขาดก็ตาม รอยอื่นๆก็ตามได้มากขึ้น อย่างองค์นี้ รอยเส้นขาดทางด้านหน้าถูกลบไป แต่ช่างแก้วปั๊มในยุคนั้นมีเวลาเพียงไม่ถึง 20 วินาทีในการลบรอย ช่างจึงมักเลือกลบเฉพาะด้านหน้าด้วยปืนไฟ จึงยังคงเหลือรอยทางด้านหลัง ที่เห็นรอยเส้นขาดตรงดอกบัวนั่นล่ะครับ

    ในยุคต่อๆมาเราลบรอยเส้นขาดได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าตาดีก็สังเกตุพอได้อยู่ครับ

    หมายเหตุ
    ภาพใช้ในการศึกษาประวัติศาสตร์ไม่มีเจตนาอื่นใดครับ
     
  14. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    6350871723222100001s.jpg คลิกเพื่อขยายภาพใหญ่

    ลูกศรชี้ให้เห็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นเองจากภายในองค์พระแก้ว
     
  15. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    c001AAAs.jpg อย่างในองค์นี้ มีรอยแตกชนิดที่เรียกว่า แตกขาด 1 เส้น ( ศรใหญ่ ) ทำให้คุณสมบัติการนำแสงถูกตัดขาดลง และแตกเล็ก ( ศรเล็ก ) ซึ่งในอนาคตก็จะเป็นเหมือนแตกขาดได้ แต่ไม่ทราบว่าเมื่อใด
     
  16. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    45773031_1000503586800659_1539259808656392192_n.jpg ภาพนี้ท่านใดสังเกตุออกบ้างครับ มีร้าวตรงไหน
     
  17. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    ในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่จากผู้เชี่ยวชาญมองเห็น ไม่ใช่เป็นการจับผิด แต่คือความชำนาญการมากกว่าครับ
     
  18. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    48277321_2418502218377148_4237417775070445568_n.jpg
    เห็นรอยอะไร บ่งบอกถึงอะไร ท่านใดตอบได้ครับ
     
  19. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    0007.jpg
    องค์นี้ผมสร้างเอง หน้าตัก 9 นิ้ว ด้วยเทคนิคการเป่าแก้วด้วยปอด ท่านใดสังเกตุเห็นอะไรบ้าง และเกิดจากอะไร ท่านใดตอบได้มีรางวัลครับสำหรับองค์นี้องค์เดียวครับ

    ท่านที่อ่านองค์นี้ได้ขาด ถือว่าจบวิชาแก้วเป่าแก้วด้วยปอดได้เลยครับ
     
  20. glassbuddha2009

    glassbuddha2009 087-7459995 สมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    36,158
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +53,808
    0001m.jpg
    เพื่อให้เห็นว่าองค์บนสีเขียวนั้นเป็นแก้วเป่าด้วยปอด ผมจึงขอโพสต์ภาพองค์นี้ เข่าขวาขององค์พระมีแตก ทำให้เห็นว่าเป็นแก้วกลวงครับ องค์นี้ช่างยิงทรายอะลูมีน่าเบอร์ 100 ยิงจ่อที่เข่านานไปหน่อยครับ แล้วมากระทบขอบตู้โลหะอีกที
     

แชร์หน้านี้

Loading...