ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 9 ธันวาคม 2018.

  1. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +919
    ผมก็เคยเป็นอยู่ในประเภท 3 ประเภทนี้ ที่ผมบอกมาเหมือนกันอะนะ คือผมเป็นประเภทที่1และก็ 2 อะ(ขอยอมรับความจริงจากใจเลย) แต่ว่าตอนนี้ผมได้เริ่มเปลี่ยนความคิดไปบ้างแล้วก็คือการหันมาพิจารณาดูจิตใจตนเองมากขึ้น หันมาดูการกระทำความประพฤติของตัวเองมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่ผมได้ไปเรียนสมาธิมาตั้งแต่ปีที่แล้วอะนะครับ เพราะผมเชื่อว่า การพัฒนาจิตใจของตัวเรานั้นสำคัญสุด หรือเพื่อเตรียมตัวเผื่อว่าถ้าเกิดภัยพิบัติเกิดขึ้นจริงๆในอนาคตอันใกล้ จิตผมจะได้ไม่กลัว ตื่นตระหนกเกินไป จนอาจทำให้เวลาถ้าผมเกิดตายจากภัยพิบัติ จิตตอนนั้นดันเศร้าหมองอาจจะทำให้ผมไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดีได้ แล้วก็อีกอย่าง เผื่อผมรอดจากภัยพิบัติละหลังจากนั้น ผมจะได้ปฏิบัติตนให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความสว่างของจิตผมให้มากยิ่งขึ้น พร้อมเตรียมตัวเผื่อยุคใหม่(หลังภัยพิบัติ) ถ้าผู้วิเศษมีบุญท่านนี้ได้เป็นใหญ่ ผมจะได้ปฏิบัติตามทางของท่านผู้นี้อะนะ และตอนนี้ผมก็ยังคงมีความหวังอยู่หน่อยๆ จะรอดูภัยพิบัติแล้วก็ผู้วิเศษมีบุญ(พระยาธรรม,พระเจ้าจักรพรรดิ ฯลฯ) ว่าจะมีเกิดขึ้นจริงๆ ตามคำทำนายที่พวกเราได้รับรู้กันมานานแล้วหรือไม่

    ปล.สุดท้ายนี้ ผมก็หวังว่า คุณสงบ เมื่อมีตังค์เติมเน็ตแล้ว จะมากลับมาเพิ่มเติมข้อความในกระทู้นี้อีกครั้ง เผื่อมีหลักการปฏิบัติ,คติธรรมคำสอน อะไรดีๆใหม่ๆ เข้ามาให้ได้เห็นอีกอะนะ
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    A12471595-vote1.jpg
    ผมก็หวังอยู่เช่นนั้นเหมือนกันครับ แต่เท่าที่ทราบมา รู้สึกว่าท่านสงบจะเร่งฝึกตัวเองอย่างจริงๆจังๆ แล้วครับ ทำนองเดียวกับหนังจีนกำลังภายใน ที่พระเอกของเรื่อง กำลังขึ้นเขาไปฝึกวิทยายุทธขั้นสูงสุดกับยอดปรมาจารย์ เพื่อกลับมาปราบเหล่ามารร้ายให้สิ้นซากไป อะไรประมาณนี้แหละครับ ถ้าคุณTheKunKeng เคยดูหนังการ์ตูนเรื่องกังฟูแพนด้า ก็คงจะเข้าใจเรื่องที่ผมพูดมานี้ครับ..อิอิ
     
  3. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผมอยากเจอพระศรี พระยาธรรมเพราะ เมื่อก่อน อยากได้คำตอบอะไรหลาย ๆ อย่าง รวมถึงอยากเจอผู้วิเศษสักครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า สิ่งที่ศรัทธาอยู่ มันจริงหรือเปล่าแค่นั้นแหละครับ เพราะตนยังไม่มีความสามารถพอที่จะไปรู้ไปเห็น หรือทำให้ตัวเองวิเศษได้ด้วยตนเองขึ้นมาน่ะนะครับ
    ตอนนี้น่ะเหรอ

    ผมรู้แล้วว่า.. คำตอบ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราต้องหาเอง ไม่งั้นใครมาบอกเรา แม้จะเป็นความจริง แต่มันยากที่จะเชื่อเราก็ไม่เชื่ออยู่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2019
  4. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ซีเรียสกะเรื่องที่ควรซีเรียสเป็นเรื่องที่ถูกที่ควรนะครับ

    ถ้าเล่นกะเรื่องที่ไม่ควรซีเรียส เดี๋ยวอะไร ๆ มันก็จะผิดเพี้ยนไปหมด
     
  5. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผมไม่ได้ตั้งใจไปในทางที่ถูก หรือเคร่งครัดในทางที่ถูกขนาดนั้นหรอกครับ
    เพราะผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าอะไรผิดอะไรถูก

    ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ ก็แค่ ทำ ๆ ไปเรื่อย ๆ อะไรรู้ว่าจริงก็ยึดไว้เป็นหลัก อะไรความสามารถยังไม่ถึงก็ละวางมันไปก่อน

    ทำไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะถูกผิด เจออะไรที่ถูกกว่า ก็ยึดอันนั้น เว้นแต่ยังยึดถือไม่ได้เพราะยังรู้ไม่ถึงก็ยึดสิ่งที่รู้ไปก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2019
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องการประชุมในหมู่โพธิสัตว์ในชั้นดุสิต มีพระศรีอริยฯ เป็นประธาน !!!

    maxresdefault.jpg

    โอวาทธรรม "คัมภีร์กัปป์สุดท้าย"

    องค์พระศรีอาริยเมตไตรย และพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ทรงน้อมสดับฟังพระวจนะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงเรื่องการประคับประคองช่วยเหลือเหล่าเวไนยสัตว์ ที่ต้องผจญกับความทุกข์ยากและสิ่งชั่วร้าย ในช่วงวาระกัปสุดท้ายว่า

    ''ฟ้าเบื้องบนจะทรงบัญชา ให้เทพยดาผู้คุมเกณฑ์กำหนดตารางสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อสำรวจดูคัมภีร์กัปป์สุดท้ายนี้ หากพบว่ามีเหล่าสาธุชนเผยแพร่ออกไป ด้วยความเคารพศรัทธาพวกเขาทั้งหลายย่อมสามารถรอดพ้นจากเกณฑ์วาระ แห่งมหันตภัยได้และทุกชีวิตในครอบครัวจะไร้ทุกข์โศก''

    ผู้ที่ละเว้นกรรมชั่ว ถือศีลกินเจ ประกอบแต่คุณงามความดีจะไม่ต้องเศร้าสลดวิตกกังวลที่จะได้ประสบพบเจอกับภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการ อันได้แก่

    ๑.ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญ ถูกน้ำไหลปาท่วมทัน
    ๒.ถูกเมฆหมอก ควันพิษ ทำลายล้าง
    ๓.มึนซึม หลับใหลหมดสติตาย
    ๔.ถูกสัตว์ร้าย งูพิษ ขบกัด
    ๕.ถูกประหัตประหาร เข่นฆ่าตายด้วยภัยสงคราม
    ๖.สามีภรรยาต้องพลัดพรากหย่าร้าง
    ๗.ต้องเร่ร่อน อพยพหลบหนี ไม่มีที่อยู่อาศัย
    ๘.ต้องเผชิญกับอากาศที่ผันแปร ทั้งหนาวเหน็บ ทั้งร้อนและแห้งแล้ง
    ๙.ต้องเศร้าโศก ต่อภาพของซากศพที่กองเกลือนกลาดทั่วแผ่นดิน
    ๑๐.ไม่ได้พบเห็นความสงบสุขและสันติ

    หากมนุษย์ในโลก จิตใจชั่วร้าย ต่ำทราม ลบหลู่หลักธรรมคัมภีร์ สิ้นศรัทธาในคุณความดี ถึงเกณฑ์ปีวอก ปีระกา ปีจอ และปีกุน เมื่อใด .. เมื่อนั้นมีข้าวก็ไร้คนกิน ... มีเสื้อก็ไร้คนใส่ .. มีถนนก็ไร้คนเดิน .. มีบ้านก็ไร้คนอยู่ .. มีนาก็ไร้คนทำ จบจนถึงวาระเดือนห้าเดือนหก สัตว์ร้ายงูพิษจะออกเพ่นพ่านไปทั่วเข้าเดือนแปดเดือนเก้า เหล่าคนชั่วร้ายจะตายสิ้น จนซากศพ เกลื่อนกลาดเต็มพื้น!

    บนท้องถนนล้มตายนับไม่ถ้วน.. มหันตภัยมาถึง หนึ่งหมื่นคนตายเก้าพัน ! พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อยเกิดลมพายุฝนฟ้าคะนอง เหล่าพญานาคดุร้ายเกะกะระรานไปทั่ว

    ถึงกาลเวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นใหญ่จึงมีพระบัญชาส่งสองขุนพลจอมเทพผู้พิทักษ์ด้นประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์เหนือบรรยากาศโลก เทพยาดาที่สัญจรอยู่เหนือโลกมนุษย์จะบัญชาการส่งหมู่ดาว ''อ่านชิง'' ลงเก็บกวาดคนชั่วร้ายทั้งหมด จะเกิดทุพภิขภัยข้าวยากหมากแพง

    องค์พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏ..

    สองขุนพลจอมทัพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์นับจากปีจอ .. เริ่มต้นด้วยโรคระบาด .. จนถึงปีกุนประชาราษฏร์ ในเก้าคนรอดตายเพียงหนึ่ง ! จะเกิดมหันตภัยใหญ่ ครอบคลุมไปทั่ว อันได้แก่

    ๑.ภัยจากแรงลมมหาศาล
    ๒.ภัยจากไฟโหมลุกไหม้
    ๓.ภัยจากน้ำท่วมใหญ่
    ๔.ภัยจากการทำศึกสงคราม
    ๕.ภัยจากโรคร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน
    ๖.ภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษขบกัด
    ๗.ภัยจากกระแสไฟฟ้า ฟ้าผ่า
    ๘.ภัยจากอาหารขาดแคลน อดอยาก
    ๙.ภัยจากการคลอดบุตร ทารกร่างกายผิดปกติ
    ๑๐.ภัยจากการสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ

    องค์สมเด็จพระศากยมุนีพระพุทธเจ้า ทรงครองธรรมกาล ๓๐๐๐ ปี.. ลุถึงปัจจุบันครบบริบูณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยทรงสืบทอดครองธรรมกาลต่อ

    เริ่มเข้าเกณฑ์ ปีวอก .. จนถึงปีชวด พืชพันธุ์ธัญญาหารจะไม่สมบูรณ์ ผู้คนจะอดอยากตาย มีภัยสงครามยากจะหลีกหนี

    หากมีคนนำคัมภีร์นี้ออกไปเผยแพร่ถึงพัน .. ถึงหมื่น .. จะรอดพ้นจากภัยพิบัติเข้าถึงยุคบรรพกษัตริย์ เหยาและชุ่นอันเป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งโรจน์ สังคมมีความยุติธรรม ผู้คนได้ประสบสุขเกษมสันต์อยู่ร่วมกันในโลก ดอกบัวแห่งมหาสันติเบ่งบาน

    คนพาลสันดานหยาบ แม้ล่วงรู้คัมภีร์กลับลบหลู่ปกปิดมุ่งทำลาย ย่อมประสบกับเภทภัยทั้งสิบประการ ตายแล้วก็ยากจะได้กลับมาเกิดอีก

    สาธุชนคนดี .. ประกอบด้วยเมตตาจิตตั้งใจเผยแพร่คัมภีร์ออกไป เขาเหล่านั้นย่อมประสบแต่ความเป็นสิริมงคล ทุกคนในครอบครัวจะร่มเย็นเป็นสุข สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยทั้งหลายได

    พระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวร ได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดี ความชั่ว ที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้งองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบข่าวสภาพความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ ก็ทรงพิโรธยิ่งนัก และตรัสบริภาษต่อว่าเหล่าเทพยดาทั้งหลายว่า

    ''เสียแรงเปล่าที่ชาวโลกพากันจุดธูปเทียนบูชา กราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้.. ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจบาปหยาบช้า คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงต้องมีราชโองการโทษทัณฑ์ ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันมาหลายปี เพื่อกำหลาบคนชั่วช้าสามานย์ และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตชาวโลกเสียใหม่ !”

    ในเวลานั้น .. บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอนแม้องค์พระโพธิ์สัตว์กวนอม แห่งทะเลทักษิณ ถึงกับพระวรกายทรุดหมอบลงกับพื้นพระบรมวิมาน ทรงพร่ำทูลขอให้โปรดกรุณาชาวโลกซ้ำเป็นหลายครั้งว่า ''ผู้ชั่วรายสมควรดับ ... ผู้ดีงามควรคัดออก ๆ ๆ''

    องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า ''ดีชั่ว สองฝ่ายแยกกัน! ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด ! ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น !"และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรม จงรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้าย ดังต่อไปนี้

    ๑.พวกที่กล่าโทษ ด่าว่าฟ้าดิน
    ๒.พวกที่ดำเนินชีวิตปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝืนหลักธรรม
    ๓.พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่
    ๔.พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา
    ๕.พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
    ๖.พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกหลวงให้คนหลงเชื่อ
    ๗.พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ
    ๘.พวกที่ชอบดื่มสุรา ยาเมา สูบบุหรี่ หลงใหลในสิ่งเสพติด ของมอมเมาสติทุกประเภท
    ๙.พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริโอตตัปปะปะ ไม่สำนึก ละอายใจในการทั่วชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม
    ๑๐.พวกที่ทำลายพระศาสนา บิดเบียนหลักธรรม หลอกลวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ๑๑.พวกที่เหยียบย่ำทำลายพระคัมภีร์ หลักธรรมะ อักษรหนังสือ
    ๑๒.พวกที่ใจเหี้ยมโหด เช่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน
    ๑๓.พวกที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไรและความสุขส่วนตน
    ๑๔.พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง
    ๑๕.พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกหลวงชาวบ้าน
    ๑๖.พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ค้าขายเอาเปรียบคนอื่น
    ๑๗.พวกที่หาประโยชน์จากการผู้อื่นด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋น
    ๑๘.พวกที่พูดจาหยาบคาย ทุบตีด่าว่าบุพการี ปู่ ย่า ตา ยาย
    ๑๙.พวกที่ชอบพูดจาให้รายป้ายสีผู้อื่น
    ๒๐.พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว
    ๒๑.พวกที่ชอบว่ากล่าว ชอบตำหนิโทษผู้อื่นด้วยใจอคติไม่เที่ยงธรรมะ
    ๒๒.พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื้อสัตย์ต่อสามี
    ๒๓.พวกที่ชอบยุแหย่ ทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย
    ๒๔.พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์สมบัติมรดำ
    ๒๕.พวกที่วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งไม่สามัคคีกลมเกลียว
    ๒๖.พวกที่ชอบยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ
    ๒๗.พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน
    ๒๘.พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม
    ๒๙.พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด
    ๓๐.พวกที่กดขี่ราษฏร ยักยอกฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินบ้านเมือง
    ๓๑.พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน
    ๓๒.พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่
    ๓๓..พวกที่ชอบประจบสอพลอ พะเน้าพะนอย่องเชิดชูรับใช้คนเลว
    ๓๔.พวกีที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื้อสัตย์สุจริต
    ๓๕.พวกคนพาลสันดานหยาบ ที่คอยก่อกวนให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข
    ๓๖.พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคนยากไร้
    ๓๗.พวกที่ชอบยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน
    ๓๘.พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากช่วยเหลือ
    ๓๙.พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก ได้รับความทุกข์แต่กลับเมินเฉยแล้งน้ำใจ
    ๔๐.พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา
    ๔๑.พวกที่เห็นผู้อื่นในฐานะสูงส่งด้วยชื่อเสียงเกียนติยศก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง
    ๔๒.พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดราย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น
    ๔๓.พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝดฝังรูปฝังรอย
    ๔๔.พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่น
    ๔๕.พวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
    ๔๖.พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำ อาหาร
    ๔๗.พวกที่ทุบตีเด็กเล็กไร้เดียงสาด้วยโทสะ ข่มเหง รังแก เด็กๆผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยตนเองได้
    ๔๘.พวกที่อกตัญญู ไม่รู้คุณคน
    ๔๙.พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำสอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตามจนต้องกลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร
    ๕๐.พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข
    ๕๑.พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดถือหลักคุณสัมพันธ์
    ๕๒.พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของตนเอง
    ๕๓.พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง
    ๕๔.พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ชองทางกระทำชั่วอยู่ไม่ว่างเว้น

    ''นี่คือ ๕๔ ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั่นจะต้องถูตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก! เมื่อตายลงไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต สัตว์นรก อสุรกาย ยามยังมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั้นมีอันเป็นไป สูญพันธุ์ทั้งตระกูล ให้บ้านแตกสาแหรกขาด ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูกทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขาให้ถูกผู้อื่นอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้! หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน”

    ครั้นครบกำหนดเวลา ๓ ปี ที่ให้มนุษย์รีบเร่งปฏิบัติแต่ความดีงาม เมื่อกระแสความคิดจิตใจและการกระทำของเหล่าเวไนยสัตว์ ถูกนำขึ้นกราบทูลรายงานเบื้องบน ทันทีที่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้

    “ข้าฯ... จะลงมาตระเวนตรวจตราดูทุกแห่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯจะดำเนินการพิพากษาตัดสิน ให้เกิดภัยสงครามอีกระลอกหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่เดือนให้เกิดโรคระบาดขึ้นอีกบางส่วน ทุกหนทุกแห่งจะถูกเก็บกวาดให้หมดสิ้น! ต่อหิ้วิงวอนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์... สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มิตอบสนอง ต่อให้กินยารักษาโรคยาก็ไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่ ยาวิเศษแค่ไหน ดีชั่วมีผลต่างกัน... คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาโรค ก็จะสัมฤทธิ์ผล คนชั่วช้าสามานย์กินยาแล้วก็ไม่รอด

    บัดนี้...ข้าเห็นสภาพการณ์ว่า น่าเวทนา...ไม่มีวิธีการใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ทัน ต่อให้จุดธูปบูชาข้าฯ ก็เสียแรงเปล่า ที่เห็นข้าเป็นเทพยดาน่ากราบไหว้สักการะแต่ปัจจุบันมีทุกข์ไม่ยอมช่วย ใช่ว่าข้าฯ จะบิดเบือนต่อเบื้องบน ต่อเบื้องบนข้าฯ ก็ได้กราบบังคมทูลวิงวอนด้วยความเร่งรีบร้อนรนยิ่ง และต่อชาวโลกเบื้องล่าง...ข้าฯก็ให้ป่าวประกาศเผยแพร่สัจธรรม ชี้นำย้ำเตือนให้ผู้คนได้รับรู้

    บัดนี้...ถึงวาระเข้าสู่ปลายกัปป์...เกณฑ์หันตาภัยยุคสุดท้ายปุถุชนธรรมดา ให้เก้าคนตายเหลือไว้เพียงหนึ่ง ให้เกิดสงครามอาวุธหอกดาบมีขึ้นรอบด้าน โรคระบาดจู่โจมบุกรุกทุกแห่งหน อสุนีบาดสายฟ้าฟาดผ่าดังสนั่นสะเทือนเลื่อนลั่น อุทกภัยใหญ่น้ำไหลหลากท่วมท้นบ้านเรือน วาตะภัยลมพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่ง ธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตทั้งหลายยากจะอยู่รอด พญามารมาเคาะประตูบ้านในยามค่ำคืน โรคระบาดเข้าประชิดตัวในเวลากลางวัน เสือร้ายจากป่าเขาออกอาละวาด จะหลบหนีกันอย่างไร อสรพิษเลื้อยเต็มถนนหนทางจนยากจะเดิน!

    มหันตภัยทั้งสิบนี้ยากจะหลีกหนีพ้น! หากสามารถผ่านพ้นไปได้จึงจะนับว่าเป็นยอดคน นี่แหละคือสิบมหันตภัยอันใหญ่หลวง ข้าฯมีเพียงคำเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจิตใจ ยังพอมีโอกาส จงรีบแก้ไขสำนึกในความผิดบาป เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ให้เร่งกลับตัวกลับใจโดยทันที! อย่ามัวรีรอจนกระทั่งภัยพิบัติมาประชิดตัว ถึงตอนนั้นจะวิงงอนร่ำร้องไห้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล จงสร้างบุญทำกุศลสะสมคุณความดีกันเสียแต่เนินๆ เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัย

    เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายเอย... จงรีบเร่งตั้งจิตศรัทธาเคารพกตัญญูต่อฟ้าดิน บิดามารดา จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ประชาราษฎร คนยากคนจนให้รู้จักเจียมตน ตั้งมั่นอยู่ในความมัธยัสถ์ ผู้มากมีมั่งคั่ง จงรีบเร่งช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ยากไร้ ผู้ปราดเปรื่องเรืองปัญญา จงพยายามตักเตือนช่วยชี้แนะผู้ต่ำต้อยด้อยความรู้ ให้ได้ผ่านพ้นโลกโลกีย์ไปด้วยกัน บุคคลใดไร้บุญบารมีจะตกจมลงสู่ทะเลทุกข์ แต่ผู้มีสัมพันธ์สะสมมาดีย่อมจะได้พบกับความสงบสุข และสันติในที่สุด

    ''บัดนี้ข้าฯ แฝงธรรมญาณ ยืมปากกกาท่านไหว้วานบรรดาผู้รู้จักตัวอักษรหนังสือ คัดเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ

    แม้หนึ่งเล่มจะช่วยปกป้องรักษาให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

    ถ่ายทอดให้ข้าฯ แม้สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภัยอันตราย

    เผยแพร่ออกไปให้ข้าฯ ร้อยเล่ม จะปกปักษ์รักษาให้อายุยั่งยืน

    อีกทั้งโชคลาภ วาสนาเพิ่มพูนทวี รีบแจกจ่ายธรรมทานคัมภีร์นี้โดยทันทีทันใด จะปกป้องรักษาให้เกียนติศักดิ์รุ่งโรจน์มีย้ายบรรดาศักดิ์

    หากผู้ใดไม่รู้หนังสือ จงใช้วาจาเมตตาบอกต่อให้เขาได้ฟังได้เข้าใจ ถ้าแม้นมีคนโฉดเขลาชั่วร้าย ไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะมาถึงตัว จะประสบวิบัติให้ปวดเศียรเวียนหัว หน้ามืด ตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ถึงที่ต้องไปเมืองผีด้วยสิบเหตุเภทภัยร้ายนั้น

    ข้าฯไม่อาจกล่าวให้ละเอียดมากความไปกว่านี้คิดอยากจะเผยความลับสวรรค์ ก็เกรงด้วยเบื้องบนจะลงทัณฑ์

    หากคนทั้งหลายไม่เชื่อไม่ศรัทธา ดูหมิ่นดูแคลนว่าไม่จริงไม่นานมหันตภัยที่กล่าวไว้จักมาถึงตัว

    ผู้มีใจศรัทธา น้อมจิตเชื่อฟังตั่งมั่นอยู่ในคุณธรรมความดีถือศีลกินเจ เบื้องบนย่อมทรงโปรดเมตตา ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาด มิให้เภทภัยใดๆเข้าใกล้ถึงตัวได้เลย''


    ที่มา http://minishare.weebly.com/3588363...3611361136603626364036043607365736343618.html
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    maxresdefault-jpg.jpg

    ดูข้อความในรูปภาพนี้ ก็พอจะบอกให้รู้แล้วว่า ใครเป็นใครนะครับ อิอิ
    ( เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2019
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192

    ชาวเอสกิโม ที่ดำรงชีวิตด้วยการบริโภคเนื้อสัตว์และไขมันสัตว์ จะแก่ตัวเร็วมาก และมีอายุสั้นเฉลี่ยเพียง ๒๗.๕ ปี เท่านั้น ชาวเคอร์กิช ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อยู่ทางแถบรัสเซียตะวันออก มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ถูกบังคับด้วยลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ ทำให้ต้องรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นหลัก เช่นเดียวกับชาวเอสกิโม ปรากฏว่า ชนเผ่านี้แก่เร็วและมีอายุสั้นเช่นเดียวกัน จากการสำรวจ แทบจะไม่พบชาวเคอร์กิชที่มีอายุเกินกว่า ๔๐ ปี

    ในทางตรงกันข้าม จากการศึกษาพบว่า ชาวหรรษา ในประเทศปากีสถาน ชนเผ่าโอโตมิ (ชาวพื้นเมืองของเม็กซิโก) และชาวพื้นเมืองของภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ฯลฯ ซึ่งเป็นพวกที่แทบจะไม่มีการบริโภคเนื้อสัตว์เลย ประชากรส่วนใหญ่มีอายุยืนถึง ๑๑๐ ปี หรือมากกว่า และยังมีสุขภาพอนามัยดีด้วย

    นอกจากนี้ สถิติเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยของคนทั้งโลก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประชากรชาติที่มีการบริโภคเนื้อมากที่สุด จะมีจำนวนผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งสูงที่สุด และประชากรของชาติที่มีการบริโภคเนื้อน้อย จะมีอัตราผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ดังกล่าวน้อยลงตามไปด้วย

    สารที่เป็นพิษ ก่อนที่สัตว์จะถูกฆ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ใหญ่ ๆ ที่มีจิตสำนึกค่อนข้างสูง เช่น วัว ควาย หมู จะเกิดความกลัวอย่างสุดขีด และพยายามดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อปกป้องชีวิต ชีวเคมีในตัวสัตว์เคราะห์ร้ายเหล่านี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ ฮอร์โมนที่เป็นพิษจะถูกขับออกมามากอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮอร์โมนอะดรีนาลีน

    ระบบการทำงานของคนเราก็คล้ายกับของสัตว์ ที่จะขับฮอร์โมนที่มีพิษต่อร่างกายออกมามากมาย ในขณะที่เกิดอารมณ์ที่รุนแรงต่าง ๆ เช่น ความโกรธ ความกลัว ความเครียด ฯลฯ ปริมาณฮอร์โมนที่เป็นพิษเหล่านี้ ยังคงอยู่ในเนื้อสัตว์ที่ตายแล้วนั้นเอง และผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์นั้นก็จะได้รับสารที่เป็นพิษต่าง ๆ อย่างเต็มที่

    Encyclopedia Britanica ถึงกับได้กล่าวไว้ว่า “โปรตีนที่มนุษย์ได้จากถั่ว เมล็ดธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม มีความบริสุทธิ์กว่าโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์มากมาย” รายงานของสถาบันโภชนาการของสหรัฐอเมริกา ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่านั้น เต็มไปด้วยเลือดที่เป็นพิษ และสารที่เป็นพิษอื่น ๆ อีกมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2019
  9. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ท่านเกษม ชั่งหาข้อมูล
    ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร

    เก็บเล็กผสมน้อย
    สักวันคงเข้าใจ อิอิ
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    3lQsV67IdRs5F1rMWpPUWIRVANm.jpg
    ผมกำลังพยายามทำให้คนไทย 30% ที่รอดชีวิต ไม่ตกใจกลัวจนเสียสติเป็นบ้าไป ครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2019
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "จงกลับได้สติเถิด น้องหญิง." พุทธโอสถสำหรับสตรีผู้มีทุกข์โศก จนเกือบเป็นบ้าในยุคพุทธกาล

    ocplyoxyrGxqB85oacW-o.jpg


    นางปฏาจารานั้นได้เป็นธิดาของเศรษฐีผู้มีสมบัติ ๔๐ โกฏิ ในกรุงสาวัตถี มีรูปงาม. ในเวลานางมีอายุ ๑๖ ปี มารดา บิดาเมื่อจะรักษา จึงให้นางอยู่บนชั้นบนปราสาท ๗ ชั้น. ถึงเมื่อเป็นเช่นนั้น นางก็ยังสมคบกับคนรับใช้คนหนึ่งของตน.......

    คนทั้งหลายเห็นนางแล้ว เข้าใจว่า "หญิงบ้า ๆ" จึงถือเอาหยากเยื่อ กอบฝุ่น โปรยลงบนศีรษะ ขว้างด้วยก้อนดิน.พระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัท ๔ ในพระเชตวันมหาวิหาร ได้ทอดพระเนตรเห็นนางผู้บำเพ็ญบารมีมาแสนกัลป์ สมบูรณ์ด้วยอภินิหารเดินมาอยู่.

    พระศาสดา ทรงเห็นนางผู้มีความปรารถนาตั้งไว้แล้ว อย่างนั้น ผู้สมบูรณ์ด้วยอภินิหาร กำลังเดินมาแต่ที่ไกลเทียว ทรงดำริว่า " เว้นเราเสีย ผู้อื่นชื่อว่าสามารถจะเป็นที่พึ่งของหญิงผู้นี้ได้ ไม่มี" จึงได้ทรงทำนางโดยประการที่นางจะบ่ายหน้าสู่วิหารเดินมา.

    บริษัทเห็นนางแล้วจึงกล่าวว่า "ท่านทั้งหลาย อย่าให้หญิงบ้านี้มาที่นี้เลย." พระศาสดาตรัสว่า "พวกท่านจงหลีกไป, อย่าห้ามเธอ" ในเวลานางมาใกล้ จึงตรัสว่า "จงกลับได้สติเถิด น้องหญิง." นางกลับได้สติด้วยพุทธานุภาพในขณะนั้นเอง.

    พระศาสดาทรงสดับคำของนาง จึงตรัสว่า "อย่าคิดเลยปฏาจารา,เธอมาสู่สำนักของผู้สามารถจะเป็นที่พึ่งพำนักอาศัยของเธอได้แล้ว; เหมือนอย่างว่า บัดนี้ บุตรคนหนึ่งของเธอถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป, คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป, สามีตายแล้วที่ทางเปลี่ยว, มารดาบิดาและพี่ชายถูกเรือนทับ ฉันใด; น้ำตาที่ไหลออกของเธอผู้ร้องไห้อยู่ในสงสารนี้ ในเวลาที่ปิยชน มีบุตรเป็นต้นตาย ยังมากกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน"ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า:-

    "น้ำในสมุทรทั้ง ๔ มีประมาณน้อย, น้ำตาของคนผู้อันทุกข์ ถูกต้องแล้ว เศร้าโศก มิใช่น้อย มากกว่าน้ำในมหาสมุทรนั้น; เหตุไร เธอจึงประมาทอยู่เล่า ? แม่น้อง."

    เมื่อพระศาสดาตรัสอน มตัคคปริยายสูตรอยู่อย่างนั้น, ความโศกในสรีระของนาง ได้ถึงความเบาบางแล้ว.ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทราบที่นางผู้มีความโศกเบาบางแล้ว ทรงเตือนอีก แล้วตรัสว่า

    " ปฏาจารา ขึ้นชื่อว่าปิยชนมีบุตรเป็นต้น ไม่อาจเพื่อเป็นที่ต้านทาน เป็นที่พึ่ง หรือเป็นที่ป้องกัน ของผู้ไปสู่ปรโลกได้;เพราะฉะนั้น บุตรเป็นต้นเหล่านั้น ถึงมีอยู่ ก็ชื่อว่าย่อมไม่มีทีเดียว, ส่วนบัณฑิตชำระศีลแล้ว ควรชำระทางที่ยังสัตว์ให้ถึงนิพพานของตนเท่านั้น"

    เมื่อจะทรงแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-

    "บุตรทั้งหลาย ไม่มีเพื่อต้านทาน, บิดาก็ไม่มี ถึงพวกพ้องก็ไม่มี, เมื่อบุคคลถูกความตาย ครอบงำแล้ว ความต้านทานในญาติทั้งหลาย ย่อมไม่มี; บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นั้นแล้ว สำรวมในศีล พึงชำระทางไปพระนิพพานโดยเร็วทีเดียว."

    ในกาลจบเทศนา นางปฏาจาราเผากิเลส มีประมาณเท่าฝุ่นในแผ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล นางปฏาจาราทูลขอบวช พระศาสดาประทับในพระคันธกุฎี ทรงแผ่พระรัศมีไป เป็นดังประทับยืนตรัสอยู่เฉพาะหน้าของนาง ตรัสว่า "ปฏาจารา ข้อนั้น

    อย่างนั้น, ด้วยว่าความเป็นอยู่วันเดียวก็ดี ขณะเดียวก็ดี ของผู้เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์เหล่านั้น ประเสริฐกว่า ความเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ของผู้ไม่เห็นความเกิดขึ้น และความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์" ในกาลจบเทศนา นางปฏาจาราบรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ดังนี้แล.


    ขอขอบคุณ ไฟล์:patachara.jpg /th.wikipedia.org
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2019
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข้าไม่กลัวความตาย l ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง

    เผยแพร่เมื่อ 21 ก.พ. 2019
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำทำนายหลวงปู่สรวง (ฉบับเต็มบริบูรณ์)

    images?q=tbn:ANd9GcRkfPcrWTIbAxLZ18bfjjQ8Im7PnNEPwU-9DL7g1SxaxJXAt-mp.jpg

    พ.ศ.๒๕๕๕ .. ผืนน้ำกลืนกินผืนดิน
    -----------------------------------------------------------
    หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน) พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้ พอดีผมเพิ่งได้ซื้อหนังสือรวมเล่ม ประวัติของหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล มาเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว บอกตามตรงเมื่อก่อนผมไม่เคยรู้จัก "หลวงปู่สรวง" แต่พอดีวันนี้ไปเดินซื้อหนังสือเล่น เจอหนังสือเล่มนี้น่าสนใจดีเลยซื้อมา

    และที่วันนี้มาตั้งกระทู้นี้ก็เพราะว่า ผมก็อ่านหนังสือเล่มนี้ไปตามปกติ แต่ยังอ่านไม่จบ วันนี้อ่านไปเจอตอนหนึ่งที่คิดว่าตรงกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันมากๆ เป็นที่น่าแปลกใจ จึงนำข้อความจากหนังสือมาให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกันครับ เรื่องเล่าเกี่ยวกับภัยพิบัตินี้ เป็นคำบอกเล่าจากพระครูจันทธรรมานุโยค (ลมัย จันทโร) เจ้าอาวาสวัดโคกตาเขียว อ.สังขละ จ.สุรินทร์ ซึ่งท่านได้เมตตาเล่าให้ทางนิตยสารลานโพธิ์ถึงเรื่องต่างๆ แต่ผมขอยกเรื่องที่ท่านเคยได้ยิน "หลวงปู่สรวง" พูดถึงเรื่องภัยพิบัติมาดังนี้

    ประมาณปี 2541 หลวงปู่สรวงท่านแวะมาที่วัดของหลวงพ่อลมัยในช่วงเข้าพรรษา และก่อนท่านจะจากไป ท่านพูดเป็นภาษาเขมรกับหลวงพ่อลมัยว่า

    "พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรมจะอยู่รอดปลอดภัยได้"

    ต่อไปนี้ พ.ศ. 2555 คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่ พ่อ-แม่-ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดนะ ไม่ต้องอยากชนะกัน ให้ออกไป อย่ามีเวร อย่ามีกรรม

    ครั้งที่สองบอกอีก เป็นภาษาเขมรว่า ให้ออกก่อน "พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำ น้ำทะเลเต็มไปหมด" ให้มันไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ กลับเข้ามาก็ตีท่วมภูเขา มีทั้งดินมีทั้งโคลน

    "พวกทำไม่ดีตายหมด" แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง หลวงพ่อไม่กลัว (หลวงปู่สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่น เขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป"

    ถาม - ที่หลวงปู่สรวงพูดหมายความว่ายังไง?

    ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย "คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด"

    ท่านบอกให้คอยดู แต่มาเป่า นี่มันปี 2547-2550 ไม่ใช่สึนามินะ นางนาคสิเป่า ปี 55 แถวเราน้ำไม่มี เขาว่านางนาคเอาขึ้นข้างบน สามวันสามคืนก็เป็นลูกเห็บ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ถูกใครตายระเนระนาด อย่าให้ถึงขนาดนั้น "คนดีไม่ตาย"

    แกว่างั้นนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เราไม่ได้กบฏพระเจ้าอยู่หัว คนที่กบฏ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่ จะยึดแผ่นดินเป็นหลักแค่นั้นแหละ ปีนี้นาคไม่ขึ้นที่หนองคาย นาคไม่ขึ้น

    หลวงปู่สรวง ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2542 (ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง) สรีระสังขารของท่านตั้งอยู่ที่ศาลาออยเตียนสรูล วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ

    ประวัติสังเขปหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล

    ออยเตียนสรูล เป็นภาษาเขมร แปลว่า ให้ทานความสุข ซึ่งความหมายของคำนี้คือหลวงปู่สรวงท่านเป็นผู้ให้ ให้แก่ลูกหลาน ลูกศิษย์ ทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตท่าน ท่านให้ได้ทุกอย่าง ทรัพย์สินเงินทองที่มีผู้ถวายท่าน ท่านไม่เคยเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว ท่านจะให้แก่คนที่ท่านเห็นว่าเขาควรจะได้ โดยที่ไม่มีกำหนดแน่นอนว่าจะเป็นใคร

    และที่สำคัญท่านให้ความสุขกับผู้มีความทุกข์ แล้วมาหาท่าน หรือแม้แต่ผู้ที่แค่นึกถึงชื่อท่าน ท่านก็เผื่อแผ่พลังเมตตานั้นมาช่วยให้เขาคนนั้นคลายทุกข์ได้ ถ้าไม่เนื่องด้วยความทุกข์นั้นเกิดจากกฎแห่งกรรมแล้วท่านก็จะช่วยเสมอ นี่แหละคือที่มาของฉายาท่าน (โพสต์โดยคุณ KK วันที่ 2009-05-23 21:19:55)

    หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม เป็นพระลูกชายของหลวงปู่บัว สิริปุณโณ ท่านก็เคยพูดไว้ เมื่อตอนที่อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีนายทุนกำลังหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนั้นท่านมาพักที่บ้าน ท่านเรียกเข้ามาดูทีวี แล้วชี้ไปที่นายทุนคนนั้น ท่านบอกว่า

    "มึงจำคำกูไว้นะ ไอ้คนนี้ เมื่อไหร่ที่ไอ้คนนี้ขึ้นมาครองเมือง เมื่อนั้นคนจะตายเป็นเบือยังกับใบไม้ร่วง และไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย จะเป็นไปทั่วโลก เพราะว่าฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมันมาเจอกันพอดี๊พอดี"

    ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อนายทุนรายนั้นขึ้นเป็นนายกฯ ครั้งแรก ก็ทราบว่า ที่อเมริกาก็ จอร์จ ดับเบิลยูบุช อังกฤษก็ โทนี แบลร์ ก็รู้สึกว่าบ้าอำนาจพอๆ กัน

    ทีนี้หลวงปู่ท่านก็พูดอีกว่า "ไอ้คนนี้มันบ้าอำนาจ มันจะพยายามหาคนมาแทนพระสังฆราช จ้างก็ไม่มีทาง มันช่างไม่รู้เอาเสียเลย ว่าพระสังฆราชกว่าจะมาเป็นได้นั้นมาจากไหน หวังจะล้มพระเจ้าแผ่นดิน เมินเสียเถอะ กว่าจะมาได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เขาคัดเลือกมาเพื่อคู่กันกับพระสังฆราชแล้ว"

    ตอนนั้นผู้เขียนก็กราบเรียนถามท่านถึงเรื่องนี้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังจนจบ ไม่ขอเล่าตรงนี้มันยาว และเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย

    ต่อจากนั้นท่านก็พูดอีกว่า "น้ำจะท่วมเมืองทั่วโลก เพราะเขาเริ่มคัดคน มันเป็นทีของพวกนาคแล้ว ทีใครทีมัน เมื่อก่อนหากมีเรื่องใครตาย ใครเป็น ใครเจ็บ จะมีลมพัดมาเรียกว่า ลมส่า (ภาษาอีสานเรียกว่าส่า ภาษาไทยหมายถึง ลมกระพือข่าว) คือเทวดาเขาส่งข่าว และถ้าดีเทวดาก็จะดูแลรักษา แต่ไม่ดีก็ไม่รักษา

    แต่คนปัจจุบันนี้หาดียากมากและไม่ค่อยสนเทวดา มันว่ามันเก่งกว่าเทวดา เทวดาเลยไม่สนคนเหมือนกัน เรื่องของมึงเรื่องของกู ทีนี้คนก็เป็นเหมือน "คน" จริงๆ คนกันอยู่นั่นแหละ คนเท่าไหร่ก็ไม่ทั่ว มีแต่เรื่องราวให้ตีแตกแยกแยะกัน พวกมึงเร่งทำบุญภาวนาเข้า พวกมึงจึงจะรอด"

    "ต้องทำยังไงบ้างหลวงปู่"

    "มันจะยากอะไรก็ให้รักษาศีล ข้อไหนที่มันขาดก็เอาใหม่ เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ ข้อไหนพร่องหย่อนยานไปก็ให้ดึงให้มันตึงเข้าไว้ ในที่สุดมันก็จะเข้าใจและรักษาได้สบายๆ แล้วก็ทำบุญไป อย่าไปขัดบุญใคร บุญเราก็เร่งทำของเราไป ภาวนาไปด้วย"

    "ภาวนาอย่างไรบ้างปู่ อยากได้แบบลัดๆ"

    "คนสมัยนี้ความดีมันไม่ค่อยอยากทำ แต่พออยากได้ มันก็อยากได้ลัดๆ เลย"

    "ก็มันไม่มีเวลาแล้ว ขอได้ไหมปู่"

    "มึงพอไหว เริ่มเข้าเดี๋ยวนี้ ชำระสิ่งชั่วจากใจเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ไหมว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ เขาคัดคน เขาบอกว่าโลกจะแตกนั้น มันไม่ใช่แตกดังโป๊ะเหมือนลูกโป่งนะ มันค่อยๆ แตกทีละน้อยๆ คือเลือกคนนั่นแหละ"

    "คนที่ทำบุญจะรอดไหมปู่"

    "รอด คนมีศีลมีธรรมเท่านั้นจึงจะรอด พยายามกันเข้า มันจะแย่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่คนนั้นขึ้นครองเมือง การสู้รบตบมือมากมาย และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูไว้นะ ข้าวจะยากหมากจะแพง...จนถึงปี 2555 วิกฤติสุด"

    ตอนนั้นผู้เขียนไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งอาหารการกินขึ้นราคาแพงหมด ท่านพยากรณ์เอาไว้ก่อนท่านมรณภาพ 2 ปี หลังจากนั้นก็เป็นตามที่ท่านพูดทุกอย่าง และตอนนั้นท่านพูดถึงการบาดเจ็บของหลวงพ่อคูณด้วย และก็เป็นจริงว่าหลวงปู่จะถูกรถชน (รถชนกัน หลวงพ่อคูณอยู่ในรถตู้) ก็รถชนกันจริงๆ ซึ่งถือว่าท่านมีญาณอนาคตบอกลูกหลาน

    อีกครั้งหนึ่ง เคยไปกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม ท่านบอกกับผู้เขียนว่า น้ำจะท่วมใหญ่ให้รีบทำบุญ

    "เมื่อน้ำท่วมจะมีกองถั่วอยู่ 4 กอง กองที่ 1 จะไหลไปกับน้ำอย่างรวดเร็ว หายไปเลย กองที่ 2 จะไหลไปกับน้ำ บางเมล็ดก็จะสามารถเกาะเกี่ยวอยู่ได้รอดจากน้ำ แต่ก็ร่อแร่เต็มที กองที่ 3 จะกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะสงสารกองที่ 2 เลยต้องอาสา กองที่ 4 ไม่กระทบกระเทือนใดๆ เลย"

    "หลวงปู่กำลังหมายถึงว่ากองถั่วนั้นคือคนใช่ไหม"

    "ใช่ "

    "กองที่ 1 ไปทั้งคนทั้งบ้าน ทั้งรถ ทุกอย่างจมหายไปเลย"

    "กองที่ 2 ไปบ้าง ก็รอดบ้างหรือคะ"

    "ใช่ กองที่ 3 คือคนที่ปฏิบัติธรรม มีศีลธรรม กระทบเพียงเพื่อส่งสาร ขอความช่วยเหลือเขา ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น"

    "ถ้าอย่างนั้นกองที่ 4 ก็คือพระอริยเจ้าหรือเจ้าคะ"

    "ถูกต้อง ไม่กระทบเลย แม้แต่ใจก็ไม่กระทบ"

    ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อก่อนจะเกิดสึนามิ ท่านก็ยังบอกด้วยว่าเมื่อมารวมตัวเลย ในการเคยสร้างความชั่วเอาไว้ ก็จะเกิดขึ้นด้วยการรับกรรมร่วมกันอีกต่อไป

    ท่านบอกต่อไปว่า ให้ท่องคาถา "วิรูปักเข" เอาไว้มากๆ มันเป็นทีของพวกสัตว์มีเขี้ยวทั้งหลาย งู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ท่านว่าอย่างนั้น มีพระอีกหลายรูปที่ท่านพูดเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นพระอริยะทั้งสิ้น จึงเชื่อ เพราะเห็นมากับตาแล้วมากมาย

    เขียนโดย Social Selaphumpittayakom ที่ 03:32


    ที่มา http://selaphumpit605.blogspot.com/2015/08/blog-post_77.html
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การเมืองไทย...คนจะฆ่ากันตายเป็นเบือ !!!

    63E7E0F6E5D64E18B75082678863C2CC.jpg

    Aunyasit
    said:

    ถึงคุณ เกษม เรื่อง "สามร่มโพธิ์ศรี" นั้นที่จริงคือเรื่องของพระจักรพรรดิ์ ที่พระศรีฯ จะลงมายกยอพระศาสนา ที่พระศรีฯท่านมาเป็นพระยาธรรมิกราช ปกครองโลก พระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่เป็นคล้ายพระสังฆราชของโลก และพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่คล้ายนายกของโลก โดยมีเหล่า อัญญาสิทธิ์ และ อัญญาธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมาทำหน้าที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปฎิบัติรอพระจักรพรรดิ์ กันทั้งนั้นและมักอยู่ในที่ลี้ลับ แต่ถ้าปฏิบัติจิตถึงก็สื่อกันได้

    รายละเอียดเรื่องสามร่มโพธิ์ศรี ผมกำลังรวบรวมจากคนในคณะหลายๆคน เพราะฟังมา ต่างวาระกัน แล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังทีหลังครับ ที่สำคัญก็คือกาลของยุคพระจักรพรรดิ์ ใกล้เข้ามามากแล้ว ครูบาอาจารย์ ท่านมาบอกบ่อยๆให้เร่งปฏิบัติกัน พระศรีฯใกล้จะลงมาทำหน้าที่พระจักรพรรดิ์ แล้ว คำว่า "ใกล้" นี้ ในโลกภายในนั้นหากเป็น 5-10 ปีมนุษย์นั้น ถือว่าน้อยมาก

    ที่ผมกำลังกังวลก็คือ กาลของพระจักรพรรดิ์ จะมาเร็วกว่าที่คิดมาก ครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ผมยังทำไม่เสร็จอีกมาก ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่าเมื่อกาลของพระจักรพรรดิ์ใกล้เข้ามา หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เทวดาเขาจะทำฤทธิ์ โลกจะปั่นป่วนเท่าที่จำได้ ท่านบอกว่า "ประเทศอเมริกาจะเป็นเกาะเป็นแก่ง" ยุโรปต่อไปก็จะหายนะอยู่ไม่ได้ ต้องมาพึ่งแผ่นดินไทย (ต่อไป ไทยกับลาวจะกลับมารวมกัน) ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น หายไป ฯลฯ และ ประเทศไทยจะดีได้ ก็ต่อเมื่อ "เกิดเหตุใหญ่" เสียก่อน การเมืองไทยคนจะฆ่ากันตายเป็นเบือ แต่ที่เป็นอยู่ทางภาคใต้ตอนนี้ คิดว่ายังไม่ใช่เหตุการณ์ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ เคยถามท่านว่า "ไม่ให้เกิดไม่ได้หรือ" ท่านว่า "ปู่ยีเว่าไว้แล้ว ปานพระเจ้าเว่า เปลี่ยนแปลงไม่ได้"

    หากใครสังเกตดีๆ ลมพายุนั้นคล้ายจักรหมุน หากใครเคยขี่จักรภายในจะเข้าใจว่าเป็นยังไง เท่าที่เห็นตอนนี้คือภายใน ปราบภายใน ก็ล้นออกมาภายนอก ใครมีกรรม เป็นเชื้อสายของพวกที่เขาปราบภายในก็จะได้รับผลกระทบ ถ้าจะไล่ลำดับ ก็ต้องไปตั้งต้นศึกษาระบบจิตวิญญาณที่หมุนเวียนอยู่บนโลกตั้งแต่ยุครามเกียรติ์แหละ

    เอาเป็นว่าพวกอิสลามคือเชื้อยักษ์พวกนึง ฝรั่งก็เชื้อยักษ์อีกพวกนึง ทางเอเชียก็เป็นพวกเทวดา นาค ฯลฯ รวมทั้งลูกผสมเชื้อยักษ์ก็มีเช่นกัน ศาสตร์วิชาการที่มนุษย์ใช้อยู่บนโลกปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นวิชาของพวกเชื้อยักษ์เป็นคนคิด (ยิวกับยักษ์ เป็นภาษาลัญญลักษณ์) สุดท้ายศาสตร์วิชาการที่มนุษย์เอามาใช้ก็จะทำลายเบียดเบียนมนุษย์กันเอง

    คุณเกษม :- ภาพรวมของภัยพิบัติทั้งหมด ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกว่าก็จะเกิดขึ้น เป็นไปตามเดิมที่เคยบอกไว้แล้ว ในโลกของท่านเวลาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที่ แต่เวลาในโลกมนุษย์นั้นจะเป็นเดือนๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านเมตตาให้คนที่เขากำลังเร่งปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา ที่มีบุญบารมีปริ่มๆที่อยู่ใกล้เส้นคั่นระหว่างจะได้อยู่หรือจะต้องล้มหายตายจากไป เขาได้มีโอกาสสั่งสมบุญบารมีให้ผ่านจุดนั้นไป ส่วนผู้ที่กำลังเตรียมการหาที่หลบภัยก็สามารถมีเวลาเตรียมการได้เพิ่มขึ้นอีกหน่อยนึง และผลกระทบของภัยพิบัติที่จะมีผลกับประเทศไทยนั้นท่านบอกว่า ก็เป็นแบบเดิมตามที่บอกไว้แล้ว ส่วนในระดับโลกก็มีผลกระทบตามที่เคยบอกไว้ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่บุญบารมีของบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆครับ

    ส่วนเรื่องพระจักรพรรดิ์นั้น การทำงานของท่านเหล่านั้นค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยเปิดเผยยกเว้นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนและกาลนึงท่านก็จะบอกเรื่องนึง กาลต่อมาก็จะบอกเรื่องต่อๆมา แต่การปรากฏตัวของพระจักรพรรดิ์นั้นท่านกล่าวเพียงกว้างๆว่า หลังจากภัยพิบัติไปแล้ว จะได้พบกับท่าน แต่ท่านไม่ได้บอกว่าหลังจากภัยพิบัติไปแล้วยาวนานเท่าใดท่านจึงจะปรากฏตัว แต่ก็มีคนเราพวกนึงที่จะมีหน้าที่รองรับบารมีพระจักรพรรดิ์แต่จะเป็นใครบ้างผมไม่ทราบ ในช่วงระยะนี้ผู้ที่เขาทราบและเข้าถึงพระจักรพรรดิ์จะเป็นการรู้เฉพาะตนและมักจะไม่เปิดเผยตัว เท่าที่ผมทราบส่วนใหญ่เป็นสายพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีมาแก่กล้าแต่ยังปกปิดตนเองอยู่เพื่อรอกาลเวลาทำหน้าที่ของตนเองครับ

    ที่มา https://palungjit.org/threads/การเตรียมตัว-เตรียมใจ-ไปสู่ยุคภัยพิบัติ.330377/page-102#post-6257817
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    978978978978978978978978978.jpg

    พยาทำ จะเร่งปฏิบัติ จะหาหยู
    หายาเสริม เม้มริมฝีปาก กับ
    ให้มั่น ตั้งสู้ จะได้จ้องดูตลอด
    ราตรี.....ก้ ดูตาซือหม่าตากือ
    ด้วย

    ตุ๊บ!ตาตา เป็น มีชัย วี.
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    THE PLANET X NIBIRU SYSTEM BEST EVIDENCE TO DATE 2019! ~ THE MAGNETIC POLES ARE SHIFTING!


    เผยแพร่เมื่อ 21 ก.พ. 2019

    THE PLANET X NIBIRU SYSTEM หลักฐานที่ดีที่สุดถึงวันที่ 2019! ~ เสาแม่เหล็กโลกกำลังเปลี่ยน!


    นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยทั้งสอง อ้างว่าการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นในปี พ. ศ. 2562 และกำลังดูอยู่อย่างใกล้ชิด เมื่อระบบดาวเคราะห์ x คืบคลานเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ของเรามากขึ้น ตอนนี้เราเริ่มเห็นหลักฐานที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าสิ่งต่างๆ กำลังเปลี่ยนแปลงบนโลกใบนี้ วิดีโอที่ถ่ายในรัสเซียเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมาการแสดงของนิบิรุมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่ามันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ของเรามากขึ้น

    ในเดือน มิถุนายน 2559 นักวิจัยค้นพบกระแสไอพ่นภายในแกนกลางของโลก ซึ่งสร้างสนามแม่เหล็ก จากการศึกษาเกี่ยวกับการค้นพบข้อมูลแสดงให้เห็นว่า มีการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กอย่างรุนแรงที่ละติจูดสูง ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของการแปรผันในระยะยาว ซึ่งเป็นสาเหตุให้คุณสมบัติแม่เหล็กของโลกเคลื่อนที่

    นักวิทยาศาสตร์กำลังแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้เครือข่ายทั่วโลกของหอสังเกตการณ์ภาคพื้นดินและดาวเทียมที่โคจรรอบโลก ก็กำลังวิเคราะห์ด้วยว่าสนามแม่เหล็กกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างไร

    หลายคนอ้างว่านี่อาจเป็นจุดกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กที่กำลังเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่มีความคิดเมื่อแสงจากกระแสเจ็ตแม่เหล็กปรากฏตัวครั้งแรกในท้องฟ้า หรือพวกเขาทำและเพียงแค่ไม่ต้องการแบ่งปันข้อมูลนั้นกับคุณและฉัน ....

    ด้วยข้อมูลใหม่นี้ อาจถึงเวลาที่จะใช้ Planet X และ Nibiru อย่างจริงจังมากขึ้น อาจถึงเวลาที่ต้องเตรียม แจ้งให้เราทราบสิ่งที่คุณคิด! เราต้องการทราบว่าคุณคิดอย่างไร!

    ชอบแบ่งปันและแสดงความคิดเห็น
    ขอบคุณสำหรับการรับชมไฟล์ WTF!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2019
  17. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    อะไรที่ใส่ความกันเกินความจริงก็ละเว้นเสียเถอะครับ แก่ ๆ กันแล้ว

    ส่วนไอ้ภัยพิบัติก็รีบ ๆ มาทีเถอะ เผื่อว่าผมจะได้ตายไว ๆ รอจนเงกละ คนที่ผมห่วงใยอย่าเป็นไรพอ

    แต่เราก็กำหนดไม่ได้นี่เนาะ = = ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย
     
  18. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    นิบิรุ ที่ถ่ายจากพื้นโลก ส่วนใหญ่ เป้นภาพที่เกิดจากเทกนิกการถ่ายภาพ ละ ขอให้สังเกตว่า ขนาดไม่เท่ากันด้วย เดี๋ยวเล็กเดียวใหญ่

    ส่วน ภาพถ่ายทางอวกาศ อันนี้ผมไม่รู้ ว่าจริงไม่จริง

    ต้องดูตำแหน่งที่เขาจับภาพได้ว่ามันอยู๋ไหน เทียบกับข่าวที่ว่าเขาถ่ายได้ที่พื้นโลกตรงไหน ขนาดเท่าไร ระยะใกล้ไกลโลกเพียงไหนอีกที

    ตามความเห็นของผมผมไม่เชื่อเรื่องนิบิรุนะครับ

    พวกฝรั่งเขาชอบสร้างข่าวลือขึ้นมาเพื่อหาประโยชน์จากเรื่องที่แต่งขึ้นกันมาก
    นับตั้งแต่เรื่อง ปิศาจล็อคเนส
    นักท่องเวลาที่ชื่อ จอห์นทิเตอร์

    เอาแค่ปลาช่อนบ้านเรา นักข่าวฝรั่งยัง เอาไปประโคมข่าวเสียน่ากลัวว่าเป็นมอนส์เตอร์ฟิช

    บางครั้งฝรั่งก็ขี้โกหกมากกว่าที่เราคิดนะครับ
     
  19. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    มิได้ยินหรือท่าน แก่กะโหลกกะลาช้างยิ้ม ทำอะไรดักดานซ้ำซากจนโดนเด็กมันถอนหงอกเข้าให้ บางเรื่องที่ไม่สมควรโพสก็โพส เอาคำทำนายเพ้อเจ้อมาโพสซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตัวเองกลายเป็นเฒ่าเลี้ยงแกะไปยังไม่รู้ตัวอีก

    พวกฝรั่งมันโรคจิตไงเห็นคนเชื่อและตื่นกลัวแล้วมันมีความสุข ก็เห็นเอามาเล่นหลายปีแล้วก็ยังมีคนโง่ขาดสติไปหลงเชื่ออีกจนได้ เกิดเป็นผู้วิเศษในเวปพลังจิตนี้ชีวิตลำบากนัก มาเพ้อเจ้อได้ไม่นานก็ต้องหาทางลงด้วยสารพัดวิธี เพราะไม่มีใครเขาเชื่อแล้ว คนเราเวลาเพ้อเจ้อพูดเยอะโพสเยอะมักจะหลงลืมในสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไป แต่คนฟังเขาจดจำได้แม่นยำ พอมาอีกทีนึงบอกว่าตัวเองไม่ได้โพส ไม่พูด แถไปได้อีกหน้าด้านมาก

    ท่านเห็นก็ปล่อยผ่านๆไปบ้าง ไม่ต้องไปติดตามอะไรแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามทำนายเพ้อเจ้อใดๆทั้งนั้น ถ้ามันมาจริง มันมานานแล้ว และมาโดยไม่มีใครได้รู้ตัวแม้แต่ผู้วิเศษ ถ้าคิดในมุมมองของการทำงานนะ จะทำงานกวาดล้างทั้งทีทำไมต้องมาแจ้งเตือนปัญญาอ่อนไร้สาระด้วย เสียเวลา งานก็ทำยากลำบากขึ้น
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ดร.สุวินัย อดีต อ.มธ แจงชัด พิธียัญดาวเป็นพิธีเสี่ยงทาย


    เผยแพร่เมื่อ 23 ก.พ. 2019
     

แชร์หน้านี้

Loading...