ที่สุดของศาสนาพุทธคือความว่างเปล่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 14 มีนาคม 2019.

  1. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    NEOWORLD..กราบธรรมที่ผมแสดงซะ อย่าอึ้งนาน!.
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    นี่มันลัทธิตั้งใหม่ชัดชัด
    ธรรมสากลต้องเป็นธรรมที่เปิดทางให้เลือก
    ตรงกับจริตได้บ้าง
    และหนทางพิจารณาวิปัสสนาก็มีพิจารณากาย
    หรือพิจารณาจิต
    คิอดูกายก็ได้ ดูจิตก็เข้าถึงการปล่อยวางจันธ์ 5
    ได้เช่นกัน
    หรือดูซากศพมนุษย์ก็ปล่อยวางขันธ์ 5
    ได้เหมือนกัน
    ทำไมต้องอย่างนี้เท่านั้น
    อย่างนั้นไม่ได้
    ไม่คำนึงถึงจริตนิสสัยบุคคล
    ของเก่าที่ติดมาแต่อดีตก็เอาต่อยอดได้
    ไม่ต้องนับ 1 ใหม่
    แต่ละคนมีขันธ์ 5 เหมือนกันแต่ธาตุมัน
    แตกต่างกันอยู่นะ
    สอนแบบลัทธิมันก็ขายไม่ออกจิฮับ
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ที่สุดของศาสนาพุทธคือความว่างเปล่า

    ขอค้านข้อความข้างบนนี้ต่อลุงแมวนะคะ ที่สุดแล้วมันคือ "ความว่าง" ค่ะ มิใช่ "ความว่างเปล่า"

    ถ้าเช่นนั้น "ความว่างที่มิใช่ความว่างเปล่า" มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

    พระยาองค์มิกราชากล่าวไว้ดังนี้ค่ะ ในสถานที่ใดก็ตามที่เจ้าไม่อาจสัมผัสรู้ดูเห็นสรรพสิ่งที่มีอัตตาได้ เจ้าอาจกล่าวว่าสถานที่แห่งนั้นมี "ความว่าง" แต่เจ้าจะด่วนเหมาสรุปเอาว่า "เป็นความว่างเปล่า" ไม่ได้

    คำว่า "ความว่าง" กับคำว่า "ความว่างเปล่า" สองคำนี้มีความหมายไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

    คำว่า "ความว่าง" หมายถึง ในสถานที่นั้น ๆ แม้ดูประหนึ่งว่า มิมีสรรพสิ่งใดดำรงอยู่ให้เจ้าสามารถสัมผัสรู้ดูเห็นได้
    แต่ในความจริงแล้ว ก็มิได้หมายความว่าในสถานที่แห่งนั้นจะไม่มีสรรพสิ่งใดดำรงอยู่เลย ก็ไม่ใช่

    ส่วนคำว่า "ความว่างเปล่า" หมายถึงว่า ในสถานที่แห่งนั้นจะต้องไม่มีสรรพสิ่งใดดำรงอยู่เลยแม้เพียงสักสิ่งเดียว

    ในสัจธรรมความเป็นจริงนั้น ไม่ว่าในเอกภพหรือในแดนสุญญตา สถานที่ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ คือ ว่างจนไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่เลยนั้นยังไม่มี

    จงอย่าเพิ่งเข้าใจผิดสับสนสงสัยว่า "สภาวะสุญญากาศ" ที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวถึงเสมอนั้น มีสภาวะเดียวกันกับ "ความว่างเปล่า" เพราะสภาวะสุญญากาศของเจ้ามันหมายความว่า เป็นสถานที่ ๆ ไม่มีอากาศ ไม่มีความชื้น ไม่มีฝุ่นละอองใด ๆ และ ไม่มีมวลของสรรพสิ่งใด ๆ ที่มีอัตตาหลงเหลืออยู่ในนั้นเลย ใช่หรือไม่?

    เหตุที่มันต่างกันและมิใช่สภาวะเดียวกัน เพราะว่าสภาวะแห่งสุญญากาศนั้นมันมิใช่ความว่างเปล่า เพราะในสภาวะสุญญากาศในมิติทางกายภาพของมนุษย์ มันยังมีคลื่นความถี่ทางพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กหลากหลายคลื่นความถี่ ซึ่งสองตาเหนื้อมองไม่เห็นเคลื่อนไหลไปมาอนู่ในนั้นอีกต่างหากด้วย เหตุนี้เอง สภาวะสุญญากาศ จึงมิใช่ความว่างเปล่าอย่างแท้จริงที่คิด มันเป็นได้แค่เพียงความว่างๆ ที่ยังคงมีบางสิ่งดำรงอยู่นั่นเอง

    หรือแม้แต่ในอณาเขตอันไพศาลของเอกภพที่มนุษย์ดำรงอยู่ หรือแม้แต่ในแดนสุญญตา ในพื้นที่ว่างโล่งที่เรียกกันว่า "อวกาศ" นั้น มันมิได้เป็นสถานที่ว่างเปล่าโดยไม่มีอะไรเลย แต่มันมีสนามพลังงาน ซึ่งเป็นระบบโครงข่ายขนาดใหญ่โยงใยถึงกันหมด "การสื่อสัมพันธ์" ระหว่างรูปธรรมและหลาย ๆ รูปธรรมในคราเดียวกันได้ก็เพราะเหตุนี้ หากไม่มีสนามพลังงานปรากฎการณ์ที่กล่าวจะเกิดขึ้นมิได้

    จงรับรู้ไว้เถิดว่า
    มิมีที่ใดในสนามเอกภพนี้จนแม้ในแดนสุญญตานอกระบบเอกภพ ที่จะว่างเปล่าไปจากสนามพลังงานอย่างสิ้นเชิงหรือว่าว่างเปล่าจนไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย ไม่มีค่ะ


     
  4. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    ตานี้ ลุงแมวจ่ายรอบวง...

    อิอิ
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    อวิชชา คือ การหลงมิติทางจิต จึงหมายถึง การที่มนุษย์เข้าใจผิดคิดว่า ทุกสรรพสิ่งในมิติทางกายภาพ ที่ตนสามารถสัมผัสรับรู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสด้วยกลไกทางใด ๆ ในรูปธรรมสังขารร่างกาย หรือ สัมผัสได้ด้วยสภาวะจิตเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดที่เกิดขี้นนั้นล้วนเป็น "ตัวตนที่แท้จริง" ทั้งสิ้น จึงเกิดการยึดติดในทุก ๆ สิ่งโดยไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคือ "มายา" ต่างหาก ค่ะ
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ถึงจะมีสรรพสิ่งที่เห็นที่จับต้องสัมผัสไ้ด้
    มันก็อยู่ใต้กฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    คือมีอยู่ชั่วคราวไม่สามารถทรงตัวเป็น
    อมตะได้ฮับ
    สุดท้ายมันต้องว่างเปล่าอยู่ในความว่าง
    จริงๆ
    โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ต้อง
    แตกสลายเช่นกันฮับ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    555 กำจริงๆ
    รู้งี้ไม่ตั้งกะมู้ว์นี้ดีกั่วฮับ
    กลัวตกม้าขาหักช่วยลุงแมวหน่อยฮับ
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ใช่ค่ะ สำหรับสมมุติบัญญัตืในโลกิยะธรรม ไม่มีสิ่งใดเป็นอมตะ ทุกอย่างล้วนต้องตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์

    แต่มีธรรมชาติหนึ่งที่รู้แจ้ง ธรรมชาตินั้นคือ สภาวะนิพพาน ตามคำตรัสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ ด้านล่างนี้ค่ะ

    แล้วธรรมชาตินั้น มีลักษณะเป็นแบบไหนกันค่ะ....

    ในเกวัฏฏสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ได้กล่าวถึงนิพพานว่าเป็น "ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใสโดยประการทั้งปวง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมนี้ อุปาทยรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมนี้ นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ พราะวิญญาณดับ นามและรูปย่อมดับ ไม่มีเหลือในธรรมชาติ ดังนี้ฯ" ( ที.สี.14/350 )


    ผู้รจนาคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ ได้พรรณนาคุณของนิพพานว่า ปทมจฺจุตฺ มจฺจนฺตํ อสงฺขตมนุตฺตรํ นิพฺพานมีติ ภาสนฺติ วานมุตฺตามเหสโย "พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้พ้นแล้วจากตัณหาเครื่องร้อยรัด ตรัสถึงสภาวะธรรมชาติหนึ่งที่เข้าถึงได้ เป็นธรรมชาติที่ไม่จุติ พ้นจากขันธ์ 5 ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใดๆ เลย หาสภาวะอื่นเปรียบเทียบไม่ได้ ว่าสภาวธรรมนั้นคือพระนิพพาน"

    นิพพานเป็นธรรมที่พ้นไปจากโลก ในพาหิยสูตร ความว่า "ดิน น้ำ ไฟ และลม ย่อมไม่หยั่งลงในนิพพานธาตุใด ในนิพพานธาตุนั้น ดาวทั้งหลายย่อมไม่สว่าง พระอาทิตย์ย่อมไม่ปรากฏ พระจันทร์ย่อมไม่สว่าง ความมืดย่อมไม่มี ก็เมื่อใดพราหมณ์ชื่อว่าเป็นมุนีเพราะรู้ ( สัจจะ 4 ) รู้แล้วด้วยตนเอง เมื่อนั้นพราหมณ์ย่อมหลุดพ้นแล้วจากรูปและอรูป จากความสุขและความทุกข์..." ( ขุ.ขุ.อ.25/50 )
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ดีออกค่ะ เราจะได้ช่วยกันหาความหมายที่แท้จริงกันอย่างไรดีล่ะค่ะ ผู้รู้ในบอร์ดนี้มีเยอะมากเลยค่ะ เพราะถ้าไม่ใช่ต้องมีคนค้านแบบหัวชนฝาแน่นอนค่ะ
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ถามท่านจิตยิ้ม
    ท่านพาหิยะบรรลุอรหันต์ก่อนบวชหรือฮับ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    องค์มิราชากล่าวไว้ว่า ดินแดนสุญญตา คือ อณาเขตที่เป็นบริเวณฉากดำนอกระบบเอกภพทั้งหมด จะเป็นสนามพลังงานคนละระบบกับสนามพลังงานในเอกภพค่ะ

    การหลุดพ้นไปจากโลก ก็คือ กลับคืนออกไปนอกระบบเอกภพ สู่แดนสุญญตา ซึ่งสภาวะดังกล่าวเรียกว่า นิพพาน หมายถึง ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในเอกภพอันไพศาลนี้อีกต่อไปแล้ว
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ธาตุรู้ที่เป็นความว่างมีอยู่ตัวคนทุกคนที่เรียกว่าใจ
    แต่ที่เข้าไม่ถึงใจก็เพราะอวิชชาบังอยู่
    จึงยึดและมัวเมาดำเนินอยู่กับสังขตธาตุขันธ์ 5
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    5555 จิตยิ้มมิกล้าบังอาจเปรียบเทียบกับท่านหรอกค่ะ

    แต่รู้มาว่า ท่านพาหิยะ เป็นพระองค์เดียวที่บรรลุพระอรหันต์ที่ไม่ได้ครองจีวร หรือบวชเอหิกภิกขุเหมือนคนอื่น ๆ ค่ะ พอฟังพระพุทธเจ้าเทศน์จบบรรบุพระอรหันต์ แล้วก็โดนโคขวิดตายก่อนที่จะได้ใส่ผ้าจีวรค่ะ

    เท่าที่ฟังคนอื่นกล่าว เห็นว่าบุรพกรรมท่านไม่เคยถวายจีวรในไว้ในพระพุทธศาสนาเลย ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่นะค่ะ จิตยิ้มยังไม่เคยได้เข้าไปท่านเรื่องของท่านในพระไตรปิฎก ได้แต่ฟังเขาเล่าให้ฟัง
     
  14. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    หลุดที่ใจ พ้นที่ใจ เป็นว่างเปล่าอยู่ใจ
    ไม่ได้ไปไหนเพราะความว่างของใจ
    เป็นหนึ่งเดียวธรรมธาตุจักรวาล
    หรือสุญญตา อันเดียวกันอยู่ที่ใจไม่เคลื่อนไปไหน
     
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    อ้อ... คับ
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ใช่ค่ะ ใจ ....ที่อยู่ในสมุติบัญญัติ ก็เรียกว่า ธาตุรู้ เพราะแยกออกมาทำหน้าที่อีกทีหนึ่งในการเป็นมนุษย์ จึงเรียกว่า ผู้รู้ (วิญญาณ หรือ วิญญาณขันธ์) และ เป็น ผู้รับ คือ ผัสสะจากอายตนะทั้งห้า รวมขันธ์ทั้งห้าทำงานร่วมกัน เรียกว่า "จิตใจ" ค่ะ

    ใจ นั่นแหล่ะค่ะ ที่เป็นตัวหลงมิติแห่งจิตเพราะว่ามีอวิชชา


    หากเราสามารถชนะใจตนเองได้ ใจนี้แหละค่ะที่จะทำให้หลุดพ้นไปได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่า มีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน ชำระจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์

    การที่จะชำระจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ได้ ก็ต้องอาศัย การรวม กาย จิต วิญญาณ ให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อเข้าถึงจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ เพื่อใช้สติปัญญาของจิตวิญญาณให้เกิดการกระทำที่ถูกต้องและดีงามค่ะ
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    หลุดพ้นที่ใจ คือ วิญญาณดับค่ะ นาม และรูป แยกออกจากกัน ก็เข้าสู่สภาวะเดิม ที่เป็นนามแก่นแท้ ที่หลวงปู่ดุลย์กล่าวว่า รวมเข้ากับจักรวาลเดิม นั่นเองค่ะ
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    _/\_
     
  19. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    ลุงแมว กลับนี่มาก่อน อย่าเพิ่งออกนอกจักรภพ

    ฮ่าๆๆๆ
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    พบแล้ว เจอแล้ว
    ยังไม่ได้เสวนากันเลย จะปล่อยลูกแมวไป
    ตามวาสนาหยอฮับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...