เป็นไปได้มั้ยว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงหนีพระญาติเพื่อออกบวช

เรามาร่วมแสดงความคิดเห็นกันโดยปราศจากอคตินะคะ
ในพุทธประวัติบอกว่าท่านมอมสุราคนทั้งพระราชวังและหนีออกบวชทิ้งพระชายาและบุตร เนื่องจากเห็นภัยของการเกิดแก่เจ็บตาย

แต่มันเป็นไปได้มั้ยว่าเป็นเรื่องแต่ง คือเรื่องราวก้อล่วงมานานแล้วเป็นพันปี โดยส่วนตัวคิดว่าท่านไม่มีความจำเป็นต้องหนีหรือทิ้งมาโดยไม่บอก แต่ส่วนตัวกลับคิดว่า ท่านน่าจะเตรียมการณ์และร่ำลา เพื่อไปค้นพบสัจธรรมบางอย่าง และมาสอนโปรดพระญาติภายหลัง

...

 

Tแล้วพระองค์ทิ้งใครบ้างละก็เห็นเป็นพระอริยะสาวกทุกพระองค์นี่

 

ประวัติเวอร์เกินความจริง ของยังงี้ต้องลองลงมือปฏิบัติเองรู้เอง แน่นอนกว่า

 

คุณ "บ้องแบ๊ว" ครับ
ที่คุณเขียนไว้ว่า
ในพุทธประวัติบอกว่าท่านมอมสุราคนทั้งพระราชวัง...
ผมยังไม่เคยเห็นรายละเอียดนี้น่ะครับ
พอจะบอกได้ไหมครับว่า
"พุทธประวัติ" ที่คุณได้อ่านมานั้น เป็นของท่านผู้ใดแต่งไว้ โดยสำนักพิมพ์ใด
ผมจะได้รีบไปซื้อหามาอ่านบ้างครับ
ขอขอบคุณมาก

 

วิถีของกษัตริย์ก็ดี
วิถีของพระโพธิสัตว์ก็ดี
วิถีของพระอริยสงฆ์ก็ดี
วิถีของพระพุทธเจ้ายิ่งหนักเลย
ปุถุชนจะไปวิเคราะห์แยกแยะอย่างไร
ก็ไม่ตรงความจริงได้หรอกฮับ
สิ่งที่ท่านถ่ายทอดให้ประพฤติปฏิบัติ
ย่อมเป็นสิ่งที่น่าน้อมนำใส่ใจ
มากกว่าสิ่งอื่นๆ ฮับ

 

มารับไป 5 บาท ครับ ตอบได้ถูกใจ

ปล. บางสิ่งที่กล่าวถึง อาจเป็นเพียงอุปมา หรือการหยิบยกมา เพื่อ อนุมานว่า สมมุติว่า แบบนั้น ให้เข้าใจ

อิอิ

 

โหว... งุงแมวคิดตั้งนานมีราคา 5 เองฮับ

 

5บาท ทองเป่า

 

โอ้ว ซาร่า คุณกำลังมีปัญหากับคำถามของคุณใช่มั๊ย

ศิษย์โง่ channel ขอนำเสนอ แอ๊บโดมิไนเซอร์

โพธิราชกุมารสูตร

[๓๒๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ราชกุมาร ก่อนการตรัสรู้ แม้อาตมภาพ
ยังเป็นโพธิสัตว์ ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ‘บุคคลจะไม่ประสบความสุข
ด้วยความสุข แต่บุคคลจะประสบความสุขได้ด้วยความทุกข์เท่านั้น’ ในกาลต่อมา
อาตมภาพยังหนุ่มแน่น แข็งแรง มีเกศาดำสนิท อยู่ในปฐมวัย เมื่อพระราชมารดา
และพระราชบิดาไม่ทรงปรารถนาจะให้ผนวช มีพระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร
ทรงกันแสงอยู่ จึงโกนผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกจากวังบวชเป็น
บรรพชิต



ถ้าคุณรีบอ่าน ภายใน 10 นาทีนี้
คุณจะได้รับ พระไตรเพิ่มอีก 45 เล่มฟรีทันที
แค่คลิกไปเรื่อย ๆ
เท่านั้นยังไม่พอ!!
หากคุณเพลิดเพลินในการอ่านพระไตร
จะทลายความรู้ผิด ๆ ตั้งแต่เกิดได้หลายข้อเลยทีเดียว

รีบเลย เพียงคุณติดต่อไปที่

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=13&siri=35



ศิษย์โง่ Channel

Choose wisely (เลือกในสิ่งฉลาดให้ตัว)

live welllll (แหล่มเบยยยย)

 

อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ถ้าเราไม่พ้น คนอื่นก็พ้นไม่ได้ แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการทำให้คนอื่นรู้ทุกข์แม้เราจะเห็นทุกข์แล้วนั้นแต่เขาก็ใช่ว่าจะเห็นได้เท่าเทียมเช่นเดียวกัน เป็นที่มาของการได้ระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระศาสดา

 

มารดา แปลว่า ผู้ให้กำเนิด

คิดแบบอนุบาล
มารดาพระพุทธเจ้าตายตั้งแต่ท่านอายุยังน้อย!!
แล้วมายืนร้องให้ได้อย่างไร!!

ความวิบัติของคำในตำรา
แม่=มารดา
แม่เลี้ยง=?

.........

 

ก่อนเข้าอนุบาล เราอ่านหนังสือไม่ออก
พอถึงป.1 ก็อ่านหนังสือได้ ตอนเด็กผมฆ่าสัตวอย่างสะใจ ตอนนนี้ แม้ยุงสักตัวยังไม่ค่อยอบากจะตบ

คนเรามันไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรม หรือปฏิบัติดีงามมาตั้งแต่ไม่รู้ความยันโตหรอกครับ

เจ้าชายสิตธัตถะท่านไม่ได้รู้หรอก ว่าพอตรัสรู้แล้วท่านจะเป็นอย่างไร
สิ่งที่เจ้าชายท่านทำ ก็คือพยายามหาคำตอบท่ามกลางความไม่รู้

จนในที่สุดก็บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ


พระพุทธเจ้า ท่านค้นพบวิธีที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากวัฏสงสาร และเอามาสั่งสอนคน นั่นต่างหากที่สำคัญ

 

ความคิดครับ แค่คิดแบบทั่วไปใช้เหตุผลประกอบ
ไม่ต้องแบบวิชาการ

 

เรียกลุงแมวตั้งนาน กว่าจะมาโชว์สกิล

อิอิ

 

คนไทยมักจะยึดติดมุมมองที่ว่า คนดีก็ต้งดีตลอด คนชั่วก็ต้องชั่วตลอด อยู่ในส่วนลึกของจิตใจน่ะครับ

ผมไม่ได้ใช้หลักวิชาการอะไรหรอก

แค่เอาหลักธรรมชาติมาพิจารณา​

 

ก็นั้นสิ แค่เอาหลักทั่วไป

มารดา แปลว่า ผู้ให้กำเนิด..

 

มองโลกในแง่ดีหน่อย อาจจะเป็นแค่ความบกพร่องในการ แปล/ถ่ายทอด คัดลอกภาษา ละมั้งครับ

 

มันน่าคิดนะ
ที่ท่านศิษย์โง่ยกพระสูตรมา..

มันคิดได้หลายแง่..หลายมุม..

แล้วมันมีผลของการตีความ..

 

คับคับ งุงแมวต้องรีบมาชิงซีน
โชว์ตัดหน้าศิษยํฯ V.หลายเวอร์ชั่นฮับ
..... จริงๆ สภาวะความเป็นพุทธะ การรู้ความ
จริงตามธรรมชาติมีอยู่ในตัวมนุษย์
ทุกคนแหล่ะ
แต่สิ่งที่บดบังไม่ให้เข้าถึงใจหรือ
ธาตุรู้
อันบริสุทธิ์ภายในตัว
ก็คือกิเลส 3 นั่นแหล่ะฮับ
จะเรียกอวิชชาโดยเฉพาะถ้าบดบังไม่ให้เข้าใจ
รูปขันธ์1 นามขันธ์ 4
ต่อเมื่อถ้าเข้าใจรูปขันธ์ นามขันธ์ได้ถูกต้อง
ชัดเจน(โดยการฟังธรรม ซ้ำๆ บ่อยๆ)
กิเลสก็ครอบงำไม่ได้ อวิชชาก็จะ
สลายไป
เหลือแต่รูปนามขันธ์ 5 ที่ทำหน้าที่ไป
เก้อๆ
เพราะไม่สามารถมาปรุงแต่งจิต
ให้กระเพื่อมหรือไหล
ตามต่อไปไม่ได้อีก
แค่นี้ก็ไม่มีอะไรต้องถกต้องเถียงกันฮับ
แค่นี้ก็จะดำรงอยู่กับความรู้โดย
ที่ผู้รู้ก็ไม่มีตัวมีตน
ภายใต้รูปนามขันธ์ 5 ที่เคลื่อนไหวไปแบบ
เก้อๆ
สิ้นยึดเพราะเข้าใจ และ
สิ้นทุกข์เพราะสิ้นยึด
นี่คือที่สุดของการโชว์ในแมทช์นี้ฮับ
แถมนิดฮับ สิ้นทุกข์ก็สิ้นถกด้วยฮับ

 

อ้อ... มีถกก็มีแถ
มีเถียงก็มีทุกข์
ชัดเจนลงใจในรูปนามขันธ์ 5 ก็สิ้นยึด
เมื่อสิ้นยึดก็สิ้นถก
แลก็ถึงสิ้นทุกข์