พระบูชาที่บ้าน และแบบ แขวนคอ จากผู้สร้างเดียวกัน พิธีเดียวกัน จะมีพลังเท่ากันหรือเปล่าครับ

อ่อ เรื่องนี้ ขอแยกนอกประเด็นมาก่องไปกินน้ำ

ก็เพราะยัง ไม่ละ สีลพปรามาส ยังไม่มีปัญญา(เห็นธาต ๆลๆ)
ได้ฌาน ก็จิง แต่ปัญญาจะไป มัคสมังคี ไม่มี

แปป ๆ 2 นาที

 

เรื่องนี้ ต้องอิงไปถึง ประมาณ 2 -3 พระสูตร
(พูดตามหลักฐานฮับ)

สูตรแรก คือ มหานามะสูตร
(ลุงปราบอยากให้อ้างอิงมะ ถ้าอยากผมต้องไปค้นก่อง)
คือท่าน มหานามะ ผู้เป็นโสดาบัน
ท่านถามว่า ทำไม ท่านยังมี โลภะ โทสะ โมหะอยู่
พจ ท่านตอบกลับ เพราะว่าเจ้า ยังอยู่ครองเรือน
บริโภคกาม ถ้าเจ้ารีกเร้น การบริโภคกาม
"เจ้าจะเป็นผู้ไม่กลับมา"
(คำพูดไม่เป๊ะ ๆ นะฮับ แต่ประมาณนี้แน่นวล)

อีกสูตร ตรัสตรง ๆเลย เด๋วขอเวลาไปหาแปป
หายากหน่อย ท่านตรัสว่า
ถ้าโสดา ได้ฌาน ก่อนกระทำกาละ(ตาย)
"จะเป็นผู้ไม่กลับมา"
(โสดาเร่งความเพียร เลิกเสพกาม และอยู่อย่างประมาท)


จบวรรคแรก เหนื่อยแป๊ป ๆ เด๋วต่อ วรรคสอง - -"

 

คือ สรุป วรรค สอง สำหรับคนไม่เข้าใจ

โสดาเนี่ย ถ้าเลิกชิล ๆ เสพกาม เมื่อไร
เร่งความเพียร ทำฌาน ปุ๊ป
ขยับชั้น บรรลุขึ้นไปอย่างรวดเร็วแน่นวล
(ตัวอย่างพระเถระ ชื่อดัง ก็มีเยอะในพระไตร)

และยิ่ง ถึงฌาน 4 มีอุปกิเลสอ่อนควรแก่งาน
ปัญญา ที่มีอยู่ก่อน บวกกับ อุปกิเลสอ่อนควรแก่งาน
ทำให้ท่าน ถึง อนาคามี หรือ อรหันตผล ได้ในเด๋วนั้นเลย
(อุปกิเลสอ่อน ก็แถมฤทธิ เข้ามาด้วย)

ส่วนคำว่าเป็นผู้ไม่กลับมา
คือท่านไปอยู่ สุทธาวาส อนาคามีครับ.....

ถ้าได้ฌาน ก่อนตาย

ส่วนโสดา ที่ไม่เร่งความเพียร
อินทรีย์อ่อน ก็ตามนั้น
มี 3 ประเภท

สกิทาคามี ก็ตามอำนาจกรรม
ได้ไปอยู่ เทวดาอีกคราวเดียว

เราอาจจะคิดว่า เป็นมนุษย์คราวเดียว
แบบเอกพีซี ไม่ดีกว่าเหรอ แค่ร้อยปี
ก็จบกิจแล้ว

นั่นคือปัญญา แบบที่เรามี และมองไป
แต่การไปเกิดที่ภพไหน เป็นเรื่องของกรรม


จะเขียนอะไรต่อหว่า....... นึกไม่ออก

งั้นพักแค่นี้ก่อง ใครไม่เก็ท ก็ไม่รู้จะว่าไงละ... - -"

 

ไปนอนได้ เด็กโง่ 555

 

ขอบคุณทุกคำตอบครับ

เรื่องนี้เป็นส่วนของอภิญญา ไม่เกี่ยวกับอริยสัจ4 เลย ก็ถาม-ตอบ กันในหมวดอภิญญา สมาธิ ก็นับว่าถูกกาลเทศะ แล้วครับ

ถามเพิ่มเติมนะครับ ว่า

ถ้าพิธีเดียวกัน ผู้สร้างเดียวกัน ขนาดองค์พระเท่ากัน ต่างกันที่เนื้อ เช่น เนื้อทองเหลือง เนื้อเงิน จะสามารถกักเก็บพลังงานได้เท่ากันมั้ยครับ

 

การเก็บกักพลังงาน คนละส่วนกับเนื้อวัตถุนะครับ
แยกให้ดีๆนะครับ.
พลังงานเป็นนามธรรม ทางวิทย์คือ อนุภาคที่เป็นสื่อ
นำแรง ซึ่ง มีเอกลักษณะเฉพาะ
ตนคือ ไม่อิงพื้นที่ ดังนั้นพื้นที่ และขนาด
จึงไม่เกี่ยว พอนึกออกไหมครับ
คือ มันไม่มีระยะทาง นั่นเอง

และสามารถรวมกันอยู่ได้
และมันแทรกอยู่ใน อนุภาคที่เป็นองค์ประกอบสะสาร
อยู่แล้ว (พวกวัตถุต่างๆ ที่เรามองเห็นรวมๆเป็นชิ้นๆนั้นประกอบด้วย อนุภาคที่เป็นองค์ประกอบสะสาร กับ
อนุภาคที่เป็นสื่อนำแรง เป็นเรื่องปกติ)
จะเป็นแรงต่างๆ เป็นล้านๆแรงก็ได้
เหมือนเคยที่ได้ยกตัวอย่างเปรียบไปว่า
เหมือนเราเอา ปากกา พันแท่ง
มารวมกัน มันก็จะยังเป็นปากกาแท่งเดียวครับ
นี่เป็นเอกลักษณ์ของอนุภาคที่เป็นสื่อนำแรงครับ
ถ้าองค์ประกอบสะสารคือ มันแทนที่กันไม่ได้
ปากกาพันแท่ง เราจะเห็นเป็นพันแท่งครับ


ส่วนเนื้อของวัตถุหรือวัสดุที่ใช้ทำนั้น จะเกี่ยวข้องในเรื่อง
คุณสมบัติในการนำกระแสที่แตกต่างกันครับ
เนื้อทองคำ ทองแดง ทองเหลือง พวกนี้
มีคุณสมบัติในการนำกระแสที่ดีกว่า เนื้ออื่นๆครับ

เปรียบให้เห็นภาพ สมมุติแรงเป็น รถยนต์
เนื้อวัสดุ เป็นถนน พวกทองแดง ทองเหลือง ทองคำ
ก็เหมือน ถนนทางด่วน ซุบเปอร์ไฮเวย์
วัสดุอื่นๆก็เปรียบกับ ถนนแอทฟัลติก(ลาดยาง)
หรือเหมือนถนนลูกรัง ถนนมีหลุมมีบ่อ
การทำความเร็วเลยแตกต่างกัน.

พอมองภาพออกนะครับ



ทิ้งท้าย ฟังหูไว้หู เพื่ออนาคตใครต้องการที่จะทราบ
ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไม่ถามใคร
การจะเข้าถึงในเรื่องของต้นพลังงาน
ในทางปฏิบัติ จิตจะต้องเข้าถึง อากาศธาตุให้ได้ก่อน
เป็นอย่างน้อย ก็คือในขณะที่เข้าถึง จิตจะต้องทิ้งกายขาด
ไม่ส่งผลอะไรต่อกายในขณะนั้น แล้วเกิดเป็นพลังงาน
ที่ออกจากจิตไปภายนอก

แล้วอาศัย การสังเกตุเอกลักษณ์
ต่างๆของพลังงานว่า เป็นอย่างไร.
ให้ออก ซึ่งจะต้องอาศัย
ความรู้ทางด้านจักระเข้ามาเพิ่มเติมร่วมด้วย
ทั้ง ๒ ส่วนนี้ขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้
ร่วมกับ ตัวจิตที่พอมีภูมิต้านทาน พลังงานภายใน
ภายนอกต่างๆเหล่านี้ ซึ่งควรจะมาหลังจากที่ได้
เจริญสติและเดินปัญญาไปแล้วระยะหนึ่ง
ไม่งั้น จะแยกแยะไม่ออก และพลังงานจะย้อนเข้ามา
รวมกับธาตุในร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดการพร่อง
จนเป็นสาเหตุของการ เจ็บป่วยต่างๆได้อย่างไม่รู้ตัวครับ
ด้วยหลักการนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปถูกต้องกับวัตถุ
ซึ่งการถูกหรือจับต้องกับวัตถุอยู่ ถือว่า ไปปลอดภัย

อีกวิธีการหนึ่ง ขอบารมีพระฯ ถามพระฯ
เป็นวิธีการ ในสายทางอดีต ลพ.มีชื่อในอดีต ที่อุทัยฯ
จะถนัดกันเป็นพิเศษครับ

แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง

 

การปฏิบัติธรรม
ยิ่งทำให้ใจอ่อนน้อม
ไม่แข้งกระด้าง
อนึ่ง

ผู้บรรลุแล้ว ไม่ได้ปฏิเสธสมมติ
ไม่ได้ปฏิเสธโลก บุญมีบาปมี พ่อแม่มี

ตัวอย่างพระไรจำบ่ได้
ที่ให้พยามารแปลงกายเป็นพุทธเจ้าให้ดู
มารเตือน
พอผมแปลงกายแล้วท่านอย่าไหว้นายด
พอเอาเข้าจริงกราบแทบพระบาท

ถ้ายังปฏิเสธอยู่ ไม่ใช่
ถ้าสมมติยัง
เคารพบ่ได้แบบเกษมครองสิบ
ไม่ต้องไปอ้างปรมัต คนละโลก
อีกไกลโข
มานะ กัดกบาลไม่รู้ตัว
นะ
ถ้าใจละเอียด
ไม่ต้องถึงกับพยามาร
พระเก๊ พระตู๊ดเต๋อ
กรุแตก ยังกราบได้สนิทแทบพระบาทศาสดา
จบ
ปล.ตัวอย่างปัจจุบัน ก็ครูบาเจ้าลำปางมั้ง หรือหลวงปู่มั่นนี่แหละ จำไม่ได้ ท่านเห็นกระดาษมีตัวหนังสือไม่ได้ ท่านว่าอักษรนั้นบันทึกคำสั่งสอนของพุทธเจ้า ไม่ควรอยู่ที่ต่ำ นะ ใจท่านละเอียดขนาดนั้น...

 

วัตถุ มวล สารมีความต่าง มีพลังงานในตัวเอง

เหมือนรถนะครับ

รถบัส รถสปอร์ต รถกะบะ รถเก๋ง

ยังแยกย่อยไปอีก คือ ออฟชั่นของรถ ไปจนฟูลออฟชั่น

สรุปย่อลง คือ เป็นรถที่ไปส่งได้ถึงจุดหมาย

 

พระอุปคุต

 

คงงั้นมั้ง

เขาว่าท่านอยู่ที่สะดือทะเล
พี่ปราบไปหาท่านสิ

 

ไปไม่เป็น แหะๆ ก็ระลึกเอา กะพอเน๊าะ

 

คุยกับลุงปราบไปหลายย่อหน้า

ถ้าลุงขาแจม อ่านแล้วจับใจความได้แค่นี้
แล้วสรุปความตามใจฉัน ไม่ได้เข้าใจพ้อยท์ที่ผู้สื่อจะบอก

กราบเท้าลา ไปไหว้พระประธานที่พุทธมณฑล ดีฝ่า

ไม่ลงอธิบายความซ้ำสอง
คำกล่าว มันกระทบความเชื่อบุคคลหมู่มาก
กล่าวรอบเดียว กับ บุรุษที่อยากเสวนาด้วย
พอ...

จบติ๊ง

 

ถกธรรม มันร้อนยังกะไฟเออร์

พรุ่งนี้บอลเตะ มีคู่ ไฟรเดย์ไนท์
ประเดิม หลังจากหยุดสงกรานต์

ไปหาความหรรษา จากเกมส์กีฬา
โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันดีฝ่าาา


กราบสวัสดี ชาวโลก
เจอกันเมื่อชาติต้องการ

 

เก็บดาบฟันวิญญาณไปด้วยเดี๋ยวลืม
ของมันแพง555

 

มันเป็นวิถีของซุปตาร์ฮับ
เปิดตัวมากไม่ดี เด๋วค่าตัวตก

ผู้จัดการส่วนตัวให้เข้ามาทักทายแฟนๆ
ช่วงสงกรานต์ ก่อนจะเก็บตัว
เตรียมทำซิงเกิ้งตัวต่อไปฮับ

เป็นซุปตาร์มันก็เหนื่อยงี้อะฮับ
มีคนจ้องกดสยองให้เยอะ


พี่เบริด รักทุกโคนนน
\^O^/…../^O^/……\^O^\….|^O^|…….

 

สิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดจากการพุทธาภิเษกคือ เจตนา ความตั้งใจ และความเชื่อมั่น ท่านนั่งปรกแผ่กระแสก็ด้วยความเชื่อมั่น ที่กระตุ้นให้ควรระลึก เดิมทีไม่มีการสร้างอะไร หลวงปู่หลายท่านก็ไม่ประสงค์แต่เพราะที่ต้องทำเพราะด้วยเมตตาสร้างเพื่ออย่างน้อยได้ระลึก ความดีของท่านทั้งหลาย นั่นแหละเรียกพระรัตนตรัย แต่ว่าแรงหรือพลังของการระลึกที่เกิดจากเราอาจหนักในทางพุทธะฝังก็ได้ธัมมังก็ได้หรือสังฆังก็ได้ นั่นเปรียบเหมือนสตาร์ทเตอร์ หรือตัวจุดประกายถ้ามองเห็น แต่ยังไงก็เถียงไม่ได้ว่าเมื่อมีภัยบารมีนั้นก็จะปกปักษ์รักษา จึงขึ้นอยู่กับความตั้งใจของหลวงปู่หลวงตาท่าน ว่าท่านเมตตาต่อเราทั้งหลายในด้านใด สุดแล้วแต่ท่าน แต่เราจะต้องระลึกถึงความดีของพระรัตนตรัยนั้นด้วย พลังมี่ว่าจึงจะสอดคล้องและปกป้องอาจถึงระดับอณูเลยทีเดียวก็ได้

 

ไม่เหมือนกันหรอกครับ

ขึ้นอยู่กับพิธี พุทธาภิเษก ในพิธี ว่าพระท่านสงเคราะห์ด่านไหน

ผู้สร้างเดียวกัน พิธีเดียวกัน วัตถุเหมือนเดียวกัน แตกต่างกันที่องค์เล็ก ใหญ่ ถ้าอย่างนี้ พุทธคุณเหมือนกัน ครับ แต่ที่แตกต่างคือ เทวดา ที่รับหน้าที่ดูแลองค์นั้นๆ ที่ไม่เหมือนกัน

กำลังพุทธคุณเท่ากัน แต่ ผู้ใช้ผู้รับ แตกต่างกัน ก็รับได้น้อย มาก แตกต่างกันไป

 

แตกต่างกัน

ถาม : ถ้าจัดอันดับเนื้อโลหะที่สามารถรับพลังตอนพุทธาภิเษกจากมากไปน้อย คือ เนื้อทองคำ เนื้อนาก เนื้อเงิน เนื้อทองแดง แต่ถ้าเป็นเนื้อเรซิ่นจะได้รับพลังบ้างไหมครับ ?
ตอบ : ดูท่าจะเรียงอันดับผิด ถ้าทองคำก็ต้องมาเป็นตะกั่ว วัตถุทุกชนิดสามารถรับพลังงานจากการพุทธาภิเษกได้ทั้งนั้น แต่ที่บอกว่าได้มากน้อยต่างกันนั้น เปรียบเหมือนภาชนะที่บรรจุน้ำ วัตถุบางอย่างเหมือนกับภาชนะใหญ่บรรจุน้ำได้มาก บางอย่างภาชนะเล็กบรรจุน้ำได้น้อย แต่ปริมาณต่ำสุดนั้นมีอยู่ เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องกังวล ถึงจะแย่ขนาดไหนก็ตาม ก็จะมีระดับเต็มที่ของเขาอยู่แล้ว
__________________
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4878

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในจำนวนโลหะทั้งหมด ชินกับทองคำรับพลังงานได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลโบราณส่วนใหญ่จะใช้เนื้อชิน เพราะว่าหาง่าย ราคาไม่สูง
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6565

 

โลหะสีต่างๆ ที่ใช้สร้างพระ ให้คิดถึงการตลาดด้วยนะคะ ความนิยม ความสวย กำลังเงินคนซื้อ เพื่อนปวีที่ส่องพระขายเคยบอก ถ้าสีทองเหลืองจะนิยมสุด แพงสุด

พระจะขลังอยู่ที่เทวดารักษาองค์พระด้วย พลังจิตพระที่สร้าง มวลสารที่ใช้สร้าง การสวดมนต์ไหว้พระ ถือศีลของเราด้วย

บ้านปวี มีพระเก่ามากๆ ที่ตกทอดมากจากรุ่นปู่ ทำจากไม้ กะงาช้างเก่าๆ ขลังกว่าพระโลหะสีต่างๆ บนโต๊ะหมู่เลย

 

พุทธคุณครอบคลุมทุกด้าน ที่ว่าเด่นกว่ากันเพราะจับแล้วสัมผัสได้พลังทางนี้ก่อน

องค์ใหญ่กว่าส่งพลังได้มากกว่า วัสดุแต่ละชนิดนั้นส่งพลังได้ไม่เท่ากัน นิยมสัตตโลหะ

แต่ก็ขึ้นกับผู้รับว่าสามารถตั้งสมาธิดึงพลังออกมาใช้มากแค่ไหนนั่นเอง