มงคลวัตถุ สิริแห่งชีวิต ที่สุดแห่งศรัทธา : รูปถ่ายนิโรธสมาบัติ มหาจักร มหาสังข์ โคนนทสูร

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย studio214, 19 กรกฎาคม 2015.

  1. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 008 พระขรรค์ปราบมาร เนื้อลูกแก้ว หลวงปู่ไม อินทสิริ 5.5 ซม
    บูชา บาท รวมจัดส่ง --จอง--

    Screen Shot 2562-04-20 at 9.21.44 PM.png 20190302_213043.jpg 20190302_213113.jpg 20190302_213206.jpg 231296.LINE.jpg


    พระขรรค์ปราบมาร หลวงปู่ไม อินทสิริ เนื้อลูกแก้ว ขนาด 5.5 cm จำนวนการสร้าง 500 เล่ม อักขระยันต์คาถาโมรปริตร ตามแบบฉบับของพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น หลวงปู่ไมอธิษฐานจิต 1 มีนาคม 2561 วันมาฆบูชา


    เนื้อลูกแก้วเป็นเนื้อที่มีโลหะผสมกันหลายอย่าง ทั้ง ทอง เงิน ทองแดงเถื่อน พลวง ชิน ฯลฯ เป็นต้น เชื่อว่าสามารถเปลี่ยนสีตามโชควาสนาของเจ้าของ ถ้าวาสนาดีสีของโลหะลูกแก้วก็จะสุกใส แต่ถ้ามีเคราะห์ก็จะกลายเป็นหม่นหมองไป ข้อควรระวังคือเนื้อนี้จะมีความเปราะกว่าโลหะธรรมดาจึงควรระวังไม่ให้หล่นหรือกระแทกแบบแรงๆ

    หลวงปู่ไม อินทสิริ พ่อแม่ครูอาจารย์สายพระอุปคุต วัตถุมงคลของหลวงปู่มีพุทธคุณทั้งเมตตาและมหาปราบ ดังเช่นบารมีแห่งองค์พระอุปคุต คือทั้งมหาลาภ และ ทรงฤทธิ์ปราบมาร ประสบการณ์เรื่องกันผี ไล่ผี มีอยู่มากมาย สมัยก่อนท่านว่า หากผีเข้าให้นำรูปถ่ายท่านอธิษฐาน ใช้ไล่ผีได้


    ประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดนั้นก็มีอยูมากมาย เมื่อเสร็จจากเทศนาแล้วหากมีเวลา หลวงปู่มักจะเล่าเรื่องที่ลูกศิษย์ที่ห้อยเหรียญท่านแล้วแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุให้ฟังอยู่หลายครั้ง

    เรื่องเกี่ยวกับองค์ หลวงปู่ไม อินทสิริ จากกระทู้
    (หลวงปู่ไม อินทสิริ ลูกศิษย์พระอุปคุต-ทายาทธรรมหลวงปู่มั่น)
    - ท่านเป็นทายาทธรรมหลวงปู่มั่น(ลูกศิษย์หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ) เป็นสหธรรมมิกกับพระอาจารย์ประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ และเป็นลูกศิษย์สายพระอุปคุตอีกรูป ที่ยังเหลืออยู่ ในปัจจุบันนี้ (อดีตชาติท่านเคยเกิดเป็นลูกศิษย์พระอุปคุต)
    - มีทหารชอบนำเหรียญท่านไปลองยิง แล้วยิงไม่ออก
    - ท่านได้หูทิพตาทิพย์ตั้งแต่สมัยยังเป็นสามเณร
    - ท่านเคยกล่าวว่า "ที่ไหนผีดุ ให้นำรูปท่านไปติดไว้"
    - ท่านเคยไปปราบปอบที่ออกอาละวาดแถบศรีษะเกษ โดยใช้จิตผูกไว้ แล้วเทศน์ทรมานสั่งสอน จนปอบพวกนั้นมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
    - คนที่โดนผีเข้า นำพระของท่านไปคล้องคอ ผีออกทุกราย
    - มีเด็กชาวบ้าน ห้อยพระของท่าน โดนรถชนกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร แต่ไม่เป็นอะไรเลย
    - มีเด็กชาวบ้านหลายราย ห้อยพระของท่าน ตกน้ำไป ไม่จม
    - มีคนบูชาเกศาของท่าน แปรสภาพเป็นพระธาตุแล้ว


    หลวงตาสมหมายกับหลวงตาไม
    "ของหลวงตาไมมีรัศมีแสงออกมาเป็นเจ็ดสี"
    หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไมในงานพุทธาภิเศกที่กรุงเทพท่านได้รับนิมนต์ไปด้วยกัน แล้วหลวงตาเข้าสมาธิอธิฐานจิตเห็นแสงจากหลวงตาไมมากองวัตถุมงคล ลูกศิษย์ถามถึงองค์อื่นที่มาในงานว่าเป็นไงท่านก็ไม่ตอบ ถามว่าของหลวงตาละเป็นไง หลวงตาก็ยิ้ม
    "สมัยนี้ที่สามารถเห็น ผี เห็นเทวดาพวกกายละเอียด ได้จริงๆมีไม่มากอุปทานกันเป็นส่วนมาก แต่ที่เห็นได้จริงๆก็มีหลวงตาไมนี้ละ" หลวงตาสมหมายกล่าวถึงหลวงตาไม ถึงเรื่องเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น

    ขอบคุณที่มา: จากกระทู้ ช้างเผือกในป่าอีสาน อภิญญาหลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส อุดรธานี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2019
  2. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 009 ปรอทเพชรดำ หลวงปู่ดำ สำนักสงฆ์สวนสมุนไพรเขาเกลือ จ.จันทบุรี
    บูชา บาท รวมจัดส่ง --จอง--

    Screen Shot 2562-04-22 at 11.40.41 PM.png
    20190408_211334_resized.jpg 20190408_210925_resized.jpg 20190408_210940_resized.jpg 20190408_211502_resized.jpg 20190421_121934.jpg Screen Shot 2562-04-23 at 12.11.23 AM.png

    หลวงปู่ดำ สำนักสงฆ์สวนสมุนไพรเขาเกลือ ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

    ปรอทเพชรตำรับของหลวงปู่ลือ หลวงปู่ดำท่านเรียนมาจากหลวงปู่ลือโดยตรง ปรอทเพชรสร้างยากหลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตนานและเขาพิธีถึง 5 พิธี

    มีส่วนผสมของปรอทหลวงปู่พิศดู และมีเหล็กน้ำพี้ของหลวงปู่หมุน รวมถึงเหล็กน้ำพี้บ่อพระขรรค์บ่อพระแสง หลวงปู่ดำเคยบอกไว้ว่า "ปรอทนี้เป็นวิชาสายสำเร็จลุน ต้องเสกด้วยธาตุ แล้วใช้วิชาพระธรรมเก้าโกฏิเสกอัดอีกที ขลังดีนะ "

    สรรพคุณของปรอทเพชรดำ
    -- ใช้พกติดตัวป้องกันไข้ป่า และคุณไสย คุณผี คุณคน ลมเพลมพัด
    -- ใช้แก้คุณไสย หรือผีเข้า ให้นำปรอทแช่น้ำอธิษฐานขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย บอกกล่าวครูบาอาจารย์ เพื่อทำน้ำมนต์ แช่น้ำไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงเอาน้ำนั้น กิน อาบ แล้วเอาปรอทจี้ที่บริเวณศรีษะ ท้ายทอย และตามเนื้อตัว เมื่ออาเจียน หรือแสดงอาการออกมา แสดงว่าถูกคุณไสย
    -- ใช้ขับคุณไสย ให้พกปรอทนี้ติดตัวอยู่เสมอ โดยเลี่ยมเปิดให้ปรอทสัมผัสกับตัวของผู้ใช้นั้น อาการก็จะค่อยๆหายไปเอง
    -- พกปรอทให้สัมผัสกับตัวสามารถปรับธาตุตรงบริเวณนั้นได้ ถ้าจะปรับธาตุทั้งตัว ให้อธิษฐาน แล้วมานั่งภาวนากำปรอทไว้ในมือ จะได้ผลโดยตรง
    -- สามารถใช้ถอนพิษ และแมลงสัตว์กัดต่อยได้ โดยการจุ่มน้ำมะนาว เอาไปปิดปากแผล หรือนำปรอทไปถูบริเวณที่ถูกพิษ
    -- ใช้ดับพิษร้อน เช่นไฟไหม น้ำร้อนลวก โดยเอาปรอทแช่น้ำมะนาว หรือน้ำเปล่าก็ได้ แช่ไว้ประมาณ 5นาที เอาน้ำนั้นทาบริเวณที่ถูกพิษไฟ จะค่อยๆทุเลาอาการลง
    -- ใช้แก้พิษ ยาเบื่อยาเมา ใช้ปรอทแช่น้ำประมาณ 5 นาที แล้วดื่มน้ำนั้นมากๆ
    -- เมื่อเป็นแผล แผลอักเสบ ฝี หนอง ผดผื่นคัน หรืออาการระคายเคืองจากถูกสารเคมี ให้เอาปรอทแช่น้ำมะนาว หรือน้ำเปล่า เอาน้ำนั้นทา และเอาปรอทกลิ้งคลึงบริเวณนั้น จะยุบหายในที่สุด
    -- พกติดตัวอธิษฐานใช้ค้าขาย เรียกทรัพย์ เจรจาพาที ทำให้สมองไวมีไหวพริบ ตลอดเป็นเมตตามหานิยม

    #ก่อนใช้.. ให้นำดอกไม้ขาว จุดธูป 5 ดอก เทียน 1 คู่ บูชาพระ บอกกล่าวครูบาอาจารย์เจ้าของวิชา อันมีสำเร็จลุน เมืองจำปาสัก หลวงปู่ลือ วัดป่านาทาม และหลวงปู่ดำ ทีปธัมโม เป็นที่สุด แล้วอธิษฐานตามที่ปรารถนา
    แต่ถ้าฉุกเฉินกระทันหัน ให้นำปรอทพนมมือยกมือขึ้นเหนือหัว อธิษฐานในสิงที่ปรารถนาได้เลย ส่วนดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระ บอกกล่าวครูบาอาจารย์ภายหลังก็ได้

    #หมายเหตุ.. ทุกครั้งก่อนใช้ปรอท ให้ใช้กับน้ำมะนาว จะดีกว่าใช้น้ำเปล่า เมื่อใช้เสร็จ ให้ล้างด้วยน้ำมะนาว แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ซับให้แห้งสนิท..
    จริงๆแล้วมีการบอกไว้ในตำราว่า ปรอทนี้สามารถกลืนลงท้องเพื่อปรับธาตุ และขับพิษและของเสียต่างๆในร่างกายได้ และรักษาโรคต่างๆภายในได้หลายโรค เมื่อขับถ่ายออกจึงค่อยไปเขี่ยกลับมาใช้ต่อได้อีก แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เนื่องจากเสี่ยงต่อการตกค้างตามส่วนต่างๆของอวัยวะภายใน..

    รูปหลวงปู่ที่ได้ไปพร้อมปรอทเพชรดำ จริงๆแล้วเป็นสติ๊กเกอร์ หลวงปู่ดำปลุกเสกด้วยหลายวาระ สามารถนำไปปิดรถ ปิดบ้านได้ บ้านที่อยู่ตรงทางสามสี่แพร่ง หรือแม้ไม่ได้อยู่ก็ปิดได้เช่นกัน เพื่อป้องกันสรรพวิญาณ คุณไสย และป้องกันอันตรายต่างๆได้ หลวงปู่ดำบอกว่า รูปท่านมีอำนาจในตัว ผีกลัว

    ขอบคุณข้อมูลจากคุณ Sira pop
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2019
  3. คุณต้า

    คุณต้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2014
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +408
    ได้รับพัสดุแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  4. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,337
    ค่าพลัง:
    +6,401
    วันนี้ได้รับพัสดุแล้วครับ
    ขอบคุณมากครับ
     
  5. MATHS

    MATHS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +908
    ขอจองรายการที่ 008และ009 ครับ
     
  6. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 010 ภาพถ่ายหลวงปู่ทิม หลังติดจีวรดาดเพดาน ขนาด 1 x 1.5 นิ้ว ปี60
    บูชาแล้ว รวมจัดส่ง

    Screen Shot 2562-04-25 at 12.13.04 AM.png Screen Shot 2562-04-25 at 12.13.32 AM.png


    20190421_202533.jpg 20190421_202551.jpg 20190421_202711.jpg 22089932_10213315255653778_4334228632657838640_n.jpg

    ภาพถ่ายหลวงปู่ทิม หลังติดจีวรดาดเพดานและมวลสารสำคัญ ตอกโค้ดตอกเบอร์ จำนวนสร้าง 450 รูป ขนาด 1 x 1.5 นิ้ว จัดสร้างโดยมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก (อาจารย์ชินพร)

    รูปถ่ายหลวงปู่ทิม ด้านหลังติดจีวรดาดเพดานหลวงปู่ทิม เถ้าอังคาร ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม และน้ำมันสงกรานต์ที่หลวงปู่ทิมเสกตั้งแต่ ปี 2508 - 2518

    อาจารย์ชินพร ท่านได้นำของสุดรักสุดห้วง คือผ้าดาดเพดานที่อยู่ในกุฏิหลวงปู่ทิม เป็นจีวรผืนใหญ่ที่หลวงปู่ทิมขึ้ง ไว้บนเพดานในกุฏิ โดยมีสายสิญจน์โยงทุกมุมผ้ามายังห่อวัตถุมงคลที่จะปลุกเสก โดยปกติท่านจะปลุกเสกในกุฏิ “คาย” เป็นภาษาภาคเหนือเป็นที่สถิตย์ของครูบาอาจารย์ เทพพรหม ปู่ภาษี จีวรผืนนี้กางบนเพดานกุฏิหลวงปู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ อาจารย์บอกว่า เห็นตั้งแต่เข้าไปกุฏิ ครั้งหนึ่งอาจารย์ชินพรได้เข้าไปทำความสะอาดข้างในกุฏิหลวงปู่ เห็นสายสิญจน์ที่ปลายชายจีวร จึงม้วนได้สายสิญจะนำติดตัวมา แต่หลวงปู่เห็นจึงบอกว่าม้วนไว้อย่างเดิม อาจารย์ชินพรท่านแปลกใจมาก เพราะปกติหลวงปู่ไม่เคยห้าม แปลว่าสิ่งนี้สำคัญมาก จนก่อนหลวงปู่ทิมจะมรณะภาพ ท่านจึงกำชับลูกศิษย์ว่าให้คายผ้าที่ดาดเพดานในกุฏิมาให้ อาจารย์ชินพร

    ใครไม่มีวัตถุมงคลแพงๆของหลวงปู่ ภาพถ่ายใบนี้มีครบทุกอย่าง มวลสารด้านหลังรูปผ่านพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของหลวงปู่ทุกรุ่นเรียกได้ว่าครอบจักรวาล ไม่ง่ายเลยที่จะหาของสำคัญ ขนาดนี้มาติดตัวได้ อาจารย์ชินพร บอกว่า เราอยากให้คนได้ของดีไปใช้ ทำแล้วต้องทำให้ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2019
  7. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 011 พระสมเด็จเนื้อตะกั่วกันงู หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร จ.นครปฐม
    บูชาแล้ว รวมจัดส่ง

    Screen Shot 2562-04-25 at 12.35.50 AM.png
    Screen Shot 2562-04-25 at 12.35.50 AM.png 20190423_205152.jpg 20190423_205213.jpg

    พระสมเด็จเนื้อตะกั่ว พิมพ์กลาง ปี52 หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร จ.นครปฐม พระเนื้อตะกั่วสำหรับแจกหลวงปู่ท่านจะเสกและลงกันงูไว้ด้วย พระสร้างเยอะแต่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะเรื่องกันงู

    พระอธิการเกษม เขมจาโร หรือหลวงปู่อั๊บ เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๖๕ ที่บ้านแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้อง ๑๒ คน ดังนั้นจึงต้องรับหน้าที่ดูแลน้องๆ และช่วยพ่อแม่ทำไร่นาเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว เมื่อหลวงปู่อายุได้ ๒๐ ปีท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทตามแบบแผนประเพณีโบราณ โดยอุปสมบท ณ วัดทุ่งน้อย มี “หลวงพ่อมา” เกจิอาจารย์อาคมขลังเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วหลวงปู่ได้มาจำพรรรษาอยู่ที่วัดท้องไทร ๙ ปี หลังจากนั้นท่านจึงเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ และไปจำพรรษาอยู่ที่วัดใหม่ต้านทาน อำเภอบ้างซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ราว ๑๓ ปี แล้วย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดวังชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีก ๒ ปี จนกระทั่งปี ๒๕๐๘ หลวงพ่อจึงกลับมายังวัดท้องไทรและอยู่ที่วัดท้องไทรจนมรณภาพ เมื่อวันเสาร์ ที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะโรง สิริอายุรวม ๙๐ ปี ๑๗ วัน

    ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่อั๊บ

    หลวงปู่อั๊บท่านเป็นผู้ที่สนใจวิชาอาคมมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาส ครูบาจารย์ของท่านมีทั้งที่เป็นพระ และฆราวาส มีดังนี้

    1.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา
    2.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    3.หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
    4.หลวงพ่อโบ้ย วัดวังมะนาว
    5.หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง
    6.ก๊งสุข (วิชาแช่น้ำมนต์ถอนคุณไสย)
    7.โยมหมอถ่าย (วิชากันงู)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2019
  8. MATHS

    MATHS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +908
    โอนค่าบูชารายการที่ 008และ 009 แล้วครับ รายละเอียดทางpmครับ
     
  9. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    ขอบคุณมากๆครับ
     
  10. Roj_56

    Roj_56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    601
    ค่าพลัง:
    +1,486
    โอนค่าบูชาให้แล้วครับ ที่จัดส่งแจ้งทาง pm ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Livelight

    Livelight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +259
    จอง รายการที่ 011 พระสมเด็จเนื้อตะกั่วกันงู หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร จ.นครปฐม
     
  12. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 012 ไข่หินพญากาเผือก หลวงพ่อสนิท ยสินธโร วัดลำบัวลอย
    ปิดรายการ

    Screen Shot 2562-04-29 at 11.18.45 PM.png
    20190421_122108 copy.jpg 20190421_122126.jpg 20190421_122152.jpg 20190421_122209.jpg 20190421_122227.jpg 20190421_122238.jpg 20190421_122257.jpg 20190421_122333.jpg


    ไข่ชุดนี้ร่วมบุญจากวัดลำบัวลอยมาหลายปีแล้ว มีผู้ที่ได้นำไข่ชุดนี้ขอเมตตาครูบาอาจารย์ตรวจสอบหลายท่านซึ่งทุกท่านก็ให้การยอมรับและบอกเป็นแนวทางเดียวกันว่าเป็นของสูง เช่นพระธาตุ ให้บูชาด้วยความเคารพ (เนื่องจากรูปลักษณ์มิได้มีองค์พระ) บูชาด้วยเครื่องหอมและให้หมั่นอธิษฐานเพื่อความคล่องตัวด้วยจิตที่แน่วแน่

    ไข่หินพญากาเผือก (พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ )
    ลงพระยันต์ ดอกบัว ประกอบด้วย หัวใจนวหรคุณ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ........
    ยอดกลีบดอกบัว ประกอบ ด้วยหัวใจ พระคาถาย่อมาเป็นอักขระ ประทับบนยอดกลีบดอกบัว
    ประกอบด้วย นะ คือ นะโมพุทธายะ ( พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์)
    นา คือ นาสังสิโม (หัวใจพญาเต่าเรือน)
    นะ คือ นะชาลิติ (หัวใจพระสีวลี)
    อิ คือ อิสวาสุ (หัวใจแก้ว ๓ ประการ)
    นะ คือ นะมะพะทะ (หัวใจธาตุทั้งสี่)
    พุ คือ พุทธะสังมิ (หัวใจไตรสรณคมณ์)
    กะ คือ กะตะทะ (หัวใจนะจังงัง)
    จะ คือ จะภะกะสะ (หัวใจธาตุพระกรณี)
    ระหว่างกลีบบัว ลงด้วย อะ ขึ้น ด้วยอุณาโลม คือ พระอรหันต์ จิตมุ่งตรงสู่พระนิพพาน
    ด้านหลัง ประทับ มะอะอุ หัวใจพระไตรปิฎก พระธรรมของพระพุทธองค์ คือ พระศาสดา สำหรับศิษย์พระตถาคต สืบมาปัจจุบัน

    ว่ากันว่าการปลุกเสกต้องทำถึง 2 ครั้งจึงจะสำเร็จ ครั้งแรกท่านทำเป็นไข่พญาจระเข้ แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระธาตุทำให้ท่านถึงกับล้มป่วยปลุกเสกไม่สำเร็จ ท่านจึงปลุกเสกใหม่โดยใช้ คาถามงกุฏพุทธเจ้า แล้วอธิษฐานให้เป็น ไข่พญากาเผือก ซึ่งเป็นตำนานการเกิดพระเจ้า 5 พระองค์


    หลวงพ่อสนิท ท่านเมตตา ให้ หลวงพ่อประดิษฐ์ อนุตตฺโร พระเนรมิต (มรณะภาพแล้ว) และ น้องชาย หลวงพ่อประดิษฐ์ รวม ๓ ท่าน เป็นคนจารอักขระ หากไข่หินพระธาตุ ลูกไหน จารแล้วไม่ได้เรียกสูตร หลวงปู่สนิท ท่านก็ได้ทำการแยกออกจากกอง ที่จะนำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษก
    ในช่วงการสร้างยุคแรกๆ หลวงปู่สนิท ท่านได้บรรจุในพระบูชา นางกวัก ขนาดบูชา เพื่อเพิ่มอิทธิคุณ ให้เป็นมงคลสูงสุด จนต่อมาได้หินพระธาตเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนมาก จึงได้ จัดทำถุงผ้า เพื่อให้สะดวกในการพกติดตัว อาราธนา เดินทางไปที่ต่างๆ ประสบการณ์ พ่อค้าแม่ค้า ต่างหากันเป็นอย่างมาก เนื่องจากอานุภาพ เหมือนดัง พญาเต่าเรือน หินแกะ ทุกประการ


    การบูชา ไข่หินพญากาเผือก
    ท่านให้ใช้น้ำมันจันทร์ เจิมเข้าที่ไข่หินพระธาตุ แล้วนำมาเจิมไรผม คิ้ว หรือ หลังตา ของผู้บูชา พร้อมด้วยภาวนา พระคาถา


    " สะหัสสะเนตรโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสธายิ นะชาลีติ ประสิทธิลาภา มหาราชา มหาราชา ภะวันตุเม "

    ภาวนา ๓ จบ อธิษฐาน ให้คุ้มครองป้องกัน ซื้อง่ายขายคล่อง ติดต่อเจรจาค้าขายขอให้ได้สำเร็จ

    .................................................................................................
    ข้อมูลจาก หลวงพ่อประดิษฐ์ อนุตตฺโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2019
  13. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 013 ธนบัตรมหาลาภ หลวงปู่จารมือ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
    ปิดรายการ รวมจัดส่ง

    Screen Shot 2562-05-01 at 12.07.10 AM.png
    20190430_221447.jpg 20190430_221456.jpg 20190430_221511.jpg 20190430_221522.jpg 20190430_221527.jpg

    ธนบัตรมหาลาภที่ออกโดยสุสานทุ่งมนจะมีแบบที่หลวงปู่จารเอง และ แบบที่ลูกศิษย์ที่หลวงปู่ครอบให้เป็นคนจาร ใบนี้เป็นลายมือหลวงปู่ น่าบูชามาก ลายมือแท้ๆของหลวงปู่เป็นเอกลักษณ์ ผู้ที่ใกล้ชิดจะทราบและสามารถแยกแยะจดจำลายมือหลวงปู่ได้ พุทธคุณครอบจักรวาล พกพาสะดวกมาก โดยเฉพาะเวลาเดินทาง

    วิชาธนบัตรจารนี้เป็นวิชาที่เป็นเฉพาะองค์หลวงปู่ อักขระที่จารเป็นเฉพาะตัว บางท่านเล่าว่าเป็นวิชาที่หลวงปู่ได้มาทางสมาธิจากผู้มีบุญญาธิการองค์หนึ่ง

    หลวงปู่ท่านมักจะใช้เหรียญและธนบัตรมาจารและเสกเป็นวัตถุมงคล หรือ ประกอบเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุมงคล ด้วยเหตุที่จะมีรูปของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ อันจะได้บารมีขององค์พระโพธิสัตว์ ซึ่งจะสามารถอธิฐานขอบารมีท่านช่วยเหลือได้ ดังนั้นวัตถุมงคลของหลวงปู่ที่สร้างโดยมีธนบัตรหรือเหรียญประกอบอยู่ จะได้บารมีของพระโพธิสัตว์ใหญ่ถึงสององค์

    วิธีใช้ ตั้งนะโม ๓ จบ ภาวนา "นะเมติ ปะจะขะ" ๑๒ จบ หรือ ๑๐๘ จบ หรือตามเวลาเอื้ออำนวย
    หาเงิน ออมเงิน ใช้เงิน เราบูชาเงิน ช่วยให้เงินจะไหลมาเทมา

    • มีอุปสรรค ทุกข์ร้อนใจ ยกธนบัตรหลวงปู่ขึ้นโบก แกว่งไปมาเหนือศรีษะนึกถึงครูบาอาจารย์ บริกรรม "นะเมติ" ครูบาอาจารย์ที่เป็นเทพพรหม จะลงมาช่วย
    • จะค้าขายหรือเรียกโชคลาภ เรียกคนเข้าร้าน เสกธนบัตรแกว่งไปมา หรือแตะข้าวของอธิษฐาน "นะเมติ ปะจะขะ" มีโชคลาภค้าขายดี
    • มีภัยเกิดกับตัว ยกธนบัตร หรือกระเป๋าที่มีวัตถุมงคลขึ้นบนหัว ระลึกถึงครู บริกรรม "นะเมติ" ครูบาอาจารย์จะช่วยกำบังภัย กำบังตน แหวกวงล้อมออกมาได้
    • ขับไล่โรคภัย ขับผี นำธนบัตรปัดไปตามร่างกาย อธิษฐานให้โรคออกจากร่างกาย ภาวนา "นาลาอะระหัง"
    • เดินทางไปในทิศทางใดระลึกถึงครูบาอาจารย์เสกธนบัตรชี้ไปในทิศทางที่จะไปปลอดภัยทุกประการ
    “..แม้ว่าเศษดินเศษหินใบไม้ ในสุสานทุ่งมน ก็ยังขลังหมดลูกหลานเอ๋ย..” อย่ากังขาเลยคนดีมีศีลนำไปใช้ไม่ศักดิ์สิทธิ์หลวงปู่ ขอตายแทนวันละ 100 ครั้ง อานุภาพวัตถุมงคลเจาะจงสร้างไว้แทนกาย ยามเมื่อชีวาวายลับลาศิษย์ ทั้งแก่ผู้มีศรัทธาจำอานุภาพไว้หนาว่าดีได้ 108 ประการ…. มีภัยคุกคามยกวัตถุมงคลขึ้นบังศีรษะ ครูบาอาจารย์ครอบ ศัตรูมองไม่เห็นตัว พระหลวงปู่หงษ์ องค์เล็ก ๆ ภัยอันตรายจะคุกคามให้อมไว้ในปากบังภัย หากจะช่วยใครให้พ้นจากภัยอันตราย ถูกคนร้ายกักขังคุมตัว ให้เขาจับเสื้อต่อ อย่าจับเนื้อตัวจะจับไม่ติด ต่อกันช่วยได้ทีละ 50 คน มีด ปากกา ไม้ครู หากมีทุกร้อน ให้โบก แกว่ง เหนือศีรษะ ภาวนานึกถึงครูบาอาจารย์ ช่วยปัดเป่าให้คลีคลาย หมดเรื่องทุกข์ร้อน เงินทองขัดสนให้แกว่งธนบัตรขวัญถุงเรียกเงิน ภาวนานะเมติ ปะจะขะ ๆ เรียกลาภได้จริง ภาวนา นาลา อะระหัง นำ มีดหมอ ปากกา ไม้ครูหลวงปู่ ปัดโรคภัย คุณไสย ออกจากายได้ เจ็บป่วยไม่มีสาเหตุ เป็นโรคเรื้อรังแตะสีผึ้งละลายน้ำอุ่น มีบาดแผลทาสีผึ้งพุทธคุณ เมื่อใช้จวนหมดเหลือเท่าก้านไม้ขีดก็นำสีผึ้งครูละลายผสมใหม่ได้ 1 แสนตลับยังขลังไม่เสื่อมคลาย.....พุทธคุณเป็นผลกับเฉพาะคนดี ศีล 5 ให้รักษาอย่าผิดคู่ครองตนและเสน่หาคู่ครองคนอื่น อย่าด่าแม่คนหรือสัตว์ เลิกไพ่ไฮโล คาซิโน พาวิบัติ หากินจะติดขัดอย่าได้บ่น ขี้เกียจ จน เหนื่อย ทุกข์มาก ยาก ไม่มี คำพูดไม่ดีจะเป็นไปตามปาก….ขอเจริญพร

    "ให้นึกถึงหลวงปู่ ๆ จะมาช่วยทีเดียวพร้อมกัน 200 กายทิพย์ ช่วยศิษย์พร้อม ๆ กันคราวละ 2000 คน" ...หลวงปู่หงษ์เมตตาเล่าไว้.....วันหน้าถ้าศิษย์ ลูกหลานมีเหตุ เภทภัยนึกถึงหลวงปู่หงษ์ หลวงปู่จะมาช่วยทีละ 200 กายทิพย์ คำกล่าวหลวงปู่เล่าไว้นี้หวังให้เป็นขวัญกำลังใจ เป็นอนุสติ เป็นคำของครูบาอาจารย์ หลวงปู่เล่าไว้เมื่อครั้งหลวงปู่หงษ์ ท่านอาพาธหนักเมื่อปี 52 เมื่อหลวงปู่หงษ์หายจากอาพาธหนักในครั้งนั้น หลวงปู่ได้เล่าว่า ขณะป่วยนั้น..ได้ขึ้นไปเบื้องบนและครูบาอาจารย์หลวงปู่หงษ์ได้พยากรณ์หลวงปู่ว่า บุญกุศลที่บำเพ็ญพุทธภูมิได้เต็มเปี่ยม สมบูรณ์ด้วยบารมี 30 ทัศแล้ว ครูบาอาจารย์ เทพ-พรหม จึงทำพิธีพร้อมกับยกหลวงปู่หงษ์ขึ้นเป็นบรมโพธิสัตว์ และพยากรณ์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ไว้ว่า...หากละขันธ์ 5 กลับขึ้นมาเบื้องบน สามารถช่วยศิษย์ได้พร้อม ๆ กันทีละ 2000 คน ช่วยศิษย์ 1 คนทีละ 200 กายทิพย์
    ขอขอบคุณบทความ โดย พระศุภกิจ ปภัสสโร

    การบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ “หมั่นไหว้ หมั่นบอก หมั่นขอ”
    อธิฐานบอกกล่าว ขอ…. ถือเป็นหัวใจสำคัญ หลวงปู่หงษ์จะไม่ให้แค่ไหว้กราบเฉย ๆ ท่านว่าประมาท เพราะ กฎของโลกทิพย์ ไม่ขอไม่ให้ ไม่บอกไม่ช่วย ต้องบอกกล่าว…จะให้ช่วยอะไร? คุ้มครองแค่ไหน? เช่น ขอให้ปลอดภัย ขอให้คนเมตตา ขอให้มีลาภ มีเสน่ห์ ขอให้ค้าขายดี อย่าให้มีอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัยทั้งตอนไปตอนกลับ ฯลฯ ถ้าทำได้อย่างนี้ครูบาอาจารย์ก็ช่วยได้เต็มที่ บอกกล่าวแล้วก็ให้ทำใจสบาย ๆ วางเฉย (อุเบกขา) เลิก หวัง เลิกอยากนั้นนี่ เพราะความหวัง ความอยากจะเป็นตัวปิดกั้นผลสำเร็จ เลยคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์บุญกุศลไม่ช่วย เพราะเราไม่เข้าใจกฎของกรรม และ อัตภาพบุญกุศล จะบันดาลผลได้แค่ไหนอย่างไร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2019
  14. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,337
    ค่าพลัง:
    +6,401
    ขอจอง013ครับ
     
  15. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 014 ตระกรุดลูกอมพลังเหนือโลก หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง
    บูชา 750 บาท รวมจัดส่ง

    Screen Shot 2562-05-05 at 12.39.51 PM.png
    Screen Shot 2562-05-05 at 12.39.51 PM.png 20190423_210111.jpg 20190423_210120.jpg 20190423_210147.jpg 1-1-27.jpg Screen Shot 2562-05-05 at 12.05.09 PM.png

    ตระกรุดลูกอมพลังเหนือโลก หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง คุณ สุชาติ อรรัตนสกุลสร้างถวาย คุณ อานุภาพ (โอ๋) บุญเกียรติ เป็นผู้ถวายหลวงปู่อธิษฐานปลุกเสกเมื่อเดือนมีนาคม 2552 เป็นตะกรุด ที่มียันต์ประจำองค์หลวงปู่ศรี ครบทั้งยันต์ 4 ยันต์ อยู่ข้างใน มีเพียง 2 เนื้อ คือเนื้อเงิน และ เนื้อทองแดง มี 3 ขนาด ขนาดเล็ก(ตะกรุดลูกอม) 1 ซ.ม. ขนาดกลาง 1 นิ้วครึ่ง ขนาดใหญ่ 3 นิ้วจำนวนสร้างเนื้อเงิน ขนาดเล็ก(ตะกรุดลูกอม) 100 ดอก ขนาดกลาง 56 ดอก ขนาดใหญ่ 39 ดอกเนื้อทองแดงขนาดเล็ก 10,010 ดอก ขนาดกลาง 5,028 ดอก ขนาดใหญ่ 3นิ้ว 2,010 ดอก
    มีโค๊ตกำกับทุกดอก อธิษฐานโดยวิธีอัญเชิญพลังงานครอบลงมาทั้งพลังเหนือโลกเพื่อป้องกันภัยพิบัติทั้งปวง

    ตะกรุดพลังเหนือโลก หรือ ตะกรุดหยุดปืน ประสบการณ์ ยิงไม่ออก ลูกปืนคาอยู่ในลำกล้อง

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร องค์ท่านมากด้วยบารมี องค์หลวงตามหาบัวท่านยังพูดอยู่หลายครั้งว่า ท่านอาจารย์ศรีนั้นบารมีมากนะ บริษัทบริวารจึงมากมายนับไม่ถ้วน ของที่ท่านเมตตาอธิษฐาน มีประสบการณ์มากมายจนของแจกที่สร้างปริมาณมาก กลับกลายเป็นของที่หาได้ยาก ผู้ไม่แน่ใจต่างพิสูจน์กันตามความเชื่อของแต่ละคน ต่างก็ต้องยอมรับในพลังแห่งองค์ท่าน ทั้งให้ครูบาอาจารย์ที่นับถือจับพลัง ทั้งถ่ายพลังงานแสงออร่า แม้กระทั่งนำมาทดลองยิง จนปืนเสียเลยก็มี

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2019
  16. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 015 รูปถ่ายนิโรธสมาบัติ หลวงพ่อกัสสปมุนี หลังยันต์พุทธเกษตร
    ปิดรายการ รวมจัดส่ง
    Screen Shot 2562-05-05 at 2.00.20 PM.png
    20190425_225921.jpg 20190425_225928.jpg 20190425_230011.jpg 20190425_230037.jpg


    ภาพชุดนี้อยู่ในกุฏิหลวงปู่ จนถึงท่านละสังขาร ผ่านพิธีนิโรธสมาบัติหลายครั้ง แต่เป็นชุดที่ผลิตไม่ค่อยสวย ราคาจึงตามสภาพ องค์หลวงพ่อยังชัดสมบูรณ์ ภาพนี้สร้างหลายครั้งหลายยุคมาก กระทั่งหลวงพ่อสิ้นแล้วก็ยังมีสร้างขึ้น ดังนั้นจึงนิยมภาพเก่าในยุคต้นที่ทันท่านมากกว่า ใบนี้ทันท่านแน่นอน

    หากใครเคยอ่านเรื่องราวที่หลวงพ่อท่านได้บันทึกไว้เมื่อครั้งไปปฏิบัติที่ภูกระดึง ย่อมทราบได้ว่าหลวงพ่อนั้นท่านสร้างบารมีมาแต่อดีตมากมายนับไม่ถ้วน ในชาติสุดท้ายนี้ท่านจึงบรรลุธรรมได้แม้จะบวชเมื่ออายุเข้า52 ปี ผลจากมหาบารมีในอดีตชาติ จึงส่งผลให้ท่านมีพลังจิตที่สูงมาก

    หลวงพ่อกัสสปมุนีเคยว่า สกุล"กัสสปะ"สมัยพุทธองค์มี 7 ท่าน คือ
    1.มหากัสสปะ
    2.อุรุเวลกัสสปะ
    3.นทีกัสสปะ
    4.คยากัสสปะ
    5.กุมารกัสสปะ
    6.อเจลกัสสปะ
    7.จุลกัสสปะ

    ซึ่งเป็นที่รู้กัน"ภายใน"ก็คือ หลวงพ่อกัสสปมุนีนั้น ก็คือท่าน "จุลกัสสปะ"แต่กาลก่อนนั่นเอง มาในชาตินี้ สมเด็จพระอุปัชฌาย์(สังฆราชป๋า วัดโพธิ์) จึงประทานนามเป็นพิเศษว่า "กัสสปมุนี" แทนชื่อจริง

    เมื่อปีพ.ศ. 2507 หลวงพ่อกัสสปมุนีได้เดินทางไปยังชมพูทวีปหรือประเทศอินเดีย และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานถึง 5 เดือน ตลอดเวลาที่ท่านเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน ท่านจะห่มดองหรือห่มลดไหล่ตลอด ในขณะที่พระเถระองค์อื่น ๆ จะห่มคลุมตามพระวินัยบัญญัติว่า เมื่อภิกษุออกนอกบริเวณวัด ต้องห่มคลุมให้เป็นปริมณฑลคือข้างบนจีวรต้องติดคอ ด้านล่างต้องคลุมครึ่งแข้งจึงถูกต้อง แต่การที่หลวงพ่อห่มดองตลอดรายการนั้น ท่านให้เหตุผลว่าชมพูทวีปเป็นดินแดนแห่งพระพุทธองค์ ทุกหนแห่งล้วนแต่เป็นแผ่นดินของพระองค์ที่ทรงจาริกไปแสดงธรรม จึงถือว่าเป็น ‘เขตพุทธาวาส’ ทั้งสิ้น ท่านจึงไม่ห่มคลุม

    และทุกแห่งที่ท่านไปนมัสการ ตามพุทธประวัติก็ดี ตามโบราณาจารย์กล่าวอ้างก็ดี ตามที่แขกอินเดียเล่าให้ฟังก็ดี ว่าสถานที่นี้พระพุทธเจ้าทรงกระทำพุทธกิจอย่างนั้นอย่างนี้ หลวงพ่อท่านยังไม่เชื่อทีเดียว หากท่านลงมือนั่งภาวนา ‘ตรวจสอบ’ ด้วยองค์ท่านเองในที่ทุกแห่ง

    กระทั่งจิตท่านเห็นชัดว่า ณ สถานที่นี้พระพุทธองค์ได้ทรงทำกิจดังกล่าวอ้างมาแล้วจริง ๆ ท่านจึงปลงใจเชื่อ และเป็นที่น่ายินดีว่าเมื่อท่าน ‘พิจารณา’ ด้วยอำนาจฌาน-ญาณ อันสูงยิ่งของท่านแล้ว ปรากฏว่าในทุกสถานที่ล้วนเป็นของจริงทั้งสิ้น ทุกแห่งแฝงเร้นด้วยพระพุทธบารมีที่ยังคงอบอวลแผ่รัศมีอยู่ทุก ๆ เวลา รอคอยผู้มีบุญญาธิการมานมัสการให้เกิดมหาบุณย์-มหากุศล
    ดังนั้นท่านใดที่คิดจะไปหรือไปมาแล้ว...ก็จงสบายใจและจงอิ่มบุญในใจให้เต็มที่เถิด

    ดังภาพถ่ายหน้าสถูปที่ถาม หลวงพ่อท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ที่ถ้ำอจันตา ขณะที่ใช้อำนาจจิต ‘ตรวจสอบ’ อยู่นั้น ก็มีฝรั่งคนหนึ่งผ่านมาเห็นท่านเข้า เวลานั้นท่านเปลื้องจีวรและสังฆาฏิออกแล้วคงเหลือเพียงสบงและอังสะ อีกทั้งยังพาดลูกประคำเส้นเบ้อเริ่ม ทำให้ฝรั่งนายนั้นนึกว่าท่านเป็นเณร จึงเกิดความเอ็นดูและทำการบันทึกภาพท่านไว้

    ภายหลังฝรั่งก็ได้นำรูปนั้นมาให้ท่านดู ปรากฏว่าท่านไม่พอใจมาก คงเพราะแอบถ่ายโดยไม่ขออนุญาตท่านก่อนประการหนึ่ง และคงเพราะท่านแต่งตัวไม่เรียบร้อยประการหนึ่ง ท่านจึงดุเขา(เพราะท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม)และยึดทั้งรูปทั้งฟิล์มกลับมา

    ครั้นกลับเมืองไทยแล้ว คณะศิษย์อยากได้ของที่ระลึกจากท่าน ท่านจึงให้นำฟิล์มนี้ไปอัดออกมาเป็นรูปใบน้อย และยังเมตตาเขียนยันต์วิเศษที่ชื่อว่า ‘ยันต์พุทธเกษตร’ มอบให้ด้วยลายมือท่านเอง (ท่านได้มาเมื่อครั้งไปเที่ยววิเวกภาวนาใน จ.ลพบุรี ยันต์พุทธเกษตรได้ปรากฏขึ้นในนิมิตท่าน ท่านบอกว่ายันต์นี้มีอานุภาพครอบจักรวาล ตามแต่ผู้ใช้จะอธิษฐานให้เป็นไปดังปรารถนา)
    ศิษย์ได้นำยันต์พุทธเกษตรลายมือท่านไปบันทึกเป็นภาพถ่ายใบน้อยออกมาอีก 1 ใบ จากนั้นก็นำรูปหลวงพ่อกับรูปยันต์พุทธเกษตรนี้ประกบเข้าด้วยกัน แล้วนำมาถวายให้ท่านอธิษฐานจิตแจกผู้ศรัทธาในราวปี พ.ศ. 2508 –2509

    ต่อมาเมื่อท่านประสงค์จะตอบแทนคุณของเสี่ยไซ โยมอุปการะเป็นที่ยิ่ง ท่านก็ดำริเข้า ‘สัญญาเวทยิตนิโรธ’ เป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2510 เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน

    และรูปนี้ก็อยู่ในวาระนิโรธสมาบัติด้วย

    หลวงพ่อเคยบอกว่า นิโรธสมาบัตินี้มีอานุภาพมากนัก มิใช่แต่กุฏิของท่านเท่านั้น แต่กำลังแห่งนิโรธยังครอบคลุมไปทั่วภูเขา ‘สุนทรีบรรพต’ อันเป็นที่ตั้งวัด อย่าว่าแต่ของในกุฏิท่านเลย แม้กรวดหินหน้าวัดหากจะหยิบขึ้นมาแล้วตั้งจิตระลึกถึงท่านก็ยังมีอานุภาพได้

    ดังนั้น ท่านจึงไม่ใคร่แจกรูปนี้ให้ใครง่าย ๆ แม้มีคนขอกันมาก ท่านก็ยังเลือกคนให้ ท่านบอกว่า ของดีต้องให้กับคนดีและนับถือเราจริงเท่านั้น

    หากจะมีคนขอเหรียญรุ่นแรกของท่านที่สร้างในปี พ.ศ. 2518 บางทีท่านก็มอบรูปนี้ให้ ครั้นคนนั้นบ่นว่าอยากได้เหรียญต่างหากเล่า ท่านจะบอกดุ ๆ ทันทีว่า

    “อะไร ให้ของดีแล้วยังไม่รู้จัก รูปนี่เก่งกว่าเหรียญอีกนะ”

    หลวงพ่อกัสสปมุนี เกิดที่กรุงเทพมหานคร เดิมชื่อประจงวาส ต่อมาเปลี่ยนเป็นประยุทธิ วรวุธิ นามสกุลอาภรณ์สิริ บิดาท่านคือพระพาหิรรัชฏพิบูลย์(ประวัติ อาภรณ์สิริ) นามมารดาคือนางพาหิรรัชฏพิบูลย์ สมัยเป็นฆราวาส ท่านได้สมรสกับนางประชุมศรี อาภรณ์สิริ มีบุตรชาย2 คน บุตรหญิง 2 คน หลวงพ่อกัสสปมุนีเป็นศิษย์เก่า โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ต่อมาจึงได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญ โดยเลือกภาษาอังกฤษเป็นวิชาเลือก จนจบชั้นม.6 หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านบวช เมื่ออายุ ๕๒ ปี สมัยที่ยังไม่บวชท่านทำงานอยู่ฝ่ายสรรพสามิตท่านจะดื่มเหล้าเก่ง ตอนหลังท่านเห็นโทษของการดื่มเหล้า และเกิดเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงได้ลาออกจากราชการ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยได้โอนบ้านที่ดินและทรัพย์สินให้กับครอบครัวท่านจนหมดสิ้น จากนั้นท่านได้ไปฝากตัวอยู่กับสมเด็จ พระวันรัต (ต่อมาทรงได้รับสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช วัดโพธิ์ ท่าเตียน) โดยเป็นอุบาสก นุ่งขาวห่มขาว ถือศีลอุโบสถอย่างเคร่งครัด ในที่สุดจึงได้อุปสมบท เป็นพระภิกษุ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ แม้บวชได้เพียงพรรษาเดียว หลวงพ่อกัสสปมุนี ได้ออกธุดงค์ ไปบำเพ็ญเพียรภาวนา อยู่บนยอดเขาภูกระดึง อันแสนจะหนาวเหน็บ (เดือน พ.ย. ๒๕๐๖) หลังจากนั้นถัดมาอีกเพียง พรรษาเดียว ท่านก็ได้จาริกแสวงบุญ ไปบำเพ็ญภาวนาในแดนไกล คือเมือง ฤาษีเกษ ประเทศอินเดีย เมืองนี้เป็นที่ชุมนุม ของโยคี ฤาษี มุนีไพร ผู้ทรงตบะและฤทธาอันแก่กล้ามากมาย ต้องเก่งจริงๆ ถึงจะอยู่ได้อย่างสันติอิสระอานุภาพของพุทธศาสนานั้น เป็นของมีจริง ที่พระสาวกของพระพุทธองค์ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น หรือวาระอันสมควรจะพึงแสดง

    ตลอดชีวิตในสมณเพศของหลวงพ่อ ท่านได้สมาทานธุดงควัตร ๔ ข้อมาตลอด คือ ทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ครองจีวรชุดเดียว (จะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อเก่าหรือชำรุด) เป็นวัตร รับบิณฑบาตเป็นวัตรและอยู่ป่าเป็นวัตร จนกระทั่งท่านมรณภาพ

    ย้อนหลังไปในสมัยที่หลวงพ่อยังไม่ได้บวชแต่ได้ปฏิบัติธรรมเป็นผ้าขาว ท่านเล่าว่าท่านได้พบ “ท่านอริยวังโส” ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่บรรลุอรหันต์ตั้งแต่สมัยพุทธกาลแต่ได้อธิษฐานขอให้ตนเองมีอายุอยู่ถึงห้าพันปีจึงจะเข้าสู่ปรินิพพาน

    พระอริยวังโสได้มาพบท่านในสมาธิและบอกกับท่านว่า “เธอชื่อกัสสปมุนี” (ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้ใช้ชื่อนี้มาตลอดจนกระทั่งอุปสมบท ซึ่งสมเด็จพระอุปัชฌาย์ก็ทรงอนุญาตให้ใช้ชื่อนี้โดยมิได้ตั้งฉายาให้ใหม่)

    หลวงพ่อเล่าว่า ท่านเป็นหนึ่งใน “กัสสปโคตร” ในสมัยพุทธกาล เป็นน้องเล็กสุดท้องมีชื่อว่า “จุลกัสสปะ” พี่ชายทั้งหกของท่านที่ได้บรรลุเป็นอรหันต์ทั้งหมดแล้ว คือ มหากัสสปะ อุรุเวลกัสสปะ คยากัสสปะ นทีกัสสปะ กุมารกัสสปะ และอเจลกัสสปะ ส่วนที่ว่าทำไมท่านยังคงอยู่ ท่านเคยเล่าว่า ท่านเคยบวชในสมัยพุทธกาลแต่สึกออกมาใช้ชีวิตฆราวาสเสียก่อน

    คาถาบูชาหลวงพ่อ “นะโม อโห โอม กัสสโปมุนิ อะราธะนัง”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2019
  17. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,896
    ค่าพลัง:
    +5,717
    รายการที่ 015 รูปถ่ายนิโรธสมาบัติ หลวงพ่อกัสสปมุนี หลังยันต์พุทธเกษตร
    บูชา 600 บาท รวมจัดส่ง
    จองครับ
     
  18. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 016 เหรียญยันต์เฑาะว์เพชร หลวงพ่อเสริฐ เขมะโก วัดโอภาสี จ.ระยอง เนื้ออัลปาก้า
    บูชา 350 บาท รวมจัดส่ง

    Screen Shot 2562-05-05 at 2.01.30 PM.png
    Screen Shot 2562-05-05 at 2.01.30 PM.png 20190428_214422.jpg 20190428_214404.jpg 20190428_214256.jpg 20190428_214314.jpg Screen Shot 2562-05-05 at 2.43.23 PM.png


    เหรียญน่าบูชา ท่านสร้างตามวิชาที่ท่านสำเร็จ คือวิชายันต์เฑาะว์เพชร จากหลวงพ่อโต วัดชากโดน

    เหรียญยันต์เฑาะว์เพชรรุ่นแรก หลวงพ่อเสริฐ เขมะโก วัดโอภาสี จ.ระยอง สร้างตอนท่านอายุครบ 80 ปี ตอนอยู่กับหลวงปู่คร่ำที่วัดวังหว้า เหรียญเนื้อนวะโลหะ ประมาณ 300 องค์ตอกโค๊ตและรันหมายเลข เนื้ออัลปาก้าสร้าง 5000 องค์ตอกโค๊ต ส และรันหมายเลข ออกวัดวังหว้าปี 2545 นับเป็นเหรียญของหลวงปู่ที่ออกรุ่นแรกสุด

    หลวงปู่เสริฐ เขมะโก เกิดวันพฤหัสบดีที่ 13 เดือน เมษายน พ.ศ. 2465 ตรงกับ ปีจอ บรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยเป็นลูกศิษฐ์ของหลวงพ่อโต (พระครูนิวาสธรรมสาร) วัดชากโดน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ท่านเป็นลูกบุญธรรมและศิษย์รูปสุดท้ายของหลวงพ่อโตวัดเขาชากโดนก่อนที่อาจารย์แดงจะไปนิมนต์มาอยู่วัดโอภาสีท่านอยู่วัดวังหว้ากับท่านพ่อคร่ำ

    "คุณเสริฐดวงชะตาของคุณนั้น จะต้องได้ตายในผ้าเหลือง ขอคุณจงเป็นที่พึ่งของชาวบ้านเขาเถิดนะ" เป็นอมตะวาจาของ " พระครูนิวาสธรรมสาร (หลวงพ่อโต) " วัดชากโดน อ.แกลง จ.ระยอง
    ผู้เป็นพระอาจารย์ ที่ได้มอบสรรพวิชาพุทธาคมเลขยันต์ต่างๆให้ " หลวงพ่อเสริฐ เขมะโก " แล้วก็เป็นดังนั้นจริงหลวงพ่อได้อยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนา เป็นที่พึ่งของชาวบ้านมาจนท่านมรณภาพ

    เมื่อมีผู้คนเข้าไปถาม หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า, หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา, หลวงปู่ยงค์ วัดศรีประชา, หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือว่า ยังมีพระอาจารย์รูปใด ที่ควรไปกราบไหว้ได้อีก พระอาจารย์ทั้งสี่รูป ก็จะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า " ควรจะไปกราบหลวงพ่อเสริฐ เขมะโก วัดโอภาสี จ.ระยอง เพราะท่านเล่าเรียนของดีจากหลวงพ่อโตไว้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2019
  19. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 017 ลูกแก้วมณีรัตนะ ทรงหยดน้ำห่วงทองคำ พระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง

    Screen Shot 2562-05-05 at 1.36.23 PM.png
    Screen Shot 2562-05-05 at 1.36.23 PM.png 20190423_210410.jpg 20190423_210420.jpg 20190423_210432.jpg 20190423_210438.jpg 20190423_210449.jpg 20190423_210504.jpg get_auc1_img.jpeg Screen Shot 2562-05-05 at 4.15.01 PM.png

    หลวงพ่อได้เมตตาทำแก้วมณีรัตนะให้ลูกหลานครั้งแรก เมื่อปี 2517 โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านไปหาซื้อจากตลาดจังหวัดชัยนาท ลูกแก้วท่านได้มาเป็นลูกแก้วใส ที่มีแก้วสีรูปเกลียวมะเฟืองด้านใน หลวงพ่อได้เล่าประวัติและอานุภาพของลูกแก้วที่ทำ ในครั้งนั้นไว้ดังนี้..

    "....ถอยหลังไปเมื่อคราวต้นไป (มกราคม ปี 2517) ตอนนั้นปรากฏ ว่าน้ำมันเขากำลังจะขึ้นราคา และเวลาเจริญพระกรรมฐานพบสมเด็จท่าน ท่านตรัสว่าบริษัทของเราไม่ควรจะจน ท่านว่าอย่างนั้นนะ จึงมีพระบัญชาให้ทำลูกแก้วขึ้น แต่ว่าคาถาทำ ลูกแก้วนี่ไม่มีในตำรา และก็เป็นเวลากระทันหัน อาตมากลับไปที่วัดเหลือเวลาอีก 2 วัน ก็จะถึงวันเสาร์ห้าก็ต้องขึ้นไปศึกษาถึงวิธีทำกับท่าน 2 คืน เพราะว่ามีแก้วอยู่ลูกหนึ่งที่อาตมามีอยู่ ท่านบอกว่าแก้วลูกนี้เป็นแก้วลูกยอดของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ให้ใช้แก้วลูกที่มีอยู่เป็นประธาน และก็ทำให้แก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ผลประโยชน์จะพึงได้รับ ท่านบอกว่าไม่ควรประกาศผล ทั้งนี้เพราะท่านทำทุกอย่าง สุดแล้วแต่ผู้ใช้จะอธิษฐาน และความมุ่งหมายของท่านก็มีว่า ต้องการให้เป็นนิมิตของกสิน เป็นนิมิตกรรมฐาน แต่ว่าต้องใช้คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นคาถา ภาวนา สำหรับวิธีปฏิบัติท่านให้ญาติโยมพุทธบริษัทปฏิบัติตามนี้ ก่อนที่จะภาวนาคาถาให้มองดูลูกแก้วเสียก่อน จำภาพแล้วก็หลับตานึกถึงภาพแก้วนั้นแล้วก็ภาวนา นี่ทำเป็นกรรมฐาน จะภาวนาว่า พุทโธ หรือ นะมะพะทะ ว่าได้ทุกอย่างเพราะว่าแก้วเป็นอาโลกกสิณ สำหรับอาโลกกสิณนี่เป็นพื้นฐานของทิพจักขุญาณหากว่าภาวนาต่อไป จนกระทั่งภาพลูกแก้วติดตาติดใจ คราวหลังเราไม่มองดูลูกแก้วแต่นึกภาพลูกแก้วได้เป็นปกติ อย่างนี้ท่านเรียก อุคหนิมิต อุคหนิมิตนี่เป็นอุปจารสมาธิเป็นผลของทิพจักขุญาณ เมื่อทำอย่างนี้เรื่อยๆไป จนกระทั้งภาพลูกแก้วติดตาติดใจอยู่เสมอ ต่อมาก็อธิษฐานให้ลูกแก้วโตขึ้น ก็จะเห็นภาพลูกแก้วโตขึ้น อธิษฐานให้เล็กลงก็จะเล็กลง ให้อยู่สูงก็อยู่สูง ให้อยู่ต่ำ ก็อยู่ต่ำ อยู่ข้างหน้า อยู่ข้างหลังก็ได้ตามใจชอบ อย่างนี้เป็นปฏิภาคนิมิต ถือว่าเป็นนิมิตสูงสุดส่วนหนึ่ง.."

    "...ในเมื่อเห็นลูกแก้วชัดเจนแจ่มใสดีเท่าไหร่ ความเป็นทิพจักขุญาณของท่านพุทธบริษัทที่จะเห็นภาพอื่นก็จะเห็นได้ชัดเจนแจ่มใสเท่านั้น แต่ว่าถ้าเห็นลูกแก้วชัดเจนดีแล้ว ต่อไปก็อธิษฐานขอให้ภาพลูกแก้วหายไป ขอภาพของพระพุทธเจ้าจงปรากฏ ในเมื่อเห็นภาพของพระพุทธเจ้าปรากฏแทน ขอให้อธิษฐานให้พระองค์โตขึ้น ภาพของพระพุทธเจ้าโตขึ้น ขอให้พระองค์ทรงเล็กลง ก็เล็กลง ให้สูงให้ต่ำ ได้ตามความต้องการ อย่างนี้ถือว่าถึงที่สุดของมโนมยิทธิ ถ้าทำมโนมยิทธิได้ตามนี้แล้วจึงเคลื่อนออก ถ้าเคลื่อนไปไหนจิตกับกายจะตัดกันเด็ดขาด คือว่าไปสุดตัว ถ้าไปสุดตัวก็จะได้พบทุกอย่าง จะพบเทวดา จะพบพรหมก็ดี พบพระอรหันต์ เราก็จะมีสภาพไปนั่งคุยกันอย่างสบาย เหมือนกับเรานั่งคุยกันอยู่นี่ ถือว่าเป็นการเต็มมโนมยิทธิที่ศึกษา เพราะมโนมยิทธิที่เราศึกษากันอยู่เวลานี้ เราใช้กำลังครึ่งเดียวแต่ว่าเพื่อผลประโยชน์ของบรรดาท่านพุทธบริษัท ว่าคนทุกคนยังต้องกินต้องใช้พระพุทธเจ้าก็ทรงห่วงเหมือนกัน ท่านถือว่าถ้าทุกคนยากจนเสียจริงๆ ไม่มีกินมีใช้ การเจริญสมาธิก็ไม่มีผล เพราะมีความเดือดร้อน.."

    "..ฉะนั้นท่านจึงแนะนำว่า ถ้าทำสมาธิในด้านของกรรมฐานครบถ้วนพอใจแล้ว หลังจากนั้นให้ต่อด้วย คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า และเวลาที่เจริญพระกรรมฐานทรงฌาน เท่าไหร่ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าก็จะทรงฌานเท่านั้น เมื่อคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าทรงเป็นฌานการเงินของบรรดาท่านพุทธบริษัทจะมีคล่องตัวมาก ถ้าปฏิบัติได้เป็นฌานจริงๆ คือเห็นภาพชัดจริงให้สังเกตดูว่า หลังจากทำไป 3 เดือน ผลการปฏิบัติลาภสักการะจะเกิด การเงินจะไม่ฝืดเคืองถ้ายิ่งทำนานมากเงินก็ยิ่งจะขังตัว..

    ... เงินเดือนที่มันไม่ค่อยพอเดือน มันก็จะเริ่มพอเดือน เดือนหน้ากับเดือนหลัง มันสวัสดีกันได้ก็พอตัวแล้ว ต่อเจ้าเดือนหน้ามันไม่ยอมไป เดือนใหม่ก็ยังมาอีก มันเริ่มขังตัว มันขังตัวนะ รวมความว่า มันนอนคุยกันในกระเป๋าได้ ทำตามนี้มีผลจริงๆ นะ และวิธีที่ใช้เงินในคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าก็มีแบบหนึ่ง ซึ่ได้เคยกล่าวไว้แล้ว

    ...และอีกประการหนึ่ง ซึ่งผลที่ได้จากแก้วนี่ อุบัติเหตุมีทุกครั้งใน 3 ครั้งที่แล้วมานะที่แจกมาก็พบอุบัติเหตุทุกครั้ง แตว่าอุบัติเหตุที่น่าจะตายเขาไม่บาดเจ็บ อย่างรายหนึ่งไปอยู่อเมริกา ซื้อรถราคา 3000 เหรียญ ชนกันย่นไปเหลือราคา 300 เหรียญ เจ้าของรถไม่ตาย แต่ว่ารถเหลือราคา 300 เหรียญ และก็เที่ยวแรกที่แจก

    ...วันนั้นไปที่อำเภอสามพรานมีสองคนผัวเมียแกบอกว่า รถชนประจันหน้ากันพังยับเยินเลยพวงมาลัยมากระแทกอกสามี พวงมาลัยคด แต่สองคนในรถไม่เป็นอันตรายอีกรายหนึ่งเขามารายงาน รายนี้ลูกสาวตัวเล็กล้มลงไปทับแก้ว เศษแก้วกระเด็นเข้าตา แกก็ร้องจ้า ฝ่ายพ่อจะพาไปโรงพยาบาล ก็พอดีนึกได้ว่าเรามีลูกแก้ว ก็เลยลองดูว่าลูกแก้วจะช่วยได้หรือไม่ ก็เอาลูกแก้วไปลูบๆ ที่ตา ประเดี๋ยวเดียวลูกสาวหายปวด ก็เลยพาไปหาหมอให้ดูปรากฏว่าไม่มีเศษแก้ว.."

    "..สำหรับเที่ยวนี้ที่ทำขึ้นมาแล้ว พวกบางแคไปรับมาจากวัด ปรากฏว่าคนหนึ่งก้างปลาติดคอ ทำอย่างไรก็ไม่ออก เขาก็จะพาไปหาหมอ พอดีคนที่เขาได้แก้วไปก็อาราธนาลูกแก้วลูบๆ ที่คอ ปรากฏว่าก้างหาย และก็พวกชุมแสงรับลูกแก้วไปแล้วกลับไปบ้าน ฟ้าผ่าใกล้ๆ ตัวแกไม่เป็นไรทั้ง 2 ราย นี่ก็เลยยกทัพไปรับใหม่ ตอนแรกไปไม่กี่คน พอได้ยินข่าวเลยยกทัพมาเป็นกองทัพเลย

    ...ก็รวมความว่าสำหรับอุบัติเหตุก็เคยโดยมาแล้ว ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทนะ จะเห็นว่าเป็นลูกแก้วเล็กๆ แต่พึงเข้าใจว่า แก้วนี้ทำด้วยบารมีของพระพุทธเจ้า

    ...เวลาทำจริงๆ อาตมาไม่รู้เรื่องเลย ต้องไปศึกษากับท่านมา 2 คืน คืนแรกที่ขึ้นไปก็อยากทราบประวัติว่าลูกแก้วนี้มีประวัติมาจากไหน คือแก้วอาตมามีอยู่ลูกหนึ่ง ไม่ทราบว่ามาจากไหนทราบแต่ว่าเป็นของต้นตระกูลสืบต่อกันมาหลายชาติ ก็ขึ้นไปหาโยมท่านที่ดาวดึงส์ ไปถามโยมผู้ชายว่าโยมทราบประวัติของลูกแก้วนี้ไหม ท่านบอกว่าท่านทราบประวัติแต่ไม่เคยใช้มาก่อน คนที่เคยใช้จริงๆ คือโยมหญิง(ท่านย่า)

    ... โยมหญิงท่านบอกว่าท่านใช้มาแล้วหลายสิบชาติ และก็สมัยครองราชย์ ท่านบอกว่า
    "เรามีลูกแก้วลูกเดียวประชากรในประเทศเรายังไม่มีใครจนเลย ท่านเลี้ยงพอ "

    ...ก็เลยถามประวัติความเป็นมาท่านบอกว่าเดิมทีเป็นลูกแก้วลูกยอดของพระเจ้าจักรพรรดิ์ เลยถามท่านว่า " เวลานี้แก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ์อยู่ที่ไหน " ท่านบอกว่า " อยู่ที่พระจุฬามณี "

    ....จึงพาไปดูความจริงสมัยนั้นของพระเจ้าจักรพรรดิ์ที่มีแก้วมณี มีพระขรรค์แก้ว มีเกือกแก้ว มีจักรแก้ว แต่ว่าทั้ง 4 อย่างนี้อยู่คนละที่ มีเทวดารักษาอยู่ ถ้าใครจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์เทวดาก็จะนำของทั้ง 4 อย่างมามอบให้ แต่ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์คนนั้นตาย คนอื่นจะรับมรดกแทนไม่ได้เทวดาเขาต้องเอาคืนกลับไป เทวดาท่านต้องหวงแหนเพราะว่าของ 4 อย่างนี้ จะต้องเป็นของคนที่มีบุญพอจึงจะครองไว้ได้...".

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง) อุทัยธานี
    ที่มาจาก... หนังสือสมบัติพ่อให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2019
  20. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 018 เหรียญครุฑรักษา หลังยันต์แปดทิศ หลวงพ่อวราห์ วัดโพธิ์ทอง
    ปิดรายการ

    Screen Shot 2562-05-06 at 1.51.46 PM.png


    พระอาจารย์วราห์ปลุกเสกเมื่อ วันที่ 28 ตุลาคม 61 ด้านหน้าเป็นรูปพญาครุฑ ล้อมด้วยนกวายุภักษ์
    ตามตำรานกวายุภักษ์เป็นน้องร่วมมารดากับพญาครุฑ บำเพ็ญบารมีอยู่ในครรภ์ได้เพียง 1ปี ก็ต้องมาจุตติ จึงมีอิทธิฤทธิ์ไม่เทียบเท่าพญาครุฑซึ่งบำเพ็ญบารมีอยู่ในครรภ์มารดาถึง 500 ปี ด้านหลัง เป็นยันต์แปดทิศ ล้อมยันต์เกราะเพชร ยันต์แปดทิศกำกับด้วย

    นะ มะ พะ ธะ ธาตุทั้งสี่ ดิน นำ้ ลม ไฟ
    อิ กะ วิ ติ หัวใจพระพุทธเจ้า
    นะ โม พุทธา ยะ หัวใจพระเจ้าห้าพระองค์
    อิ สะ วา สุ หัวใจยอดพระไตรปิฎก
    พุท ธะ สัง มิ หัวใจยอดสิงห์ 227ข้อ
    นา สัง สิ โม หัวใจเศรษฐี
    สะ สิ มิ ระ หัวใจหมี
    นะ มะ อะ อุ หัวใจเมตตา 108



    สร้างในวาระที่ระลึกงานกฐินพระราชทานผ้าไตร ทอด ณ วัดโพธิทอง ปี2561 ขนาดเหรียญ 2.6 cm ตอกโค้ด วพท

    อำนาจพญาครุฑสามารถจำแนกได้ถึง ๘ ประการ โดยนับเอาอำนาจหลัก ๆ ได้ดังนี้คือ
    เป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอำนาจอันเฉียบขาด สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสย์ทั้งปวง ภูติผีปิศาจกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ เป็นสื่อนำความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตหน้าที่การงาน
    ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน เป็นเมตตามหานิยม นำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้
    ทำมาค้าขายดีเป็นสื่อนำโชคลาภนานาประการ สัตว์ร้าย เขี้ยวงาสารพัด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ อสรพิษไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้ เพราะเกรงตบะบารมีขององค์พญาครุฑเป็นที่สุด

    ประวัติ พระอาจารย์วราห์ วัดโพธิทอง
    พระอาจารย์วราห์ ถือกำเนิดย่านบางมด เขตราษฎร์บูรณะ กทม. เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๐๔ ในครอบครัวที่มีบิดาเป็นชาวไทยมุสลิม และมารดาเป็นชาวไทยพุทธ ในวัยเยาว์ท่านจึงนับถือทั้ง ๒ ศาสนา จนเมื่ออายุได้ ๒๓ ปี ด้วยความที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ครอบครัวพี่น้องพ้นจากภัยพิบัติ ซึ่งเป็นไปตามที่ให้สัญญาไว้ เมื่อท่านกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น จึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ณ พัทธสีมาวัดโพธิทอง

    หลังจากที่ได้บวชเรียนแล้ว ด้วยความที่ชอบทางด้านศึกษาตำรับตำรา ทั้งทางธรรมและทางวิชาอาคม รวมทั้งด้านโหราศาสตร์ ท่านจึงได้เดินธุดงค์ไปศึกษาวิชาการต่างๆ จากหลายท้องที่ทั่วเมืองไทย ทั้งทางภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ รวมทั้งยังได้เดินทางไปศึกษาจากประเทศใกล้เคียง จนเลยไปถึง อินเดีย ทิเบต เนปาล ฯลฯ

    สำหรับอาจารย์ของพระอาจารย์วราห์มีหลายท่าน อาทิ หลวงปู่มุจลินทร์ มาสอนวิชาทางนิมิต หลวงปู่ใหญ่ทางภาคอีสาน หลวงปู่เขียน วัดตะคล้อ จ.นครสวรรค์ (ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) ฯลฯ

    เมื่อพระอาจารย์วราห์ได้เดินธุดงค์เป็นเวลานาน หลังจากกลับมาที่วัดโพธิทอง ญาติโยมจึงขอร้องให้ท่านประจำอยู่ที่วัด เพื่อช่วยสงเคราะห์ให้กับชาวบ้านที่เดินทางมาหา

    ต่อมาเมื่อพ.ศ.๒๕๓๕ ท่านได้นิมิตว่า มีพญาครุฑ ๒ องค์ มาหาบอกว่า อยู่ที่วัดโพธิทองมานาน เป็นรูปพญาครุฑเนื้อไม้แกะสลัก ถูกเก็บเอาไว้โดยไม่มีใครสนใจ องค์ที่ ๑ ชื่อองค์พญาครุฑ "เวสชัยยัน" (รูปแบบองค์พญาครุฑ รุ่น "ล้างอาถรรพ์") เป็นพญาครุฑที่มีฤทธิ์มาก มีทรัพย์เงินทองมากมาย องค์ที่ ๒ ชื่อองค์พญาครุฑ "พระยาสุบรรณ" (รูปแบบองค์พญาครุฑ รุ่น "โคตรรวย") มีร่างกายเป็นทองคำ สง่างาม มีฤทธิ์มาก มีทรัพย์มาก เช่นกัน พญาครุฑทั้ง ๒ องค์ ได้มาแนะนำให้ท่านสร้าง องค์พญาครุฑ ให้ประชาชนนำไปบูชาเพื่อเป็นสิริมงคล และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดโพธิทอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2019

แชร์หน้านี้

Loading...