สอบถามเรื่องกรรมฐาน 5

หึหึ งั้นหยออีนังแมวยั่วสวาท!!

 

ถ้าสมมุติว่า ตัวจิตมันวิ่งไปที่อวัยวะใดๆ
ก็ตามที่เคยพร่องได้ แล้วไปหยุดอยู่ตรงนั้น
จนระเบิดเป็นสีขาวเสียงดังกัมปนาทได้
อวัยวะชิ้นนั้นจะหายขาดได้เลย
เหมือนไม่เคยเป็นอะไรมาก่อนครับ
แม้ว่าจะเคยบกพร่องมานานแค่ไหน


ปล. เล่าให้ฟังเฉยๆครับ

 

ขอบคุณมากครับ !! ใจเต้นเลยครับ เหมือนเห็นเเสงสว่างที่ปลายอุโมง

 

เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ"..ขึ้น
ตะโจ ทันตา นขา โลมา เกสา..ลง
จบ...เลย
ไม่ลง..สาเกนะ
เป็นเรื่อง
เลย

 

ความสำคัญของการพิจารณา
ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง
ห้าอย่างนี้ เป็นเครื่องตบแต่งร่างกาย
ทำให้เกิดความพอใจขึ้นมา

ตัวพอใจมันปกคลุมความรู้สึกตัวเอง
ทำให้มีความอยากขึ้นมา
อยากสวยอยากหล่อ
อยากแต่งตัว..ชอบส่องกระจก

ต้องถอนตัวพอใจออกก่อน
บาลีเรียกกำจัดตัวอภิชฌา(ความพอใจ)

จากนั้นก็เดินปัญญาพิจารณากาย
ให้เห็นตามความเป็นจริง
ให้เห็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
หรือเห็นเป็นธาตุสี่
หรือเห็นเป็นของสมมุติ
ก็แล้วแต่จะพิจารณา

เรียกว่าใช้ปัญญาอบรมจิต

จนกว่าจิตจะวางกาย
ไม่ยึดกายตัวเอง..

 

ลุงสนใจกรรมฐาน 5 บ่ จ้าง 20 ฝึกควบกะดูจิต ลต. ถ้าทำ
เดี๋ยวปริ๊นภาพ ลต อัดกรอบวิทย์ส่งให้ถึงบ้าน เอาบ่

 

อ้าว... ทำไมอิงโพสต์ลุงแบบนี้
เสียหายทั้งคู่เลยนะนั่น ลบเลยลบเลย

 

ถ้าปวีร์จะฝึกกรรมฐานก่อนด้วยตัวเอง
แนะนำให้ฟังคลิปหลวงพ่อปราโมทย์ฮับ
ฟังคลิปที่สอนสมถะโดยตรงเลย
ท่านอธิบายวิธีเริ่มต้น การวางกาย วางใจ
ให้ถูกต้อง

 

เอิ้กๆๆ

 

อ่านแล้วคือ อาจจะกลายเป็นนางแมวยั่วสวาท
ใจเย็น555

 

ให้อีก 5 อาจไม่เป็นนะครับลุง

 

รวมเป็น 25 ราคารถตุ๊กๆไปซื้อกับข้าวตลาด
สด

 

อย่าให้ห้อง อภิญญาเงียบสิครับลุงแมว

ชม. นี้ เหมาเวลาออกอากาศให้ลุงคนเดียวเลยนะครับ

อิอิ

 

ฮือฮือ.. ยิ่งโพสต์ค่าตัวยิ่งลดฮับ
ตอนนี้เหลือแค่ 20 เองฮับ (ทำหน้าเศร้า)

 

พอค่ากาแฟ ค่าลูกอมก็พอแล้วครับลุง

เอิ้กๆ

 

สายตาที่ดีกว่าปกติคือ

สายตาที่เห็นในสิ่งที่แสดงออกของกรรม
และเห็นเหตุของกรรม
และผลที่ได้รับใช้อยู่ ณ ปัจจุบันนั้นนั้น

และเห็นสิ่งที่ทำปัจุบัน
และกำลังจะเสวยในอนาคตนั้นนั้นๆ

เห็นผลบุญที่ทำและได้รับอนิสงฆ์
ในขณะนั้น
ทำให้คนที่ได้
จะเกรงกลัวที่จะสร้างบาป ก่อกรรม ทำเข็ญ

หลวงพ่อที่บ้านสบายใจ
ท่านกล่าวไว้ว่า
บุคคลใดที่ได้มโนมยิทธิแล้ว
จะไม่มีทางกลับไปเป็นคนเดิม

ด้วยเห็น บุญเห็นบาปนั้น ได้ชัดเจน
และไม่เข้าไปข้องเกี่ยว
สิ่งไม่ดีทั้งหลายคะ

 

ใช่ครับ ที่พูดมาเริ่มจากสายตาดี
เหมือนกัน แล้วแต่ว่าจะไปมองมุมไหนก่อน
ที่คุณ นี เล่ามามองไปทางด้านวิปัสสนาครับ
ส่วนมากจะเป็นพระฯที่จะเน้นมุมนี้
กับฆารวาสที่เริ่มมาทางด้านปัญญาบ้างแล้ว
จะต่างกันที่ความละเอียด
ปล. มีด้านสมถะ และวิปัสสนา
แล้วแต่บุคคลเนาะ
ท้ายนี้

'' สภาวะ ศีล คือ สภาวะไม่คิดอาฆาต พยาบาท และเบียดเบียน นั้นและจิตใจปกติ


'' สภาวะ สมาธิ คือ สภาวะไม่ล่วงละเมิด ยับยั้งไม่ให้เกิด นั่นและสมาธิ


" สภาวะปัญญา คือ เห็นโทษที่ล่วงละเมิดไปแล้ว ว่าจะมีผลตามมา นั้นและปัญญา

ส่วนนี้เสริมในส่วนสภาวะ
แบบสายตาปกติครับ
เล่าให้ฟังเฉยๆ

 

บอกส่วนตัวไม่มีจิตคิดอาฆาตใคร
เพราะปล่อยไปหมดแล้ว
เรื่องต่อจากนั้น
ก็สภาวะกรรมของแต่ละบุคคลเป็นผู้กำหนดเอง
หากบุคคลใดยังยึดติดอยู่ตรงจุดนั้น
ก็ยังจะวนอยู่นั้นคือสภาวกรรมเป็นผู้กำหนดเอง
หาใช่ผูที่เคยอาฆาตไม่
นั้นคือจิตผู้นั้นยังไม่บริสุทธิพอ
ที่จะเห็ว่าผู้ให้
อโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น

หากจะแก้ต่างส่วนนั้นให้ขาดไปได้
บุคคลผู้นั้นต้องใช้
ธูปเทียนแพรึเปล่า
ไปขอขมากรรมต่อพระรัตนไตร
รึเปล่าจิตจะได้สะอาดและบริสุทธิโดนถ่องแท้
เพื่อให้จิตผู้นั้นหลุดจากคำอาฆาตที่ตัวเองไปจดไปจำเอาไว้กับตัวเอง..
เก็บไว้เสียเองไม่ปล่อยเอง
อันนี้แนะนำว่าควรทำ
เพราะช่วยท่านได้เท่านี้คะ


ถ้าถามว่าสมถ หรือ วิปัสนา
จุดสุดท้าย
คือ
วางไว้ทั้งหมด
ไม่ติดไม่ธุระ
นั้นคือสภาวะสุดท้าย
ส่วนตัว..ที่พิจารณา
คะ

 

จริงๆนะคุณ นพ
ฆราวาสที่ตั้งใจปฎิบัติธรรมก็มีมากนะ
ที่ดีดีก็มีเยอะนะคุณนพ
เห็นแบบชัดชัด แบบจัดเต็มก็ก็มีอยู่จริง
นะคุณนพนะ
ก็
เพิ่มเติม เสริมๆกัน
เพื่อความดีที่ยั้งยืน
และแข็งแกร่ง
เหมือนเรามีกระจก
อ้าวลิปสติจางก็เติม
ผมไม่เข้ารูปก็เซต
จัดใหม่
มันก็ช่วยได้หลายอยู่นะ

แต่บางที
เราดันกลัวตัวเอง
กลัวคนอื่นจะเห็นความไม่ดี
ไปเสียฉิบ
ก็หาวิธีกำจัดไอ้ที่ทำให้เห็น
แต่ไม่ยักแก้ใขตัวเองเพื่อให้ดี
ให้ได้

ก็เลยเสียฟรี. ใช้ไม่เป็นกันไป
เหมือนไก่ได้พลอยกันไป
ก็เล่าขำขำนะ
คุณนพนะ

ก็ว่ากันไปตามกรรมนะ
เป็นกัลยาณมิตร
ต่อกันแล้ว
เพราะถือคำขออโหสิกรรมเป็นที่ตั้ง
คงไม่ถือสานะคุณนพนะ