**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Lo_olLo, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,953
    ค่าพลัง:
    +5,631
    โอนเงินแล้ว 4,150.- บาท วันที่ 2/5/62 เวลา 10.21 น.

    ที่อยู่ ตาม PM
     
  2. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    พลังงานพระพุทธคุณ
    ในศาสตร์สายพลังงานหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    หลวงตาม้า วิริยธโร เมตตาอธิบาย

    ?temp_hash=3184d44a3fdced5abb0b4e0b077650ae.jpg
    พลังงานคืออะไร
    - พลังงาน หมายถึง สิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ด้วยประสาทสัมผัส ไม่อาจมองเห็นด้วยสายตาทั่วไป แต่สามารถนำมาใช่งานได้และสามารถทำงานได้ มีผลกระทบต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปในบริเวณนั้น ส่วนผลกระทบมากน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณพลังงานมากน้อยที่ถูกบันทึกหรือสะสมไว้


    ดังนั้นพลังงานจึงเป็นของละเอียด สามารถสัมผัสได้ด้วยของละเอียดเหมือนๆกันนั้นคือ "จิต" ตัวอย่างของพลังงานที่เกิดจากการกระทำของเราเอง นั้นคือ "กรรม" นั้นคือพลังงานการกระทำ ไม่ว่าจะกระทำดี(กุศลกรรม) หรือ กระทำไม่ดี(อกุศลกรรม) พลังงานการกระทำนี้ก็จะถูกบันทึกไว้ในจิต และจะให้ผลในการต่อไป เมื่อมีเหตุและปัจจัยเอื้ออำนวยผล เกื้อหนุน

    พลังงานเกิดจากอะไร
    - หลวงตาม้า ท่านเคยกล่าวว่า "...พลังงานก็เกิดจากคนเรานี้แหละ ที่กระทำทั้งดีและไม่ดี และจะถูกบันทึกไว้ ทั้งในจิต และ ทั้งในบริเวณนั้นๆ ถ้าบริเวณนี้(ท่านยกตัวอย่าง ณ สถานที่ท่านเทศน์ตอนนั้น) เคยเป็นวัดมาก่อน ถ้าเราจิตสบายๆจิตสงบ เราจะสามารถสัมผัสได้นะฮะ ถ้าจิตมีกำลังเนี่ยรู้ได้เลย เห็นภาพเลยว่าบริเวณนี้เคยเป็นโบสถ์ เป็นศาลา เป็นวิหาร ใครกำลังทำอะไรอยู่ สามารถย้อนๆไปได้ หลายร้อย หลายพันปีนะ ตามกำลังที่เรามี..."


    จะเห็นได้เลยว่า พลังงาน จึงเกิดกับตัวคน และหรือกิจกรรมต่างๆของคน ที่เคยอยู่ เคยทำในบริเวณนั้นๆ และจะถูกบันทึกไว้ทั้งดี และไม่ดี ซึ่งจะถูกบันทึกในลักษณะภาพพลังงานที่ซ้อนๆ กันอยู่ รวมไปถึงพลังงานของ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ ที่ท่านมีกำลังมากๆ พลังงานของท่านก็ยังคงอยู่ แม้เวลาต่อมา ท่านจะนิพพาน บรรลุอรหันต์ไปแล้วก็ตาม ท่านก็ไปเพียงจิต เพียงธาตุขันธ์ของท่าน แต่พลังงานของท่านก็ยังฝากไว้และถูกบันทึกไว้ในโลก และไม่ศูนย์หายไปไหน

    ?temp_hash=3184d44a3fdced5abb0b4e0b077650ae.jpg

    การบันทึกพลังงานในองค์พระ

    - หลวงตาม้า ท่านเคยกล่าวเรื่องการบันทึกพลังงานไว้ว่า "พระที่เราห้อยอยู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปพุทธะ ธรรมมะ สังฆะ ย้อมเป็นสื่อพลังงานของท่านนั้นๆหรือองค์นั้นๆที่ท่านอธิษฐานลงในรูปลักษณ์พระนี้ จะถูกบันทึกลงในพระนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะองค์เล็ก องค์ใหญ่ บันทึกนามธรรมลงไว้ เราสามารถเรียนทั้งกรรมฐาน หรือศาสตร์อะไรก็ได้ในพระนี้นะ เป็นคล้ายๆกับดีสบันทึกข้อมูลอันแหละ ส่วนเราจะเปิดข้อมูลออกมาแบบไหน ก็อยู่ที่จิตเราจะเบาขนาดไหน ก็สามารถสื่อกับพลังงานนั้น ในองค์พระได้ขนาดนั้น...."

    เราสามารถสื่อกับพลังงานในองค์พระได้ อันดับแรกต้องมีความศรัทธาในองค์พระที่เรานับถือ การสวดมนต์ไหว้พระจะทำให้จิตเราเบาและรวมลงได้และเมื่อทำประจำ ก็จะเป็นการบันทึกพลังงานลงในจิต และเป็นการสื่อระหว่างจิตของเราและพลังงานในองค์พระนั้นๆด้วย..

    หลวงตาท่านบอกว่า "...พระทุกองค์มีพลังงาน ส่วนพลังงานจะเป็นแบบไหนก็อยู่ที่รูปลักษณ์ของครูบาอาจารย์องค์นั้นๆ เพราะพระเป็นสื่อของบารมีของรูปลักษณ์องค์พระนั้น และอยู่ที่ว่าท่านจะอธิษฐานจิตไปในแบบใด ไม่ว่าจะเป็นด้านแคล้วคลาด มหาอุตม์ โชคลาภ เมตตา หรืออื่นๆ ทั้งตามบารมีของท่านด้วยทั้งตามที่ท่านอธิษฐานด้วย ก็จะถูกบันทึกลงในองค์พระ ฉะนั้นเนี่ยพระทุกองค์ไม่ว่าจะองค์เล็ก องค์ใหญ่จะมีแสงสว่างออกมา จากองค์พระนะฮะ..."

    ?temp_hash=2aa498bbd0120ab7ff2fb583a4b8a18b.jpg

    - บทสวดมนต์ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระแสพลังงาน หลวงตาม้า ท่านว่า"...บทสวดมนต์ก็เหมือนกันทุกๆบทมีพลังงานเหมือนกัน แต่มันต่างกันที่ออฟชั่น
    ของพลังงาน ที่ต่างกันนะคลื่นกระแสของพลังงานที่ต่างกัน..."


    - บุญ ก็เป็นกระแสอย่างหนึ่ง คือความสบายใจ ความสุขใจ ซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทำที่เป็นกุศลกรรม และทุกๆกระแส ทุกๆพลังงานสามารถต่อได้ เช่น วันนี้สามารถสวดมนต์ เจริญภาวนาได้ 5 นาที วันต่อมาทำอีก 5 นาที แบบนี้ถือว่าเป็นการต่อกระแส บุญ ก็ย้อมเพิ่มขึ้น สติการภาวนาก็เพิ่มขึ้นด้วย เมื่อบันทึกพลังงานหลายครั้งหลายหนเข้า พลังงานย้อมเพิ่มขึ้น และช่วยให้ จิตมีกำลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงเป็นการฝึกจิตให้มีกำลังเพิ่มมากขึ้น

    - รูปลักษณ์ขององค์พระ ก็คือสื่อของบารมีองค์พระนั้นๆ เมื่อพลังงานที่ถูกอธิษฐานจิตลงรูปลักษณ์ของท่านแบบใด บารมีบุญท่านเป็นแบบใด วัตถุมงคลก็จะมีพลังงานแบบนั้น กระแสที่ออกจากวัตถุมงคลก็จะมาคุ้มครอง และมีฤทธิ์ตามกระแสพลังงาน ที่จะเข้ามาสู่ผู้ระลึกน้อมบูชาแบบนั้น ไม่ว่าจะออกมาในรูปของ ออฟชั่นแบบใด เช่น ด้านโชคลาภ แคล้วคราด คงกระพัน เป็นต้น...

    ?temp_hash=3184d44a3fdced5abb0b4e0b077650ae.jpg

    การน้อมพลังงานองค์พระมาใช้

    การน้อมพลังงานนั้น คือ การระลึกถึงด้วยความเคารพ มีจิตอันเป็นศรัทธา หลวงตาม้า ท่านกล่าวว่า "เมื่อเราระลึกนึกถึงพระองค์ใด กระแสพลังงานของพระองค์นั้นจะมาที่จิตเราทันที ทีนี้ตัวท่าน(หมายถึงพระ)มีอะไร เราก็จะมีแบบท่านด้วย เพราะจิตเรารับกระแสพลังจากท่านมา"

    - การน้อมระลึกด้วยการอธิษฐาน ไม่ว่าจะอธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนาให้ท่านช่วย หรือ อธิษฐานเพื่อเป็นแนวทางในการเจริญภาวนา เมื่อเราอธิษฐานจิตถึงท่าน เราก็น้อมพลังงานท่านแล้วอธิษฐาน หรือแผ่เมตตาออกไป เพราะต้นพลังงานคือองค์พระที่เราระลึกถึง ท่านมีแต่ นาม ไม่มี รูป ดังนั้นตัวเรามีทั้งรูป(ธาตุ 4) และนาม(ขันธ์ 5) พลังงานที่เป็นของละเอียด จึงผ่านที่เราออกไปที่ของหยาบ(ธาตุทั้ง 4) ได้


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2019
  3. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    ด้วยเคยลงไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังมีสมาชิกหลายท่านสอบถามเข้ามาอีกครับ ผมเลยนำมาลงให้บูชาอีก1ุชุด
    ** ขออนุญาตให้เฉพาะท่านที่ยังไม่มี ได้บูชาเท่านั้นครับ**
    ขอบอกก่อนเลยครับว่า รุ่นนี้แม้แต่ครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานบางองค์บางท่านก็มีบูชาเก็บติดตัวเหมือนกันครับ เพราะเชื่อว่า
    **มีพลังงานธรรมหลวงตามหาบัว อธิษฐานให้บอกเลยครับ บารมีหลวงตารู้จักกันทั้งประเทศ**


    รายการที่ 257
    เหรียญเจดีย์มหามงคล จ.ร้อยเอ็ด

    พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
    (เหรียญที่พระอรหันต์ ผู้มีบารมีใหญ่แห่งยุคอธิษฐานจิต)

    ?temp_hash=3584c613a758d5feff99042373a6fcc0.jpg

    ?temp_hash=3584c613a758d5feff99042373a6fcc0.jpg
    เหรียญเจดีย์มหามงคล จ.ร้อยเอ็ด พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน พศ.2549 เป็นเหรียญที่ได้รับการอธิษฐานจิตโดยท่านพระอาจารย์มหาบัวจริง โดยท่านพระอาจารย์มหาบัวได้อธิษฐานจิตเหรียญชุดนี้ที่บ้านของเสี่ยสมหมาย จ.ร้อยเอ็ด โดยเสี่ยสมหมายเป็นผู้กราบอาราธนาท่านพระอาจารย์มหาบัว ขอเมตตาอธิษฐานจิต จากนั้นได้ถวายเหรียญเกือบทั้งหมดให้หลวงปู่ทุย (พระอาจารย์ปรีดา ฉันทกโร) วัดป่าดานวิเวก เป็นผู้พิจารณาแจกและบรรจุในเจดีย์ เหรียญชุดนี้มีอยู่ด้วยกันสองพิมพ์ คือพิมพ์สี่เหลี่ยม ด้านหน้าเป็นพระประธานวัดป่าบ้านตาด และพิมพ์ดอกบัว ด้านหน้าเป็นรูปพระอาจารย์มหาบัว ส่วนด้านหลังของทั้งสองพิมพ์ เป็นรูปเจดีย์มหามงคล จ.ร้อยเอ็ด มีลายมือชื่อท่านพระอาจารย์มหาบัว และมีตัวอักษร ระบุ "เจดีย์ มหามงคล จ.ร้อยเอ็ด" "วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ๒๕๔๙" ปัจจุบัน ปรากฏมีของปลอมทำเลียนแบบออกมาแล้วนะครับ

    หลวงตาเสก ให้แล้วแน่นอน100%ที่ใช้คำว่าเสกเพราะ หลวงพ่ออุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่เจริญธรรม(เดิมอยู่วัดภูวัว) เป็นผู้กล่าวไว้ตอนแจกว่า "นี้เหรียญหลวงตา เก็บไว้ดีๆนะ ของค้ำของคูณ(ค้ำชูอุดหนุน) ขออนุญาตหลวงตา หลวงตาอนุญาต แล้วก็เสกให้ด้วย"

    2850
    (1 ชุด มี 2 องค์ครับ ถือเป็นพระที่มีความเป็นมงคลมากในปัจจุบัน และ ราคาหาบูชาสูงไปแล้วครับ นี้คือของเก่าเก็บของผมที่ไม่ได้ต่อมือเลยครับ)

    จอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010001.JPG
      P1010001.JPG
      ขนาดไฟล์:
      81.5 KB
      เปิดดู:
      101
    • P1010002.JPG
      P1010002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      82.3 KB
      เปิดดู:
      92
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2019
  4. Cajun

    Cajun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +261
    จองรายการที่ 257
     
  5. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับ
     
  6. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    เทวดา กับมนุษย์
    (ความสัมพันธ์ที่สื่อถึงกันได้)

    ?temp_hash=f2d318d1fc6dd0ff5def8d99a7b8eff7.jpg

    ตามคติความเชื่อในเรื่องของ สวรรค์ นรก มนุษย์ และ อมนุษย์ ทั้งหลายในสงสารวัฏ เป็นความเชื่อดังเดิมมาตั้งแต่โบราณ ทั้งยังอยู่คู่กับสังคมมนุษย์ตลอดมา และยังเนื่องด้วยเรื่องของอารยธรรมในอดีต ที่เคยรุ่งเรื่องก็บ่งชี้ถึง ความเชื่อแต่ดังเดิมในเรื่องของบุญ บาป ทั้งเกี่ยวเนื่องกับศาสนา ทั้งเกี่ยวเนื่องด้วยตำหรับตำราโครงกลอนของนักปราชญ์ราชบัณฑิตในสมัยก่อน เพื่อเป็นการปลูกฝังคติความเชื่อและเดือนสติ มิให้มนุษย์ในสังคมคิดชัวรู้จักกลัวบาป และอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ในสังคมนั้นๆ

    โดยเฉพาะทางฝั่งเอเชียบ้านเรานี้ ก็ได้รับอิทธิพลความเชื่อนี้อย่างแพร่หลาย โดยนับเนื่องจากความเชื่อในพุทธศาสนาและความเชื่อในคติของตำราดังเดิม เช่น ไตรภูมิพระร่วง บทสวดมติกาในเรื่องของพระมาลัย หรือแม้ในพระไตรปิฏกในส่วนของอรรถกถา ก็ได้กล่าวในเรื่องเกี่ยวเนื่องของ สววรค์ นรก ไว้อยู่บ้าง โดยในความเชื่อที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างกามภพ คือเหล่าเทวดาทั้งหลาย หรือเทพพรหมทั้งหลาย ที่มีอิทธิพลในความเป็นไปของมนุษย์ ทั้งยังส่งผลเกื้อกูลทั้งในเรื่องดี และเรื่องไม่ดีได้ ในบางจังหวะชีวิต ที่กรรมส่งผลทั้งดีและไม่ดี

    ?temp_hash=f2d318d1fc6dd0ff5def8d99a7b8eff7.jpg
    พระสยามเทวาธิราช เป็นเทวรูป ที่ในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้น
    เนื่องด้วยทรงมีความเชื่อว่า ที่ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตต่างๆมาได้ โดยไม่สูญเสียอิสรภาพและยังดำรงค์ความเป็นชาติไทยมาได้อยู่นั้น ก็เพราะมีเทวดาอารักษ์คอยปกปักรักษาแผ่นดินอยู่เป็นแน่แท้ จึงได้โปรดเกล้าให้สร้างรูปเหมือนเทวดาขึ้นและทรงให้ชื่อว่า
    "พระสยามเทวาธิราช"

    ดังนี้จึงเห็นได้ว่า การสื่อสารระหว่างมนุษย์ และ เหล่าเทวดาก็มีมาแต่ช้านานแล้วไม่ว่าจะเป็นคติทางพราหมณ์ หรือ คติทางพุทธ โดยจะเห็นได้จากในพิธีกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะทำอะไรในงานมงคล หลายครั้งจะต้องมีการบูชาบวงสรวง บอกกล่าวองค์เทพเทวาอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลในการทำงาน ส่งผลให้ราบรื่นประสบผลสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่โบราณมาจึงนิยมสร้างวัตถุรูปเหมือนองค์เทพขึ้นมาที่เรียกว่า "เทวรูป" เพื่อเป็นรูปแทนองค์เทพต่างๆ เสมือนหนึ่งเป็นสื่อ หรือช่องทางในการติดต่อกับองค์เทพนั้นๆ โดยแสดงออกทางพิธีกรรม การสวดมนต์ เพื่อขอให้องค์เทพช่วยในวาระการงานต่างๆที่มนุษย์ไม่อาจทำได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นดังการส่งเสริมกำลังใจ ให้มีกำลังใจในการพลักดันเพื่อกระทำกิจการงานนั้น ให้สำเร็จไปได้ด้วยดี

    ?temp_hash=f2d318d1fc6dd0ff5def8d99a7b8eff7.jpg

    ซึ่งคติความเชื่อเรื่องเทวดาที่ว่านี้ ก็หาใช่เป็นคติที่เกิดขึ้นลอยๆหรือตามคตินิยมเพียงอย่างเดียวไม่ แต่ในทางศาสนาพุทธ ก็ยังมีหลักคำสอนอันเกี่ยวเนื่องด้วยเรื่องเทวานี้ เช่นกัน อาทิ เช่น ปรากฏใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต ราชสูตรที่ ๑...."ประมาณว่า ในปกติตั้งแต่วันพระเล็ก คือ 8 ถึง 14 ค่ำ เหล่าเทวดาที่เป็นบริวานของท้าวจตุโลกบาล ทั้งหลายในสวรรค์ชั้นที่ 1 คือ จตุมหาราชิกา จะลงมายังโลกมนุษย์เพื่อมาจดบันทึกว่า ในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา เกื้อกูลแก่บิดา เกื้อกูลแก่สมณะ เกื้อกูลแก่พราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในสกุล อธิษฐานอุโบสถ ปฏิบัติ ทำบุญ มีอยู่มากน้อยเท่าใด และเมื่อถึง 15 ค่ำ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 จะลงมาตรวจดูด้วยตนเองว่า ในหมู่มนุษย์ มนุษย์ที่เกื้อกูลแก่มารดา เกื้อกูลแก่บิดาเกื้อกูลแก่สมณะ เกื้อกูลแก่พราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในสกุล อธิษฐานอุโบสถ ปฏิบัติ ทำบุญ มีอยู่มากน้อยประมาณใด และเมื่อได้ความมากน้อย ท่านจตุโลกบาลทั้ง 4 ก็จะขึ้นไปประชุมที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งเทวดาจะมาประชุมกันอยู่ ณ สุธรรมาสภา และจะกล่าวท่ามกลางที่ประชุมเทวดา ในเรื่องที่จดบันทึกมาของเหล่ามนุษย์ ถ้ามีมนุษย์ที่ยังกุศล ดูแลบิดามารดา เกื้อกูลสมณะชีพราหมณ์ ปฏิบัติธรรมอ้อนน้อมถ่อมตน ทำบุญเป็นกิจงาน จำนวนมาก เหล่าเทวดาก็จะดีใจและอนุโมทนา และย้อมดูแลปกปักรักษาหมู่มนุษย์ผู้หยังกุศลให้ถึงพร้อมอยู่เสมอๆ แต่ถ้ามนุษย์ยังอกุศลจำนวนมาก ไม่ดูแลบิดามารดา ไม่เกื้อกูลสมณะชีพรามณ์ตามสมควรแล้ว ไม่รู้จักรักษาศีลธรรม ไม่รู้จักการปฎิบัติธรรมตามกาล บัดนั้นเทวดาก็จะเสียใจ และย้อมทอดทิ้งมวลมนุษย์ที่มีจิตหยังอกุศล ให้ประสบณ์เคราะห์กรรมในอุกุศลนั้น..."

    ....จากพระสูตร จะเห็นได้ว่าเมื่อมนุษย์ทอดทิ้งศีลธรรม อันเป็นคุณธรรมเบื้องต้น ฉันใดเหล่าเทวดาทั้งหลายก็ย้อมไม่ปกปักรักษา ซึ่งในเรื่องนี้ หลวงตาม้า วิริยธโร ท่านเคยกล่าวว่า "...เทวดาเขาเป็นกายละเอียด เขาทำบุญเองไม่ได้นอกจากจะมาร่วมอนุโมทนาบุญ กับมนุษย์ที่ทำกุศล รู้จักสวดมนต์ ไหว้พระ เขาย้อมมาคุ้มครองเราอยู่แล้ว เพราะเขาได้บุญจากเรา เขาย้อมมีความสุข ร่มเย็นมีแสงสว่างมากขึ้นเป็นธรรมดา เขาถึงดูแลเราไง...."



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2019
  7. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่
    เวสสุวรรณ ธตรฐ วิรูปักษ์ วิรุฬหก
    (ตำแหน่งของเทวดา ผู้ดูแลมนุษย์)

    ?temp_hash=97ef5671470f871cc02b1fd9e31cd189.png
    ท้าวจตุโลกบาล เป็นเทวดาที่รักษาทุกข์ สุข ของมนุษย์โลกไว้ทั้ง 4 ทิศ และทำหน้าที่ป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่มนุษย์โลกทั้งหลาย ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์ประกอบด้วย..

    1.ท้าวธตรฎฐ์ ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันออก รูปร่างสูงโปร่งและสูงกว่าทุกๆองค์ใน4ท้าวจตุโลกบาลมีผิวกายสีเขียว, มือซ้ายถือพิณ, มือขวาดีดพิณ พวกคนธรรพ์เป็นบริวาร

    2.ท้าววิรุฬหก ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศใต้ รูปกายสีขาวรูปร่างสมส่วนงดงาม, มีหน้าแดง, มือซ้ายมีงูเลื้อยพันฝ่ามือจับคองูไว้, มือขวาถือพระขรรค์, มีมงกุฎประดับด้วยรูปนาค มีพวกอสูรเป็นบริวาร

    3.ท้าววิรูปักษ์ ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันตก มีรูปกายสีขาวรูปร่างอ้วนใหญ่เหมือนกระพ้อมใส่ข้าว,ท้องป่องพุ่งใหญ่,คอก็สั้น,หัวโต,ฟันขาวเขี้ยวโง้งออกจากปาก,มีริมฝีปากนูนๆตาใหญ่มาก,ขาสั้น,กำยำลำสัน,มือซ้ายถือธนูทรงอาภรณ์สีแดงเลือด มีฝูงนาคเป็นบริวา

    4.ท้าวกุเวร ( ท้าวเวสสุวรรณ ) ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศเหนือ เป็นยักษ์ 3 ขา มีฟัน 8 ซี่ มี ๔ กรพระวรกายขาวกระจ่างสวมอาภรณ์งดงาม มีมงกุฎเป็นน้ำเต้าทรงอยู่บนพระเศียร, แต่มีรูปกายพิการร่างกายกำยำล่ำสันดูแข็งแรงรูปร่างสมส่วน, มือขวาถือกระบองยาว พวกยักษ์เป็นบริวาร

    โดยมีท้าวเวสสุวรรณเป็นหัวหน้าหรือ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4)

    เก่งกว่าท้าวมหาราชองค์อื่น
    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง (ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร

    ท้าวมหาราชทั้ง ๔
    ๑. ท้าวธตรัฏฐะ อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสิเนรุเป็นผู้ปกครองคันธัพพ เทวดาทั้งหมด
    ๒. ท้าววิรุฬหกะ อยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองกุมภัณฑเทวดา ทั้งหมด
    ๓. ท้าววิรูปักขะ อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองนาคะ เทวดาทั้งหมด
    ๔. ท้าวกุเวระ หรือ ท้าวเวสสุวรรณ อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครองยักขะเทวดาทั้งหมด

    เทวดาที่อยู่ภายใต้การปกครองของท้าวจาตุมมหาราช คือ
    ๑. ปัพพัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยภูเขาอยู่
    ๒. อากาสัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยอยู่ในอากาศ
    ๓. ขิฑฑาปโทสิกเทวดา เทวดาที่ มีความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬา จนลืมบริโภคอาหารแล้วตาย
    ๔. มโนปโทสิกเทวดา เทวดาที่ ตายเพราะความโกรธ
    ๕. สีตวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศเย็นเกิดขึ้น
    ๖. อุณหวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศร้อนเกิดขึ้น
    ๗. จันทิมเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระจันทร์
    ๘. สุริยเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระอาทิตย์

    จตุโลกบาล
    ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ยังมีหน้าที่เป็นจตุโลกบาล คือเป็นผู้คุ้มครองและตรวจดูโลกซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์ทั้ง ๔ ทิศ โดย วัน ๘ ค่ำ อำมาตย์ของท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลก วัน ๑๕ ค่ำ บุตรทั้งหลายของท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลก ส่วนในวัน ๑๕ ค่ำ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะเป็นผู้ตรวจดูโลกเองว่า พวกมนุษย์พากันบำรุงบิดามารดา และสมณพราหมณ์ เคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ในตระกูล รักษาอุโบสถศีลและทำบุญกุศลเป็นจำนวนมากหรือไม่ ครั้นตรวจดูแล้วก็จะไปบอกพวกเทพชั้น ดาวดึงส์ ซึ่งมาประชุมกันในสุธรรมาเทวสภา ถ้าได้ฟังว่าพวกมนุษย์ทำดีกันน้อย พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ก็มีใจหดหู่ เพราะทิพยกายจะลดถอย อสุรกายจะเพิ่มพูน แต่ถ้าได้ฟังว่าพวกมนุษย์ทำดีกันมาก พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ก็มีใจชื่นบาน เพราะทิพยกายจะเพิ่มพูน อสุรกายจะลดถอย

    ?temp_hash=97ef5671470f871cc02b1fd9e31cd189.jpg

    ตำนานอาฏานาฏิยปริตร
    อาฏานาฏิยสูตร กล่าวไว้ว่า ในสมัยหนึ่ง เมื่อพุทธเจ้าประทับ ณ เขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ ท้าวจาตุมหาราช คือ ท้าวธตรฏฐ์ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ และท้าวกุเวร พร้อมด้วยบริวารอันได้แก่ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค และยักษ์ มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ท้าวมหาราชเหล่านี้ บางครั้งเรียกว่า จตุโลกบาล ( ผู้รักษาโลกทั้ง ๔) ซึ่งเป็นผู้นับถือพุทธศาสนา เมื่อได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ท้าวกุเวรกราบทูลว่า อมนุษย์ที่เป็นบริวารของจตุโลกบาล บางพวกก็เลื่อมใสพระพุทธเจ้า บางพวกก็ไม่เลื่อมใส เพราะพระองค์ทรงแสดงธรรมให้ถือศีล ๕ คือให้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม การพูดเท็จ และการเสพสุรา แต่มนุษย์และยักษ์ยังชอบทำบาปเหล่านี้ จึงขัดใจไม่ค่อยเลื่อมใส สาวกของพระองค์ที่ประกอบวิปัสสนาธุระ ไปบำเพ็ญสมณธรรมในเสนาสนะป่าเปลี่ยว เมื่อไม่มีสิ่งป้องกัน อมนุษย์ก็จะรบกวนเบียดเบียนให้ลำบาก ขอให้พระองค์ทรงรับเอาเครื่องป้องกันรักษา คือ อาฏานาฏิยปริตรไว้ จะได้ประทานให้สาวกสวด จะทำให้อมนุษย์เลื่อมใส ไม่เบียดเบียนภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา และกลับจะช่วยคุ้มครองรักษาให้อยู่ผาสุข แล้วจึงกล่าว อาฏานาฏิยปริตร ขึ้นในเวลานั้นว่า วัปัสสิสสะ นะมัตถุ เป็นต้น

    เมื่อพระองค์ทรงรับโดยดุษณีภาพ ท้าวกุเวรจึงกราบทูลต่อไปอีกว่า ผู้ที่เจริญอาฏานาฏิยปริตรนี้ดีแล้ว อมนุษย์จะไม่ทำร้าย ถ้าอมนุษย์ยังผืนกระทำจะแพ้ภัยตัวเองจากนั้น พระพุทธเจ้าจึงนำมาตรัสเล่าแก่ภิกษุทั้งหลายในภายหลัง

    เนื้อหาจาก : tewaboocha.tarad.com : bp.or.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • B-11.jpg
      B-11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.8 KB
      เปิดดู:
      108
    • 1404130892.png
      1404130892.png
      ขนาดไฟล์:
      287.6 KB
      เปิดดู:
      100
  8. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    พญาครุฑ
    (ตำแหน่ง "พระกาล" ในปัจจุบัน)

    ?temp_hash=4de377900ba9781962e1786af912b402.jpg
    - บทสนทนาระหว่าง
    ดร.รอบทิศ ไวยสุศรี ถาม หลวงตาม้า วิริยธโร

    (ขออนุญาติโพสเพื่อการเผยแพร่)

    ผม – หลวงตาครับ ตกลงครุฑเค้าไม่ตีกับนาคใช่ไหมครับ
    หลวงตา – เค้าจะตีกันทำไม พวกที่ตีกันนั่นมันพวก งู พวก นก ที่เป็นบริวารของพวกนาคพวกครุฑเขา นาค ครุฑ เค้าเป็นเทวดา เค้าไม่ตีกันหรอก นาค ครุฑ บางองค์ก็เป็นโพธิสัตว์ใหญ่เลยนะ จะตีกันทำไม

    ผม – แล้วทำไมช่วงหลังๆมานี้ หลวงตาชอบสร้างครุฑครับ
    หลวงตา – เอ้า ครุฑเค้าเป็น “พระกาล” นะ
    ผม – “พระกาล” คืออะไรครับ
    หลวงตา – “พระกาล” ก็เป็นเทวดาที่ดูแลกาลเวลา ดูแลโลกทั้งหมดนี้ล่ะ ยุคนี้ ครุฑ เค้ารับหน้าที่นะ หัวหน้าครุฑที่ทำหน้าที่นี้ โพธิสัตว์ใหญ่เลยนะ บารมีเยอะมาก
    ผม- แสดงว่า “พระกาล” ก็คล้ายๆ พระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาล พระสยามเทวาธิราช ฯลฯ ที่เป็นหน้าที่ ที่มีเทวดาเวียนเปลี่ยนกันมารับหน้าที่ไปเรื่อยๆตามยุคสมัย
    หลวงตา – ใช่ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ยุคนี้เป็นครุฑ ครุฑ เค้าทำหน้าที่ดูแล “จักรแก้ว” นะ จักรแก้วของจักรพรรดิ ครุฑเค้าดูแลอยู่
    ผม – อ้าว เหรอครับ ผมนึกว่า สมบัติจักรพรรดินี่ จะเป็นพญานาคดูแลเป็นหลัก



    หลวงตา – ไม่นะ พวกพญานาค เค้าดูแล แก้วจักรพรรดิ ส่วนครุฑ เค้าดูแล จักรแก้ว ส่วนสมบัติอย่างอื่น ก็มีเทวดาแต่ละพวกแบ่งงานกันดูแลไป
    หลวงตา – ใช่ มีครุฑ ก็มีจักร อธิษฐานใช้ได้เลยนะ หลวงตาชอบจักรมาก มันใช้งานได้เร็วดี ครุฑเค้าก็เร็ว จักรเค้าก็เร็ว อธิษฐานขออะไรเร็วๆได้หมด หรือจะอธิษฐานให้มีจักรหมุนอยู่รอบตัวไว้ป้องกันตัวก็ได้ อธิษฐานจักรไปไล่สิ่งไม่ดีก็ได้ อธิษฐานจักรไปแผ่บุญก็ได้ ใช้ได้หมด
    ผม- โห ใช้ได้สารพัดประโยชน์เลย ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าเครื่องรางที่มีรูลักษณ์ครุฑ จะใช้อธิษฐานได้หลายรูปแบบขนาดนี้

    หลวงตา – ยุคนี้ต้องครุฑนะ เค้าดูแลกาลเวลา แล้วลองดูเดี๋ยวนี้สิ รูปพญานาค เราก็เจอแต่ในวัด รูปยักษ์ รูปเทวดา เราก็เจอแต่ในวัด แต่รูปครุฑนี่ เราเจอทั่วประเทศเลยนะ ทั้งในวัด ในเครื่องราง ในหลักกิโลเมตร ในหนังสือราชการ ในเหรียญบาท รูปลักษณ์เค้ากระจายทั่วไปหมด เลยอธิษฐานใช้ได้ง่ายและครอบคลุมมากที่สุดในยุคนี้เลย
    ผม – อ้อ จริงด้วยครับ มีรูปครุฑไปทุกที่ในไทยเลย แล้วตัวครุฑจริงๆเค้าอยู่ที่ไหนกันครับ เห็นหลวงตาเคยเล่าว่าแถวเชียงดาวก็มีอยู่
    หลวงตา – มีสิ ก็บนยอดดอยหลวงเชียงดาวไง นั่นล่ะ เป็นเมืองใหญ่ของครุฑเค้าเลยนะ เป็นเมืองซ้อนมิติกันอยู่ ใครตาดีก็เห็นเองล่ะ



    ผม – แล้วพวกยักษ์ล่ะครับ
    หลวงตา – ก็อยู่แถวตีนเขานั่นล่ะ มีเมืองยักษ์ด้วย
    ผม – โอ้โห แสดงว่าแถบเชียงดาวนี่ศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะครับ มีทั้งครุฑ ทั้งยักษ์ แล้วที่วัดเอง ก็มีเมืองนาคข้างล่างด้วย แสดงว่าเค้ามาอยู่แถวนี้เพื่อคอยดูแลของสำคัญใช่ไหมครับ
    หลวงตา – ฮ่ะๆ ใช่ ใต้ถ้ำเมืองนะนั่นไง เราก็รู้นี่ว่ามีอะไร

    ผม- ครับ แล้วแสดงว่าแถบนี้ต่อไปในอนาคตจะเจริญทางธรรมด้วยใช่ไหมครับ
    หลวงตา – เอ้อ แถบนี้ ขึ้นไปถึง เชียงตุง สิบสองปันนา ต่อไปมันเป็นที่ของพระศรีฯเค้านะ ในอนาคตท่านจะลงมาแถบนี้
    ผม – สาธุครับ หลวงตา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    รายการที่ 257
    พญาครุฑมหาบารมี + หนุมานบารมี หลวงปู่เทือง ญาณธโร วัดโพธิ์ชัย จ.เลย จัดสร้างขึ้น เพื่อหาปัจจัยซื้อที่ดินถวายวัด จัดสร้างเพียงเนื้อเดียว คือเนื้อชนวนโลหะศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 999 ชุด โดยนำมาหล่อเป็นพญาครุฑทรงเครื่อง ด้วยหลังตอกโค๊ต+หมายเลขไว้ทุกองค์..

    -
    รูปลักษณ์มีความกำยำลั่มสัม ทรงเครื่องพญาครุฑ ทั้งปีก หางหงษ์ถือตามคติโบราณ และ ยุคนี้พญาครุฑ คือ "พระกาล" เทพเจ้าแห่งกาลเวลา มีหน้าที่ดูแลกาลเวลา เร่งพลังงาน เร่งการอธิษฐาน และยังเป็นสื่อของพลังงานใน ธนบัตร ใน ตราเอกสารสำคัญต่างๆ ทั้งยังตามสถานที่ราชการ จึงเป็นสื่อที่ถึงกันหมดทั้งประเทศ


    ?temp_hash=eaf3db15b10d575a8d91ea61008b1a65.jpg

    ?temp_hash=eaf3db15b10d575a8d91ea61008b1a65.jpg

    เนื้อโลหะชนวนศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาสร้าง เฉพาะเหรียญหลวงพ่อคูณ พิมพ์นั่ง 108 เหรียญ / โลหะหลวงพ่อเงิน วัดท้ายน้ำ องค์ใหญ่ / และที่สุด ของที่สุุด คือก้านช่อ 2 ช่อของหลวงพ่อเงินรุ่นทิ้งทวน หลวงพ่อเงิน รุ่นทิ้งทวน สร้างจาก มวลสารหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม 2448 ข้อพระกรขวาพระมงคลบพิตร ช่อพระกริ่งวัดสุทัศน์ สมเด็จแพฯ ช่อพระกริ่งปวเรศ 2 ช่อหลวงพ่อทวดปี 05 รวมมวลสารเก่า 50 กิโลกรัม



    และเมื่อหล่อหลอมออกมาเป็นรูปลักษณ์ พญาครุฑ และ หนุมาน แล้วหลวงปู่ก็ได้เมตตาบอกกับคณะจัดสร้าง กำหนดวันพุทธาภิเษก โดยหลวงปู่เทือง เมตตาอธิษฐานจิตเดียวในอุโบสถ หนุนพลังจิตพลังธรรม อธิษฐานจิตให้เป็นสือเดียวกันกับ พญาครุฑ และ หนุนมาน ....

    พญาหนุมาน

    ?temp_hash=eaf3db15b10d575a8d91ea61008b1a65.jpg
    พญาหนุมาน ที่นำมาจัดสร้างในครั้งนี้ ถือคติตามตำนานพุทธในชาดก ที่ว่าด้วยเรื่องของ "พญาวานรเผือก" ที่ช่วยชีวิตมนุษย์ และยังเป็นเจ้าป่าปกป้องคุ้มครอง สัตว์ป่าทั้งน้อยใหญ่ ด้วยเป็นพญาวานรที่เป็นพระโพธิ์สัตว์ ซึ่งเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าในอดีต ในระหว่างที่ยังบำเพ็ญบารมีพระชาติเป็นลิงอยู่

    - คติโบราณจึงถือว่า พญาวานร หรือ หนุมาน(ตามคติพุทธ) เป็นดังตัวแทนพระโพธิ์สัตว์ในอดีตชาติหนึ่ง ที่มีบารมีมาก ทั้งยังเป็นที่รักของสัตว์และมนุษย์ เนื่องด้วยมีบารมีเมตตาธรรมช่วยเหลือทั้งมนุษย์สัตว์

    - ครูบาอาจารย์ในอดีตจึงมักนำคตินี้ มาสร้างรูปลักษณ์หนุมานขึ้น ให้เป็นและเด่นทางด้าน เมตตา เป็นที่รักของคนและสัตว์และเทวดาทั้งหลาย.....






    ดย 1 ชุดจะประกอบด้วย พญาครุฑ + พญาหนุมาน ในกล่องคู่เดียวกันครับ
    สำหรับเรื่องพลังจิตหลวงปู่เทืองนั้น แม้แต่ครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานเองท่านยังยอมรับในคุณธรรม ว่าหลวงปู่เทือง"ท่านมีความศักดิ์สิทธิ์" พลังจิตท่านสูง การทำวัตถุมงคลของท่านแต่ละรุ่น "ย้อมถึงซึ่งพลังงานพุทธคุณเน้นๆ" แน่นอนครับ

    เพราะหลวงปู่เทือง ท่านทั้งเก่งด้านวิปัสสนากรรมฐาน และ ด้านวิทยาคม
    อย่างครบเครื่อง ซึ่งจะหาครูบาอาจารย์แบบนี้ในปัจจุบันต้องบอกว่าหายากแล้วครับ


    ?temp_hash=eaf3db15b10d575a8d91ea61008b1a65.jpg

    ?temp_hash=eaf3db15b10d575a8d91ea61008b1a65.jpg

    ********************

    ประวัติและปฏิปทาโดยสังเขป
    หลวงปู่เทือง ญาณธโร

    ?temp_hash=54928d7b7bb87e899459216fea107139.jpg
    ท่านเป็นพระพูดน้อย ปฎิบัติมาก เคยสอบถามท่านเกี่ยวกับแนวทางปฎิบัติธรรมท่านในระหว่างออกปฎิบัติ ท่านว่าท่านก็เที่ยวธุดงค์ไปในหลายที่ไปศึกษาในสำนักต่างๆ ตั้งแต่สำนักหลวงพ่อโพธิ์ จ.ขอนแก่น(ซึ่งเป็นสำนักวิปัสนาของครูบาอาจารย์สมัยนั้นที่ว่า เคร่งครัดสุดๆ)

    - จนธุดงค์เข้ากรุงเทพ ศึกษาธรรมะแนวทางของ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙) อดีตอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ (วิปัสนาญาณ ๑๖)

    - และมาศึกษาแนววิทยาคมและสมถะกรรมฐานกับ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ และเที่ยวไปกราบเรียนวิชา หลวงพ่อทบ วัดชนแดนอยู่เสมอ(หลวงพ่อทบ พระอภิญญาแห่งเพชรบูรณ์ และเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า)
    ปัจจุบันหลวงปู่จำพรรษาอยู่วัดโพธิ์ชัย อ.วังสะพุง จ.เลย อายุ 81 ปี 61 พรรษา




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2019
  10. อาทิตย์03

    อาทิตย์03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +772
    จอง 1 ชุดครับ
     
  11. sumobaimon

    sumobaimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    1,278
    ค่าพลัง:
    +1,528
    ขอจอง 1 ชุดครับอาจารย์
     
  12. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,151
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ขอจอง ๒ชุดครับ
     
  13. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,303
    ค่าพลัง:
    +6,461
    ขอแบ่งบูชา1ชุดครับ
     
  14. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,953
    ค่าพลัง:
    +5,631
    รายการที่ 257 จอง 1 ชุด
     
  15. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับ ขอรับรองว่าทุกองค์สวยงามแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2019
  16. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับ ขอรับรองว่าทุกองค์สวยงามแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2019
  17. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับ ขอรับรองว่าทุกองค์สวยงามแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2019
  18. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับ ขอรับรองว่าทุกองค์สวยงามแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2019
  19. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    ต้องขออภัยด้วยนะครับ พอดียอดจองเต็มแล้วครับ ไว้โอกาสหน้านะครับ ขอบคุณครับ
     
  20. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +11,574
    การมีอยู่จริงของ "พญาครุฑ"
    (โดยหลวงปู่สิม พุทธาจาโร)

    ?temp_hash=5ad1f69f08930c936372041c340aa73b.jpg
    "เหรียญครุฑ" คือพยานหลักฐานถึงการ "มีอยู่จริง" ของ "พระยาสุบรรณ" (ครุฑ) ที่ตามปกปักรักษาหลวงปู่สิมมาแต่ปฐมแห่งอริยกาล

    เพราะเหตุที่หลวงปู่สิมเคยให้จำลองรูปของพระยาครุฑที่ปกปักรักษาองค์ท่าน ขึ้นไปประดิษฐานบนหน้าบันโบสถ์วัดสันติสังฆาราม จ.สกลนคร จึงมีการสร้างเหรียญหลังครุฑขึ้นมาเป็นที่ระลึกพร้อมกันอีกด้วย

    ***ในหนังสือของหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า***
    "ชาติหนึ่งของหลวงปู่สิมนั้น เคยเกิดเป็นพระเจ้าโกศล พระราชบิดาของพระเจ้าปเสนทิโกศล ในสมัยพุทธกาล"

    และยังเคยกลับชาติมาเป็นเจ้าหลวงนครพิงค์ (เชียงใหม่) ในกาลต่อมาอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมหลวงปู่สิมท่านจึงทรงไว้ซึ่ง "ศักดิ์" และ "ศรี" สูงสุด ถึงขนาดที่ทั้งพระยานาคพระยาครุฑ ซึ่งเป็นเครื่องหมายของพระมหากษัตริยาธิราชมาแต่โบราณ ต้องมาน้อมถวายถวายการอุปัฏฐาก พิทักษ์รักษาพร้อมๆ กันเห็นปานนี้ได้......

    ?temp_hash=5ad1f69f08930c936372041c340aa73b.jpg
    ลายมือหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...