**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

วันนี้ 2/6/2562 ส่งพระให้คุณ
- อาทิตย์03 ED 8443 1151 6 TH
- j999 ED 8443 1152 0 TH

ขอ ขอบคุณและอนุโมทนาบุญด้วยครับ ปัจจัยส่วนนี้ได้มอบถวายวัดทั้งหมดแล้ว ในวันงานพิธีพุทธาภิเษกครับ สาธุครับ

 

โอนเงินแล้ว 4,000.- บาท วันที่ 2/6/62 เวลา 21.43 น.

ที่อยู่ ตาม PM

 

ร่วมบุญจอง ๑ องค์ครับ

 

ความหมายและนัยความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญรุ่นแรก
หลวงปู่เทือง ญาณธโร
วัดโพธิ์ชัย ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย


​

.......เหรียญหลวงปู่เทือง ญาณธโร รุ่นแรก จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2558 เนื่องในโอกาสหาปัจจัยซื้อที่ดินถวายวัดเพื่อเป็นสมบัติของธรณีสงฆ์ ให้ได้มีสถานที่เพื่อ ใช้ในกิจของสงฆ์ และเป็นประโยชน์ต่อชุมชนต่อไป

--- ในโอกาสนี้ คณะศิษย์สายกรุงเทพ จึงได้ขออนุญาตหลวงปู่จัดสร้างวัตถุมงคล ในรูปลักษณ์ของท่านขึ้น ซึ่งถือเป็นวัตถุมงคลในนามหลวงปู่เทือง และรูปลักษณ์ของหลวงปู่เทืองเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี โดยหลวงปู่ก็เมตตาอนุญาตให้จัดสร้างได้ จุดประสงค์เพื่อมอบให้กับ ศิษยานุศิษย์และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ที่ร่วมบุญซื้อที่ดินในครั้งนี้ไว้เป็นที่ระลึก

ในการนี้หลวงปู่เทืองท่านได้เมตตาพิจารณา และได้กำหนดตัวอักษรและลายยันต์ให้ โดยท่านได้เน้นเรื่องของยันต์และตัวอักขระ "พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์" เพราะถือเป็นยันต์และตัวอักขระที่ประจำตัวหลวงปู่ และหลวงปู่ท่านก็มีความรู้ ความเข้าใจ และใช้ในการ จาร และ เขียนยันต์ทำตะกรุดมาโดยตลอด ดังนั้นในเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่นี้ ได้ถูกพิจารณาแบบจากหลวงปู่โดยตรง เพื่อให้เป็นไปตามสูตรและเกิดความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด โดยมีรายละเอียดยันต์ในเหรียญและความหมาย ดังจะได้กล่าวให้ท่านผู้อ่านได้ทราบดังต่อไปนี้...

ด้าหน้าเหรียญมีอักษร "นะ โม พุท ธา ยะ"
​

.....คำว่า นะโมพุทธายะ คืออะไร อันดับแรกต้องขอกล่าวก่อนครับว่าในแต่ละยุค แต่ละสมัย ย้อมมีพระโพธิ์สัตว์เกิดขึ้นมากมาย พระโพธิ์สัตว์แต่ละท่านที่มาบำเพ็ญบารมีในแต่ละยุคแต่ละสมัยนี้ ย้อมมีความยาวนานในการลำเพ็ญบารมีให้เต็ม ซึ่งพระโพธิ์สัตว์แต่ละท่านก็มีจุดมุงหมายจากแรกเริ่มเพื่อช่วยสงเคราะห์มนุษย์ให้พ้นทุกข์ จนต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อให้ได้สะสมบุญบารมี อย่างเต็มเพื่อให้ได้เป็น พระพุทธเจ้าในอนาคต ที่จะสามารถนำหมู่สาธุชน ขนสัตว์โลกเข้าสู่ความพ้นทุกข์อันนิรันต์ได้ นั้นคือพระนิพพาน เป็นจำนวนมากๆ นี้คือความหวังอันสูงสุดของ "พระโพธิ์สัตว์ทุกๆองค์" ที่ยอมบำเพ็ญบารมีมาอย่างยาวนาน เรียนว่า "อนาคตวงษ์"

​

.....ที่นี้ในอนาคตวงษ์ในแต่ละ "กัปป์" ที่ถูกทำนายตามพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ในแต่ละ"กัปป์"นี้มีด้วยกัน 10 องค์แต่ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะในส่วนของ 5 พระองค์เท่านั้น นั้นคือกัปป์ ปัจจุบันที่เรียกว่า "ภัทรกัป" แปลว่า กัปเจริญ เพราะในภัทรกัปจะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นถึง ๕ พระองค์ ภัทร แปลว่า ดี, เจริญ, ประเสริฐ, งาม, น่ารัก, เป็นมงคล.
กัป แปลว่า อายุของโลกตั้งแต่เมื่อพระพรหมสร้างเสร็จจนถึงเวลาที่ไฟประลัยกัลป์มาล้างโลก กัปป์ที่เจริญที่สุด คือมีพระพุทธเจ้าเยอะที่สุด มี 5 พระองค์ คือ
1. พระพุทธเจ้ากกุสันโธ
2. พระพุทธเจ้าโกนาคม
3. พระพุทธเจ้ากัสสปะ
4. พระพุทธเจ้าสมณะโคดม ศาสดาองค์ปัจจุบัน(นิพพานแล้ว)
5. พระศรีอริยเมตตรัย ยังไม่อุบัติ(พระพุทธเจ้าในอนาคต)

--- ด้วยคติธรรมดังกล่าว ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อน ท่านจึงได้ประดิษฐ์ คิดหาอักขระธรรมผูกกระแส"พลังงาน" ของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ในภัทรกัปนี้ ทั้งที่นิพพานไปแล้ว และ พระพุทธเจ้าที่มาต่อไปในอนาคต เพื่อให้น้อมนำกระแสธรรมที่ยังอยู่นี้ "มาช่วยให้เกิดประโยชน์เกื้อกูลในปัจจุบัน แก่สาธุชนที่กระทำกรรมดี" เพื่อเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้คล่องตัวไม่ติดขัดในการกุศล และหรือเป็นกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชน ให้หมั่นกระทำความดี และน้อมรำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าอยู่เสมอๆน้อมนำกระแสธรรม อันบริสุทธิ์มาสู่ผู้น้อมรำลึกถึงอันจะทำให้เกิดความเป็นเป็นสิริมงคล อยู่เย็นเป็นสุขทุกขณะจิต

ดังนั้นคำว่า นะ-โม-พุท-ธา-ยะ จึงเป็นคำย่อที่หมายถึงพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้นเอง คือ
นะ หมายถึง พระกุกกุสันโธ
โม หมายถึง พระโกนาคม
พุท หมายถึง พระกัสสป
ธา หมายถึง พระสมณะโคดม
ยะ หมายถึง พระศรีอารยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ.5000)

ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่นำตัวอักขระ
นะ-โม-พุท-ธา-ยะ มาผูกเป็นยันต์
​

“นะ โม พุท ธา ยะ” ที่ประกอบกันเป็นคาถาพระเจ้า 5 พระองค์ หรือเรียกว่า แม่ธาตุใหญ่ ซึ่งมีพุทธคุณเหนือยันต์ทั้งปวง รวมทั้งความเชื่อสืบต่อกันว่า "ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล"

นะ หมายถึง พระกุกกุสันโธ ใช้เขียนแทน ธาตุน้ำ ซึ่งเรียกว่าอาโปธาตุ มีกำลัง 12
โม หมายถึง พระโกนาคม ใช้เขียนแทน ธาตุดิน ซึ่งเรียกว่า ปฐวีธาตุ มีกำลัง 21
พุท หมายถึง พระกัสสป ใช้เขียนแทน ธาตุไฟซึ่งเรียกว่า เดโชธาตุ มีกำลัง 6
ธา หมายถึง พระสมณะโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม ซึ่งเรียกว่า วาโยธาตุ มีกำลัง 7
ยะ หมายถึง พระศรีอารยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ.5000) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุ มีกำลัง 10
​

น้ำ ดิน ไฟ ลม อากาศ แล้ว พบว่า ใกล้เคียงกับ การกำเนิดโลกใน อัคคัญญสูตร ที่กล่าวไว้ทำนองว่า เดิมโลกเต็มไปด้วยน้ำ เมื่อน้ำแห้งจึงเกิด ง้วนดิน และแผ่นดิน
อาภัสราพรหม ดวงแสงสว่าง(ไฟ) มากินง้วนดิน กลายเป็นคน เกิดพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวนักขัตรฤกษ์ คือไฟ จากนั้นจึงเกิดฤดู ..คือ กระแสลมพัดผ่าน มนุษย์จับจองพื้นที่ เป็นอากาศธาตุ คือSpace แล้วพัฒนามาเรื่อยๆ จนกว่าอนาคตข้างหน้าจะสิ้นกัปป์แตกสภาพ สลายเหลือแค่ที่ว่างๆคืออากาศธาตุ ในยุคพระเมตตรัยยะพุทธเจ้า

ตัวอักขระ หัวใจพุทธคุณ ๙ "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ"
​

"อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ" ๙ อักขระขลังที่ว่านี้ คือ "คาถาหัวใจพุทธคุณ ๙ " หรือบางท่านเรียกว่า “นวหนรคุณ” ซึ่งเป็นอักขระตัวแรกของพุทธคุณ ๙ ประการ โดยถอดมาจากบทอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘ ห้องพระพุทธคุณ สวดเพื่อระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า นำมาเป็นพุทธานุสติ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สวดแล้วทำให้เกิดสมาธิ หรือแม้แต่การปฏิบัติกรรมฐาน นอกจากนี้ยังสวดเพื่อป้องกันภัยร้ายต่างๆ ต้องอาศัยคุณบารมีของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึกนั่นเอง

.........คาถาหัวใจพุทธคุณ ๙ คือ “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ” ยังสามารถสวดได้ในยามคับขัน หรือจะสวดเป็นประจำ บริกรรมจนเกิดสมาธิได้ หรือหากจะใช้ให้เกิดผล มีอุปเท่ห์ว่า ให้สวดเดินหน้า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ” และสวดถอยหลัง “ภะ พุ สะ ปุ โล สุ วิ สัง อะ” สวดไปเรื่อยๆโดยไม่จำกัดจำนวนรอบ ยิ่งสวดมากเท่าไหร่ยิ่งดี จะเกิดมงคลแก่ตนเองในทุกๆด้าน ครอบจักรวาล ทั้งแคล้วคลาด ป้องกันภัย เป็นเสน่ห์ เมตตามหานิยม กันฟืนไฟ กันโจรผู้ร้าย และอีกสารพัด ซึ่งจะพบคาถานี้ในยันต์เก้ายอด หรือนวหนรคุณนั่นเอง

สำหรับ ๙ อักขระนั้น ถือว่าเป็นหัวใจอิติปิโสทั้งบท โดยมีความหมายดังต่อไปนี้
อะ คือ อะระหัง หมายถึง เป็นผู้ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสโดยสิ้นเชิง
สัง คือ สัมมาสัมพุทโธ หมายถึง เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวพระองค์เอง
วิ คือ วิชาจะระณะสัมปันโน หมายถึง เป็นผู้พร้อมด้วยวิชาและจรณะ
สุ คือ สุคะโต หมายถึงเป็นผู้ดำเนินไปได้ด้วยดี
โล คือ โลกะวิทู หมายถึง เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
ปุ คือ อนุตตโร ปุริสะทัมมะสารถี หมายถึง เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
สะ คือ สัตถาเทวะมนุษานัง หมายถึง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พุ คือ พุทโธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ภะ คือ ภะคะวา ติ หมายถึง เป็นผู้จำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์ดังนี้
​

********************************
นับว่ามีความเป็นมงคลในเหรียญรุ่นแรกนี้อย่างสูงสุด
และหลวงปู่เทือง ท่านเมตตาพิจารณาตามสูตรแห่งธรรมทั้งบทตามยันต์ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์นี้ เป็นอย่างแน่แท้ครับ​

 

รายการที่ 258
มีท่านสมาชิกสอบถามมาหลายท่านครับ วันนี้เลยมาลงเป็นวิทยาทานและให้ท่านได้บูชา สำหรับพระชุดเล็กหลวงปู่ชอบ รุ่นแรกนี้
(เวลานี้หายากมากๆ และเป็นที่ต้องการของผู้ศรัทธาที่สุดครับ)
(มีมาแบ่งแค่องค์เดียวครับ)








1300
(ในพื้นที่สวยๆแบ่งกันที่ 2000Up แล้วครับ แต่ก็หาสภาพสวยๆแบบนี้ยาก)
จอง
​

 

ขอจองเช่าบูชาครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

มาไม่เคยทันสักที

 

รายการที่ 259
มีท่านสมาชิกสอบถามมาหลายท่านครับ วันนี้เลยมาลงเป็นวิทยาทานและให้ท่านได้บูชา สำหรับพระชุดเล็กหลวงปู่ชอบ รุ่นแรกนี้
(เวลานี้หายากมากๆ และเป็นที่ต้องการของผู้ศรัทธาที่สุดครับ)

**เนื่องจากมีท่านสมาชิกสอบเข้ามาอีก ผมจึงนำออกมาให้บูชาอีก 1 องค์ครับ**






****************
​

เพราะตั้งแต่เมื่อวานนำมาให้บูชาไปแล้ว 1 องค์ปรากฏว่า มีสมาชิก ทั้งนอกเวปและในเวป สอบถามเข้ามาหลายสาย หลายท่าน ทั้งโทรมา ทั้งPM เข้ามา แต่ต้องขออภัยที่ไม่อาจแบ่งให้ตรงๆได้เนื่องจากว่า มีหลายท่านก็อยากได้เช่นกัน(แต่พระมีน้อย) ดังนั้น จึงขออนุญาตลงหน้าบอร์ด เพื่อให้ทุกๆท่านได้มีโอกาสบูชาเสมอๆกันทุกท่านนะครับ

**ซึ่งบางท่านที่มีบูชาอยู่แล้ว ได้ส่งรูปมาให้ผมดูเมื่อวาน 2-3 ท่าน ปรากฏว่า เป็นพระ เก๊-ปลอม ทั้ง 3 องค์ซึ่งก็หน้าเห็นใจสำหรับท่านผู้ศรัทธาจริงๆครับ ผมจึงเรียนถามไปว่า ได้บูชามาจากที่ใด เขารับประกันคืนเงินของเก๊ ของไม่แท้หรือป่าว ท่านสมาชิกได้บอกกับผมว่า บางองค์บูชาในบอร์ดเวปพลังจิตนี้แหละครับ ราคา 2500 เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งมีความศรัทธาอยากได้จริงๆแต่ดูไม่เป็น ดูไม่ออก คิดว่าไม่มีของลอกเลียนแบบออกมา

ตรงนี้ขอเรียนด้วยความเคารพครับว่า ถ้าจะกล่าวโทษคนที่นำมาให้บูชา ก็หาอาจได้ไม่สะทีเดียว เนื่องด้วยบางท่านที่นำมาให้บูชา ก็อาจจะขาดความรู้ ดูไม่เป็นระหว่างของเก๊-แท้ เห็นว่าขายได้ก็นำมาลงให้บูชากัน เลยกลายเป็นว่า ขายของเก๊ไป ผู้บูชา ก็ได้บูชาของเก๊ไปแบบไม่รู้ตัว... ดังที่เคยกล่าวไว้ทุกครั้งครับว่า บารมีครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะหลวงปู่ชอบ ช่วงหลังมานี้คนรุ่นใหม่ก็ศรัทธามาขึ้น เมื่อได้อ่าน ได้ศึกษาประวัติและปฏิปทาของท่านแล้ว จึงได้แสวงหาซึ่งวัตถุมงคลของท่าน โดยเฉพาะที่ทันหลวงปู่ มาเก็บไว้บูชา ไว้ระลึกคุณพึ่งบุญบารมี แต่พระของหลวงปู่มีจำนวนเท่าเดิม(เผลอๆอาจจะน้อยกว่าเดิม เพราะมีนำไปหล่อหลอมในพิธีต่างๆ) ผู้ศรัทธามากขึ้น จึงเปิดช่องให้ผู้แสวงหาประโยชน์จากศรัทธา ได้มีโอกาสนำของปลอม ของลอกเลียบแบบ ผลิตมาค้ามาขายกันเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ในปัจจุบันนี้ครับ
​

1300
(รุ่นนี้เป็นอีก 1 รุ่นที่ได้รับความนิยมมากๆในปัจจุบันครับ)

จอง​

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

ไม่ทันเหมือนเดิม

 

สวัสดีครับ ได้โอนเงินค่าเช่าบูชาพระรายการที่ 258 ให้แล้วนะคับ ที่อยู่จัดส่ง pm ไปแจ้งครับ ขอบคุณครับ

 

ศึกษาก่อนสะสม
เหรียญหลวงปู่คำดี ปภาโส รุ่นแรก วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จเลย
ปี 2516 ของดีที่ยังพอมีให้บูชา ราคาไม่เกินเอื้อมครับ




​

**นับเป็นเหรียญดีที่ครูบาอาจารย์(ใหญ่) ของวัดถ้ำผาปู่ ได้เมตตาอธิษฐานจิตทิ้งพลังงานธรรม พลังงานพุทธคุณฝากไว้ให้กับลูกหลานรุ่นหลัง ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่า พระเครื่องหรือวัตถุมงคล ของหลวงปู่คำดี ปภาโส นั้น ถ้าเทียบกับครูบาอาจารย์ในยุคเดียวกัน ถือว่าเหรียญของท่านแต่ละรุ่นออกมาจะน้อยที่สุด เพราะเนื่องจากลูกศิษย์ ลูกหาที่ขอจัดสร้างส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์ใกล้ชิด และไม่ได้จัดสร้างเพื่อการพาณิชย์ หรืออกร่วมบุญเหมือนทุกวันนี้ ส่วนมากสร้างแล้วก็ออกแจกเป็นเหรียญที่ระลึกสะส่วนใหญ่

.......ดังนั้น เมื่อการจัดสร้างเป็นไปในลักษณะแจกเป็นที่ระลึก ผู้สร้างจึงคิดสร้างเพียงเพื่อการกุศลเท่านั้น จึงมีการจัดสร้างกันในรูปแบบไม่กี่เนื้อโลหะ หรือเป็นเนื้อโลหะชนิดเดียวไปเลย เพราะถ้าสร้างหลายเนื้อ หรือหลายแบบพิมพ์ ก็ต้องมีต้นทุนในการจัดสร้างสูงขึ้น แต่เจ้าภาพผู้สร้างมีเพียงคนเดียว หรือหมู่คณะเดียว จึงมีการสร้างจำนวนอันจำกัดตามจำนวนปัจจัย เพื่อการกุศลเพียงเท่านั้น

...ปัจจุบัน ถ้าพูดเรื่องความหายากแล้ว ก็แน่นอนเหรียญหลวงปู่คำดี โดยเฉพาะรุ่นแรกๆนี้ย้อมหายาก เนื่องจากจำนวนสร้างที่จำกัด โดยเฉพาะปั้มครั้งแรกแค่ประมาณ 500 เหรียญเท่านั้น ส่วนที่ออกในรอบสอง(ปี 2517) ก็เพียง 2000 เหรียญ(ถือว่าสร้างน้อยมาก) ถ้าเทียบกับครูบาอาจารย์ในยุคเดียวกัน

*************


หลวงปู่ชอบ เยี่ยมยาม หลวงปู่คำดี


พระธาตุพิพิธภัณฑ์หลวงปู่คำดี ปภาโส
​

พระเดชพระคุณหลวงปู่คำดี ปภาโส พระอริยเจ้าศิษย์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ท่านเป็นผู้มีความสมบุกสมบันทั้งภายนอกและภายใน สันโดษไม่ชอบการก่อสร้าง

เบื้องต้นท่านศึกษาธรรมจากพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ณ วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นท่านท่องเที่ยวไปตามป่าเขา จนกระทั่งวาระสุดท้ายท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดถ้ำผาปู่ และได้รับอุบายธรรมอันสำคัญจากหลวงตามหาบัว จนถึงที่สุดแห่งทุกข์


ท่านมักกล่าวกับคนใกล้ชิดเสมอว่า "มหาบัวเป็นอาจารย์ของอาตมา" ท่านไม่ถืออายุพรรษา ท่านถือพรหมจรรย์คือพระอรหัตตผลเป็นที่ตั้งถ้าหากได้ธรรม แม้จะเอาสามเณรเป็นอาจารย์ท่านก็ยอม ท่านมีวิธีการและอุบายแปลกๆ เพื่อฝึกหัดทรมาน ท่านชอบแสวงหาที่อยู่อันน่ากลัวและชอบหาวิธีแก้ความกลัวเฉพาะหน้า อย่างเช่น ท่านพักอาศัยอยู่ในถ้ำ เสือร้องคำรามอยู่หน้าถ้ำ ตัวสั่นแต่ใจสู้ไม่ถอย ภาวนาสอนตนเองว่า "พระกรรมฐานอะไรมากลัวเสือ เรากลัวเสือมันมากินเรา ก็เรากินสัตว์มาสักเท่าไหร่ กินมาจนเต็มพุง ถ้าเสือจะมากินเราเสียบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร วันนี้เราต้องสู้" คิดอย่างนั้นแล้วท่านก็รีบเดินออกจากถ้ำไปตามหาเสือ พอเสือเห็นท่านเดินเข้าไปหาดุ่มๆ มันก็เผ่นแน่บเปิดหนีเข้าป่าหายเงียบไป

ท่านเคยจิตเสื่อมและราคะกำเริบมาก ถึงกับจะเอามีดโกนกรีดคอตนเองให้ตายถึงสามครั้งสามหน แต่ก็เหมือนมีเทวดามาช่วยเสมอ ท่านเล่าว่าหากวันนั้นมีผู้หญิงเข้าสู่ราวป่าที่ท่านพักอาศัยอยู่ ท่านจะต้องข่มขืนเสพเมถุนแน่นอน เพราะเกิดความกำหนัดอย่างมาก แต่เดชะบุญบันดาล วันนั้นไม่มีผู็หญิงสักคนเลย ทั้งที่ทุกๆ วันจะมีผู้หญิงมาหาของป่ากันเต็ม ท่านพลิกจิตแก้ตัวท่านเองทันทีอย่างเด็ดขาด ด้วยการเปลี่ยนความคิดที่จะฆ่าตัวตายเสียใหม่ว่า "ถ้าจะตาย เราต้องตายพร้อมกับความเพียรภาวนาเท่านั้น"

นิสัยแต่ก่อนท่านเป็นคนผาดโผน แข็งกระด้าง ไม่ยอมใครง่ายๆ แต่ท่านมาแก้เสียใหม่ ท่านเล่าว่าครั้งหนึ่งท่านใช้สามเณรตัดผ้าขาวทำสบง สามเณรเย็บผ้าผิด ท่านฉีกผ้าโยนทิ้ง สามเณรร้องไห้ใหญ่ ท่านรู้สึกสะเทือนใจมากที่ทำกิริยาอย่างนั้น ผ้าตัดผิดมันก็ผิดไปแล้ว แล้วมาฉีกผ้าทิ้งนี้หาประโยชน์อะไรมิได้ ท่านเตือนตนเองว่า "เอาล่ะนะเราจะเอาสามเณรเป็นอาจารย์ ต่อแต่นี้เป็นต้นไปเราจะเปลี่ยนนิสัยใหม่ เปลี่ยนมารยาทใหม่ กิริยาอย่างนี้จะไม่นำเอามาใช้จนกระทั่งวันตาย เปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยน ไม่ดุด่าว่ากล่าวใครโดยไร้ซึ่งเหตุและผล" แล้วท่านก็ตั้งสติเปลี่ยนนิสัยเดิมตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ท่านเกิดวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๕ ตรงกับแรม ๑๔ ค่ำ ปีขาล เป็นบุตรของนายพรและนางหมอก นินเขียว เกิดที่บ้านหนองคู ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น

ท่านบวชเป็นพระมหานิกายที่วัดหนองแวง บ้านเมืองเก่า ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระคูเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์โพธิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ชานุหลิด เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ต่อมาได้ญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุตเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ วัดศรีจันทราวาส ตำบลพระลับอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยมี พระครูพิศาลอรัญเขต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดสังข์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมชาย เป็นพระอนุสาวจารย์

ท่านละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๗ เวลา ๑๓.๑๓ น.สิริอายุได้ ๘๒ ปี ๔ เดือน ๙ วัน ๕๖ พรรษา

**สำหรับลูกศิษย์ ลูกหาหลวงปู่คำดี ที่เคยมาอยู่ปฏิบัติกับท่าน ณ วัดถ้ำผาปู่แห่งนี้มีหลายครูบาอาจารย์ อาทิเช่น หลวงปู่ท่อน ญาณธโร หลวงปู่ซามา อจุตโต หลวงปู่ทองผุด ญาณวโร หลวงปู่สีทน สีลธโร หลวงปู่เผย วิริโย หลวงพ่อขันตี ญาณวโร หลวงพ่อผจญ อสโม หลวงพ่อวิลาศ ปาสาทิโก หลวงปู่อร่าม ชินวังโส หลวงปู่พัน ฐิตธัมโม หลวงปู่ฮ้อ ฐิติโก หลวงปู่ณรงค์ วัฑฺฒโน ​

หลวงพ่อทวี ปุญญปัญโญ พระอาจารย์บอล ปสันโน เป็นต้น และอีกมากมายที่ไม่ได้เอ่ยนามมา**​

******************/////////*****************





​

 

รายการที่ 260.​

.เหรียญพระครูบวร ญาณวโร วัดโพธิ์ชัย จ.เลย ปี2520 เนื้อทองแดงรมดำ(มีจาร) พระครูบวร ญาณวโร หรือ คนในพื้นที่เรียกว่าหลวงพ่อวรเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย พระครูบวร ท่านเป็นพระสายวิทยาคม ที่ร่วมยุคสมัยเดี่ยวกันกับครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานหลายองค์ เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่คำดี ปภาโส เป็นต้น
​

​

พระครูบวรญาณภิรม (บวร ญาณวโร) อายุ ๘๕ (เกิดวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๕๙) พรรษา ๓๖ น.ธ.เอก วัดโพธิ์ชัย ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย​

แม้ท่านจะไม่ได้ โด่งดังมากเท่ากับครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานในยุคเดียวกัน แต่คนในพื้นที่รู้จักกิติศักดิ์วิทยาคมท่านเป็นอย่างดี เพราะในคุณวิเศษที่ท่านเมตตาสงเคราะห์ญาติโยมในสมัยที่ท่านยังดำรงณ์ธาตุขันธ์อยู่ สมัยที่พระครูบวรท่านเป็นฆราวาส ท่านเป็นอดีตนักเลงเก่า(นักเลงสมัยนั้น ไม่ใช่หัวไม้เหมือนสมัยนี้นะครับ แต่คือพวกเรียนวิชาอาคม) ซึ่งท่านเคยฝึกจิตฝึกสมาธิมาก่อน รวมไปถึงการรักษาศีล(โดยเฉพาะข้อ 4) ต้องรักษาสัจจะ..ท่านว่า ถ้าเสียสัจจะ วิชาจะไม่เกิดผล

ต่อมาท่านมีความเลื่อมใสในพระศาสนา ท่านจึงออกบวชและเที่ยวธุดงไปในที่ต่างๆของภาคอีสาน จนสุดท้ายท่านก็มาเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย และจำพรรษาจนมรณภาพ ที่วัดนี้

ในสมัยที่ท่านยังดำรงณ์ธาตุขันธ์อยู่นั้น ท่านได้เมตตาศรัทธาญาติโยมเป็นอันมาก ด้วยท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรม และมีพลังจิตสูง ว่ากันว่าถึงขนาดเสกน้ำมนต์ให้เดือด ต่อหน้าต่อตาศรัทธาญาติโยมเลยที่เดียว สมัยก่อนนั้นมีศรัทธาญาติโยม แวะเวียนไปกราบนมัสการ ถวายสังฆทาน รดน้ำมนต์ และขอเมตตาให้ท่านเมตตาจารแผ่นทองแดง เพื่อทำตะกรุดให้โดยไม่ขาดสาย

ในยุคแรกๆญาติโยม ที่นำแผ่นทองแดงไปให้ท่านจารทำตะกรุดนั้น ย้อมมีประสบการณ์มากม่ายโดยเฉพาะสายเหนียวและแคล้วคลาด เด่นมากซึ่งสมัยก่อนส่วนใหญ่ จะเป็นตำรวจ ทหาร ที่นำไปติดตัวจะแคล้วคลาดเสมอ โดยเฉพาะสมัยในสงครามบ้านร่มเกล้า สมัยนั้น

จนนำไปสู่การจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกของท่าน โดยเฉพาะศิษย์สายกรุง(ไม่แน่ใจนัก) ได้ขออนุญาตท่านจัดสร้างขึ้นเป็นรุ่นแรก เพื่อแจกแก่ศรัทธาญาติโยมเพื่อไว้เป็นขวัญกำลังใจ ในปี 2520 โดยเหรียญรุ่นนี้ว่ากันว่า หลังจากท่านอธิษฐานจิตแล้ว ท่านยังเมตตา จารมื้อ(ด้านหลัง)ให้ทุกๆเหรียญ...ท่านว่าเป็น การเสกซ้ำอีกทีละเหรียญ จนท่านแน่ใจแล้วถึงออกแจก

ว่ากันว่า....สมัยที่ท่านแจกเหรียญรุ่นแรกนี้ครั้งแรกๆ มีกลุ่มนายทหารเข้ามากราบนมัสการท่าน แล้วได้รับแจกเหรียญรุ่นแรกนี้ไป พอออกจากวัดก็นึกยังงัยไม่ทราบ ได้ยินกิติศักดิ์ท่านมานาน เกี่ยวกับประสบการณ์ด้านเหนียวคงกระพัน ทหารนายหนึ่งจึงน้ำเหรียญรุ่นแรกท่าน ห้อยยึดกับต้นมะขามหน้าวัดไว้ โดยใช่ตะปูยึดห่วงเหรียญ จากนั้นก็ใช่ปืนที่ติดตัวมาด้วยรองยิ่งดู ปรากฎว่า ยิ่งไปสองนัด
นัดแรกดัง...แชะ....แชะ ลูกกระสุนไม่ออกทั้ง 2 ลูก จนจะยิ่งนัดที่สาม ก็มีเณรที่หลวงพ่อใช่ให้มาเรียกนายทหารกลุ่มนี้เข้าไปพบ เมื่อนายทหารกลุ่มนี้เข้าไปพบ ท่านก็ดุด่าใหญ่....ว่าไม่รู้จักครูบาอาจารย์ แล้วท่านก็ขอเหรียญที่แจกคืน พวกนายทหารจึงกราบขอขมาและสัญญาว่าจะไม่นำไปรองอีกหลวงพ่อท่านจึงเมตตาให้และย่ำนักย่ำหนาว่า....ถ้าไม่แน่ใจให้เอามาคืน บ่ต้องไปรองยิ่ง...

ส่วนตัวผู้เขียนก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระครูท่านเช่นกัน....ย้อนไปเกือย20 ปีก่อน ครอบครัวของผู้เขียน ได้ตกลงกันว่าวันหยุดที่จะถึงจะนำปลาไหลไปปล่อย โดยได้ซื้อปลาไหลมาจำนวนหลายสิบตัว โดยได้นำใส่กะละมัง แล้วนำขึ้นรถกระบะด้านหลัง ซึ่งในเดือนนั้นประมาณ เมษา-พฤษภา ครับ อากาศร้อนมาก

ก็ตกลงกันว่าจะนำไปปล่อยที่วัดถ้ำผาปู่ แต่พอไปถึงวัดถ้ำผาปู่ ที่วัดไม่มีสระน้ำที่ให้ปล่อยเลยครับ ปลาไหลที่นำมาเนื่องจากเอาไว้หลังรถกระบะ อาการร้อนมาก จึงทำให้บางตัวถึงกับหงายท้องตายเลยทีเดียว เลยขับรถไปอีก 2 วัดทุกวัดไม่มีที่ปล่อยเลย จนมาถึงวัดโพธิ์ชัย ซึ่งสมัยนั้นหลวงพ่อท่านยังดำรงณ์ธาตุขันธ์อยู่(แต่ท่านเป็นอํามาตย์ครึ่งตัวจึงนั่งรถเข็นอยู่ที่กุฎิ) ทางครอบครัวผมก็นำสังฆทาน น้ำดื่ม และปลาไหลที่จะปล่อยขึ้นไปหาท่านพร้อมกราบเรียนเจตนา ที่จะนำปลาไหลมาปล่อย

ท่านว่า...วัดท่านด้านหลังมีสระใหญ่ปล่อยได้ ก็เลยตกลงจะนำไปปล่อยที่สระวัดท่านแต่พอมาดูที่กะละมัง ปรากฎว่า ปลาไหลตายเกือบหมด(จำไม่ผิดหน้าจะรอด 2 ตัวนอกนั้นหงายท้องหมด) เนื่องจากอากาศที่ร้อนมาก บวกกับขับรถกระแทกไปมา....แต่ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร พร้อมบอกให้นำกะละมังมาใกล้ๆท่าน ท่านมองดูสักครู่หนึ่ง แล้วนำมือมาจับที่กะละมังปลาไหล แล้วท่านก็บอกว่า "รับพร" ทั้งหมดก็น้อมรับพรจากท่าน โดยในขณะที่ท่านให้พรอยู่นั้นมือท่านก็จับกะละมังปลาไหลไปด้วย

ปรากฎว่าพอรับพรเสร็จ ท่านทั้งหลายครับ ปลาไหลที่ขณะนั้นบางตัวหงายท้อง บางตัวอิดโรย กับ ฝืนคืนขึ้นมาเหมือนตอนพึ่งซื้อมาใหม่ๆครับกระโดดในกะละมัง เอามือเขาไปจับแทบไม่ทัน เพราะดิ่นแรงมาก
เลยเป็นเรื่อง อัศจรรย์ใจ ของผู้เขียน ในพลังจิตของท่าน ที่เมตตาในครั้งนั้น "จากนั้นท่านก็พลักกะละมังคืนให้ พร้อมชี้นิ้วไปที่สระหลังวัดครับ"

อันนี้ก็เป็นประสบการณ์จากตัวผู้เขียนเอง กับท่านพระครูบวร เมื่อหลายปีที่แล้วครับ.......ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้วครับ

*********************************

องค์ที่ 1


องค์ที่ 2


เหรียญละ*** 450 ***
ถ้าจะพูดถึงประสบการณ์ด้านคงกระพัน แคล้วคราดแล้ว
ผู้ศรัทธาทั่วไปรู้จักดีครับ สำหรับคงในพื้นที่มักจะแขวนเดี่ยว องค์เดียวเลยด้วยซ้ำครับ

นิตยสารพระเครื่อง บางเล่มลงราคาไว้สูงมากครับ
แต่ก็มีผู้ที่รู้จักเช่าบูชาครับ


ปิดจองทั้ง 2 องค์ครับ​

 

ขอปิด ๒องค์ครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ...

 

รายการที่ 261​

เป็นรุ่นที่ออกมาน้อยมากๆ ถ้าหาตามเวปแทบไม่เห็นสำหรับเนื้อเงินรุ่นนี้ครับ **นอกจากหลวงปู่ลี จะอธิษฐานจิตแล้ว ยังได้รับเมตตา จากหลวงปู่บญมี ปริปุณโณ หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร เมตตาอธิษฐานจิตอีกวาระ....

​

เนื้อเงิน(หายากกว่ารุ่นแรก)


เนื้อทองเหลือง


ทั้งหมด
1300 ครับ
(มีเพียงเหรียญเดียวเท่านั้นครับ จริงๆเนื้อเงินสร้างไม่ถึง 100 นะครับ หน้าจะ 80 กว่าๆเพราะมีการนำไปเก็บไว้หล่อรูปเหมือน(เท่าองค์จริง)หลวงปู่ท่านอีกประมาณ 10 กว่าเหรียญได้)


**และเหรียญรุ่นเดียวที่ออก 2 วัด ทั้ง วัดป่าบ้านตาด-วัดป่าภูผาแดง**

จอง

​

 

จอง 261

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ