::นักวิทย์ฯ เตือนโลกอาจร้อนจนย้อนกลับไม่ได้::

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุชีโว, 21 พฤษภาคม 2019.

  1. สุชีโว

    สุชีโว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    154
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +579
    559000012006001.jpg
    พื้นที่บางส่วนของโลกมีความเสี่ยงที่จะอยู่อาศัยไม่ได้ เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมเกือบ 5 องศาเซลเซียส อาจส่งผลให้โลกร้อนขึ้นแบบไม่มีทางย้อนกลับ
    นักวิจัยได้เตือนว่า ทั่วโลกจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานฟอซซิลสู่พลังงานสะอาดโดยเร่งด่วน เนื่องจากมลพิษจากพลังงานฟอซซิลกำลังผลักดันให้โลกเข้าสู่สภาวะ “ฮอตเฮาส์ สเตท (Hothouse state)” ซึ่งเป็นภาวะอันตรายถาวร

    หากน้ำแข็งขั้วโลกยังคงละลายต่อไป ป่าไม้ถูกตัดโค่น และประมาณก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นกว่าเดิมจนทำสถิติใหม่ ซึ่งมีสถิติใหม่เกิดขึ้นทุกปี โลกก็จะถึงจุดพลิกผัน
    นักวิทยาศาสตร์ได้ประกาศเตือนในเอกสารสรุปการประชุมของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ (Proceedings of the National Academy of Sciences) ว่า การถึงจุดพลิกผันนั้นจะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม 4-5 องศาเซลเซียส และระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 10-60 เมตรจากปัจจุบัน
    นอกจากนี้ นักวิจัยยังระบุว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงสิบปีข้างหน้า

    Hothouse Earth คืออะไร
    นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย และสถาบันพอทส์ดัม ได้ระบุเกี่ยวกับสภาวะ Hothouse Earth ว่า มีความเป็นไปได้ว่ามันจะเกินการควบคุมและเป็นอันตรายอย่างมาก
    โดยภายในศตวรรษนี้หรือเร็วกว่านั้น แม่น้ำจะเอ่อล้น พายุจะโหมพัดแนวชายฝั่งอย่างรุนแรง และแนวปะการังจะหายไปทั้งหมด อุณหภูมิทั่วโลกจะสูงเกินกว่าทุกช่วงคั่นระหว่างยุคน้ำแข็งในอดีต เมื่อราว 1.2 ล้านปีก่อน
    น้ำแข็งขั้วโลกที่ละลายจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของระดับน้ำทะเล ซึ่งจะเข้าท่วมชายฝั่งต่างๆ ซึ่งมีบ้านเรือนที่มีผู้อาศัยมากกว่าร้อยล้านคน
    "หลายพื้นที่ของโลกจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ หากสภาวะ Hothouse Earth นั้นกลายเป็นความจริง" นายโยฮัน ร็อกสตรอม (Johan Rockstrom) ผู้ช่วยจัดทำวิจัย และผู้อำนวยการบริหาร Stockholme Resilient Centre กล่าว

    อะไรคือจุดพลิกผัน
    นักวิจัยระบุว่า โลกอาจถึงจุดพลิกผันเมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม 2 องศาเซลเซียส โดยในขณะนี้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม 1 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมินี้จะเพิ่มขึ้น 0.17 องศาเซลเซียสในทุกๆ 10 ปี
    "เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 2 องศาเซลเซียส สามารถทำให้เกิดปัญหาพลิกผันขึ้นได้ และหากอุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกมันจะเกิดปัญหาตามมาต่อๆ กันแบบโดมิโน ซึ่งจะกระทบถึงระบบการทำงานของโลก และนำไปสู่อุณหภูมิที่สูงขึ้นอีก" ข้อมความส่วนหนึ่งในรายงานฉบับดังกล่าวระบุ
    "ปัญหาที่เรียงต่อกันนั้น อาจทำให้โลกเข้าสู่การทำงานรูปแบบใหม่" นายฮานส์ โจอาคิม เชนอูเบอร์ (Hans Joachim Schellnhuber) ผู้ร่วมจัดทำรายงานฉบับดังกล่าว และผู้อำนวยการสถาบันพอทส์ดัมกล่าว
    นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังกังวลเกี่ยวปรากฎการณ์อย่างไฟป่า ซึ่งลามไปทั่วโลกเนื่องจากอากาศที่ร้อนและแห้งขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเกิดภาวะโลกร้อน
    การคำนวณจุดพลิกผัน

    บทความ Perspective ซึ่งเขียนขึ้นจากข้อมูลในงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่มีการตีพิมพ์ เกี่ยวกับเรื่องจุดพลิกผันของโลก
    ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบสภาพของโลกในยุคต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อประกอบกันในการจัดทำบทความฉบับนี้ เข่น ในยุคสมัยไพลโอซีน เมื่อ 5 ล้านปีก่อน ระดับคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 400 ppm เหมือนในปัจจุบัน และในช่วงยุคครีเทเชียส ซึ่งเป็นยุคหนึ่งของช่วงยุคไดโนเสาร์เมื่อประมาณ 100 ล้านปีก่อน ระดับก็าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นสูงมากถึง 1,000 ppm เนื่องจากมีการระเบิดของภูเขาไฟ
    "การกล่าวว่า อุณหภูมิโลกเฉลี่ยที่สูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม 2 องศาเซลเซียสเป็นจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้นั้นเป็นเรื่องใหม่" นายมาร์ติน ซีย์เกิร์ท (Martin Siegert) รองผู้อำนวยการสถาบันแกรนแทม ที่ราชวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมในการวิจัยครั้งนี้กล่าว
    "บทความดังกล่าวเป็นการตรวจทานแนวคิดและทฤษฎีที่มีการตีพิพม์ไปก่อนหน้านี้ เพื่อนำเสนอว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับนั้นจะทำงานอย่างไร มันดูเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง แต่ก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร" นายมาร์ตินกล่าวเสริม

    เราจะหยุดมันได้อย่างไร
    นักวิจัยกล่าวว่า ผู้คนจะต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตโดยทันทีเพื่อให้เป็นผลดีต่อโลก
    แหล่งพลังงานจากฟอซซิลจะต้องถูกทดแทนด้วยแหล่งพลังงานที่มีมลภาวะน้อยหรือพลังงานสะอาด และจะต้องมีกลยุทธ์ในการดูดซับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้น เช่น การหยุดตัดไม้ทำลายป่า และการปลูกต้นไม้ขึ้นทดแทน
    การจัดการหน้าดิน การเพาะปลูกที่มีความรับผิดชอบ รวมถึงการอนุรักษ์ธรณี พื้นที่ชายฝั่ง และเทคโนโลยีในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เหล่านี้คือหนึ่งกระบวนการตามกลยุทธ์ดังกล่าว
    แม้มนุษย์จะหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่แนวโน้มความร้อนในปัจจุบันอาจก่อให้เกิดกระบวนการของระบบโลกอื่นๆ ซึ่งจะผลักดันให้โลกร้อนขึ้นอีก ซึ่งรวมถึงการละลายของชั้นดินเยือกแข็ง การสูญเสียหิมะที่ปกคลุมขั้วโลกเหนือ รวมถึงทะเลน้ำแข็ง และแผ่นน้ำแข็งขั้วโลก

    นักวิจัยกล่าวว่า มันไม่มีความแน่นอนว่าโลกจะสามารถกลับมามีเสธียรภาพได้อีกครั้ง
    "สิ่งที่เรายังไม่รู้ในตอนนี้คือ ความปลอดภัยของสภาพอากาศในสภาวะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงแตะ 2 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม และการประชุมข้อตกลงด้านสภาพอากาศปารีส (Paris Agreement) ก็กำลังจะมาถึง" นายเชนอูเบอร์กล่าว
    ที่มา :
    https://www.sbs.com.au/yourlanguage...-etuuenolkaacchrncchnynklabaimaid?language=th
     
  2. สุชีโว

    สุชีโว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    154
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +579

แชร์หน้านี้

Loading...