คอลัมน์... ตามรอย...ตำนานแผ่นดิน ตามรอยปริศนาธรรม หลวงปู่ขาว

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย montrik, 14 มิถุนายน 2019.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    d5c5ak6j7a77kbfbfabg8.jpg

    คอลัมน์... ตามรอย...ตำนานแผ่นดิน โดย... เอก อัคคี (facebook.com/ake.akeakkee)

    ทุกครั้งที่ผมเอ่ยถามเรื่องราวของข่าวที่เล่าลือกันถึงเรื่องฤทธิ์วิชาปาฏิหาริย์พุทธาคมของท่านหลวงปู่ขาว พุทธขิกโต แห่งวัดป่าคูณคำวิปัสสนา เมืองสกลนคร ท่านจะปรายมามองด้วยเมตตาแล้วก็อมยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเนิบช้าว่า

    “เราไม่รู้ดอก เขาว่ากันว่า กันทั้งนั้น เราไม่ได้พูดไม่ได้ทำอะไร ดูกันเอาเอง ใช้ปัญญาใช้สติให้มาก อย่าประมาทกับชีวิต”

    แน่นอนว่าตลอดระยะเวลาการทำงานในสายงานผู้สื่อข่าวมาตั้งแต่สมัยก่อนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ๒๕๓๕ ดุ่มเดินมาบนเส้นทางคนมือเปื้อนหมึกตั้งแต่การเป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม บันเทิง ย่อมผ่านเรื่องราวและผู้คนมามากมาย
    daiga7dai9h6egfaebj66.jpg
    พระแม่ธรณีอธิษฐานจิตและเครื่องรางว่านไพล่ดำหลวงปู่ขาว

    สิ่งที่ผมใช้เป็นอาวุธประจำตัวมาตลอดคือ “สติปัญญาและวิจารณญาน” ถามว่า เคยเจอพระสงฆ์, พระอริยสงฆ์, นักธุรกิจในดงขมิ้น ฯลฯ แน่นอนว่า เจอมามากเห็นมาเยอะ และผมเชื่อในวิบากกรรมและมนต์พระกาล คือ ระยะทางพิสูจน์ม้า-กาลเวลาพิสูจน์คน

    พระแท้-คนจริง กาลเวลาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ เหมือนคำกล่าวที่ว่า ทองแท้ไม่กลัวไฟฉันใดก็ฉันนั้น !!


    หลวงปู่ขาวดำเนินวิถีแบบพระป่าปฏิบัติกรรมฐานที่เข้าใจวิถีเมือง จึงไม่เป็นทุกข์ใจ สังเคราะห์ญาติโยมไปตามกำลังและแรงบุญแรงกรรมของบุคคลนั้น
    bbb8jb8ec9k5a8haa6eak.jpg

    หลวงปู่ขาว พุทธขิตโต วัดป่าคูณคำวิปัสนา

    สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นด้วยตาตัวเองคือ การแบ่งพื้นที่ของวัดป่าคูณคำวิปัสสนาออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจนคือ พื้นที่ของศาสนสถานสิ่งปลูกสร้างถาวรวัตถุเพื่อเป็นศูนย์กลางรวมจิตใจของคนที่อยากกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เนื้อนัยน์ตามองเห็น จับต้องได้ นั่นคือ พระธาตุคูณคำธรรมเจดีย์ที่สูงเสียดฟ้า ศาลาโรงธรรม, พระพุทธรูปปางไสยาสน์ อันเป็นปริศนาธรรมให้ตระหนักถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าตลอดกาลในเรื่องของกายสังขาร แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดับขันธ์ปรินิพพาน รวมไปถึงศาลามหาวิหารที่กำลังดำเนินการก่อสร้างเต็มพื้นที่หนึ่งไร่ เพื่อไว้ให้สำหรับพระสงฆ์และพุทธบริษัทใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและใช้นั่งวิปัสสนากรรมฐาน ฯลฯ
    อีกส่วนหนึ่งคือ พื้นที่ซึ่งพระภิกษุสงฆ์พักและปฏิบัติศาสนกิจ เจริญสติ พิจารณาสำรวจจิตใจตนเอง จะอยู่ในพื้นที่ของป่าที่รกครึ้ม เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ มีเพียงทางเดินเทปูนซีเมนต์เล็กๆ ลัดเลาะลดเลี้ยวไปตามใต้โคนไม้ กุฏิพระสงฆ์จะซ่อนอยู่ในป่าเขียวครึ้ม ทิ้งห่างกันเป็นระยะ แต่ว่ามีระบบระเบียบเรียบร้อยดี หลวงปู่ขาว ท่านมักจะนั่งคุยกับญาติโยมที่มาหาที่เฉลียงหน้ากุฏิ ไม่ว่าจะยากดีมีจนร่ำรวยมาจากไหน ต้องเดินหลบต้นไม้ ต้องก้มหัวให้กับกิ่งไม้ ต้องระวังเท้าไม่ให้พลาดไปเหยียบกิ้งกือที่เดินกันอย่างร่าเริงบนทางปูน
    อย่างที่เล่าไปแล้วว่า เมื่อผมถามท่านว่า ที่เขาว่ากันว่าหลวงปู่ขาว พุทธขิโต เป็นพระธุดงค์มีฤทธิ์เล่นฤทธิ์ ท่านก็หัวเราะแล้วบอกว่า
    และทุกคนต้องนั่งบนเสื่อดินน้ำมันเสมอเหมือนกันหมด เพราะที่นี่ไม่มีเก้าอี้ นอกจากเสื่อและโต๊ะม้าหินสองชุดที่อยู่ใต้โคนไม้ตะเคียน !
    ac8cbf8a5i577bab65caf.jpg
    หลวงปู่ขาวขณะจารอักขณะด้วยเหล็กแหลมบนหลังผู้เขียน

    "เราก็ไม่รู้มี...ตาก็ดูเอา มีนักปฏิบัติธรรมบอกว่า นั่งสมาธิเห็นนางฟ้า พระอินทร์ พระพรหม กูนั่งแทบตายไม่เห็นบ้าอะไรเลย ไอ้พวกประมาท พวกนี้ไม่นานก็เป็นบ้า เป็นโรคประสาทกันหมด พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนเรื่องนี้ ท่านสอนให้ดูใจตัวเอง ให้ปฏิบัติศีล ปฏิบัติจิตภาวนา ให้จิตสงบ แล้วก็พิจารณาทุกข์ ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนต่างหาก เพื่อละ เพื่อถอนกิเลส โลภ โกรธ หลง ที่อยู่ในจิตใจตนเอง เรื่องฤทธิ์ ญาณรู้ จะมีหรือไม่มี ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร ท้ายสุดพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทรงยกย่องให้ความสำคัญเกินสติปัญญาเลย"

    หวนนึกถึงตอนที่ไปกราบครั้งแรก ที่ท่านมองหน้าจ้องตาผม แล้วมอบว่านไพลดำที่ปั๊มยันต์ นะ มะ พะ ทะ ให้แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนลงเอาเหล็กจารแหลมคมของหลวงปู่หงส์มาลงอักขระยันต์บนแผ่นหลังหนังสดๆของผม แล้วถามว่า

    “เอ็งไปทำอะไรมา !? ผิวเอ็งนี่มันดำเพราะน้ำยางว่านเนาะ เล่นเอาเหนื่อยเลย ใช้แรงเยอะ อืมมันก็ดีเนาะ !!”

    เมื่อไปกราบท่านล่าสุดในงานแสดงมุทิตาจิตคล้ายวันเกิดท่าน หลวงปู่ก็ตบกบาลผมเบาๆ แล้วท่านก็เมตตาบริกรรมคาถาให้ เมื่อผมเอาเนื้อดินหนังพระแม่ธรณีจากเท้าของท่านที่ท่านเหยียบย่างโปรดสัตว์ไปเลี่ยมใส่หลอดพลาสติกเล็กๆ ไปให้ท่านเสกกำกับเพื่อเก็บไว้พกพาบูชาติดตัวเวลาเดินทางเมื่อวางไว้บนฝ่ามือท่านก็หยิบไปถือแล้วตรวจดู ท่านบอกว่า

    "อืมมันก็ดีเนาะบ่ต้องห่วง"

    ผมนึกภาวนาในใจว่า ในเมื่อผมมีพระแม่ธรณี, มีรอยเท้าของครูบาอาจารย์ศิษย์หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร อริยสงฆ์เหนือโลกที่ย่ำโลกมาทั้ง ๘ ทิศอยู่กับตัว ผมจะย่ำไปทิศไหนของโลกก็ไม่ต้องหวั่นไหวให้ใจสะเทือน !!

    และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับผมจนได้ !!

    (อ่านต่อฉบับหน้า)
    ขอขอบคุณที่มา หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
    http://www.komchadluek.net/news/knowledge/374678
     
  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ถอดรหัสปริศนาธรรมหลวงปู่ขาวศิษย์หลวงปู่ใหญ่:หลวงปู่เทพอุดร 2
    5a55ha79fd8ia6b8b5he8.jpg
    คอลัมน์...ตามรอย...ตำนานแผ่นดิน โดย... เอก อัคคี (facebook.com/ake.akeakkee)


    มีบันทึกเอาไว้ว่าหลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่เทพโลกอุดรนั้นมีอภินิหารมาก ไปมาไร้ร่องรอย เป็นอาจารย์ใหญ่ในสายอภิญญา ได้รับพุทธบัญชาจากพระพุทธเจ้าให้อยู่ดูแลพระศาสนาไปจนกว่าจะครบถ้วน ๕,๐๐๐ ปี ตามพระพุทธพยากรณ์ เป็นพระอรหันต์มาตั้งแต่สมัยครั้งพุทธกาล และเป็นสหธรรมิกกับพระโมคคัลลานะ

    ท่านมีฤทธิ์มาก สายในดง ศิษย์ของท่านมีทั้งพระและฆราวาส (ฤาษี ดาบส ตาปะขาว) มีความลึกลับซ่อนเร้นปิดบังอำพรางมาก มีปฏิปทาแปลกประหลาดไม่เหมือนใคร บ้างก็แกล้งบ้า (แบบหลวงพ่อเชย อาจารย์ของเซียนสูที่ชลบุรี), บ้างก็ไม่สนใจความเป็นไปของโลก (แบบหลวงพ่อกบ หลวงพ่อโอภาสี ฯลฯ), บ้างออกแนวพระเกจิอาจารย์ (สมเด็จโต วัดระฆัง, หลวงปู่ศุข ปากคลองมะขามเฒ่า, หลวงพ่อเงิน บางคลาน, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค, หลวงปู่หมุน ฯลฯ), บ้างก็ออกแนวพระสายวิปัสสนากรรมฐาน (หลวงปู่มั่น ฯลฯ), บ้างก็ออกแนวพระอาจารย์สำนักใหญ่ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ, หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน), บ้างก็ออกแนวพระสันโดษ (ชอบปลีกวิเวกอยู่รูปเดียว เช่น หลวงปู่แสง วัดมณีชลขัณฑ์, หลวงพ่อเกษม เขมโก, หลวงปู่พิศดู, หลวงปู่จำปา, หลวงปู่โง่น ฯลฯ)
    7gagbjd66a8ak7dj5d9kj.jpg
    เรียกว่า ศิษย์ของท่านที่เป็นพระอภิญญาสายหลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่เทพโลกอุดรนั้น มีทั้งแบบในดงและนอกดง

    สายในดงคือ สายที่อยู่แต่ในป่าเขาลำเนาไพรหรืออยู่ในอีกมิติหนึ่ง เช่น อมรโคยานทวีป หรือ เขาคันธมาทน์ ในป่าหิมพานต์ ฯลฯ บางรูปก็จำพรรษาอยู่ในน้ำในสะดือทะเล (เกษียรสมุทร) เช่น หลวงพ่อพระอุปคุต เป็นต้น

    สายนอกดงคือ จะอยู่นอกป่าลึกหรืออยู่ในเมืองหรือใกล้กับตัวเมือง พอให้คนได้พบได้เจอบ้าง เพื่อทำหน้าที่สอนคน ดึงคน หรือโปรดคนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันในสายของหลวงปู่ ซึ่งต้องมีบุญบารมีพอสมควร การพบเจอหลวงปู่ใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนอกจากจะต้องมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกัน
    gakk9bhb8a675fcka85ag.jpg
    ว่ากันว่าเป็นภาพหลวงปู่เทพอุดร ถ่ายภาพกับหลวงพ่อจรัญ


    ในหนังสือของหลวงพ่อจรัญและในคัมภีร์อโศกาวทาน เคยมีการเขียนบันทึกเอาไว้ถึง รูปลักษณ์ของหลวงปู่ใหญ่นั้นมีรูปแบบที่สุดแท้แต่ว่าท่านจะมาในรูปลักษณ์กายใด อย่างที่หลวงพ่อจรัญบันทึกไว้คือ มีรูปลักษณะเป็นพระแก่เฒ่าชราภาพมาก หูยานเกือบถึงบ่า ผมเผ้ายาวรุงรัง ผิวหนังเหี่ยวย่นหย่อนยานมาก แต่น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยพลัง และทรงฤทธิ์อภิญญาสูงมาก พูดได้ทุกภาษาในโลก แต่หลักๆ จะพูดเป็นภาษามคธหรือภาษาบาลี สามารถเหาะเหินเดินอากาศหรือล่องหนหายตัวได้เป็นเรื่องปกติ เนรมิตร่างกายได้ทุกสภาพ
    หลวงปู่ขาวเคยเล่าให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดรเอาไว้และทาง http://kutbak.sakhonnakhon.police.go.th/rice/rice.htm นำมาลงเผยแพร่ว่า ท่านได้เมตตาเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ท่านได้รับจากหลวงปู่เทพโลกอุดรให้ได้รับทราบ

    “เรายอมจริงๆ ยอมรับท่านทุกอย่าง ยอมเป็นทาสรับใช้ท่าน ยอมศิโรราบ เพราะเราเคยเห็นสิ่งต่างๆ หลายอย่างจากท่าน แต่ถ้าเราจะมายกให้เห็นเป็นหลักฐานขึ้นมาอ้างอิงเช่นคนอื่นๆ นั้นจนปัญญา เพราะไม่มีตัวตนในตอนที่ได้อยู่กับท่านด้วยกายเนื้อตลอด ๗ วัน แต่สำหรับทุกๆ วันพระท่านจะมาสอนประจำทางสมาธิจะอยู่แห่งใดทุกวันพระท่านก็จะมาสอนให้โอวาท อย่างงานที่ท่านให้บูรณะพระธาตุคูณคำในวัด มีอะไรจะปรึกษาท่านตลอด อย่างปรึกษาท่านว่า “ลูกจะสร้างสิ่งนี้จะสำเร็จไหม” หลวงปู่จะบอกให้ทราบ

    fca9b765ag8fbbhbhbb6h.jpg

    “ลูกเอ๋ย ถ้าถามว่าการสร้างในพระพุทธศาสนานี่มันดีไหม มันดี แต่ก็อย่างมงาย ให้สร้างเพราะสละความตระหนี่ สร้างเพื่อให้เป็นพุทธบูชา ถ้าจะสร้างก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าการสร้างวัตถุเพื่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์ต่างๆ นั้นมันผิดกับหลักธรรมคำสอน พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระบรมศาสดาของเราท่านไม่ได้สอนในเรื่องฤทธิ์เรื่องเดช

    ท่านไม่ได้สอนให้ทำในเรื่องวัตถุมงคล แต่ถ้าเราทำก็ทำได้แต่ว่าเราอย่าไปยึดติดกับมัน เราทำไว้เพื่อประดับตาโลกแต่สิ่งนี้มิใช่แก่นของพระธรรม พ่อก็ไม่ห้ามแต่ก็อย่าไปหลงงมงายจนถอนตัวไม่ขึ้น วัตถุมงคลนั้นมันดีตรงกำลังใจ

    สมมติเรามีความท้อแท้ แต่จิตเรามีความเชื่อว่าสิ่งทั้งหลายมันช่วยได้นั่นแหละคือตัวศรัทธา ความเชื่อมั่นเกิดเป็นฤทธิ์กระตุ้นจิตใจให้ได้เกิดผล เมื่อผลที่เกิดขึ้นที่จิตใจเขาได้รับผลดังใจเขาจึงเกิดความเชื่อศรัทธานับถือมีฤทธิ์มีเดช ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แท้ที่จริงแล้วมันเกิดจากจิตของเขา มันไม่ได้เกิดจากวัตถุนั้น ถ้าทำด้วยความเชื่อศรัทธาจึงจะเกิดเป็นฤทธิ์เป็นผล”

    นายภันธกานต์ กิ้มทอง เคยเขียนบทความโดยอ้างอิงว่า หลวงปู่ขาว เคยได้กราบเรียนหลวงปู่เทพโลกอุดร “แล้ววัตถุมงคลที่พ่อสร้างไว้ล่ะมีไหม”

    ท่านบอกให้ทราบว่า

    “ตั้งแต่พ่อบวชมาในสมัยครั้งท่านหลวงพ่อมหากัสสปเถระ เป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านไม่เคยสอนเรื่องการสร้างวัตถุมงคล ท่านสอนเรื่องการปฏิบัติอย่างเดียว เน้นหนักมีแต่เรื่องธรรมะล้วนๆ เน้นการปฏิบัติล้วนๆ ไม่ได้สอนในเรื่องวัตถุมงคล แต่ที่เขาเล่าลือกันว่าเป็นพระกรุหลวงพ่อแตกที่นั่นที่นี่สิ่งที่เขาพูดเขาอุปโลกน์ขึ้นมาเองพ่อไม่ได้ทำขึ้น
    8dc9ai5cg8kdc566hbgje.jpg

    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    แต่ที่ทำจริงๆ คือกรุวังหน้า ๘๔,๐๐๐ องค์นั้นพ่อทำไว้จริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างนะลูกเราจะทำอะไรก็ช่างขอให้ใจเรามีความศรัทธาเต็มร้อยเชื่อเต็มร้อย เมื่อเรามีความเชื่อศรัทธาเต็มร้อยความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ที่วัตถุมงคล แต่สำเร็จที่ใจเรา เมื่อใจเราสำเร็จแล้ว ทุกอย่างมันต้องสำเร็จ

    เพราะทุกอย่างมันเกิดที่เหตุเกิดขึ้นที่ใจ ถ้าเรามีความเชื่อขอให้เราตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีธรรมที่เราได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติ บารมีธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเป็นพระบรมครูแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกนี้ เราขอแผ่บิณฑบาตเอากับเทวดาองค์นั้นกับเทวดาองค์นี้จงไปหาข้าทาสบริวารที่เคยสร้างบารมีธรรมในพระพุทธศาสนาถ้าจะสร้างนั่นสร้างนี่ให้บอกวัตถุประสงค์เขาและขอบารมีเขาขอแผ่เมตตาบิณฑบาตให้ไปสะกิดจิตใจข้าทาสบริวารเนื้อนาบุญสาวกของพระพุทธเจ้านั่นแหละ ใครมีศรัทธาก็ขอให้มารวมบารมีธรรมอธิษฐานเอา”

    หลวงปู่ขาว ท่านขยายความเอาไว้ว่า “ในบรรดาศิษย์ของท่านพระมหากัสสปเถระมีที่เป็นเลิศในทางปัญญา คือท่านพระโสณเถระ และท่านที่เป็นเลิศทางมีฤทธิ์เดชคือพระอุตตรเถระหรือที่ชาวไทยเรียกขานนามท่านว่าหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านพระมหากัสสปเถระได้สั่งกำชับพระอุตตรเถระไว้ว่า ถ้าถึงคราวเกิดวิกฤติในศาสนาขององค์พระสมณโคดมขึ้นมาเมื่อใดยุคนั้นหลังพุทธองค์ปรินิพพานไป ๒,๕๐๐ ปีแล้วจิตใจของผู้คนจะเสื่อมถอยไปจากศีลธรรมมากขึ้นๆ แต่พระพุทธศาสนาของสมณโคดมนั้นยังคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่เช่นเดิม

    แต่ความเชื่อมั่นของมนุษย์โลกจะลดลง ความเชื่อในบาปบุญคุณโทษไม่ค่อยมี เพราะเป็นช่วงที่พญามารขึ้นมาปกครอง ฉะนั้นจะต้องหาอุบายให้ผู้คนรับรู้เพื่อเอาชนะพญามาร(กิเลสในจิตของตน)ไม่ให้มาครอบครองโลกได้อย่างน้อย ถ้าเป็นสามส่วนให้คงเหลือไว้สักหนึ่งส่วนก็ยังดี และในช่วงเวลานั้นหากจะเอาปัญญามาแก้ไขปัญหาก็คงไม่ได้ผล เพราะสังคมโลกไม่ค่อยยอมรับ ไม่ได้เอาสติปัญญามาแก้ไขปัญหา เพราะไม่เชื่อในธรรมะ

    (อ่านต่อฉบับหน้า)
    ขอบคุณ หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
    http://www.komchadluek.net/news/knowledge/373697
     
  3. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ถอดรหัสปริศนาธรรมหลวงปู่ขาวศิษย์หลวงปู่ใหญ่:หลวงปู่เทพอุดร๑
    วันที่ 25 พฤษภาคม 2562 - 00:00 น.
    abd9hac8ac95iggbfagg7.jpg
    คอลัมน์... ตามรอย...ตำนานแผ่นดิน โดย... เอก อัคคี (facebook.com/ake.akeakkee)

    เมื่อไม่นานมานี้ คุณธนอรรถ ตรีธิติธัญ ประธานมูลนิธิ โอ.เค ไลฟ์มากราบขอบารมี พระธาตุคูณคำธรรมเจดีย์ และขอพรหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต วัดป่าคูณคำวิปัสสนา อ.กุดบาก จ. สกลนคร ท่านบอกว่า ชีวิตช่วงนี้ไม่ต้องกังวลอะไร และทันทีที่ท่านแตะตัวผมท่านบอกว่า ผิวตัวที่ดำไม่ใช่ผิวหนังดำ...นี่มันดำน้ำยางว่าน....โยมไปทำอะไรมา !?!
    –-----
    หลวงปู่ขาว รูปนี้ท่านไม่ธรรมดาจริงๆแฮะ!!!
    ท่านทราบได้อย่างไรว่า ผมลงแช่ว่านรางยามาแล้ว
    –-------

    ผมอดทึ่งในใจไม่ได้ที่ท่านทราบ เพราะด้วยความสัตย์จริงผมเพิ่มได้มีโอกาสมากราบท่านครั้งแรกในชีวิต เคยแต่ได้ยินชื่อเสียงของท่านว่าเป็นพระนักพัฒนาและมีวิชาพุทธาคมไม่น้อย เพราะการที่พระรูปหนึ่งจะสร้างพระธาตุขึ้นมาได้ให้เสร็จสมบูรณ์ สวยงามกลางป่ากลางเขาไม่ใช่เรื่องที่ใครก็สามารถจะทำได้...แต่ท่านทำได้

    ความงดงาม สูงตระหง่านเสียดฟ้าของพระธาตุคูณคำธรรมเจดีย์ คือคำตอบที่ประดิษฐานตระหง่านอยู่เบื้องหน้าทุกท่านที่ไปเยือนวัดป่าคูณคำวิปัสสนาแห่งนี้
    afhhbb5f55hbhe8ge96ff.jpg
    หลวงปู่ขาว หรือ พระอธิการสุพัตร พุทธรักขิโต ท่านได้มีดำริที่จะสร้างองค์พระธาตคูณคำธรรมเจดีย์เพื่อประดิษฐ์ฐานพระบรมสารีริกธาติและเป็นพุทธบูชา โดยเริ่มก่อสร้างอค์พระธาติ (องค์เดิมก่อนที่จะทำการบูรณะ) องค์พระธาติมีส่วนสูง ๑๒ เมตร กว่างด้านละ ๓ เมตร และมีพระธาตุ องค์ล้อมรอบทั้ง ๔ ทิศ เริ่มก่อสร้างในวันพฤหัสบดีที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๕ จนแล้วเสร็จในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๓๖ รวมระยะเวลาในการก่อสร้าง ๘ เดือน ใช้งบประมาณทั้งสิ้นเป็นเงิน ๙๙๐,๐๐๐ บาท


    ต่อมาการบูรณะองค์พระธาตุคูณคำธรรมเจดีย์ นำโดยพระอธิ การสุพัตร พุทธรักขิโต เป็นประธานในการนำคณะสงฆ์ สามเณรวัดป่าคูรคำวิปัสสนา ศิษยานุศิษย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งชาวบ้านกลางร่วมกันบูรณะองค์พระธาติให้มีความมั่นคงถาวรยิ่งขึ้น

    เนื่องจากพระธาติองค์เดิมมีขนาดเล็กและเริ่มชำรุดทรุดโทรมพร้อมกันนั้นยังมีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างพระธาติคูณคำธรรมเจดีย์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาติที่ได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๒และเพื่อประดิษฐานพระอุรังคธาติเบื้องซ้ายที่ได้รับประทานจาก ดร.ธรรมเสน มหาเถโร สมเด็จพระสังฆราชประเทศบังคลาเทศ องค์ที่ ๑๒ แห่งประเทศบังคลาเทศ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕
    ka7abeg5bei8k8fh669kk.jpg

    ให้เป็นที่สักการะบูชาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนตลอดชั่วกาลนาน เป็นการสร้างเพื่อครอบพระธาตุองค์เดิม ซึ่งองค์พระธาติที่สร้างขึ้นในครั้งนี้มีขนาดความกว้างของฐานด้านละ ๑๘ เมตา ความสูงจากพื้นถึงยอดฉัตร ๖๐ เมตร เป็นการก่อสร้างแบบคอนกรีตเสริมด้วยเหล็ก ก่อด้วยอิฐและฉาบด้วยปูน ยอดฉัตรทำจากทองคำหนัก ๑๕ บาท

    ซึ่งเริ่มบูรณะในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๐ ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งหมด ๖ ปี สิ้นงบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๐ล้านบาท

    นอกจากนี้ท่านยังได้ร่วมสร้างและบูรณะพระธาตุอีก ๔ แห่งคือ พระธาติเจดีย์ศรีคันไชยวัดท่าเดื่อ ต.ท่าเดื้อคันไชย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร , พระธาติเจดีย์หินศิลามงคล วัดสว่างอารมณ์บ้านหนองหอย ต.ธาตุทอง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร , พระธาตุศิลามงคล วัดศิลามงคลตำบลพระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนมและพระเจดีย์พุทธมงคลศรีพยัคฆ์ วัดหนองแคน ต.เมืองเสือ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม

    วัดป่าคูรคำวิปัสสนาแห่งนี้ เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘ โดยหลวงพ่อเบี้ยว ฐานวิโร (อดีตประธานสงฆ์) ได้พิจารณาพื้นที่แห่งนี้ ว่ามีความสงบวิเวก เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม หลวงพ่อเบี้ยว ฐานวิโร พร้อมกลุ่มชาวบ้านกลาง จึงได้มีความประสงค์และร่วมกันตั้งเป็นสำนักสงฆ์ขึ้น

    จนกระทั้ง เมื่อ พ.ส.๒๕๓๓ หลวงปู่ขาว หรือ พระอธิการสัพัตร์ พุทธรักขิโต ภายหลังจากธุดงค์ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของท่านและได้พิจารณาร่วมกับชาวบ้านกลางแล้วเห็นสมควรที่จพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้เพื่อเป็นวัดสืบต่อไป ต่อมาได้มีมติความเห็นชอบชองคณะกรรมการมหาเถรสมาคมและกรมการศาสนาในสมัยนั้น (ปัจจุบันกรมการศาสนาได้เปลี่ยนเป็นสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ) ได้อนุญาตให้สำนักสงฆ์ป่าคูณคำวิปัสสนายกลำดับฐานะขึ้นเป็นวัดในวันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘
    hekfca8h8b9bha56769b7.jpg
    วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดป่าที่มีความร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมายอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง

    กุฏิของหลวงปู่ขาวอยู่ลึกเข้าไปในป่าใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ทางเดินเล็กๆ เทหล่อด้วยคอนกรีตลดเลี้ยวเลาะไปตามใต้โคนไม้ ผมเดินตามหลังผู้ใหญ่หลายท่านเข้าไปพร้อมซึมซัมบรรยากาศที่หายากยิ่งจากวัดกลางเมืองหลวง

    ..................

    หลวงปู่ขาว นั่งรออยู่ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยเมตตา ท่านยิิ้มแย้มทักท่ายทุกคนอย่างเป็นกันเอง แม้ว่าผมจะได้ยินร่ำลือมาบ้างถึงความดุของท่านเวลาลูกศิษย์เข้ามาหา แต่ผมเข้าใจว่า ท่านคงดุด้วยความเป็นครูที่มุ่งมากปรารถนาที่จะอบรมสั่งสอนมากกว่าจะดุด้วยโทสะจริต

    และจริงอย่างที่ผมคิดไว้ในใจ ท่านเป็นพระที่มีความเป็นครูสูงและมุ่งเน้นที่จะสอนธรรมะแบบไม่ได้ตั้งหน้าตั้งหน้าอบรมสั่งสอนดั่งเป็นผู้วิเศษที่บรรลุธรรม แต่ท่านสอนธรรมะแบบธรรมชาติด้วยการดูจริตของคนๆนั้นว่าสามารถรับธรรมได้ในระดับใด.. ท่านก็จะสอนไประดับนั้น

    เรื่องปลกแต่จริงก็คือ ข้างๆ ตั่งแคร่ที่ท่านนั่งจะประดิษฐานรูปปั้นขนาดใหญ่ของพระภิกษุรูปหนึ่งด้วยปูนสีขาวที่สีหม่นไปตามกาลเวลาที่ฐานสลักนามไว้ว่าหลวงปู่เทพอุดร

    แต่ใบหน้าของพระรูปปั้นกลับละม้ายคล้ายกับท่าน อย่างน่าประหลาด

    ทุกคนในขณะยืนยันว่าเป็นรูปปั้นเก่าแก่ที่หนึ่งในคณะเก็บรักษาไว้นานหลายสิบปีก่อนจะได้รูจักกับหลวงปู่ขาวเสียอีก แต่เมื่อมีโอกาสได้รู้จักท่านและมีโอกาสมากราบก็อัญเชิญมาเพื่อขอให้ท่านเจิมให้เพื่อความเป็นศิริมงคล แต่เมื่อนำมาปรากฎว่าเพิ่มสังเกตว่ารูปปั้นหลวงปูู่เทพอุดรหรือหลวงปู่ใหญ่มีความคล้ายกับท่านมาก จึงตัดสินถวายไว้ที่กุฎิของท่านตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    เมื่อเอ่ยถามว่า เพราะเหตุใดจึงมีความคล้ายคลึงกันขนาดนั้น ท่านหัวเราะแต่ไม่มีอธิบายขยายความใดๆ แต่ผมเข้าใจของผมเองว่า “ความบังเอิญ” ไม่มีอยู่จริงหรอกในโลกใบนี้

    กลับมานั่งย้อนค้นคว้าเอกสารต่างๆ ที่มีการเขียนบันทึกถึงเรื่องราวของหลวงปู่ขาว จึงพบว่า ท่านมีความสัมพันธ์โยงใยกับหลวงปู่เทพอุดรเป็นอย่างมาก
    (อ่านต่อฉบับหน้า)

    Shares :
    อบคุณหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
    http://www.komchadluek.net/news/knowledge/372981
     
  4. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ขออภัยท่านผู้อ่าน ที่เรียงลำดับบทความผิดไป จากใหม่ ไปเก่า
    ไม่ได้ลำดับ ตอน (1) (2) (3)
     

แชร์หน้านี้

Loading...