ภูมิธรรมของมนุษย์..?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 20 มิถุนายน 2019.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อืม...ระเบิด

    ที่ผมผ่าน การชำระอวิชชา..ก็ด้วยเพราะ ถึงที่สุดของ รู้ ของคิด ของอยาก ของสงสัย ของอัตตาตัวตน...อวิชชาหาย ได้วิชาหรือปัญญาความเข้าใจมาแทน...อวิชชาหายไปนะ..คือ หมดอยาก หมดความสงสัย หมดความยึดมั่นถือมั่น...ถึงความหลุดพ้น รู้ว่าหลุดพ้น ..แล้ว..อิสระภาพอันแท้จริง...เพราะได้รับการชี้ธรรมจากท่านอาจารย์ที่เปรียบเหมือนดั่ง พระพุทธเจ้า...ดังนั้น พระพุทธเจ้าที่ผมเห็น ก็คือ ธรรมที่ท่านอาจารย์ของผมท่านแสดง ...ธรรมนั้นนำพาให้ผมพ้นจากอวิชชามาได้...จนถึงนิพพาน ผมจึงถือว่า ทั้งตัวท่านอาจารย์และธรรมที่ท่านแสดงนั้นแหล่ะคือ...พระพุทธเจ้า...
    แล้วท่านยัง มาชี้ทาง ให้กลับมา ยังโลก เพื่อ พิสูจน์ตนอีกครั้ง เพื่อท้าชนทุกข์ ว่า ..ตัวเรานิพพานจริงหรือ...ยินยันตนเองด้วยตนเอง...เป็นการตรัสรู้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้อง ไปถามเอาคำรับรองจาก ใคร แม้ จากพระพุทธเจ้า..ก็ไม่ถาม เพื่อให้ท่านมารับรอง

    การตรัสรู้ชอบ ต้อง ด้วย ตนเอง...ยินยันตนเอง เท่านั้น
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    คือ การถึง นิพพานแท้จริงนั้น แม้ตัวตนของเราก็ไม่เหลือ ไม่เหลืออัตตาใดใดเลย...มัน พ้นแล้วจากทุกสรรพสิ่ง มันจึงเหมือน ดับหมด สิ้น..ไม่เหลืออะไร
    ไม่เหลือทั้งอนันตตักรวาล...เหมือนเราตายไปแล้ว หายไปหมดสิ้นแล้ว เน่าแล้ว อนัตตาไปแล้ว...
    ไม่เหลือคุณค่าอะไรเลย
    ไม่เหลือความเป็นสัตว์โลก
    ไม่เหลือสมมุติใดใดเลย........มลายหายไปสิ้น
    ...
    จนท่านอาจารย์ ต้องมาช่วย ชี้ ทาง..ต่อ..นั่นเพราะ เหตุผล ว่า นิพพานมีอยู่จริง แต่ใครจะกล้าเอา ถ้าเป็นแบบที่ผมเจอ...เพราะมันคือ....ตายแล้วเรียบร้อย..ดับสิ้น ดับธาตุ ดับขันธ์ ดับจิตวิญญาณ..ดับทุกสมมุติ
    ...
    ผมจะตายแบบนี้ก็ได้...แต่...เมื่อตัวผม ได้ประโยชน์อันใหญ่หลวงนี้แล้ว
    ท่านอาจารย์ถามผมว่า...จะรู้คนเดียวเหรอ..จะเอาตัวรอดคนเดียวเหรอ
    กว่าตนเอง จะถึงนิพพานนี้ได้...คนอื่นที่เคยช่วยเหลือเรามา จะทิ้งพวกเขาเหรอ จะทิ้งคนที่เราเคยรักเหรอ จะทิ้งคนที่เขารักเรางั้นเหรอ...จะปล่อยให้คนเหล่านั้น ..ไม่รู้อยู่อย่างนั้นต่อไปได้เหรอ..
    เมื่อเราได้รู้ถึงนิพพานได้ขนาดนี้ จะไม่คิดสร้างประโยชน์ กับผู่อื่นมั่งเหรอ
    นี่แหล่ะ ผมจึงต้องกลับมา
    ด้วยสายใยรัก ของครอบครัว ที่เราต้องรับผิดชอบโดยหน้าที่
    ต้องกลับมาที่ร่างกาย..รวมรูปกับนามอีกครั้ง
    เหมือนได้กลับมาพบกับ ตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
    มีความสุขมาก ..ตอนที่จิต(มโนธาตุ)มันหดวูบ กลับเข้าร่างอีกครั้ง..
    แล้วต้องมาบวชเพื่อ ปรับ รูปนามให้ตรงกันอีกรอบ
    มโนใจ เป็นพระอรหันต์โดยสมมุติ..จึงต้องมาบวชเพื่อให้รูปกายเป็นพระ..ให้ตรงกัน เพื่อความสมดุลย์ของรูปนาม เพื่อปรับ ระดับปัญญาให้ สมดุล ตรงกัน เพื่อ การเข้าใจ และปล่อยวางธรรม ออกจากธรรม เพื่อ กลับคืนมาเป็นมนุษย์ ตามจริง...บวช24 วัน ก็เข้าใจใน องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า... ในเจตนาที่ท่านสอนธรรม ชี้ทางออก จากทุกข์...มันช่างเป็น พระมหาเมตตา จาก ..คนผู้หนึ่ง จริงๆ ว่า ที่ท่านทำนั้น...มันเป็นเรื่อง ที่ยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ..ในการที่จะช่วยใครได้สักคน...แต่ท่านก็ยังทำ..จนได้
    ผมต้องนั่งร้องให้..ระลึกถึงพระมหาเมตตานี้ของท่าน..อย่างสุดซิ้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2019
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    และท่านก็ชี้ ทางว่า อะไรคือการตรัสรู้ได้ด้วยตนเอง
    มันก็คือ การที่ตนเองยืนยันกับตัวเองได้จริงๆ โดยไม่ต้องไปถาม ใครว่า ตัวฉันนิพพานหรือยัง.? ไม่ถามแม้กับท่านอาจารย์..นั่นเพราะ ตนเอง รู้แล้ว เข้าใจแล้ว หมดสงสัยแล้ว..อยากแน่ใจ ก็ ..ลองกลับลงมา ที่ร่างกายอีกครั้ง เพื่อ ท้าชนทุกข์ทั้งปวง...ผมก็ถึงได้กลับมา รับ กรรมเก่า กรรมใหม่ทั้งหมด ที่เคยประมาท พลาดพลั้งมา นี่ไง

    สิวๆ โอ๊ะ ชิวชิว...อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2019
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เอาจริงๆ ผมว่า ผมก็คงช่วยใคร ให้ถึงนิพพาน ไม่ได้หรอก
    เพราะมันยากเย็นแสนเข็ญ กว่างานใดใด
    แต่ ผมก็จะช่วย ชี้ทางที่ถูกต้อง ที่พอจะช่วยได้ เท่านั้น
    เพราะ สัมมาทิฐิในตัวคนเรา เป็นตัวกรรม ที่ จัดสรรคน
    แต่ก็ต้องมาเล่า เพราะ ต้องการมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
    นี่ผม พยายาม..ย่อระยะทาง ย่อเส้นทาง..พูดให้กระชับที่สุดแล้วนะ
    จะได้ เอามาเป็นแนวทางที่ถูกต้อง..ขึ้นอยู่กับสัมมาทิฐิในตน อีกเช่นเดิม
    ผมก็คงได้แต่ชี้ทาง เหมือนกัน
    ส่วนจะช่วยได้มากหรือน้อย ก็สุดแท้แต่ แวดสะแหน..อิอิ
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เมื่อประโยชน์ตน จบลง ก็เหลือเพียง ประโยชน์ท่าน..
    ตอนผมสึกออกมา...ผมก็ไม่ได้เจ็บป่วย
    แต่มีคำสอนจากท่านอาจารย์เป็นบทสุดท้ายว่า...อย่าประมาท..
    ผมก็ ไม่เข้าใจ ว่า ผมจะประมาทอะไรได้อีก
    ต่อมา เมื่อผมเข้าทำงาน เจอสังคม กินเหล้า..ผมกินแล้วไม่เมา แม้ วอสก้าเป็นขวด ผมก็ไม่เมา..สุดท้ายประมาท...กินเหล้าแทนน้ำ เพราะติดสังสรรค์
    คนอื่นไม่กิน ผมกินทุกวัน ทั้งเหล้าทั้งกาแฟเย็น
    จนป่วย...เพราะความประมาท ทำร้ายตนเอง ด้วยตนเอง สมน้ำหน้าตนเองจริงๆ
    ลืมคิดว่า ใจรับได้หมดทั้งอนันตจีกรวาล แต่ร่างกาย มันรับไม่ไหว
    จึงมีสภาพดังที่เห็น
    ตาบอดข้างนึง ข้างที่เหลือก็มัว
    ขาเดินไม่แข็งแรง ขึ้นลงบรรได ลำบาก ต้องไช้ไม้พยุง
    ต้องฟอกไต อาทิตละสามวัน
    ทำงานไม่ได้
    นอนให้เมีย เลี้ยง
    ..
    นี่ จานลายเล่าปังยังมา ดันทุรังจะให้บวช..อีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2019
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ดอกบัวแสงที่ เนรมิตรขึ้นมา จากเจตนาพระเมตตาจากท่านพระศรีอาริยะเมตไตรย นั้น สร้างก่อนที่ผมจะป่วย...โน่น
    เพื่อเป็นที่พึ่งแก่เหล่าสรรพจิตวิญญาณทั้งหลาย...
    ผมก็ถือว่า ผมได้ทำคุณประโยชน์เท่าที่ผมทำได้..ได้ทำไปแล้ว ช่วยงานทางศาสนาไปแล้ว...
    ตอนนี้ สังขารไม่อำนวย...ตัวใครตัวมันแล้วกัน
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม.
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ถึง คุณธรรมชาติ
    ตัวสติดู รู้..หรือตัววิญญาณรู้นั้น
    ผมเห็นมันด้วยสติ อย่างชัดเจน ที่ดูก็ดู.. .
    ที่รู้ มัน ยืด ขยาย หด ตาม ในภาพที่คิด ในจิตที่ปรุง
    แปลว่า ตัววิญญาณรู้ ..มันเป็นเหมือน ปลอกสายไฟ ที่จะตามหรือไม่ตามไปหุ้ม ไปรู้ ในสิ่งที่คิด ที่กำลังคิด...
    ดังนั้น ในกระบวนการชำระ ขันธ์ห้า
    มันจึง ชำระ ลอกเปลือก ออก หลายๆชั้น จน ตัววิญญาณรู้ มัน ไม่มีขันธ์ให้เกาะ..ขยายความมาได้ว่า
    วิญญาณขันธ์(ตัวรู้)..มันเกาะครอบทั้ง เวทนาขันธฺ สังขารขันธ์ สัญญาขันธ์ รูปขันธ์...
    การขำระ ตามหลักสติปัฏฐานสี่ ก็คือ
    ชำระ รูปขันธ์ที่หยาบก่อน คือ ปล่อยวางกาย เวทนากาย(รูปขันธ์)
    ต่อมาปล่อยวางใจ เวทนาใจ (เวทนาขันธ์)
    เข้าสู่โหมดอรูป จิตเหนือโลก จะเหลือ
    วิญญาณขันธ์รู้ จับยึดใน สังขารขันธ์ สัญญาขันธ์
    ต่อมาก็ชำระลอก สัญญาขันธ์ อันได้แก่ อาสวะกิเลสทั้งหลาย โสมนัส โทมนัส(สัญญาภายนอก)
    ต่อมาจึงเป๋นสังขารขันธ์ อันเป็น ตัวกูของกู อัตตาตัวตน(อวิชาภายใน)
    เมื่อ...หมดอัตตาตัวตน วิญญาณก็ไม่มีที่จะจับ จะยึด .จึงเป็นอนัตตาไป
    ...
    คำว่า ตัวเราไม่มี จึงหลุดพ้นจาก สมมุติทั้งปวง...ถึงนิพพาน
    ผมว่า ไม่เห็นต้องระเบิด มันเลยนะ
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    สภาวะนิพพาน แรกๆเนี่ย..จำอะไรไม่ได้เลยนะ
    แม้ตอนเอามโนธาตุ หยั่งลงกลับมาที่ร่างกายยังโลก มันเหมือนเกิดใหม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนคือตัวอะไร ชื่ออะไร มันลืมหมด เหมือนมันเริ่มใหม่หมดทั้งกระดาน...เขียนหนังสือ แทบไม่เป็น ไม่คิด ..จะมีก็แต่ ความทรงจำเดิม ในสมองของร่างกายเดิม เหมือนเด็กเกิดใหม่ นั่นแหล่ะ
    ...
    ชีวิตใหม่ เกิดใหม่...
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ถึงคุณธรรมชาติ
    ไอ้ตัวคิด(ตัวใจ) ที่คุณเรียกว่า ไอ้ตัวพูดมาก...นี่แหล่ะคือ มโนใจ(นาม)
    ที่เป็นมโนธาตุของกลาง ที่ ยืมมารวมกับรูปกาย เพื่อเกิด แล้วมีอายตนะครบ หก...ตัวใจนี้ มันคิด มันปรุงตามหน้าที่ เป็นเครื่องรับรู้โลก ตามหน้าที่ของมัน มันไม่ได้พูดมาก มันปรุงตามที่อายตนะกาย ทั้งห้า รับส่งมา ให้มันปรุง
    ถ้สเราฝึกสติ..จนรู้ทันเข้าไปเห็นตัวคิดนี้..ตัวคิดถ้ามันถูกจับได้ มันจะไม่คิดเลยนะ ..มันจะไม่คิด ให้มันคิดมันก็ไม่คิด มันหยุดงานเลย..มันนิ่งเลย
    จน สติต้อง ทำการปล่อยวางมันไป...เพราะเห็นว่ามัน ไม่ไช่เหตุแห่งทุกข์ และ ตัวคิดมันคิดตามปัจจัยที่รับมา มันไม่เคยอุปทานเอาเองเลยนะ..จะกลายเป็นอุปทานได้ก็ต่อเมื่อ ตัววิญญาณรู้ มัน ไม่รู้ตัว...หลงเข้าไปร่วมปรุงกับใจที่คิดนั่นแหล่ะ ถึงจะเกิดอุปทานได้..

    ดังนั้น ตอนที่จิต มันลอยออกไปเหนือโลก นั้น ตัวมโนใจ จริงๆ มันคือ นิพพานธาตุ...ที่ มัน มีอยู่แล้วมาแต่เดิม แค่อวิชขายืมมาเกิด..ร่วมกับธาตุสี่ของโลกเท่านั้น
    ดังนั้น เมื่อ ...ตัววิญญาณขันธ์ ถูกชำระ จน อนัตตาไป...อวิชชาดับ ..
    ก็มีเพียงมโนธาตุที่มีอยู่แล้ว เป็นเครื่องรู้ ที่รู้นิพพาน...
    ดังนั้น อะไรที่รู้นิพพาน...ก็ มโนธาตุของนิพพานนั่นแหล่ะ ที่เป็นเครื่องรู้
    แต่ชาติที่เกิดมานี่...อวิชชาเป็นผู้หยิบยืมเอามาเกิดร่วมกับธาตุสี่ แล้ว อวิชชาหรือตัววิญญาณจึง เป็นตัวควบคุม..

    แต่ถ้า ชำระอวิชชาได้...มโนธาตุ ที่ ผมใช้เอามาหยั่งลงมาที่ร่างกายอีกครั้งนี่ เป็นมโนธาตุที่บริสุทธิ์ คือ อสังขตธาตุ นั่นเอง
    หยั่งลงมา (หยั่งลงเพราะมีเจตนา)..หยั่งลงมาโดยไม่มีอวิชชา มาเกี่ยวข้อง
    เจตนาเพราะต้องการยืนยันตนเอง และ สร้างประโยชน์ตาม..เออ ..ตามไรว้า
    ..
    ตาม...สถานภาพ ก็แล้วกัน
    อ้อ ตาม อัตถภาพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2019
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ดังนั้นการเกิดใหม่ของผม มันจึง เหมือนเด็กเกิดใหม่ นิสัยเหมือนเด็ก
    ส่วนการรู้ จึงเป็นการรู้ด้วยใจ ..ไม่ค่อยได้คิด...ใช้สมอง ระลึก เอา เท่าที่สมองมันจำได้..ส่วนมากจะสัมผัสรู้ด้วยใจ โดยตรง..จึงไปเรียนรู้ ภาษาจิต ภาษาใจ ตามวาระ...อยากรู้อะไร ก็ เอาใจไปสัมผัส หรือ ทำใจให้ว่าง ก็จะได้คำตอบเอง
    แต่ก็ไม่ได้ยึดถือว่า มัน สำคัญอะไร
    จะรำคาญก็แต่ จิตของเหล่าผู้มีอวิชขาทั้งหลาย จิตที่มีมิจฉาทิฐิทั้งหลาย
    ที่เป็นที่น่ารำคาญ แทบจะสงสารไม่ลง
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อืม ..ผมพอมาระลึกจำได้ว่า...การระเบิดจิตเนี่ย
    เคยเห็นมาใน ยูตูป...นะ...ของ ลวกเพี่ย.เกษม วัดป่าสามแยก เพชรบูรณ์..แม่นเบาะ.?
    จำได้ว่า เคยผ่านๆตา..นะ..การระเบิดจิต
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    โอยๆๆๆๆๆ
    ผมไปห้องภัยพิบัติมา ไปโดนพลังจิต ใครไม่รู้ แรงมากเลย มึนหัวเลย เมาๆ คลื่นพลัง...
    โปรด งดความคิด ทุกอย่าง...ห้ามเปิดจิตมารับรู้พลังนี้นะครับ มันแรงมาก
    กลัวจะเป็นอันตรายกับคนอ่าน..
    โปรดใช้ กุศลในจิตตน ป้องกัน.พลังเหล่านี้ครับ..
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เอ....หรือว่า สายระเบิดจิต จะเป็น สายของพวก...ต่างดาว
    ที่เอะอะ อะไร ก็ ระเบิดทิ้ง ทำลายทิ้ง...(วิจัย อ่ะนะ)
    ถ้าจิต เป็นแสง
    จิตจะถูกระเบิด อีกได้ยังไง
    เพราะการระเบิด ทำให้เกิดแสง
    ทีนี้ ถ้าแสงทั้งหมด มาจาก การระเบิดธาตุ กลายเป็นดวงอาทิตย์
    แสงทั้งหมด ก็ย่อม มาจากแหล่งกำเหนิดมาจากดวงอาทิตย์เหมือนกัน
    ถ้าจิตคืออวิชชาที่มาจากแสงอ่ะนะ
    แสงคือต้นกำเหนิดของ สังขารขันธ์ ไปกระทบ วัตถุรูปธรรมที่เป็นธาตุ เมื่อกระทบ จึงเกิดวิญญาณขันธ์รู้ตามมา..เพราะการระเบิดได้สร้าง แสง สร้างสนามแม่เหล็ก สร้างขั้วบวกขั้วลบ เกิดอุณหภูมิความแตกต่าง มีการเคลื่อนไหว
    มีการกระทบกันไปมา...ด้วยการสั่นสะเทือนของ ธรรมธาตุ...จึงได้เกิด สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ มีหลายรูปแบบที่แตกต่าง จึงเกิดสัญญาขันธ์ เมื่อ มีความหลากหลายที่แตกต่าง จึงเกิดการรวมพวกและการแตกแยก พวก... เวทนาขันธ์จึงเกิดตามมา..เมื่อ การรวมตัว การแยกตัวหนาแน่นขึ้น ของกลุ่มธาตุ..การรวมขันธ์ที่แตกต่างกันจึงเกิดขึ้น..ทำให้เกิด ความยึดมั่นถือมั่น เป็นรูปขันธ์ตามมา
    ...
    อวิชชา ก็น่าจะเกิดมา ตามขั้นตอนเหล่านี้ กระมัง
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อืม พลังจิตที่แรงนั้น หรือจะเป็น..ข้อมูลใหม่ที่ถูกถ่ายโอนมา
    นี่แหล่ะ
    พลังจิต พลังปัญญา ล้วนเป็น พลังที่เป็นธาตุ เหมือนกัน
    มโนธาตุ ต้นธาตุ
    อรหันต์ธาตุ
    พุทธะธาตุ
    จักรวาลธาตุ
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    พลังจิต อารมณ์ ความรู้สึก...ล้วนเป็นธาตุทั้งนั้น
    ธาตุที่ เป็น ขั้วบวก ขั้วลบ..เคลื่อน เปลี่ยนแปลง .คือ สังขตะธาตุ
    ธาตุที่เป็นกลาง ไม่มีขั้ว ว่างเปล่าคือ นิพพานธาตุ หรือ อสังขตะธาตุ

    มาที่มโนธาตุหรือธาตุรู้...มันก็เป็น อสังขตธาตุ...ถ้ามันไม่...เกิด ไม่หลงสร้างขันธ์
    ขึ้นมา ..แต่ตราบเมื่อมีแสง มีอุณหภูมิ มีขั้วบวก ขั้วลบ ..การเคลื่อนที่ย่อมมี ..การกระทบย่อมมี..การสร้างขันธ์ ย่อมมี ..อวิชชาย่อมมีตามมา...

    ดังนั้น การดับแสงในตนเอง..จึงเป็นทางพ้นทุกข์ ที่สามารถทำได้ ด้วยตนเองได้จริง ตามเหตุตามผล ตามปัจจัยแห่งตน ...ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้เมตตาชี้ทางเอาไว้...สาธุ กราบ กราบ กราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2019
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    เป็นไงบ้าง...มโนมายุกยิกของผมสนุกมั้ย.?
    อิอิ
    แงวแงว
    ชิมิ ชิมิ
    นะเอย นะเอย.
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ผมเคยพูดเอาไว้..ว่า

    ภูมิของมนุษย์..โลกมนุษย์นี่แหล่ะ คือ..พุทธะภูมิ
    มีแต่ที่โลกมนุษย์เท่านั้น ที่ จะทำให้ มนุษยฺ ได้เห็น ได้เข้าใจในความเป็นมนุษย์ของตนเองได้ อย่างแท้จริง..
    และ ถ้าจะพ้นจากวัฏะสงสารนี้ได้ ก็ต้อง มาตาย ในความเป็นมนุษย์ เท่านั้น
    แต่ถ้าตายในคราบของอมนุษย์ ก็ ได้ไป จุติเป็นอมนุษย์ต่อไป.ไม่จบสิ้น
    ..
    พระธรรม(สัจธรรมความจริง)..เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
    ข้าพเจ้าขอ กราบไหว้ พระธรรม. กราบ กราบ กราบ.
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940


    #ไกลเลยนะ ...สมัครก่อนจิฮับ
     
  19. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    ยิ้ม...
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    52857878_2539403226089054_6456589275775065390_n.jpg?_nc_ht=scontent-mia3-2.cdninstagram.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...