ภูมิธรรมของมนุษย์..?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 20 มิถุนายน 2019.

  1. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เวลาของวรณิเน้นว่าให้สนใจตนเองให้มากๆ คนอื่นเลิกไปสนใจมัน ต่อให้มันเป็นอรหันต์วรณิก็ต้องเลิกสนใจ ต่อให้มันต่ำต้อยเกินมนุษย์แต่ใช่อัตภาพมนุษย์ วรณิก็ต้องเลิกสนใจ สนใจแต่ตนเองก็พอ ก่อนจะทุกข์เกิดจากอะไรทุกข์แล้วเพราะอะไร อย่าหาเรื่องให้ตนเองมากไปกว่านี้ มันไม่เที่ยงแท้หรอกในชีวิตและเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว มันไม่ใช่เวลามาวินิจฉัยหรืออาลัยกับสิ่งต่างๆ ดูเวลาด้วยว่ามันเหลือมากหรือน้อยอย่าไปเลียนแบบคนไม่รู้กับคนหลงภพ หลงความไม่เที่ยง เพราะคิดว่ามันเที่ยงและแน่นอน แต่ไม่ตัดสินให้าใครได้ว่าเที่ยงแท้หรือไม่ เพราะมันเป็นปกติที่จะหลงไปกับความรู้ทั้งปวง
     
  2. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    หวังดีอย่างยิ่งนะ จึงบอกไว้
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ขอขอบคุณในความหวังดีครับ..
    ผมก็เล่นสนุกไปเรื่อยน่ะครับ.
    ไม่อยากให้เครียดกัน.
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ครับ เวลาของผมเหลือน้อยเต็มที
    ก็น่าจะเป็นตามนี้
    โอ้...ชีวิต...ยาวนานเหลือเกิน
    คงต้องลากลับไปใช้ชีวิตที่เหลือแล้วล่ะครับ

    บาย.
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
  6. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    สาธุ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2020
  7. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    สนธนาธรรมวันหยุด นามไม่มีแต่รูปยังอยู่คับ
     
  8. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    แก้นามให้ถูกพอจะได้ใหม
     
  9. digimon1234

    digimon1234 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +35
    ทำไมเหลือแต่ไฟคับ
     
  10. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อาทิตตปริยายสูตร

    [๕๕] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับ
    อยู่ ณ ตำบลอุรุเวลา ตามพระพุทธาภิรมย์
    แล้ว เสด็จจาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่ตำบล
    คยาสีสะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ๑๐๐๐ รูป
    ล้วนเป็นปุราณชฎิล. ได้ยินว่า พระองค์ประทับ
    อยู่ที่ตำบลคยาสีสะ ใกล้แม่น้ำคยานั้น พร้อม
    ด้วยภิกษุ๑๐๐๐ รูป.

    ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุ
    ทั้งหลาย ว่าดังนี้:-

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน
    ก็อะไรเล่าชื่อว่าสิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน?

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นของร้อน รูปทั้งหลาย
    เป็นของร้อน วิญญาณอาศัยจักษุเป็นของร้อน
    สัมผัสอาศัยจักษุเป็นของร้อน ความเสวยอารมณ์
    เป็นสุขเป็นทุกข์ หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ ที่
    เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย แม้นั้น
    ก็เป็นของร้อน

    ร้อนเพราะอะไร?

    เรากล่าวว่า ร้อนเพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือ
    โทสะ เพราะไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเกิด
    เพราะความแก่และความตาย ร้อนเพราะความโศก
    เพราะความรำพัน เพราะทุกข์กาย เพราะทุกข์ใจ
    เพราะความคับแค้น.

    โสตเป็นของร้อน
    เสียงทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    ฆานะเป็นของร้อน
    กลิ่นทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    ชิวหาเป็นของร้อน
    รสทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    กายเป็นของร้อน
    โผฏฐัพพะทั้งหลายเป็นของร้อน ...
    มนะเป็นของร้อน
    ธรรมทั้งหลายเป็นของร้อน
    วิญญาณอาศัยมนะเป็นของร้อน
    สัมผัสอาศัยมนะเป็นของร้อน

    ความเสวยอารมณ์เป็นสุข เป็นทุกข์
    หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะ
    มโนสัมผัสเป็นปัจจัย แม้นั้นก็เป็นของร้อน

    ร้อนเพราะอะไร? เรากล่าวว่า ร้อน
    เพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ
    เพราะไฟคือโมหะ ร้อนเพราะความเกิด
    เพราะความแก่และความตาย ร้อนเพราะ
    ความโศก เพราะความรำพัน เพราะทุกข์
    กาย เพราะทุกข์ใจ เพราะความคับแค้น.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้
    ฟังแล้วเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักษุ
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูปทั้งหลาย ย่อมเบื่อ
    หน่ายแม้ในวิญญาณอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อ
    หน่ายแม้ในสัมผัสอาศัยจักษุ ย่อมเบื่อหน่าย
    แม้ในความเสวยอารมณ์ ที่เป็นสุข เป็นทุกข์
    หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัส
    เป็นปัจจัย

    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโสต
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเสียงทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในฆานะ
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกลิ่นทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในชิวหา
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรสทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกาย
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโผฏฐัพพะทั้งหลาย ...
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในมนะ
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในธรรมทั้งหลาย
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ใน
    วิญญาณอาศัยมนะ
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัมผัสอาศัยมนะ
    ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในความเสวยอารมณ์
    ที่เป็นสุข เป็นทุกข์ หรือมิใช่ทุกข์มิใช่สุข
    ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย.

    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด
    เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น เมื่อจิตพ้นแล้ว
    ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า
    ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีก
    เพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี.

    ก็แล เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ
    ภาษิตนี้อยู่จิตของภิกษุ ๑๐๐๐ รูปนั้น
    พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.
     

แชร์หน้านี้

Loading...