อยากทราบว่า ผมนั่งสมาธิ จนถึงขั้น ที่เห็นคลายอุโมงในการนั้งสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ongmmm, 24 มิถุนายน 2019.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ มีครับ เรื่องหลัก ๆ คือต้อง "รู้จักอัตตา/ตัวดู/หลุมดำ/วิญญาณขันธ์" ก่อน
    +++ จากนั้นทำ "ตัวดูถูกรู้ ส่วนเรา รู้อยู่" จนแยกออกจาก "ความเป็นตน"
    +++ แล้วรักษาระดับที่เป็น "รู้" อยู่อย่างนั้น ตรงนี้เป็น "ดำรงค์" สติมั่น
    +++ ตรงนี้ "สติต้องดำรงค์อยู่ ด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องอาศัย ฐานทั้ง 4"

    +++ จากนั้น ปล่อยให้ "แรงดึงดูด" มันดึงเข้าไป ห้าม "ขัดขืน/แทรกแซง"
    +++ มันจะผ่าน แหล่งกำเนิดแสงฝั่งหลุมดำ แล้วผ่าน ภาคตัด X ที่ใจกลาง
    +++ แล้วจะผ่าน แหล่งกำเนิดแสงฝั่งหลุมขาว
    +++ จากตรงนี้ไป หาก "สติคมชัด" ก็จะเป็น "สติรู้เห็น" ภายใน "คูหาจิต" ได้

    +++ จะมีอยู่ "ช่วง" หนึ่งเมื่อ จิตไหลผ่านช่วงท่อนนี้ "จิตจะ ถอน" สู่ปัจจุบัณขณะ
    +++ เหมือนกับ "ถอนสมาธิ พักการฝึกชั่วคราว" จะเป็นแบบเดียวกัน ทุกครั้ง
    +++ หลังจากทำตรงนี้ หลาย ๆ รอบ จนชำนาญแล้ว จึงค่อย เข้าไปที่ "ช่วงก่อนถอน"
    +++ จะ "รู้" อาการเป็น ช่วง ๆ ท่อน ๆ ภายในคูหานี้

    +++ ช่วงก่อนถึง จุดถอน จะเป็น อดีตชาติของผู้ฝึกฝนเอง
    +++ ช่วงเลย จุดถอน จะเป็น อนาคตของผู้ฝึกฝนเอง

    +++ ตรงนี้ จะเป็นเรื่องของใครของมัน
    +++ ที่ผู้ฝึกฝน ผ่านมาด้วยตน และ จะต้องเจอในอนาคต

    +++ กลุ่มฝึกเคย "รู้/เห็น" ปรากฏการณ์ ใส่ชุดดำทั้งประเทศ มาก่อน
    +++ และถัดมาไม่นาน ก็มีใส่ชุดดำอีกครั้ง แต่ ไม่มากเหมือนครั้งแรก
    +++ ช่วงนั้นเป็นการฝึก ช่วงเข้าพรรษาปี 2015 หลังการฝึก
    +++ ทุกคนในกลุ่มได้ "ทำใจ" ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้น

    +++ เรื่องพวกนี้ "อธิบายมากไป ไม่ค่อยดี"
    +++ ผมเบื่อพวก ไม่รู้แต่ชอบวิจารณ์มั่ว

    +++ ที่ถามมาเกี่ยวกับ "วิธีเข้าไปในอุโมงค์"
    +++ รวมทั้ง "ผลลัพธ์" ของมัน ก็คงแค่นี้พอนะ
    +++ นี่เป็น "โพสท์เฉพาะ" ตอบคุณ hyuga นะ
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ตัดสายยางเส้นใหญ่ๆ มาหนึ่งเส้น
    หรือจะเป็น ท่อพีวีซี ก็ใช้ได้เหมือนกัน
    แล้วจ้องมองเฉพาะ ภายในของสายยาง
    เริ่มจากตรงที่เป็น วงกลม
    กำหนดความรู้สึกให้เสมอเหมือนว่า
    ท่อกำลังวิ่งเข้าใส่เรา
    หรือ ความรู้สึกตอนที่วิ่งรถอยู่ในอุโมงค์
    ให้เน้นสองอย่าง คือ
    ตัวเราเคลื่อนไปข้างหน้า
    หรือ อุโมงค์เคลื่อนมาหาเรา
     
  3. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    คุณนิลกานกล่าวมาแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงว่า เป็นเรื่องของสัญญาหรือเปล่านะ

    สัญญาหรือเปล่า คือ เพียงแค่ลมหายใจสั้นยาวต่างกันนี้ บางทีก็ทำให้เกิดระลึกถึงสถานที่ที่เคยไปมาในอดีตได้ เคยหายใจแบบนี้ ถ้ามองยาก เอาหยาบกว่านี้อีกหน่อยก็ได้ เคยถอนหายใจแบบนี้ที่ไหน พอถอนหายใจแบบนี้เกิดอีกครั้งก็จำเรื่องราวในครั้งนั้นได้ ทีนี้จะเห็นทันตรงนี้หรือไม่ จมต่อแบบไม่รู้ตัวหรือไม่ก็อยู่ที่กำลังสติ บางทีไม่ได้อยู่กับลมหายใจแต่ไปอยู่กับเสียงที่พากย์หรือคลอไปตามลมหายใจแทนก็มี อันนี้มันก็คือวจีสังขารมาแบบเนียนๆ และสังขารต่อแบบไม่รู้ตัว

    หรือบางทีตอนนั่งสมาธิ นั่งปั้นหน้าโดยไม่รู้ตัว ปั้นหน้าแบบไหน นิมิตเกิดแบบนั้น เป็นหน้าคนนั้นคนนี้ หน้าครูบาอาจารย์ท่านโน้นท่านนี้ ถ้าตามไม่ทันก็ไปใส่ใจในนิมิตต่อ ก็มีได้เหมือนกัน มันเริ่มมาจากปั้นหน้านิ่งๆแล้วสัญญามันพาเกิดภาพนิมิตตามลักษณะการปั้นหน้าของเรานี่เอง ถึงไม่ปั้นถ้าสัญญามันจะเกิด มันก็พาเป็นพาปรุงเป็นภาพนิมิตล้อตามได้หมดเหมือนกัน อันนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา

    (บางทีมันทวนไปเองตั้งแต่ตอนยังไม่เข้าไปอยู่ในท้องแม่นั่นแน่ะ พอมาอยู่ในท้องแม่นั่นแหละถึงได้เริ่มจะมาเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ เรียนตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั้นเอง ก็แค่รู้ว่าอ๋อ เรามาเกิดยังไง อุปนิสัยข้ามภพข้ามชาติมันมีอยู่นะ สติมีตั้งแต่ตอนมาเกิด แต่ใครจะจำได้บ้างไหม ของพวกนี้ไม่ต้องไปพยายามจะรู้ ถึงเวลามันทวนไปรู้ของมันเอง)

    กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร เราเห็นการทำงานตามเหตุปัจจัยเหล่านี้แล้วเราทันไหม ยึดไหม เผลอคล้อยตามไปไหม จะรู้ทันหรือไม่ จะเผลออินไปตามต่อหรือไม่ รู้ตามความเป็นจริงเข้ามาๆ

    ส่วนเรื่องรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้นี่ไม่แปลก เทพนิมิต จิตอาวรณ์ ลางสังหรณ์ กรรมบันดาล หรืออีกอย่างก็คือ กรรม จิต อุตุ (อากาศ) อาหาร จะเห็นว่าเป็นเรื่องสัญญาสังขารทำงานกันไปตามเหตุปัจจัยทั้งนั้นครับ
     
  4. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014

    เทคนิคนี้ จะเรียกว่า การเหาะ ก็ได้ครับ
    บังคับให้เรา ไปยังที่ต่างๆได้
    ภายในชั่วพริบตาเดียว
     
  5. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    การให้ผมจ้องมองอยู่ในช่องว่าง
    โดยส่วนตัวผมเข้าใจว่าเป็นกสิณอากาศ

    เวลาผมสังเกตเรื่อง อากาศ/ว่าง ตัวว่างนี้มันจะไม่เคลื่อนไปไหน
    เป็นการ รู้ + ว่าง เป็นฐานรองรับในกิริยาต่างๆที่เคลื่อนอยู่ในเนื้ออากาศ
     
  6. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเคยวิ่งเข้ารู และวิ่งออกจากรู โดยที่ไม่รู้ว่ารูมันดียังไง ใครๆจึงวิ่งเข้าและออกรูนั้น ทั้งรูในรูป และรูในนาม อันนี้ไม่รู้และไม่ต้องบังอาจอธิบายอะไรเพราะ อันนี้ไม่เข้าใจ และสันดานนี้ก็ไม่ได้เข้าหรือออกตามรู ดูดูแล้ว จัดว่าขัดแต่ การไปมาตามรูก็ดูไม่แปลกอะไร มันคงมาตามรูและไปตามรูก็ได้ในความเป็นจริง แต่. ไม่อาจทำใจได้เลยว่าไปตามรูและมาตามรู จะเล็กจะใหญ่มันก็รู ใหญ่ก็เรียกอุโมงค์เล็กกว่าเรียกรู เล็กกว่ารู ก็รูเล็กๆ ใหญ่กว่าอุโมงค์ก็เป็นโพรงยาวกว้างๆ ยอมรับเลยว่าไม่เคยผ่านเส้นทางนี้ แค่คิดก็งง ขออย่าให้ทำได้แล้วเจอเลยถ้าเรื่องแบบนี้ เพราะไม่ชอบมาทางรูและไปทางรู
     
  7. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    และนานไปย่อมเห็นความแปรปรวนความไม่แน่นอนของอะไรบางอย่าง และเป็นความน่ากลัวต่อสัตว์ที่ไม่รู้ ผู้ที่รู้คงไม่กลัว นี่คือเรื่องน่ากังวล ความไม่แน่นอนเกิดได้เสมอ คิดว่าแน่แล้วก็ร่วงได้ถ้าประมาท มันก็เป็นเพียงกฏธรรมชาติ หากฝืนมันจะส่งผลกับตนเอง ต้องระวัง บางสิ่งที่ไม่แน่นอนย่อมให้ความไม่แน่นอนเป็นผลลัพธ์ ถ้ายิ่งทำยิ่งไม่เห็น คงจำกัดไว้ที่ มันคงไม่แน่นอน
     
  8. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ตรงที่กล่าวมานั้น ผมมองรวมๆไป เป็นสังขตธรรมทั้งหมดครับ จะดีจะชั่วก็อยู่ในส่วนนั้นทั้งหมด แต่คำสอนของพระพุทธเจ้ายิ่งไปกว่านั้น ทรงสอนไปถึงอสังขตธรรม พ้นเกิดแก่เจ็บตาย พ้นการเวียนว่ายตายเกิดไปเลยครับ ตรงนี้เป็นสุดยอดแห่งคำสอนแล้ว ไม่มีอะไรจะเทียบได้แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2019
  9. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    อย่าไปมอง อากาส ที่อยู่ตรงกลาง
    แต่ให้มองด้านข้างที่เป็น พื้นผิวของวัตถุ
    ถ้าไปมองอากาส จะเป็น อากาสังกสินัง ทันที
    ให้มองเหมือนกับ เราอยู่ใน อุโมงค์รถยนต์
    แล้วเรามองออกไปด้านข้างของอุโมงค์
     
  10. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    คือ ถ้าจะเหาะไปสวรรค์
    หรือจะใช้คาถาย่นระยะทาง
    คุณก็จะต้องไปอย่างนี้ให้ได้
    ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร
    แค่เราจะบอกว่า ถ้าพบ อุโมงค์
    จะเจอ กายทิพย์ ไป แดนสวรรค์
    แดนนรก ได้
     
  11. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014



    ครับ ของอย่างนี้ เป็นเพียง ของเล่นของผู้ที่ฝึกใหม่
    เท่านั้น ที่ยังไม่รู้ ก็อาจจะเผลอไปลองเล่น คิดว่า
    เป็นทางไปสู่ พระนิพพาน หรือ ทางไปสู่การหลุดพ้น
    แต่จริงๆ แล้ว เป็นแค่เพียง ฤทธิ์อภิญญา อย่างหนึ่งเท่านั้น

    ให้กลับมาเน้นที่ พระไตรลักษณะสามอย่างดีกว่า
    คือ ความเที่ยงหรือไม่เที่ยง การเป็นทุกข์หรือสุข
    การถือตัวถือตนของเราและผู้อื่น
    จะเป็นทางไปสู่ พระนิพพาน อย่างแท้จริง
     
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ คุณ hyuga ลองพิจารณาจาก คน 4 ประเภทนี้ดูนะครับ
    =======================================
    1. ประเภทที่รู้ว่า ตนเองรู้อะไร What He Know

    2. ประเภทที่รู้ว่า ตนเองไม่รู้อะไร What He Don’t Know

    แต่มีประเภทหนึ่งที่จะมีมากที่สุดคือ

    3. ประเภทที่ ไม่รู้ว่า ตนเองไม่รู้อะไร What He Don’t Know That He Don’t Know

    และมีอีกมาก ที่มากไม่แพ้กันคือ

    4. ประเภทที่ พยายามอวดว่าตนรู้ไปทุกเรื่อง He Thought That He Know Everythings

    นิทานเรื่องหนึ่ง ที่สอนเปรียบเทียบเรื่อง ความรู้ ไว้เช่นกัน

    เรือบรรทุกสินค้าลอยมาจนถึงชายหาดแห่งหนึ่ง

    พ่อค้าต้องการนำเรือเข้าฝั่งเพื่อขายสินค้า แต่ไม่สามารถเข้าฝั่งได้เพราะติดโขดหิน พ่อค้าจึงประกาศหาคนที่สามารถนำเรือเข้าฝั่งได้โดยจะให้ค่าจ้างอย่างงาม

    มีชายคนหนึ่งรับอาสาจะมานำเรือเข้าฝั่ง

    พ่อค้าถามชายคนนั้นว่า "เจ้ารู้ว่าชายหาดนี้มีโขดหินอยู่ตรงไหนบ้างใช่ไหม?"

    ชายคนนั้นตอบว่า "ไม่ ข้าไม่รู้หรอกว่าโขดหินนั้นอยู่ตรงไหนบ้าง ข้ารู้เพียงว่า ตรงไหนที่ไม่มีโขดหิน และเป็นทางที่ปลอดภัยสำหรับเรือของท่านได้"

    **เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ เราจำเป็นต้องรู้เรื่องที่เราจะทำ**

    แล้วเรากลับมาถามตัวเองว่า ในความเป็นจริงที่ไม่ต้องโกหกตนเองนั้น เรามีความรู้ แบบข้อไหนกันแน่

    =======================================
    +++ ข้อความข้างบนได้มาจากใน Line เห็นว่า เป็นข้อความที่ดี เหมาะที่จะเอามาเทียบกับบุคคลในเวปนี้ได้
    +++ ก็เลย เอามาให้คุณ hyuga เปรียบเทียบเล่น ๆ ดู

    +++ กระทู้นี้ชื่อ "อยากทราบว่า ผมนั่งสมาธิ จนถึงขั้น ที่เห็นคลายอุโมงในการนั้งสมาธิ"
    +++ ผู้ถามต้องการทราบในเรื่อง "คล้ายอุโมงในการนั้งสมาธิ"

    +++ คุณ hyuga ลองพิจารณา "คำตอบจากบุคคลต่าง ๆ" แล้วเทียบกับ "ประเภท ทั้ง 4"
    +++ ก็จะทราบชัดได้เองว่า "ใครเป็นใคร" ไอ้พวกประเภทที่ "3 กับ 4" นั้น เสียเวลาเปล่า ๆ
    +++ แต่ที่ "ซวยที่สุด" คือ เจอไอ้พวก "3+4" คือ มันเป็นทั้ง 3 กับ 4 ในตัวเดียวกัน นะครับ
     
  13. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    ก็ตอนแรกที่ท่านพิมพ์คือให้มองภายในวงกลมไง
    ในสายยางใหญ่ๆ หรือ ท่อพีวีซี หรือ อุโมงค์
    ภายในวงกลมไม่ให้เป็นอากาศแล้วจะให้เป็นอะไรหละ

    ตอนนี้มาให้มองผิวเนื้ออุโมงค์ ก็คือ ธาตุดินนี้หละ
    แล้วกสิณดินจากที่ผมเคยฟังมาหนะ เขาให้มองดินสีเนื้ออรุณผิวเรียบประมาณนั้น

    โดยส่วนตัวผมยังไม่ได้กสิณซักกองเดียว อิอิ

    กสิณเป็นพื้นฐานของอภิญญา(อันนี้ผมฟังมา)
    ผมว่าท่านนี้น่าจะเพลาๆเรื่องอภินิหารลงบ้างนะ

    จะไปเทียบรุ่นท่านที่ถึงปรมัตถบารมีทำไม แบบที่มีฌาณมีอภิญญาเป็นปรกติหนะ
    กำลังใจเราถึงแค่ไหนก็ควรจะบอกกล่าวแต่เพียงแค่นั้น ผมว่าแบบนี้ปลอดภัยดี
     
  14. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    ตอนเหาะนี้เวลาลงนี้อย่าเอาหน้าลงนะครับ มันจะเจ็บหนะ อิอิ

    7ba9aabf7f659d13cf9223dfd1d2d2e5.gif

    (ความไม่ประมาท คือ ความไม่ประมาท)
     
  15. June_2015

    June_2015 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +6
    ทำสมาธิต่อเลยคะ เป็นแค่สภาวะที่เกิดขึ้นขณะปฎิบัติดีแล้วก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบใหม่คะ ให้กำลังใจ✌️✌️
     
  16. June_2015

    June_2015 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +6
    ผ่านตรงนั้นแล้วคะ
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ยินดีด้วย นะครับ
     
  18. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +4,559
    สาธุๆ

    ของบางอย่างเป็นปัจจัตตัง คือ รู้ได้เฉพาะตน ผู้ถึงพร้อมแล้ว ย่อมรู้และเข้าใจ ผู้ยังไม่ถึงพร้อมย่อมไม่รู้แลไม่เข้าใจ

    ขอให้เพียรปฏิบัติ ปฏิยัติ ปฏิเวธ หากมีวาสนาระดับวิชาสามขึ้นไปก็จะพอได้รู้ได้เห็นตามความเป็นจริงเอง

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ ^_^
     
  19. แสน1

    แสน1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +160
    ตอบแบบฝึกมานาน สั้นๆว่า เป็นช่วงรอยต่อของอรูปฌานคือจิตกำลังจะหลุด
    ส่วนจะไปไหนขึ้นอยู่กับบารมีของตนเอง
    แต่ถ้าจะพิจารณาไตรลักษณ์ต้องถอยมาวิตกให้ได้ แล้วเพ่งสังขารของตนเอง ให้มีนิมิตเกิดขึ้นในส่วนที่เพ่ง เช่น เพ่งหัวใจ ต้องเห็นหัวใจกำลังเต้น เป็นต้น
    แต่ถ้าเป็นวิชชาสาม คงต้องอธิบายกันยาว และยากที่จะเข้าใจ
     
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ที่กล่าวมา ยังอยู่ใน "สมถะ ที่กำลังจะ ตกภวังค์นิมิต"
    +++ คงกล่าวถึงกรณีคุณ ongmmm มากกว่านะ

    +++ ส่วนของผมนั้น ไม่ใช่ "รอยต่อของ รูป vs อรูป"
    +++ แต่เป็นเรื่อง "ลงไปทำ ธัมมะวิจัยยะสัมโพชฌงค์ ในอัตตา"
    +++ การพิจารณาไตรลักษณ์ "ไม่ใช่ ทำให้เกิดนิมิต"
    +++ แต่ต้อง "เห็นตัว วิตก/วิจารณ์ ทีเป็นตัว กำหนด/เดิน จิต"
    +++ ที่เรียกว่า "เห็นกิริยาจิต" นั่นเองแล...
    +++ หากเป็น วิชชา 3 ตามอาการ "อยู่/ดำรงค์ สติมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า" ก็ไม่ต้องอธิบายหรอก
    +++ เพราะมันจะ "อธิบายไม่ได้" นอกจากจะ "ระบุวิธีทำเท่านั้น" ยิ่งอธิบาย มันก็จะยิ่งเละ
    +++ และ "วิชชา 3 (ดำรงค์ สติมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า) นั้น ไม่มี นิมิต เข้ามาเกี่ยวข้อง"
    +++ หากเอา "นิมิต" เข้ามายุ่งด้วยเมื่อไร เมื่อนั้นให้รู้ไว้ว่า มันเป็น "ฌานฤษี" ไม่เกี่ยวกับ "วิชชา 3"

    +++ ที่โพสท์มานี้ เพื่อ "แยกประเด็น" ไม่ให้เกิดความสับสน
    +++ ว่าสิ่งที่คุณ แสน1 โพสท์มานั้น "เป็นกรณีของ ฌานฤษี"
    +++ เป็น "ต่างกรณี" กับที่ผมกล่าวมา ดังนั้นจึง "ไม่เกี่ยวกัน"

    +++ การที่ "ลืมตาเฉย ๆ ตามปกติ" แล้วเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามปกติ
    +++ ตรงนี้ คงไม่มีใคร ไปอุตริเรียกมันว่า "นิมิต" นะ
    +++ เช่นเดียวกับการทำ "ดำรงค์สติมั่น แล้ว สติมัน รู้ธรรมเฉพาะหน้า" นั้น
    +++ เป็นกรณีของ "สติเห็น" สภาวะธรรมที่เกิด ตรงนี้ "ไม่ใช่นิมิต"
    +++ ขอให้ "ผู้ที่อ่านตามหลังมา" ให้ช่วย "แยกกรณีออกจากกัน" ด้วย

    +++ เห็นว่า "โพสท์มันติดกัน" อาจทำให้เกิด "ความต่อเนื่องในการอ่าน"
    +++ อาจทำให้ "แยกท่อน ไม่ออก" เดี๋ยวจะ "กลายเป็นเรื่องเดียวกันไป"
    +++ ให้แยกในสิ่งที่ ผมโพสท์ ออกจากกรณีของที่ คุณ แสน1 โพสท์นะ
    +++ เพราะตรงนี้ เป็นการ "พูดกัน คนละอาการ" เป็นเรื่อง "นิมิต VS อนิมิต" นะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...