เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา! แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    เรื่องเขากะลาตามข่าวนี้นะหรือคะ...

    images (15).jpg


    รายละเอียดตามข่าว...

    <iframe width="1019" height="573" src="https://www.youtube.com/embed/7BABGyn2uFI" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe>

    ดูแล้วค่ะมีสองเรื่อง คือ ความเชื่อมนุษย์ต่างดาว(ร่างทรง) กับ การรักษาโรคด้วยพลังจิต

    มาดูข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง...มนุษย์ต่างดาวก่อนค่ะ

    เรื่องมนุษย์ต่างดาว...สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า....

    จานบินที่มนุษย์เห็นในปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ซึ่งมาจากต่างดาวกาแล๊กซี่ และกาแล๊กซี่ทางช้างเผือกอันเป็นกาแล๊กซี่เดียวกันกับโลกของเรา

    ถ้ามาจากกาแล๊กซี่ช้างทางเผือกอันเป็นกาแล๊กซี่เดียวกันกับโลกของเรา มนุษย์จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและถ่ายรูปได้

    images (16).jpg


    เพราะลักษณะตัวยานจะมีเหลี่ยมมุมทำให้เกิดเงา และทำจากวัสดุที่เป็นโลหะชนิดหนึ่ง และจานบินของผู้มาเยืนเหล่านี้จะแบ่งได้เป็น 2 พวก คือ

    - พวกแรกมาจากดาวเคราะห์ที่มีเทคโนโลีชั้นสูง จากรูปธรรมที่มีคุณธรรมสูง ซึ่งเป็นมิตรกับมนุษย์

    - ส่วนอีกพวกหนึ่ง มีจิตสำนึกขั้นต่ำไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ หรือ มีพลังด้านลบต่อโลกและมนุษย์

    มนุษย์ไม่ต้องหวาดกลัวจานบิน พวกที่มีพลังด้านลบ เนื่องจากมนุษย์เรามีอำนาจที่เหนือกว่าจานบินพวกนี้ เราจะสังเกตุได้ว่า มันจะปรากฎตัวอยู่ไม่นานนัก ไม่เช่นนั้นอันตรายจะเกิดขึ้นกับยานและตัวพวกเขาเอง เพราะความสมดุลของสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดจากการหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลก สนามแม่เหล็กโลกจะช่วยป้องกันภัยให้มนุษย์ โดยที่มนุษย์ไม่ต้องไปใส่ใจพวกเขาเลย

    อำนาจพลังงานสนามแม่เหล็กโลก ได้แสดงพลังงานแห่งความรักแก่มนุษย์เรา เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่ง ที่มนุษย์ควรเอาเยี่ยงอย่าง ในการหันมาสร้างพลังงานความรักระหว่างกันและกันและรักโลกของเรา ด้วยการไม่ทำลายความสมดุลอย่างที่เรากำลังกระทำกันอยู่ทุกวันนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนโลกบ้าง

    จานบินอีกชนิดหนึ่ง เป็นจานบินที่มาจากกาแล๊กซี่อื่น มนุษย์จะถ่ายภาพพวกเขาได้ยาก เพราะเป็นภาพที่มนุษย์จะเห็นได้เพียงราง ๆ


    images (14).jpg


    จานบินชนิดนี้ ส่วนใหญ่จะเปล่งแต่แสงสว่างให้เห็น อาจมีเสียงได้ยินบ้างในบางโอกาส การเคลื่นที่ไปมาของยานชนิดนี้ไม่อาจบอกทิศทางแน่นอนได้ เนื่องจากมนุษย์จะมองเห็นเหมือนกับแสงสว่างที่อยู่บนท้องฟ้า เพราะจานบินชนิดนี้มิได้อยู่ในกรอบของกาลเวลาในมิติที่ 2 เหมือนโลกมนุษย์ แต่มันอยู่ในกรอบเวลาของจักรวาลที่เป็นเวลาแท้จริงของสรรพสิ่ง

    และ...กรณีการมองเห็นจานบิน อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องตระหนัก บางครั้งมันอาจไม่ใช่จานบินเพื่อนบ้านเสมอไป แต่อาจเป็นรูปธรรมที่เล็กละเอียดไปกว่าความเป็นมนุษย์แบบอื่น ๆ ที่เราไม่รู้จักก็ได้ อย่าเพิ่งอธิษฐาน บางทีในสิ่งที่เห็น อาจเป็นกล่องพลังงานซึ่งห่อหุ้มรูปธรรมอย่างหนึ่งไว้ ที่ถูกพกพามาด้วยก็ได้ นั่นเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงกว่ายานแบบอื่น ๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้น

    ความสำคัญของระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก

    1.เป็นถนนของรูปธรรมทางพลังงานจิตวิญญาณต่างๆ ที่ใช้ในการเดินทางเข้าออกระบบโลกสู่สนามพลังงานอื่น ๆ ในระบบอื่น ๆ ภายในเอกภพอันไพศาลนี้ค่ะ

    และ...

    2.เป็นผู้นำทางคลื่นจิตของมนุษย์เพื่อการติดต่อสื่อสารภาษาสากลกับรูปธรรมอื่น ๆ และติดต่อสื่อสารกับองค์ความรู้ใด ๆ ในสนามพลังงานสากล

    3.เป็นรั้วป้องกันภัยจากสิ่งแปลกปลอมที่ดีที่สุดของระบบดาวเคราะห์โลก

    การเกิดภัยพิบัติชำระล้างโลก เพื่อปรับเปลี่ยนแนวแกนแม่เหล็กโลกให้เบี่ยงเบนไป และยกระดับให้สูงขึ้น เนื่องจากมนุษย์ที่อยู่ในโลกไม่สามารถร่วมมือกันช่วยเหลือโลกได้ มีแต่ทำลายระบบความสมดุลให้พลังงานโลกเสื่อมลง จนสนามแม่เหล็กโลกไม่สามารถยกตัวขึ้นประสานงานกับจักรวาลได้ จึงเป็นเหตุหนึ่งให้มนุษย์มีสติปัญญาตกต่ำ จิตสำนึกตกต่ำ จึงเป็นเหตุของการชำระโลกในครั้งนี้ค่ะ
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ส่วนการรักษาโรคด้วยพลังจิต..

    ตามที่ดูข่าว... อาจารย์ท่านที่ทำการรักษาท่านพูดไว้ได้ดีทีเดียวค่ะ

    ยุคพลังงานใหม่นี้ วงการแพทย์จะค้นพบศาสตร์การบำบัดรักษาแบบใหม่

    วงการแพทย์ยุคใหม่จะหันมาใช้วิธีการบำบัดรักษาคนไข้ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีทางการแพทย์ผสมผสานกับศาสตร์ในมิติที่สาม ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานอย่างได้ผลมากยิ่งขึ้น

    เช่น ใช้หลักการถ่ายทอดคุณสมบัติของตัวยาด้วยกระพลังงานจิตสู่คนไข้เพื่อบำบัดการรักษาให้หายได้โดยคนไข้ไม่ต้องทานยานั้นเข้าไป

    แต่....

    การเจ็บป่วยของมนุษย์เองมี 2 ปัจจัย คือ การเจ็บป่วยผลจากวิบากกรรม และ การเจ็บป่วยโดยตัวมนุษย์เองเป็นผู้ประมาท

    สิ่งที่ต้องตระหนักก็คือ การที่ต้องการจะหายหรือกระทำกรรมใหม่มาทดแทนกรรมเก่าแบบลัดคิวเช่นนี้ มนุษย์นั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากจิตวิญญาณของตนเองเสียก่อนเสมอ ถ้าวิญญาณของผู้นั้นยังรู้สึกว่ายังไม่ได้เรียนรู้บทเรียยนบทนั้นเลย หรือ ยังเรียนรู้ได้ไม่เป็นที่พอใจ วิญญาณของผู้นั้นจะปฏิเสธการร้องขอนั้น โดยจะไม่ยินยอมใช้พลังอำนาจที่ตนมีอยู่เพื่อสิ่งที่ร้องขอโดยเด็ดขาด การร้องขอใด ๆ จะไม่มีวันสัมฤทธิ์ผลแน่นอน ส่วนใหญ่จะเป็นกรรมหนัก ๆ ที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัย หรือเสี่ยงตาย และความทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง

    นี่แหละค่ะที่เป็นสาเหตุว่า การรักษาโรคด้วยศาสตร์ใหม่ ศาสตร์พลังงานนี้ ทำไมบางคนจึงหายป่วย และทำไมบางคนจึงไม่หาย ส่วนใหญ่แล้วมาจากวิบากกรรม ที่ตนนัั้นยังไม่ได้เรียนรู้บทเรียนกรรมที่ตนเคยผิดมา และยังไม่ได้แก้ไขหรือชดใช้ หากตนเองฝึกสติสมาธิปัญญาจนรู้เข้าใจบทเรียนกรรมด้วยเพราะเหตุใด สำนึกผิด ยอมชดใช้ การที่ตนเองต้องการที่จะช่วยให้ตนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เช่น การหายจากโรคร้ายต่าง ๆ ย่อมมาจากจิตวิญญาณที่ตนต้องการ และมีเหตุให้ได้รับแล้ว เนื่องจากกรรมดีที่ปัจจุบันได้สร้าง ช่วยเป็นแรงผลักส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้น ทั้งเรื่องสุขภาพและเรื่องอื่น ๆ เป็นต้นค่ะ
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ส่วนเรื่องการแจ้งเตือนภัยพิบัติ...

    โลกยุคพลังงานเก่า มนุษย์ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับจักรวาบด้วยกิจกรรมทางจิตวิญญาณ จะต้องใช้วิธีการปฏิบัติสมาธิ

    (การทำสมาธิ คือ การตั้งใจรับฟังข่าวสารจากจักรวาล เป็นนิยามใหม่สำหรับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่)

    ในยุคพลังงานใหม่ มนุษย์จะสื่อสารกับมิติที่สามหรือสูงกว่า จะติดต่อสื่อสารกับรูปธรรมมีชีวิตเผ่าดาวอื่นได้โดยตรง โดยไม่ต้องเปลืองเวลาทำสมาธินาน ๆ เพราะพลังอำนาจแม่เหล็กที่เพิ่มขึ้น

    มนุษย์สามารถส่งคลื่นความคิด หรือ กระแสจิต อันเกิดจากกระบวนการสมองซีกขวา เพื่อการสื่อสารและตอบรับภาษาที่สามกับบุคคลอื่น ๆ ที่ห่างไกลได้ทันทีที่ต้่องการเพียงแค่กดปุ่มใช้งานมันเท่านั้น ถ้ามีทักษะสูงพอ จะสามารถติดต่อรับฟังและโต้ตอบกับจักรวาลได้ค่ะ
     
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    การเข้ากรรมฐานสมาธิ เป็นวิธีที่เหมาะสมต่อการรับคลื่นสัญญาณ จากจิตจักรวาลอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอยู่นอกเอกภพได้ โดยไม่ต้องร้องขอ ทันทีที่ได้รับคลื่นสัญญาณที่เป็นภาษาสากลจักรวาลที่พร้อมมอบความรักมาให้ด้วยข่าวสารสำคัญ อันพึงน้อมรับไว้ และมนุษย์สามารถโต้ตอบกับจักรวาลได้ด้วยตนเอง จงสอบถามในสิ่งที่ต้องการรู้แล้วจะรู้ว่าจิตจักรวาลล้วนมีจริง

    มนุษย์พึงรู้ว่า ในโลกยุคพลังงานเก่า มนุษย์มีพลังแห่งสมาธิเพื่อติดต่อกับจักรวาลในการคิดรู้เรื่องใด ๆ ได้ด้วยอำนาจแม่เหล็กโลกในระดับต่ำ การถ่ายทอดความรู้ที่ต้องการรู้มาให้จึงเป็นระบบการสร้างคลื่นการคิด ผ่านระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก ไปน้อมนำเอาคำตอบที่จิตจักรวาลเตรียมเอาไว้ให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการคิดรู้ แล้วแปลความหมายกันเอาเอง

    แต่..สำหรับโลกยุคพลังงานใหม่แล้ว บรรดาจิตจักรวาลหรือกล่องความรู้ผู้มากด้วยความรู้ทุกสรรพสิ่ง พร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่เป็นผู้หยิบยื่นความรู้ที่มนุษย์ต้องการรู้มาให้เอง เพียงแค่มนุษย์รู้จักปฏิบัติสมาธิให้ถูกต้องกันให้ได้เท่านั้น สัญญาณการติดต่อกับมนุษย์คนนั้นจะเริ่มต้นทันที

    1.บางรายจะได้รับการติดต่อจากแดนไกลเป็นสัญญาณเสียงกังวานขึ้นในสมาธินั้น (ยืนยันค่ะ)

    2.บางรายจะถูกยืมกล่องเสียง พูดออกมาเป็นภาษาสากลจักรวาล ซึ่งมนุษย์จะต้องฟังด้วยจิตไม่ใช่ฟังด้วยหูแล้วจะรับรู้และเข้าใจความหมายได้ ใม่ใช่เรื่องแปลกอัศจรรย์แต่อย่างใด สำหรับการติดต่อกับจิตจักรวาลด้วยตนเองของมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ในยุคพลังงานใหม่นี้


    มนุษย์พึงรู้ว่า จักรวาลล้วนทราบดีว่าตำแหน่งใดบนโลกที่จะถูกชำระและได้รับภัยพิบัติ...

    แต่....มันไม่ใช่ความเหมาะสมแท้จริง ที่จะแจ้งข่าวสารสำคัญนั้นอย่างเจาะจงไว้ล่วงหน้า...

    สำหรับมนุษย์แล้ว สิ่งที่คิดว่าไม่เหมาะสมล้วนเป็นความเหมาะสมเสมอ ขณะที่สำหรับจักรวาลสิ่งที่มนุษย์คิดว่าเหมาะสมแล้วล้วนเป็นความไม่เหมาะสมได้เช่นกัน...

    ค่ะ.... การแจ้งเตือนภัยพิบัติว่าจะเกิดในสถานที่ใดอย่างระบุเจาะจงล่วงหน้า สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่สามารถแจ้งกล่าวบอกเตือนระบุเจาะจงได้ แต่ ...การเตือนภัยให้มนุษย์เตรียมพร้อมรับมือ คือ การมีสติ และ การทำความดีมอบความรักให้แก่กันเพื่อช่วยลดทอนภัยพิบัติให้บรรเทาลง เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์เตือนกันมาตลอดเป็นระยะเวลาหลายสิบปีแล้วค่ะ
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    อีกเรื่องหนึ่งค่ะ ...ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ เกี่ยวกับเรื่องภัยบัติ กับ มนุษย์ต่างดาวค่

    มนุษย์แต่ละคนผู้มีหน้าที่ต้องการกำจัดผลกรรมใด ๆ ย่อมไม่มีวันหนีการเผชิญกรรมของตนไปฉันใด โอกาสที่จะหลีกหนีภัยร้ายแรงจากธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น ก็ไม่มีทางหนีพ้นได้เช่นเดียวกัน

    การคิดหนีไปอยู่ในที่อื่นในจักรวาล เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากไม่ว่าจะเกิดจากเทคโนโลยีของตนเองที่มีอยู่ หรืออาศัยขอความช่วยเหลือจากรูปธรรมต่างดาวที่มาจากเพื่อนบ้าน

    เทคโนโลยีมนุษย์ปัจจุบัน เพียงไม่อีกกี่ปีข้างหน้า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะจัดสร้างยานวิเศษ แบกขนมนุษย์จำนวนมาก สู่นอกภิภพยังเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น

    และ..การร้องขอต่อรูปธรรมเพื่อนบ้านซึ่งมีเทคโนโลยีที่สูงกว่า เพื่อให้การช่วยเหลือเมื่อต้องการหนีภัยยิ่งเป็นไปได้ยากกว่า เพราะพวกเขารู้ดีว่ามันเป็นความเหมาะสมของมนุษย์โลกที่จะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ เหล่านั้น ซึ่งพวกเขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวโดยตรงไม่ได้ นอกจากมอบพลังงานความรักให้แก่มนุษย์เท่านั้น

    รูปธรรมต่างดาวมีหลายจำพวก ซึ่งมีพลังจากจิตสำนึกที่แตกต่างกัน ดังเช่นความหลากหลายของมนุษย์บนโลก พึงระวังการยอมรับการช่วยเหลือ ของพวกเขาบางกลุ่มบางพวกที่แฝงไว้ด้วยพลังงานด้านลบ โดยมุ่งหวังข้อแลกเปลี่ยนบางประการที่ไม่เป็นผลดีต่อตัวมนุษย์เองเอาไว้ด้วย

    เพราะรูปธรรมบางพวก เริ่มสำเหนียกรู้แล้วว่ามนุษย์โลกพลังงานยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง จักรวาลกำลังเปิดมิติระหว่างกาแล๊กซี่และดวงดาว เพื่อให้มนุษย์มีพลังอำนาจมากขึ้นแล้ว เพราะ มนุษย์โลกซึ่งเป็น "นักรบแสงสว่าง" แห่งทางเลือกเสรีนี้ จะมีพลังอำนาจสูงสุดเหนือรูปธรรมใด ๆ อื่นในจักรวาล
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    รอ ป่าไม้ เขา จับก่อง

    พอเขาจับ จะต้องมีการตั้ง
    ข้อกล่าวหา

    ถ้า ป่าไม้ ออกหวยล๊อค

    มีสำนวน " สื่อ มนตด เปนการ
    หลอกลวงประชาชน " ปั๊ป!!!

    คำว่า สื่อ มนตด จะต้องหาย
    ไปจากประเทศไทย ทันที

    หากใคร ยังเอาไปใช้ ก้ เท่ากับ

    " หมิ่นศาล "

    นะฮับ


    ปล. เว็บไซท์ใด ลงข้อความ
    "สื่อ มนตด" จะ ผิดกฏหมาย
    พ.ร.บ.คอม ทันที เจ้าหน้าที่
    เว็บไม่นำออก ก้จะโดน จนท
    ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คุก 3เดือน


    ปล.2 ส่วนสื่อแบบองค์ลง จะ ลอย
    ตัว เพราะถือว่า เปน จารีต มีก่อน
    กฏหมาย
     
  7. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    เดี๋ยวก็มีการออกมาบอกว่า ฝ่ายมืด ฝ่ายมาร เล่นงานอีก 555+ ก็พูดยากสภาพบ้านเมืองแบบนี้คนขาดที่พึ่งพาต้องไปพึ่งสิ่งงมงายแทน
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    พยากรณ์อากาศบันเทิงไลฟ์สไตล์กีฬาการเงินและการลงทุนสุขภาพและฟิตเนสอาหารและเครื่องดื่มท่องเที่ยวยานยนต์วิดีโอ
    AAyktAO.png
    ตำรวจ จับพระอ้างรักษาโรคกลางงานยูเอฟโอเขากะลาไปสอบสวน
    Workpoint News

    3 ชั่วโมงที่ผ่านมา


    ตำรวจเชิญตัวพระภิกษุรูปหนึ่ง ที่อ้างว่ารักษาโรคเบาหวานให้กับประชาชนได้ กลางงานยูเอฟโอเขากะลา ไปสอบปากคำ พร้อมประสานสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ดำเนินการทางวินัยสงฆ์

    AAFWRDs.jpg © สนับสนุนโดย Thai Broadcasting Company Limited
    วันที่ 17 ส.ค.62 ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ เข้าเชิญตัวพระภิกษุรูปหนึ่ง ภายในงานกิจกรรมของกลุ่มประสานงานเกี่ยวกับการเตือนภัยเขากะลา หรือ ยูเอฟโอเขากะลา โดยพระภิกษุรูปนี้อ้างว่า รักษาโรคเบาหวานให้กับผู้ที่มาร่วมงานได้

    จากการตรวจสอบปากคำเบื้องต้น ยังไม่พบว่า มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล หลังสอบปากคำจึงปล่อยตัวไป แต่ได้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดนครสวรรค์ ให้ตรวจสอบแล้วว่า กรณีนี้ถือเป็นการผิดพระธรรมวินัยหรือไม่

    AAFX5fM.jpg © สนับสนุนโดย Thai Broadcasting Company Limited
    ส่วนกิจกรรมของกลุ่มยูเอฟโอเขากะลา ที่จัดขึ้นในค่ายลูกเสือเขากะลา ตำบลพระนอน สมาชิกที่จัดงาน อ้างว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยได้มีการเรียกเก็บเงินเพื่อผลประโยชน์ใดๆ โดยกลุ่มจะเน้นการฝึกสมาธิเพื่อรับคลื่นพลังงานในการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว เพื่อการเตือนภัยพิบัติเท่านั้น ส่วนร่างทรงดาวพลูโตก็เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ภูมิภาค
    1.04-728x485.jpg

    ป่าไม้ยึดเขากะลา แจ้งความดำเนินคดีผู้บุกรุก จ่อหมายเรียกเจ้าสำนัก-พวก
    วันที่ 16 สิงหาคม 2562 - 12:54 น
     
  10. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    จริงๆแล้วสิ่งที่พวกเขากะลาทำไม่ไปเบียดเบียนใครก็ไม่รู้จะทำให้เป็นข่าวใหญ่โตทำไม...ตามข่าวคนที่ขึ้นไปก็ไปปฏิบัติสมาธิและทำในกลุ่มที่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว..ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา

    ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้ไปเยี่ยวใส่หม้อข้าวท่านซะหน่อยนะท่านนักรบหน้าลาย..
     
  11. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ผิดก็ว่าไปตามผิด..อย่าลืมทวงคืนป่าสงวนให้หมดด้วยล่ะเห็นมีแต่ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นอยู่เหนือกฏหมาย
     
  12. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เราไม่เคยไปหรอกเขากะลาแต่เราเป็นคนKALA... SIN

    "กาลามชน"..
     
  13. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    นี่หรือคือ พระยาธรรม ยังแยกแยะผิดถูกไม่ได้เลย ผิดกฎหมายก็คือผิดกฎหมาย ก็ว่ากันไปตามนั้น จะอ้างว่าไม่รู้กฏหมายไม่ได้
     
  14. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    เมื่อคืนฝันว่าได้ใส่ชุดไปเรียนและบอกกับพ่อแม่ว่าอีกสองสามเดือนก็เรียนจบแล้ว..

    ฝันว่าตัวเองไปเรียนบ่อยมากเลย..
     
  15. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ก็นี่ไง..ท่านก็ช่วยแจ้งเบาะแสเรื่องคนที่บุกรุกป่าสงวนให้ครบทุกจุดทั่วประเทศด้วยล่ะ
     
  16. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
     
  17. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
  18. NatthaponJ

    NatthaponJ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2016
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +275
    (ไปเจอมาครับ เลยมาแบ่งปัน)

    เรื่องของการปฏิบัติ รู้อะไรอย่าไปเชื่อเสียทุกเรื่อง

    เรื่องของการปฏิบัติธรรมให้ระมัดระวังไว้อย่างหนึ่ง เรื่องของภาพหลอกภาพหลอน การทดสอบกำลังใจต่าง ๆ

    บางรายรู้สึกว่าหลวงพ่อมาสั่ง พระมาสั่งให้ทำนั่นทำนี่ เสร็จแล้วก็มาปรึกษาอาตมาว่า ควรจะทำอย่างไร ? ปฏิบัติตามดีไหม ? ก็บอกวิธีพิจารณาแบบง่าย ๆ ว่า ถ้าหากไม่เกินวิสัยหรือความสามารถของเรา ไม่ต้องทำให้เราลำบากมากนักก็ทำไป แต่ถ้าอันไหนถึงขนาดให้เราลำบากมากก็ไม่ต้องทำ รับทราบไว้ด้วยความเคารพและก็ตั้งบูชาไว้บนหิ้งตรงนั้นแหละ

    อย่างเช่น เราเป็นฆราวาสแล้วท่านบอกให้สร้างโบสถ์สักหลังหนึ่ง เราพิจารณาแล้วว่าเกินกำลัง ก็รับไว้ด้วยความเคารพแล้วขึ้นหิ้งไว้ ถึงวาระอันควรแล้วค่อยว่ากัน

    อาตมาเองไปสร้างเกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ท่านมาสั่งให้ทำอาคารตรงนั้นตรงนี้ รวม ๆ แล้ว ๑๓ หลังด้วยกัน มีกระทั่งอาคารใช้แทนโบสถ์ ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลมาก จึงได้กราบเรียนหลวงพ่อไปว่า "จะให้ผมทำก็ได้ แต่นิสัยผมไม่ชอบขอเงินใคร ถ้าต้องขอใครแม้แต่บาทเดียวผมจะไม่ทำเลย"
    หลวงพ่อท่านก็หัวเราะว่า "แกจะเอาอย่างนั้นแน่หรือ ?"
    "แน่ครับ"
    "เออ..ถ้าอย่างนั้นก็ได้"

    อาตมาก็รอดูว่าท่านจะทำอย่างไร หลังจากนั้นประมาณสองอาทิตย์ มีเพื่อนของหัวหน้าป่าไม้เขาขึ้นไป หลังจากที่เขาพาไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ ท่านหัวหน้าก็บอกเพื่อนว่า มีพระมาอยู่ใกล้ ๆ หน่วย เลยพากันเข้ามาหา

    เขาเดินดูรอบเกาะพระฤๅษีแล้ว จึงได้มากราบชวนคุยว่า "ที่สวยดีนะครับ"
    "เออ..สวย"
    "แล้วจะไม่สร้างอะไรบ้างหรือครับ ?"
    "อยากจะสร้าง แต่เงินไม่มีว่ะ..!"
    "จะสร้างอะไรบ้างครับ ?"
    "อยากได้ศาลาสักหลัง"

    เขาหายไปประมาณสองชั่วโมง เดินกลับมาพร้อมกับแปลนศาลา ที่แท้เขาไปนั่งเขียนแปลน จริง ๆ แล้วเขาเป็นนายช่างรับเหมาก่อสร้าง "หลังขนาดนี้ดีไหมครับ ?"
    "ดี..แต่เงินไม่มีว่ะ"
    "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมทำให้ก่อน"

    ว่าแล้วเขาก็ขนช่าง ขนของ มาตั้งหน้าตั้งตาทำเอง คราวนี้เดือดร้อนพวกเราสิ..คนนั้นไปเห็น "อ้าว..ท่านก่อสร้างนี่" คนนี้ไปก็เห็น "อ้าว..หลวงพี่ก่อสร้างทำไมไม่บอกกันบ้าง ?" ต่างคนต่างควักเงินให้ ปรากฏว่าจำนวนเงินพอให้เขา จึงได้รู้ว่าหลวงพ่อท่านทำได้จริง ๆ ไม่ต้องขอใครแม้แต่บาทเดียวก็ได้ ท่านหาของท่านมาเอง

    เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ รู้อะไรอย่าไปเชื่อเสียทุกเรื่อง เพราะจะมีการหลอก มีการทดสอบกำลังใจกันได้ ถ้าเชื่อไปเสียทุกเรื่องเดี๋ยวจะเป๋ โดยเฉพาะพวกเราขาดวิจารณญาณมาก โอกาสโดนต้มมีสูง

    เรื่องที่หนึ่งรู้มาอย่างถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สองจะถูก เรื่องที่หนึ่งที่สองถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สามจะถูก เรื่องที่หนึ่งที่สองที่สามถูกต้อง ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สี่จะถูก ให้ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่ายังไม่เชื่อ จนกว่าจะเป็นไปตามนั้นก่อน

    ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือท่านชาติชาย พระรุ่นน้องของอาตมา บวชที่วัดท่าซุงเหมือนกัน ออกจากวัดมาอยู่กับอาตมาที่เกาะพระฤๅษี ท่านเองเดินจงกรมภาวนา ไม่กินไม่นอนอยู่สองเดือนเต็ม ๆ อยู่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? ถ้าไม่ได้มีกำลังสมาธิหนุนเอาไว้ก็คงตายไปแล้ว..!

    ภายหลังร่างกายไม่ไหวก็เกิดอาการกรรมฐานแตก ที่เขาเรียกว่า สติแตก อาตมาต้องเอาตัวเข้าโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ตอนที่ไปเก็บข้าวของให้พี่น้องของท่านเอาไป ไปเจอสมุดบันทึกของท่าน พออ่านดูจึงรู้ว่า เวลามารเขาหลอก เขาจะบอกความจริงเราประมาณ ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็หลอกไว้นิดหนึ่ง ถ้าวิจารณญาณไม่ดีจะเชื่อเขาหมดเลย

    อย่างเช่นในการปฏิบัติ มีวันหนึ่งท่านบันทึกว่า "วันนี้พระมาบอกว่า ช่วงเวลาแห่งมรรคผลมาถึงแล้ว นักปฏิบัติที่ดีต้องกินน้อย พูดน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มาก ยิ่งทุ่มเทมากเท่าไรยิ่งมีผลเร็วเท่านั้น"

    มีตรงไหนผิดบ้างไหม ? ไม่มีเลยใช่ไหม ? แต่ผิด..! "นักปฏิบัติที่ดีต้องกินน้อย พูดน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มาก" ชัดเลย นี่เป็นพระพุทธวจนะ แต่ "ยิ่งทุ่มเทเท่าไรยิ่งมีผลเร็วเท่านั้น" ตรงนี้ไม่ใช่

    เพราะการปฏิบัติจะมีวาระมีเวลาของเขา ถ้าเราทำไม่ถึง ทำไม่พอ อย่าหวังเลยว่าผลจะเกิด ทีนี้ท่านอยากได้ ก็ไปทุ่มเทเดินจงกรมภาวนา ต่อเนื่องกันทั้งวันทั้งคืน สองเดือนเต็ม ๆ ไม่รู้อยู่ได้อย่างไร ? พอร่างกายไม่ไหวก็เรียบร้อย..!

    เพราะฉะนั้น..เราเองวิจารณญาณยังไม่พอ ปัญญายังไม่พอ ไม่รู้ว่าเขาหลอกเราตรงจุดไหน ก็ยิ่งต้องระมัดระวังให้มาก เสียดายท่านที่ปฏิบัติดี มีการรู้เห็นที่ชัดเจน และเสียหายไป

    อย่างวัด...ช่วงระยะที่ท่านดังขึ้นมา มีคนเอาหนังสือของท่านมาให้อาตมาแจกคนเยอะมาก ปกติเวลาเอาหนังสือใครมา อาตมาแจกหมด แต่หนังสือของท่านมาถึง อาตมาเก็บเรียบ เพราะรู้ว่าคำสอนท่านไม่ถูกต้อง

    ท่านพูดตามที่ท่านรู้ แต่ว่าไม่ใช่ของจริง ระยะนั้นก็มีโยมมาถามมาก อย่างเช่นถามว่า ท่านสอนว่าไม่ให้เอาวัตถุมงคลไว้ในบ้าน เพราะจะทำให้บรรดาผีบ้านผีเรือนเดือดร้อน ไม่ให้พรมน้ำมนต์เพราะจะไปทำร้ายเขา

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นไปตามที่ท่านเห็น แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น อาตมาเองขี้เกียจตอบ ก็เลยถามโยมกลับไปว่า "ถ้าโยมเปิดร้านทอง แล้วโจรมาบอกว่า อย่าเอาตำรวจมาเฝ้าร้านเลย เพราะทำให้โจรเดือดร้อน โจรจะเข้าปล้นไม่ได้ ถ้าอย่างนี้เป็นโยมจะเชื่อไหม ?"

    ของบางอย่างต้องใช้ปัญญาพิจารณาด้วย เวลามารเขาหลอก เขาไม่ได้หลอกชั้นเดียว เขาหลอกเป็นสิบ ๆ ชั้น เพราะเวลาท่านเชื่อแล้วสอนไป เป็นการสอนผิดไปจากพระพุทธวจนะ โอกาสที่ตัวเองจะเข้าถึงมรรคผลก็ไม่มี บุคคลที่หลงเชื่อและปฏิบัติตาม โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคผลก็ไม่มี ยิ่งถ้าท่านไปทำลายพระพุทธรูปด้วย ยิ่งสาหัสเลย ชาตินี้ไม่พ้นอเวจีอย่างแน่นอน..!

    คราวนี้ท่านที่มีสติสัมปชัญญะแต่ปัญญาไม่พอ ไปกล่าวตำหนิว่าท่าน ก็ซวยอีก เพราะอย่าลืมว่าท่านเป็นพระ ถึงหลักการปฏิบัติผิด แต่ศีลของท่านไม่ได้ผิด ความเป็นพระในสมมติสงฆ์ของท่านยังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ เท่ากับเราไปด่าพระเต็ม ๆ ก็ลงอเวจีไปด้วย..!

    พอเราไปด่าท่าน บุคคลที่เลื่อมใสพระท่านนั้นอยู่ก็ "ไอ้นี่ด่าอาจารย์กูนี่หว่า.." เขาก็ด่าคืนมา กลายเป็นเกิดความแตกแยกในพระพุทธศาสนา

    เราเห็นหรือยังว่าโทษเกิดหลายชั้น ท้ายที่สุดถ้าไปถึงเจ้าคณะปกครอง หรือไปถึงในหมู่สงฆ์ด้วยกัน ก็จะต้องแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ท่านนี้ว่าถูก ท่านนี้ว่าไม่ถูก ตามแต่กำลังใจของตนเองจะพิจารณาไป ก็ทำให้ศาสนาของเราสั่นสะเทือนไปด้วย ถ้าออกไปกว้างใหญ่พอ จำนวนคนมากพอ จำนวนพระมากพอ อาจจะถึงกับมีการแยกนิกาย แล้วทำให้ศาสนาล่มสลายได้

    เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของมารเขาไม่เคยหลอกชั้นเดียว เขาหลอกหลายชั้นมาก ในการปฏิบัติให้ระมัดระวังไว้ อาตมาอยากจะบอกว่า ไม่รู้ไม่เห็นได้ปลอดภัยที่สุด คนหูหนวกตาบอด เขาไม่รู้จะไปหลอกอย่างไร แต่ถ้ารู้เห็นชัดเจนเท่าไร ยิ่งโดนหลอกง่ายเท่านั้น

    จึงเป็นเรื่องที่พึงสังวรเอาไว้ นิมิตเกิดขึ้น รู้แล้ววาง น้อมรับไว้ด้วยความเคารพ ขอบคุณที่มาบอก แต่กองไว้ตรงนั้นแหละครับ ยกเว้นว่ามาย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าต้องทำนะ

    ถ้าไม่เกินวิสัยและไม่ทำให้เราเดือดร้อนก็ทำ แต่ให้ยึดคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นหลัก มีอะไรให้ยกขึ้นมาเปรียบเทียบกัน ถ้าไม่ผิดไปจากสองส่วนนี้ เราปฏิบัติตามก็เชื่อได้ว่าน่าจะถูก

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา www.watthakhanun.com
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ทำไมจิตยิ้มจึงกล้ายืนยัน เพราะเป็นคำตอบของสัจธรรมที่ไม่อาจปฏิเสธได้ค่ะ จิตยิ้มเคยเจอคำตอบสัจธรรมที่มาจากภายในตนเอง ที่ผ่านคลื่นสั่นสะเทือนลงไปภายในแก่นแท้ตนเอง ตามความหมายนัยยะของพระพุทธเจ้าที่ลอยถาดบุคคลาธิษฐาน นั่นแหละค่ะ

    และมาจากคำตอบที่มาจากธรรมชาติ กังวานขึ้นในสมาธิ เป็นการนั่งสมาธิคิดรู้ ที่เราพยายามหาคำตอบว่า ในขณะที่เวียนว่ายวัฏสงสาร หากเราได้ประสบเคราะห์ภัยกับตนเอง โดยที่เราไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แต่ใจของเราได้มีความบริสุทธิใจต่อคนอื่น แล้วขณะที่เรากำลังเดือดร้อน ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ชีวิตตกระกำลำบาก เราจะผ่านพ้นภัยไปได้อย่างไร

    คือเป็นอยากรู้ว่าหากต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ เราประสบกับทุกข์ ใครจะช่วยเราได้ ประมาณนั้น

    เป็นการกำหนดรู้ เพื่อต้องการหาคำตอบ แล้วคำตอบที่กังวานมาไม่ใช่คำพูดค่ะ แต่รับรู้ด้วยจิตที่ไม่ต้องแปลความหมายอีกทีว่า "หากเราไมทิ้งท่าน ท่านจะไม่มีวันทิ้งเรา"
    เป็นคำตอบที่ได้แล้วปิติสุขใจอันหามิได้ แทบจะก้มกราบคำตอบนั้นเลย ความรู้สึก ณ ขณะนั้น เป็นความอบอุ่นและความปิติเหลือประมาณ

    คือ ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ค่ะ

    และแล้ว..จิตยิ้มก็เข้าใจว่า....

    คำตอบของธรรมชาติ ประโยคที่ว่า

    "ถ้าเราไม่ทิ้งท่าน ท่านจะไม่มีวันทิ้งเรา"

    นั่นก็คือ หากเราไม่ทิ้งธรรม ธรรมย่อมตามคุ้มครองรักษาเราค่ะ

    ซึ่งก็ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้านะค่ะ...

    เป็นการปฏิบัติที่ตนรู้ได้ด้วยตนเอง และจิตยิ้มเคยนำคำนี้ลงไปในกระทู้ก่อน ๆ ประมาณสัก 2 ครั้งได้

    และจึงมั่นใจว่าคุณธรรมในจิตใจ เป็นเกราะป้องกันภัยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติค่ะ

    เพราะมนุษย์และธรรมชาติล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน ธรรมชาติ ย่อมเห็นธรรมชาติเดียวกันค่ะ
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    หน้า เหี่ยว ทุกวัน

    เหน ข่าวคนกินขนมเทียน ไหม

    ซื้อมาจะเอาไปฝากป้า

    เดินชิม ไม่ทันหมด ชิ้น

    ตาย คาตลาด กลางเมือง
     

แชร์หน้านี้

Loading...