เรื่องเด่น อานิสงส์การเสียสละเพื่อพระรัตนตรัย

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 3 กรกฎาคม 2019.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    อานิสงส์การเสียสละเพื่อพระรัตนตรัย

    65570343_3082877855087694_7658897437276241920_n.jpg


    ในครั้งอดีตกาล เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนอันทรงพระนามว่า พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้านิพพานไปแล้วเป็นเวลาได้ ๗ วัน ยังมีพระราชาพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าจินราช เสวยราชสมบัติ ณ จินนคร ครั้งนั้นมีพระภิกษุ ๓๒ รูป สามเณร ๑ รูป ผู้มีศีลวัตรเป็นอันดี เดินผ่านไปในพระนครนั้น ปุโรหิตของพระราชาเห็นพระภิกษุสามเณรแล้วคิดว่า ภิกษุเหล่านี้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าถ้าปล่อยให้มาเมืองนี้ พระราชาของเราจักเลื่อมใส ลาภสักการะที่เราเคยได้ก็จะเสื่อม เราจะต้องกำจัดเสีย จึงไปเข้าเฝ้าพระราชากราบทูลว่า “ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พวกโจรได้ปลอมตัวเป็นภิกษุ พากันมาจะปล้นพระนครพระเจ้าข้า” พระราชาก็หลงเชื่อตรัสว่า “อาจารย์ เราจะทำอย่างไร” ปุโรหิตกราบทูลว่า “พระองค์อย่ารอช้า จงรีบจับภิกษุปลอมมัดแล้วโบยด้วยหวาย เอาไปเสียบหลาวไว้” พระราชาทรงสดับแล้วเห็นชอบด้วย รับสั่งให้เพชฌฆาตช่วยกันทุบบาตร ฉีกจีวร ทุบศีรษะ ตบปากพระภิกษุสามเณร เลือดไหลออกจากปาก หู จมูก ภิกษุสามเณรต่างก็ร้องไห้บ่นไปต่าง ๆ ด้วยความเจ็บปวดและกลัวตาย

    พระนาคทีปกเถระผู้เป็นหัวหน้า ได้กล่าวปลอบโยนภิกษุทั้งหลาย ให้นึกว่าทุก ๆ คนมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ความทุกข์ที่ได้รับอยู่นี้เป็นผลของกรรมชั่วที่เราสร้างไว้เอง ฝ่ายชาวนครก็ได้บอกเล่าข่าวนี้ต่อกันไป

    ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเกิดเป็นลูกเศรษฐี มีนามว่าทุลกบัณฑิต เมื่อทุลกบัณฑิตได้ทราบข่าวก็รีบไปถามพระทีปกเถระว่า “ท่านได้ทำผิดอะไร” พระเถระตอบว่า “พวกอาตมาไม่เห็นความผิดในปัจจุบันมีแต่ความผิดกรรมเก่าในอดีตที่พวกอาตมามองไม่เห็น”

    พระโพธิสัตว์อ้อนวอนเพชฌฆาตว่า “กรุณารอสักครู่ ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระราชาเมื่อเข้าเฝ้าก็กราบทูลว่า “ข้าพระองค์ขอไถ่ตัวภิกษุสามเณร ๓๓ รูป ให้พ้นจากการจองจำและถูกฆ่า ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ” พระราชาตรัสว่า “ถ้าเจ้าต้องการชีวิตภิกษุสามเณรไว้ เจ้าจะต้องหาทองคำหนักเท่าพระแต่ละรูปมาไถ่”

    พระโพธิสัตว์ตกลงรับตามพระราชประสงค์ แล้วกราบทูลลาไปบ้าน บอกความประสงค์ให้แม่ทราบและขอทองคำกันเป็นส่วนของตน เมื่อได้แล้วก็ให้คนในบ้านนำมาชั่งเทียบกับน้ำหนักของพระแต่ละรูปที่พระลานหลวง ไถ่ได้ ๓๐ รูปทองคำก็หมด พระโพธิสัตว์ขอผัดต่อพระราชารีบไปบ้านบอกกับภรรยาว่าฉันจะนำตนเองไปขายเป็นทาสเพื่อจะได้ทองคำไปไถ่พระอีก ๓ รูป ภรรยาได้ฟังแล้วเห็นใจร้องไห้บอกว่า เอาตัวน้องไปขายก็แล้วกัน พระโพธิสัตว์จึงนำภรรยาไปขายฝากให้กับเศรษฐีผู้หนึ่ง ได้ทองคำมาไถ่พระได้อีก ๒ รูป เหลือแต่สามเณรน้อยรูปเดียว

    ฝ่ายสามเณรน้อยกลัวตายก็ร้องไห้ เข้าไปกราบพระเถระขอขมาลาโทษก่อนที่จะต้องตาย พระเถระจึงปลอบโยนสามเณรว่า จะหาหนทางช่วยและสอนว่า “สังขารทั้งปวงเป็นของไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นและเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา การถอนความยึดมั่นอุปาทานจากสังขารทั้งปวงย่อมเป็นสุข”

    พระโพธิสัตว์เมื่อได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวตัดพ้อกับตนเองว่า “เจ้ารักชีวิตของเจ้ามาก หรือรักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มากกว่าชีวิต” เมื่อเห็นว่าตนเองรักพระรัตนตรัยมากกว่าชีวิต จึงกราบทูลพระราชาว่าขอรับอาสาตายแทนสามเณร เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงไปหาสามเณร ถอดเครื่องจองจำออกจากสามเณร ให้เพชฌฆาตจองจำตนเอง เพชฌฆาตโบยพระโพธิสัตว์ด้วยหวายแล้วนำไปสู่ป่าช้าผีดิบ

    ชาวพระนครทั้งหลายเมื่อรู้ข่าวก็พากันแตกตื่นที่พระโพธิสัตว์ยอมตายแทนสามเณร มารดาของพระโพธิสัตว์ทราบข่าว ก็ร้องไห้วิ่งไปป่าช้าผีดิบ อ้อนวอนให้ลูกยับยั้งการตายแทนสามเณร พระโพธิสัตว์บอกมารดาว่า “ลูกสละชีวิตเพื่อพระรัตนตรัยครั้งนี้ เพราะเห็นว่าพระรัตนตรัยนั้นเป็นประทีปส่องโลก ช่วยให้สัตว์โลกรู้บาปบุญคุณโทษประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ฉะนั้นขอมารดาอย่าห้ามเลย” แล้วพระโพธิสัตว์ก็เอามือลูบไม้หลาวพลางกล่าวว่า “ดูกร เจ้าไม้หลาว ไม้ต้นอื่นเอาไปทำพระวิหารก็มี แกะสลักเป็นพระพุทธรูปก็มี ทำเป็นที่อยู่อาศัยก็มี เหตุใดเจ้าจึงมาเป็นไม้หลาวซึ่งต้องมาเสียบร่างกายมนุษย์ อันเป็นของสกปรกเช่นนี้” บรรดาเทพเจ้าทั้งหลายได้ฟังคำพูดนี้ จึงบันดาลให้ไม้หลาวหักแหลกละเอียดเป็นจุณวิจุณไปในบัดเดี๋ยวนั้น ชาวพระนครได้เห็นอัศจรรย์เช่นนั้นก็แตกตื่นโกลาหลพากันมาดู

    วันนั้น สุชาตเศรษฐีบิดาของพระโพธิสัตว์กลับมาจากการค้าขายต่างเมืองได้ทราบข่าวก็รีบไปเฝ้าพระราชา ให้คนขนทองคำมาไถ่ลูกชายให้เป็นอิสระ ฝ่ายพระนาคทีปกเถระ เมื่อได้รับอิสรภาพแล้ว บอกกับคณะภิกษุสามเณรว่า “พวกเรารอดตายเพราะทุลกบัณฑิต พวกเราเป็นหนี้ท่านบัณฑิต ควรจะหาโอกาสตอบสนองคุณเขา” แล้วทุก ๆ รูปก็พากันขวนขวายเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ช้าก็ได้สำเร็จพระอรหันต์พร้อมด้วยอภิญญาและปฏิสัมภิทาญาณทุกรูป แล้วพากันเหาะมาในอากาศ บางรูปยืน บางรูปนั่ง บางรูปนอน บางรูปเดินจงกรมในอากาศ ปรากฏต่อสายตาของพระเจ้าจินราช

    พระเจ้าจินราชสะดุ้งตกพระทัยมาก แทบจะสิ้นพระชนม์รับสั่งให้พวกอำมาตย์เข้าเฝ้าตรัสว่า “พวกมหาโจรมาทางอากาศ หมายจะมาฆ่าเรา จะทำอย่างไรดี” พวกอำมาตย์ทูลว่าให้ไปตามทุลกบัณฑิตมา พระองค์รับสั่งให้ไปตามทุลกบัณฑิตมาแล้วตรัสว่า “พวกโจรสามสิบสามคนที่เจ้าไถ่ตัวไปนั้น เวลานี้เหาะมาในอากาศ หมายจะฆ่าเรา เจ้าจงจัดการแก้ไขให้เราพ้นภัยด้วย”

    พระโพธิสัตว์เห็นดังนั้นจึงมีจิตชื่นบานกราบทูลว่า “พระองค์อย่าทรงวิตกเลย พวกพระคุณเจ้าทั้งหลายหามีภัยอันตรายแก่ผู้ใดไม่ ข้าพระบาทจะอาราธนาท่านลงมาเดี๋ยวนี้” แล้วจึงสั่งให้พนักงานปูอาสนะไว้ พร้อมทั้งถวายคำแนะนำให้พระเจ้าจินราชประทับยืนถือเครื่องสักการะคอยท่าอยู่ พระโพธิสัตว์เห็นว่าจัดการเรียบร้อยทุกประการแล้ว จึงได้ส่งเสียงอาราธนาว่า “ขอพระคุณเจ้าทั้งหลายจงโปรดเมตตารับนิมนต์เถิด” พระสมณะทั้งสามสิบสามรูปจึงได้เหาะลงมานั่ง ณ อาสนะที่จัดถวาย พระราชาเห็นดังนั้นจึงได้ถวายอภิวาทด้วยเบญจางคประดิษฐ์โดยเคารพ

    พระนาคทีปกเถระจึงได้แสดงธรรมโปรดพระราชาว่า “การคบหาสมาคมกับบัณฑิต แม้แต่ครั้งเดียว ย่อมอุ้มชูเกื้อกูลผู้คบหาไว้เป็นอย่างดี ฉะนั้น พระองค์จงคบหาสัตบุรุษ และรักใคร่สัตบุรุษทั้งหลาย คุณอันประเสริฐจะเกิดมีโดยส่วนเดียวเพราะการได้รู้ธรรมของสัตบุรุษทั้งหลายนั้น ส่วนผู้ใดชอบคนพาล ผู้นั้นย่อมจะยินดีเลื่อมใสในลัทธิของคนพาล อันจะนำให้เกิดความทุกข์ทวีมากขึ้น เหมือนกับพืชพันธุ์ชั่วเช่นหมามุ่ย ตำแย ที่คนเพาะให้งอกงามฉะนั้น บุคคลใดทำการเช่นไรย่อมจะได้รับผลของกรรมเช่นนั้น คนพาลย่อมจะไปเสวยความทุกข์ในอบายภูมิ ส่วนนักปราชญ์ย่อมเข้าถึงสวรรค์และนิพพาน”

    พระเจ้าจินราชเมื่อได้ทรงสดับพระธรรมเทศนาที่พระเถระแสดงแล้วก็บังเกิดความเลื่อมใส ทรงปฏิญาณพระองค์นับถือพระรัตนตรัย และป่าวประกาศเชิญชวนให้ชาวพระนครนับถือพระรัตนตรัยด้วย แล้วจึงทรงส่งพระสมณะทั้งสามสิบสามรูปกลับ พร้อมทั้งประกาศตั้งทุลกบัณฑิตเป็นเสนาบดีได้รับความเคารพนับถือจากชาวเมืองพร้อมด้วยภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อุตส่าห์ยอมขายตนเพื่อให้ได้ทองคำมาไถ่พระภิกษุ ส่วนปุโรหิตผู้เป็นต้นเหตุแห่งความวุ่นวายนั้น พระราชาเนรเทศออกจากเมืองไป ทั้งพระราชาและทุลกบัณฑิตก็ได้ช่วยเหลือเกื้อหนุนกันในการสร้างกุศลจนสิ้นชีวิตจึงพากันไปอุบัติบังเกิดในเทวโลก ทุลกบัณฑิตก็ได้สร้างบารมีต่อมาจนได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าพระสมณโคดมซึ่งก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นประทีปส่องใจแก่พุทธศาสนิกชนในพุทธศาสนายุกาลปัจจุบันนี้แล

    ดังที่ได้นำชาดกนิทานมากล่าวขานนี้ ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า บุคคลผู้มีจิตใจกว้างขวางเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เสียสละประโยชน์ของตนเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นนั้น ย่อมจะประสบกับความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรมส่วนบุคคลผู้เห็นแก่ตัวเอาเปรียบสังคมนินทาว่าร้ายอิจฉาริษยาใส่ร้ายป้ายสีปั้นโยนความผิดให้ผู้อื่น ย่อมประสบความเสื่อมตกอับเสียทรัพย์เสียยศเกียรติตำแหน่งนานับประการ ฉะนี้แล

    อานิสงส์กถาเรียบเรียงมาจาก พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย อุทาน, คัมภีร์วิสุทธชนวิลาสินี อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน คัมภีร์ชาตกัฏฐกถา อรรถกถา ขุททกนิกาย ชาดก, คัมภีร์ปรมัตถทีปนี อรรถกถา ขุททกนิกาย เปตวัตถุ, คัมภีร์พระปฐมสมโพธิกถา ของ สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส, คัมภีร์วิสุทธิมรรค, คัมภีร์สารัตถสังคหะ



    ขอบคุณที่มา
     
  2. Norawon

    Norawon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +208
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  3. พระอาจารย์ ท้าวไกรลาศ

    พระอาจารย์ ท้าวไกรลาศ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2017
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. vichat

    vichat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2018
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +274
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. PangPat

    PangPat สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +162
    ขออนุโมทนาค่ะ

     
  6. บันลือธรรม

    บันลือธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    789
    ค่าพลัง:
    +2,362
    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...