ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ทำงานด้วยอุเบกขา

    อุเบกขา หมายถึง การวางเฉย อยู่ในความถูกต้อง คือรอเวลาที่มันจะไปถึงที่สุดที่มันจะให้ผล เมื่อถูกต้องหมดแล้วเราก็เฉย

    ถ้าไม่เฉยจะทำอย่างไง เดี๋ยวก็บ้าตาย!

    เมื่อทำการงานหรือการเรียนหรืออะไรก็ตาม ถูกต้อง เข้ารูปมาถึงอย่างนี้แล้ว ที่นี้ก็รออยู่เฉยๆ เช่น ปลูกต้นไม้ ทำถูกต้องหมดแล้ว ก็ต้องรออยู่เฉยๆ ให้มันเติบโตจนออกดอกออกผล หรือเมื่อเราจัดแจงรถ ถนนอะไรดีแล้ว ดีแล้ว ก็ถือพวงมาลัยอยู่เฉยๆ เมื่อมันมีความถูกต้องหมดแล้ว มันก็เฉย กว่ามันจะให้ผล

    พุทธทาสภิกขุ

    ธรรมะของพระอรหันต์

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เมื่อเทวดาเปิดใจกับหลวงปู่มั่น

    ว่ารู้สึกยังไงกับมนุษย์..?

    ครั้งหนึ่ง เมื่อพวกเทวดามาเยี่ยมหลวงปู่มั่น
    เพื่อฟังเทศน์ หัวหน้าเทวดาองค์หนึ่ง
    พูดกับท่านว่า..

    “ท่านมาพักอยู่ที่นี่ทำให้พวกเทวดา
    สบายใจไปทั่วกัน เทวดามีความสุขมากผิดปกติเพราะ
    กระแสเมตตาธรรมท่านแผ่กระจาย
    ครอบท้องฟ้าอากาศและแผ่นดินไปหมด กระแสเมตตาธรรมของท่านเป็นกระแสที่บอกไม่ถูกและอัศจรรย์มาก ไม่มีอะไรเหมือนเลย”

    หัวหน้าเทวดาพูดต่อไปว่า..

    “ฉะนั้น ท่านพักอยู่ที่ไหน พวกเทวดาต้องทราบกันจากกระแสธรรม
    ที่แผ่ออกจากองค์ท่านไปทุกทิศทุกทาง แม้เวลาท่านแสดงธรรมแก่พระเณร
    และประชาชน กระแสเสียงของท่าน
    ก็สะเทือนไปหมดทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง ไม่มีขอบเขต ใครอยู่ที่ไหนก็ได้เห็นได้ยิน นอกจากคนตายแล้วเท่านั้นที่จะไม่ได้ยิน”

    ตอนนี้…จะได้เชิญอาราธนาคำพูดสนทนากัน
    ระหว่างหลวงปู่มั่นกับหัวหน้าเทวดา
    มาลงอีกเล็กน้อย ส่วนจะจริงหรือเท็จ
    ก็เขียนตามที่ได้ยินได้ฟังมา
    หลวงปู่มั่นย้อนถามหัวหน้าเทวดาบ้างว่า

    “ก็มนุษย์ไม่เห็นได้ยินกันบ้าง…ถ้าว่า
    เสียงเทศน์สะเทือนไปไกลดังที่ว่านั้น”

    หัวหน้าเทวดารีบตอบทันทีว่า..

    “ก็มนุษย์เขาจะรู้เรื่องอะไรและสนใจ
    กับศีลกับธรรมอะไรกันท่าน! ตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจของเขา เขาเอาไปใช้ในทางบาป
    ทางกรรมและขนนรกมาทับถมตัวตลอดเวลา นับแต่วันที่เขาเกิดมาจนกระทั่งเขาตายไป เขามิได้สนใจกับศีลกับธรรมอะไรเท่าที่ควร
    แก่ภูมิของตนหรอกท่าน มีน้อยเต็มที…ผู้ที่สนใจจะนำตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ไปทำประโยชน์คือศีลธรรม ชีวิตเขาก็น้อยนิดเดียว ถ้าเทียบกันแล้ว มนุษย์ตายคนละกี่สิบกี่ร้อยครั้ง เทวดาที่อยู่ภาคพื้นแม้เพียงรายหนึ่ง
    ก็ยังไม่ตายกันเลย ไม่ต้องพูดถึงเทวดาบนสวรรค์ชั้นพรหม
    ซึ่งมีอายุยืนนานกันเลย

    มนุษย์จำนวนมากมีความประมาทมาก ที่มีความไม่ประมาทมีน้อยเต็มที มนุษย์เองเป็นผู้รักษาศาสนา แต่แล้วมนุษย์เสียเองไม่รู้จักศาสนา ไม่รู้จักศีลธรรม ซึ่งเป็นของดีเยี่ยม มนุษย์คนใดชั่วก็ยิ่งรู้จักแต่จะทำชั่วถ่ายเดียว เขายังแต่ลมหายใจเท่านั้นพอเป็นมนุษย์
    อยู่กับโลกเขา พอลมหายใจขาดไปเท่านั้น เขาก็จมไปกับความชั่วของเขาทันที
    แล้วเทวดาก็ได้ยิน… ทำไมจะไม่ได้ยิน… ปิดไม่อยู่!

    เวลามนุษย์ตายแล้วนิมนต์พระท่านมา
    สาธยายธรรม ‘กุสลา ธัมมา’ ให้คนตายฟัง เขาจะเอาอะไรมาฟังสำหรับคนชั่วขนาดนั้น พอแต่ตายลงไปกรรมชั่วก็มัดดวงวิญญาณเขาไปแล้ว เริ่มแต่ขณะสิ้นลมหายใจ จะมีโอกาสมาฟังเทศน์ฟังธรรมได้อย่างไร แม้ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สนใจ
    อยากฟังเทศน์ฟังธรรม นอกจากคนที่ยังเป็นอยู่เท่านั้น…พอฟังได้ถ้า
    สนใจอยากฟัง แต่เขามิได้สนใจฟังหรอกท่าน

    ท่านไม่สังเกตดูเขาบ้างหรือ…เวลาพระท่าน
    สาธยายธรรม ‘กุสลา ธัมมา’ ให้ฟัง เขาสนใจฟังเมื่อไร! ศาสนามิได้ถึงใจมนุษย์เท่าที่ควรหรอกท่าน เพราะเขาไม่สนใจกับศาสนา สิ่งที่เขารักชอบที่สุดนั้นมันเป็นสิ่งที่ต่ำทราม
    ที่สัตว์เดรัจฉานบางตัวก็ยังไม่อยากชอบ

    นั่นแลเป็นสิ่งที่มนุษย์ที่ไม่ชอบศาสนา ชอบมากกว่าสิ่งอื่นใด และชอบแต่ไหนแต่ไรมา ทั้งชอบแบบไม่มีวันเบื่อ ไม่รู้จักเบื่อเอาเลย ขณะจะขาดใจยังชอบอยู่เลยท่าน

    พวกเทวดารู้เรื่องของมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์จะมาสนใจรู้เรื่องของพวกเทวดาเป็นไหนๆ … มีท่านนี่แลเป็นพระวิเศษ รู้ทั้งเรื่องมนุษย์ ทั้งเรื่องเทวดา ทั้งเรื่องสัตว์นรก สัตว์กี่ประเภท ท่านรู้ได้ดีกว่าเป็นไหนๆ ฉะนั้น พวกเทวดาทั้งหลายจึงยอมตน
    ลงกราบไหว้ท่าน”

    พอหัวหน้าเทวดาพูดจบลง หลวงปู่มั่นก็พูดเป็นเชิงปรึกษาว่า..

    “เทวดาเป็นผู้มีตาทิพย์ หูทิพย์ แลเห็นได้ไกล ฟังเสียงได้ไกล รู้เรื่องดีชั่วของชาวมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์จะรู้
    เรื่องของตัวและรู้เรื่องของพวกมนุษย์ด้วยกัน จะไม่พอมีทางเตือนมนุษย์ให้รู้สึกสำนึก
    ในความผิดถูกที่ตนทำได้บ้างหรือ? อาตมาเข้าใจว่าจะได้ผลดีกว่ามนุษย์ด้วยกัน
    ตักเตือนกัน สั่งสอนกัน … จะพอมีทางได้บ้างไหม?”

    ัวหน้าเทวดาตอบว่า..

    “เทวดายังไม่เคยเห็นมนุษย์ว่ามีกี่ราย
    พอจะมีใจเป็นมนุษย์สมภูมิ
    เหมือนอย่างพระคุณเจ้า
    ซึ่งให้ความเมตตาแก่ชาวเทพ
    และชาวมนุษย์ตลอดมาเลย พอที่เขาจะรับทราบว่าในโลกนี้มีสัตว์
    ชนิดต่างๆ หลายต่อหลายจำพวกอยู่ด้วยกัน ทั้งที่เป็นภพหยาบ ทั้งที่เป็นภพละเอียด ซึ่งมนุษย์จะยอมรับว่า เทวดาประเภทต่างๆ มีอยู่ในโลก และสัตว์อะไรๆ ที่มีอยู่ในโลกกี่หมื่นกี่แสนประเภท ว่ามีจริงตามที่สัตว์เหล่านั้นมีอยู่ เพราะนับแต่เกิดมา มนุษย์ไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาแต่พ่อแต่แม่ แต่ปู่ย่าตายาย แล้วมนุษย์จะมาสนใจอะไรกับเทวดาเล่าท่าน นอกจากเห็นอะไรผิดสังเกตบ้าง จริงหรือไม่จริงไม่คำนึง

    พวกมนุษย์มีแต่พากันกล่าวตู่ว่าผีกันเท่านั้น จะมาหวังคำตักเตือนดีชอบอะไรจากเทวดา แม้เทวดาจะรู้เห็นพวกมนุษย์อยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์ก็มิได้สนใจจะรู้เทวดาเลย แล้วจะให้เทวดาตักเตือนสั่งสอนมนุษย์
    ด้วยวิธีใด… เป็นเรื่องจนใจทีเดียว ปล่อยตามกรรมของใครของเรา
    ไว้อย่างนั้นเอง แม้แต่พวกเทวดาเองก็ยังมีกรรมเสวยอยู่
    ทุกขณะ ถ้าปราศจากกรรมแล้ว เทวดาก็ไปนิพพานได้เท่านั้นเอง … จะพากันอยู่ให้ลำบากไปนานอะไรกัน”

    หลวงปู่มั่นถามว่า..

    “พวกเทวดาก็รู้นิพพานกันด้วยหรือ?…
    ถึงว่าหมดกรรมแล้วก็ไปนิพพานกันได้ และพวกเทวดาก็มีความทุกข์
    เช่นสัตว์ทั้งหลายเหมือนกันหรือ?”

    ัวหน้าเทวดาตอบว่า..

    “ทำไมจะไม่รู้ท่าน! ก็เพราะพระพุทธเจ้าองค์ใดมาสั่งสอนโลก
    ก็ล้วนแต่สอนให้พ้นทุกข์ไปนิพพานกันทั้งนั้น มิได้สอนให้จมอยู่ในกองทุกข์ แต่สัตว์โลกไม่สนใจพระนิพพาน
    เท่าเครื่องเล่นที่เขาชอบเลย จึงไม่มีใครคิดอยากไปนิพพานกัน

    คำว่า ‘นิพพาน’ พวกเทวดาจำได้อย่างติดใจจากพระพุทธเจ้า
    แต่ละองค์ที่มาสั่งสอนสัตว์โลก แต่เทวดาก็มีกรรมหนาจึงยังไม่พ้นจากภพของเทวดาให้ได้ไปนิพพานกัน จะได้หมดปัญหา ไม่ต้องวกเวียนถ่วงตนดังที่เป็นอยู่นี้ ส่วนความทุกข์นั้น ถ้ามีกรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าสัตว์จำพวกใดต้องมีทุกข์ไปตามส่วน
    ของกรรมดีชั่วที่มีมากน้อยในตัวสัตว์”

    หลวงปู่มั่นถามว่า..

    “พระที่พูดกับเทวดารู้เรื่องกันมีอยู่แยะไหม?”

    หัวหน้าเทวดาตอบว่า..

    “มีอยู่เหมือนกันท่าน แต่ไม่มากนัก … โดยมากก็เป็นพระซึ่งชอบปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ในป่าในเขาเหมือนพระคุณเจ้านี่แล”

    หลวงปู่มั่นถามว่า..

    “ส่วนฆราวาสเล่า…มีบ้างไหม?”

    ัวหน้าเทวดาตอบว่า..

    “มีเหมือนกัน แต่มีน้อยมาก และต้องเป็นผู้ใคร่ทางธรรมปฏิบัติ
    ใจผ่องใส ถึงรู้ได้ เพราะกายของพวกเทวดานั้นหยาบ
    สำหรับพวกเทวดาด้วยกัน แต่ก็ละเอียดสำหรับมนุษย์จะรู้เห็นได้ทั่วไป นอกจากผู้มีใจผ่องใสจึงจะรู้จะเห็นได้
    ไม่ยากนัก”

    หลวงปู่มั่นถามว่า..

    “ที่ท่านว่าพวกเทวดาไม่อยากมาอยู่ใกล้พวกมนุษย์เพราะเหม็นสาบคาวมนุษย์นั้น…เหม็นสาบคาวอย่างไรบ้าง? ขณะที่ท่านทั้งหลายมาเยี่ยมอาตมา
    ไม่เหม็นคาวบ้างหรือ? … ทำไมถึงพากันมาหาอาตมาบ่อยนัก?”

    ัวหน้าเทวดาตอบว่า..

    “มนุษย์ที่มีศีลธรรมมิใช่มนุษย์ที่ควรรังเกียจ ยิ่งเป็นที่หอมหวนชวนให้เคารพบูชาอย่างยิ่ง และอยากมาเยี่ยมเพื่อฟังเทศน์อยู่เสมอ ไม่เบื่อเลย มนุษย์ที่เหม็นคาวน่ารังเกียจคือมนุษย์ที่
    เหม็นคาวศีลธรรม รังเกียจศีลธรรม ไม่สนใจในศีลธรรม มนุษย์ประเภทเบื่อศีลธรรมซึ่งเป็นของดีเลิศ
    ในโลกทั้งสาม แต่ชอบในสิ่งที่น่ารังเกียจของท่านผู้ดี
    มีศีลธรรมทั้งหลาย มนุษย์ประเภทนี้น่ารังเกียจจึงไม่อยากเข้าใกล้และเหม็นคาวฟุ้งไปไกลด้วย

    แต่เทวดามิได้ตั้งข้อรังเกียจ
    ชาวมนุษย์แต่อย่างใด … หากเป็นนิสัยของพวกเทวดามีความรู้สึก
    อย่างนั้นมาดั้งเดิมดังนี้”

    ี่มา :: หนังสือประวัติ
    (ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต)
    โดย :: พระธรรมวิสุทธิมงคล
    (หลวงตามหาบัว ญาณสีมปันโน)

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ที่ใดมีลาภ ที่นั่นมีเสื่อมลาภ
    ที่ใดมียศ ที่นั้นมีเสื่อมยศ
    ที่ใดมีสุข ที่นั่นมีทุกข์
    ที่ใดมีสรรเสริญ ที่นั่นมีนินทา
    เราปรารถนาลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    และเกลียดกลัวในสิ่งตรงกันข้าม
    แต่โลกธรรมทั้งสองฝ่ายนี้แยกจากกันไม่ได้
    ยิ่งยึดติดกับภาวะอันไม่มั่นคงที่เราชอบใจมากเท่าใด
    ก็ยิ่งต้องทุกข์ทรมานมากเท่านั้น ในยามที่สิ่งนั้นแปรเปลี่ยน
    สิ่งที่ได้มาและเสียไปมีขึ้นและลง ไม่มีอะไรคงที่
    ผู้มีปัญญาจึงไม่ยึดสิ่งใดเป็นแก่นสาร
    เมื่อยามได้ก็ไม่หลงไปกับมัน
    เมื่อยามเสียก็ไม่ผิดหวังท้อแท้

    พระราชพัชรมานิต (พระอาจารย์ชยสาโร)

    -ที่นั่นมีเสื.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ูกชาวบ้านขับไล่

    “ขณะอยู่วัดป่าสะลวง ก่อนออกพรรษาเล็กน้อย มีชาวบ้านพยายามจะไล่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ให้ออกจากวัด เนื่องจากท่านเป็นพระฝ่ายธรรมยุติ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชาวบ้านเขตนั้นนิยมนับถือท่านมาก แต่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ไม่สนใจ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พอท่านเดินออกไปบิณฑบาตชาวบ้านผู้นั้นจะออกมายืนหันหลังเพื่อขวางทางเดิน ซึ่งกว้างพอที่จะเดินเรียงหนึ่งเท่านั้น เมื่อท่านจะเดินผ่านที่ตรงนั้น จึงต้องลงจากทางเดิน อ้อมไปในพงหญ้าซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง ท่านได้รับความลำบากมาก เมื่อเดินผ่านไปแล้ว ชาวบ้านผู้นี้จะเดินเข้าบ้านไป เว้นไป ๓ – ๔ วัน ก็ออกมายืนขวางทางอีก จนกระทั่งออกพรรษาได้เดือนหนึ่งจึงเลิกไป”

    ต่อมาไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง คือมีชาวบ้านอยู่ใกล้วัดคนหนึ่ง ถือประโยชน์ส่วนตัวเข้าไปตัดไม้จะเอาไปปลูกสร้างบ้าน
    เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อยู่ในเขตวัดข้างๆ
    กุฏิพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ท่านจึงทักท้วงเขาก็ไม่ฟัง กระทั่งผ่านไปถึงวันที่สาม ขณะกำลังโค่นไม้อยู่ ไม้ต้นที่โค่นหักล้มลงมาโดนอีกต้นหนึ่งซึ่งอยู่ริมห้วย ทำให้ต้นที่อยู่ริมห้วยล้มลงเกือบจะโดนกุฏิของพระอาจารย์เปลี่ยน ตกตอนเย็นท่านเห็นชายผู้นั้นต้องคลานกลับบ้านไม่สามารถเดินได้ ต้องใช้เวลารักษาตัว ๔ – ๕ วัน โดยไม่รู้สาเหตุ และต้องมาทำพิธีบวงสรวงที่วัดจึงเดินได้ตามปกติ

    หลังจากนั้นก็มีการขับไล่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป อีก โดยเจ้าคณะได้ให้พระที่อยู่ในปกครองของตน ไปถามปัญหาพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป หากตอบไม่ได้ ท่านจะต้องออกไปจากวัดป่าสะลวงทันที พระที่ไปถามปัญหา ต้องขอร้องชาวบ้านให้ไปเป็นเพื่อนด้วย แต่ไปถึงแล้ว ไม่มีองค์ใดกล้าถามปัญหาที่เตรียมมา บางครั้งส่งพระที่เป็นมหา มาพบแต่ก็ถามปัญหาไม่ได้ อาจเป็นเพราะเกิดความประหม่า จึงลืมคำถามหมด พระองค์ที่ถูกใช้มา ถามปัญหาไม่ได้ก็ไม่กล้ากลับวัด ต้องไปนอนบ้านโยมแทน นานเข้าก็ต้องสึกออกไป การคิดขับไล่นี้ทำกันถึงสี่ครั้ง จนพระบางองค์ที่อยู่วัดในหมู่บ้านสะลวงนอกมีความเกรงกลัวเจ้าคณะจังหวัด เพราะทำตามคำสั่งไม่ได้ ลาสึกออกไปจนหมด เหลือแต่สามเณรเพียงสององค์

    ชาวบ้านจึงขอร้องให้พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ไปอยู่วัดในหมู่บ้านสะลวงนอก แต่ท่านปฏิเสธเนื่องจากท่านเป็นพระธุดงค์จะอยู่แต่ในวัดป่าเท่านั้น ต่อมาชาวบ้านมีศรัทธาปลูกกุฏิถวายท่านหนึ่งหลัง ซึ่งท่านได้นิมนต์พระทุกวัดในละแวกนั้นเท่าที่จะนิมนต์ได้มาช่วยกันฉลองกุฏิเพื่อสร้างศรัทธาให้กับชาวบ้านที่ร่วมมือร่วมใจกันสร้างกุฏิ

    ครั้นออกพรรษาแล้ว ชาวบ้านผู้หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้วัดในหมู่บ้านสะลวงนอก เกิดไม่พอใจพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป โดยถือเหตุที่ไม่ยอมไปจากวัดป่าสะลวง ทำให้พระต้องสึกไปเหลือแต่สามเณร ดังนั้นเวลาเห็นท่านเดินผ่านไปบิณฑบาต ชายคนนั้นก็เอามือจับเสาบ้านของตนพร้อมกับพูดซ้ำๆ “ใครจะใส่บาตรให้ธรรมยุติก็ใส่เถอะ ใส่บาตรธรรมยุติแล้วเหาะ
    ไม่ได้หรอก” พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้ยินแล้วจึงแผ่เมตตาอยู่ในใจ ให้ชายผู้นั้นมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป

    ชาวบ้านผู้นี้ยืนว่าท่านเพียงวันเดียว วันที่สองท่านเดินผ่านไม่เห็นเขาอีก วันที่สามมีพระมาตามท่านไปดูแลอาการป่วยของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ท่านจึงเก็บอัฐบริขาร และไปพยาบาลหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ๑ คืน วันรุ่งขึ้นประมาณบ่าย ๔ โมง มีคนมาบอกว่า ผู้ชายคน
    ที่ด่าว่าพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้ถึงแก่กรรมแล้ว และชาวบ้านในแถบนั้นสงสัยว่าท่านปล่อยคุณไสยไปใส่เขาจึงตาย

    เมื่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป มีโอกาสไปหาหลวงปู่แหวน สุจิณโณ และหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ได้ถามถึงเหตุการณ์นี้ หลวงปู่ได้ให้เหตุผลทำนองเดียวกันว่า เขาเป็นลูกศิษย์เทวทัตมาเกิด จึงต้องรับกรรม

    หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

    ******************************************
    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน..
    *****************************************

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ูกชาวบ้านขับไล่

    “ขณะอยู่วัดป่าสะลวง ก่อนออกพรรษาเล็กน้อย มีชาวบ้านพยายามจะไล่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ให้ออกจากวัด เนื่องจากท่านเป็นพระฝ่ายธรรมยุติ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชาวบ้านเขตนั้นนิยมนับถือท่านมาก แต่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ไม่สนใจ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พอท่านเดินออกไปบิณฑบาตชาวบ้านผู้นั้นจะออกมายืนหันหลังเพื่อขวางทางเดิน ซึ่งกว้างพอที่จะเดินเรียงหนึ่งเท่านั้น เมื่อท่านจะเดินผ่านที่ตรงนั้น จึงต้องลงจากทางเดิน อ้อมไปในพงหญ้าซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง ท่านได้รับความลำบากมาก เมื่อเดินผ่านไปแล้ว ชาวบ้านผู้นี้จะเดินเข้าบ้านไป เว้นไป ๓ – ๔ วัน ก็ออกมายืนขวางทางอีก จนกระทั่งออกพรรษาได้เดือนหนึ่งจึงเลิกไป”

    ต่อมาไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง คือมีชาวบ้านอยู่ใกล้วัดคนหนึ่ง ถือประโยชน์ส่วนตัวเข้าไปตัดไม้จะเอาไปปลูกสร้างบ้าน
    เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อยู่ในเขตวัดข้างๆ
    กุฏิพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ท่านจึงทักท้วงเขาก็ไม่ฟัง กระทั่งผ่านไปถึงวันที่สาม ขณะกำลังโค่นไม้อยู่ ไม้ต้นที่โค่นหักล้มลงมาโดนอีกต้นหนึ่งซึ่งอยู่ริมห้วย ทำให้ต้นที่อยู่ริมห้วยล้มลงเกือบจะโดนกุฏิของพระอาจารย์เปลี่ยน ตกตอนเย็นท่านเห็นชายผู้นั้นต้องคลานกลับบ้านไม่สามารถเดินได้ ต้องใช้เวลารักษาตัว ๔ – ๕ วัน โดยไม่รู้สาเหตุ และต้องมาทำพิธีบวงสรวงที่วัดจึงเดินได้ตามปกติ

    หลังจากนั้นก็มีการขับไล่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป อีก โดยเจ้าคณะได้ให้พระที่อยู่ในปกครองของตน ไปถามปัญหาพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป หากตอบไม่ได้ ท่านจะต้องออกไปจากวัดป่าสะลวงทันที พระที่ไปถามปัญหา ต้องขอร้องชาวบ้านให้ไปเป็นเพื่อนด้วย แต่ไปถึงแล้ว ไม่มีองค์ใดกล้าถามปัญหาที่เตรียมมา บางครั้งส่งพระที่เป็นมหา มาพบแต่ก็ถามปัญหาไม่ได้ อาจเป็นเพราะเกิดความประหม่า จึงลืมคำถามหมด พระองค์ที่ถูกใช้มา ถามปัญหาไม่ได้ก็ไม่กล้ากลับวัด ต้องไปนอนบ้านโยมแทน นานเข้าก็ต้องสึกออกไป การคิดขับไล่นี้ทำกันถึงสี่ครั้ง จนพระบางองค์ที่อยู่วัดในหมู่บ้านสะลวงนอกมีความเกรงกลัวเจ้าคณะจังหวัด เพราะทำตามคำสั่งไม่ได้ ลาสึกออกไปจนหมด เหลือแต่สามเณรเพียงสององค์

    ชาวบ้านจึงขอร้องให้พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ไปอยู่วัดในหมู่บ้านสะลวงนอก แต่ท่านปฏิเสธเนื่องจากท่านเป็นพระธุดงค์จะอยู่แต่ในวัดป่าเท่านั้น ต่อมาชาวบ้านมีศรัทธาปลูกกุฏิถวายท่านหนึ่งหลัง ซึ่งท่านได้นิมนต์พระทุกวัดในละแวกนั้นเท่าที่จะนิมนต์ได้มาช่วยกันฉลองกุฏิเพื่อสร้างศรัทธาให้กับชาวบ้านที่ร่วมมือร่วมใจกันสร้างกุฏิ

    ครั้นออกพรรษาแล้ว ชาวบ้านผู้หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้วัดในหมู่บ้านสะลวงนอก เกิดไม่พอใจพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป โดยถือเหตุที่ไม่ยอมไปจากวัดป่าสะลวง ทำให้พระต้องสึกไปเหลือแต่สามเณร ดังนั้นเวลาเห็นท่านเดินผ่านไปบิณฑบาต ชายคนนั้นก็เอามือจับเสาบ้านของตนพร้อมกับพูดซ้ำๆ “ใครจะใส่บาตรให้ธรรมยุติก็ใส่เถอะ ใส่บาตรธรรมยุติแล้วเหาะ
    ไม่ได้หรอก” พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้ยินแล้วจึงแผ่เมตตาอยู่ในใจ ให้ชายผู้นั้นมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป

    ชาวบ้านผู้นี้ยืนว่าท่านเพียงวันเดียว วันที่สองท่านเดินผ่านไม่เห็นเขาอีก วันที่สามมีพระมาตามท่านไปดูแลอาการป่วยของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ท่านจึงเก็บอัฐบริขาร และไปพยาบาลหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ๑ คืน วันรุ่งขึ้นประมาณบ่าย ๔ โมง มีคนมาบอกว่า ผู้ชายคน
    ที่ด่าว่าพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้ถึงแก่กรรมแล้ว และชาวบ้านในแถบนั้นสงสัยว่าท่านปล่อยคุณไสยไปใส่เขาจึงตาย

    เมื่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป มีโอกาสไปหาหลวงปู่แหวน สุจิณโณ และหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ได้ถามถึงเหตุการณ์นี้ หลวงปู่ได้ให้เหตุผลทำนองเดียวกันว่า เขาเป็นลูกศิษย์เทวทัตมาเกิด จึงต้องรับกรรม

    หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

    ******************************************
    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน..
    *****************************************

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ..ในทางโลก ตำหนิติติงคนอื่น จับผิดคนอื่น
    ..แต่สำหรับตัวเองทำอะไรก็ถูกหมด..
    “…ต่างกันกับธรรม ให้ติติงตัวเอง จับผิดตัวเองให้มากที่สุด
    …มันต่างกันนะ ทางโลกกับทางธรรม..”
    …หลวงพ่อจันมี อนาลโย
    วัดป่าแก้งใหม่ อ.สังคม จ. หนองคาย

    -ตำหนิติติงคนอ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...