ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ทรงทิพยจักษุญาณ หยั่งรู้เห็นเรื่องเทวบุตรเทวดา”

    (คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    อย่างหลวงปู่ฝั้นพลังจิตเก่งมาก ยกให้เลยสมัยปัจจุบัน แล้วยังมีรู้ด้วยสิ่งต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น วันนั้นจวนจะเข้าพรรษา ท่านจะพาลูกศิษย์ลูกหาไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นที่หนองผือ เรามันเป็นอย่างนั้นละ ถ้ามีครูบาอาจารย์องค์ใดมาเราจะเข้าถึงก่อนแล้ว เข้าถึงดูทุกสิ่งทุกอย่างก่อนๆๆ ๆ เรื่อยเลย พอวันนั้นไปท่านขึ้นไป เราก็นั่งอยู่นั้นแล้ว คอย ครูบาอาจารย์ลูกศิษย์ของท่านชั้นผู้ใหญ่มาแต่ละองค์ๆ ท่านปฏิบัติปฏิสันถารต้อนรับภายในภายนอกเรื่องศีลเรื่องธรรมอย่างไรบ้างๆ ท่านจะไม่ปฏิบัติเหมือนกันนะ พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นนี้ องค์นี้ขึ้นมามีกิริยามารยาทอรรถธรรมเป็นอย่างนั้น องค์นี้ขึ้นมามีกิริยามารยาท อรรถธรรมเป็นอย่างนั้น ไม่ได้ซ้ำกันนะ พอดีวันนั้นท่านขึ้นมากราบ พอกราบลงไปท่านยิ้ม เพราะนิสัยท่านอาจารย์ฝั้นนี่ท่านยิ้ม ยิ้มสวยงามมากนะ ไม่เหมือนหลวงตาบัวยิ้ม ถ้าหลวงตาบัวยิ้มนี้ ศาลาแตกฮือเลย เข้าใจไหม ท่านอาจารย์ฝั้นยิ้มสวยงามมากนะ พอกราบลงๆ ท่านมอง “เออวันนี้มันหอมอะไรนา แต่ไม่ใช่หอมธูป” ทางนั้น“เอ๊ วันนี้หอมอะไรนา แต่ไม่ใช่หอมธูปหอมเทียน” เท่านั้นพอ พอท่านกราบลงไปเสร็จแล้ว ท่านยิ้มๆ “เอ๊ วันนี้หอมอะไรนา แต่ไม่ใช่หอมธูปหอมเทียน” ทางนั้นท่านตอบรับ “เออใช่แล้ว” เท่านั้นพอ พอท่านกราบลงไปเสร็จแล้วท่านยิ้มๆ “เอ๊ วันนี้หอมอะไรนา แต่ไม่ใช่หอมธูปหอมเทียน” ทางนั้นท่านตอบรับ เออใช่แล้ว เวลานั้นท่านไม่มีโอกาสที่จะถามท่านได้ “จากนั้นแล้วขึ้นไปหาท่านโดยเฉพาะ แล้วเป็นอย่างไรเวลาท่านอาจารย์ฝั้นมากราบพ่อแม่ครูอาจารย์มีลักษณะยิ้มๆ แล้วว่า วันนี้มันหอมอะไรนา แต่ไม่ใช่หอมธูปมันหมายความว่าอย่างไร หมายความว่ารุกขเทพเต็มหมด ท่านบอกเออใช่แล้ว รุกขเทพมาเคารพบูชาครูบาอาจารย์เต็มไปหมด ท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านตอบปึ๋งเลยนะพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น แต่เวลาจะพูดได้ขนาดนั้นก็เออใช่แล้ว เรางงเป็นบ้าอยู่ เป็นบ้าอยู่นาน พอได้โอกาส ท่านออกทันทีเลย พวกเทวดาเต็มมาคอยฟังเทศน์ท่าน นานๆ จะมีทีหนึ่ง เวลาพ่อแม่ครูอาจารย์ตอบนะนี่นะ ท่านบอกว่าเออใช่แล้วเท่านั้นละไม่มาก เวลาเราไปถามธรรมท่านตอบออกมาอย่างนั้นจึงชัดเจนมาก

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “คนที่เก่ง..ในเรื่องทำความดี
    มีเมตตาสงสาร มีจิตใจสงบ
    ไม่ตอบโต้กับคนบาป
    ไม่ยุ่งกับคนบาป
    นี้คือ..ลักษณะของ..คนมีบุญ”

    – หลวงปู่ไม อินทสิริ

    -ในเรื่องทำคว.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พระพุทธเจ้านิพพานแล้ว ไม่ได้หายไปไหน”

    (คติธรรม สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙)

    พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วไม่ได้หายไปไหน พระพุทธบารมียังปกปักรักษาโลกอยู่ คนในโลกยังรับพระพุทธบารมีได้ มิได้แตกต่างไปจากเมื่อยังทรงดำรงพระชนม์อยู่ เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องเปิดใจออกรับ มิฉะนั้นก็จะรับไม่ได้ พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารอีกต่อไป แต่พระพุทธบารมียังพรั่งพร้อม พระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่งท่านเล่าไว้ว่าเมื่อท่านปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอยู่ในป่าดงพงพีนั้น พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปทรงสอนท่านด้วยพระพุทธบารมีเสมอ แล้วท่านพระอาจารย์องค์นั้น ต่อมาก็เป็นที่ศรัทธาเคารพของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ที่เชื่อมั่นว่าท่านปฏิบัติถึงจุดหมายปลายทางแล้ว พระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ด้วยพระพุทธบารมีได้ เสด็จไปทรงแสดงธรรมโปรดพระอาจารย์องค์สำคัญให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ ไม่มีอะไรให้สงสัยว่าเป็นสิ่งสุดวิสัย เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องของท่านพระโมคคัลลาน์เป็นเครื่องให้ความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ่มชัดว่าพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันตเจ้าก็ดี แม้ดับขันธปรินิพพานแล้ว ท่านก็เพียงไม่มีร่างเหลืออยู่เท่านั้น บารมีและคุณธรรมทั้งปวงของท่านยังพรั่งพร้อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

    -พระพุทธเจ้านิพพา.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย คนไทยคือชาวมคธ”

    (ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
    (จากหนังสือ “รำลึกวันวาน”)
    (บันทึกโดย หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ)

    ๐ อริยวาส อริยวงศ์

    เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นที่บ้านหนองผือ มีชาวกรุงเทพมหานครไปกราบนมัสการ ถวายทานฟังเทศน์และได้นำกระดาษห่อธูปมีเครื่องหมายการค้ารูป “ตราพระพุทธเจ้า” ตกหล่นที่บันไดกุฏิท่าน พอได้เวลาผู้เล่าขึ้นไปทำข้อวัตร ปฏิบัติท่านตามปกติ พบเข้าเลยเก็บขึ้นไป พอท่านเหลือบมาเห็น ถามว่า “นั่นอะไร”

    “รูปพระพุทธเจ้าขอรับกระผม” ท่านกล่าว “ดูสิคนเรานับถือพระพุทธเจ้า แต่เอาพระพุทธเจ้าไปขายกิน ไม่กลัวนรกนะ” แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้เล่า บอกว่า “ให้บรรจุเสีย” ผู้เล่าเอามาพิจารณาอยู่ เพราะไม่เข้าใจคำว่า “บรรจุ” จับพิจารณาดูพระพักตร์เหมือนแขกอินเดีย ผู้เล่าอยู่กับท่านองค์เดียว ท่านวันยังไม่ขึ้นมา

    ท่านพูดซ้ำอีกว่า “บรรจุเสีย”
    “ทำอย่างไรขอรับกระผม”
    “ไหนเอามาซิ”

    ยื่นถวายท่าน ท่านจับไม้ขีดไฟมาทำการเผาเสีย และพูดต่อว่า “หนังสือธรรมะสวดมนต์ที่ตกหล่นขาดวิ่นใช้ไม่ได้แล้ว ก็ให้รีบบรรจุเสีย กลัวคนไปเหยียบย่ำ จะเป็นบาป”

    ผู้เล่าเลยพูดไปว่า
    “พระพุทธเจ้าเป็นแขกอินเดียนะกระผม”

    ท่านตอบ “หือ คนไม่มีตาเขียน เอาพระพุทธเจ้าไปเป็นแขกหัวโตได้” ท่านกล่าวต่อไปว่า

    “อันนี้ได้พิจารณาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่น แม้แต่สรณคมน์และศีล ๕ เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ดูไกลความจริงเอามากๆ เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้น และชนชาติพม่า คือ ชาวรัฐโกศล เป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตายจากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่าในปัจจุบัน”

    “ส่วนรัฐสักกะใกล้กับรัฐมคธ ก็รวมกันอพยพมาสุวรรณภูมิ ตามสายญาติที่เดินทางมาแสวงโชคล่วงหน้าก่อนแล้ว” ผู้เล่าเลยพูดขึ้นว่า”ปัจจุบัน พอจะแยกชนชาติในไทยได้ไหม ขอรับกระผม” “ไม่รู้สิ อาจเป็นชาวเชียงใหม่ ชาวเชียงตุงในพม่าก็ได้”

    ขณะนั้นท่านวันขึ้นไปพอดี ตอนท้ายก่อนจบ ท่านเลยสรุปว่า “อันนี้ (หมายถึงตัวท่าน) ได้พิจารณาแล้ว ทั้งรู้ทั้งเห็นโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น”

    ผู้เล่าพูดอีกว่า”แขกอินเดียทุกวันนี้คือพวกไหน ขอรับกระผม” ท่านบอก”พวกอิสลามที่มาไล่ฆ่าเราน่ะสิ” “ถ้าเช่นนั้นศาสน์พราหมณ์ ฮินดู เจ้าแม่กาลี การลอยบาปแม่น้ำคงคา ทำไมจึงยังมีอยู่ รวมทั้งภาษาสันสกฤตด้วย”

    “อันนั้นเป็นของเก่า เขาเห็นว่าดี บางพวกก็ยอมรับเอาไปสืบต่อๆ กันมาจนปัจจุบัน ส่วนพวกเรา พระพุทธเจ้าสอนให้ละทิ้งหมดแล้ว เราหนีมาอยู่ทางนี้ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไรก็ทำตาม”

    ท่านยังพูดคำแรงๆ ว่า “คุณตาบอดตาจาวหรือ เมืองเรา วัดวา ศาสนา พระสงฆ์ สามเณร เต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ” (ตาบอดตาจาว เป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า) แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม ไม่มี มีแต่จะทำลาย โชคดีที่อังกฤษมาปกครอง เขาออกกฎหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถาน แต่ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีร่องรอยให้เราเห็น อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ตัวเธอเองนั่นแหละ ถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จ้างเธอก็ไม่ไปเกิด”

    “ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธจะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้”

    “พระพุทธเจ้าทรงวางพุทธศาสนาไว้ จะเป็นระหว่างพุทธันดรก็ดี สุญญกัปปก็ดี ที่ไม่มีพระพุทธศาสนา แต่ชนชาติที่ได้เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยประเพณี อริยนิสัย ก็ยังสืบต่อไปอยู่ ถึงจะขาด ก็ขาดแต่ผู้ได้สำเร็จมรรคผลเท่านั้น เพราะว่าจากบรมครู ต้องรอบรมครูมาตรัสรู้ จึงว่ากันใหม่”

    ผู้เล่าได้ฟังมาด้วยประการฉะนี้แล

    -พระพุทธเจ้าเป็นค.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “หลวงตามหาบัว แผ่เมตตาครอบโลกธาตุ”

    (ธรรมเทศนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    แผ่เมตตาครอบไปหมดเลยนะ ไม่ใช่ไปพักเฉยๆนะ(เขื่อนอุบลรัตน์) แผ่เมตตาจิตเมตตาธรรมถึงทั้งน้ำทั้งบกทั้งดินฟ้าอากาศ ใต้ดินเหนือดินแผ่ถึงหมดแหละ เพราะที่เหล่านี้มีสัตว์โลกอยู่เต็มไปหมด ใต้ดินนี้ก็เต็ม ไม่ใช่ไม่มี ใต้ดินมีเยอะ บนบกก็มี บนอากาศก็มี ถ้าขึ้นเบื้องสูงก็เป็นที่อัศจรรย์ เราอยากให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทดลองดูหน่อยน่ะ ยังไม่เอามากล่ะ อยากให้ขึ้นไปชมอากาศบนสวรรค์ เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นสวรรค์เสียที พาไปชมเลย ไปชมสวรรค์ซิ ดินฟ้าอากาศเรียบราบเลย

    พวกมนุษย์เราส่วนมากมีแต่พวกตาบอดหูหนวกมันไม่เห็น อยู่ในน้ำใต้น้ำ อยู่บนบกดินฟ้าอากาศมีหมดสัตว์ สถานที่ใดที่สัตว์เกิดไม่ได้ไม่มี เว้นแต่พระนิพพานอย่างเดียว ถ้าถึงนี้แล้วแปลว่าดับทุกฺขํ นตฺถิ อชาตสฺส ทุกข์ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เกิด

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    การเจ็บป่วยเป็นเทวฑูตประจำตัว
    ขออย่าได้ประมาทนอนใจ
    พิจารณาตามบริเวณที่เจ็บป่วยนั้นแล
    ให้เห็นด้วยปัญญาประจักษ์ว่า
    อวัยวะทั้งหมดนี้เป็นของแน่เหลือเกินที่จะเป็นเครื่องทับถมเรา ให้ได้รับความทุกข์ ไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งหาสาระอะไรไม่ได้ ทั้งจะตั้งหน้าไปสู่ความแตกสลายโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ต่างก็มีอยู่เป็นไป อยู่ด้วยกันอย่างนี้ทั่วโลก หาที่หลบภัยไม่ได้เลย แม้พระพุทธเจ้าก็ต้องเป็นอย่างนี้ เหมือนสามัญชนธรรมดา ภัยอย่างอื่นๆ เราพอหลบหลีกได้ ภัยอย่างนี้ต้องหลบหลีกด้วยปัญญา คือ หยั่งทราบตามความเป็นจริง พระพุทธเจ้าเป็นเข้า ท่านมียาแก้ เราทั้งหลายไม่ค่อยมียาแก้ ต่างกันที่ตรงนี้

    โอวาทธรรม :หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “พระกรรมฐานไม่สั่งสม ตายพร้อมบริขาร ๘”

    (คติธรรม หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
    (จากหนังสือ “สมถธรรม-วิปัสสนาธรรม”)

    พระช่วยโลกไม่ได้ ใครจะช่วยได้ พระไม่มีเมตตาใครจะมีเมตตา พระไม่เสียสละ ใครจะเสียสละ พระสั่งสมเสียเองหมดท่า แน่ะฟังซิ โห ทำลายเจ้าของขนาดไหน เป็นพระสั่งสม ยิ่งตายแล้วมีเงินเท่านั้นแสนเท่านี้ล้าน โอ๊ย ฆ่าเจ้าของทำลายเจ้าของ ตายแล้วไม่มีอะไร มีแต่บริขาร ๘ นั่นละเทิดเจ้าของมากที่สุดเลย เด่นในศาสนาก็เด่น นั่นเรื่องมันอยู่ตรงนั้น ตายไม่มีอะไรมีแต่บริขาร ๘ เท่านั้นพอ

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “หลวงตารักเทิดทูนบูชาหลวงปู่มั่นเหนือชีวิต”

    (ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
    (เทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ๐ การอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กับสามเณรบุญเพ็ง ซึ่งปัจจุบันคือ หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต แห่งวัดถ้ำกองเพล”

    ในเรื่องการอุปัฏฐากท่านพระอาจารย์มั่นนั้น หลวงตามหาบัวได้ดำเนินการอย่างเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง เรื่องการขบการฉัน หยูกยา ผ้านุ่งผ้าห่ม บริขาร และเครื่องใช้ไม้สอยทุกสิ่งทุกอย่างของหลวงปู่มั่น ท่านจะคอยสังเกตพินิจพิจารณาและกระทำอย่างตั้งใจจดจ่อเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายแก่ธาตุขันธ์ร่างกายของหลวงปู่มั่นมากที่สุด ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย หรือทุกข์ยากลำบากส่วนตนนั้น ไม่ถือเป็นประมาณ

    หรือเป็นปัญหาอุปสรรคยิ่งกว่าการให้ครูบาอาจารย์ได้รับความสะดวก เรียกได้ว่ายามใดที่ท่านอยู่ ยามนั้นครูบาอาจารย์ก็เบาใจ ในเรื่องการขบฉันของท่านพระอาจารย์มั่น หลวงตาก็คอยสอดส่องดูแลว่าในแต่ละครั้งท่านฉันได้มากได้น้อยอย่างไร เรื่องอาหารการฉันนี้อะไรที่ถูกกับธาตุกับขันธ์ของท่าน ท่านชอบฉันอะไรบ้างหลวงตาก็คอยสังเกตอยู่ตลอด อันไหนที่ท่านเมตตาฉัน เห็นว่าถูกกับธาตุ กับขันธ์ท่าน หลวงตาก็จะไปหาสิ่งนั้นมาเป็นเข่งๆ

    เรื่องความละเอียดลออเกี่ยวกับการเฝ้าสังเกตการขบการฉันของหลวงปู่มั่นนั้น หลวงปู่หล้าก็ยังเคยกล่าวชื่นชมท่านไว้ว่า

    “…พระอาจารย์มหา เวลาอยู่กับหลวงปู่มั่น คงจะนึกอยากจะเว้นอาหารอยู่ แต่มีเหตุผลในใจว่า เราเป็นพระผู้ใหญ่อยู่กับองค์ท่าน เราจะได้สังเกตองค์ท่าน ว่าวันหนึ่งๆ องค์ท่านฉันได้เท่าไร ข้าวหมดขนาดไหน กับอะไรหมดขนาดไหน เราจะได้สังเกตประจำวัน เพื่อจะจัดถวายได้ถูก เท่าที่มีมาโดยเป็นธรรม แม้องค์ท่านหยิบใส่บาตรเองก็ดี เราจะสงวนรู้ว่าหยิบอะไรบ้าง เพราะเราเป็นห่วงองค์ท่านมาก เมื่อองค์ท่านฉันได้บ้าง เราก็พลอยเบาใจ…”

    และด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมีโอกาส จำเป็นต้องลาองค์หลวงปู่มั่นเพื่อไปธุระที่จังหวัดอุดรธานีชั่วคราว หลังจากเสร็จธุระแล้ว ขากลับท่านจะพยายามจัดหาเอาของใช้ของฉันที่อุดรธานี ที่ถูกกับธาตุกับขันธ์ขององค์ท่าน เพราะท่านคอยสังเกตอยู่ตลอด จนรู้ว่าอันใดองค์ท่านฉันได้สะดวกธาตุขันธ์ ท่านก็จะเอาใส่เข่งๆ เต็มเอี๊ยดแล้วให้เณรแกงหม้อเล็กๆ ถวายองค์ท่านวันละหม้อเป็นประจำโดยมิให้หลวงปู่มั่นทราบ แต่ต่อมาหลวงปู่มั่นก็ล่วงรู้ได้และได้ห้ามปรามไว้ แม้อย่างนั้นด้วยความเคารพรักและเป็นห่วงในธาตุขันธ์ของครูบาอาจารย์ซึ่งล่วงเลยเข้าวัยชรามากแล้ว ท่านก็หาอุบายทำของฉันถวายหลวงปู่มั่นอีกจนได้ดังนี้

    เณรที่หลวงตาให้เป็นผู้แอบแกงถวายหลวงปูมั่นนั้นก็คือ สามเณรบุญเพ็งนี่เอง

    ซึ่งเรื่องนี้หลวงปู่มั่นก็ทราบและไม่อยากส่งเสริมให้ทำ จึงหาวิธีขนาบศิษย์ทั้งสองดังนี้ เรื่องนี้หลวงตาเล่าว่า

    “…ของอะไรที่ถูกกับธาตุกับขันธ์ท่านเราจะพยายามหามาๆ ๆ ไม่ให้ท่านรู้นะ รู้ไม่ได้ ….. ให้เณรเพ็งมาทำ ท่านสับเณรเพ็ง เณรเพ็งเป็นเนื้อบนเขียง เราเป็นเขียงท่านเป็นมีดยำลง เณรเพ็งก็ไม่ทราบจะปฏิบัติต่อใครอย่างไร

    ‘ท่านว่ามาทำหาอะไรนี่น่ะ บิณฑบาตมาล้นบาตรๆ กินให้ตายมันก็ตายนี่นะ ท่านไปอย่างนั้นนะ มายุ่งทำไม’

    ท่านว่างั้น อันนี้เป็นเรื่องของท่าน เราก็ไปกระซิบกับเณรเพ็งให้ทำอย่างนั้นๆ แก้ตัวเข้าใจไหม หาอุบายแก้ตัว เณรเพ็งก็ทำตามเราทุกอย่าง เพราะเณรก็เคารพเรา

    ทีนี้เวลาบิณฑบาตนั่นละที่มันขบขันมาก เณรก็ทำอาหารเล็กๆ อยู่ในครัว ตามธรรมดาบิณฑบาตท่านออกหน้าแล้วพระเณรจะหลั่งไหลไปตามท่านๆ ลงจากศาลาหอฉันนั่นน่ะ พอท่านออกไปแล้วพระเณรก็ตามหลังท่านเป็นสายยาวเหยียดไป แต่วันนั้นเผอิญอะไรไม่รู้ พระเณรออกไปหมดแล้วท่านยังไม่ไป ท่านยังอยู่(บนศาลาหอฉัน)นั้น

    ทีนี้เณรเพ็งคิดก็ว่า ‘…. พระเณรไปกันหมดแล้ว’ แสดงว่าพ่อแม่ครูจารย์ไปแล้ว ก็เลยวิ่งจากครัว มาเจอท่านพระอาจารย์มั่นเข้า

    ‘เหอ มาไงม้าแข่งนี่ จะขับไล่ท่านเพ็งออกจากวัดนะ ม้าแข่งมาจากไหน ต้องออกจากวัด เณรนี้มันยังไงกัน เณรม้าแข่งนี่’

    เมื่อเรื่องแดงขึ้นอย่างนั้น หลวงตาจึงต้องหาวิธีแก้ไขแทนสามเณรบุญเพ็ง ที่กำลังจะถูกขับออกจากวัด เรื่องนี้หลวงตาท่านเล่าไว้ว่า

    “โอ๊ะ กูตาย วันนี้ทำไง ท่านจะเอาเณรออกจากวัด ก็เรานั่นละจะเป็นคนแก้ไม่ใช่ใคร ไม่สบายเลยวันนั้น เวลาออกบิณฑบาต ท่านพูดอะไรกับเราเราก็นิ่งเฉยไม่พูดเลย ทุกวันมีตอบบ้างอะไรบ้างวันนั้นนิ่ง ท่านคงจะทราบว่า มหาองค์นี้มันจะตาย ‘วันนี้กูจะไล่เณรเพ็งออกไป มันจะไปแบกเณรเพ็งเอาไว้นี่ กูพูดอะไรมันก็ไม่พูด’ ท่านรู้นะเรื่องเหล่านี้ รู้หมด”

    พอฉันเสร็จแล้ว หลวงตาก็เข้าไปปฏิบัติ ไปเช็ดไปกวาดถูที่บริเวณท่านฉัน กำกับให้พระเณรเอาบริขารในการฉันนั้นลงไป มีอะไรก็คุยกับท่านพระอาจารย์มั่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ไป คุยไปคุยมาดึงเรื่องเข้ามาๆ ๆ ใกล้เข้ามายังเรื่องของเณรเพ็ง พอถึงนั้น เฉียดตรงนั้นแล้ว ท่านพระอาจาร์มั่นก็ขึ้นเลย

    ‘ไหน เณรเพ็งว่าไงท่านมหา’ ขึ้นเลย เข้าจุดแล้วที่นี่ หลวงตาจึงกราบเรียนท่าน ตอนนี้หลวงตาท่านเล่าว่า

    “เรากราบเรียนท่านอย่างมีเหตุมีผลนะ ท่านก็ฟัง พอสุดท้ายท่านยังไว้ลวดลายนะ เราขอเมตตาจากท่านเพราะมันลุกลี้ลุกลนมันรีบมันกลัวจะไม่ทัน มันก็เป็นบ้างอะไรๆ นี้ ขอเมตตาเอาไว้เสียก่อน

    ‘เออ คราวหลังเป็นอย่างนี้ไม่ได้นะ เพ็ง’ ท่านรู้เราแล้ว เพราะตั้งแต่บิณฑบาตเราไม่พูดอะไรเลย มหานี้มันจะอกแตกละวันนี้ กูจะไล่เณรเพ็งหนี คงว่างั้นนะ แต่กับเราท่านก็ไม่ว่าอะไรนะ เรื่องเณรเพ็งนี้ก็มีภาคทัณฑ์เอาไว้

    ‘เพ็ง! ทำอย่างนี้อีกไม่ได้นะ’ ท่านว่า

    นั่นท่านให้อภัยแล้ว แต่มีลวดลายเอาไว้นั้นอีก

    ‘เพ็ง! จะทำอย่างนี้อีกไม่ได้นะ เทวดามาขอก็ไม่ได้นะคราวหลัง’

    ท่านเพ็งจึงเป็นเนื้อบนเขียง ข้างบนก็เป็นท่านนั่นละสับลงไป เราเป็นเขียงรองเอาไว้ ท่านเพ็งเป็นลาบพอดี เป็นอย่างนั้นละ”

    (เครดิตจาก : เพจพระโพธิธรรม)

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง “ชาวบ้านที่ขับไล่หลวงปู่เปลี่ยน อดีตชาติเป็นลูกศิษย์พระเทวทัตกลับชาติมาเกิด จึงได้รับกรรม”

    (ปกิณกธรรม หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป)

    “ขณะอยู่วัดป่าสะลวง ก่อนออกพรรษาเล็กน้อย มีชาวบ้าน(บางคน)พยายามจะไล่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ให้ออกจากวัด เนื่องจากท่านเป็นพระฝ่ายธรรมยุติ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชาวบ้านเขตนั้นนิยมนับถือท่านมาก แต่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ไม่สนใจ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พอท่านเดินออกไปบิณฑบาตชาวบ้านผู้นั้นจะออกมายืนหันหลังเพื่อขวางทางเดิน ซึ่งกว้างพอที่จะเดินเรียงหนึ่งเท่านั้น เมื่อท่านจะเดินผ่านที่ตรงนั้น จึงต้องลงจากทางเดิน อ้อมไปในพงหญ้าซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง ท่านได้รับความลำบากมาก เมื่อเดินผ่านไปแล้ว ชาวบ้านผู้นี้จะเดินเข้าบ้านไป เว้นไป ๓ – ๔ วัน ก็ออกมายืนขวางทางอีก จนกระทั่งออกพรรษาได้เดือนหนึ่งจึงเลิกไป”

    ต่อมาไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง คือมีชาวบ้านอยู่ใกล้วัดคนหนึ่ง ถือประโยชน์ส่วนตัวเข้าไปตัดไม้จะเอาไปปลูกสร้างบ้าน
    เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อยู่ในเขตวัดข้างๆ
    กุฏิพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ท่านจึงทักท้วงเขาก็ไม่ฟัง กระทั่งผ่านไปถึงวันที่สาม ขณะกำลังโค่นไม้อยู่ ไม้ต้นที่โค่นหักล้มลงมาโดนอีกต้นหนึ่งซึ่งอยู่ริมห้วย ทำให้ต้นที่อยู่ริมห้วยล้มลงเกือบจะโดนกุฏิของพระอาจารย์เปลี่ยน ตกตอนเย็นท่านเห็นชายผู้นั้นต้องคลานกลับบ้านไม่สามารถเดินได้ ต้องใช้เวลารักษาตัว ๔ – ๕ วัน โดยไม่รู้สาเหตุ และต้องมาทำพิธีบวงสรวงที่วัดจึงเดินได้ตามปกติ

    หลังจากนั้นก็มีการขับไล่พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป อีก โดยเจ้าคณะได้ให้พระที่อยู่ในปกครองของตน ไปถามปัญหาพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป หากตอบไม่ได้ ท่านจะต้องออกไปจากวัดป่าสะลวงทันที พระที่ไปถามปัญหา ต้องขอร้องชาวบ้านให้ไปเป็นเพื่อนด้วย แต่ไปถึงแล้ว ไม่มีองค์ใดกล้าถามปัญหาที่เตรียมมา บางครั้งส่งพระที่เป็นมหา มาพบแต่ก็ถามปัญหาไม่ได้ อาจเป็นเพราะเกิดความประหม่า จึงลืมคำถามหมด พระองค์ที่ถูกใช้มา ถามปัญหาไม่ได้ก็ไม่กล้ากลับวัด ต้องไปนอนบ้านโยมแทน นานเข้าก็ต้องสึกออกไป การคิดขับไล่นี้ทำกันถึงสี่ครั้ง จนพระบางองค์ที่อยู่วัดในหมู่บ้านสะลวงนอกมีความเกรงกลัวเจ้าคณะจังหวัด เพราะทำตามคำสั่งไม่ได้ ลาสึกออกไปจนหมด เหลือแต่สามเณรเพียงสององค์

    ชาวบ้านจึงขอร้องให้พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ไปอยู่วัดในหมู่บ้านสะลวงนอก แต่ท่านปฏิเสธเนื่องจากท่านเป็นพระธุดงค์จะอยู่แต่ในวัดป่าเท่านั้น ต่อมาชาวบ้านมีศรัทธาปลูกกุฏิถวายท่านหนึ่งหลัง ซึ่งท่านได้นิมนต์พระทุกวัดในละแวกนั้นเท่าที่จะนิมนต์ได้มาช่วยกันฉลองกุฏิเพื่อสร้างศรัทธาให้กับชาวบ้านที่ร่วมมือร่วมใจกันสร้างกุฏิ

    ครั้นออกพรรษาแล้ว ชาวบ้านผู้หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้วัดในหมู่บ้านสะลวงนอก เกิดไม่พอใจพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป โดยถือเหตุที่ไม่ยอมไปจากวัดป่าสะลวง ทำให้พระต้องสึกไปเหลือแต่สามเณร ดังนั้นเวลาเห็นท่านเดินผ่านไปบิณฑบาต ชายคนนั้นก็เอามือจับเสาบ้านของตนพร้อมกับพูดซ้ำๆ “ใครจะใส่บาตรให้ธรรมยุติก็ใส่เถอะ ใส่บาตรธรรมยุติแล้วเหาะไม่ได้หรอก” พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้ยินแล้วจึงแผ่เมตตาอยู่ในใจ ให้ชายผู้นั้นมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป

    ชาวบ้านผู้นี้ยืนว่าท่านเพียงวันเดียว วันที่สองท่านเดินผ่านไม่เห็นเขาอีก วันที่สามมีพระมาตามท่านไปดูแลอาการป่วยของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ท่านจึงเก็บอัฐบริขาร และไปพยาบาลหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ๑ คืน วันรุ่งขึ้นประมาณบ่าย ๔ โมง มีคนมาบอกว่า ผู้ชายคนที่ด่าว่าพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้ถึงแก่กรรมแล้ว และชาวบ้านในแถบนั้นสงสัยว่าท่านปล่อยคุณไสยไปใส่เขาจึงตาย

    เมื่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป มีโอกาสไปหาหลวงปู่แหวน สุจิณโณ และหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ได้ถามถึงเหตุการณ์นี้ หลวงปู่ได้ให้เหตุผลทำนองเดียวกันว่า เขาเป็นลูกศิษย์เทวทัตมาเกิด จึงต้องรับกรรม

    [​IMG]

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่อง หลวงปู่มั่นพบพระพุทธเจ้าในพระนิพพาน

    (จากหนังสือ แสงส่องใจ วิสาขบูชา ๒๕๕๐)
    (โดย สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ที่ ๑๙)

    มีเรื่องเล่ากันนานปีมาแล้ว ว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ ท่านเคยเล่า ว่าคืนหนึ่งขณะท่านปฏิบัติอยู่ในป่า ใจร่ำร้องกราบพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา ขอประทานพระมหาเมตตาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสมปรารถนาได้พ้นทุกข์ และสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงพระเมตตาเสด็จลงให้ท่านพระอาจารย์
    ได้เฝ้าพระพุทธบาทรับประทานวิธีปฏิบัติธรรมไปสู่ความไกลกิเลสได้สิ้นเชิง ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่าสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงให้ท่านได้เฝ้าพระพุทธบาทได้เห็นพระพุทธองค์ดั่งได้เฝ้าพระองค์จริงขณะทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่ฉะนั้น ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์ท่านบอกหรือเปล่า ว่าท่านทีความปีติโสมนัสเพียงไรในบุญวาสนาของท่านที่ไม่น่าเป็นไปได้ในชีวิตผู้ใดแต่ได้เกิดแก่ชีวิตท่านพระอาจารย์ท่าน แล้วจริงโปรดประทานพระมหากรุณาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีเดินจงกรม วิธีปฏิบัติจิตใจ จนในที่สุดท่านพระอาจารย์ท่านก็ได้เป็นดั่งองค์ แทนศิษยานุศิษย์ผู้สามารถปฏิบัติธรรมดำเนินถึงความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ได้เป็นพระอาจารย์สายปฏิบัติธรรมองค์สำคัญที่สุดอยู่ในยุคนี้
    เป็นที่รู้กันอยู่ในบรรดาผู้ใส่ใจในการปฏิบัติธรรมทุกถ้วนหน้า เรื่องนี้ ที่ท่านพระอาจารย์ท่านได้เล่าไว้ ไม่เพียงทำให้ท่านได้เป็นอาจารย์ผู้สอนธัมมะสำคัญแก่ศิษยานุศิษย์มากหลาย แต่ทำให้ได้ความเข้าใจที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่าเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ในเมืองพระนิพพานแน่ ยังทรงได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ที่ควรแก่การได้รับพระพุทธเมตตา เช่นท่านอาจารย์มั่นท่านนั่นเอง ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านควรที่สุดแน่นอนแล้วที่จะได้รับพระมหากรุณา ผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายย่อมเห็นด้วยกับความจริงนี้แน่นอน

    -หลวงปู่มั่นพบพระ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...