แบ่งปัน ให้บูชาเครื่องมงคลของพ่ออาจารย์พลครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ธัญญ์นิธิ, 26 พฤษภาคม 2017.

  1. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ได้รับพัสดุเรียบร้อยแล้วครับ
    ขอบคุณครับ
     
  2. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    จอง2รายการนี้ครับ
     
  3. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    รับทราบครับ ขอบคุณมากครับ
     
  4. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ผมโอนเงินให้เรียบร้อยแล้วครับ
    รายละเอียดตามpmครับ
     
  5. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    รับทราบครับ ขอบคุณมากครับ
    จัดส่งแล้วจะแจ้งเลข ems ให้นะครับ
     
  6. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ได้รับพัสดุเรียบร้อยครับ
    ขอบคุณครับ
     
  7. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    แจ้งหมายเลข EMS ครับ
    EF128709897TH
     
  8. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ได้รับพัสดุเรียบร้อยแล้วครับ
    ขอบคุณครับ
     
  9. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    เทพพยนต์ปฐมโลกีย์จ้าวมหาภูติพระแผลงนามบัญญัติอัตตา,กุศล,สำเร็จ(มามืดไปสว่าง)

    ให้บูชา 4100 บาท

    ปิดรายการครับทาง pm

    IMG_20190818_011001.jpg IMG_20190818_011034.jpg
    อ้างอิงจาก
    https://palungjit.org/threads/ร่วมทำบุญบูชา-ตะกรุดชำระวิบากดำ-ตัดแรงและบรรเทา-บรมพรหมสำเร็จวิชา-พ่ออาจารย์พล.548127/page-26#post-10985958

    "หุ่นเทพพยนต์นี้ พ่ออาจารย์ท่านจำลองปางของมหาเทพเมื่อครั้งปราบตรีปุราสูรมาสร้าง" ตรีปุราสูรคืออสูรสามตนได้แก่วิทยุนมาลี,ตารกักษะ,วีรยาวณะ เป็นบุตรของตารกาสูรที่ถูกพระขันธกุมารสังหารไป ตรีปุราสูรนี้นับว่าเป็นจ้าวอสูรที่สำคัญมากเพราะเทพทั้งหลายฆ่าไม่ตายด้วยเธอขอพรพระพรหมนานถึง3,000ปี โดยได้ปราสาทสามหลังอันปราสาททองนั้นตั้งอยู่บนสวรรค์,ปราสาทเงินตั้งอยู่ในอากาศ,ปราสาทโลหะตั้งอยู่ในโลกมนุษย์ ปราสาททั้งสามนี้จึงเรียกรวมกันว่าตรีปุระหรือเมืองสามเมือง(โดยทุกๆหนึ่งพันปีเมืองทั้งสามนี้ถึงจะโคจรเรียงกันเป็นเส้นตรง) ผู้ที่จะสังหารตรีปุราสูรได้จะต้องสามารถฆ่าอสูรทั้งสามพร้อมทำลายเมืองทั้งสามได้ในเวลาเดียวกัน กล่าวคือต้องทำลายให้ครบเพียงการโจมตีครั้งเดียวเท่านั้น ด้วยพรของพระพรหมนี้จึงเกิดเมืองลอยฟ้าทั้งสามรวมไปถึงทิพย์ยานมากมาย ส่วนจ้าวอสูรทั้งสามก็มีฤทธิ์มากนักเที่ยวไล่จับเทวดาสำคัญๆมาควบคุมเป็นเชลยใส่ในคุกไว้ทั้งหมด ตั้งแต่พระคเณศ,เทวฤาษีนารท,พระอินทร์,พระยม,พระวรุณ,พระพาย,พระกาฬ,ท้าวกุเวร,พระอาทิตย์,พระจันทร์....(โดนกันหมดสวรรค์นั่นเลย) จนพระศิวะเจ้าได้สั่งให้พระวิศวกรรมสร้างรถม้าจากทองคำให้พระพรหมาเป็นสารถีและสร้างมหาธนูกับลูกศรให้พระศิวะ พระศิวะและเหล่าเทพจึงบุกไปที่เมืองตรีปุระในช่วงเวลาที่ทั้งสามเมืองเรียงตรงกัน พระองค์จึงยิงธนูใส่เมืองทั้งสามเพื่อทำลายที่คุมขังเหล่าเทพและยังสังหารตรีปุราสูรและวงศ์อสูรทั้งหมดรวมถึงทำลายเมืองลอยฟ้าทั้งสามอันเป็นปราการที่ไม่มีวันตีแตกไปพร้อมๆกันด้วยธนูดอกเดียวดั่งคำพรของพระพรหม พ่ออาจารย์ท่านถือคติว่าเทพพยนต์นี้มีอำนาจยิ่งใหญ่เพียงยิงศรครั้งเดียวก็ทำลายเหตุแห่งความเสื่อม ความทุกข์ร้อน ต้นตอแห่งอสัตย์ธรรมได้ครบทั้งสามโลกในเวลาเดียวกัน ทำลายไปทั้งหมดทั้งจ้าวอสูร,บริวาร,ไพร่พล,ปราสาทราชวังไม่มีเหลือเถ้าธุลี ซ้ำยังได้คืนอิสระให้กับเหล่าเทพเจ้าทั้งหลาย เช่นนั้นท่านจึงจำลองปางพระแผลงของมหาเทพอันเป็นมหามงคลของการทำลายล้างเพื่อปลดแอกสถานการณ์กดดันอันกักขังเหนี่ยวรั้งแลคืนอิสระแก่สรรพชีวิตมาสร้างเทพพยนต์ชั้นครูของท่าน

    ด้วยสายธารแห่งกาลเวลาเป็นสิ่งคําจุนโลกใบนี้เอาไว้ มันมิได้อยู่ไกลออกไปจนสุดขอบฟ้าแต่กลับอยู่ใกล้ตัวของทุกคน ทุกๆการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งทุกอย่างต่างผลักดันกาลเวลาให้เดินหน้าต่อไป กาลเวลาจึงเหมือนกับสายน้ำที่ไหลไปข้างหน้าเป็นดั่งเครื่องคุมขังเหนี่ยวรั้งเราไว้ในวังวนของอัตตาแลวัฏจักร สายธารแห่งกาลเวลามิอาจมองเห็นและไม่มีสีสันแต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนจ่อมจมอยู่ในกระแสธารอันเชี่ยวกรากนี้ แท้จริงแล้วโลกใบนี้เปรียบเสมือนกระดานหมากรุกขนาดใหญ่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนเป็นเพียงตัวหมากซึ่งเคลือนที่ไปตามกฏเกณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นกฎแห่งฤดูกาล,กฎแห่งกาลเวลาทุกคนต่างก้าวเดินไปตามกฏทั้งสิ้น ไม่ว่าพวกเขากําลังมีชีวิตอยู่,ไม่ว่าพวกเขาจะตกตายลง พวกเขาย่อมแหวกว่ายอยู่ในห้วงกระแสธารแห่งกาลเวลาสายนี้นั่นเอง เพราะนั่นคือกฏ ด้วยความมืดก็มีกฎของความมืด แสงสว่างก็มีกฎของแสงสว่าง เช่นนั้น อันชนทั้งหลายนั้นยังเกี่ยวข้องกับโลก,ยังแสวงหาเพื่อเรื่องทางโลก,และยังอยู่ในกฏอันเป็นธรรมดาโลก ภาวะความเป็นไปที่ยังวนเวียนอยู่ในภพสามคือ กามภพ,รูปภพ,อรูปภพนี้ ก็เปรียบเสมือนปราสาทกลางหาวทั้งสามของตรีปุราสูรที่ไม่มีวันตีแตกและจองจำกักขังได้แม้กระทั่งเทพเจ้า ด้วยทุกชีวิตยังเกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องกาม ตัณหา ทิฏฐิ อวิชชา พูดให้ง่ายคือยังมีเรื่องเกี่ยวกับกามารมณ์ทั้งรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เหล่านั้น คนที่ยังมีกิเลสอยู่ก็จะปรุงแต่งกันไปต่างๆนานา เพราะมันเป็นความขวนขวายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นอย่างหนึ่ง ทั้งอยากเป็นอย่างคนอื่นโดยไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อเป็นแล้วมันเป็นสุขหรือทุกข์ แต่อารมณ์ที่อยากได้อย่างเขาอยากมีอย่างเขาก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับชนทั้งหลาย

    เมื่อจะก้าวเดินต่อไปให้ถึงทางโลกุตระ เพื่อความพ้นโลก,เหนือโลก พ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนี้พื้นฐานชีวิตก็ควรจะบริบูรณ์และถึงพร้อมเสียก่อน ม้จะอยู่กับมันแต่ก็อย่าไปยึดติดมันเพราะสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งที่จะย่อยยับไป เช่นนั้นศาสตร์การสร้างจ้าวมหาภูติอันเป็นร่างปรากฏ,เป็นที่ตั้งอยู่แห่งบุญบาปและผลแห่งบุญบาปนั้น ท่านจึงนำมาใช้ด้วยเห็นเหตุสำคัญว่ามนุษย์ทั้งหลายยังเกี่ยวข้องกับโลก,ยังตั้งอยู่ในโลก,ยังเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก ทั้งนี้เมื่อชีวิตยังดำรงค์อยู่ในภาวะที่ผูกอินทรีย์ไว้ จิตของเราการกระทำของเราจึงมีขอบเขต มีความสามารถ เช่น ตัวเราอยู่ในวิสัยที่จะทำเรื่องต่างๆได้หรือเป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะทำได้เพราะตัวเราอยู่ในกฏหรือกระแสธารแห่งกาลเวลาอันเชี่ยวกรากที่คุมขังไว้ เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงได้สร้างจ้าวมหาภูติอันจะอธิษฐานขอกำลังแห่งครูพระศิวะเจ้าเพื่อทำลายเครื่องพันธนาการชีวิตเหล่านั้น ท่านว่าแม้ชีวิตเราเปรียบดั่งใบบัวอันไม่เคยปฏิเสธน้ำฉันใด แต่ต่อไปนี้น้ำก็ไม่อาจชำแรกติดอยู่ในใบบัวได้ฉันนั้นดุจดั่งบัณฑิตไม่จำเป็นต้องดัดจริตปฏิเสธโลกียวิสัยหากแต่ควรฝึกใจอย่าให้ติดมัน

    เมื่อครูพระสยม(พระศิวะ)ท่านรับจะช่วยทำเทพพยนต์ชุดนี้ ท่านจึงให้คติว่าเป็นของชุดพิเศษที่ทำให้คน มืดมา สว่างไป(ตโม โชติปรายโน)เอาไปใช้ ด้วยเหตุว่าถ้าเปลี่ยนชีวิตคนให้มืดมาสว่างไปได้อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก เพื่อให้ชนทั้งหลายที่ได้ใช้จ้าวมหาภูติมีหนทางสว่างไปในภายหน้า ไม่อับจนเกิดเป็นคนมืดมน ไม่เกิดมาเสียเปล่าเพราะไม่รู้เดียงสาอะไรเลย เหมือนกับมดกับปลวกมืดตื้อไปหมด,พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว,เรื่องศีลเรื่องธรรมกล่าวไปก็ไม่นำพา ด้วยเข้าใจว่าตัวเองโง่เง่าเต่าตุ่นไม่มีสติปัญญาแล้วก็เลยไม่ทำความดีต่อไป เห็นว่าหมดวิสัยของตัวแล้วจึงซ้ำเติมตัวเองให้โง่ให้ทึบให้ตื้อเข้าไปอีกเรียกว่ามืดมาแต่ต้นแล้วก็มืดต่อไปอีก พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเราเกิดมาทุกคนต้องมืดมนด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่สว่างมาแต่เบื้องต้น ใครเกิดมาจะรู้จักดี ชั่ว ฉลาดเฉลียวมาแต่เบื้องต้นนั้นไม่มีหรอก ถึงชาติก่อนจะสร้างวาสนามาดีแล้วก็ตาม กลับมาเกิดใหม่ก็ต้องมาเริ่มหัดเอาใหม่ แต่นิสัยเป็นเหตุให้วาสนาที่ติดตัวนั้นถึงพร้อมได้ดีมากกว่าคนอื่นที่ไม่ได้ทำมา เช่นนั้นท่านจึงขอให้ครูพระสยมมีโองการมนต์พยนต์ชุดนี้เพื่อเปลี่ยนนิสัยอันติดตัวมารวมถึงชะตาวาสนาที่มืดทึบ แม้จะติดอยู่ในความมืดบอดทั้งหลายต่อไปนี้มีคติเดียวนั่นคือต้องมืดมาสว่างไปเท่านั้น ด้วยเป็นเทพพยนต์เมื่อเราบูชาแล้วชนทั้งหลายจะให้ความยำเกรงเป็นอย่างมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าจ้าวมหาภูติรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ท่านใช้เองจนเห็นประสบการณ์มากมาย เอาเป็นว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่านนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องอัศจรรย์ทั้งสิ้น ยากที่จะหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์อธิบายได้ทุกอย่าง แม้แต่กระทั่งขอโชคลาภ,ขอความเจริญรุ่งเรืองจากท่านก็มีให้เห็นมาไม่ใช่น้อยกลายเป็นเรื่องเด็กๆไปเลย แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการจะบูชาท่าน ก็คือต้องมี “สัจจะ” พูดจริง ทำจริง จะมาทำเป็นตลกบิดเบือนไม่ได้ พูดแล้วต้องปฏิบัติตามคำพูดที่พูดออกไปให้ได้ ถ้าสามารถรักษาสัจจะได้ท่านก็จะคุ้มครองรักษาเรา แต่หากเป็นคนโลเล พูดจาตลบแตลง พูดวันนี้อย่าง พรุ่งนี้อย่าง หาสาระแก่นสารไม่ได้ท่านว่าอย่าใช้(ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นหรือแค่เราปากพล่อยพูดไปเรื่อยก็อย่าไปอธิษฐาน)

    ในมวลสารของจ้าวมหาภูตินั้นท่านใช้ผงมหาภูติของเศรษฐีในอดีตถึงสิบหกคนตามตำรับโสฬสเศรษฐีมหาศาลมาทำ รุ่นนี้ท่านว่าเป็นผงสำคัญที่ท่านรับมาจากครูที่สอนท่านซึ่งได้รวบรวมและส่งต่อกันมาหลายชั่วคนในบรรดาครูที่รับสืบวิชา ท่านว่านี่ไม่ใช่ผงผีผงกระดูกนะ หากแต่เป็นผงลบวิชาโสฬสเศรษฐีมหาศาลซึ่งครูท่านจะเลือกเศรษฐีที่เป็นศิษย์อุปถัมภ์ และต้องมีวาสนาดีและมีลักษณะเป็นมงคลจริงๆ(ด้วยเศรษฐีนั้นมีอยู่เกลื่อนทุกยุคไปแต่จะหาคนที่มีบารมีมาก มีของเก่าเยอะ มีวาสนาทำมาดี มีลักษณะดี เช่นนี้ย่อมหายากยิ่งกว่าสรรหาช่างเผือกในป่าดง)ไปขอให้เขาหยดเลือดใส่ผงนี้บอกเขาว่าจะขอเอาวาสนาเขาไปช่วยคนในชั้นหลังบ้างจะทำวิชาเก็บไว้ซึ่งเขาต้องมอบให้ด้วยความเต็มใจเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นเคล็ดการเอาสัญญา,เอานิสัย,เอาวาสนา,เอาบุญบารมีของเศรษฐีมหาศาลผ่านทางสายโลหิตที่ข้นกว่าน้ำใดๆมาผูกวิชาไว้เป็นการทำอาถรรพ์ให้คนใช้รวยไปอีกสิบหกชาติ ที่ไม่รวยก็ต้องรวย ทั้งผงนี้ยังได้อัญเชิญปู่โสมเฝ้าทรัพย์-ปู่โสมเรียกทรัพย์มาทำวิชาด้วย ท่านว่าระหว่างกดพิมพ์ก็ต้องลงอาถรรพ์วิชาเทพพยนต์ที่เป็นวิชาอันพระอินทร์ท่านผูกไว้กำกับไปพร้อมกัน ดังนั้นพยนต์นี้นอกจากจะดีทางวิชาอาถรรพ์ของครูพระสยมแล้วยังดีทางรับทรัพย์-เรียกทรัพย์อีกด้วย ไม่ว่าจะเพิ่มทรัพย์สินในบ้าน,ธุรกิจการงาน,ขอให้ทำมาค้าขึ้น,ค้าขายคล่อง,เรียกทรัพย์,เรียกโชคลาภ,ติดต่อธุรกิจต่างๆ... ท่านว่าไม่พูดเยอะ เอาว่าใช้ไปเถิดขอให้เป็นงาน ทำอะไรอยู่ล่ะ ไอ้ที่ทำๆมันจะคล่องตัวมากขึ้น ไม่ฝืด ไม่เคือง ไม่ชะงักงัน ไม่หยุดอยู่กับที่ทั้งนั้น

    พยนต์ชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านได้นำผงยาสำคัญและตะกรุดชุดฝังไปด้วย นั่นคือ
    - ผงยาเทพนิมิตอภิรมย์ ใส่ขวดเฉพาะทำการฝังให้ทุกองค์ด้วย ซึ่งผงยานี้ท่านว่าให้พกอธิษฐานไว้เพราะมันมีฤทธิ์รุนแรงเป็นที่สุด ใช้ได้สารพัดประโยชน์เพียงแค่พกก็เป็นมงคลขับชะตาราศีให้ขึ้นสูงสุดดั่งมีพรหมมาลิขิตจับยกวาสนาให้เรา ดั่งมีเทพมานิมิตให้กิจทั้งหลายของเราสมปรารถนา ทั้งหมายปองต้องจิตผู้ใดท่านว่าต่อให้คนนั้นมีคนรักอยู่แล้วเขาก็ต้องแตกหักกับคนที่รักอยู่(อันนี้ท่านไม่แนะนำให้ทำจึงให้เพียงพกก็พอ) ท่านว่าแค่พกก็ดีแล้ว..ดีมากๆแล้วดุจพกยาแฝด,ยาเสน่ห์,ยาดักวาสนานั่นเลย ทั้งยังเป็นเสน่ห์กับคนที่ใช้ของเสน่ห์ไม่ขึ้น เป็นเหตุแห่งความเจริญในชีวิตเรา ในสถานที่ซึ่งเราอยู่ พกติดตัวไว้กลับดวงร้ายให้กลายเป็นดีแก้โรคทางประสาทจิตหลอนนึกคิดเพ้อฝันไปเอง ท่านว่าผงยานี้พกไว้กับตัวมีอานุภาพมากเพราะคุณครูวิชาท่านแทรกซึมพลังงานผ่านตัวเราลงไปอย่างลึกซึ้ง ท่านปรารถนาจะให้คนใช้มีแต่คนรักมากๆยิ่งไม่มีคนเกลียดนั่นยิ่งดี ทั้งยังอาศัยอำนาจครูยาขับชะตาราศีหนุนดวง,พลิกดวง,กลับดวงไปพร้อมๆกันด้วย ดั่งคำที่องค์ปฐมท่านว่าไว้ว่าผงยานี้ตั้งแต่โบราณนั้นใครพบยานี้ไม่ได้ใช้บูชาเหมือนคนสิ้นวาสนา ส่วนใครที่ได้ใช้อาราธนาผู้นั้นดุจดังได้พระโสดาแล(ท่านว่ามีค่ามากปานนั้น) ในส่วนการเข้ายาและเครื่องยานั้นท่านจะไม่บอกกล่าว ท่านว่าของแต่ละอย่างต้องหากันทั้งชีวิตทั้งสิ้น เราทำให้ดีแล้วถ้าเขาไม่เอาก็เรื่องของเขา แต่ยานี้มีดีอยู่ข้อหนึ่งนั่นคือมันเป็นโฉลกมงคลกับผู้พกพา หากใครได้พกแล้วมันจะดึงโชคเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ดั่งคำว่าวันนี้โชคดีพรุ่งนี้ก็ยังโชคดี ด้วยไม่ใช่ยาของมนุษย์หากแต่เป็นของเทวดาใช้ แก้ได้หมดทั้งมนต์ดำ คุณไสย์ ของดำ ของเขมร แขก ลาว พม่า มอญ ไทใหญ่...ขับอาถรรพ์ร้ายในชีวิตได้ทั้งสิ้น
    - ตะกรุดปฐมโลกีย์มหาสำเร็จ อันมีคุณดึงคนให้นิยมเราทั่วโลก ทั้งผลักดันให้มีบารมี,มียศศักดิ์สูงเที่ยมฟ้า ต่อให้ผู้มีอำนาจวาสนาก็มายอมลงให้แก่เรา ให้มีคนอุปถัมภ์ทั้งกลางวันกลางคืนอุปมาว่าช่วยเหลือแม้กระทั่งยามหลับหรือยามตื่น หมายตาทำกิจใดย่อมสุขสมหวัง ต้องรวยเงินทอง,รวยคนรัก,รวยคนอุปถัม ท่านลงเป็นตะกรุดชุดค้ำไว้ ท่านลงตะกรุดปฐมโลกีย์มหาสำเร็จไว้เป็นดอกกลาง ท่านว่านี้ดั่งตัวเราจะเอียงซ้ายเอียงขวาก็ไม่ได้ จะล้มบนล้มล้างก็ไม่ได้ เพราะนี้ฉันลงไม้เท้ามหาเถรค้ำไว้หมดแล้วทุกทางเลยมันจะไปล้มไปเอียงได้อีกท่าไหนก็ลองดูต่อไปเรื่องทางโลกโลกีย์ทั้งหลายมีคติอย่างเดียวคือต้องสำเร็จเท่านั้น ทั้งยังทำมหาจักรวัชรนาทอีกดอกหนึ่งหนุนฐานเอาไว้ดุจว่าตัวเธอนี้ได้เหยียบอยู่บนอาวุธทำลายล้างที่จะผันให้เดินก้าวหน้าไร้อุปสรรคไปได้ตลอดรอดฝั่ง,ทั้งหนุน,ทั้งพยุงไว้ให้ฐานมั่นคงราบเรียบไม่มีสะดุด,ไม่ทรุดตัว จักรนี้ถ้าใช้เป็นท่านว่าอันตรายวิชานี้ฆ่าและทำลายคนได้ง่ายๆเลย แต่ท่านลงไว้ให้มีผลเฉพาะกับศัตรูเราเท่านั้น

    ท่านลงธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ก่อบังเกิดปลุกเสกด้วย ขันธ์ห้า อาการสามสิบสอง แล้วตรึงวิชาคาถาเอาไว้กันคัดกันถอน ท่านว่าให้เอาไปใช้ในทางที่ดีอย่าไปทำร้ายใคร บางคนใช้ไปในทางไม่ดีทำหุ่นสาปแช่งให้ศัตรูเจ็บป่วย ฉิบหาย อันนี้ไม่ดีไม่แนะนำ แต่บางคนรั้นก็เอาไปสาปแช่งคนอื่นนี่ไม่ดี เอาเป็นว่าหุ่นนี้ฉันทำให้เป็นหุ่นอธิษฐานตามความประสงค์ของเราจะให้เป็นไปต่างๆนานาตามประสงค์ อยากจะใช้อย่างไรก็ให้เป็นไปตามบัญชานั้น ท่านนำไปปลุกเสกริมน้ำตรงบริเวณที่แม่น้ำไหลทวนกระแสคือมีกระแสน้ำตีกลับปรับทิศทางเป็นวังวน ท่านว่าต้องเพียรหาสถานที่เช่นนี้ถึงสามสิบสองแห่งเท่าอาการหุ่นทำพิธีอธิษฐานไปเรื่อยๆ ท่านถือเป็นเคล็ดที่ว่าน้ำตีกลับน้ำวนกลับคือให้กลับร้ายกลายเป็นดี ใครทำไม่ดีจะสะท้อนย้อนกลับไปหาคนทำ ทั้งหุ่นเทพพยนต์จะรับเคราะห์แทนเมื่อเราดวงตก,โชคไม่ดี,ใครที่คิดไม่ดีคิดทำร้ายจะสะท้อนกลับตีกลับไปหาคนนั้น เขาจะคอยช่วยเหลือเราไม่มีพิษภัยใดกับเราเมื่อนำติดตัวไว้ก็จะเสริมดวง เสริมบารมีให้กับเรา ทำได้ทั้งปกป้องคุ้มครองขับไล่สิ่งอัปมงคลสิ่งชั่วร้าย,ภูตผี,คุณไสย,คุณผี,คุณคน,ลมเพลมพัดและสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ทั้งยังหาเงินเก่งสามารถบอกโชค บอกลาภ แก่ผู้เป็นเจ้าของได้อีกด้วยเขาจะมาปรากฏตัวในความฝันเป็นคนแก่บ้าง,หนุ่มบ้างหรือเด็กบ้าง บอกโชคบอกลาภให้เห็นช่วยให้มีทรัพย์สินลาภผลเงินทองโชคลาภ พ่ออาจารย์ท่านว่าลงไว้ทั้งหมดทั้งกันไฟ,กันฟ้า,กันลม,กันภัยทางน้ำ,กันโจร ท่านลงวิชาพัดโบกลงไปด้วย นอกจากนั้นยังเป็นเงาเป็นตัวตายตัวแทน,เป็นตัวรับเคราะห์แทนดั่งวิชาพยนต์โบราณที่ใครบูชาไว้ก็เสมือนมีเงาคอยตามตัว เพื่อปกป้องคุ้มครองภัยต่างๆ คอยรับเคราะห์รับผลแทนเราทั้งสิ้น เวลาที่ต้องแข่งขันกับผู้อื่นไม่ว่าทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อมท่านว่าพกไปเถิดควรมีไว้เป็นอย่างยิ่งจะชนะเหนือคู่แข่งขันทั้งหลาย

    ท่านว่าเสกจนล้นไม่รู้จะล้นอย่างไรแล้วเอาไปใช้เถิดถึงเวลาใช้เดียวรู้เอง ถึงเวลามีภัยไม่ต้องกลัว กันได้หมดทั้งรังสีโรคระบาด เรียกเงิน,เรียกงาน,เรียกทรัพย์,ช่วยเหลือคน ท่านว่ามีมาก บอกไปยาวๆก็ไม่หมด เอาว่าดีกว่าที่เธอคิดกันเยอะก็แล้วกันเพราะท่านกำกับเทพพยนต์ไว้ให้ช่วยชีวิตคนใช้ให้ราบรื่น ไปอยู่กับเขาต้องทำให้เขารวยล้นเหลือเท่านั้น ท่านลงให้ครบทั้งมหาบุญฤทธิ์ มหาอิทธิฤทธิ์จะทำอะไรก็ให้บอกกล่าวกับพ่อหุ่นท่านเมื่อเรื่องสำเร็จแล้วก็จงให้จงทำอย่างที่พูดไว้(ในกรณีบนท่าน) ไม่ว่าจะหาความรักหรือหาทรัพย์สินใดๆเมื่อได้สมหวังแล้วก็จงดูแลเลี้ยงดูหรือรักษาทรัพย์นั้นเอาไว้ให้ดี ให้จำไว้ตลอดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เราหามาคนเดียว แต่เป็นสิ่งที่เรากับจ้าวมหาภูติท่านช่วยกันหามา***ถ้าคิดได้อย่างนี้ไม่หลงไปตามกระแสโลกพ่ออาจารย์ท่านว่ามันมีแต่เจริญ พ่ออาจารย์ท่านว่าทำไว้ให้ครบทุกอย่างแล้วอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในแผ่นดิน ทั้งปัเคราะห์,ปัดศัตรูลงไว้ครบถ้วน

    ด้วยเป็นหุ่นพยนต์แรงครูหรือเทพพยนต์ที่ไม่มีผงผี ผงพรายแม้แต่น้อน ท่านใช้กำลังและขอบารมีพระพุทธเจ้า,พระปัจเจกพุทธเจ้า,พระอรหันต์มาเป็นต้นธาตุต้นธรรมจนมั่นใจในดวงศีลดวงธรรมอันเป็นฐานกำลังของเทพพยนต์โดยเฉพาะ ทั้งอัญเชิญครูพระสยมมาแบ่งกำลังประสิทธิ์ทำวิชาให้เหมือนครั้งสังหารตรีปุราสูร ผูกลงวิชาเหมือนปู่พระอินทร์ท่านผูกหุ่นพยนต์องค์ต้น เช่นนั้นผู้บูชาจึงมีกำลังเทวดาเข้าพิทักษ์รักษาตามกำลังวันไม่มีเสื่อมมีคลาย เอาไปอธิษฐานให้ดีใช้ไม่มีข้อห้าม พกได้เลยตลอดเวลา
    ***นอกจากนี้เสด็จพระใหญ่ยังให้พ่ออาจารย์ท่านมนต์พระคาถาหัวใจพระพระจูฬปันถกอีกห้าแสนจบ ท่านว่าหากผู้ใดรู้เคล็ดวิชานี้อัญเชิญหัวใจพระจูฬปันถกมาสถิตอยู่ในตัวหุ่น เมื่อเราอธิษฐานอะไรกับหุ่นเทพพยนต์นี้ เมื่อเราใช้เขาทำงานสิ่งใดก็ดี จะให้รักษาบ้าน ร้าน อาคาร ป้องกันโจร ขโมย หรือแสวงหาทรัพย์ ถ้ามีคนร้ายมันจะเห็นหุ่นเป็นตัวเราหลากหลายนับประมาณมิได้ไม่กล้าเข้าไปใกล้เลย เวลาที่เราขออะไรกับพ่อหุ่นจากเดิมที่หุ่นเราเหมือนมีคนๆเดียวคอยช่วยเหลือก็จะกลายเป็นมีร้อยคน หมื่นแรง แสนกำลังเข้ามาช่วยเรา มาทำงานต่างๆให้เราพร้อมกันดุจพระเถระเจ้าท่านจำแลงกายเช่นนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นเคล็ดเสกปิดท้ายที่เสด็จพระใหญ่ท่านว่าจำเป็นต้องทำ เพราะหุ่นเทพพยนต์นี้จะมีกำลังมากทวิทวีเก่งกว่าเดิมอีกนับแสนๆเท่าจากเดิมที่ว่าเก่งแล้ว..พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ต้องเสียเวลาพูด เขาจะมีร่างแบ่งไปอีกนับหมื่นนับแสนร่างเช่นนั้น

    หุ่นเทพพยนต์จ้าวมหาภูตินั้นไม่ต้องเลี้ยงต้องเซ่นเพราะเป็นพยนต์เทพ เน้นแต่การบอกกล่าวหากเกิดเหตุการณ์อะไรไม่ดีก็บอกให้ท่านจัดการไปได้เลย(แต่มีข้อห้ามอยู่อย่างหนึ่ง ในส่วนของปลายธนูที่เล็งไปนั้นไม่จำเป็นอย่าไปอธิษฐานเล็งใส่ใคร หรือไปเล็งให้ใครเขาฉิบหายเลยเพราะนั่นคือทั้งชีวิตเขา หากเราห้อยหรือพกบูชาก็ไม่มีอะไร แต่หากเราตั้งใจเล็งพร้อมอธิษฐานสาปแช่งเช่นนั้นท่านว่ามันมีอาถรรพ์อยู่มากที่ปลายธนูนี้ ถ้าเลือดตาไม่กระเด็นหรือไม่โดนใครทำร้ายมาอย่างถึงที่สุดจริงๆอย่าไปทำเขาเลย)

    คาถาบูชา
    จิเจรุนิจิตตัง เอหิจตุระภูตา เอหิสะมาคะมา จิตของพระแผลงจ้าวมหาภูติจงมาทำตามบัญชา มานิมามา .....(อธิษฐานบัญชาได้ทุกสิ่ง)

    *** จ้าวมหาภูตินี้พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ต้องไปพูดเยอะ เฉพาะค่าเสกค่าพิธีที่ทำให้ไปแค่นั้นเขาก็คุ้มแล้วเพราะเราตั้งใจทำไว้ใช้งานเองด้วยจริงๆ ท่านสร้างไว้ทั้งหมดหกองค์ มีให้บูชาเพียงห้าองค์เท่านั้น รับจองเฉพาะทาง PM ผู้สั่งจองให้แจ้งชื่อนามสุกลไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะทำการประสิทธิ์ให้ต่อไป ท่านว่ารายการนี้ใช้ตกทอดกันในวงศ์สกุลได้หรือหากจะเปลี่ยนมือก็บอกกล่าวท่านเอา รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กไร้โอกาสสืบต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2019
  10. จารุวณณร

    จารุวณณร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +1,207
    จองค่ะ
     
  11. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    รับทราบการจอง ขอบคุณมากครับ
     
  12. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,290
    ได้รับพัสดุเรียบร้อยแล้วครับ
    ขอบคุณครับ
     
  13. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ขอบคุณครับ ที่แจ้งให้ทราบ
     
  14. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    สวัสดีครับ

    วันนี้จะลงรายการเพิ่มนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    กิเลนนภาห้าธาตุหมื่นกาลผันชีวิต(วาสนาเจิดจรัส)
    (มี 2 องค์ เลือกได้ครับ)
    ให้บูชาองค์ละ 3000 บาท

    ปิดรายการแล้วครับทั้ง 2 องค์

    องค์ที่ 1
    IMG_20190830_203311.jpg IMG_20190830_203334.jpg

    องค์ที่ 2
    IMG_20190830_203357.jpg IMG_20190830_203421.jpg
    อ้างอิงจาก
    https://palungjit.org/threads/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A5.548127/page-23#post-10905658


    "ออกเงียบๆ อย่าให้คนรู้กันเยอะนัก เดี๋ยวพวกหิวอำนาจวาสนาจะมาเอากันไปเสียหมด"

    หากกล่าวถึงกิเลนนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นสัตว์สวรรค์ที่มีตัวตนอยู่จริงเพราะท่านเคยเห็นมันมาก่อนและท่านก็รู้ว่าหากใครมีวาสนาดีพอจะได้เห็นกิเลนแล้ว ชีวิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่นนั้นท่านจึงขออนุญาติพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเพื่อจะทำกิเลนอันเป็นพาหนะทรงของท่านให้คนใช้เสียครั้งหนึ่ง

    ด้วยเชื่อว่ากิเลนนั้นมีลักษณะของสัตว์มงคลห้าชนิดรวมกัน คือ หัวมังกร เขายูนิคอร์น ตัวเป็นกวาง มีเกล็ดเหมือนปลา หางวัว และยังเกิดจากธาตุทั้งห้า คือ ดิน, น้ำ, ไฟ, ไม้ และทอง ผสมกันจึงเป็นสัตว์สวรรค์ชนิดเดียวที่มีความสมดุลย์ของเบญจธาตุซ้ำยังมีอายุอยู่ได้ถึงหลายพันปีและถือว่าเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี เมื่อจะปรากฏให้เห็นครั้งใดก็จะเกิดผู้มีบุญมาปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขเมื่อนั้น ดั่งในยุคของฝูซีเป็นผู้ปกครองโลกกิเลนได้ปรากฏตัวขึ้นที่แม่น้ำฮวงโห หลังกิเลนมีลายอักขระจารึกซึ่งต่อมาได้พัฒนากลายมาเป็นตัวอักษร กิเลนจึงถือเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยกิเลนเป็นสัญลักษณ์ของวาสนาและความมั่นคง ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านว่ายังใช้ป้องกันสิ่งอัปมงคลได้ เรียกได้ว่ากิเลนเมื่อปรากฏขึ้นที่ไหนหมายถึงกำลังจะมีเรื่องมงคลเกิดขึ้น หรือผู้ใดได้เห็นกิเลนบุคคลผู้นั้นก็จะมีแต่โชคดีไม่มีเรื่องร้าย ซ้ำพลังงานของกิเลนยังจะช่วยกรองและขจัดสิ่งอัปมงคลต่างๆให้พ้นตัวไปแลจะนำเอาความโชคดี ข่าวดีมาให้ด้วยเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี

    ด้วยคุณลักษณะดังกล่าว ทั้งยังมีนิสัยเชื่องและเป็นมิตรกับมนุษย์ แม้จะมีฤทธิ์มีอำนาจแต่ก็ไม่เคยทำร้ายคน ไม่ทำลายต้นไม้ใบหญ้าจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสัตว์ที่มีคุณธรรม พ่ออาจารย์ท่านว่ากิเลนนั้นเป็นสัตว์ห้าธาตุที่เหนือกว่าเทพพิทักษ์ประจำธาตุทั่วๆไปจึงมีขนห้าสีปรากฏอยู่กลางหลัง ซ้ำยังมีกำลังนำธาตุทั้งห้ามาเล่นฤทธิ์ได้เช่นพ่นน้ำ พ่นไฟ ทำเสียงคำรามเหมือนฟ้าดินแปรปรวน มีเขาเป็นอาวุธวิเศษ คนจีนโบราณเรียกกิเลนว่าเหรินโซ่ว ด้วยเพราะกิเลนมีนิสัยประหลาดไม่เคยทำร้ายใครถึงขนาดที่ว่าจะไม่เดินเหยียบย่ำลงไปในใบหญ้าที่ยังเขียวสด อีกทั้งไม่เหยียบย่ำแมลงเล็กๆที่มีชีวิตนี่จึงเป็นคุณลักษณะทางเมตตาที่กิเลนแสดงออกอย่างใหญ่หลวงต่อสรรพชีวิต ต่างจากสัตว์เทพชนิดอื่น ด้วยเป็นสัตว์มีเมตตาสูง มีใจอารี ไม่ทำร้ายมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย พ่ออาจารย์จึงใช้ฤทธิ์ของกิเลนที่มีครบทั้งห้าธาตุทั้งยังมีลักษณะเชื่องด้วยเมตตาแลเป็นมิตรกับมนุษย์อย่างที่สุดมาสร้างกิเลนนภาห้าธาตุขึ้นมา

    นอกจากกิเลนเป็นสัตว์ที่มีเมตตามีคุณธรรมสูงอีกทั้งซื่อสัตย์ แม้ในเรื่องการสลายพลังงานพิฆาตเขาก็ยังทำได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ตั้งแต่ทำเครื่องมงคลอันมีลักษณะเฉพาะทั้งหลายนั้นเกี่ยวกับพลังงานลบทั้งหลายก็ทำได้เพียงการขับดันดูดกลืนถ่ายเทให้เกิดสมดุลย์ทำได้เพียงกลับสถานการณ์เลวร้ายให้ค่อยๆดีขึ้น แต่กับกิเลนนั้นเค้ามีสายเลือดพิเศษและมีพลังเฉพาะตัวของเขาจะเรียกว่ามีคุณเฉพาะทางก็ได้นั่นคือการสลายพลังพิฆาต ไม่ใช่การดูดขับปรับสมดุลย์แต่เป็นการสลายทิ้งไปเฉยๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าเธอพอจะนึกออกมั๊ย สลายก็คือหมดไป อยู่ดีๆมันก็หมดไปไอ้ตัวเคราะห์ร้ายทั้งหลายนั่นแหละ คือไม่ใช่มันไม่เกิดนะแต่มันหมดมันจึงเกิดไม่ได้ กิเลนจึงนับว่าแตกต่างกับสัตว์อื่นๆเช่นเสือสิงห์ มังกรแลสัตว์เทพทั้งหลายดังนี้ และผู้รู้มักจะใช้กิเลนเป็นเทพพิทักษ์คือใช้ไปในทางปกปักรักษามากกว่านำไปใช้ทำลายล้างผลาญใคร ด้วยเป็นสัตว์เทพที่ให้คุณอนันต์ชนิดที่แม้เทวดาหรือโพธิสัตว์ยังปรารถนาจะได้มาเลี้ยงไว้เพื่อดึงดูดสิริมงคล เพราะกิเลนนั้นนอกจากเขาจะสลายพลังพิฆาตแล้ว เมื่อเขาสลายพลังงานนั้นหมด พลังของเขาจะเริ่มดึงดูดสิ่งดีๆเข้าหาผู้ดูแลเป็นระบบของเขาด้วย

    ด้วยเป็นสัตว์เทวะที่คอยปราบปรามความชั่ว คอยปกป้องคนดี และมอบความโชคดีให้คนเหล่านั้น เช่นนั้นใครที่ได้บูชากิเลนจึงนับว่าเป็นโชคอย่างมหาศาล เพราะกิเลนเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดโชคลาภและวาสนาที่จะดีดสูงขึ้นอย่างมากมายมหาศาลจนน่าประหลาดใจเช่นนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยปกตินิสัยสัตว์เทพตัวนี้จะรักสิ่งสวยงาม รักทรัพย์สมบัติและของมีค่าเช่นนั้นจึงถือว่าเขาแสวงหาทรัพย์ทั้งหลายเก่งกว่าผู้ใด เพราะในที่สิงสถิตย์ของเขาแม้จะเป็นที่นอน ที่นั่ง หรือที่ซึ่งเขาจะยืนเป็นประจำนั้นล้วนแต่ต้องมีทรัพย์สินเงินทองมณีจินดาอันสูงค่าทั้งหลายวางกองไว้ ด้วยนิสัยกิเลนนั้นจะเรียกว่ามักใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองก็ไม่ผิด เช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจทำกิเลนหนนี้ ด้วยนอกจากจะตั้งใจสลายพลังงานพิฆาตดึงดูดโชคดีแล้ว ยังเป็นเมตตามหานิยมอย่างสูงจนน่ากลัว และปรับวาสนาคนให้ผกผันมาใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองเช่นกิเลนฟ้าได้ ด้วยปกติกิเลนนั้นจะนั่งทับเงินทองของมีค่าต่างๆจึงถือเป็นเคล็ดที่จะใช้เพื่อดึงดูดโชคลาภและรายได้ให้ไหลเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ ช่วยให้คนเลี้ยงประสบความสำเร็จทั้งมีวาสนาบารมีให้ชีวิตมีความมั่นคง

    พ่ออาจารย์ท่านได้รวบรวมมวลสารมงคลต่างๆ เช่น พญากาฝากที่เป็นสิริมงคล108,คดไม้มงคล108,ไม้มงคลที่ตายพราย108,ว่าน108,เกสร108,ไม้ไผ่ตัน,ไม้รวกตัน,คดข้าวสารดำ,ข้าวสารหิน,สมุดใบข่อยใบลานเก่า,ผงธูปบูชาพระ,ข้าวสุกก้นบาตรพระพุทธเจ้า,กะลาตาเดียว,กะลาไม่มีตา,คดมะพร้าว,กิ่งโพธิ์นิพพาน,ไม้ไก่กุก,ปูนากระตุกเดือน5,กบจำศีลเดือน5ตายคารู,เขี้ยวงูจงอางที่ฝักไข่จนตายคาไข่,ไม้คานคุก,ไม้คานประตูคุก,ชันโรงกลางแจ้ง,ไม้คานแม่หม้าย,สากกะเบือแม่หม้าย,ไม้คานและสากกะเบือของหญิงที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร,เขาควายเผือกฟ้าผ่า,เขี้ยวเสือโปร่ง,เขี้ยวหมูตัน,คดสมองวัว,คดขนุน,งาช้างดำ,งากำจัด,งากำจาย,งาช้างน้ำ,เขากวางคุด,เขากระจงคุด,งูปากเป็ด,ตะไคร่โบสถ์,ตะไคร่เสมา,ตะไคร่เจดีย์,กระเบื้องหลังคาโบสถ์,ดินสังเวชนียสถาน,เพชรน่าทั่ง,ดินกากยายักษ์,เหล็กสังขวานร,เหล้กน้ำพี้,รังเหล็กไหล,ข้าวตอกพระร่วง,จิ้งจกสองหาง,จิ้งจกห้าหาง,อัญมณี,ตะไคร่หลักเมือง,น้ำฝนกลางหาว,ผงพุทธคุณ,ผงปถมัง,ผงอทธิเจ,ผงตรีนิสิงเห,ผงมหาราช.. ท่านว่ากว่าจะรวบรวมมวลสารจนครบตามตำราพ่ออาจารย์ท่านว่า เราต้องเจออาถรพพ์อะไรมามากมายเเละยากกว่านั้นก็คือการบดเป็นผง ของบางอย่างกว่าจะบดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงกินเวลาหลายสิบปี เมื่อรวบรวมผงได้แล้วท่านจะนำมาปั้นเป็นแท่งชนวนลงวิชาหมื่นกาลผันชีวิต ท่านว่าวิชานี้สามารถใช้แปรเปลี่ยนเหตุของทุกข์ได้นับหมื่น ไม่ว่าจะเหตุของทุกข์ที่เชื่อมโยงกับกาลเวลาใดทั้งในอดีตและปัจจุบันย่อมแก้ไขได้ แปรเปลี่ยนได้ ผกผัน กลับตาลปัตได้เช่นนั้น เรียกว่าอะไรที่มันดีก็ดีดให้มันดีกว่าเดิม อะไรที่มันแย่มีต้นเหตุมาจากกรรมนำพาแต่ชาติก่อนๆหรือหาสาเหตุไม่ได้ก็ผันกลับให้มันดีขึ้นมาได้ วิชานี้ท่านว่าเป็นวิชาเอาไว้กลับวาสนาชะตาคนที่ร้ายก็เปลี่ยนให้ดี เมื่อจะทำกิเลนที่เป็นสัตว์เทพประทานความโชคดีท่านว่าผงนี่แหละจึงเหมาะกัน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่เหมาะจะใช้กิเลนของฉันนั้นมีทั้งหมดสองประเภท นั่นคือคนที่โชคร้ายตั้งแต่เกิด กับคนที่เพียรกระทำตามความฝัน ทำอย่างดีที่สุดแล้ว และอยากจะประสบโชควาสนานี่จึงเอากิเลนฉันไปใช้ได้ ส่วนคนที่งอมืองอเท้าไม่ทำอะไรอย่าเอาไป พ่ออาจารย์ท่านพูดน่าคิดว่ากิเลนรุ่นนี้ให้ออกเงียบๆ อย่าให้คนรู้กันเยอะนัก เดี๋ยวพวกหิวอำนาจวาสนาจะมาเอากันไปเสียหมด ให้เหลือให้คนดีๆเขาได้ใช้กันบ้าง ด้วยกิเลนถือว่าเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี พ่ออาจารย์ท่านว่าที่ฉันทำกิเลนในครั้งนี้ใครที่มีกิเลนของฉันต่อไปเขาจะเกิดความรู้แจ้งบางอย่าง สิ่งใดที่เป็นปัญหาเขาจะแก้ไขได้ คนเหล่านี้ต่อไปจะพึ่งพาตนเองได้ เธอจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเถิดว่ากิเลนของฉันนั้นจะนำสิ่งมงคลดึงเข้ามาหาตัวเธอ ด้วยปกติชีวิตคนนั้นมักจะแหวกว่ายฟันฝ่าไปหาโชคลาภวาสนา พยายามทุกทางเพื่อจะไปหาความสำเร็จ แต่คุณวิเศษในตัวกิเลนนั้นเมื่อเค้าอยู่คู่กับเธอแล้วไอ้สิ่งที่พวกเธอทั้งหลายตามหานั่นแหละที่มันจะต้องเปลี่ยนมาตามหาเธอแทน พอจะเข้าใจหรือไม่ว่าไม่ใช่เราที่ต้องไปไขว่คว้าแต่เป็นตัววาสนาต่างหากที่มันจะพยายามไขว่คว้าเข้ามาให้ถึงตัวเรา เช่นนั้นฉันจึงถือว่ากิเลนของฉันได้นำความสุขแลความเป็นมงคลมาสู่มนุษย์แล้ว ถ้าเธอเป็นคนมีจิตใจดีกิเลนนั้นจะสงสารให้ความช่วยเหลือ สำหรับมิตรกิเลนเขาจะปฏิบัติตัวอย่างมิตรและให้ความเป็นมิตรที่ซื่อสัตย์หมดหัวใจ แต่สำหรับศัตรูของเธอนั้นเขาจะตอบโต้เหมือนดั่งศัตรูของเขาเช่นกัน รับรองว่าใครที่กิเลนโต้ตอบเช่นศัตรูนั้นไม่มีดีให้เหลือแน่นอน

    ด้วยกิเลนนั้นเป็นต้นกำเนิดของแผนภูมิสวรรค์ทั้งแปดทิศ หรือที่คนพอจะนึกภาพออกคือยันต์แปดทิศนั่นเองด้วยที่หลังของกิเลนนั้นจะมียันต์แปดทิศประทับไว้เช่นนั้นจึงถือเสมอว่ากิเลนนั้นเป็นผู้มอบแผนภูมิสวรรค์ เป็นผู้มอบความรู้ มอบภาษา มอบตัวอักษรให้กับมนุษย์ ซึ่งต่อมาตัวอักษรนั้นก็พัฒนาขึ้นเป็นองค์ความรู้ในด้านต่างๆ เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงว่าเขาเป็นสัตว์เทพที่ผูกพันธ์กับการใช้ชีวิตของมนุษย์โดยตรงมาตั้งแต่ต้นต่างจากสัตว์เทพตัวอื่นๆที่ไม่ไยดีมนุษย์ เพราะเขาสามารถบัญชาได้ทั้งห้าธาตุ และยังเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อมนุษย์โลก ให้เธอคิดกันให้ดีว่ามีวันไหนบ้างที่เธอไม่พูด ไม่ใช้ภาษา ไม่ได้ใช้ชีวิตโดยอาศัยองค์ความรู้อยู่ภายใต้สวรรค์แห่งนี้ นั่นย่อมไม่มีเช่นนั้นกิเลนจึงมีพลังทางด้านความคิดและสติปัญญาอันสูงส่ง แม้ผู้ใดได้ครอบครองชีวิตเขาก็อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยกิเลนกำเนิดจากธาตุทั้งห้าคือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้และทองรวมกัน ตัวเขาจึงเป็นความกลมกลืนของสรรพสิ่ง ทั้งยังทรงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ในทุกที่อันเขาสถิตย์อยู่ มีทั้งความแข็งแกร่ง ทรงพลัง มั่นคงและยั่งยืน

    เมื่อทำกิเลนสวรรค์นั้น พ่ออาจารย์ท่านได้ทำตะกรุดพยนต์ปราณเบญจธาตุฝังเอาไว้ด้วยที่ด้านหลัง ท่านว่าตะกรุดชุดนี้แต่ละดอกทำยากนัก เพราะท่านถือเสมือนหุ่นนี้คือร่างกายของผู้บูชาที่เมื่อนำไปพกพาติดตัวแล้วเขาจะซึมซับกลิ่นอายและชะตาเสมือนหนึ่งเป็นตัวแทนของเรา เช่นนั้นหุ่นนี้จึงถูกฝังถูกผูกเข้าไว้กับกิเลน พ่ออาจารย์ท่านว่าเสมือนหนึ่งได้ผูกตัวของเราเข้าไว้กับวาสนาของกิเลนฟ้า เมื่อหุ่นที่มีปราณของเรานี้อยู่คู่กับกิเลนฟ้าแล้วแน่นอนว่าวาสนาของเราก็จะดี ตราบใดที่หุ่นไม่พรากจากตัวกิเลน ตราบนั้นกิเลนก็ยังต้องตามให้คุณแก่เราเรื่อยไป สุดท้ายแล้ว ท่านว่าหุ่นนี้ดุจร่างกายข้า ให้กินเลนนำพา.... วาสนามาสู่ตัวข้าเถิด

    *** ด้วยกิเลนนั้นสามารถสลายพลังงานพิฆาตและแก้ไขให้โชคชะตาให้ดีขึ้นได้ สำหรับใครที่รู้ตัวว่าที่ผ่านมาชีวิตร้ายมากกว่าดีก็ให้บูชาเป็นคู่ ท่านว่าอย่าไปคิดว่าตัวเองเก่งหรือดีกว่าคนอื่นเขา อย่าดื้อ เพราะคติการใช้งานกิเลนนั้นเป็นเช่นนี้จริงๆท่านว่ายิ่งมีหลายตัวนั้นก็ยิ่งดี หรืออย่างน้อยก็ควรมีซักคู่หนึ่ง เพราะเขาเป็นสัตว์ที่อยู่เป็นคู่ พ่ออาจารย์ท่านว่า"หัวกิเลนหันไปตรงนั้นเอาว่าเรื่องร้ายก็สลายไปตรงนั้น ใครที่ตั้งใจจะแก้อาถรรพ์ในร่างกายให้ให้เอาเค้าไปเลี่ยมแล้วคาดเอวไว้ทั้งด้านซ้ายและขวาดุจเขาหันหน้าชนกันเข้าหาตัวเราเขาก็จะสลายเรื่องร้ายทั้งหลายไปไม่มีหลุดรอดเช่นนี้" หากจะใช้กิเลนเพื่อเรียกทรัพย์ อำนวยโชค ก็ให้นำกิเลนมาวางทับเหรียญเงินที่เป็นโลหะห้าเหรียญ จำไว้ว่าต้องเอาเป็นเหรียญไม่เอาเป็นกระดาษ ถ้าบ้านไหนมีทองคำนี่จะดีมาก พ่ออาจารย์ท่านว่าให้เอาเหรียญเงินกับทองคำนั่แหละวางเป็นฐานไว้ก่อนเอากิเลนมาวางทับพร้อมกับบอกเค้าว่าต่อแต่นี้ไปนี่คือที่อยู่ของเขา ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกัน ให้เขาไปขวนขวายหาทรัพย์เหล่านี้มาให้เรา มาเติมให้เต็มถ้ำพระคูหา นอกจากนี้ใครที่มีลูกยากก็ยังนิยมว่ากิเลนนั้นจะนำพาบุตรชายที่ดีมาให้สืบสกุล ด้วยกิเลนนั้นสามารถขับหยินพิทักษ์หยาง อำนวยโชคดีให้เกิดขึ้นได้ในทุกๆเรื่องที่เป็นความโชคดีเพราะเขาจะเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดีได้นั่นเอง เรียกว่าสถานะของกิเลนเทียบเท่ามังกรเลยทีเดียวด้วยเป็นสัตว์สวรรค์ที่ให้คุณเรื่องโชคลาภทรัพย์สินและยังถือเป็นสัตว์สวรรค์ชั้นสูงในห่วงโซ่อาหาร จึงเป็นธรรมดาที่ผู้มีบารมีกิเลนเกื้อหนุนจะเจริญในกิจการที่กระทำอยู่มากเพราะเขาเป็นตัวแทนแสดงถึงอำนาจและยศศักดิ์เรียกว่าใครที่ชีวิตยังไม่เจริญนี่จะไต่เต้าไปได้ไกลมาก ส่วนใครที่ขึ้นไปแล้วแต่ยังไม่สุดเขาก็จะดันให้ขึ้นไปได้อีก ซ้ำบารมีกิเลนเมื่อปรากฏที่ไหนสถานที่นั้นจะผูกสมัคร รักใคร่ กลมเกลียวกันอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

    วิธีใช้
    กิเลนนี้มีความเชื่อว่า
    แค่ได้เห็นก็เป็นบุญตา หากได้พบก็ถือเป็นวาสนาเปลี่ยนชีวิต เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงถือเป็นเคล็ดสร้างกิเลนขึ้นมาเพื่อให้คนใช้พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ท่านว่าขอแค่ได้เห็นได้มองทัศนาก็นับว่าชีวิตเปลี่ยนกลับวาสนา บางคนรู้จึงเอามาดูบ่อยๆ แน่นอนว่าการใช้เพียงแค่เราหยิบเขามาดูบ่อยๆแค่นั้นก็นับว่าเปิดประตูความโชคดีแล้ว แม้จะหมั่นพูดหมั่นคุยกับเขาได้อันนั้นก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากว่าวันใดเขาปรากฏตัวในนิมิตหรือในความฝันแน่นอนว่าวันนั้นจะได้ลาภใหญ่หรือมีวาสนาไม่คาดฝันมาถึงตัว

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเราทำให้เต็มที่แล้วเพราะเสกจนพลิกกลับได้เอง(พลิกผัน) ท่านว่าไม่ใช่กระโดดพานนะแต่เป็นพลิกกลับไปกลับมา ท่านว่าวางๆไว้เสกเสร็จลืมตาขึ้นมาอีกทีเขาก็พลิกตัวอย่างน่าประหลาดมันเฮี้ยนเช่นนี้ท่านจึงเรียกว่ากิเลนผันชีวิต เอาว่าขี้เล่นและมีตัวมีตนแน่นอน ด้วยการเสกให้พลิกไปมาตลอดนี้ท่านยังแซวว่าสงสัยลมมันจะแรงนัก ทั้งๆสถานที่นั้นมีความสงัดแม้แต่ไฟของเปลวเทียนยังไม่ขยับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2019
  16. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ตะกรุดดอกครูนามธรรมบุญหนุนส่งวาสนานำพา
    (เอื้อบุญ)


    ให้บูชา 1000 บาท

    ปิดรายการนี้โดยคุณ powernext ครับ

    IMG_20190830_203045.jpg IMG_20190830_203117.jpg

    อ้างอิงจาก
    https://palungjit.org/threads/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A5.548127/page-24#post-10944567

    บุญนั้นเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ซึ่งละเอียด ประณีต และทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นเครื่องชำระล้างใจให้ใสสะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ห่างไกลจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย เวลาบุญเกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นสายธารเหมือนท่อธารแห่งบุญไหลไปยังผู้ทำบุญนับประมาณมิได้ เช่นนั้นสมเด็จพระตถาคตเจ้าจึงสรรเสริญว่าบุุญนั้นนำสุขมาให้ ให้ผลอันเลิศ มีสุข เป็นวิบาก ดุจแม่น้ำทั้งหลายไหลลงสู่ทะเลฉะนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนนั้นที่กรรมตามทัน กรรมตามเล่นงาน ก็เพราะว่าอยู่ในจังหวะที่กำลังบุญนั้นเสื่อม บุญนั้นอ่อนกำลัง อันบุญซึ่งเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้นี้เป็นสิ่งที่คนมองไม่เห็น เมื่อมันอ่อนกำลังลงไปจึงไม่รู้ตัวเองเลยว่า ต้องทำเท่าไหร่ถึงจะพอ ด้วยคนที่ดวงตกหรือกรรมเล่นงานนั้นก็จะหวังพึ่งบุญ ดังนั้นทุกครั้งที่ทำความดี เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา... หรือทำสิ่งต่างๆจะเกิดกระแสชักพาบุญมารวมตัวกันก็จะปรารถนาอานิสงค์ต่างๆให้ตัวเองหลุดรอดพ้นจากสภาวะทุกข์ทรมานทั้งหลาย แต่ก็ยังติดอยู่ว่าทำไมทำบุญแล้วไม่ได้ดี ต้องทำอย่างไร ทำเท่าไหร่บุญนั้นจึงจะมีอานิสงค์ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าบุญนั้นย่อมเป็นนามธรรมซึ่งมีอานุภาพใหญ่เพราะสามารถบันดาลความเป็นไปในชะตาผู้คนรวมถึงเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้ถึงสามสิ่ง ได้แก่

    - รูปสมบัติ
    - ทรัพย์สมบัติ
    - คุณสมบัติ

    คุณประโยชน์ทั้งสามนี้เมื่อมีกำลังบุญเต็มที่แล้วย่อมจะเกิดขึ้นกับตัวเองครบถ้วน อย่างเช่นรูปสมบัติกับคุณสมบัตินั้นท่านว่ามันเกี่ยวข้องกับบุญเก่าเพราะมันถูกกำหนดให้เกิดมาแล้วก็ต้อ
    งเป็นแบบนี้ เป็นของติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด หากแต่บุญใหม่ที่เราจะทำนั้นในชาตินี้ก็สามารถคลี่คลายปัญหาเรื่องทรัพย์สมบัติได้ และยังเป็นทุนต่อไปในชาติหน้าให้มีปัจจัยทางรูปสมบัติและคุณสมบัติถึงพร้อมด้วย


    เช่นนั้นปัญหาเรื่องบุญเสื่อมกำลังหรือที่เรียกว่าคราวซวยมาเยือนและไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ พ่ออาจารย์ท่านว่าในช่วงนี้หลายคนประมาทกำลังบุญกันเกินไปพอจิตตกก็หันไปพึ่งหมอดูให้เสียทรัพย์ประกอบกับไม่เข้าใจวัฏจักรของพลังงานเหล่านี้ ก็เห็นมีแต่ไปโดนหลอกโดนกระทำกันเพิ่มเติมจนเป็นวิบากกรรมมากมาย ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงนำตะกรุดครูนามธรรมที่ท่านสร้างเก็บไว้ตามตำรับเสด็จพระใหญ่(องค์ปฐม)ออกมาให้บูชาแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้

    เมื่อจะทำให้นามธรรมที่เป็นดุจร่มไม่ใหญ่นั้นแผ่กิ่งก้านให้เหล่านกกาได้อาศัย ท่านว่าพูดง่ายๆก็คือให้คนใช้อยู่ในร่มบุญหรือได้พึ่งพลังงานบุญโดยตรง ซึ่งอานุภาพพบุญนั้นยิ่งใหญ่สุดประมาณ ให้สังเกตุเอาว่าช่วงไหนเรามีบุญมากและบุญกำลังส่งผลสมบัติต่างๆก็จะหลั่งไหลมาหาเรา แต่กลับกันถ้าเมื่อไรเรามีบุญน้อยหรือหมดบุญสมบัติและความโชคดีนั้นก็จะไม่สถาพรอยู่ต่อไปได้ สิ่งที่มีอยู่ก็จะค่อยๆลดน้อยลงไปเพราะไม่มีบุญดึงดูดทรัพย์สมบัติเข้ามา เรียกว่าตัวเรานั้นอยู่ในช่วงขาดคุณสมบัติไปเช่นนี้ก็ได้ ในทางกลับกันพอใจเราร้อนรุ่ม ขวนขวาย วิ่งตามกำลังบุญ ใจแต่เดิมที่เป็นกลางก็ค่อยๆเปลี่ยนสถานะไปกลายเป็นใจที่ยึดเกาะอยู่ในความโลภ มีความตระหนี่ ความชั่ว มีกิเลสเกิดขึ้นกับตัวเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่มันมาเป็นกำแพงขวางพลังบุญที่เราสร้าง พอกิเลสมันมีกำลังมากกว่าบุญมันก็จะผลักคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติให้ไกลจากตัวเรายิ่งขึ้นไปอีก เรียกว่าถึงไปทำบุญมากเท่าไหร่ก็ยังตามกิเลสในใจตัวเองไม่ทันเช่นนั้น

    เมื่อกิเลสเป็นเครื่องขวางให้อานิสงค์แห่งบุญนั้นพลัดพรากจากเราไป พ่ออาจารย์ท่านจึงแก้ไขด้วยตะกรุดเอื้อบุญของท่าน ท่านว่าวิชานี้เป็นของเสด็จพระใหญ่ที่ท่านอนุญาติให้ทำไว้ช่วยสงเคราะห์คนที่อยู่ในสภาวะขาดบุญจุนเจือ หรือทำดีเท่าไหร่ ทำบุญมากเท่าไหร่ก็ไม่เห็นทางสว่าง ไม่เห็นทางออกว่าอานิสงค์แห่งบุญนั้นจะเกิดขึ้นกับเราได้ อุปมาบุญดั่งน้ำในคลอง บาปก็เหมือนตอไม้ใต้น้ำ พอน้ำลดตอก็ผุดทำอะไรก็ติดขัดไปหมด เช่นนั้นบุญจึงเป็นนามธรรมหรือกำลังที่สำคัญมาก เพราะบุญนี้จะช่วยให้สิ่งที่ทำอยู่หรือคิดอยู่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามสำเร็จทั้งหมด เรียกว่าความสุขและความสำเร็จของมนุษย์นั้นมีกำลังแห่งบุญหนุนอยู่เบื้องหลังก็ได้ ดังนั้นท่านจึงลงตะกรุดเอื้อบุญใช้บุญซึ่งเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ เปลี่ยนเป็นกำลังที่จะดึงดูดสมบัติทั้งสามสิ่งนั้นให้เกิดกับผู้บูชา

    เพราะเราไม่รู้ว่าบุญคืออะไร บุญอยู่ที่ไหน...เช่นนั้นท่านจึงให้ใช้ตะกรุดเอื้อบุญนี้อันจะเปลี่ยนกฏเสมือนว่าเรามีกำลังบุญหนุนอยู่ได้ตลอดเวลา แต่ท่านว่าก็อย่าประมาทไปเพราะตะกรุดนี้ใช้ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว(ชาตินี้) บุญนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องทำกันต่อไปเพื่อจะได้มีอานิสงค์ไว้ใช้กันในชาติหน้าด้วย เมื่อทำตะกรุดพึ่งบุญแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่าเสด็จพระใหญ่ท่านให้ทำตามสูตรของท่าน ซึ่งต้องอุดขี้ผึ้งวาสนาไว้ในตะกรุดด้วย ดังนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงบอกว่าวิธีทำตะกรุดตัวนี้ค่อนข้างยุ่งยากเพราะต้องทำวิชาควบคู่กับการหุงสีผึ้งวาสนาใช้ไปพร้อมกัน

    ขี้ผึ้งวาสนา

    ด้วยวาสนานั้น หมายถึงความดีงามที่ได้เคยทำสั่งสมไว้มานาน เคยพอกพูนมานานจนกลายเป็นบารมีที่สมบูรณ์เต็มที่ สามารถสนองผลให้ผู้ทำได้ถึงฝั่งแห่งความปรารถนาทุกประการ ทั้งแตกต่างจากกำลังบุญที่ใช้ไปก็หมดสิ้นเหมือนใช้เงินใช้ทอง เพราะวาสนานั้นเป็นพลังงานที่ไม่รู้จักหมดสิ้นไปง่ายๆด้วยเกี่ยวเนื่องกับบารมีที่บำเพ็ญสั่งสมกันมา คนมีวาสนาบารมีแม้จะอยู่ในป่าเขา แม้จะเกิดในโคลนตมในครอบครัวที่คนยากจนเมื่อได้สร้างวาสนาบารมีต่ออีกก็จะทำให้ชีวิตค่อย ๆรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับจนกระทั่งอยู่ในชั้นแนวหน้าของคนทั้งหลาย เด็กจากบ้านนอกเป็นรัฐมนตรี คนที่พลัดถิ่นมามีแค่เสื่อผืนหมอนใบกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ คนรับใช้กลายเป็นราชา เรื่องเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนพุทธกาลก็มีมามากต่อมากแล้ว ตัวอย่างมันมีอยู่แล้ว เช่นนั้นวาสนาจึงเป็นพลังที่จะเปลี่ยนชะตาได้โดยตรง
    เพราะวาสนาเกี่ยวข้องกับผลบุญที่ทำให้ได้รับลาภยศ พ่ออาจารย์ท่านจึงเตือนเอาไว้ว่า"เราสร้างวาสนาและวาสนาก็สร้างตัวเรา เป็นสิ่งที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน" ดังนั้นวาสนาเป็นสิ่งที่พาให้ชีวิตเราดำเนินไป แต่จะต่างจากบุญที่ใครสั่งสมมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น แต่วาสนานี่แหละจะเป็นตัวการที่ทำให้เรามีชีวิตผันผวนไปตามมันเช่นนั้นวาสนาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้โดยไม่รู้ตัว ด้วยวาสนานั้นสามารถสร้างขึ้นมาได้
    เมื่อจะทำตะกรุดนามธรรมตำรับเอื้อบุญนั้น เสด็จพระใหญ่ท่านจึงให้พ่ออาจารย์ทำขี้ผึ้งวาสนาตำรับเฉพาะไว้อุดตะกรุดทุกดอกด้วย ท่านว่าคนที่มีบุญแต่ขาดวาสนาก็มีอยู่มาก ทำให้ชาติตระกูลไม่ดี สังคมไม่ดี สิ่งแวดล้อมทุกอย่างไม่ดี คนเหล่านี้เรียกว่าไม่ได้มีบุญวาสนามาแต่ปางก่อนทุกอย่างจึงต้องสร้างเอาเอง ท่านจึงให้พ่ออาจารย์ทำขี้ผึ้งวาสนานี้อุดเอาไว้ ด้วยว่าวาสนานั้นจะเป็นกำลังสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตคนให้รุ่งเรืองขึ้นตามลำดับดั่งกรณีที่ว่าเด็กจากบ้านนอกเป็นรัฐมนตรี คนที่พลัดถิ่นมามีแค่เสื่อผืนหมอนใบกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ คนรับใช้กลายเป็นราชาก็เพราะเขามีวาสนาเช่นนั้น


    พ่ออาจารย์ท่านว่าบุญกับวาสนานั้นเป็นของที่ต้องใช้เกื้อกูลซึ่งกันและกันจะขาดสิ่งใดไปไม่ได้ ด้วยท่านเห็นประโยชน์ว่าบุญเป็นชื่อของความสุข มีผลเป็นความสุข และเป็นที่มาของความสุข ส่วนวาสนาก็เป็นกำลังหนุนความสุขให้สถาพรมั่นคงไม่ให้คลอนแคลนเสื่อมคลาย คนที่ยังมีความทุกข์อยู่ ท่านว่าให้ใช้ตะกรุดนี้ ด้วยบุญนั้นคือสิ่งทำให้ฟู หรือ พองขึ้น บวมขึ้น นูนขึ้น เพื่อเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ตามแต่ตนจะปรารถนา นี่คือพลังของบุญที่จะนำพาให้เป็นไปในสิ่งต่างๆ ซึ่งพลังของตะกรุดเอื้อบุญนั้นจะโอบรัดสิ่งที่เราต้องการเข้ามาหาตัวเรา ให้เรามี ให้เราเป็น ให้ปรารถนานั้นๆเป็นของของเรา ดังนั้นคนที่มีทรัพย์สมบัติมากจึงเรียกว่ามีบุญมาก


    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ทำยาก ท่านว่าตายไปแล้วเกิดมาใหม่ก็อย่าหวังว่าจะได้พบเห็น เพราะเสด็จพระใหญ่ท่านต้องการจะให้ปรากฏในยุคๆหนึ่งเท่านั้น(ปัจจุบันนี้) จะไม่ได้มีปรากฏถาวรณ์เป็นของสาธารณะสืบไป ท่านว่าให้เอาไปใช้สร้างรากฐาน สร้างตระกูล สร้างตัวเองให้ดี เพื่อเป็นรากฐานเสริมส่งให้ลูกหลานในกาลอนาคตจะได้พึ่งพิงใบบุญของเราซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเขาได้ ด้วยตะกรุดนี้จะเป็นสื่อกลางให้เราเข้าถึงกำลังบุญและวาสนาได้นั่นเอง

    วิธีใช้
    ตะกรุดนี้ท่านว่าคาถาไม่ต้องแค่นึกถึงพระแล้วก็ใช้ได้เลย ให้เอาติดตัวไว้อย่าห้อยเอวเด็ดขาด แขวนได้เฉพาะคอเท่านั้น


    *** รับจองเฉพาะทาง PM ท่านว่าให้เอาติดคอไว้คนละดอกจะดีกว่าอะไรทั้งสิ้น ในส่วนคนที่จะบูชาเพื่อใช้เร่งเวลาหรือรอให้บุญวาสนาหนุนขึ้นมาโดยลำดับไม่ได้นั้น ท่านว่าให้ใช้สามดอกขึ้นไปแทนคุณพระรัตนตรัย เอาตะกรุดนี้ถวายเป็นพุทธบูชาแทนตัวเองกับพระพุทธรูปที่บ้านที่เราสักการะอยู่ แล้วเอาตะกรุดหนุนไว้ใต้ฐานพระ ด้วยอานิสงค์ของพุทธบูชาที่ได้กระทำนั้นก็จะหนุนฐานบุญและวาสนาของเราขึ้นโดยฉับพลันทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2019
  17. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    หุ่นอิทธิฤทธิ์ผกผันค้ำคูณลัคนาชะตารุ่งโรจน์
    (พญานอเดียวย้อนรอยแทงสวนกลับ)


    เลือกได้ครับ มี 2 ตน
    ให้บูชาตนละ 1600 บาท

    ปิดรายการทั้ง 2 ตนโดยคุณ powernext ครับ

    ตนที่ 1
    IMG_20190830_202903.jpg IMG_20190830_202928.jpg

    ตนที่ 2
    IMG_20190830_202951.jpg IMG_20190830_203017.jpg

    อ้างอิงจาก
    https://palungjit.org/threads/ร่วมทำบุญบูชา-ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้-มีตังค์-พ่ออาจารย์พล.548127/page-26#post-10982450

    วิชาเสกพญานอเดียวพ่ออาจารย์ท่านว่ามีมานานหนักหนาเสมอด้วยการทำเสือ ทำสิงห์ ทำวัว ทำควายธนูทีเดียว มีตั้งแต่การกำหนดหัวใจพระคาถาและมวลสารต่างๆ หากแต่การที่จะหามวลสารหรือผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจที่จะทำนั้นย่อมหาได้ยากยิ่งนัก พญานอเดียวในตำนานเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว ทรหด อดทน และมีอำนาจในตัวมันเองถึงขนาดว่าแม้พญาเสือ,สิงห์และสัตว์ที่ดุร้ายยังยำเกรงไม่กล้าทำร้ายมัน พ่ออาจารย์ท่านว่าการเสกพญานอเดียวนั้นแตกต่างจากการทำสัตว์เวทย์ชนิดอื่นๆไปไกลเพราะครูแต่เดิมท่านถือกันนักหนาว่าพระเพลิงทรงบันดาลให้บังเกิดแรดขึ้นมาเพื่อเป็นพาหนะ ดังนั้นพญานอเดียวจึงเกิดจากธาตุไฟที่ร้อนแรงที่สุดยิ่งกว่าไฟของสุริยเทพ เป็นธาตุไฟแห่งเพลิงพิธีที่โชติช่วงที่สุดเมื่อปรากฏขึ้นคราใดเหล่าทวยเทพทั้งหลายย่อมกระทำสักการะบูชาในไฟของพระอัคนี ด้วยมีเพลิงแห่งพระเพลิงอยู่กับพญานอเดียวเช่นนั้นจึงถือว่าเป็นสัตว์แทนตัวของเทพเจ้าคือพระเพลิงหรือพระอัคนีนั่นเอง

    ความพิเศษของพญานอเดียวนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าสามารถป้องกันศัตรูแทงข้างหลังได้ ท่านว่ายิ่งแทงเราแรงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสวนกลับแรงเท่านั้น ทั้งยังสามารถปัดเป่าลางร้าย เผาผลาญพลังงานที่ก่อให้เกิดโรคภัยหรือเหตุวิกฤติปัจจุบันทันด่วนต่างๆ โดยเฉพาะภัยจากคู่แข่ง จะเรียกว่าเป็นที่หนึ่งในเรื่องป้องกันและการสวนกลับก็ไม่ผิด พ่ออาจารย์ท่านว่าพญานอเดียวนั้นต่างจากพวกสัตว์ที่เสกด้วยวิชาธนูและพยนต์ทั้งหลาย ที่มีไว้รบหรือตั้งรับเสียส่วนใหญ่ เพราะพญานอเดียวนั้นจะนำโชค นำพาโอกาส นำพาความรุ่งเรืองมาสู่คนที่เป็นเจ้าของ ด้วยเกิดจากเพลิงพิธีแห่งพระอัคนีจึงมีอำนาจในการสร้างสรรค์และทำลายล้างไปพร้อมๆกันไม่ใช่จะเป็นพนักงานล้างผลาญแต่อย่างเดียว ซ้ำคุณลักษณะนิสัยของเขายังเต็มไปด้วยโลกทัศน์ที่ดีเพราะเขาจะสงบและมองเราเป็นมิตรพร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนเราอยู่เสมอ ทั้งยังมีความอบอุ่นเยือกเย็นพ่ออาจารย์ท่านว่านี่เสกพญานอเดียวแล้วจิตผ่อนคลายมากใครที่เอาไปใช้ลองดูได้เลย พวกที่พกเครื่องรางแล้วชีวิตร้อนๆทั้งหลายนี่ลองใช้พญานอเดียวดูจะรู้ว่าไม่ร้อนเลยซ้ำอะไรที่หนักๆในชีวิต ที่มันตึงมันจะแตกเหล่านั้นจะผ่อนคลายลง ใช้อธิษฐานไปในการผูกสมัครรักใครก็ได้ ใช้เชื่อมความสัมพันธ์กับคนที่เราหมายตาเป็นพิเศษก็ได้ หรือใช้ให้บรรยากาศในครอบครัวเราผ่อนคลายไม่แตกร้าวก็ได้ คนที่บูชาไปจะรู้ว่ากำลังของพญานอเดียวนั้นเขาหนุนเราให้กล้าแสดงออกมากขึ้น ทั้งใครที่มีโรคเกี่ยวกับระบบเลือดทั้งหลายหรือระบบการทำงานของอวัยวะน้อยใหญ่ในร่างกายทรุดโทรมท่านว่าให้อาราธนาพ่อพญานอเดียวนี้ไปเถิดพลังงานของเขาจะเสริมสร้างและช่วยในการผลิตเม็ดเลือดต่างๆเอาว่าทำให้ระบบสมดุลย์และไหลเวียนได้สะดวก

    พญานอเดียวเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของการคุ้มครองให้พ้นจากอันตรายและอุบัติเหตุทุกรูปแบบ ทั้งยังช่วยยับยั้งและกำจัดผู้ที่มีเจตนาร้ายซึ่งเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตเราหรือทำร้ายคนในครอบครัวของเราได้ ท่านว่าปกติเขาก็เป็นสัตว์ที่แข็งแกร่ง,อดทน,บึกบึนอยู่แล้ว เมื่อทำเป็นหุ่นอิทธิฤทธิ์จึงมีคุณครบทั้งเรื่องเมตตามหานิยม,มหาอำนาจ,วาสนา,เสริมบุญญาธิการ,หนุนดวงชะตาความสามารถให้ได้เป็นเจ้าคนนายคน,ป้องกันอันตรายอันเกิดจากอัคคีภัย,ป้องกันอันตรายจากศัตรู,ป้องกันผีร้ายและคุณไสย,ป้องกันชีวิตที่โดนแทงข้างหลัง,เป็นปฏิปักษ์กับศัตรูของเราพร้อมจะเล่นงานสวนกลับตลอดเวลา...ท่านว่าเขาใช้ได้ครอบคลุมทุกด้าน คนพกจะรู้แก่ใจว่าเขาปกป้องเราได้ขนาดไหนไม่ว่าจะเป็นเรื่องจากการปล้นชิงและอุบัติเหตุ ทั้งยังมีพรวิเศษแห่งพระอัคนีที่จะเปลี่ยนพลังงานอันชั่วร้ายให้กลายเป็นดี ใครที่โดนกลั่นแกล้งหรือมั่นใจว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องต่างๆเช่นการเผชิญหน้ากับปัญหาในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องส่วนตัวเพราะโดนเพื่อนร่วมงานที่ไร้ศีลธรรมแว้งกัดไม่เลิก ท่านว่าลองเอาพญานอเดียวไปใช้ดูอุปมาเหมือนหมามันกัดมาก็กัดเราไม่เข้าแถมยังจะมีเหตุให้โดนแสงสวนกลับไปปางตายเรียกว่าทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นทีเดียว

    สิ่งที่ค่อนข้างพิเศษของพญานอเดียวนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ายังมีอีกหลายเรื่องชนิดที่ว่าคนใช้จะรู้สึกว่าใช่และหลงรักเขาเลยเพราะเขาเป็นสัตว์ที่น่ารัก และเขามีประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นไวมากจึงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาไม่มีซึมหรือปล่อยให้เหตุร้ายเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทันระวังตั้งตัวเช่นนั้นเพราะนี่เป็นสัญชาติญาณดิบของเขา โดยปรกติแล้วเขาจะชอบอยู่ในที่อุดมสมบูรณ์ในป่าดงดิบใกล้แหล่งน้ำโคลนตมเมื่อทำพญานอเดียวแล้วพ่ออาจารย์ท่านจึงถือเป็นคติว่าที่ใดก็ตามที่เขาอยู่ต้องอุดมสมบูรณ์,ต้องมีการเปลี่ยนแปลงจะยากจนข้นแค้นต่อไปมิได้ท่านว่านี่เขาใช้พญานอเดียวแก้เคล็ดชีวิตที่ตกต่ำอับเฉาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งเป็นสัตว์วิเศษที่ถือศีลกินแต่ใบไม้และผลไม้ไม่เบียดเบียนใครจึงนิยมว่ามีอำนาจตบะต่างจากสัตว์ทั้งหลายทั้งยังมีฤทธิ์มากกว่าเสือสิงห์ใดๆทั้งสิ้น

    พ่ออาจารย์ท่านปั้นพญานอเดียวจากผงวิเศษแรดหนังหนารวมกับมวลสารต่างๆที่ท่านทำขึ้นมากมายหลายสิบชนิดจนท่านว่าเราจำไม่ได้แล้ว แต่ที่ท่านไม่ลืมเลยนั่นก็คือนอแรดเพราะท่านเอามาเผาไฟพลีกรรมถวามแก่พระอัคนีเอาผงเถ้านอแรดนั่นเเหละมาปั้นพญานอเดียวนี้ ท่านว่ารู้กันหรือไม่นอของแรดนี้จัดเป็นของหายากมากๆที่คนโบราณนับถือ ว่ากันว่าในทางโชคลาภค้ำคูณให้คุณทางด้านหนุนชะตาดีทางโภคทรัพย์แล้วแม้ธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายก็ไม่มีสิ่งใดเสมอด้วยนอแรดเลย บูรพาจารย์แต่ครั้งโบราณท่านยกย่องกันหนักหนาว่าดีเสียยิ่งกว่าเพชรตาแมวซะอีก มีบันทึกในใบลานทั้งของไทยและลาวกล่าวถึงอาถรรพ์นอเดียวนี้เอาไว้ว่าบ้านใดมีนอแรดสีธรรมชาติบุษราไว้ในบ้านแม้ฝนที่ตกลงหลังคาบ้านหลังนั้นไหลไปสู่ที่ใด น้ำนั้นก็จะนำความเป็นมงคลแลความเจริญรุ่งเรืองไปสู่ที่นั้นๆด้วย นั่นคือนแแรดเพียงหน่อเดียวกลับมีรัศมีครอบคลุมบ้านทั้งหมด มีอานุภาพมากขนาดเปลี่ยนหยาดฝนที่ตกรดบ้านให้เป็นน้ำมนต์นำความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาได้ แต่โบราณถือว่านอแรดนี้มีราคาแพงถึงขนาดตั้งชื่อให้ว่าทองคำดำทีเดียว เพราะว่าเป็นของมีค่าแพงกว่าทองคำหลายเท่าตัวชนิดที่ว่าหาทองเท่ากำปั้นยังหาง่ายกว่า ด้วยคติที่ถือว่าแรดนั้นเป็นสัตว์ลับแลไม่ได้พบเห็นกันง่ายๆบางทีหากสะกดรอยตามมันไปอยู่ดีๆเดินไปสามวันมันก็หายไปเฉยๆไร้ร่องรอยไม่ปรากฏแม้แต่รอยเท้า ด้วยแรดบรรพกาลนั้นเป็นพาหนะของพระอัคนีเช่นนั้นแรดทั้งหลายจึงมักได้รับการคุ้มครองจากเจ้าป่าและเลือกมันเพื่อใช้เป็นพาหนะ ท่านว่าแรดนั้นต้องมีนอเมื่อนำนอมาสร้างเป็นพญานอเดียวแน่นอนว่าเขาจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่หนุนส่งตัวเรามากๆ ท่านเปลี่ยนนอแรดทำเป็นผงปั้นพยนต์พญานอเดียวจึงถือว่าเป็นการนำของกายสิทธิ์มาสร้างหุ่นกายสิทธิ์เป็นเคล็ดที่โบราณถือว่าเป็นกายสิทธิ์ซ้อนกายสิทธิ์หุ่นนั้นจะมีพลังวิเศษทวิทวีเพิ่มพูนเป็นเท่าตัว

    ด้วยพญานอเดียวเป็นหุ่นค้ำคูณนำพาสิริมงคลหนุนเสริมให้คนใช้เจริญก้าวหน้า พ่ออาจารย์ท่านว่ายิ่งนอแรดที่ท่านเอามาใช้ทำผงปั้นหุ่นนั้นยังเป็นของที่ชาวลับแลมอบให้กับท่านไว้ซึ่งใครได้ครอบครองจะไม่มีวันพบกับคำว่าตกอับเด็ดขาด พญานอเดียวนอกจากจะไวต่ออันตรายและปัญหาที่เข้ามาหาเราในทุกทางแล้ว ยังดีทางป้องกันเราได้ทุกอย่างสมกับชื่อที่เขาเป็นเสมือนรถถังหุ้มเกราะนั่นทีเดียว นอกจากมีฤทธิ์มากยังเด่นทางโภคทรัพย์,หนุนดวงไม่ให้ตก,ทั้งผลักดันเป็นบันไดให้เราเหยียบขึ้นไปจนถึงที่สุดแห่งเจริญรุ่งเรือง,ทั้งปัดเป่าให้แคล้วคลาดพ้นภัยอันตรายทั้งหลาย,แม้เล่นทางด้านเมตตามหานิยมก็ไม่เป็นสองรองผู้ใด

    ท่านปั้นพญานอเดียวปั้นไปเสกไป ท่านว่าเสกเสร็จก็เชิญเหล่าฤาษีมาช่วยกันเสกอีกคำรบหนึ่ง ต่อมาก็เชิญพระเพลิงมาปลุกพลังงานให้อีกคำรบหนึ่งจึงเสร็จครบถ้วนกระบวนความ เพราะเป็นเครื่องรางเฉพาะสายที่เน้นใช้ทางอิทธิฤทธิ์ท่านว่าจะเสกแบบพระก็ไม่ได้และจะเชิญครูพระทั้งหลายมาทำให้ก็ไม่ได้ ถือว่าเป็นของเฉพาะสายเฉพาะตัวจริงๆด้วยเป็นสัตว์เทพของพระเพลิงทั้งยังสามารถเดินเข้าออกแดนลับแลได้ดั่งใจนึกซ้ำโอกาสที่จะได้เจอพญานอเดียวตัวจ่าฝูงนั้นยังยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร พ่ออาจารย์ท่านว่าพญานอเดียวนี้เสกทุกตัวให้เป็นตัวจ่าฝูงทั้งหมด เสกให้มีฤทธิ์เหมือนปฐมกาลยามที่พระอัคนีใช้เพลิงพิธีสรรค์สร้างแรดขึ้นมาในตำนานกล่าวว่าเหล่าสัตว์วิชาธนูและของทนสิทธิ์กายสิทธิ์ต่างๆล้วนมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีคุณลักษณะพิเศษพิสดารเหนือสามัญธรรมดาในจำนวนสัตว์เหล่านี้ท่านว่าหากขาดพญานอเดียวไปแล้วไซร้ตำนานที่เป็นตำนานในหมู่สัตว์ลึกลับก็ยังถือว่าไม่อาจสมบูรณ์ได้ ในกระบวนการของอาถรรพ์ทั้งหมดผู้รู้ต่างยกย่องนอแรดว่าประเสริฐและให้คุณหนักเสียยิ่งกว่าเพชรตาแมว และเหนือกว่านั้นนอแรดนั้นต้องได้มาจากเมืองลับแลโดยชาวลับแลอีกด้วยจึงจะมีอาถรรพ์เหนือสามัญธรรมดามีฤทธิ์ดีเด่นกว่าของวิเศษทั้งหมด เมื่อนำมาทำหุ่นพญานอเดียวเขาจะหนุนดวงชะตา ค้ำคูณเจ้าของมิให้ตกต่ำหรือมีอันเป็นไปตามลัคนาราศีที่ผันเปลี่ยนไปในห้วงเวลาต่างๆ เรียกว่าผกผันค้ำคูณให้มีชะตาที่รุ่งโรจน์ดุจเปลวไฟของพระอัคนีให้เป็นคนเหนือดวง ด้วยดวงชะตาคือแผนที่ชีวิตจะมีวิถีชีวิตอย่างไร มีบุญวาสนาหรือมีกรรมแค่ไหน รุ่งโรจน์หรือคับแค้นอย่างไรทุกอย่างย่อมเป็นไปตามระเบียบ หากแต่หุ่นพญานอเดียวนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาครอบครองเพลิงปฐมกาลแห่งการสร้างสรรค์และทำลายล้างของพระอัคนีเช่นนั้นคนใช้ย่อมเหนือดวงทั้งยังผกผันวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสอยู่เนืองๆทั้งท่านได้ลงกำกับเป็นพิเศษให้ของอาถรรพ์เสริมด้วยผงอาถรรพ์และคุณวิชาตลอดจนแรงครูแห่งพระอัคนีหนุนนำชะตาคนใช้ ทั้งพญานอเดียวนี้ยังเป็นเจ้าแห่งภูติพรายที่ภูติพรายทั้งหลายและจิตรูปมายาทั้งปวงในโลกวิญญาณนั้นเกรงกลัว

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเราทำหุ่นพญานอเดียวนี้ให้สำหรับผู้ที่อยากเป็นยอดคนหมดจากนี้ไปอย่าได้ไปแสวงหาที่ไหนอีกเพราะนอแรดที่คนลับแลเอาออกมาให้เองนั้นมีน้อยพอๆกับหางกิเลนกับเขามังกรนั่นเอง ใครที่มีพญานอเดียวไว้ครอบครองจะสามารถขอสิ่งใดก็ได้จากพระเพลิง ด้วยตบะบารมีของพระเพลิง เทพทั้งหลายย่อมจะดูแลรักษาเราเป็นอย่างดีไม่ว่าจะสัญจรไปที่ใดก็ตาม จะต้องให้ความช่วยเหลือไม่ว่าบุคคลที่ครอบครองจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดีเรียกว่าช่วยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆด้วยแต่เดิมแรดก็มีตบะสูงเพราะเขากินแต่พืชอยู่แล้ว เมื่อร่วมกับเพลิงและตบะของพระอัคนีด้วยเช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงถือว่าหุ่นแรดนี้เป็นของมีค่ามาก ผู้ใดมีโอกาสได้ครอบครองย่อมมีความเกี่ยวข้องผูกพันสร้างบารมีร่วมกันมากับพระอัคนีแต่ปฐมกาล ท่านว่าจะเคยเป็นบริวาร เป็นลูกเป็นหลาน เป็นเผ่าพันวงศ์วานร่วมชาติกันมาแต่ปางก่อนอย่างแน่นอน หาไม่แล้วจะไม่มีโอกาสได้พบเจอและครอบครองของพญานอเดียวกายสิทธิ์ที่นำพาความเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้

    พ่ออาจาย์ท่านนำพญานอเดียวมาผูกไว้กับตะกรุดมารุมมะตุ้มทุกตัว ท่านว่าจะเสริมคุณด้านเมตตาเรียกคนเข้าหา นำพาสิ่งดีๆเข้ามาหาเราได้อีกเยอะด้วยตะกรุดจะบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ที่คนทั้งหลายจะมารักมาชอบเรา ท่านว่ามีคนรักดีกว่ามาคนเกลียด ยิ่งมีคนรุมรักมันก็จะดีกว่าคนรุมเกลียด เพราะคนเขารักเราเขาก็เอื้อประโยชน์ให้กับเราคอยช่วยเหลือเป็นหูตาเส้นสายให้เรา เมื่อเราได้ใจเขาอะไรมันก็ง่ายไปหมด เป็นเมตตาแบบหาตัวจับยาก เช่นนั้นพญานอเดียวตัวจ่าฝูงจึงมีฤทธิ์จูงให้ชนทั้งหลายเข้ามาคลอเคลียอยากชิดใกล้มารุมมะตุ้มรักเราเอ็นดูเราเช่นนั้น จะดึงดูดใจคนให้รู้สึกดีประเภทที่ว่าเราทำอะไรเล็กๆน้อยๆเขาก็มองเราดีแล้วเก็บเอาไปซาบซึ้งนึกถึงไม่เสื่อมคลาย เรียกว่าเห็นแต่คุณไม่เห็นโทษ ดูดดื่มดึงดูดใจอยู่กับความทรงจำดีๆเราทำอะไรก็ต้องจิตต้องใจไปเสียหมด พ่ออาจารย์ท่านว่าพญานอเดียวสามารถบันดาลได้ทุกสิ่งให้วิ่งเข้ามาไม่ช้าไม่นาน เมื่ออาราธนาให้ขอกับพ่อพญานอเดียวเขาดีๆให้หนุนนำพาตัวเราไปสู่สังคมที่ดี ด้วยปกตินั้นพญานอเดียวก็ได้ชื่อว่าเป็นยอดแห่งความอดทนอยู่แล้ว เมื่อทำกิจใดๆแล้วหากไม่สำเร็จก็จะไม่ท้อถอย ถ้าใครเอาไปใช้หนุนวาสนาตัวเองเขาก็จะขับเคลื่อนดวงชะตาราศี นำพาวาสนาให้ดวงดี,ดวงรุ่งเป็นดาวที่ไม่ตกไม่ดับแสงอยู่อย่างนั้น ท่านว่าลองดูได้ชีวิตใครที่เข้าขั้นซวยไปแล้วให้พกพญานอเดียวดูซักวันหนึ่ง พออีกวันไม่ต้องพก ท่านว่าเพียงแค่นี้จะเห็นความแตกต่างของชีวิตได้ราวกับหน้ามือและหลังมือ

    คาถาบูชา
    กะนะอะหาคุณา โสสะอะนิ ปะสิสะ สิขิสังมิ อะ อิ อา อี ออ แอ อึ อือ อุกาโรโหตุสัมภะโว


    พญานอเดียวนี้ท่านเคยให้ฝรั่งคนหนึ่งนำไปบูชา ท่านว่าฝรั่งคนนี้ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนทั้งยังเป็นคนประเภทที่ว่าไม่นับถือศาสนาใดๆเป็นคนไร้ศาสนาไม่เชื่อในพระเจ้าหรือสิ่งที่มองไม่เห็นเช่นนั้น เมื่อเขาประสบกับปัญหาธุรกิจล้มละลายจนมีเพื่อนคนไทยแนะนำว่าให้ลองหาของวิเศษเมืองไทยไปใช้ดู พอดีกับวาสนาที่เขาได้มาเจอพ่ออาจารย์ท่านช่วงที่ออกกู้ว่านยาต่างๆท่านพิจารณาแล้วเห็นว่ามีวาสนากับพญานอเดียว ทั้งยังไม่ใช่รูปพระและเทพเจ้าต่างๆที่จะไม่นำพาศรัทธาของเขาได้ ท่านจึงได้มอบพญานอเดียวตัวที่ท่านพกใช้อยู่ให้ไปบูชาเมื่อฝรั่งคนนั้นได้ของไปใช้ก็ปรากฏว่าธุรกิจที่กำลังจะย่อยยับอับปางพังพินาศลง กลับฟื้นตัวขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฝรั่งคนนี้ถึงแม้จะไม่ศรัทธาในพระเจ้า เป็นคนไม่มีศาสนา แต่เขากลับศรัทธาในพญานอเดียวและบูชาเป็นอย่างดีเสมือนเพื่อนที่จะอาศัยพึ่งพิงกันในยามยาก เช่นนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงพูดเสมอว่าพญานอเดียวนี้ไม่ว่าใครก็ใช้ได้ จะเป็นคนดี คนชั่ว หรือแม้แต่คนไม่มีศาสนาก็ยังใช้ได้เพราะเขาช่วยโดยไม่เลือกเช่นนี้

    *** พญานอเดียวพ่ออาจารย์ท่านปั้นได้ไม่มากเพราะมวลสารมีจำกัด รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้บูชาให้แจ้งชื่อนามสกุลไว้ด้วย ท่านจะได้ทำการประสิทธิให้ใช้กันได้สืบต่อไป ท่านว่าแม้เจ้าของตายก็ยังสืบทอดในวงศ์ตระกูลได้ ///รายการนี้ท่านว่ายิ่งเลี้ยงเยอะก็ยิ่งดีกับงานและกิจการของตนเอง รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กไร้โอกาสสืบต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2019
  18. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ตะกรุดเพชรกลับชีวิตรุ่งโรจน์สำเร็จสมประสงค์
    (นิราศทุกข์ทั้งผอง)

    ให้บูชา 1600 บาท

    ปิดรายการนี้แล้วครับ

    IMG_20190830_203142.jpg IMG_20190830_203205.jpg

    อ้างอิงจาก
    https://palungjit.org/threads/ร่วมทำบุญบูชา-ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้-มีตังค์-พ่ออาจารย์พล.548127/page-26#post-10995259

    ด้วยคติแห่งโพธิและมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ต้องการจะโปรดโลก สั่งสอนมนุษย์เเละเวไนยสัตว์ทั้งหลายข้อนี้เป็นพระเมตตาอันไม่มีประมาณ และเหนือสิ่งอื่นใดนั้นเราทุกคนได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่อพระพุทธเจ้า ดังนั้นวิชานี้จึงใช้อำนาจพ่อพระพุทธสงเคราะห์ดวงลูกๆโดยตรง ใช้คุณแห่งมหากรุณาและเมตตาของพ่อเพื่อยับยั้งกลไกแห่งอกุศลกรรมทั้งหลาย ให้เจ้าของดวงนั้นได้มีกำลังแห่งพระโพธิญาณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสริมส่งอยู่ในดวงของตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นท่านก็ทำกิจและบำเพ็ญบารมีมาต่างกันถึงท่านจะสร้างบารมีอย่างไม่ได้ย่อท้อ ตั้งแต่การสั่งสมบุญซึ่งจะใช้ชำระขัดเกลาสันดานให้มีคุณภาพดีขึ้น เป็นความประพฤติที่ดีขึ้นทางกาย,ทางวาจาและทางใจจนกระทั่งมีจิตใจที่กล้าแข็ง จึงได้สร้างบารมีหรือก็คือบุญที่ทำอย่างหนักหน่วงมากด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันอย่างไม่หวั่นไหว จนบารมีครบทั้ง 30 ประการ เช่นนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์จึงสร้างบารมีกันมายาวนานด้วยบุญบารมีอย่างมากมายที่ทำไว้ยิ่งยวด ... ในด้านคุณสมบัติและคุณธรรมซึ่งการฝึกฝนตนเองของพระองค์ด้วยคุณธรรมอันยิ่งยวดนี้เองก็ทำให้แต่ละพระองค์มีความถนัดและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามวิสัยของบารมีอันได้อบรมมา

    แต่กาลเวลาภายหน้านั้น...ท่านว่านักปราชญ์จะตกต่ำลง ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจวาสนา การเปลี่ยนแปลงตามวัฏฏจักรทั้งฤดูกาลตลอดจนธรรมชาติร่วมไปถึงน้ำใจของมนุษย์นั้นได้เริ่มเกิดขึ้นเเละมีให้เห็นอยู่มากมายเเล้ว ความผันผวนทั้งหลายนี้มาพร้อมความเสื่อม ในยุคปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าทอดสายตาไปที่แห่งใดก็ล้วนเเต่พบเจอความทุกข์ทั้งสิ้น แม้มองเห็นความสุขก็ยังเป็นความสุขในความทุกข์อยู่ดี เราทั้งหลายนอกจากจะรู้จักความทุกข์ยากลำบากเเล้ว ควรจะมองเข้าไปให้เห็นความทุกข์ อย่าไปหดหู่ท้อแท้ใจกับมัน ให้ปลงอนิจจังเอาไว้ ตั้งอารมณ์ให้เป็นกลาง หมั่นฝึกฝนสติเเละต่อพระกรรมฐานเป็นทุนของชีวิตไว้ไม่หลงไปตามกระเเสโลกและสังคม เมื่อท่านมีดำริเช่นนี้ครูท่านก็อยากจะช่วยบุคคลอันเจริญตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาที่ไม่คลอนแคลนให้พ้นจากยุคเข็ญเเละห้วงภาวะขาลงต่างๆทุกด้าน ท่านก็คิดที่จะทำวัตถุมงคลกลับดวงชะตาขึ้น ###ท่านว่านอกจากการเชิญครูให้แฝงกายจับมือขึ้นรูปชักยันต์แล้วตะกรุดชนิดนี้ยังต้องใช้บารมีขององค์พระบางพระองค์ด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าก่อนที่จะลงได้ต้องทำสมาธิจนได้ระดับหนึ่งก่อนเพราะครูที่แฝงกำลังจับมือท่านชักยันต์นั้นต้องใช้วิปัสสนาญาณของท่านเข้ามาช่วยเสริมในการปัดเป่าเคราะห์กรรมของผู้บูชานั่นเอง

    เสด็จพระใหญ่ท่านให้พ่ออาจารย์ขอบารมีขององค์สมเด็จพระพุทธเวสสภู,และองค์สมเด็จพระพุทธกุกกุสันโธเป็นกาลเฉพาะเหตุ เพราะองค์สมเด็จพระกกุสันโธนั้นจะมีบารมีทางด้านนำสัตว์ข้ามพ้นจากยุคมืดยุคเข็ญและนำสัตว์โลกทั้งหลายออกจากความทุกข์ร้อนความกันดารต่างๆ(ท่านว่านี่ถ้าใครทุกข์มากหรือลำบากมากต้องรีบขอบารมีองค์พระกกุสันโธนี่แหละ) ส่วนสมเด็จพระพุทธเวสสภูนั้นท่านย่อมเป็นผู้ประทานความสุขแก่หมู่ชน เป็นผู้เติมเต็มความสุข ดังนั้นชีวิตใครที่มีแต่ทุกข์ไม่เคยได้สัมผัสความสุขเลยจึงจำเป็นต้องขอบารมีท่านที่ได้ทำไว้เพื่อสงเคราะห์สัตว์ทั้งหลายให้ได้รับความสุขกันถ้วนหน้า โดยวิชานี้จะมีพุทธคุณใหญ่ๆนอกจากเรื่องความสำเร็จเเล้ว ท่านหมายใจจะให้ผู้บูชาไปถึงฝั่งฝันได้อย่างง่ายดายเสมือนปอกกล้วยเข้าปาก ด้วยมนุษยชาตินั้นล้วนมีความต้องการความอยากได้ใคร่ดีกันต่างๆนานาเนื่องจากมีความหวังมีความฝันที่จะต้องก้าวไปพร้อมความทะเยอทะยานในตัวเอง ดังนั้นเเล้วทุกเรื่องที่ปรารถนาเมื่อไปถึงฝั่งแล้วย่อมถือได้ว่าสำเร็จ แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเเละไม่ง่ายเลยที่มนุษย์จะประสบความสำเร็จได้ในทุกเรื่องสืบเนื่องมาจากความขัดข้อง,อุปสรรคเเละปัญหาที่มีเข้ามาเป็นเครื่องทดกสอบกำลังใจนั่นเอง ไม่ว่าจะการงาน,การศึกษา,ความรัก,ความปรารถนา,ความต้องการ,ความอยากได้ใคร่ดีต่างๆ ซึ่งความขัดข้องเหล่านั้นก็มีผลสืบเนื่องมาเเต่กรรมอันเป็นกฎของวัฏฏสงสารนั่นเอง เช่นนั้นองค์สมเด็จพระพุทธเวสสภู,แลองค์สมเด็จพระกกุสันโธจึงให้ท่านลงตะกรุดไว้จะได้มอบแก่ชนทั้งหลายได้ติดตัวใช้กัน เพราะต่อไปนี้สิ่งที่คนทั้งหลายจะประสบพบเจอนั้นล้วนเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสนัก จะหนักจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิมอีกมาก ท่านว่า "ปกติเธอจะทำตะกรุดไว้กันและแก้ดวงให้พวกเขา จำไว้นะว่าทั้งกันและแก้ตอนนี้ก็ไม่พอเราจะลงเพชรกลับเพื่อกลับชีวิตเขาให้รุ่งโรจน์ให้นิราศห่างไกลจากทุกข์ทั้งผอง" พ่ออาจารย์ท่านได้พิจารณาดูโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั้น เปรียบเสมือนคำปกาศิตและความปรารถนาดีของพ่อพระพุทธทั้งสองที่เป็นห่วงชีวิตมนุษย์ เช่นนั้นจึงสบายใจได้ว่าตะกรุดที่ท่านจะทำขึ้นให้บูชานี้จะต้องไม่ใช่ตะกรุดที่ห้อยแล้วหนักตัวเปล่า แต่ต้องกันสารพัดสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่จะเกิดเหตุต่อไปในอนาคตกาลไม่ให้เกิดขึ้นกับผู้บูชาได้ ซ้ำยังต้องมีพุทธคุณในการแก้,การคลายเหตุการณ์วิกฤติต่างๆให้ผ่านพ้นไปด้วย รวมไปถึงการกลับร้ายกลายเป้นดีกลับชีววิตที่อ่อนล้าเพราะความเหน็ดเหนื่อนและท้อใจนั้นกัดกินให้กลับมารุ่งโรจน์อยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้ง

    ท่านว่าแต่เดิมนั้นพอเสด็จพระใหญ่ท่านแนะนำให้ขอบารมีพ่อพระพุทธทั้งสอง ฉันก็ยังคิดหนักว่าจะลงอะไรดีแล้วจะให้ท่านมาเสกอย่างไร คิดอยู่แต่แค่นั้นแหละว่ามีวิชาใดที่จะช่วยฉุดชักเเละขจัดความขัดข้องทั้งหลายท่านตั้งจิตพิจารณาจนมีนิมิตรเเละทราบโดยนิมิตรนั้นว่า สมเด็จพระพุทธเวสสภูให้ทำตะกรุดซึ่งท่านได้กล่าวว่าคนเราหากประสบความสำเร็จได้ง่ายเเละเร็วชีวิตเค้าก็จะมีความสุขเช่นนั้นชีวิตนี้ของเขาเราจะช่วยเอง เราจะขจัดเหตุเเห่งปัญหาเเละอุปสรรคตลอดจนความขัดข้องทั้งมวลที่จะเข้ามาขวางความสำเร็จในชีวิตเขาทุกเรื่อง ให้เขาสำเร็จได้ลืมตาอ้าปากได้ในทุกเรื่อง ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากกรรมเก่า,เจ้ากรรมนายเวรหรือเทพยดาทดสอบลองใจก็ตาม เราจะคลี่คลายการณ์ทั้งหลายนั้นให้ผ่านไปด้วยดี เพราะความสำเร็จนี้เป็นบ่อเกิดเเห่งความสุขสมบูรณ์ถึงพร้อมในทุกด้านมิได้จำกัดไว้เพียงด้านใดด้านหนึ่ง ทั้งสมเด็จพระกกุสันโธยังได้เสริมให้อีกวาระหนึ่ง ด้วยเป็นวิชาที่ช่วยให้ชีวิตสัตว์ดำเนินไปสู่ความสำเร็จไม่ตกกรอบไม่ออกนอกเส้นทาง เมื่อมีเป้าหมายใดแล้ววิชานี้ก็จะเป็นพลังไฟในการขับเคลื่อนชีวิตให้ไปสู่เป้าหมาย ไม่ใช่เพียงมีเป้าหมายไว้ให้เพ้อฝันแต่ไม่สามารถไปถึงได้ ตะกรุดวิชานี้จะช่วยขจัดปัญหาอุปสรรคเหตุการณ์อาเพศต่างๆทั้งน้อยใหญ่ไม่ให้เกิดเเก่ผู้ครอบครอง คิดอ่านทำการณ์สิ่งใดใหญ่น้อยทั้งหลายก็ให้สัมฤทธิ์ผลพบเจอเเต่ชัยมงคลไร้พ่ายตลอดไป (***พ่ออาจารย์ท่านว่าตอนลงนั้นกลายเป็นว่าเราไม่ต้องทำ พ่อพระพุทธทั้งสองท่านเมตตาทำให้หมดเลย ท่านมาจับมือเราวาดยันต์ขึ้นพอสมเด็จพระพุทธเวสสภูปล่อยสมเด็จพระกกุสันโธท่านก็ทำให้ต่อเลย ยันต์ที่ท่านวาดที่ท่านลงให้ก็เป็นวิชาในยุคสมัยของพวกท่านที่แตกฉานกันมายาวนานจนเราไม่สามารถรู้หรือเข้าใจและอ่านได้ว่าท่านจับมือเราเขียนอะไร พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดชุดนี้ทั้งสองวิชาที่พ่อพระพุทธท่านลงนั้นเกินกว่าปฏิภาณและความสามารถเราที่จะทำเองได้จริง)

    ซึ่งหลักใหญ่ของวิชานี้นอกจากจะคุ้มภัยอันตรายทั้งหลายแล้วยังเสริมส่งให้ผู้บูชาประสบชัยชนะในทุกๆด้านอีกด้วย ศัตรูคู่แข่งทั้งหลายนั้นท่านว่าสู้เราไม่ได้เลย หากเรากำหนดจิตบอกกล่าวพระรัตนตรัยว่าใครคนไหนคือศัตรูเขาจะมีอันพ่ายแพ้แก่เราไปสิ้น วิธีนี้ท่านว่าเป็นเล่ห์กลใช้ได้หลายทางนักจะศัตรูคู่แข่งทางด้านธุรกิจ,การเจรจาต่อรอง,การงาน,ความรัก ล้วนใช้ได้ทั้งหมดพ่ออาจารย์ท่านพ่อพระพุทธท่านลงสงเคราะห์ผู้นำไปใช้เต็มที่โดยทำการแฝงพุทธานุภาพเพื่อที่ต่อไปเบื้องหน้าเเม้เข้าสู่ยุคเข็ญ เขาก็จะไม่ลำบากเลยทั้งกัน,แก้และพลิกกลับครบเครื่องตามดำริของครูบาอาจารย์ เมื่อลงเสร็จนั้นท่านได้ทำการอธิษฐานบอกกล่าวครูบาอาจารย์ ฝากให้ครูท่านสงเคราะห์ผู้ใช้ให้เต็มที่ เพราะท่านจะถักเชือกลายจรเข้ขบฟันเเเละเชือกนี้ก็เป็นสายสิญจน์ที่ท่านทำขึ้นมาโดยเฉาะ ซึ่งได้นำไปชุบน้ำฟ้ากล่าวง่ายๆคือใช้น้ำที่ตกจากฟ้า(ฝน)ห่าแรก มาทำเป็นน้ำมุรธาภิเษกชุบเชือกเพื่อพันตะกรุดนั่นเอง ถือเคล็ดที่ว่าน้ำนั้นฟ้าประทานให้ เทพเทวดาทั้งหลายท่านเมตตาให้ดับร้อนผ่อนทุกข์ เพื่อเป็นสื่อให้ตะกรุดนี้ผู้ใช้จะได้รับความเมตตาจากเทพยดาทั้งหลายอีกโสตหนึ่งนั่นเอง

    เวลาเสกนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าต้องเสกแบบเปิดโลกเต็มกำลัง แต่ตะกรุดนี้มีอะไรที่มากกว่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าปกติท่านจะเสกเองแต่หนนี้พ่อพระพุทธทั้งสองท่านเปิดโลกทำให้ของท่านเองโดยที่ตัวฉันไม่ต้องยุ่ง เพราะการเสกแบบเปิดโลกนั้นปกติต้องอาศัยกำลังญาณและสมาบัติของผู้เสกเองเป็นสื่อ เพื่อเชื่อมถึงพลังงานธรรมะ พลังงานพระพุทธคุณและกำลังแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ธรรมะนั้นคือแสงสว่างที่ไม่มีวันมอดดับ เป็นแสงสว่างที่ใช้ทำลายความมืด ความไม่รู้ อวิชชาทั้งปวง ทำลายเครื่องกีดขวาง เครื่องผูกมัด ส่องแสงสว่างให้มองเห็นทะลุเชื่อมถึงกันได้ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเสกแล้วเครื่องมงคลที่สำเร็จออกมาจะได้รับการสงเคราะห์ด้วยอำนาจพระพุทธคุณในระดับที่อยู่เหนือและสูงกว่าอำนาจพุทธคุณในระดับอื่นๆ เพราะเป็นอำนาจแห่งสัจธรรมที่ใช้ส่องสว่างและทำลายความมืด เกินกว่าและสูงกว่าอำนาจแห่งวิปัสสนาญาณในสายอภิญญาหรือพระอรหันต์ทั่วไปก็ไม่สามารถกระทำได้ ต้องใช้พระพุทธคุณให้สงเคราะห์ให้ทำให้เท่านั้น เป็นกำลังพิเศษอันจะเกิดได้แต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นวัตถุมงคลเครื่องสูงที่เสกได้ยากทำได้ยากและไม่ค่อยมีพ่อแม่ครูอาจารย์จะทำกันเท่าไหร่ เพราะใช้กำลังจิตกำลังใจสูงหลังจากเสกแล้วกายเนื้อกายสังขารย่อมอิดโรยวัตถุมงคลประเภทนี้กล่าวได้เลยว่านับแต่อดีตกาลมาผู้ที่มีถือครองไว้ก็มีเพียงไม่กี่คน เพราะครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ไม่ปรารถนาที่จะเสกด้วยวิธีนี้ เพราะถ้าหากหมายใจที่จะทำแล้วจะทำให้ได้ผลมากได้อานิสงค์มากนั้นต้องเป็นการสงเคราะห์เฉพาะบุคคลการเสกแบบนี้จึงไม่เหมาะกับพิธีพุทธาภิเษกหรือนั่งปรกแบบปกติหากสำเร็จด้วยอำนาจแห่งสัจธรรมอันนี้พ่ออาจารย์ท่านว่า เป็นอะไรที่สุดๆแล้วจริงๆ เพราะอำนาจแห่งพระสัจธรรมนั้นยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณหากเป็นอำนาจแห่งครูอาจารย์อำนาจแห่งเทพยดาทั้งหลายยังมีประมาณได้,มีขีดจำกัดได้ แต่อำนาจแห่งพระสัจธรรมนั้นเป็นอำนาจที่อยู่เหนือกลไกเเห่งวัฏฏสงสาร เป็นอำนาจที่ไม่รู้เหือด,รู้แห้ง,รู้ดับ เป็นแสงสว่างที่ส่องประกายตลอดเวลาเกินกว่าอำนาจของเทพพรหมใดๆทั้งสิ้น ผู้ใช้เครื่องมงคลประเภทนี้พูดภาษาง่ายๆคือดีวันดีคืน ทำอะไรจับอะไรก็รุ่งไปหมด ชีวิตไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไร หากตนเองเป็นสัมมาทิฏฐิ ดำรงค์ตนอยู่ในหนทางที่สุจริตด้วยแล้ว จะยิ่งเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ เพราะเราเดินอยู่ในด้านสว่างอยู่แล้วต่อให้มีความมืดฉายเข้ามาบ้างมีปัญหาอุปสรรคบ้าง แสงสว่างนั้นจะทำลายความมืดทั้งปวงและชักนำเราให้ขึ้นไปสู่สิ่งที่เจริญและเป็นสวัสดิมงคลทั้งหลายสืบไป

    ท่านว่ายิ่งพ่อพระพุทธทั้งสองทำวิชาเปิดโลกให้เองดังนี้แล้วจึงมั่นใจได้ว่าดีกว่าเราทำเองหรือไปเชิญท่านมาทำอีกเป็นไหนๆ เพราะเป็นวิชาของท่านเช่นนั้นท่านจึงรับผิดชอบให้เต็มที่ด้วยการเปิดให้สว่างทั้งตานอกเเละตาใน,เปิดชีวิตคนใช้ให้ออกมาพบแสงสว่าง เมื่ออับจนหนทางทุกข์หามยามเคราะห์ต่างๆก็จะช่วยเปิดสิ่งที่ปิดกั้น,ขวางกั้นเราอยู่ออกไป,ที่ว่าต่ำว่าจน,ที่ว่าหมดหนทางเยียวยา,ตกไปสู่ที่มืดสนิทก็ฉุดชักกลับมาในความสว่างให้ดำรงค์อยู่ในคุณธรรมเเละสัจธรรมสืบไป ท่านว่าเห็นมั๊ยนี่มันกลับทั้งหมด เพราะท่านตั้งใจจะกลับจะพลิกให้ทุกอย่างรุ่งโรจน์ จะนำเราออกจากทุกข์ทั้งผองตามคติของท่านดังนั้นตะกรุดนี้จึงมีสำคัญมากท่านว่าใครได้ไว้แม้ตายไปจากภพภูมินี้จิตที่ตั้งมั่นอยู่ในกุศลและหนแห่งสัจธรรมก็จะยังช่วยเขาให้ได้สืบสวรรค์สมบัติเเละนิพพานสมบัติต่อไป แค่พบเจอตะกรุดนี้ได้ก็เป็นบุญนักหนาแล้ว หากได้อาราธนาด้วยด้วยก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองในครรลองคลองธรรมยิ่งๆขึ้นไปอีก ท่านว่าถึงคราวทำเพื่อปวงชนทั้งหลายของสิ่งนี้ให้เอาไว้ใช้ปราบยุคเข็ญ,ขจัดพิษภัยเศรษฐกิจและปัญหาชีวิตโดยเฉพาะสืบไปเบื้องหน้า ใครที่ว่าตกต่ำย่ำแย่,ทำอะไรก็ทรุดตัว,เงยหน้าขึ้นไม่ได้,ไปต่อไม่ถูก,หาทางออกไม่เจอ มีตะกรุดคุณวิชาพ่อพระพุทธทั้งสองนี้ไว้บูชา ด้วยอำนาจแห่งพุทธบารมีของทั้งสองพระองค์อันได้จำเริญบ่มเพาะมาดีแล้วนั้นจะช่วยพยุงเขาไว้ไม่ให้ตกต่ำ,ให้ลุกขึ้นได้,ให้กลับมาเจริญได้ ใครที่ไม่เคยพบความสุขความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมเขาก็จะได้พบ

    พ่ออาจารย์ท่านว่ามนุษย์เรานั้นมีธาตุความร้อนอยู่ในตัวทุกคนนั่นคือธาตุไฟในกายมนุษย์ เมื่อสภาพเเวดล้อมปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มันส่งผลให้สิ่งมีชีวิตต่างๆนั้นเร่าร้อนขึ้นเร่งเสริมและหนุนมีปฏิสัมพันธ์ให้ธาตุไฟแสดงออกทางพฤติกรรมและอารมณ์มากขึ้นต้องทำความเข้าใจไว้ก่อนว่าบุคคลใดก็ตามมีธาตุไฟในตัวมากไปนั้นไม่ดี จะส่งผลต่ออารมณ์,โทสะ,ความเกรี้ยวโกรธและที่สำคัญโชคลาภนั้นทำให้ตายอย่างไรก็จะไม่วิ่งเข้ามาหาบุคคลประเภทนี้ เพราะโชคลาภนั้นเปรียบเสมือนความเย็นเป็นธาตุน้ำที่ขัดกับธาตุไฟโดยสิ้นเชิง พ่อพระพุทธทั้งสองท่านจึงตั้งใจจะช่วยเหลือ ท่านว่าเมื่อช่วยแล้วก้ต้องไปให้มันสุด ต้องเปลี่ยนจากข้างในจึงจะเป็นการปรับชีวิตเขาได้อย่างแท้จริง จะต้องเปลี่ยนแปลงความร้อนภายในร่างกายและจิตใจให้ทุเลาเบาบางลง จากคนแข็งกร้าวอุปนิสัยก็จะอ่อนลง เมื่อร่างกายเราเย็นลงโชคลาภวาสนาการเงินต่างๆก็จะตามมาอย่างเต็มที่ไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไร เปิดทางรับแต่สิ่งที่ดีและสิ่งที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นและข้อดีสูงสุดของตะกรุดนี้คือสิ่งที่วิชาอื่นไม่มีเสมอเหมือน นั่นคือกำลังแห่งพระโพธิญาณพ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในทุกโลกธาตุนั้นมีมากกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายในพื้นมหาสมุทร แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีเหมือนกันนั่นก็คือทศบารมีธรรมและกำลังอำนาจแห่งพระโพธิญาณซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือกว่าอำนาจแห่งฉฬภิญญาอรหันตานุภาพของพระสงฆ์สาวกทั้งปวง เช่นนั้นเมื่อพ่อพระพุทธท่านทำให้ด้วยกำลังแห่งพระโพธิญาณแล้วเรื่องอื่นเราอย่าไปคิดอะไรอีก

    คาถาบูชา(นะโมสามจบ)
    ท่านว่ากำหนดลมหายใจพุท-โธ จนจิตนิ่งดีแล้ว ให้นึกถึงชื่อพ่อพระพุทธทั้งสองคือสมเด็จพระพุทธเวสสภูและสมเด็จกกุสันโธเพียงเท่านี้ก็ใช้ได้เลย เพราะท่านทั้งสองนั้นเมตตามาทำให้จนเป็นของสำเร็จเกินความคิดอ่านของปุถุชนแล้ว


    * ตะกรุดสำคัญนี้ท่านว่ามีเจ้าของกำหนดไว้แล้วทุกดอก ใครที่มาพบมาเจอนั้นท่านว่านั่นคือคนที่มีสัญญาร่วมกัน แต่ถ้ากรรมปัจจุบันของเขาหนักเกินไปหรือไม่สามารถแก้ไขเยียวยาอะไรได้แล้วเขาก็จะปล่อยผ่านไปด้วยตัวเขาเอง รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสสืบต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2020
  19. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    หุ่นแพะผูกกรรมรุกมหันต์ทุกข์ โทษ ทรมาน (ล้างบาปรับกรรม)

    ให้บูชา 800 บาท
    ปิดรายการแล้วครับ
    IMG_20190830_203454.jpg IMG_20190830_203514.jpg

    อ้างอิงจาก
    https://palungjit.org/threads/ร่วมทำบุญบูชา-ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้-มีตังค์-พ่ออาจารย์พล.548127/page-17#post-10722697

    วิชาเอกที่หลายๆคนหวังได้ไว้ในครอบครองและหาโอกาศน้อยครั้งที่พ่ออาจารย์ท่านจะสร้าง จะทำในขนาดกำลังดีน่าใช้เช่นนี้ด้วยแล้ว ตามกระแสที่ขอบูชาแพะเพราะอยากได้ไว้ใช้รับกรรมและแจกลูกหลานนั้น เนื่องจากแพะมีจำนวนน้อยและชุดนี้เป็นของกำลังใช้ที่ตัวเล็กแล้วก็น่ารักสุดๆ บางคนที่มีปู่พญายมจะบอกว่าแพะรุ่นนี้น่ารัก แบ๊วมาก โดยเฉพาะใครชอบของจิ๋ว ห้อยคอกำลังสวย หรือจะทำพวงกุญแจพก แม้แต่ห้อยเอวรึพกในร่มผ้าท่านว่าได้ทั้งหมดทั้งสิ้นเอาตามแต่ใจสะดวก ขอเพียงให้ใช้ให้พกติดตัวก็พอ

    แพะเป็นสัตว์มงคลที่โบราณจารย์ นิยมนำรูปมาสร้างเป็นเครื่องรางของขลังเพื่อเป็นเครื่องป้องกันภยันตรายให้แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเรียกเงินทอง โชคลาภ และเป็นมหาเสน่ห์ สังเกตว่าแพะฝูงหนึ่งจะมีกี่ตัวก็แล้วแต่ มักจะมีตัวผู้เพียงตัวเดียวนอกนั้นเป็นตัวเมีย จึงมักมีผู้นิยมนำไปใช้ในเรื่องเมตตามหานิยมมหาเสน่ห์ ด้วยคติที่ว่าตัวผู้หนึ่งเดียวคุมตัวเมียทั้งฝูง ดังนั้นวิชาแพะจึงเน้นพุทธคุณด้านเมตตาแรงที่สุด เสน่ห์สูงล้น เพราะแพะนี้นิสัยเจ้าชูตัวพ่อได้แพะตัวเมียทั้งฝูงได้สบายหลายรอบ และแพะตัวเมียไม่ปฏิเสธ

    แพะมีพุทธคุณดีทุกด้าน ใครใช้ เคราะห์หดหาย เคราะห์จืด เคราะห์จาง เคราะห์หมด แพะรับเคราะห์แทนเรา แพะกินเคราะห์ กินสิ่งไม่ดีแปลถ่ายออกมาไปในรูปของ เมตตามหาเสน่ห์มหานิยม เคราะห์มากเท่าไหร่แพะแปลสภาพมาเป็นเสน่ห์ออกมากเท่านั้น ไปทางเจ้าชู้ไปทาง สาวๆ หนุ่มๆเดินงงหลงทิศหลงทาง "กลับร้ายกลายเป็นดี ล้างอาถรรพ์ มนต์ดำ ชนะทุกปัญหา ชนะทุกอุปสรรค์ เมตตา ชนะใจคนทั้งหลาย อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้เทวดา ก็พาให้เมตตา รักใคร่ เสน่หา เกื้อกูล" ยังมีคุณตามตำราแพะเศรษฐีแพะตำรับ เรียกเงิน เรียกทอง เรียกโชคลาภ ให้ทวีมากเข้า ใครมีแพะเศรษฐี บอกได้คำเดียวว่า“ ร่ำรวย ”

    หุ่นแพะลอยเคราะห์ล้างบาปรับกรรม วิชาแพะพ่ออาจารย์ท่านว่าสำคัญนัก เพราะมันเป็นตัวรับเคราะห์กรรมแทนเจ้าของ แพะของท่านนั้นมันกินบาปเคราะห์เป็นอาหาร ซ้ำยังเป็นแพะตัวผู้ตัวจ่าฝูงที่เป็นเอกด้านเสน่ห์มหานิยม ดั่งที่ว่าตัวผู้จ่าฝูงตัวเดียวได้ตัวเมียทั้งฝูง แพะนี้ท่านทำเพื่อให้คนใช้นำไปบูชาโดยหวังประโยชน์ใหญ่ให้คนใช้นิราศทุกข์ พ้นทุกข์จริงๆ โดยท่านได้ใช้ความเพียรอุตสาหะหาฤกษ์ยามลงตะกรุดลอยเคราะห์เก็บไว้ทีละดอกๆ เอาแต่เนื้อตะกรุดเท่านั้นไม่ให้มีโลหะสิ่งใดเจือปนมาเทหล่อเป็นแพะล้างบาปรับกรรมรุ่นนี้

    วิชาลอยเคราห์นี้สร้างยากมากเพราะเป็นวิชาชั้นสูงที่ท่านต้องลงจารตะกรุดเสกเก็บไว้เพื่อที่จะใช้เมื่อถึงกาลถึงวาระจริงๆเท่านั้น เป็นของที่มีอานุภาพมาก ท่านว่าความหมายมันก็ตรงตัว คือลอยอยู่เหนือเคราะห์กรรม คล้ายๆกับการตกตะกอนของน้ำ เคราะห์กรรมอยู่ส่วนหนึ่ง น้ำอยู่ส่วนหนึ่ง ลอยแยกจากกัน เคราะห์กรรมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรา ดุจดั่งว่าเวทย์วิชานี้คือกำแพงที่ขวางกั้นน้ำกับตะกอนเช่นนั้น ที่ว่าสร้างยากนั้นก็เพราะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ท่านว่าไม่มีใครอยากจะทำให้กันหรอก ตอนเรียนมาท่านก็ย้ำหนักหนาว่าต้องเลือกคนให้ ไว้ทำยามบ้านเมืองคับขัน ประชาชนเดือดร้อนข้าวยากหมากแพง

    พ่ออาจารย์ท่านก็สร้างเก็บไว้ ลงจารไว้ตามวาระโอกาสที่นานๆจะมีฤกษ์เสียครั้งหนึ่ง โดยลงจารในฤกษ์ที่กำหนดทำสะสมมาเรื่อยๆ แต่ตอนลงนั้น ท่านไม่ได้ลงเฉพาะวิชาลอยเคราะห์ ท่านเพิ่มในส่วนของไสยเวทย์เข้าไปด้วย ท่านว่ากลืนกันทั้งพุทธทั้งไสย วิชาที่เพิ่มเข้าไปนี้แต่เดิมเป็นวิชาของพราหมณ์ในยุคทมิฬโบราณ วิชานี้แม้บ้านเมืองที่ล่มจมก็กู้ขึ้นมาได้ ช่วยเร่งผลิดอกออกผลให้เจริญรุ่งเรือง ลบล้างคำสาปคำสาบานอันติดเนื้อต้องตัวมาแต่อดีตชาติ

    คำสาปคำสาบานอันเราได้ล่วงเกินผู้หนึ่งผู้ใด ในชีวิตหนึ่งๆของสัตว์โลกที่วนเวียนอยู่ในสงสารวัฏนี้ ท่านว่าเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราสั่งสมสิ่งเหล่านี้มามากมายเพียงไหน จะรุ่งโรจน์มันก็รุ่งไม่ได้เพราะติดทั้งกรรมทั้งคำสาปแช่งต่างๆมากมายที่ประเดประดังกันเข้ามา

    ตะกรุดลอยเคราะห์ที่ใช้เทแพะนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราสร้างเพื่อหวังประโยชน์ใหญ่ไม่ได้สนใจว่าจะเคราะห์หรือจะกรรม เพียงแต่จะสืบสานพระเวทย์โบราณกับของที่ครูบาอาจารย์ท่านมอบฝากไว้ให้มาเพียงเท่านั้น วิชาสองส่วนนี้ถ้าแยกกันก็แล้วไป ถ้ารวมกันนั้นจะเป็นสุดยอดวิชาในสายบุญฤทธิ์ที่หาสิ่งใดมาเทียบเคียงเสมอเหมือนมิได้ คนใช้ต้องติดเนื้อติดตัวไว้เสมอเพื่อให้บรรเทาเคราะห์กรรมตนเอง ซ้ำยังลบล้างคำสาปคำสาบานความอาฆาตมาตรร้ายอันติดเนื้อต้องตัวมานับแต่อดีตกาล อย่าว่าแต่ปัญหาส่วนตัวเลย วิชานี้แม้บ้านเมืองก็ยังกู้ได้ ให้ผลใหญ่ถึงปานนั้น เอาไปเพื่อหวังประโยชน์ใหญ่ นั่นคือปลดทุกข์ของสัตว์ สัตว์ทั้งหลายนั้นจมเคราะห์จมทุกข์ แต่ก็ยังไม่หมดหวัง เพื่อจะออกจากทุกข์นั้น หาใช่เพื่อต้องการเสวยสุข แต่เพื่อต้องการโอกาสและสิ่งที่ดีกว่า จะได้ทำบุญเพาะบ่มอบรมจิตตนเอง เดินไปในสายบารมีเราจึงทำตะกรุดลอยเคราะห์นี้เสียครั้งหนึ่ง

    วิชานี้ ไม่ได้ส่งผลแต่เพียงการลอยบาปลอยเคราห์กรรม ลบล้างคำสาปคำสาบานอาฆาตมาตรร้ายต่างๆเท่านั้น แต่ยังกันและแก้ได้สารพัดด้วย เป็นทั้งมหากันในตัวเอง ไม่ให้มีสิ่งอุบาทว์จัญไรใดมาย่ำยีบีฑา เพื่อที่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ กันทั้งคุณไสยอวิชชา กันไว้ดุจเกราะเพชรปกป้องตนเองเช่นนั้น ท่านว่ากันไว้นี่แหละดี คนเราถ้าเจออุปสรรคไม่มีอะไรมากันเอาไว้มันเจริญยาก ซ้ำยังแก้ แก้ที่ว่านี้คือแก้ไขพฤติการณ์ของเจ้าของให้มีความเห็นถูก แก้ในโรคร้ายสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ตกต้องชะตาของผู้บูชาอยู่ แก้สิ่งที่จองจำชีวิตเราไว้เดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ท่านว่ารู้เองเห็นเอง สิ่งพวกนี้หายหมด ใครที่ทำอะไรไม่เจริญ หาเช้ากินค่ำ หรืออยากประสบความสำเร็จ ด้วยเกรงว่าจะติดเวรกรรมคำสาปสรรค์ใดๆ ท่านว่าเลิกคิดไปได้เลย เราทำไว้ให้ดีแล้ว ให้เจ้าของและผู้ที่คู่ควรเขามาเอาไปใช้บูชา

    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงตะกรุดลอยเคราะห์เสร็จท่านก็เสกเก็บไว้ ท่านว่าเสกจนเต็มวิชาจนได้นำตะกรุดทุกดอกมาหล่อหลอมในรูปแบบ"แพะลอยเคราะห์รับบาปล้างกรรม" ด้วยในอดีตที่ท่านลงตะกรุดลอยเคราะห์นั้นท่านได้ถือสัจจะวาจาไว้แล้วว่าจะทำในรูปแบบตะกรุดเพียงครั้งเดียว วาระนี้ท่านจึงนำตะกรุดไปเทเป็นหุ่นแพะเสกขึ้นรูปทรงวิชาไว้ให้ใช้รับบาปล้างกรรมแทนตัวผู้บูชาได้อีกด้วย ท่านสั่งให้บอกเค้ากันสั้นๆว่า แม้เคราะห์อันเกิดกับมหานคร เกิดแต่สรรพชีวิตหมู่มาก วิชานี้ยังแก้ไขจากตกต่ำแล้วทำให้เจริญได้ นับประสาอะไรกับตัวบุคคล


    * ตะกรุดผูกกรรม พ่ออาจารย์ท่านได้นำแพะที่เสกพิธีพญายมราช นำมามัดด้วยด้ายมงคลสมรสเป็นคติแห่งความรักที่สมหวังไว้กับตะกรุดชนิดพิเศษนั่นคือตะกรุดผูกกรรม ตะกรุดตัวนี้เป็นวิชาสำคัญที่ใช้ในหลายกรณี อาทิผูกมัดกรรมแลเคราะห์ทั้งหลายทั้งหมดทั้งมวล เพื่อดึงดูดรวบรวมไว้ให้ตกลงมาที่แพะนี้อย่างเฉพาะเจาะจงมิให้หลุดรอดมาพบเจอ หรือคุ้มครองปกป้องกรรมให้กรรมทั้งหลายส่งผลเฉพาะด้านที่ดี วิชาตะกรุดผูกกรรมนี้พ่ออาจารย์ท่านไม่เคยทำให้ใครหรือลงที่ไหนมาก่อนด้วยต้องจำกัดอักขระบีบลงในพื้นที่จำกัดเพื่อจะให้ได้ตะกรุดสำคัญนี้ ซ้ำท่านว่ามันยังเข้ากันได้เสริมกันกับแพะพอดี ท่านจึงนำตะกรุดนี้มาผูกให้เฉพาะผู้ที่บูชาแพะรุ่นพิเศษ ตามคติท่านที่ว่าเอาให้มันถึงที่สุดไปเลย คนใช้จะได้หายทุกข์หน้าดำ หายจน หายเครียด มีกำลังใจสู้ชีวิตกันซักที

    คาถาบูชา
    มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัทะโว กะหาปะณานิ ปะวัสสันตุ เมณฑะกัสสะ ยะถาฆะเร อิทธิฤทธิ์ พุทธะนิมิตตัง อิมังคงกระพันธะนัง อธิษฐามิ

    แพะจิ๋วนี้พ่ออาจารย์ท่านทำไว้ให้คนพกห้อยคอกันหรือจะทำเป็นพวงกุญแจก็ได้ โดยเฉพาะตั้งใจจะให้เด็กๆหรือผู้หญิงได้บูชาหรือห้อยกันได้ทั่วหน้าทั้งครอบครัว ท่านว่าที่ให้ใช้กับทั้งครอบครัวนั้น ได้เช่นนั้นก็จะดีเพราะดวงคนในครอบครัวมักเกี่ยวเนื่องและมีกรรมหนุนกัน แต่สำหรับใครที่เคราะห์หนักท่านว่าให้ร่นแพะไปพกใต้ร่มผ้าหรือใต้สะดือ นอกจากกินเคราะห์แล้วเขาจะยังแก้อัปมงคลที่เกิดจากจุดกำเนิดหรือลักษณะเฉพาะของร่างกายเราด้วย

    สำหรับคนปกติทั่วไปพ่ออาจารย์ท่านว่าใช้คนละตัวก็พอ แต่สำหรับใครที่พิเศษ นั่นคือรู้ตัวว่าไม่พ้น เสวยทุกข์ โทษ ทัณฑ์ เป็นมหันต์ทุกข์ มหันต์โทษ รู้ตัวว่าเคราะห์กรรมเราหนักมากเป็นพิเศษ จมทุกข์มานานหลายปีนี้ทำอย่างไรก็ไม่พ้นเลย หรือต้องการใช้งานแพะให้ไวที่สุด ท่านว่าแพะตัวนี้มีตะกรุดผูกกรรม ควรใช้คู่กันสองตัว สำหรับคนไหนที่อาราธนาคู่กันได้สองตัวพ่ออาจารย์ท่านว่า " ตัวหนึ่งเขาก็จะผูกเฉพาะกรรมดีเอาผลดีถ่ายเทมาให้เรา ส่วนอีกตัวก็จะกินเฉพาะกรรมเลวหรือบาปเคราะห์แปรเปลี่ยนธาตุกรรมเป็นสิริมงคลอีกต่อหนึ่ง เหมือนคนเราทำงานถ้าให้ไปจับงานทำพร้อมกันสองอย่างแม้มันจะสำเร็จแต่ว่าก็ยังต้องใช้เวลาหรือช้าหน่อยจึงค่อยๆดี แต่ถ้าหากให้สองงานให้มีคนทำสองคน ต่างคนต่างทำหรือช่วยกันทำนั่นย่อมดีและเห็นผลไวกว่าแน่นอนกว่า หุ่นแพะนี้เราผูกขึ้นมาเพื่อให้รุก ไล่บี้ทัณฑ์ ทุกข์ โทษ ทรมานโดยเฉพาะ ขอให้อาราธนาไว้อย่าพ้นกายห่างกายเท่านั้น "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2019
  20. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ตะกรุดพระอินทร์กินอาหาร (นั่งรับทรัพย์เปิดโลกเบิกบารมี)

    ให้บูชา 900 บาท

    ปิดรายการนี้แล้วครับ

    IMG_20190830_203224.jpg IMG_20190830_203243.jpg

    อ้างอิงจาก
    https://palungjit.org/threads/ร่วมทำบุญบูชา-ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้-มีตังค์-พ่ออาจารย์พล.548127/page-22#post-10846809


    พระอินทร์ท่านสั่งให้ฉันสร้าง ...ทำให้คนไม่มีจะกิน อดกิน ไม่ได้กิน

    พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าปู่พระอินทร์นั้น นับได้ว่าท่านเป็นเทวดาที่มีความผูกพันธ์กับมนุษย์อยู่มาก เวลาคนดี คนกตัญญู คนมีความเพียร...สรุปเอาว่าคนดีคนมีบุญทั้งหลายเดือดร้อน เธอรู้มั๊ยยิ่งดีมาก ยิ่งมีบุญมาก อันนี้พระอินทร์ท่านก็จะอยู่ไม่ได้เพราะท่านจะรู้จะเห็นในข่ายญาณของท่าน ทำให้ท่านต้องรีบมาช่วยเหลือ ประจวบกับโลกในปัจจุบันนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าคนดีที่เดือดร้อนนี้ก็มีมากเหลือเกิน แม้ปู่พระอินทร์ท่านอยากจะช่วยบางคนท่านก็ช่วยไม่ได้ ทั้งออกหน้าไม่ได้ หรือลงมาเล่นเองไม่ได้ ด้วยเพราะคนเหล่านั้นมีอุปสรรคที่จำเป็นต้องผ่านให้ได้ด้วยตัวเอง หรือกำลังชดใช้เศษกรรมอันใดอันหนึ่งอยู่ จึงกลายเป็นว่าคนดีล้นโลกแต่ทุกคนก็เดือดร้อนเหมือนๆกันและเสียงของความน้อยเนื้อต่ำใจนั้นก็ดังก้องอยู่ในโสตประสาทปู่พระอินทร์ท่านทุกคราไป

    เมื่อท่านช่วยตรงๆไม่ได้ก็ต้องช่วยกันทางอ้อม ด้วยเหตุว่าคนที่มีบุญสัมพันธ์กันกับท่านนั้นยังมีอยู่มาก ทั้งเทพที่เคยอยู่ในคณะ เทพที่เป็นบริวาร ตลอดจนคนที่มีวาสนาจะได้เป็นเทพในดาวดึงส์หรืออดีตชาติซึ่งผ่านมาหลายภพเคยอุบัติในดาวดึงส์เหล่านั้น ล้วนแต่เป็นคนที่มีวาระกรรมร่วมกับท่านทั้งสิ้น ท่านจึงถือเสมือนว่าเป็นคนของท่าน เป็นลูกหลานท่านกลายๆ ดังนั้นท่านจึงปรารถนาจะช่วยให้พ้นทุกข์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยครอบมือ ครอบวิชาเฉพาะของท่านให้พ่ออาจารย์ท่านทำแทนไว้จะได้สงเคราะห์คนที่มีแรงกรรมมากหลายชาติหลายภพทั้งหลายสืบต่อไป

    ทำไมต้องตะกรุดดอกเขียวๆ
    เพราะวิชานี้จัดเป็นวิชาเฉพาะ เป็นเทพวิชาอย่างแท้จริง ที่พ่ออาจารย์ท่านสืบวิชาโดยตรงจากปู่พระอินทร์ ให้ทำไว้ช่วยคนสามสถานหรือคนสามจำพวก คือ คนที่ไม่มีจะกิน คนอดกิน แล้วก็คนไม่ได้กิน
    - คนไม่มีจะกิน คนประเภทนี้ความหมายก้ตรงตัวอยู่แล้วคือในปัจจุบันนั้นไม่มีอะไรเลย ถึงอดีตจะมีหรือไม่มีก้ตาม ถ้าปัจจุบันไม่มีก้เป็นคนประเภทนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าบางคนเขาถึงกับไม่มีเงินจะกินข้าว หรืออาจอุปมาได้กับคนที่เวลาจะใช้ทรัพย์ทำอะไรจำเป็จะต้องคิดหนักเพราะชีวิตฝืดเคือง ทำอะไรก้ไม่สะดวกราบลื่น ท่านว่าสมัยนี้คนที่ติดเศษกรรมไม่สมารถพ้นไปได้เช่นนี้ยังมีอยู่มาก บางคนจากชีวิตสบายๆกลายเป็นต่ำลงๆเรื่อยๆก็มี ดังนั้นคนประเภทแรกก็คือคนที่ยังไม่มีจุดยืน คนที่อับจนหนทาง ไม่มีทรัพย์ ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตน ไม่มีคนยอมรับ ไม่มีที่ยืนในสังคม
    - คนอดกิน อดกินก็คือกินไม่ได้ ซึ่งอันนี้ต้องแยกแยะระหว่างกินไม่ได้กับไม่ได้กิน เพราะกินไม่ได้กินไม่ทันคนอื่นนั้นยังนับว่ามีวาสนายังมีสิทธิที่จะกิน คนประเภทนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ถึงกับแย่ บางคนนับว่ามีวาสนาหรือมีชีวิตสบายทีเดียว แต่คนจำพวกนี้เวลาทำอะไรอาจจะมีอุปสรรค หรือเรียกว่าชอบสิ่งใด ทำสิ่งใด อยากได้อะไร สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่สมหวัง ไม่ได้ดั่งใจตัวเองไปทั้งสิ้น ท่านจึงเรียกคนประเภทนี้ว่าคนอดกิน คือทำไปก็แห้ว ทำไปก็พลาดเรียกว่ามีทุน มีวาสนา แต่ไม่มีดวงทั้งที่มันควรจะได้ ควรจะเป็นของเรามากกว่าใคร ทั้งที่เรามีพร้อมในปัจจัยต่างๆมากกว่าคนอื่นเขา แต่เรากลับผิดพลาดอยู่เรื่อยโดยหาสาเหตุไม่เจอ ในขณะเดียวกันคนที่มีดวงแต่ไม่มีทุนไม่มีวาสนากลับได้กินแบบฟลุ๊คๆอยู่ตลอด ทั้งด้านการงาน เรื่องคู่ครอง เรื่องจังหวะโอกาสต่างๆในชีวิต เช่นนั้นคนอดกินพ่ออาจารย์ท่านจึงเปรียบเทียบไว้กับคนที่ไม่สมหวังในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำ พูดง่ายๆคือเหมือนจะได้กินแต่ก็หิวอยู่ ยังอดอยู่ ยังชวดอยู่นั่นเอง
    - คนไม่ได้กิน คนประเภทนี้ท่านว่าเป็นคนที่ไม่ทันกินกับคนอื่นเขา ดุจว่าคนอื่นเขากินกันอิ่มแล้ว เขาแยกย้ายกันไปหมดแล้วตัวเองก็ยังหิวยังไม่ได้กินกับใครเขา เพราะไขว่คว่า หยิบฉวย แย่งชิงโอกาสกับใครเขาไม่ทัน แบบว่ามองไม่เห็นโอกาส ต่อให้โอกาสนั้นมาตั้งมาวางอยู่เบื้องหน้าก็จะละเลยมองข้ามไป ซึ่งคนจำพวกนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าจะน่าเวทนากว่าคนประเภทอื่น เพราะเขาชวดไปหมด ไม่มีแม้แต่จุดเริ่ม เพราะเขามองไม่เห็นอะไรแล้วชีวิตเขาก็จะไม่ได้อะไร ดังนั้นชีวิตจึงวนเวียนอยู่กับคำว่าไม่ได้กินเสียหรอกๆๆอยู่เช่นนั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าคนทั้งสามลักษณะนี้ เป็นคนที่ให้คำจำกัดความในชีวิตได้สั้นๆแบบผรุสวาทเลยว่า "ซวย" คำเดียว เช่นนั้นพระอินทร์ท่านจึงสั่งให้ฉันสร้าง (วิชาเฉพาะ)...ทำให้คนไม่มีจะกิน อดกิน ไม่ได้กิน หรือสรุปตรงตัวคือมีชีวิตวนเวียนอยู่กับเรื่องซวยซับซ้อนง่ายๆเช่นนี้

    วิชาสำคัญนี้ท่านเรียกว่าพระอินทร์กินอาหาร พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเทวดานั้นก็มีหลากหลายขั้นด้วยกัน ระดับดีๆหน่อยเขาก็เรียกกันว่าเทพบดีซึ่งพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือเปรียบได้กับเจ้าคนนายคนนั่นเอง แต่ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือพระอินทร์เพราะท่านเป็นราชาของเทวดา เป็นประธานของเทวสภาเช่นนั้น ดังนั้นความวิจิตรละเอียดอ่อนของกามคุณทั้งหลายในวิมานของพระอินทร์ก็ดี ในชีวิตของพระอินทร์ก็ดี ในวาสนาของพระอินทร์เจ้าสวรรค์นั้นก็ดี แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ย่อมจะประณีตสูงสุดในกามภพจนเหล่าเทพบดีทั้งหลายเทียบกันไม่ติด

    อันความสุขจากกามคุณทั้งหลายนั้น ต้องยอมรับว่าจะหาใครที่สุขเกินพระอินทร์เป็นไม่มี เรียกได้ว่าทั้งกินมากที่สุด ทั้งเสพย์มากที่สุด ทั้งอิ่มมากที่สุด แล้วก็สบายอย่างปราณีตมากที่สุดเช่นกัน ด้วยความสุขจากกามคุณที่เหนือกว่าเทพเจ้าทั้งปวงนั้นสิ่งเหล่านี้ย่อมดูขัดกับการเป็นพหูสูตรของพระองค์ท่าน จนคราหนึ่งพระมหาโมคคัลลานะถึงกับต้องไปเตือนสติท่านถึงดาวดึงส์พิภพทีเดียว แต่หากใครไปอยู่ในจุดนั้น จุดที่เป็นราชาของทวยเทพ จุดที่เสวยสุขอย่างประณีตสูงสุดทุกด้านของกามคุณก็อาจจะลุ่มหลงจนองค์พระอรหันต์ต้องมาตักเตือนเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ใครๆก็ปรารถนาอยากจะเป็นพระอินทร์ อสูรก็อยากยึดสวรรค์ เทวดาก็อยากโค่นบัลลังค์ จนสวรรค์นั้นต้องมีตำแหน่งพระอินทร์รองจากพระอินทร์องค์หลักเพิ่มขึ้นรองรับผู้มีบุญวาสนาอีกหลายตำแหน่ง ดั่งคำกล่าวยืนยันของพระอริยะเจ้าหลายๆท่านว่าพระอินทร์นั้นมีหลายองค์เช่นนี้

    ดังนั้นวิชาพระอินทร์กินอาหาร จึงอุปมาได้กับการกิน การเสพย์ความสุขที่ประณีตสูงสุดในกามภพแล้วนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าเหนือกามภพขึ้นไปเทพพรหมทั้งหลายเขาจะไม่ลงมายุ่งกับมนุษย์มากหากไม่มีวาสนาสัมพันธ์กันจริงๆ ดังนั้นเทพที่ยังติดต่อหรือคอยช่วยเหลือมนุษย์ส่วนใหญ่จึงเป็นชาวจาตุมหาราชิกากับดาวดึงส์นี่เอง เช่นนี้ปู่พระอินทร์ท่านจึงตั้งใจให้พ่ออาจารย์ลงวิชาพระอินทร์กินอาหาร เพื่อเอาวาสนา เอาความสุขของเทวะราชา เอาวาสนาของเทวราชอินทรามาล้างความซวยในโชคชะตาของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนไม่มีจะกิน คนอดกิน หรือคนไม่ได้กินก็ดี ท่านว่าต่อไปต้องได้กิน ได้เสวยความสุขอย่างปราณีตมากขึ้นๆไปเรื่อยๆตามลำดับขั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดนี้ฉันทำง่าย เพราะฉันไม่ได้ทำเอง แต่ให้พระอินทร์ท่านทำท่านสำเร็จให้ล้วนๆ ฉันกำหนดจิตคอยดูอย่างเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่รู้จะพูดจะบอกอะไรกันมาก ให้พิจารณากันเองว่ามันตรงกับชีวิตตัวเองหรือเปล่า แต่ไอ้ตะกรุดดอกเขียวๆนี่แหละที่เคยให้คนเอาไปใช้แล้วเขาก็เอาไปตั้งชื่อกันเองว่าตะกรุดนั่งรับทรัพย์ พ่ออาจารย์ท่านว่าปู่พระอินทร์ท่านลงให้ครบทั้งหมดฉันก็พูดมากไม่ได้ พูดได้แต่น้อยๆว่าครอบคลุมความซวยของมนุษย์ ซ้ำท่านยังกำชับว่าตะกรุดนี้คนที่ไม่มีวาสนาเคยเป็นลูกหลานหรือบริวารกับตัวปู่พระอินทร์ท่านมาก่อนนั้น เขาจะไม่พบ จะไม่เห็น สัมผัสไม่ได้แม้แต่เงาของตะกรุดดอกนี้เลย ถึงจะพบก็จะบันดาลให้ผ่านพ้นไปไม่อยู่ในสายตา มองไม่เห็นความสำคัญของตะกรุดนี้

    แต่เดิมนั้นพ่ออาจารย์ท่านนำมาเสกเก็บรักษาไว้ เวลาเชิญปู่พระอินทร์ทำพิธีท่านก็จะฝากตะกรุดนี้ให้ปู่พระอินทร์ท่านเสกเรียงดอกจนสำเร็จจึงใช้เวลาค่อนข้างนานและปู่พระอินทร์ท่านยังย้ำว่าให้เก็บเอาไว้ก่อน จนปัจจุบันนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีแต่คนบ่นว่าทำไมมันซวยขนาดนี้ ยุคนี้คือยุคอะไร ประจวบกับปู่พระอินทร์ท่านมีนิมิตอนุญาติให้พ่ออาจารย์นำตะกรุดออกมาได้ ท่านจึงได้นำมาอธิษฐานจิตเสกเปิดโลกเบิกบารมีให้อีกวาระหนึ่ง ท่านว่าดีอย่างไรไม่ต้องพูดเพราะเราเสกจนฟ้าลั่น เสมือนเทวดาท่านรับรู้พระอินทร์ท่านให้พร ดังนั้นตะกรุดนี้จึงใช้ได้หลายด้าน
    - เปิดโลก คือเปิดสิ่งที่ปิด โอกาสที่มีน้อยหรือแทบไม่มีมี เปิดให้พร้อม เปิดให้สำเร็จทั้งหมด
    - เบิกบารมี คือขอบารมีปู่พระอินทร์ท่านต่อวาสนาให้คนนำไปบูชาไม่ให้หมด ไม่ให้อด ไม่ให้ทิ้งกันไปกลางทาง

    พ่ออาจารย์ท่านว่าทำให้ทุกอย่างสำเร็จหมดแล้ว จะใช้อย่างไรก็สุดแล้วแต่จะอธิษฐานใจกัน แต่วิชานี้ท่านไม่ได้ทำบ่อยแล้วก็นานปีจึงจะทำได้สำเร็จซักครั้งหนึ่ง ***จะใช้จะบูชากี่ดอกท่านว่าแต่ละคนจะมีสัมผัสอยู่ในใจของเขาเองเป็นตัวรู้ที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวเขากับวิชาตะกรุดนี้ นั่นคือวาสนาบารมีของเค้า เป็นพลังที่พอเหมาะกับกายเนื้อเขาจะรับได้เพื่อฟันฟ่าอุปสรรควิบากกรรมของเขาเองปู่พระอินทร์ท่านจะดลใจให้รู้ได้เฉพาะคน

    คาถาบูชา
    นะอินทะราชา นะมามีมา สุวัณณังวา ราชะตังมา มณีวา ธนังวา นะพามานะ(ขอตามปรารถนา)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2020

แชร์หน้านี้

Loading...