พอใจกับไม่พอใจ โน่นถูกกับนี่ผิด เหมือนตรงไหน ต่างตรงไหน

ม.บู ควร ปิดวาจา สักระยะ

ความ อยากจะ แจง แถลงสิ่งที่เหน

บางที มันเปนเรื่อง.ขนขยะเข้าบ้าน


ปล.ซึ่ง เตือนไปแว้ว การเสวนา
แม้นกับ ป๋ม ต่อไปจะขวาง นิพพาน

 

ของจริงจะเขียนให้เข้าใจง่าย.
ของไม่จริง.
จะเขียนบาลีเยอะๆ.
คนไม่รู้บาลี..
ยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้เรื่อง.
คำที่แปลมาแล้วก็มี.
แต่ไม่เอามาเขียน.
เพราะกลัวคนอื่นเขารู้ทัน

 

การเห็นเวทนาดับ อยู่ที่การฝึกฝน พอฝึกไปบ่อยๆเข้า จากช้ามากๆ จะค่อยๆเห็นความดับไวขึ้น ราตรีสวัสดิ์ครับ

 

ต่อมาน้องผู้พิพากษา.
เกิดปัญญา.เลยลุกขึ้นมา.
เตะก้านคอพี่ไปหนึ่งครั้ง.
แล้วบอกกับพี่ว่า.
เดี๋ยวเวทนามันก็หายไป.
เพราะมันเป็นอนิจจัง.
มันไม่เที่ยง...

 

ความไม่เที่ยง ต้องประกอบกับจิตใจ เรียกว่า ของๆเรา

มีอาการปรารถณา ส่วนลึกๆ

เมื่อมีใครมาพรัดพรากความเห็นของเรา
และประสบสิ่งไม่เป็นที่รัก
ปรารถณาว่าสิ่งนั้นเป็นของเรา

สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นสุขหรือเป็นทุกข์

ตอบจิ ตอบเร็วๆตอบให้ไว ช้าหมดอด นึกในใจกะพอ

 

ปิดวาจาคือไม่พูดกับคนอื่นใช่ป่ะ....หลวงปู่ดูลย์บอกว่าปิดได้แต่ปากส่วนทางใจนั้นยากยิ่งนัก

ที่คุยๆกันในเวปนี่ก็คุยทางใจทั้งนั้น...หรือมีใครพิมพ์ตัวอักษรแบบออกเสียงมั่ง

 

อะไรที่มันน้อยก็ทำให้มันมากสิ...ทำให้มากเจริญให้มาก

การกระทำสิ่งใดนี่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองเลยมีแต่ทำให้... "มาก" ...กับทำให้... "ดี"

 

การเห็นเวทนาดับถ้าปัญญาไม่พอก็เห็นไปเปล่า...จะเห็นสังขารดับเห็นวิญญาณดับก็ไม่เกิดประโยชน์ถ้าปัญญาในการพิจารณามีไม่พอ

เจริญสติ..ปัญญาก็เจริญตามเหมือนเงาตามตัวเพราะสติกับปัญญาเป็นสิ่งที่คอยเกื้อกูลกัน...ได้สติก็ได้ปัญญาในคราวเดียวกัน

**สติรู้ชัดปัญญาเห็นแจ้ง**

 

"พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียงจิตหนึ่ง นอกจากจิตหนึ่งนี้แล้ว ไม่มีอะไรตั้งอยู่เลย"

"จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่มิได้เกิดขึ้น และไม่อาจถูกทำลายได้เลย"

"จิตหนึ่งเท่านั้นที่เป็นพระพุทธะ ดังคำตรัสที่ว่า...
ผู้ใดเห็นจิต ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

 

นิ่งเป็นใบ้แบบนี้หราาาา..

นั่งมองตาปริบๆจะเกิดประโยชน์กับผู้ใด

 

มนุษย์ทุกชีวิตทุกรูปนามมีวาสนาสมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว...ที่เหลือคือศรัทธา ความเพียรในการปฏิบัติและการคบบัณฑิต,ปราชญ์..

 

แค่เป็นมนุษย์เท่ากัน
ความสมบูรณ์บริบูรณ์พร้อมไม่มีทางเท่ากัน
ได้เลยฮับ
ขาดวาสนาตัวเดียวทำยังงัยก็ไปไม่รอด
ดังนั้น จึงมีบัว 4 เหล่าออกมาโชว์เสมอฮับ

 

หลวงปู่มั่นบอกว่า...วาสนาจะเลื่อนตามภูมิของผู้ปฏิบัติ..

ไม่อธิบายยืดยาวก็แล้วกันเพราะเดี๋ยวจะมีประเด็นใหม่ให้ถกเถียง...พิจารณาเอาตามปัญญาตนนั้นแหละ

 

พยายามเข้า

ทุกข์อริยสัจ 4 มีจริงๆ

รู้บ่อยๆ ถ้าใครมาเถียงความเห็นของเรา

ใจแว็ปๆ รู้สึกเป็นยังไง หมายรู้อาการยังไง

 

ถ้าเห็นความจริงจะรู้ว่าตัวเองหลงโง่มานาน..

ถ้าเข้าถึงความจริงจะรู้ว่าแค่หยุดเท่านั้นภพชาติทั้งหลายก็สิ้นไป..

ถ้าปัญญาเห็นแจ้งตามจริงจะรู้ว่าตัวเองนี้หลงเกิดตายมานานแสนนาน..

 

เป็นผู้ไม่เบียดเบียน...

 

**ปัญญาญาณ**

 

เมื่อเห็นทั้งสองฝั่งแล้วจริงๆย่อมไม่ติดอยู่..

 

กรรมใดๆเกิดจากตัวเองนั้นแหละเป็นผู้ก่อ..หาใช่ใครจะหยิบยื่นให้ก็หาไม่

ไม่ใช่ว่าเสวนากับอริยบุคคล,พระโพธิสัตว์หรือพระอริยเจ้าแล้วจะตกนรกซะที่ไหน...กรรมเกิดจากเจตนา เจตนาก็มาจากใจ...ถ้าเสวนาด้วยใจที่ปรามาสลบหลู่นั้นแหละถึงจะเรียกว่ากรรมเลว

ถ้าพระอริยเจ้า,พระอรหันต์สามารถปิดนิพพานคนอื่นได้ท่านคงไม่ออกมาสอนผู้ใดท่านคงไม่ออกมาโปรดสัตว์