ลูกศิษย์บันทึก เล่ม 3 หน้า 149 ของข้าพเจ้า

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย montrik, 1 กันยายน 2018.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    FB_IMG_1580252176378.jpg
     
  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    มีประเด็นเมื่อบางคน อวดอ้างว่า นี่คือลายมือหลวงพ่อ

    และทางทีมงานเวบมาสเตอร์วัดท่าซุง ได้ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่

    ผมก็เคยเห็นลายมือหลวงพ่อ เมื่อครั้งได้ไปช่วยงานหลวงพ่ออาจินต์ ตอนที่อุปสมบท ปี 2530 ขอยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือหลวงพ่ออีกคนครับ

    FB_IMG_1580283483785.jpg
     
  3. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,440
    ค่าพลัง:
    +36,485
    ผมช่วยยืนยันว่าไม่ใช่อีกคนครับ ที่ใช่คือกระทู้ข้างบน
     
  4. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    บันทึกหลวงพ่อครั้งสุดท้าย
    โดย เวบวัดท่าซุง

    เรื่องการเดินทางไปบำเพ็ญกุศลทั่วประเทศนี้ ทำให้นึกถึงข้อความที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยบันทึกไว้ ตอนที่ท่านใกล้จะมรณภาพเพียงเดือนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ถึงแม้จะมีข้อความอยู่ไม่มาก แต่ก็มีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล เหมือนกับเป็นลายแทงบอกขุมทรัพย์อันมีค่าสูงสุดไว้

    ฉะนั้น เมื่อทุกคนได้อ่านแล้ว คงจะไม่ประมาทในข้อปฏิบัติ อย่าคิดว่าเราทำความดีขนาดนี้แล้ว จะสามารถไปนิพพานได้ ความจริงแล้วเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่จะไปได้ในขณะนี้ ยังมีปริมาณไม่มากอย่างที่หวังไว้ พระท่านจึงได้มาสั่งหลวงพ่อไว้ตอนที่ใกล้จะมรณภาพ ตามลายมือจริงของท่านดังนี้

    เมื่อผู้อ่านได้ทราบข้อความนี้แล้ว คงจะเข้าใจดีว่า แม้จะทำบุญกับหลวงพ่อซึ่งถือว่าเป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่แล้ว ผลบุญทั้งหลายก็ยังไม่เพียงพอ พระท่านจึงได้สั่งให้ โดยเสด็จพระราชกุศล เพราะเป็นการช่วยเหลือคนทั้งประเทศ ทำให้เกิดผลบุญกว้างขวางยิ่งขึ้น

    ปัจจุบันนี้ ท่านเจ้าอาวาส ก็ได้ดำเนินการตามที่หลวงพ่อสั่งไว้ทุกประการ ทั้งโดยเสด็จพระราชกุศลกับ มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิสายใจไทย และศูนย์ศิลปาชีพ เป็นต้น เพื่อผลบุญของคนปัจจุบันนี้ อีกทั้งท่านก็ได้นำคณะศิษฐ์ออกแจกของผู้ยากจนในถิ่นธุรกันดารเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อมรณภาพไป

    และเป็นการบังเอิญอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ ปี ๒๕๓๕ หลังจากหลวงพ่อจากไป เท่ากับหมดเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่ไปด้วย ต่อมาก็เหมือนบุญบันดาล ทำให้มีเหตุต้องไปติดตามรอยพระพุทธบาท ด้วยการออกเดินทางไปทำบุญกับวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

    ซึ่งเป็นการออกไปแสวงหาบุญกุศลอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกับ โดยเสด็จพระราชกุศล เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่เราจะต้องเดินทางออกไปบำเพ็ญกุศลด้วยตนเองเท่านั้น แต่ลักษณะงานเหมือนกันทุกอย่าง

    ส่วนผลบุญนั้นคงจะไม่ต้องบอกว่ามหาศาลแค่ไหน เพราะเท่ากับได้ดำเนินรอยตามครูบาอาจารย์ทุกประการ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณของท่านทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นการเยี่ยมเยีนคณะศิษฐ์ทั้งหลายทั่วทุกภาคของประเทศ แม้ท่านเจ้าอาวาสก็ยังเดินทางไปต่างประเทศอีกด้วย

    แล้วยังได้อนุรักษ์ประเพณีไทย คือการกราบไหว้พระคุณขององค์พระมหากษัตริย์ทั้งหลาย ที่ทำคุณประโยชน์ต่อผืนแผ่นดินไทย ปลุกใจให้คนรักชาติบ้านเมือง เสริมส้ราง ความรู้สึกให้มีความสามัคคีต่อกัน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณธำรง อารีกุล ได้เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยเมื่อปี ๒๕๓๒ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทำพิธีบวงสรวง ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระเจ้าพรหมมหาราช ในวันเข้าพรรษา ที่ด้านหน้าจุฬามณี หลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ก็ได้หันมาพูดว่า

    "ปีหน้า...พระท่านสั่งให้ข้าเดินทางทั่วประเทศวะ ไม่รู้ข้าจะไปไหวหรือเปล่า..!"

    นี่เป็นคำพูดประโยคแรกของท่าน ต่อจากนั้นก็เป็นการฟ้อนรำฉลองพระเจ้าพรหมฯกันตามประเพณี ต่อมาไม่นานหลวงพ่อก็ได้มรณภาพไป พวกเราอันมี ท่านพระครูปลัดอนันต์ เป็นเจ้าอาวาส จึงได้มีโอกาสสนองเจตนารมย์ของท่านทุกประการ

    จึงคิดว่าการตามรอยพระพุทธบาทนี้มีความสำคัญมาก จะต้องตัดสินใจให้มั่นคงเพื่อฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ อีกทั้งจะต้องเสี่ยงภัยเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นทุกอย่าง ถือว่าเป็นการบุชากันด้วยชีวิต เพื่ออุทิศเป็นพุทธบูชาแต่เป็นเพียงแค่ "อามิสบูชา" ความจริงมีอานิสงส์แค่กามาวจรสวรรค์เท่านั้น แต่ด้วยที่เราตัดสินใจไม่ห่วงกาย จึงทำให้มีอานิสงส์สูงสุด คืออ่านเทวโลกและพรหมโลกไปเลย

    นับว่าการเดินทางอย่างนี้ เหมือนกับการไปธุดงค์ เพียงแต่ประยุกต์ให้เข้ากาลสมัยเนื่องจากบ้านเมืองมีสภาพเจริญแล้ว จึงต้องใช้ยานพาหนะออกธุดงค์แทน มิฉะนั้นคงจะไปไม่ทั่วทุกแห่ง จึงถือว่างานนี้เป็นภาคปฏิบัติจริง ที่จะต้องเข้มข้นด้วยปรมัตถบารมี

    จึงขออวยพรให้ทุกท่านที่ร่วมสร้างบารมี จงช่วยกันเพิ่มพูนอัตราส่วนให้มากกว่า ๑๐ % นี้ยิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ

    คำลอกจากธัมมวิโมกข์ฉบับที่ ๒๔๓ หน้า ๑๐๐ - ๑๐๒

    (ลิขสิทธิ์เป็นของ "วัดท่าซุง)

    [http://www.watthasung.com/](https://l.facebook.com/l.php?u=http://www.watthasung.com/?fbclid=IwAR2ZIHyYtN84wDZBJN2Ho6X3Jin7dQRt94IJZAJA0Fn5HYAPvZZBqe_BdOg&h=AT1v_U8eUU6nvN9MWtfYIrLAC-OugJhgwhZpz2lo-FNXhvOUgbMgzrpfueSgqecKhpY1vmnxI6dzrEbNBPD8VW7dXXoPcXWCKIr_DRmPw1bDaxkH_W8PmC7NevNUynRu8LnxjAhi5E4EQT9gANy8GswilG0)

    ขอบคุณ ภาพจาก คุณ P'One-nachai Ngamwongwan ครับ
    FB_IMG_1580371557219.jpg
     
  5. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    พระศิวะผู้ทรงพระไตรปิฎก

    หลวงพ่อเล่าให้ฟังบ่อยมากเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๒๖

    พวกเราเรียนกันมากจึงไปนิพพานไม่ได้

    พระศิวะ มีความรู้จบพระไตรปิฎก ลูกศิษย์ ๓๐,๐๐๐ องค์ ตนเองไปไม่ได้ คือวาระมันยังไม่ถึง เก่ายังไงก็ไปไม่ได้

    พระศิวะ นึกว่าทำคืนเดียวได้ นึกว่ามีความรู้มาก ลูกศิษย์ได้เป็นพระอรหันต์หมด ๓๐,๐๐๐ องค์

    ผลสุดท้าย ท่าน (พระศิวะ )ทำอัตตกิลมถานุโยค ๓๐ ปีกว่าก็ไม่ได้ เพราะมีตัวมานะเต็มที่ "ฉันก็เป็นคณาจารย์ใหญ่"

    พระศิวะ ท่านเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎก ท่านสอนเก่งมากคล้ายพระสารีบุตร ลูกศิษย์ ๓๐,๐๐๐ องค์ ลูกศิษย์เรียนจบ เข้าป่า เป็นอรหันต์หมด

    แล้วมีลูกศิษย์องค์หลังเป็นอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ ก็มานั่งนึกว่า

    "เออ...อาจารย์เรา ศิวะ ท่านเป็นอรหันต์ตั้งแต่เมื่อไร ?" ไปดูแล้วยังเป็นปุถุชน หนาแน่นไปด้วยกิเลส ยังไม่ใช่พวกญานด้วยนะ

    ท่านก็นึกว่าเสร็จแล้ว ยังเป็นเหยื่อของอบายภูมิอยู่ ก็ตั้งใจจะมาแนะนำ

    ฉฬภิญโญ และปฏิสัมภิทาญาณ วิชา ๓ อภิญญา เขามีญาณวิเศษรับรู้ เขาก็ใช้ญาณวิเศษดูว่า ถ้าไปแนะนำอาจารย์จะยอมรับไหม ?

    เห็นช้างตัวเบ้อเริ่ม ตัวมานะทิฐิขวางตัวเบ้อเริ่ม สอนไม่ได้ ทำยังไง ?

    อย่างนี้ต้องทำให้โกรธ แล้วจะคลาย จึงต้องสอนด้วยอุบาย

    จึงบอกว่า อยากมาขอเรียนคาถาโมทนา ๑ บท อาจารย์ก็ไม่ว่างทุกเวลา

    แต่เวลาสอน ท่านสอนได้ค่อนรุ่ง นอนนิดเดียว พระองค์นั้นก็ทราบแล้วว่า ท่านอาจารย์มีสภาพเหมือนกระดานที่เขาเดินเหยียบแล้วข้าม คนทุกคนย่อมเห็นคุณของสะพาน ทุกคนจะข้ามลำรางได้เพราะมีสะพานรองรับ แต่ไอ้ไม้กระดานอันนี้ มันไม่สามารถช่วยตัวมันเองได้ มันลุกไม่ขึ้น แกด่าเจ็บ ท่านทราบว่าควรมาแบบไหน ต้องมากระทุ้งให้เจ็บ ไล่ไปไล่มา ท่านก็พูดชัดๆ ว่า

    คนอย่างท่าน ยังเป็นปุถุชนหนาแน่นด้วยกิเลส อย่างนี้เป็นเหยื่อของนรก การรู้แต่ตำราอย่างเดียว ไม่ได้พ้นนรก ท่านสอนคนอื่นข้ามฝั่งได้ เป็นอรหันต์ได้เยอะแยะ แต่ตัวเองเป็นคนหนาแน่นไปด้วยกิเลส แบบนี้ใช้ไม่ได้ กระดานเหยียบช่วยตนเองไม่ได้ ท่านก็เหาะไปเลย

    อาจารย์เห็นก็ตกใจ เอ๊ะ! นี่ไม่ใช่พระธรรมดา เป็นอรหันต์แล้ว รู้ได้ตอนนั้น

    อรหันต์เหาะได้ทุกองค์เมื่อไหร่ ? ต้องเป็นอภิญญาและปฏิสัมภิทาญาณจึงออกได้ วิชชา ๓ เหาะไม่ได้ มีพระอนุรุทธวิชชา ๓ เหาะได้ เพราะของเก่าท่านมี

    วันนั้นตัดสินใจ เป็นวันขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๘ ใกล้วันอาสาฬหบูชาคิดว่าวันนี้เรายังต้องสอน

    ฉะนั้น พรุ่งนี้เราจะเข้าป่า วิชาความรู้เยอะแยะพอแล้ว บำเพ็ญวันเดียวจะให้เป็นอรหันต์เลย ขึ้น ๑๔ ,๑๕ ค่ำ แรม ๑ ค่ำ ไม่ได้ ก็เลยไม่ยอมกลับ เพราะอายเขา เพราะถูกด่ามาแล้ว

    เลยตัดสินใจว่า แต่นี้จะไม่อาบน้ำ ไม่นอน ทำอย่างนี้ ๓๐ ปี ไม่ได้ เท้าเปรอะไปด้วยดิน

    ต่อมาพระอรหันต์ลูกศิษย์ก็ดูว่า อาจารย์เป็นอรหันต์หรือยัง?

    ก็รู้ว่า ยังไม่ได้เป็นอรหันต์ เพราะว่าปฏิบัติเครียด เป็นอัตตกิลมถานุโยค ทรมานเกินไป การปฏิบัติ ถ้าเครียด ไม่มีผล ปฏิบัติหย่อนไป ไม่มีผล ต้อง...มัชฌิมาปฏิปทา

    พอกลางเดือนเห็นแสงจันทร์ ก็นึกว่า เข้าป่า ๓๐ ปี มรรคผลไม่ได้ ความดีที่ศึกษามาช่วยให้เป็นมรรคผลไม่ได้ ก็นั่งสะอื้น เดี๋ยวมีเสียงสะอื้นตามก็เห็นหญิงสาวสวย (ศิษย์เนรมิตตนเป็นสาวสวย) นั่งบนก้อนหิน นั่งในป่าชัฏนั่งสะอื้น ก็ถามว่า

    "ทำไมสะอื้น"

    นั่นเขาทำให้ไม่น่ากลัว เขาบอกเป็นเทพนารี ตั้งใจปฏิบัติมรรคผลมานานไม่ได้ นึกว่าวิธีสะอื้นถ้าจะได้ ฝ่ายอาจารย์ว่า

    "การบรรลุมรรคผลต้องใช้ปัญญา" ฝ่ายลูกศิษย์ว่า

    "ใครสะอื้นก่อน ? ไอ้โง่เง่าเต่าตุ่นอย่างนี้ไม่ได้ ก็หายตัวไปเลย"

    ต่อมาในไม่ช้า ท่านเหาะมาใหม่ ถามว่า

    "ในพระไตรปิฎกสอนไว้ว่าอย่างไร?"

    ฝ่ายอาจารย์ว่า "การบำเพ็ญเพื่อบรรลุมรรคผล คือทำธรรมจักร กัณฑ์แรกก็ว่าฟุ้งไปเลย" ท่านก็ว่า พอไปถึงอัตตกิลมถานุโยค

    ัท่าน (ลูกศิษย์) บอก "หยุดแค่นั้น" ลูกศิษย์ถามอาจารย์ว่า

    "ปฏิบัติตรงตามจุดนี้ไหม ? ที่ทำนี่เป็นอัตตกิลมถานุโยค ๓๐ ปี จึงไม่บรรลุมรรคผล แล้วทำไมจึงดื้อด้านทนต่อความโง่ ให้ความโง่มันซ่อนตัวอยู่อีก"

    ท่านสอนอุบายให้ เลยถูกด่าหลายรอบ

    ปราชญ์อ่านหนังสือเป็นอย่างนี้ทุกราย มันไม่มีอะไรเป็นผล คืออ่านแผนที่ แต่ไม่ได้เดินตามแผนที่ พวกเดียวกัน พวกนักวิชากวน กวนขนมและกวนกับข้าวใส่ของตามสูตร ทำแล้วกิน (พวกนักวิชาสอนให้) ไม่ลง สู้แม่ค้าธรรมดาไม่ได้ พวกนักวิชาเกินไป ไม่ได้อะไรเลย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ คือการทำจริง ก็จบกิจ

    ภายหลังพระศิวะก็ทำได้ จบกิจสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ลูกศิษย์ทั้ง ๓๐,๐๐๐ องค์เหาะออกมาจากป่า ต้องมาช่วยอาบน้ำขัดตัวให้

    หลวงพ่ออธิบายเพิ่มเติม

    สำเร็จมรรคผล (จะว่าประมาท) ขึ้นอยู่กับกาลเวลา กำลังบุญเดิมมีอยู่ แต่กำลังบุญเดิมมาไม่ครบถ้วน ต้องประสานกับบุญใหม่มาประสานกันทั้งสองอย่างประสานกันแล้วต้องมีอิทธิบาท 4 ครบถ้วน ก็ต้องมีปัญญา ให้เป็นยาตัวนี้ที่ใช้ให้เหมาะกับกำลังของตัวเองแต่ละจุด แต่การบรรลุมรรคผลไม่ใช่ใช้กำลังเครียด เป็นอารมณ์วาง คือ ที่ได้จริงๆ เป็นการจะวาง เหนื่อยแล้ว...ไม่เอาแล้ว พักเหนื่อยเสียก่อน มันได้ตอนนั้นแหละ

    ตอนมุตอนแรก เป็นของดี พังเป็นพัง ตายเป็นตาย แต่ช่วงนั้นไม่ได้อะไรหรอก ผม (หลวงพ่อ) เลยไปนับถอยหลัง ตอนท่าน (พระพุทธเจ้า) มาสอนอริยสัจ ทุกข์ตัวเดียว ท่านสอน 4 ทุ่มถึงตี 2 พอมาปั๊บ เธอนอนอย่านั่ง ร่างกายเธอใช้เหนื่อยมาทั้งวัน นอนฟัง แล้วคิดตามฉันพูด เห็นไหมท่านเอาแบบสบายๆ การทำไม่แน่นอนนัก ได้ตอนจิตสบายๆ

    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    พระปลัดวิรัช โอภาโส บันทึก

    หนังสือ ปฐมธรรมยาน (ลูกตามพ่อ)

    หน้า ๙๕ - ๙๘

    ( ลิขสิทธิ์เป็นของ "ทีมงานวัดธรรมยาน" )

    http://watdhammayan.com/

    ภาพจากพี่ P'One-nachai Ngamwongwan ครับ
    FB_IMG_1580421840891.jpg
     
  6. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ครูบาอาจารย์ ทุกพระองค์ ล้วนมีจุดหมายเดียวกัน คือ พระนิพพาน
    IMG20200201071023.jpg IMG20200201195932.jpg
     
  7. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    รอยยิ้มแห่งตำนาน
    ..................๖กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓...................
    ร่วมน้อมระลึก ๑๖๐ ปี หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    FB_IMG_1580977457223.jpg
     
  8. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    FB_IMG_1581739196462.jpg
     
  9. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ของดีต้องใช้ให้เป็น จึงจะรู้ว่าเป็นของดี
    พระสุทิน อายุวัฒโก (หลวงพี่จ่า) เมื่อครั้งท่านยังเป็นฆราวาสได้มากราบนมัสการหลวงปู่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 โดยมี ส.ท.อุดม เผ่าทหาร เป็นผู้ชักชวน ซึ่งสมัยก่อนมาวัดสะแกโดยทางเรือ หลังจากกราบนมัสการหลวงปู่ (หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ) แล้ว ส.ท.อุดม พูดนำว่า "วันนี้ ผมพาลูกพี่มาหาหลวงปู่ เขาจะมาขอพระหลวงปู่ ลูกพี่เขาอยากได้"

    ความจริงแล้ว ส.ท.อุดม อุปโลกน์ขึ้นเอง หลวงปู่ตอบว่า "ข้าไม่มีพระอะไรจะให้ ถ้าอยากได้ก็ต้องฝึกวิธีใช้ให้เป็นเสียก่อน เหมือนอย่างข้าให้ควายแกไป แกไม่มีเชือกสะพายจูงไป มันจะเอาไปลำบาก"

    จากนั้น ท่านให้พระ 1 องค์ เป็นรูปหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด แล้วจึงให้เข้าไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นกุศโลบายของหลวงปู่ ที่ต้องการให้ปฏิบัติ และรู้ถึงอานุภาพของพระเครื่อง เพราะท่านเคยบอกเสมอว่า "ของดีต้องใช้ให้เป็น จึงจะรู้ว่าเป็นของดี" เพราะในปัจจุบันอย่างที่เรารู้กันว่า เจ้าของคุ้มครองพระโดยเอาไปฝากไว้ในธนาคาร ไม่ได้นำมาใช้ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่กล่าวว่า "ทำบุญให้เป็น ใช้บุญให้เป็น" โดยเฉพาะการภาวนานั้นถือเป็นการทำกุศลสูงสุดในพระพุทธศาสนา
    หลวงปู่เคยบอกกับผู้เขียนถึงพระที่ท่านอธิษฐานจิตว่า "ข้าว่าของของข้าไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน อยู่ที่คนนำไปใช้ว่าถึงหรือเปล่า ถ้าถึงจริงๆ แล้วก็ไปนิพพานได้"
    คำกล่าวของหลวงปู่นี้มีความหมายอย่างยิ่ง คือ เปลี่ยนจิตจาก ศรัทธา จนเป็น "อจลศรัทธา" นั่นเอง

    (คัดลอกจากหนังสือ 37 เรื่องเล่าธรรมะลึกซึ้งเข้าใจง่าย หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
    FB_IMG_1581996971097.jpg FB_IMG_1581996974410.jpg
     
  10. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ลายมือ หลวงพ่อจรัญ
    FB_IMG_1581997331024.jpg
     
  11. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
     
  12. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    คนอุทัยธานี ศรัทธามากครับ

    เมื่อวานเวลา 14.20 น. เกิดเหตุรถเก๋งยางหน้าระเบิดตกลำเหมืองลึกประมาณ 5 เมตรที่บ้านหนองไผ่ล้อม หมู่ 8 ต. หนองยายดา มีคนนั่งมาในรถ 3 คน รถนี่บี้หมดเลยแต่ทั้งสามคนไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนซักนิด และไม่เจ็บเลย ได้แต่ตกใจเท่านั้น เพราะอีกคนหนึ่งมีหลวงพ่อเคลือบเนื้อเงินองค์เดียวจริง ๆ เลย ของวัดหนองกระดี่เก่า คนรับนาคทุกคนเห็นใครก็คิดว่าไม่รอดแน่ แต่กลับไม่เป็นไรเลยครับ เจ้าของพระขับฟอจูนเนอร์ชนกระบะเมื่อต้นเดือน คนในรถก็ไม่เคยเป็นอะไรเลย

    FB_IMG_1582470052870.jpg
    FB_IMG_1582470060828.jpg
    FB_IMG_1582470055511.jpg
    FB_IMG_1582470057894.jpg
     
  13. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    นัตถิ โลเก อนินทิโต

    มีคนทำคลิป Youtube โจมตีหลวงพ่อ
    ...คงเป็นกรณีเดียวกับที่แอดมินเคยแจ้งไปแล้ว ขอนำข้อความที่เคยเตือนไปเมื่อวันก่อน ดังนี้

    13 กุมภาพันธ์ 2563
    มีผู้แจ้งข่าวการวิจารณ์หลวงพ่อในแง่ลบ
    ...กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ตอนนี้มีเพจพระจตุร...เขาทำการโจมตีหลวงพ่อวัดท่าซุง ทั้งเรื่องยันต์มหาพิชัยสงครามและยันต์เกราะเพชร ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยชี้แจงเรื่องนี้ด้วยขอรับ

    ส่วนอีกท่านหนึ่งก็แจ้งมาว่า เพจนี้มีเจตนาจาบจ้วงพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ

    ...เรื่องนี้ขอตอบว่า ไม่อยากให้ความสำคัญเพจนี้ในการเพิ่มยอดชมให้เขา เพราะในสมัยพุทธกาลก็ยังมีคนหมั่นไส้พระพุทธเจ้า ด้วยการจ้วงจาบถ้อยคำอันไม่เหมาะสม พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงธรรมโปรดเจ้าลัทธิเหล่านั้น แต่พวกพราหมณ์บางคนก็หารู้เรื่องไม่

    จึงต้องถือว่าเป็นธรรมดาของโลก ที่มีผู้มองต่างมุมซึ่งกันและกัน ความเห็นของคนใช่ว่าจะตรงกับครูบาอาจารย์ของเราเสมอไป การทำจิตใจให้หนักแน่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ

    เราต้องมั่นใจในคุณธรรมของท่าน เรื่องของตำราพระร่วงเป็นเรื่องของวัตถุภายนอก แต่คุณสมบัติภายในของท่าน พวกเราเชื่อมั่นมากกว่าสิ่งอื่นใด เขาวิจารณ์เท่าไร เขาก็ขาดทุนเท่านั้น

    เพราะสิ่งเหล่านี้ย่อมกลับไปเป็นของเขาเอง ถ้าเราไม่รับเสียอย่าง จึงขอให้ทุกคนจงวางเฉยในเรื่องนี้ เมื่อไม่มีใครสนใจ เขาก็รู้ว่าไม่มีใครเชื่อถือด้วยตัวเขาเอง

    บริบทความเป็นลูกศิษย์ที่ดี เมื่อมีใครโจมตีครูบาอาจารย์ เราไม่จำเป็นต้องตอบโต้เสมอไป ตามที่เขาคาดคิดไว้ ธรรมะอยู่ที่การปฏิบัติ ความหนักแน่นและอดทน ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ย่อมนำสุขมาให้แก่ตนเองในที่สุด จึงจะได้ชื่อว่าทำตามคำสั่งสอนของท่านครบถ้วนแล้ว นี่คือความภูมิใจในฐานะเป็นศิษย์ที่ดีของท่าน

    รอกฎแห่งกรรมสะสางเขาเอง
    FB_IMG_1582702616002.jpg
     
  14. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    หลวงพ่ออภิชิโต
    (เล่าโดย คุณสุริยัน ราชา)

    แม้แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี ยังยกย่องและยอมรับว่า พระพุทธรูปที่หลวงพ่ออภิชิโตเสกให้นั้น เป็นที่สุดของพระบูชาแห่งยุคแล้ว

    FB_IMG_1582754653110.jpg
    จะหาที่ไหนทำเสมอเหมือนได้ยาก โดยเหตุนี้เกิดเมื่อครั้งที่นายทหารท่านหนึ่งยศนายพลได้ขออนุญาตสร้างพระพุทธรูปบูชาจำนวนหนึ่ง ให้ชื่อว่า”พระพุทธเมตตา” เมื่อท่านเสกให้แล้วก็นำไปออกให้บูชาหาเงินทำบุญที่อุทัยธานีและที่อุตรดิตถ์ มีคนบูชาและนำไปที่วัดท่าซุง อุทัยธานี เมื่อหลวงพ่อฤาษีฯได้พบพระบูชานี้เข้า จึงให้ศิษย์ของท่านมาตามเก็บไปบูชาอีกสิบกว่าองค์โดยบอกว่า พระบูชาที่สร้างอย่างสมบูรณ์และทำได้ดีแบบนี้ ในโลกนี้จะหาคนทำได้ยากหรืออาจไม่มีอีกแล้ว (เรื่องนี้จะมีบันทึกในหนังสือทั้งชื่อ ยศของผู้สร้าง วันเวลาโดยละเอียด สามารถสอบทานเรื่องจริงได้เลย)

    เคยมีผู้นำพระผงรุ่นสุดท้ายนี้ไปให้พระอาจารย์ชื่อดังสายวิปัสสนาศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตรวจรังสีจิตในองค์พระผงรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่ออภิชิโต พระอาจารย์ท่านนั้นถึงกับสะดุ้งและบอกว่า "ในโลกเรายังมีคนทำของได้ดีสมบูรณ์แบบอย่างนี้อีกหรือ สูงค่าจริงๆ .........."

    พระผงใหม่ๆที่ดูธรรมดาๆของท่าน แต่มีราคาแพงๆเป็นพิเศษ จะเป็นเนื้อแบบพิเศษที่เลือกกดไว้เฉพาะกลุ่มลูกศิษย์วงในใกล้ชิด จะมีข้อที่สังเกตง่ายๆคือ
    1. พระสมเด็จที่แก่ผงของสมเด็จแดง เนื้อจะออกสีแดงเรื่อๆอมชมพูมีไม่เกิน 20 องค์

    2. พระผงที่แก่ผงวิเศษของสมเด็จพระสังฆราช(แพ) เนื้อจะออกขาวฟูๆมีไม่เกิน 50 องค์
    นอกนั้นก็ดูสภาพความสมบูรณ์เป็นหลัก แต่ทุกองค์ดีเท่าเทียมกัน และดีจริงแท้แน่นอน พระผงของท่านอภิชิโตทั้งปี 2485 และปี 2529 ล้วนกดมือโดยไม่ได้ใช้เครื่องปั๊มเครื่องกระแทก เนื้อจึงไม่แน่นแข็งแบบพระสมัยใหม่ แต่จะออกฟูๆไม่แน่นตัวมากนัก ตัดขอบด้วยมือคน
    จึงมีขนาดไม่เท่ากันทุกองค์ และพระแก่ว่านกับพระแก่ผงก็มีการหดตัวไม่เท่ากันทั้งๆที่เป็นพระพิมพ์เดียว กันและกดในปีเดียวกัน

    หลวงพ่ออภิชิโตเคยไปทดสอบท้าประลองกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และเคยไปเป่าทองให้หลวงพ่อแช่มดู
    สมัยนั้นหลวงพ่อออกมาจากดงใหม่ๆยังไฟแรง ตระเวนไปทั่ว หลวงพ่อแช่มเป่าทองเข้าหัวได้ครั้งละ 3 แผ่น
    แต่หลวงพ่ออภิชิโตเป่าได้ครั้งละ 108 แผ่น และเป่าครั้งเดียวทองเข้าหัวศิษย์ทุกคนที่นั่งทำพิธี ไม่ต้องทำทีละคน
    จนหลวงพ่อแช่มต้องขอเรียนวิชากับอาจารย์ในดงบ้าง โดยหลวงพ่อแช่มใช้เวลา 22 ปีเรียนวิชาลี้ลับในดง
    โดยผ่านทางญาณของอาจารย์ใหญ่ ที่สอนให้จนจบเมื่อบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อแช่มแล้ว และหลวงพ่ออภิชิโตเอง
    ก็นับถือหลวงพ่อแช่มโดยใช้เวลาขลุกอยู่ที่วัดตาก้องนาน ถึง 5ปีในช่วงเวลานั้น

    การใช้อำนาจจิตเสกสิ่งของให้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์นั้น ได้ทำครั้งแรกเมื่อปี 2496 และทำครั้งที่สองเมื่อปี 2503 เมื่อ
    ครั้งที่สองซึ่งหลวงพ่ออภิชิโตได้ทำพิธีนั้น มีคนเก่งๆวิชามาคอยคัดคอยแก้ไม่ให้ทำสำเร็จหลายราย มีนักหนังสือพิมพ์
    มาคอยถ่ายภาพบันทึกเรื่องราว และมีอาจารย์มีชื่อเสียงมาคอยดูอย่างใกล้ชิด เช่น ท่านพุทธทาสภิกขุ อ.ชุม ไชยคีรี
    แม่ชีแนบ เป็นต้น แต่ท่านก็ทำได้สำเร็จตามที่บอกไว้ โดยท่านเสกใบมะม่วงเป็นแมลงภู่ก่อนในครั้งแรก ต่อมาเสกกบ
    เสกนก และสุดท้ายเสกรัดประคตเป็นงูใหญ่ต่อหน้าพยานบุคคลจำนวนมาก และเรื่องนี้ได้มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
    บางกอกไทม์ และในวารสารอีกหลายเล่ม ภาพถ่ายที่ใบไม้กลายเป็นนกสีแปลกตาบินออกจากมือหลวงพ่อก็มีต้นฉบับอยู่ใน เวลานี้

    มีครูบาอาจารย์ที่สุดยอดขนาดนี้แค่บูชาท่านระลึกถึงท่าน
    เสมอๆท่านก็มาคุ้มครองแล้วครับแต่การทำจิตนั้นก็ต้องใช้สมาธิอยู่บ้าง ขอให้มีความศรัทธา ความเชื่อมั่นเป็นที่ตั้งแล้วเพื่อนๆจะได้พบเจอปาฎิหาริย์เหมือนที่ผมเคยพบเจอมาครับ

    FB_IMG_1582754527797.jpg FB_IMG_1582754530315.jpg FB_IMG_1582754533771.jpg
     
  15. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ของดีที่หลวงพ่อเล็ก ทำฝากไว้ในแผ่นดิน

    พอได้กับเขา 1 ดอก ในราคาวัด + +
    FB_IMG_1582757268858.jpg
    ตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชร
    จำนวนสร้าง
    แบบที่ ๑ จำนวน ๒๒๒ ดอก สติ๊กเกอร์สีแดง
    แบบที่ ๒ จำนวน ๑,๒๒๐ ดอก สติ๊กเกอร์สีน้ำเงิน
    แบบที่ ๓ จำนวน ๔๘๘ ดอก สติ๊กเกอร์สีเหลือง
    #ขนาดเท่ากัน #ต่างกันที่วัสดุเท่านั้น
    ——————————————
    งานสวดพระคาถาเงินล้านวันนี้ อาตมาจะฉวยโอกาสนอน..! ก็คือมีวัตถุมงคลเข้าพิธี แล้วก็จะอ้างว่าสมาธิไม่ดี สวดไปปลุกเสกไปไม่ค่อยถนัด ขอนอนอย่างเดียว ...(หัวเราะ)... สงสัยว่าจะแหกตาคนได้ แต่แหกตาครูบาอาจารย์ไม่สำเร็จ #วันนี้วัตถุมงคลที่เข้าพิธีก็มีของชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต #ในส่วนของอาตมาเองก็คือตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชรที่พวกเราจองกันอยู่ ตอนนี้จะกลายเป็นพยัคฆราชเงินล้านไปด้วย ใครที่ยังไม่ได้จองก็นั่งน้ำตาไหลไป เพราะว่าต้นเดือนหน้าเขาจะเอาไปแจกที่บ้านเติมบุญแล้ว คำว่าแจกก็คือมอบให้แก่ผู้ที่จองเอาไว้ #ถามว่าทำไมถึงแพง ? #เพราะว่าวัสดุแพงมาก #และออกไปแนว ๆ ผิดกฎหมายด้วย..!

    #แต่คราวนี้พอศึกษาวิชาการจากครูบาอาจารย์มา #มีโอกาสก็ทำเอาไว้บ้าง #เรียกว่าฝากผลงานไว้ในแผ่นดิน #ในส่วนนี้ก็จะเอาปัจจัยไปในการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ ซึ่งเห็นแบบแล้วทุกคนสะดุ้ง เพราะว่าเป็นพระยืน สูงขนาดอาตมานี่แหละ จากที่เขาบอกว่าใช้ทองคำประมาณเดียวกับหลวงพ่อทองคำ คือ ๙๐-๑๐๐ กิโลกรัม ดู ๆ แล้วท่าจะเกินไปมาก ตอนนี้บรรดาช่างหล่อกำลังคำนวณกันอย่างเคร่งเครียด เพราะอาตมาบอกแล้วว่าห้ามพลาดเด็ดขาด ไม่มีทองคำเหลือแล้ว งานนี้มีแต่ต้องซื้อเพิ่ม แล้วตอนนี้ทองคำก็กำลังแพงมาก

    #ดังนั้น..ปัจจัยจากการบูชาตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชร มีโอกาสเอาไปซื้อทองคำและต้องซื้อมากด้วย น่าจะต้องควักเงินส่วนตัวเพิ่มเติมเข้าไปอีก ปีนี้ส่งบัญชีรายรับรายจ่ายประจำปี จากปีที่แล้วซึ่งหล่อหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ มีเงินติดลบอยู่ ๑๑๖ ล้านบาทเศษ มาปีนี้เหลือติดลบแค่ ๗๐ กว่าล้านบาท แล้วถ้าหากว่าซื้อทองเพิ่ม ก็อาจจะติดลบกลับไปใกล้เคียงเท่าเดิม แต่โยมไม่ต้องห่วง ปล่อยพระกังวลไปฝ่ายเดียว ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนกังวล ? เพราะว่าอาตมาเองไม่ได้รู้สึกหนักใจ ใครเป็นเจ้าหนี้ก็ต้องไปสวดมนต์ขอพร ขอให้หลวงพ่อเล็กร่างกายแข็งแรง อายุยืน ๆ จะได้หาเงินใช้หนี้ได้ นั่นเป็นภาระของเขา ไม่ใช่ภาระของอาตมา..!

    #อาตมาเอาตะกรุดพยัคฆราชมาเข้าพิธีกลายเป็นควายไปทั้งฝูงเลย

    ที่มา : เก็บตกงานสวดพระคาถาเงินล้าน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๓
    ———————————————————-
    #พระอาจารย์กล่าวถึงวัตถุมงคล "อาตมาไม่ได้สร้างของพวกนี้ เพราะว่าบางอย่างทำให้เกิดส่วนของสัทธรรมปฏิรูปขึ้นมา ก็คือมีของที่แทรกเข้ามาในระหว่างธรรมะของพระพุทธเจ้า

    #อย่างที่เขาทำเป็นรูปพีระมิดบ้าง ทำเป็นอักษรรูน เคยได้ยินไหม ? ตัวคาถาอาคมสมัยดึกดำบรรพ์ของทางด้านโลกตะวันตก เรื่องพวกนี้เป็นของอิงศาสนา อิงความเชื่อ ถ้าเราไปทำ คนรุ่นหลังที่ไม่รู้ก็ไปคิดว่าเป็นของศาสนาพุทธ แล้วก็จะทำให้เกิดความสับสนปนเปกันขึ้นมา

    #ศาสนาที่เรียกว่าแท้จริงของเรา ก็จะโดนหลักเกณฑ์หลักการอื่นแทรกเข้ามา แล้วก็จะทำให้สูญเสียความเป็นพุทธไปทีละน้อย จนกระทั่งท้ายสุดก็จะเหลือแต่เปลือก แต่ว่าส่วนเปลือกกลับเป็นส่วนที่บุคคลต้องการมากที่สุด เพราะว่าเข้าถึงง่ายที่สุด

    #เพราะฉะนั้น..สิ่งที่เราทำก็อย่าให้ไปไกลศาสนามากจนต่อไม่ติด อย่างเช่นว่าถ้าเราสร้างพีระมิด ก็ควรที่จะเป็นในส่วนของพระรัตนตรัย พีระมิดเป็นสามเหลี่ยม อธิบายเข้าในส่วนของคุณพระรัตนตรัย ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจอย่างสูง ถึงจะพูดให้ชัดเจนได้"

    "#แม้กระทั่งอาตมาสร้างตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชร ก็พยายามเอายันต์เกราะเพชรที่เป็นบทสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า คืออิติปิ โสฯ ใส่ลงไป จะได้ไม่ไปไกลเกิน คนที่มีจริตนิสัยชอบทางเครื่องรางของขลัง ก็จะได้มีของที่ตนเองชอบเอาไว้บูชา เอาไว้ติดตัวป้องกันอันตราย ในส่วนของพระพุทธศาสนา เราก็จะได้มีคุณพระรัตนตรัยแทรกเข้าไปด้วย"

    #พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาท่านทั้งหลายที่จองตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชรนี่จุกไปตาม ๆ กัน พิมพ์ผิดไปจึงต้องเริ่มต้นจองใหม่ ก็คือดันไป Copy คนที่ผิดมา เตือน "ตัวเล็ก" ว่าดูดี ๆ นะ มีผิดบานเลย เขาก็จัดการไล่ดู สรุปว่าผิดเป็นร้อย ตะกรุดแบบที่หนึ่งมีแค่ ๒๒๐ ดอก พอคนเขาจองเกินไป คุณมาช้าก็อด กลายเป็นว่าคนจองก่อนแล้วไม่ได้ เขาต่อว่ากันกระจายอยู่ใน Facebook ว่าทำไมจองแล้วไม่ได้ ? ก็เลยต้อง Copy ที่เขาจองไปให้ดูว่าผิดตรงไหน

    เด็กสมัยนี้ตกภาษาไทย อย่าง “เพชฌฆาต” เขียนอย่างนี้ ดันเขียน “เพชรฆาต” เลย แทนที่จะเป็น ฌ. กลายเป็น ร.

    พวกจองทีหลังได้เปรียบ เพราะว่าพอมีคนรู้ตัวเริ่มแก้ เขาก็รีบไปดูของตัวเอง"

    ถาม : #ตะกรุดทั้งสามแบบต่างกันอย่างไรคะ ?
    ตอบ : วัสดุคนละอย่าง คนละชนิดกัน คนละสายพันธุ์ แต่ตระกูลเดียวกัน

    ถาม : #ต่างกันตรงแค่หายากกว่าหรือคะ ?
    ตอบ : #หาโคตรยากกว่า..! #ไม่ใช่หายากกว่าเฉย ๆ

    ถาม : #แต่ตามตำราถือว่าใช้ได้เหมือนกัน ?
    ตอบ : #เหมือนกัน #แต่ถ้าได้อย่างแรกก็ถือว่าดีที่สุด เพราะป้องกันอาถรรพ์ป่าได้ทุกอย่าง #ขนาดเขาดึงขน#ใช้กันทีละเส้นเลย #ดึงขนออกมาเส้นหนึ่งโยนเข้ากองไฟ #จะปลอดภัยจากอาถรรพ์ป่าทั้งคืน

    ที่มา : เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๓
    __________________
     
  16. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    หลวงพ่ออภิชิโต
    (เล่าโดย คุณสุริยัน ราชา)

    ต่อ....

    เอาคาถาที่พระอาจารย์ในดงสอนไว้ ลองภาวนาดูครับโรคภัยจะไม่มาเบียดเบียนครับ

    คาถารักษาโรค หรือเสกของเสกยารักษาโรค (หลวงตาดำ-อาจารย์ชาญณรงค์) ทำนํ้ามนต์ภาวนาก่อนจะเป่า

    นะโม 3 จบ

    “สมุหะคัมภีรัง อโจระพยัง อะเสสะโต โสภะคะวา พุทโธหยุด ธัมโมหยุด สังโฆหยุด โรคภัยทั้งหลายจงหยุด หยุดด้วย นะโมพุทธายะ” (ภาวนาก่อนพ่นนํ้ามนต์ ฯลฯ)

    นะโม 3 จบ

    “สมิจจะ สังโฆศิษตัง สโมหะนัยยะ พุทธังละลาย ธัมมังละลาย สังฆังสูญหาย โรคทั้งหลายหายด้วยนะมะพะทะ”

    โดยเฉพาะผู้ที่มีพระของพระอาจารย์ในดงมาใช้ควบคู่ในการภาวนาจะได้ผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมเองก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ท่านกล่าวไว้ในการสร้างพระของท่านอภิชิโตนั้นจะเป็นจริงในวันนี้ ท่านมีจุดประสงค์ในการสร้างพระของท่านคือท่านเห็นว่าจะเกิดความรุนแรงในโลกใบนี้ ทั้งสงคราม เศรษฐกิจและโรคระบาดคนทั่วไปออกห่างจากพระธรรม สิ่งต่างๆเหล่านี้ค่อยๆเกิดขึ้นและเห็นได้ชัดเจนในปัจจุบันนี้ ขอให้เพื่อนๆตั้งรับเหตุการณ์นี้ด้วยสตินะครับ
     
  17. ศิษย์รุ่นจิ๋ว

    ศิษย์รุ่นจิ๋ว นิพพานัง ปัจจโยโหตุ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2017
    โพสต์:
    55,472
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +72,236
    ได้อ่านกระทู้นี้จึงได้รู้ว่าพี่เจ้าของกระทู้เคยทํางานที่ตึก ธ.กสิกรไทยซึ่งไม่ไกลจากเเถวๆที่ผมเคยอยู่ตอนเด็กๆเลย เคยอาศัยอยู่เเถวๆนั้นมาตั้งเเต่ยังไม่มีตึก ธ.กสิกรไทย เเละยังไม่มีตึก IBM ซะด้วยซุ้า เเต่ก่อนหน้านั้นเเถวๆนั้นมันมีห้างดังๆอยู่เเห่งหนึ่งจําชื่อไม่ได้เเล้ว เเถวนั้นใกล้บ้านสายลมด้วย เเต่สมัยนั้นผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบ้านสายลมเลย เป็นวัยรุ่นเอาเเต่เรียนๆเล่นๆ จนมาถึงช่วงผมเริ่มหงอก เสียดายมากครับ กว่าจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรหลวงพ่อท่านได้มรณะภาพไปหลายปีเเล้ว
     
  18. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    #รอยเกวียนโบราณ แคว้นมคธ สมัยพุทธกาล

    #รู้เเล้วท่านธนัญชัยเศรษฐีทำไมจึงรวยมาก

    นอกจากจะทรงอิทธิพลด้านการทหารเป็นอันดับหนึ่งของชมพูทวีปในสมัยพุทธกาลแล้ว แคว้นมคธยังทรงอิทธิพลทางด้านการเงิน จนกระทั่งว่าพระเจ้าปเสนทิโกศล ซึ่งเป็นรัฐคู่แข่งยังต้องขอมหาเศรษฐีจากแคว้นนี้ไปอยู่ที่แคว้นโกศล ซึ่งผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปนั้นก็คือ ท่านธนัญชัยเศรษฐี บิดาของนางวิสาขามหาอุบาสิกานั่นเอง สมัยโบราณนั้นยังไม่มีธนาคารและไม่มีการโอนเงินเหมือนปัจจุบัน ทั้งราชวัง บ้านเศรษฐี และคนมีสะตังค์ทั้งหลาย ต้องมีห้องเก็บสมบัติเป็นของตนเอง และต้องมียามช่วยรักษาความปลอดภัยไว้ด้วย ใครที่ไม่มีกำลังปกป้องทรัพย์สินก็ต้องนำไป "ฝัง" ไว้ใต้พิภพ เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยายเลย

    แต่การได้มาซึ่งทรัพย์สินมหาศาลจากอดีตกาลผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้นั้น ถ้าเป็นทางการก็มาจากการ "เก็บภาษี" แต่ถ้าเป็นชาวบ้านชาวเมืองแล้ว ต้องทำมาหากิน และ "การค้าขาย" ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ดีที่สุดในบรรดากิจการทั้งปวง

    เมืองแคว้นมคธเลื่องชื่อในเรื่องความรวย เราจึงต้องไปดูว่า เขารวยด้วยอะไร ? รอยเกวียนโบราณเหล่านี้คือ คำตอบสุดท้าย !

    หินแดงที่ถูกรอยเกวียนนับล้านๆ บดกดลงไปเป็นเวลานับร้อยๆ ปีนั้น ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น นั่นคือ รอยอมตะของเกวียน

    ในพระธรรมบทเล่าว่า ทุกเช้า กองเกวียน 500 เล่ม จะวิ่งไปต่างเมืองเพื่อค้าขาย และทุกเย็น กองเกวียน 500 เล่ม จะวิ่งเข้าเมือง เพื่อนำสินค้าจากต่างแดนมาสู่มหานครแห่งนี้
    FB_IMG_1582862663317.jpg FB_IMG_1582862658250.jpg FB_IMG_1582862660922.jpg FB_IMG_1582862655806.jpg
     
  19. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ต่อ...

    เรื่องหลวงพ่ออภิชิโต ใช้สมาธิคืนสภาพร่างกายที่บอบช้ำจากการฝึกโดดหน้าผา

    " เรื่องหลวงพ่ออภิชิโต ใช้สมาธิคืนสภาพร่างกายที่บอบช้ำจากการฝึกโดดหน้าผา " เรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้เคยคุยกับอดีตคนขับรถท่านหนึ่งของหลวงพ่อฯ ชื่อเล่นว่า พี่ อ พี่ อ เคยขับรถรับใช้หลวงพ่ออยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่หลวงพ่อได้ฝึกกระโดดลงจากหน้าผา เพื่อให้วิญญานออกจากร่าง ( เป็นหนึ่งในขั้นตอนการฝึกของพระอาจารย์ในดงสายนี้ ) พี่ อ ได้เล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งที่กุฏิวัดเงิน หลวงพ่อฯมาจากที่ไหนไม่ทราบได้ ลูกศิษย์ที่พบเห็นต่างตกอกตกใจกันมาก เพราะสภาพของหลวงพ่อฯนั้น จีวรขาดหลายแห่ง ที่สำคัญ บริเวณทั้งศีรษะของหลวงพ่อฯ มีสภาพบวมใหญ่และมีอาการช้ำบวมมาก พี่ อ บอกว่า ศีรษะ ท่านบวมใหญ่อย่างกับบาตรพระ ลูกศิษย์จะช่วยกันพาท่านไปยังโรงพยาบาล แต่หลวงพ่อฯห้ามไม่ให้พาท่านไปยังโรงพยาบาล แต่กลับสั่งลูกศิษย์ว่า ให้เฝ้าหน้าประตูกุฏิให้ท่านไว้ให้ดี อย่าให้ใครเข้ามรบกวนได้เป็นอันขาด แล้วท่านก็ปิดประตูกุฏิทันที เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลวงพ่อก็เปิดประตูกุฏิออกมา ปรากฏว่า ท่านมีสภาพเป็นปกติเหมือนเดิมทุกประการ เว้นแต่จีวรที่ยังมีรอยขาดเท่านั้น มาทราบกันในภายหลังว่า หลวงพ่อฯได้ไปฝึกสอบผ่านวิชากระโดดหน้าผาให้วิญญานออกจากร่าง ตอนตกลงมาร่างกระแทกพื้น ท่านไม่ทราบว่า วิญญานท่านได้ออกจากร่างแล้ว จึงกลับกรุงเทพฯโดยเครื่องบิน ปรากฏว่า แอร์โฮสเตสสาว ได้มานั่งทับที่ซึ่งหลวงพ่อนั่งอยู่บนเครื่อง ท่านตกใจว่ามีผู้หญิงมานั่งทับท่านได้อย่างไร จึงมาคิดได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นท่านแน่นอน ท่านจึงรู้ว่าที่มาขึ้นเครื่องเป็นวิญญานของท่านนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องกลับมายังร่างของท่านเองที่อยู่ใต้หน้าผาในป่า เข้าร่างที่นอนสลบอยู่แล้วฝืนทนความเจ็บปวดทั้งหมดพยายามพยุงร่างอันสะบักสะบอมนั้น กลับมายังกุฏิที่วัดเงิน แล้วใช้สมาธิระดับสูงประสานร่างกายและรักษาอาการบอบช้ำทั้งหมดให้หายภายในเวลาอันรวดเร็ว เรื่องนี้ผู้เล่ายังมีชีวิตอยู่แต่คงคุยกันในเฉพาะเหล่าลูกศิษย์เท่านั้น...

    ป.ล. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันในหมู่ลูกศิษย์นะครับ บุคคลภายนอกฟังแล้วก็อาจวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องโม้เพื่อการขายพระ
    เรื่องนี้ลองไปฟังจากศิษย์รุ่นเก่าๆดูนะครับ อย่าวิจารณ์หรือดราม่าอะไรเลยเพราะผมไม่เคยเอาพระของหลวงพ่อมาขายให้ใครนะครับ

    ลองอ่านในพระไตรปิฎกดูนะครับ ตอนที่พระโมคคัลลาน์ท่านโดนโจรทุบตีจนร่างแหลกเหลว ด้วยกรรมที่เคยทุบตีบิดามารดามาแต่อดีตชาติ แต่ท่านก็อธิษฐานจิตรวมร่างแล้วก็เหาะไปหาพระพุทธเจ้าเพื่อขอลาพระองค์เข้าสู่พระนิพพาน เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของคาถาพระโมคคัลลาน์ประสานกระดูกครับ

    FB_IMG_1582888536928.jpg
     
  20. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    ทุกอย่าง ท่านทำไว้ดีแล้ว
    เหลือศรัทธาเราอย่างเดียว


    ...”พอเต็มแล้ว ฉันก็ขึ้นไปกราบพระ พระใหญ่คือองค์ปฐม ท่านเป็นประธานอยู่ถามว่าของทั้งหมด ทั้งพระบูชา และก็มงกุฏเพชรนี่ มีประโยชน์อย่างไรครับ มีอะไรบ้าง ท่านก็บอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ด้วยอำนาจพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวานุภาพ พรหมานุภาพ ทั้งหมดต้องมีความไม่ประมาทอาราธนาไว้เสมอ...

    อันดับแรกที่ฉันจะบอกเธอนะ คือ กันโรคระบาดทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าโรคระบาดทุกอย่างนี่กันหมด พอท่านบอกแบบนี้ เจ้าของโรคระบาดก็ปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ โรคระบาดขั้นถึงตายอย่างอหิวาต์นี่ชุดแดง คนนะ โรคระบาดสัตว์นี่ชุดเขียว บอก "ผมครับเป็นเจ้าหน้าที่โรคระบาดทั้งสองฝ่าย..."

    มาแล้วก็ถามว่า ถ้าเขามีของนี้บูชาอยู่ หรือจะติดตัวอยู่ก็ตาม พระบูชาก็ตาม จะมีผลไหม เขาก็บอกว่า อย่าลืมนึกถึงพระพุทธเจ้านะ ผมเคารพพระพุทธเจ้า ถ้ามีผมจะจัดหลีก ก็เลยถาม ท่านบอกว่า โรคระบาดอันดับแรกที่พระองค์จะทรงสงเคราะห์คือโรคอะไรครับ ท่านบอก "โรคเอดส์"

    ........ ถ้าเชื้อมันมาจะเป็นอย่างไร ท่านบอกถ้าเชื้อเข้ามามันจะด้าน พอดีท้าวเวสสุวัณท่านอธิบายต่อว่า คำว่า "ด้าน" คือตาย เชื้อมันตาย แต่ว่าทั้งนี้ต้องอาราธนาเช้าอาราธนาเย็น ก็บูชาเช้าบูชาเย็น ต้องบอกไว้เรื่อย ๆ โรคระบาดทั้งหมด...

    ประการที่สอง ท่านบอกว่าถ้าต้องการความปลอดภัย ท้าวเวสสุวัณอธิบายว่า อำนาจพุทธานุภาพ "พุทโธ อัปปมาโณ" คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้ "ธัมโม อัปปมาโณ" คุณของพระธรรมหาประมาณมิได้ "สังโฆ อัปปมาโณ" คุณพระสงฆ์หาประมาณมิได้...

    ถ้าหากว่าไม่ต้องการให้ของหาย ขอให้อธิษฐานบอกว่า "ขอผู้ร้ายจงอย่าเห็นบ้าน จงอย่าเห็นประตู หรือศัตรูอย่าเห็นตัว เฉพาะศัตรู หมายความว่าเขายังไม่คิดจะทำร้ายเขาอาจจะเห็น ถ้าคิดจะทำร้ายเขาจะไม่เห็น ถ้าคนนั้นยังเป็นขโมยยังไม่ลักบ้านเรา อาจจะเห็น ถ้าจะลักบ้านเราอาจจะไม่เห็น ให้อธิษฐานตามนั้นนะ และต่อไปเรื่องลาภสักการะอะไรต่าง ๆ ธรรมดา...”

    คัดจากหนังสือ "สมบัติพ่อให้" หน้า ๑๑๖ (เล่มเก่า) ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     

แชร์หน้านี้

Loading...