เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ร่างกายต้องการพลังงานไปหล่อเลี้ยงเซลล์ จึงต้องแปลงพลังงานจากสารอาหารโดยใช้กระบวนการอ๊อกซิเจนจากลมหายใจ (อากาศที่เราหายใจเข้าไป) ผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และพลังงาน ออกไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ก็คือ กระบวนการอ๊อกซิไดซ์โดยอ๊อกซิเจน

    ทุกครั้งที่เราหายใจเข้า-ออก จะเกิดปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่นขึ้นมา การหายใจทุก ๆครั้ง ร่างกายก็จะเสื่อมสภาพลงไปทุกวินาที ร่างกายจึงมีความแก่และเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง และความสามารถในการสร้างตนเองจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง

    การใช้ระบบลมหายใจอย่างถูกต้อง และการได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอด้วยการดูแลตนเองใส่ใจเรื่องสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

    พฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายของตนเอง

    - นอนดึก ทำงานหนัก เครียด
    - อ้วน ขาดการออกกำลังกาย
    - รับประทานอาหารไขมัน และน้ำตาลสูง
    - อดอาหาร สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
    - รับประทานยามากเกินไป

    การใช้ชีวิตประจำวัน มลพิษ มลภาวะอากาศเป็นพิษเชื้อโรคร้ายที่มากับอาหาร เป็นตัวบ่อนทำร้ายสุขภาพ เรื่องอารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย จึงเป็นสิ่งคุ้มกันสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย

    ค่ะ โรคที่น่ากลัวคือโรคไม่รักตนเอง ทำร้ายตนเองทางอ้อม โดยเฉพาะจิตใจเป็นที่สำคัญที่สุด ใช้ลมหายใจและสมาธิต้านเครียด และภาวะของจิตใจเป็นสิ่งที่สื่อสารกับเซลล์ร่างกายได้มากที่สุด ยิ่งจิตใจตกต่ำมากเท่าไหร่ เซลล์ยิ่งอ่อนแอและอายุเซลล์เสื่อมและสั้นมากเท่านั้นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2020
  2. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ไม่ใช่ จิฮับ

    ต้อง มองว่า ที่ยังได้รับ ธาตุ ดิน น้ำ
    ลม ไฟ อยู่ เพราะ กรรมที่เปนกุสล
    บ้าง อกุสลบ้าง อัพยากฤติบ้าง ให้ผล

    ถ้าเมื่อไหร่ กรรมชนิด อุปฆาติกรรม
    ให้ผล ต่อให้อาหารนั้นราคาแสนล้าน
    ก้ อุดหลอดลมตายฮ่าน ได้ทันที ไม่ต้อง
    รอย่อย ไปสู่กระบวนการ ชราสภาพ

    ข้าวทุกเมล็ด ที่ตกใส่ ภาชนะ หาก
    เข้าใจผิด กินเข้าไปด้วยความเผลอ
    เพลิน

    มองไม่เหนว่า เวทนาในกาลก่อนๆ
    ต่างหาก ที่ให้ผล ดับลง

    แล้วไปสำคัญผิดว่า สะสม ดิน น้ำ
    ลม ไฟ เพื่อจะเปน ใหญ่ เปนอะไร
    นั่นเข้าทำนอง ม ต หนักแผ่นดิน เข้าละก้อ

    โอยยยยย

    นะ อย่ามองว่า ได้

    ให้มองว่า ใช้หมดไป ทุกเมล็ดข้าว

    หนึ่งเมล็ดที่เอาไปเสริม ต เยาะๆ จักยาน

    คือ จำนวน ม ต หนักแผ่นดินเท่านั้นชาติ

    เหนแบบนี้ ก้จะ รีเจนซี่ ตามจริงได้บ้าง

    ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เคี่ยวกรำเปน รูปร่าง
    กายอินทรียสาร พระศาสดาชี้ว่า
    ตอนอายุ 14* ตอนนั้นแหละ พีคสุด
    หลังจากนั้น สาทะแห่งรูปจะเปน
    โทมนัสเวทนาให้ผล

    * ตัวเลข 14 คงเปน ความเหนของ
    คนแปลพระสูตรตอนนั้น ตอนนี้
    เลขเฉลี่ยดลดลงไปที่ 11 ก้มี
    ตั้งท้องได้

    จิยิ เลยมาเยอะแระ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2020
  3. นักรบอธรรม

    นักรบอธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +157
     
  4. นักรบอธรรม

    นักรบอธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +157

    มีภาพแล้ว ขออนุญาตเพิ่ม Music นิดหน่อย
    ขอให้ท่านจิตยิ้ม สุขภาพแข็งแรงนะครับ
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ข้อมูลนี้แชร์กันทาง Line ค่ะ จากผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬา

    *****คุณหมอจากสถาบันบำราศฯ มาอธิบายเอง ไขข้อข้องใจได้ชัดเจน มากๆ
    มีรายละเอียดเรื่องวัคซีน จากทางคุณหมอแจ้งให้ทราบว่า ยารักษากำลังจะมี จากทางญี่ปุ่น และทาง ญี่ปุ่นก้อส่งมาให้ทางเราใช้ในการรักษาอยู่ที่ สถาบันบำราศ
    เชื้อไวรัส covid-19 แพ้อะไร
    คุณหมอชี้แจงว่า ตัวของไวรัสเองถูกอุ้มด้วยไขมันเยอะ จึงทำให้ตายด้วยสิ่งที่ละลายไขมัน เช่น ความร้อน, น้ำยาล้างจาน, สบู่ (สารดีเทอเจนทั้งหลายที่ล้างคราบไขมัน)
    อีกส่วนที่ทางคุณหมอ บอกว่าทางประเทศหนาว ต่างๆ มีการติดเชื้อเร็ว เพราะพฤติกรรม เช่น ไม่ค่อยอาบน้ำ หรือ ใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ (ผงซักฟอกก้อฆ่าเชื้อได้ครับ)
    ส่วนเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น คุณหมออธิบายว่า มี เกิดเชื้อนี้มาก่อนแล้วทั้งหมด 6 ชนิด
    ชนิดที่ 1-4 คือ หวัดธรรมดา
    ชนิดที่ 5 คือ SARS ซาร์
    ชนิดที่ 6 คือ Mers เมอร์ส
    ชนิดที่ 7 คือ covid -19

    และอัตราการตายแต่ละชนิด
    1. Mers อัตราเสียชีวิต 30 %
    2. SARS อัตราเสียชีวิต 10 %
    3. Covid-19 อัตราเสียชีวิต 3 %

    เมื่อพบติดเชื้อนะ ส่วนการติดเร็วเนื่องจากการออกอาการช้าครับ
    ส่วนจะเกิด super spreader ไหม
    ทางคุณหมอ บอกทางเมืองไทย ยกตัวอย่าง ครอบครัวปู่ย่า มีทั้งหมด 4 คนแต่ติด 1 คน คือหลาน และทางสถาบันฯตรวจซ้ำ 4 วัน 7 วัน ก้อยัง negative ตลอด จนทางคุณหมอ มาวิเคราะห์ว่า การไม่เกิด spreader อาจจะเพราะ ส่วนหนึ่ง สิ่งแวดล้อมเราเอง กับพันธุกรรมด้วย ที่ถือเป็นโชคดี ของคนไทย
    ส่วนการประกาศ เฟส 3 แพร่จากไม่รู้ต้นตอสู่คนทั่วไป ทางคุณหมอแจ้งว่า ถ้าเกิดขึ้นก้อจะ ตีกรอบเป็น โซนๆไป เหมือนอู่ฮั่น และทางประเทศไทย จะมีเฟส 3 เฝ้าระวังในเขตหรือจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาก เป็นลำดับแรก
    ในส่วนการแพร่กระจาย คุณหมอให้รายละเอียด ว่า
    ชนิดที่ 5 -SARS เริ่มการแพร่ ตอนไอ แล้วมีไข้ กระจายจากการไอ ทางอากาศเป็นหลัก
    ชนิดที่ 6 - Mers เมอร์ส เริ่มการแพร่ ตอนไอ แล้วมีไข้ การกระจายจากการไอ ทางอากาศ
    ชนิดที่ 7- Covid-19 เริ่มจากมีไข้แล้วถึงไอ การกระจายทางละอองฝอยในระยะ 1-2 เมตร
    เรื่องที่คุณหมอเน้นมากๆ คือ การล้างมือ ต้องถี่มากๆครับ เพราะ มีที่ติดจากมือจับผ้าปิดปากซึ่งอยู่ใกล้ตา ที่เป็นจุดเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายที่สุดครับ
    คุณหมอบอก ล้างมือให้บ่อยๆ สำคัญกว่า การใช้ mask อีกครับ

    1.ถ้าใช้แอลกอฮอล์ฉีดล้างมือได้จะดีกว่า .. ฉีดแล้ว อย่าเอากระดาษเช็ด .. ให้มันแห้งเอง
    2.แนะนำ เวลาจะล้างมือ ( ถ้าทำได้ ) ให้ล้างมือด้วย”ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน”ก่อน อย่างน้อย 20 วินาทีเพราะ ไวรัสตัวนี้ มีเปลือกเป็นไขมัน .... จะทำลายเปลือกไวรัส และ ล้างน้ำสะอาดนานๆหน่อย เพื่อชะล้างไวรัส
    3. หลังจากข้อ1,2 แล้ว ค่อยล้างมือด้วยสบู่โฟม เผื่อป้องกันมือแห้ง
    ### ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน จะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ เพราะ จะไปทำลายเปลือกหุ้มไขมันของเชื้อไวรัสนี้ ....
    *****ช่วยกันแชร์ เผยแพร่ด้วย .. ขอบคุณครับ
    Credit : Facebook Yong Poovorawan
    ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
    หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยา
    คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    มีข้อมูลยืนยันแล้วค่ะ ข้อมูลที่จิตยิ้มพูดถึงเรื่องนี้ตลอดระยะที่ผ่านมา โลกเรากำลังเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

    89929683_10100150649988536_2650228253104537600_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2020
  7. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    1.jpg

    #กินได้ ไม่ไกลตัว
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    กรณีถ้าเรารับรู้ได้ว่า ระยะการส่ายกระชั้น

    89929683_10100150649988536_2650228253104537600_n.jpg

    คำว่า "กระชั้น" ระยะห่างของวงสวิงมีความถี่ ถ้าเป็นการหมุนก็หมายความว่า การแกว่งหรือ การสัดส่ายที่ความความกระชั้น หรือมีความกวัดแกว่งที่เห็นได้ชัด ก็หมายความว่า การหมุน หรือวงล้อ นั้นมีการเสียสมดุล คือ ไม่นานก็ต้องล้มลง

    เปรียบดั่งการทอยลูกข่าง ตอนแรกหมุนรอบตัวเองแบหมุนติ้ว หรือ ความเร็วของการหมุนไม่เห็นการสัดส่าย หรือจะมองให้เห็นภาพวงล้อรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็วสมดุล วงล้อจะมีลักษณะที่มีความเร็วแบบหมุนเหมือนไม่หมุน หากวงล้อไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ วงล้อจะมีลักษณะสัดส่ายหรือกวัดแกว่งให้เห็น หากวงล้อกวัดแกว่งแบบกระชั้น ก็แสดงให้เห็นว่า อีกไม่นานต้องล้มลงและวิ่งต่อไม่ได้อีกแน่

    ถ้าโลกของเรามีลักษณะการหมุนที่เป็นวงกลม และมีการเสียสมดุล จึงมีการหมุนแบบสัดส่าย ซึ่งมายาที่เห็นได้ชัดคือ อากาศวิปริตแปรปรวน

    หากเป็นเช่นนั้นจริง โลกกำลังเสียสมดุลเป็นอย่างมาก จึงมีการยืนยันโลกแกว่งแบบสัดส่าย และผลกระทบที่มนุษย์ได้รับอยู่ ณ ขณะนี้เป็นเครื่องยืนยัน

    หากว่าโลกยังคงเสียสมดุลต่อไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็คงเหมือนวงล้อ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า ต้องยกระดับพลังงานให้โลกมีพลังงานสูงขึ้น เนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถร่วมมือกันช่วยเหลือโลกได้ ทั้งทางด้านมิติกายภาพ และด้านมิติพลังงาน คือ คลื่นพลังจิตที่เป็นบวก ที่เป็นกระแสคลื่นชนิดเดียวกันกับพลังงานสนามแม่เหล็กโลก

    ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คำที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ว่า แผ่นดินต้องหายไป 1 ใน 3 ส่วน และมนุษย์ต้องจบชีวิตลงไม่น้อยกว่า 1% เพื่อปรับสมดุลพลังงานใหม่

    ณ ขณะนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังข่วยเหลือโดยไม่ให้เกิดภัยพิบัติที่รุนแรง โดยเริ่มจากการกระจายผู้นำแสงสว่างไปทั่วโลกเพื่อข่วยเหลือเรื่องนี้ และมีแผนการทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้วิกฤติการณ์ภัยทางธรรมชาติ ต่าง ๆ ในโลกให้มนุษย์มีความห่วงใยเมตตาปราถนาดีต่อกัน มอบความรักที่บริสุทธิ์ต่อกันเพื่อให้มนุษย์ปล่อยพลังงานออกมาข่วยเหลือโลกบ้าง

    และถ้ามนุษน์คนใดไม่ปรับตัวปรับใจยกระดับจิตวิญญาณไปตามโลกที่กำลังถูกยกระดับพลังงานอยู่ในขณะนี้ มนุษย์จะต้องเจอกับความหายนะคือภัยต่าง ๆ ที่ต้องทำให้เสียชีวิตก่อนวันอันควร

    และถ้ามีมนุษย์ยังมีความรักและความปราถราดีต่อกัน ไม่แบ่งแยกกัน ไม่จุชนวนสงคราม ไม่เอาอาวุธชีวภาพมาทำร้ายกัน มนุษย์จะค่อย ๆ ถูกยกระดับจิตใจ ใครไม่สามารถทำได้ก็ต้องตายก่อนวัยไปในที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2020
  9. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262


    ไม่ต้อง รอ มหาต๋า ดาวพพิลึกหัส จักรยาน....
     
  10. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    M00NVmEyLsX3%2Fv1.Y2lkPTEyMGMwMTQ3NjQ2NDJkMWQ2NzU5YWUxYjExZWNmNzRjNjQzM2JlMGNhN2NkODRlMA%2Fgiphy.gif
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    การยกระดับจิตใจ ก็คือ
    -การพัฒนาสติปัญญา
    -ต้องฝึกความมีสติ
    -นำกายและจิตให้เข้าถึงเป็นหนึ่งเดียวกัน


    1.การพัฒนาสติปัญญา เป็นคนฉลาดคิด รู้จักเลือกคิดแต่สิ่งที่มีประโยชน์ เพิ่มพูนภูมิรู้และภูมิปัญญาของตนเอาไว้เสมอ อย่าเป็นคนคิดไม่เลือก ห้ามความคิดตนเองไม่ได้ มันทำให้เกิดความสับสนและความเครียด บดบังสติปัญญา ซึ่งร่างกายจะพลอยเสียสมดุลตามไปด้วย มีสมองเอาไว้คิดรู้และตัดสินใจ ต้องรู้จักใช้มัน และใช้ให้เป็น หากมีหลายเรื่องที่จำเป็นต้องคิดและตัดสินใจ เรียงความสำคัญของปัญหาก่อนหลังให้ได้ แล้วหยิบมาคิดทีละเรื่องตามลำดับที่จัดไว้ ไม่นำเอาทุกเรื่องมาคิดมาผสมปนเปกันจนบอกตนเองไม่ได้ว่า กำลังคิดเรื่องอะไรกันแน่

    2.การมีสติ หมายถึง การเป็นนายเหนืออารมณ์ความูรู้สึกนึกคิด อันเกิดจากจิตใจของตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืนใจ ไม่เก็บอารมณ์ใด ๆ เอาไว้ภายใน จนเกิดอาการโปร่งโล่งสบายเพราะจิตนิ่งแม้มีสิ่งใดมากระทบก็ไม่หวั่นไหวไปกับมัน

    3.การยกระดับกายกับจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
    หน้าที่มนุษยฺุทุกคน มีหน้าที่กระทำแต่สิ่งที่ดีงามต่อกันเท่านั้น คือสามารถอยู่เหนืออารมณ์ตนเองอย่างสิ้นเชิง ตัดสินใจถูกต้องในทุกเรื่องและหยั่งรู้เพื่อการรู้แจ้งได้ทุกสรรพสิ่งในสากลโลก ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะพาตนเองหลุดพ้นได้ด้วยวิธีธรรมชาติ

    หน้าที่สำคัญคือ มนุษย์ต้องหยุดสร้างพันธุกรรมด้านลบกับมนุษย์คนอื่น ๆ ให้ได้ และต้องยอมเผชิญกรรมด้วยการฝ่าฟันมันไปให้ได้ และต้องรู้จักรับผิดชอบต่อการกระทำต่อผู้อื่นด้วยจิตสำนึกที่ผิดพลาดของตนเอง

    นอกจากนั้นการจะมีอายุขัยที่ยืนยาว นอกจากระมัดระวังด้านโภชนาการแล้ว และไม่ทำร้ายสุขภาพด้วยความไม่ประมาท และต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าสาเหตุใดทำให้แก่เร็ว

    -การักษาสมดุลจิตใจเอาไว้เสมอ

    -จงนำตนเองไปให้ไกลจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมที่เกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของตน


    จงทำความเข้าใจเพิ่มสักนิดว่า.....

    อวัยวะและร่างกายมนุษย์นั้นเซลล์ทุกเซลล์จะมีขั้วต่างทางไฟฟ้าติตั้งอยู่ มีลักษณะเหมือนเสาอากาศทีวีในบ้านที่มีสองแฉก ขั้วต่างดังกล่าวนี้มันจะมีความสมดุลกับอำนาจแม่เหล็กโลกเสมอ จักรวาลกำหนดสัดส่วนทางไฟฟ้าแม่เหล็กคงที่ไว้ เพื่อใช้เป็นกุญแจปิดล๊อกเซลล์ร่างกายมนุษย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมใด ๆ เล็ดลอดเข้าสู่เซลล์เพื่อทำลายระบบทางชีววิทยาของแต่ละคนได้ ยกเว้นมุษย์ปล่อยตนเองด้วยความประมาท ปลดกุญแจดอกนี้ที่จักรวาลให้ไว้ ยอมให้เชื้อโรคร้ายต่าง ๆ เข้าไปภายในระบบเท่านั้น

    (สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียม จะเป็นตัวทำลายความสมดุลของขั้ววต่างดังกล่าวจนเสียสมดุล เซลล์จะเกิดการทำงานผิดพลาดโดยมันจะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา ที่นักวิทยาศาสตร์โลกยังคันไม่พบมัน เราเรียกว่า "ฮอร์โมนแห่งความตาย" เพื่อย่อยสลายเม็ดเลือดขาวตนเองจนหมดสิ้น ขณะที่มันจะยอมรับเชื้อโรคเข้าไปด้วย และเซล์ที่ขาดความสมดุล มันจะหยุดการฟื้นฟูตนเองได้ด้วยเช่นกัน

    การขาดความสมดุลทางจิตใจเช่น โรคเครียด วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย โกรธ โมโห หม่นหมอง กระวนกระวาย อาฆาตแค้น ความเก็บกดทางอารมณ์ อารมณ์ไม่พึงประสงค์ เหล่านี้ล้วนทำให้เซลล์ทำงานผิดพลาดจนทำให้อายุสั้นได้ทั้งสิ้น

    ในยุคพลังงานใหม่นี้ มนุษย์ยังเคยชินกับความประมาทต่อตนเองอยู่เช่นนี้ จะมีอายุสั้นคือตายเร็วกว่าเดิม โดยแพทย์จะไม่มีวันหาสาเหตุแห่งการตายกระทันหันได้พบ มนุษย์ควรสร้างความทันสมัยให้ตนเองในเรื่องนี้เอาไว้ด้วย

    ทำไมมนุษย์จึงชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ!!

    italy-1587287__480.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2020
  12. เเสงเทียน

    เเสงเทียน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2017
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +154
    = พี่ๆมาทำอะไรกันครับ
    = น้องๆ เห็นคนใส่ชุดขาววิ่งมาทางนี้หรือเปล่าครับ
    = ไม่เห็นเลยครับ อะไรกันพี่
    = คนไข้หนีออกจากโรงบาล พี่มาตามจับ
     
  13. นักรบอธรรม

    นักรบอธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +157
    พูดอีก ก็ถูกอีก ครับ
    ที่จริงท่านยิ้ม เขาก็พูดสิ่งที่เป็นเรื่องจริง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถูกต้องมาตลอด จะเรียกว่า "ผู้มาก่อนกาลเวลา" ก็ได้ครับ อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่วิเศษ มหัศจรรย์อะไร น่าจะเป็นเพราะบุคลเหล่านั้นเขามีองค์ความรู้สามารถมองเห็นอะไรต่าง ๆ นานาได้ครบทุกมิติ
    (คล้าย ๆ นกที่บินอยู่สูง มองเห็นทุกสิ่งอย่างจากด้านบน) เรียกว่ามองเห็นทุก ๆ องคาพยพ แล้วสามารถจะรู้เห็น ว่าในอนาคต จะเกิดอะไรขึ้น
    แต่ข้อเสียคือ "ผู้มาก่อนกาลเวลา" จะถูกเยอะเย้ย ถากถาง หยามหยัน จากผู้ที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ผู้ที่งุนงง โง่ งี่เง่า บลา ๆ ๆ
    บางครั้ง หรือหลาย ๆ ครั้ง ความจริง มันต้องใช้เวลาพิสูจน์ ทำไงได้ล่ะคับ เมื่อรู้แล้ว จะเก็บเงียบไว้คนเดียวก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ก็ต้องนำมาบอกกล่าวกัน เพื่อประโยชน์สุข กับผู้ที่เข้ามารับรู้ ดั่งเช่นที่พระพุทธองค์ ท่านมองเห็นว่า ปัญหาของชาวโลก คือ ความทุกข์ ท่านจึงตรัสรู้
    อริยสัจ 4 แล้วจึงมาบอกกล่าวเป็นธรรมให้กับชาวโลก
    ปล. อาจมีคำที่ไม่สุภาพ ขออภัยท่านจิตยิ้มมา ด้วยครับ
     
  14. นักรบอธรรม

    นักรบอธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +157
     
  15. นักรบอธรรม

    นักรบอธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +157
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    การจำฝังใจ...

    การจำฝังใจ เมื่อสร้างเหตุเก็บเอาไว้ในจิตแล้ว มันคือบทละครชีวิตที่เราต้องรับผิดชอบ

    คุณเคยเจอไหม! เหตุการณ์ที่มันผ่านเข้ามาในชีวิต ทำไมมันจึงวนมาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า และเราก็จะมีความรู้สึกกับมันแบบเดิม ๆ ความรู้สึกที่มันเจ็บปวด มันตอกย้ำ ความรู้สึกแบบดิ่งลึก มันคืออะไร?

    ทุกสถานการณ์และทุกเหตุการณ์ เราไม่เคยรู้เลยว่าในอดีตที่ผ่านมาเราเจอกับเหตุการณ์ใดบ้าง และเรามีความเห็น หรือตัดสินใจต่ออารมณ์ในเรื่องราวเหล่านั้นอย่างไร

    จิตมันจะเก็บและจำความรู้สึกต่ออารมณ์นั้นไว้หนาแน่นอย่างไร ยิ่งเก็บเอาไว้ด้วยความรูู้สึกที่หนาแน่นมากเท่าไหร่ มันยิ่งสร้างอนาคตเพื่อให้เราเป็น และมันจะรอยดึงรั้งเหตุการณ์นั้นมาให้กับเราเสมอ

    นี่คือ แรงแห่งกรรม คือแรงดึงดูด คือพลังงานที่ดึงดูดให้เราได้เจอ เมื่อไหร่ที่เราตัดสินใจได้ถูกต้อง หมดการยึดถือ มันก็หมดแรงดึง

    อย่าตอกตะปูลงไปในเนื้อไม้ เพราะเมื่อมันถอนออก มันก็ยังมีรอยฝังลึกอยู่ อย่าทำร้ายหัวใจใคร ถึงแม้ใครคนนั้นจะลืมไปแล้ว แต่ถ้าเขาคนนั้นเกิดความเจ็บและทุกข์ทรมานโดยความยึดถือ คือ เก็บลึกเข้าไปฝังไว้ในใจ มันคือบาดแผล เหมือนการตอกตำปู

    อย่าจำฝังใจ อย่ายึดไว้ด้วยทิฐิอันเห็นผิด เมื่อมีแรงดึงเพื่อที่ให้ต้องประสบชะตาชีวิต ชะตากรรม มันจะยิ่งตอกย้ำ ฝังเอาไว้เป็นบ่วงในใจ ยากแก่การถอนคืน

    แล้วจะทำเช่นไร?

    มันจะมีวงจรให้เจอซ้ำ ๆ เพื่อให้ตัดสินใจกระทำใหม่ อย่าตกหลุมพรางอารมณ์ และถ้าต้องเจอ ความรู้สึกที่ได้รับอยู่ ณ ขณะนั้น คือตัวตัดสินว่าแรงกรรมยังมีอยู่หรือไม่!

    สิ่งที่จะช่วยได้คือ กัลยาณมิตร คือ ให้โอกาส อภัย ให้ความเข้าใจ และช่วยเหลือให้เขาผ่านพ้นบ่วงกรรมให้ได้

    คุณคือคนนั้น ที่มีพลังแห่งความรักและความเมตตาอย่างเหลือล้น คุณจึงทำได้

    มนุษย์จึงเกิดมาเพื่อช่วยเหลือกันด้วยเหตุนี้

    พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า...ให้เลือกคบกัลยาณมิตร ด้วยประการฉะนี้เอง
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    สถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวคืออะไร? เราจะมีทางรักษาได้หรือไม่!

    ขณะนี้โรคระบาดทั่วโลก และประเทศไทยเห็นข่าวประกาศใกล้จะเฟส 3 เต็มทนแล้ว...

    เชื้อไวรัส COVID19 ศ.นพ.ยง ภู่สุวรรณ ปรมาจารย์ด้านไวรัสวิทยาของประเทศไทยได้กล่าวไว้ว่า ไวรัสCovid เป็นไวรัสประเภทมีไขมันเป็นเปลือกห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง การป้องกันเยื้องต้นนอกจาก Mask แล้ว ก็คือ การล้างมือด้วยผงซักฟอก และน้ำยาล้างจานซันไลได้

    ไวรัส covid19 จะเจริญเติบโตได้และแพร่ขยายพันธ์อยู่ในเซลล์ของมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบ

    อาการ... หายใจเหนื่อยหอบ

    บางรายมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ โดย ทางด้านแพทย์อาจจะตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยการเอกซ์เรย์ปอด แล้วพบว่าปอดบวมอักเสบร่วมด้วย หากมีอาการหนักมาก ๆ (พบว่าติดเชื้อในระยะหลัง ๆ แล้ว) อาจอันตรายถึงอวัยวะภายในต่าง ๆ ล้มเหลว

    อันตรายของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19
    แม้ว่าอาการโดยทั่วไปจะดูเหมือนเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่ที่กลัวกันทั่วโลกเป็นเพราะเชื้อไวรัสนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มียาปฏิชีวนะตัวไหนที่สามารถรักษาให้หายได้โดยตรง การรักษาเป็นไปแบบประคับประคองตามอาการเท่านั้น

    นอกจากนี้ อันตรายที่ทำให้เสี่ยงถึงชีวิต จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิต้านทานโรคของเราไม่แข็งแรง หรือเชื้อไวรัสเข้าไปทำลายการทำงานของปอดได้ จนทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายลุกลามมากขึ้น รวดเร็วขึ้น

    ตอนนี้...สิ่งที่จะช่วยรักษาโรค COVID19 ได้ ณ ขณะนี้ คือ การฝึกลมหายใจ

    การรักษาเบื้องต้น....ก่อนอันดับแรก

    ภูมิต้านทานที่แข็งแกร่ง คือ สิ่งที่ไวรัสกลัว เมื่อภูมิร่างกายของร่างกายแข็งแกร่งแล้ว มันไปประกบติดกับตัวไวรัส(สิ่งแปลกปลอม) ต่อมาก็คือการกลืนและมีการย่อยด้วยกลไกภายในเซลล์ จากนั้นจึงปล่อยสิ่งแปลกปลอมออกมาจากเซลล์

    ภูมิต้านทาน ยังมีหน้าที่กำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว และทำลายเซลล์ที่ชำรุด เซลล์ที่ผิดปกติ

    ภูมิต้านทานได้มาจากเซลล์เม็ดเลือดขาว

    เมื่อร่างกายต้องการพลังงาน โดยการอ๊อกซิไดซ์โดยอ๊อกซิเจน ทั้งพลังงานและสารอาหารต้องผ่านกระบวนการโดยระบบเลือดลำเลียงไปหล่อเลี้ยงเซลล์ โดยมีปอดเป็นอวัยวะสำคัญ ที่เลือดผ่านหัวใจไปนำเอาอ๊อกซิเจนจากปอด โดยเมื่อระบบเลือดที่มีอ๊อกซิเจนร่วมด้วย เลือดจึงมีสีแดงสด เป็นกระบวนการสันดาป และให้พลังงานแก่เซลล์ในร่างกาย

    เราจะเห็นได้ว่า "อ๊อกซิเจน" หรือ อากาศ หรือ ลมหายใจ คือ กระบวนการสร้างชีวิตให้แก่เซลล์

    เมื่อไม่มีลมหายใจก็หมดชีวิต ดับ

    เราจะเห็นได้ว่า ลมหายใจของมนุษย์เป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเคมีเช่นเดียวกับระบบเซลล์ ถ้าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกายผลิตออกมาสมบูรณ์แบบ เซลล์เม็ดเลือด เซลล์เนื้อเยื่อ เซลล์กระดูก ก็จะผลิตขึ้นมาใหม่มากกว่าผิดปกติ

    และภูมิต้านทานแอนติบอดี้ ก็มาจากเซลล์เม็ดเลือดขาว

    ลมหายใจสร้างStem cell

    คือเซลล์ต้นกำเนิดเป็นเซลล์อ่อนที่ไม่ทีหน้าที่ สามารถแบ่งตัวขึ้นมาใหม่ได้ และพร้อมที่จะเจริญเปลี่ยนแปลงได้ หรือกลายเป็นเนื้อเยื่อชนิดต่าง ๆ ได้ แบ่งตัวใหม่กลายเป็นเซลล์ในร่างกาย

    เมื่อได้ stem cell แล้ว stem cell จะแบ่งตัวไปแทนที่ส่วนที่เสียหาย ตามอวัยวะต่าง ๆ เพื่อให้เซลล์กลับมาทำงานเป็นปกติ เซลล์ที่ผิดปกติให้กลับมาทำงานปกติ

    ดังนั้น กลไกในร่างกาย เราแค่ปรับเปลี่ยนมันให้เกิดพลังงาน มันจะเปลี่ยนให้มีเซลล์ DNA ใหม่ทันที

    เมื่อเราฝึกลมหายใจแล้ว ตัวไวรัสที่มันไปเกาะกินเซลล์และแพร่เชื้อกระจายลงไปโดยเฉพาะปอด เมื่อเราได้ใช้ลมหายใจโดยการกระตุ้นให้เกิดพลังงานสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่ และผลิตออกมาอย่างมีคุณภาพ และเมื่อเซลล์ผลิตออกมากผิดปกติ เซลล์ใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เซลล์ที่ไม่ดีก็ตายลงอย่างรวดเร็ว

    เมื่อเป็นไปตามทฤษฏีนี้ การที่เราได้รับระยะเวลาฟักเชื้อ คือ ได้รับเชื้อไวรัสเข้าถึงร่างกาย โดยที่ยังอาจไม่ได้แพร่ขยายไปมากจนปอดอุดตัน (คือไวรัสจะเจริญเติบโตและแพร่เชื้อจนลุกลามทำลายปอดเสียหาย) เมื่อเราใช้ลมหายใจในการรักษาเบื้องต้น จึงทำให้เซลล์เม็ดเลือดผลิตมามากกว่าผิดปกติและสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน ทำลายเชื้อไวรัสได้

    ลมหายใจรักษาโรคได้ จึงเป็นเช่นนี้ค่ะ....

    ถ้าใครรู้สึกว่า..หายใจเหนื่อยและหอบ ลองใช้วิธีการฝึกลมหายใจวิธีนี้ดูค่ะ อาการเหนื่อยหอบหายอย่างแน่นอน

    กรณีนี้คือยังไม่มีอาการไข้ แต่หากสงสัยว่าเชื้อกำลังอยู่ในระยะฟักตัวอยู่หรือไม่นะค่ะ
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    มีหลายกรณีให้ใช้ได้หลายทางเลือกนะคะ

    อันแรกก่อนเลยก็คือ การออกกำลังกายโดยวิธี Cadio
    images (20).jpeg
    การทำ Cadio ช่วยอะไร?

    ความหมาย ทำให้หัวใจเต้น 85% ร่างกายจะผลิตเม็ดเลือดแดงเพิ่ม เวลาที่เราแก่ตัวลง การผลิตเม็ดเลือดแดงลดลง การที่ร่างกายจะสร้างเซลล์ใหม่และเซลล์ที่มีคุณภาพ การฝึกทำ Cadio มันทำให้เราผลิตเม็ดเลือดแดงเร็วขึ้นเพราะอะไร เพราะตัวCadio เป็นตัวสูบฉีด มันจะเป็นตัวสั่งประสาทส่วนกลางทำงานดีขึ้รน หรือไขสันหลังกระดูกสร้างเซลล์เร็วขึ้น สร้างเม็ดเลือดแดงเร็วขึ้น มันจึงทำให้เกิดภูมิต้านทานมากขึ้น
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    และอีกกรณีหนึ่งคือ...การสร้างภูมิคุ้มกัน จาก

    ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสาร"ไฟโตรนิวเทียล"

    images (62).jpeg


    สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคภัย หรือช่วยชลอเซลล์เสื่อมก่อนวัย

    การที่มนุษย์มีอายุขัยยืนยาวมาจนทุกวันนี้ มนุษย์ได้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อเอาตัวรอด

    จนในปี 1978 มุนุษย์ได้คิดค้นวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษที่ช่วยชีวิตคนจากสาเหตุการตายอันดับ1 ได้ไว้มากมาย

    ปี1877 ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ได้เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยกระบวนการฆ่าเชื่อก่อนผ่าตัด ทำให้คนมีโอกาสมีชีวิตสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนและ

    ปี1928 โลกได้รู้จักกับ penicillin ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้คนมีายุขัยเพิ่มขึ้นเป็น 60ปี และมีนวตกรรมใหม่ ๆ จนมีอายุขัยมาถึง 80 ปี จนปัจจุบันนี้

    ไม่นานมานี้ มนุษยชาติได้รู้จักกับเทโลเมียร์ ส่วนปลายของไมโครโซม ซึ่งมีหน้าที่กำหนดอายุขัยของมนุษย์

    อนุมูลอิสระ อาศัยและเพิ่มจำนวนสร้างปฏิกริยา Oxcidation ทำให้เกิดโรคภัวนานาชนิด จากการใช้ชีวิตประจำวัน เพิ่มปนเปื้อนในกระแสเลือด หมุนเวียนเข้าสู่ตับ

    การเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าปกป้องภายในเซลล์และนอกเซลล์

    ในวิถีชีวิตของคนในชีวิตประจำวันร่างกายมีความเสี่ยงที่จะได้รับสารพิษอนุมูลอิสระทุกวัน อนุมูลอิสระสะสมไปมาก ๆ จึงทำให้เกิดโรค NCDs

    สารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งลดปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่น ที่เป็นต้นตอทำให้เกิดสารพิษอุมูลอิสระในร่างกาย หากสารชนิดนี้ในร่างกายมีมาก ๆ จำนวนมาก ทำให้ระบบการทำงานเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว เกิดการเจ็บป่วยภูมิคุ้มกันถดถอย

    อ๊อกซิเดชั่นเกิดจากการะบวนการทางเคมี ที่สามารถสร้างความเสียหายแก่โมเลกุลที่สำคัญในร่างกายได้ อย่างเช่น DNA และโปรตีน โมเลกุลอย่าง DNA จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์อย่างมาก ถ้าให้ความเสียหายมากเกินไปจะทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ หรือตายลงได้ สารแอนตี้อ๊อกซิเด้นท์ จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยสามารถป้องกันและลดความเสียหายดังกล่าวได้

    การเป็นโรค ก็คือ สารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุล ระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxident) กับอนุมูลอิสระ(สารพิษ)ที่เกิดขึ้น

    ด้วยเหตุนี้ค่ะ มนุษย์ยุคปัจจุบันไม่ค่อยรับประทานผักและผลไม้ หรือไม่ก็ไม่ปลอดภัยจากสารพิษ หันมานิยมรับประทานแต่เนื้อสัตว์จึงมากกว่า เป็นเหตุให้ร่างกายได้รับเชื้อโรคจากสัตว์ และเกิดโรคระบาดตายก่อนวัยอันควรกันมาก

    และ....

    พระพุทธเจ้ากล่าวกับพระอานนท์ ช่วงที่เกิดโรคห่า ในขณะที่พระองค์ไปปฐมพยาบาลพระที่ป่วย พระอานนท์ถามพระองค์ว่าไม่กลัวติดเชื้อหรือ พระองค์กล่าวว่า "อานนท์ ถ้าไม่ใช่กรรมที่เราทำมา เราก็จะไม่ได้รับกรรมนั้น แต่ถ้าเราทำมา หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น"

    จึงมีความสอดคล้องกับการติดเชื้อโรคว่า ไวรัสเมื่อเข้าไปสู่เซลล์ของมนุษย์ โดยยีนส์จะต้องมีกลไกลที่สอดคล้องกัน ไวรัสจึวงจะสามารถเจริญแพร่พันธุ์ได้ หรือ การเกาะจับตัวของเซลล์โฮสต์ เมื่อเคลื่อนที่มายึดเซลล์ของโฮสต์ที่เหมาะสมแล้ว (ตรงตำแหน่งที่เหมาะสม) เยื่อหุ้มเซลล์จะโอบล้อมหน่วยไวรัสไว้ ไวรัสจะเข้าสู่เซลล์ได้ทั้งอนุภาค

    นี้เป็นสิ่งยืนยันให้เราไม่ต้องวิตกกังวลหรือกลัวเกินไป คือไม่ประมาท เพราะการเกิดขึ้นได้...คือ
    1.กรรม (ทานเนื้อสัตว์ เซลล์จองจำเกิดการผิดปกติ)
    2.การไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2020
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    วิธีจัดการกับโรคCOVID19 ที่ประเทศทั่วโลกให้การยกย่องว่าปลอดภัยจากโรคโควิดมากที่สุด

    IMG_20200318_201951.jpg
    ทึ่ง! ไม่น่าเชื่อเลยเพียงแค่บริหารหน้ากากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    และได้เคยอ่านข่าวเจอค่ะว่า เชื้อโรคจะสะสมไว้ที่เยื่อโพรงจมูก ถ้าสะสมไว้มากมีโอกาสติดเชื้อได้มาก




    Screenshot_2020-03-18-20-16-46-28.png

    https://praew.com/people/304861.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...