{...(ปิดรับ)รับสื่อจิต ชี้ทางชีวิต ด้วยบารมีครูบาอาจารย์โลกทิพย์...}

—— บันทึกความทรงจำ เรื่อง “พระคาถามหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก อยุธยา” ——
(.. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ..)​

เป็นครั้งแรกที่ผมอยากสวดพระคาถามหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ ถึงแม้ผมจะนับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์และมีพระผงพระธาตุของหลวงปู่ดู่ห้อยคอ ซึ่งโดยปกติผมจะสวดบทง่ายๆ เช่น นะโม 3 จบ,ไตรสรณคมน์,พุทธคุณ-ธรรมคุณ-สังฆคุณเพียงเท่านั้น เพราะผมไม่ชอบสวดมนต์ยาวๆ ส่วนบทพระคาถามหาจักรพรรดิผมเคยบอกให้ผู้อื่นสวด เพราะเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านสื่อบอกให้คนผู้นั้นสวด แต่ตัวผมก็ไม่เคยสวดบทนี้เลย แต่หลังจากครูโลกทิพย์องค์หลักของผมท่านหยุดตรวจญาณสร้างบารมีให้ผมชั่วคราว ผ่านไปไม่นาน ผมรู้สึกว่า ผมอยากโหลดพระคาถามหาจักรพรรดิมาฟังยามหลับและอยากสวดบทนี้ เพราะบทนี้มันก็ไม่ยาวเท่าไร สวดแป๊บเดียวก็จำได้ขึ้นใจเลย..

ขณะสวดพระคาถามหาจักรพรรดิผมก็ไม่ได้รู้สึกถึงพลังงานอะไร แต่มีเรื่องราวเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ทำให้ผมเชื่อว่า เป็นเพราะอานิสงส์แห่งการสวดมนต์ในบทนี้ และเมื่อคืนก่อนนอน จู่ๆผมรู้สึกอยากตั้งจิตอธิษฐานอัญเชิญครูสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาพระคาถามหาจักรพรรดิ เชิญมาเพื่อสอบถามว่า บทพระคาถามหาจักรพรรดิมีความแตกต่างจากบทสวดอื่นอย่างไร? หลังจากผมตั้งจิตอธิษฐานอัญเชิญครูสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบทสวดนี้ ท่านก็ส่งกระแสจิตมาไขข้อข้องใจให้กับผมดังนี้

“ให้เรียกเราว่า “พระปฐมเทวาธิราช” หรืออีกนามหนึ่ง “พระธุศฎีราชาธิบดี” เราเป็นสหายของท่านในครั้งที่ท่านเพิ่งจะกำเนิดดวงจิตมาไม่นาน เรากับท่านเป็นสหายธรรมกันมานาน ตั้งแต่จักรวาลนี้ยังไม่กำเนิดเกิดมา การมาของเราในครั้งนี้ก็เป็นอีกวาระหนึ่ง ที่เราและท่านจะได้มีโอกาสช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามสัตย์สัญญาที่เราเคยให้ไว้ต่อกัน ถึงแม้มันจะเป็นช่วงเวลาอันน้อยนิด แต่มันก็สำคัญสำหรับเรา จากนี้ไปเราจะคอยช่วยเหลือท่านทุกอย่างยามที่ท่านต้องการ เรามิใช่เทพเทวาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาลของท่าน แต่เราเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในจักรวาลเดิมที่ท่านวิทย์เคยมาสร้างบารมี แต่ด้วยเหตุแห่งหน้าที่ ตัวท่านวิทย์จึงถูกส่งมาช่วยเหลือเกื้อหนุนในจักรวาลใหม่แห่งนี้ มันมิใช่เรื่องง่ายสำหรับกิจหน้าที่นี้ เราจึงเห็นว่า เราขอเป็นอีกหนึ่งแรงกำลังที่จะมาช่วยเหลือท่านในด้านต่างๆ แม้ตัวเรายามใดไม่ว่างเราก็จะส่งหรือไหว้วานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาลของเรามาดูแลท่านอยู่ห่างๆ ถึงแม้ในจักรวาลใหม่แห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคอยดูแลท่านอยู่แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังไม่วางใจ และส่วนตัวเราก็อยากช่วยเหลือตัวท่านด้วย.

ในสิ่งที่ตัวท่านสอบถามมานั้นว่า บทพระคาถามหาจักรพรรดิบทนี้มีความแตกต่างกับบทสวดอื่นอย่างไรนั้น เราจะบอกว่า สิ่งสำคัญนอกเหนือจากพระคาถาในบทสวดแล้ว จิตของผู้สวดนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง! บทสวดจะมีอนุภาพมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่ที่ความบริสุทธิ์ของจิตผู้สวด ประกอบกับกำลังของทานศีลและภาวนามัยของผู้สวด รวมเรียกว่า“กำลังจิต” ของผู้สวดบ่นภาวนา ส่วนบทพระคาถามหาจักรพรรดิบทนี้ แท้จริงก็มิได้แตกต่างจากบทสวดอื่นใด ทุกบทมีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น แต่การที่ท่านวิทย์รู้สึกสัมผัสถึงเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆหลังจากสวดบ่นภาวนาบทนี้แล้ว ก็ด้วยมีเหตุจากเทวดาผู้มีฤทธิ์ที่ดูแลรักษาบทสวดนี้ ท่านต้องการให้ตัวท่านวิทย์รู้สึกว่าบทสวดนี้ถึงแม้จะไม่ยาวนัก แต่ก็มีพลานุภาพมหาศาล! ซึ่งพลานุภาพที่แท้จริงนั้น มิได้อยู่ในที่ใดเลย แต่อยู่ที่จิตอันมีศรัทธาของผู้สวดเอง ฉะนั้น เทวดาผู้ทรงฤทธิ์ที่ดูแลรักษาบทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิบทนี้ แท้จริงมีเทวดาในหลายชั้นฟ้าดูแลรักษาอยู่ เทวดาแต่ละองค์ต่างก็มีจริตที่แตกต่างกันไป บางองค์ชอบแสดงฤทธิ์! บางองค์เก่งในบางเรื่อง เช่น การค้าการขาย หรืออื่นๆ สรุปแล้ว ในบทสวดนี้มีเทวดาดูแลรักษาอยู่ค่อนข้างมากในปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่บทสวดนี้จะแพร่หลายในปัจจุบันนี้.

ส่วนช่วงระยะนี้ที่มีคนทะยอยมาให้ท่านวิทย์สื่อจิตเรื่อยๆหลังจากสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ ก็ด้วยเหตุจากที่เทวดาเหล่านี้รู้ในปรารถนาที่ท่านวิทย์อยากที่จะสร้างบารมีช่วยเหลือผู้คนในวงกว้างและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง! ดังนั้น เมื่อท่านหมดวาระการสร้างบารมีกับครูองค์หลักของท่านชั่วคราว เทพเทวาที่มีบุญวาสนาสัมพันธ์กับตัวท่านมาแต่เก่าก่อนพวกท่านจึงอยากตอบแทนคุณความดีของท่าน โดยการดลจิตดลใจให้ท่านวิทย์มาเริ่มสวดพระคาถามหาจักรพรรดิบทนี้ เพราะการสวดพระคาถาบทนี้ เปรียบเสมือนเป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์เข้าด้วยกัน แท้จริงมิได้สำคัญว่า บทสวดจะสั้นหรือยาว จะมีคำอักขระใดประกอบอยู่ในบทสวด แต่สำคัญที่พระคาถาบทนี้จะมีเทพเทวาพรหมพระอริยะพระปัจเจกหรือแม้รวมถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ใดจะมีส่วนร่วมใช้บทสวดนี้เป็นสื่อกลางเชื่อมกระแสระหว่างโลกทั้งสาม ก็แล้วแต่ความปรารถนาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านอยากจะมาสร้างบารมีผ่านบทสวดนี้ เรื่องราวก็มีเท่านี้ท่านและการที่ท่านวิทย์เขียนเผยแพร่เป็นวิทยาทานความรู้เพื่อให้คนหันมาสนใจสวดมนต์ในบทนี้มากขึ้น ก็ถือว่า ท่านวิทย์ก็ได้อานิสงฆ์แห่งบุญนี้ด้วยนะท่าน”

พระคาถามหาจักรพรรดิ(9 จบ) :

 

<< ธรรมทาน เรื่อง การสวดมนต์ >>​

เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาพระคาถามหาจักรพรรดิท่านสื่อมาชี้แนะแก่ผู้สวดมนต์ทุกท่านว่า “การสวดมนต์ไม่ว่าจะบทพระคาถาใดๆนั้น สิ่งที่ผู้สวดควรจะระลึกนึกถึงขณะสวดในทุกครั้ง เพราะจะทำให้การสวดในแต่ละครั้งมีอานิสงส์บุญมากหรือให้บังเกิดพลานุภาพที่แจ่มชัดขณะสวด! ก็คือ เวลาสวดควรระลึกนึกถึงคุณของบิดามารดร ระลึกถึงคุณแห่งครูบาอาจารย์ในทุกองค์ไม่ว่าสิ่งที่เราระลึกนึกถึงนั้นจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม เมื่อกระทำเช่นนี้แล้ว ก็ถือได้ว่า การสวดในช่วงเวลานั้น คุณได้เข้าถึงคุณแห่งผู้มีพระคุณของตนเอง และสามารถจักน้อมนำพลานุภาพนี้มาอธิษฐานจิตตามแรงปรารถนาได้ แต่ย่อมไม่เกินกฎแห่งกรรมหรือบุญกรรมและวาสนาของตนที่จะต้องเสวย! การสวดที่ไม่ระลึกถึงคุณใดๆเลย ย่อมเปรียบเสมือนนกแก้วนกขุนทองที่ส่งเสียงร้องแบบไม่มีจุดหมาย! เมื่อไม่มีจุดหมายของการสวด! พลานุภาพแห่งบทสวดไม่ว่าจะบทใดก็ตามย่อมไม่บังเกิดพละกำลังหรืออนุภาพอันแจ่มชัด! การสวดที่มีใจอันระลึกนึกถึงคุณต่างๆ ย่อมเปรียบเสมือนกระแสจิตที่พุ่งตรงไปสู่แหล่งศูนย์กลางของพลังงานเหล่านั้น และเราก็สามารถเชื่อมกระแสบุญกระแสแห่งพลังอำนาจของแหล่งนั้น และน้อมนำอธิษฐานมาใช้ได้นั้นเอง”

 

<< วิทยาทาน เรื่อง การปรับภพภูมิของพระคาถามหาจักรพรรดิ >> ​

เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาพระคาถามหาจักรพรรดิท่านชี้แนะว่า “ในกรณีการที่ผู้ใดจะสวดพระคาถามหาจักรพรรดิบทนี้แล้วอยากให้อำนาจบารมีของพระคาถาอำนวยช่วยเหลือให้สรรพวิญญาณได้มีการเลื่อนชั้นภพภูมินั้น มิใช่ทุกคนที่สวดมีเจตนาเช่นนั้นแล้ว ครั้นเวลาสวดจะสามารถปรับภพภูมิให้แก่สรรพวิญญาณเหล่านั้นได้จริง! ทุกอย่างในสามไตรภูมิย่อมมีกฎ! แต่ละกรณีที่สวดปรับภพภูมิให้ก็ย่อมมีเหตุปัจจัยอันแตกต่างกันไปจึงจักสามารถปรับภพภูมิให้ได้จริง มิใช่ว่าสวดทุกครั้งก็จะสามารถปรับภพภูมิให้ได้ ทุกอย่างมีกฎ! เรื่องนี้เป็นสิ่งอันซับซ้อน! แต่มิใช่พระคาถานี้จะปรับภพภูมิให้มิได้”

 

—— บันทึกความทรงจำ เรื่อง “โรคระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019(COVID- 19) ——
(.. วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ..)​

ไม่กี่วันนี้ ผมรู้สึกว่า มีสัญญาณบางอย่างกระตุ้นให้ผมต้องเขียนบอกเล่าเรื่องราวของโรคระบาดโคโรน่าไวรัสอย่างคร่าวๆ ซึ่งตอนเขียนบอกผมก็ไม่แน่ใจ! และไม่อยากยุ่งเรื่องของการพยากรณ์ในอนาคต เพราะอนาคตมันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ! แต่ผมห้ามความรู้สึกที่อยากจะเขียนไม่ได้! สรุปผมจึงได้เขียนลงในกลุ่มไลน์ของอาจารย์สอนปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง แต่พอเขียนลงไปแล้วผมก็เกิดความรู้สึกว่า มันสมควรที่จะเขียนแบบนี้หรือเปล่า หรือผมควรจะลบข้อความออกดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลบออก ข้อความมีดังนี้

“ยารักษาโรคโคโรน่า ผมเชื่อว่าจะคิดค้นสำเร็จในเดือนมีนาคมนี้ และมีการปรับสูตรอีกนิดหน่อยเพื่อรักษากลุ่มที่รักษาไม่หายขาด ประกอบกับฤดูร้อนทำให้ไวรัสไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะกดดันที่มีต่อการเจริญเติบโตของโรคนี้! มันเป็นวัฏจักรของโรคระบาด ทุกอย่างไม่มีเรื่องบังเอิญครับ ^_^” (.. ผมเขียนในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ..)

ผมเขียนแบบนี้ได้ยังงัย? ยารักษาโรคไวรัสนี้จะคิดค้นสำเร็จในเดือนมีนาคมจริงหรือ? และเรื่องการปรับสูตรอีก และผมทิ้งท้ายอีกว่า ทุกอย่างไม่มีเรื่องบังเอิญ! พอมาวันนี้ พอผมเห็นข่าวของกรมอุตุที่ประกาศว่า “ไทยสิ้นสุดฤดูหนาวแล้ว เข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัววันนี้” ทำให้ผมสะดุดกับคำว่า “ฤดูร้อน” ที่จะทำให้ไวรัสไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะกดดันที่มีต่อการเจริญเติบโตของโรคนี้ และผมเกิดความรู้สึกว่า วันนี้ผมจะต้องเขียนเรื่องราวโคโรน่าไวรัสนี้ให้ได้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของผม ผมจึงทำการอธิษฐานจิตอัญเชิญครูบาอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านมีหน้าที่เกี่ยวข้องมาช่วยเมตตาบอกกล่าวเรื่องราวเกี่ยวกับโรคไวรัสนี้ให้ผมได้รับทราบ เพื่อเขียนบอกเล่าแก่ผู้คนให้ได้รับทราบ จากนั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่ง ท่านสื่อกระแสจิตมาคุยกับผม ข้อความมีดังนี้

“ท่านวิทย์ ท่านจะต้องได้รับผลแห่งการเขียนบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนี้นะท่าน ผมตอบ ผมยอมรับ เพราะผมรู้สึกอยากเขียน เพราะว่ามันเป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องเขียน ผมรู้สึกเช่นนั้น ......(ท่านเงียบ)...... จากนั้น ท่านก็พูดขึ้นว่า ในสิ่งที่เราจะบอกท่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโรคภัยนี้ ท่านไม่ต้องทราบว่า เราเป็นใคร แต่เราเป็นหนึ่งในผู้มีหน้าที่กำกับดูแลการระบาดของโรคไวรัสที่ชื่อว่า “โคโรน่าสายพันธุ์ใหม่” ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนตอนกลาง(ผมก็ไปค้นในgoogle ดูทันทีว่า ที่ข่าวบอกว่า “เมืองอู่ฮั่นเป็นต้นกำเนิดของไวรัสนี้” แล้วอู่ฮั่นมันอยู่ตอนกลางของประเทศจีนจริงไหม? สรุปว่า อู่ฮั่นอยู่ตอนกลางของจีนจริง)

ซึ่งสาเหตุของโรคภัยนี้เกิดจากการที่มนุษย์กระทำกรรมต่อสัตว์ป่าในป่าแถบนั้นมาเป็นระยะเวลายาวนาน! จึงทำให้ดวงจิตวิญญาณสัตว์ป่าที่ถูกฆ่าตายเหล่านั้น และมนุษย์นำพวกเขาไปประกอบอาหารเป็นเมนูต่างๆที่พิสดาร! ด้วยเหตุดังกล่าวนี้จึงทำให้เกิดมวลพลังแห่งความเคียดแค้น! ซึ่งมวลพลังงานเหล่านี้นานวันเข้าจึงมีพลังอำนาจก่อตัวเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง! มิใช่เกิดจากบัญชาสวรรค์อย่างที่ตัวท่านเข้าใจ!

จากนี้ไปสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่านี้จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง! แต่จะมีปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจที่หยุดชะงักมาเป็นปัญหาต่อไปที่ทั้งโลกจะต้องกลับมาฟื้นฟู! จากนี้ไป ทิศทางแห่งการระบาดของโรคภัยไข้เจ็บนี้จะไม่รุนแรง เหตุเพราะนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ในยุคปัจจุบันรวมถึงนักการแพทย์สมุนไพรในสายการเยียวยารักษา ไม่ว่าจะเป็นแพทย์สายจีนสายไทยรวมถึงสายของประเทศต่างๆ จะมีการวิจัยพัฒนายาต้านรักษารวมถึงวัคซีนป้องกันโรคร้ายนี้ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลานะท่าน ครั้งนี้ถือเป็นภัยทางธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มาทางการเจ็บป่วยมาทางโรคภัยที่มีการแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เราจะบอกก็มีเพียงเท่านี้” จากนั้น ผมขอสอบถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมดังนี้

-ผมสอบถามว่า : “สิ่งที่ผมรู้สึกต่างๆ แต่ท่านไม่ให้เขียนเกี่ยวกับเรื่องโคโรน่าไวรัสนี้ ความจริงเป็นอย่างไรครับ?”
-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านตอบว่า : “ทุกอย่างย่อมไม่มีเรื่องบังเอิญอย่างที่ตัวท่านเข้าใจ! ตัวท่านได้ถูกกำหนดมาให้มีหน้าที่มาเขียนเรื่องราวความเป็นไปในสามภพภูมิ การที่ตัวท่านรู้สึกอยากเขียนบอกเล่าตามความรู้สึกที่ท่านได้รับรู้มา แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านห้ามไว้ ก็เป็นเพียงเครื่องทดสอบกำลังใจว่า ตัวท่านได้ใช้สติสมาธิและปัญญาของตัวท่านแล้วหรือยัง? จากที่เราได้ทดสอบ ตัวท่านยอมที่จะรับผลแห่งการเขียนเรื่องราวนี้ เราจึงเปิดเผยหรือเฉลยเรื่องราวให้ตัวท่านได้รับทราบ”

-ผมถามต่อว่า : “แล้วข้อความที่ผมเขียนลงไปแบบนั้นตามความรู้สึกของผม มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดไหม? ซึ่งผมเขียนในวันที่ 26 กพ และข่าว”อนุทินเผย ยาต้านไวรัส รักษาโควิด-19 จากจีนเดินทางถึงไทยแล้ว”ที่ข่าวออกในวันที่ 28 กพไม่กี่วันก็มีข่าวบอกว่า มียารักษาแล้ว ซึ่งตรงกับสิ่งที่ผมเขียนบอกตามความรู้สึกนั้น ท่านช่วยไขความกระจ่างให้ผมหน่อยครับ”
-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านตอบว่า : “สิ่งที่ท่านเขียนบอกไปนั้นเป็นเจตนาของเราเอง เราบอกผ่านความรู้สึกให้ตัวท่านเขียนออกมา และตัวเราเองอีกนั้นเล่ะ ที่มาห้ามมิให้ท่านเขียนในสิ่งที่ท่านรับรู้ผ่านกระแสจิต สิ่งที่เราดลใจให้ท่านเขียนทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไม่นานนี้! และจิตที่รู้หน้าที่ของตัวท่านมันผุดเกิดขึ้นมาในบัดดล ว่าตัวท่านจะต้องเขียนเรื่องราวการระบาดของโรคไวรัสนี้ให้จงได้!”

-ผมถามอีกว่า : “ขอท่านชี้แนะการปฏิบัติตนในช่วงการระบาดของไวรัสนี้ด้วยครับ?”
-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านตอบว่า : “ท่านถามได้ดี เราขอชี้แนะว่า จากนี้ไปคนที่ปฏิบัติดี คือ มีการสวดมนต์เจริญสมาธิอยู่สม่ำเสมอ ถือเป็นคนที่เข้าถึงความดีในระดับหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลกำกับโรคภัยนี้อยู่ จะเห็นคุณความดีในส่วนนี้และท่านก็จะเมตตาช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ มิให้เราติดโรคร้ายนี้หรือถ้าติดโรคนี้แล้ว ท่านก็จะหาทางช่วยเหลือบรรเทาให้เราหายขาดจากโรคภัยนี้ในที่สุด! แต่ตัวมนุษย์เองก็มิควรประมาทแต่อย่างใด!”

-ผมสอบถามเพิ่มเติมว่า : “ผู้มีหน้าที่กำกับดูแลการระบาดของโรคภัย ท่านมีหน้าที่อะไรบ้างครับ?”
-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านตอบว่า : “กิจหน้าที่ของผู้ดูแลกำกับโรคภัยต่างๆในโลกมนุษย์ ก็คือ มีหน้าที่ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุต้นกำเนิดของโรคภัยต่างๆที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนั้นด้วยการตรวจญาณอย่างละเอียด! จากนั้น นำเรื่องราวไปรายงานต่อเทวสภา จากนั้น เทวสภาจะออกมาตรการและออกคำสั่งไปยังเทวฑูตทั้ง 4 ทิศ เพื่อเป็นตัวแทนของเทวสภาไปแจ้งข่าวต่อผู้มีอำนาจในแต่ละทิศแต่ละเขต จากนั้น ผู้มีอำนาจในแต่ละทิศแต่ละเขตก็จะดำเนินการตามคำสั่งของเทวสภา เรื่องราวก็มีเช่นนี้ท่าน”

-สุดท้าย ผมถามว่า “แล้วภัยพิบัติสินามิก็เกิดจากมวลพลังของสัตว์เหมือนกันหรือเปล่าครับ?”
-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเมตตาตอบว่า : “ ส่วนใหญ่ภัยพิบัติของมนุษย์เหล่านั้น มันมีเหตุจากการก่อตัวของพลังงานไม่ดีหรือพลังงานเคียดแค้นที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน! จนก่อให้เกิดมหาภัยพิบัติขึ้นในแต่ละคราว แต่จะรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับพละกำลังของพลังงานเหล่านั้นที่ก่อตัวขึ้น จากที่ผ่านมาที่มนุษย์เรียกว่า “คลื่นยักษ์หรือสึนามิ” ก็เกิดจากมนุษย์ในแถบนั้นได้สร้างกรรมมากมายต่อสัตว์น้ำ โดยเฉพาะสัตว์น้ำขนาดใหญ่(ปลาวาฬ,ฉลาม,อื่นๆ) ส่วนคลื่นแผ่นดินไหวเกิดจากการที่มนุษย์โดยรวมสร้างมลพิษซึ่งเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ที่สั่งสมรวมตัวจนมีพละกำลังและไปกดดันชั้นดินต่างๆบนเปลือกโลก ทำให้เปลือกโลกมีการเคลื่อนตัว การเคลื่อนตัวของชั้นดินจึงเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวนั้นเอง”

-ข้อมูลอ้างอิง :
1.ข่าว ”อนุทินเผย ยาต้านไวรัส รักษาโควิด-19 จากจีนเดินทางถึงไทยแล้ว” (28 กพ 63)
https://today.line.me/TH/article/ojzRE6?utm_source=lineshare

2.ข่าว “อุตุฯ ประกาศไทยสิ้นสุดฤดูหนาวแล้ว เข้าสู่ฤดูร้อนเต็มตัววันนี้” (29 กพ 63)
https://today.line.me/TH/article/v9PWZ5?utm_source=lineshare

 

ครูบาอาจารย์โลกทิพย์ท่านให้ผมตั้งกระทู้ใหม่ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ หัวข้อกระทู้ คือ “
สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรน่า(COVID-19) by พี่วิทย์ สื่อจิตแห่งพุทธะ(FB)”

https://palungjit.org/threads/สถานก...id-19-by-พี่วิทย์-สื่อจิตแห่งพุทธะ-fb.711542/

 

—— บันทึกความทรงจำ เรื่อง “แม่ซื้อ” ——
(.. วันที่ 19 มีนาคม 2563 ..)​

วันนี้ผมขอหยิบยกเรื่องราวของหญิงคนหนึ่งที่มีลูกเล็กอายุเพียง 8 เดือนมาเล่าเป็นธรรมทานในฝ่ายของชนกกรรม คือกรรมที่นำพาสรรพสัตว์ไปเกิดเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ มีทั้งกุศลกรรมคือผลบุญและอกุศลกรรมคือผลบาปกรรมที่เคยสร้างไว้ในอดีต เป็นเหตุในการแต่งสัตว์ให้เกิด รวยจน มีสติปัญญาดีหรือโง่เขลา หรือ มีสุขภาพแข็งแรงหรืออ่อนแอมีโรคภัยตั้งแต่กำเนิด กรรมเป็นสิ่งที่สอนให้มนุษย์โลกได้รู้ว่า ทุกการกระทำของมนุษย์หรือกรรมต่างๆมิได้เลือนหายไปไหน และยังส่งผลต่อเนื่องข้ามภพชาติอีกด้วย ดังนั้น ขอให้ทุกท่านจงมีความตระหนักในบุญบาปที่ตนกำลังจะกระทำรวมถึงที่คิดจะกระทำในอนาคตด้วยครับ เพราะผลกรรมมิใช่เรื่องล้อเล่น! เมื่อบังเกิดขึ้นแก่ใครผู้ใดแล้ว ย่อมเกิดความทุกข์ใจทุกข์กายอย่างแสนสาหัส! ศาสนาพุทธจึงสอนให้มนุษย์ไม่ประมาทในกรรมของตน! ดั่งคำสุภาษิตธรรมที่ว่า “สัตว์โลกมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเครื่องอาศัยพึ่งพา”

— แม่ซื้อสื่อจิตมาบอกเตือนแม่ของเด็ก มีความว่า.. —

“ลูกคนนี้มีกรรมมาแต่อดีต อดีตชาติก่อนที่จะมาเกิด เขาเคยกระทำกรรมหนักบางอย่าง ดังนั้น ชาติภพนี้จึงมีโรคติดตัวมาแต่กำเนิด ควรหมั่นพาลูกไปให้พระที่อยู่แถวบ้าน(พี่เข้าใจว่า นางคงหมายถึง พระไพศาล) ให้ท่านสวดพระพุทธมนต์ปัดเป่าสิ่งอัปมงคลมิให้กล้ำกรายลูกคนนี้จะดีมาก ส่วนเรื่องอาหารการกินของเด็ก ก็ควรให้ระมัดระวังให้มาก! ควรสังเกตุดูว่า อาหารใดที่เด็กแพ้หรือไม่แพ้ และควรเป็นอาหารปรุงสุก มิฉะนั้นเด็กจะท้องเสียได้ง่าย! และจะมีผลต่อการติดเชื้อในลำไส้ของเด็กได้ ที่สำคัญ! มิควรทิ้งให้เด็กต้องอยู่เพียงลำพังบ่อยครั้งนัก! เพราะบางครั้งเด็กจะเกิดอาการไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวง่าย! เพราะตัวเขาแพ้ง่าย! เครื่องนุ่งห่มเด็กควรซักด้วยน้ำยาที่ไม่แรงนัก! และเวลาเด็กอุจจาระ ควรเช็ดทำความสะอาดก้นและรูทวารให้สะอาด! อย่าหลงเหลือสิ่งสกปรก! เพราะจะทำให้เด็กระคายเคืองและเป็นผดผื่นคันได้ง่าย! ที่สำคัญ! ควรล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะไปจับตัวเด็ก!

เราคือ แม่ซื้อที่ดูแลเด็กคนนี้ เราเป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่มาคอยดูแลความปลอดภัยและคอยรักษากายสังขารของเด็กทารกคนนี้ จนกว่าเด็กจะมีอายุไขครบ 5 ปี จึงจะเปลี่ยนให้เทวดาองค์อื่นมาดูแลถัดจากเรา เรามาสื่อกับท่านวิทย์ เพื่อจะบอกผ่านไปยังแม่เด็ก ให้แม่เด็กรู้ว่า ควรจะดูแลลูกคนนี้เช่นไร และถ้ามีเรื่องใดอีกเราจะรบกวนท่านวิทย์อีก เราขอขอบคุณ”

((.. ส่วนข้อความบทสนทนาระหว่างผมกับแม่เด็กให้ทุกท่านดูในรูปประกอบครับ ..))

 

ขออนุญาตนะครับท่าน การสื่อจิตสามารถฝึกฝนได้หรือป่าวครับ

 

สาธุ

 

— •• เปิดให้บูชาเหรียญ “หลวงปู่ทวด ปรับธาตุ” •• —

https://palungjit.org/threads/—-••-เปิดให้บูชาเหรียญ-“หลวงปู่ทวด-ปรับธาตุ”-••-—.728271/

 

—— บันทึกความทรงจำ เรื่อง “รหัสสัญญาณภัยร้ายแห่งมหาอุทกภัยในชาติบ้านเมืองไทยของเรา” ——
(.. เขียน วันที่ 2 กันยายน 2563 ..)

https://palungjit.org/threads/มหันต...by-พี่วิทย์-สื่อจิตแห่งพุทธะ-fb.711542/page-2