เพ่งอาจารย์ผู้สอนเป็นกสิน

เกร็ดธรรม

หลวงปู่พุธ ฐานิโย
วัดป่าสาละวัน
อ.เมือง จ.นครราชสีมา


ในสมัยที่เป็นนักเรียนนักศึกษา
พระ ก็มีการนักศึกษาเหมือนกัน เรียนนักธรรม ตรี โท เอก
เรียนเป็นมหาเปรียญ เดี๋ยวนี้เค้าเรียนกันถึงระดับมหาวิทยาลัย
ในครั้งนั้นยังเป็นสามเณรอยู่
แล้วใจก็อยากจะเรียนหนังสือมั่ง
อยากจะปฏิบัติกรรมฐานมั่ง

ทีนี้

มีอาจารย์ ท่านหนึ่ง บอกว่า
เณร ถ้าจะเรียนก็ตั้งใจเรียน จะปฏิบัติก็ตั้งใจปฏิบัติ
ทั้งเรียน ทั้งปฏิบัติ จับปลาสองมือ มันไม่สำเร็จ หรอก

ทีนี้

พอเสร็จแล้ว อาตมะ ก็ไปค้นตำรา
ตำราการปฏิบัติกรรมฐาน
ไปค้นข้อปฏิบัติอยู่บทหนึ่ง คือ การเพ่งกสิณ

ทีนี้

ก็มาฉุกคิดขึ้นมาว่า
ถ้าเราไปอยู่ในห้องเรียนนี่ เรามีทางจะปฏิบัติสมาธิกรรมฐานได้มั๊ย
ก็มาได้ความคิดว่า

เราจะเอาตัวครูของเรานี่แหล่ะ เป็นเป้าหมายของการเพ่งกสิณ

พออาจารย์ผู้สอนเค้าไปนั่งหน้าห้อง
ก็สำรวมจิต สำรวมใจ ส่งกระแสความรู้สึก ไปรวมอยู่ที่ตัวอาจารย์
สายตาก็เพ่งที่ตัวอาจารย์ไม่ลดละ
เมื่อเราเพ่งที่ตัวอาจารย์
ความรู้สึกไปรวมที่ตัวอาจารย์
อาจารย์ทำอะไรเราก็รู้หม๊ด

ท่านยกมือ เราก็รู้
เอามือลงเราก็รู้
เขียนหนังสือ ให้ดู เราก็รู้
อธิบายอะไรให้ฟัง เราก็เข้าใจ เพราะเราสนใจในตัวอาจารย์

ทีนี้ พอฝึกหนัก ๆเข้า
ฝึกต่อเนื่องกันประมาณเจ็ดวัน
พอเสร็จแล้ว เผลอๆ ก็โดนอาจารย์ตวาด

ท่านตวาด ว่า
เธอจะมามองฉันทำไม นักหนา

ก็เลยเรียนท่านว่า
ผมทำสมาธิ โดยเอาตัวอาจารย์เป็นอารมณ์จิต
เออ ..ถ้าหากว่าเธอเรียนสมาธิ ก็เชิญตามสะบาย
จะเพ่งฉันแหลกละเอียดเป็นจุนมิจุนไปก็เชิญ
อาจารย์ท่านบอกอย่างนี้

ทีนี้

ตอนต้นๆนี่ รู้สึกว่า สายตา แหล่ะความรู้สึก
ไปรวมอยู่ที่ตัวอาจารย์ไมยอมส่งไปไหน

ทีนี้ หนักๆเข้า ความรู้สึกนั้น
กลับย้อนมารวมอยู่ที่ตัวของตัวเอง
มาเตรียมพร้อมอยู่ที่จิต
ในเมื่อความรู้สึกมาเตรียมพร้อมอยู่ที่จิต

ความแปลกมันก็บังเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นอย่างไร


คือ ในขณะ ที่อาจารย์ท่านอธิบายอะไรให้ฟัง
พอท่านพูดจบลงปั๊ป จิตของเรานี้ คาดคะเนล่วงหน้าได้ ว่า
ต่อไปเขาจะพูดอะไร แล้วมันเป็นอย่างนั้น ทุกๆ ตลอดเวลา
ตลอดทุกชั่วโมงที่เรานั่งอยู่ห้องเรียน
พออาจารย์พูดจบประโยคนี้ปั๊ป ต่อไป มันรู้แล้วว่า อาจารย์จะพูดอะไร

ทีนี้ เวลาไปสอบ พออ่านคำถามจบ
จิตมันก็วูบวาบไป คำตอบมันก็ผุดขึ้น ผุดขึ้น แล้วก็เขียนเอาเขียนเอา
เวลาจะไปสอบจริงๆ ก็ นั่งสมาธิ คิดทบทวน หาบทเรียน
ว่าพรุ่งนี้เค้าจะออกอะไรมาเป็น ข้อสอบ มันก็ไปรู้ล่วงหน้า
ทีนี้ เสร็จแล้ว ที่มันรู้ พอไปเข้าห้องเรียนจริงๆ
ก็ออกมาจริงๆ เขาสอบมหากัน
เขาสอบประโยคแปล แปลโดยพญัญชนะ แปลโดยอรรถ
แล้วก็มีสัมพันธ์ มีบาลี ไวยากร แล้วก็มีการเขียนตามคำบอก
รวมทั้งหมด 4 วิชา

ทีนี้พอเสร็จแล้ว 4 วิชานี่ เรารู้ล่วงหน้าหมด
ทีนี้ เมื่อรู้แล้วก็ไปสอบไปซ้อม ซะจนคล่องตัว จนจะจำได้ติดปาก
พอไปเข้าห้องสอบ ก็ไปเขียนเอา เขียนเอา เขียนเอา
จนได้พูดตลก ตลก กับลูกศิษย์ ทุกวันนี้ว่า ผมนี่ เป็นมหา เพราะฝัน
คือว่า มันฝันไป ว่าเค้าจะออกที่ ตรงนั้น ตรงนี้

อันนี้ ท่านที่กำลังเป็นนักศึกษาอยู่ ลองจดจำ เอาไปปฏิบัติดู
พออาจารย์ เดินเข้ามาหน้าห้อง เพ่งสายตา ส่งความรู้สึกไปที่ตัวอาจารย์
อย่าเอาใจไปอื่น อย่าเอาสายตาไปอื่น
เมื่ออาจารย์สอนอะไรเราตั้งใจฟัง ตั้งใจกำหนดรู้ตาม
ท่านจะเคลื่อนไหว ไปมาอย่างไรอยู่
ให้อยู่ในความสนใจของเราตลอดเวลา
แล้วเราจะได้ สมาธิ ได้ สติ ปัญญา สนับสนุนการศึกษา

สมาธิอันนี้ เราจะนำไปใช้ประโยชน์ เมื่อเรียนจบไปแล้ว ไปทำงาน ทำการ
เราสามารถ ที่จะนำสมาธิอันนี้ ไปใช้ประโยชน์ได้

ดังนั้น

หลักการของการปฏิบัติสมาธินี่ เราจึงแบ่งได้เป็นสองหลัก


อ่าน ต่อที่นี่ https://palungjit.org/threads/วิถีจิต-พระราชสังวรญาณ-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.546312/

 

ขอโอกาสนะครับคุณนุ สงสัยจริงๆครับว่า
กสิน ปรกติทั่วไปไม่มีมี ที่สอนให้เพ่ง บุคคล ครูบาอาจารย์ มี่มีชีวิต..หรือไม่มีชีวิตแล้ว
ส่วนมากหรือทั้งกมด กสินที่ใช้เพ่งนั่นเป็นวัตถุ ที่ไม่มี จิต
อััน ที่ ท่านสอนเช่นนี้ เป็นคำสอนทีีถูกค้องหรือไม่ครับ...ผมเองก็นับถือ ลป พ อ่านบทแกะเทป ที่คุณปราบเอามาลงให้อ่านเป็นประจำ แต่ก็ ..อดสงสัยไม่ได้จริงๆ
ขออภัยนะครับถ้าถามอะไรไม่ดี
แค่สงสัย ไม่มีะจคนาอื่นครับ

จอเชิญท่าน ปังๆ ช่วยตอบ ให้ด้ให้ผม ด้วย คงจัะดี....

 

อรุนสวัสนะครับคุณนุ
ไม่ได้ตื่นเช้ามาทักทายหลายวันแล้ว
พักนี้ขี้เกียจ ขอตัวไปนอนต่อก่่่่่่่่อนนาครับ

 

อ่อ สงสัยอีกนิดครัย
กราที่เราเพ่งบุคคล ที่มีจิตวิญาณเป็นกสิน
จนสามารถรับรู้ได้ว่าเขาคิดอะไร...
อันนี้ จิตของเรา เข้าไปอยู่ในจิตของท่าน
หรือ จิตของท่าน เข้ามาอยู่ในจิตของเรา

...กสิณ10ทั้งหมดเป็นวัตถุ ไม่มีจิตวิญญาณ.....

นอนต่อ ..ฝันดีครับ

 

เชย คุณเอ้ย

อิติปิโสภะคะวือ
ยังเหาะกันมาแล้ว

อย่าว่าแต่คนสอนเลย
จะลูกแตงโม
หรือ สาวบ้านนา ก็ได้ทั้งนั้น

 

ถ้าใช้วิธีการเลือกที่จะฟังใคร แบบที่คนเดินดินมีกิเลสหนาใช้เราก็จะพลาดสิ่งดีๆนะคับคุณขาจร เราต้องเลือกฟังคน มีชื่อเสียง มีฐานะดี มีความรู้ดี ดูดี พูดดี คิดแบบโลกสิคับจะเป็นดหมือนชาวโลกส่วนมากกกกกก
แค่เห็นรูปร่างหน้าตาดี มีชื่อเสียงดี ชนชาวโลกส่วนมากยกย่องก็ยกย่อง ..
..ก็ปลวใจเชื่อไปแล้ว99.99เปอเซน

 

ตอนเป็นนักศึกษากำลังฝึกปฏิบัติอย่างจริงจังได้เปิดยูทูปฟังเทศนาของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ก็เห็นจริงดังท่านว่า(หมายถึงเรื่องการภาวนา) ก็เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ทำคือการเพ่งกสิณไม่เคยคิดว่าตนเองพิเศษอะไรเพราะเพื่อนๆคนอื่นๆก็ทำได้ 100 คน ทำได้ซัก 10 คน สิ่งที่พวกเรามีเหมือนกันคือ ชอบศึกษาหาความรู้(ใฝ่เรียน) ชอบเข้าวัดทำบุญฟังพระเทศนา นั่งสมาธิ และภาวนา มีความรู้สึกถึงกันพูดกันไม่กี่ประโยคก็เข้าใจกัน(ส่วนมากจะใช้จิตสื่อถึงกัน) พูดแล้วมากความเอาเป็นว่า สิ่งที่ท่านสอนสามารถทำได้จริงและเห็นผลจริง

 

ผมก็ฟังหลวงพ่อพุธมาทั้งนั้น

ที่คุณหมายถึง
ผมไปฟังคนเดินดินมีกิเลสหนานี่
หมายถึงใคร

ต้องเลือกฟังคนดี พูดดีนี่
หลวงพ่อท่านยังไม่ดีพออีกเหรอ

 

หางาบให้ผมซะแล้ว อ่านยังไงคับท่าน ไขว้ไปมา เละเทะ หมดเลย ใจเย็นสิคับ ผมก็ยอกว่า..... ชักกงงง ...เอ่อ อย่าพึงรีบอารมเสีย ..ไปดีกว่า จอผ่านละครับ

 

คุณตีวัวกระทบคราดนา

แต่ ถ้าไม่ว่าใครก็แล้วไป

ปล.เพราะกระมู้จั่วหัว ถึงลพ พุธอยู่แล้ว
ก็เลยเห้นว่าไม่ต้องอ้างซ้ำอิงซ้ำซ้อน

แต่มาบอกว่าเลือกเชื่อเพราะหน้าตา หรือคนยกย่องนี่
หนาวเลย เลยต้องดักไว้ก่อน

 

ตามปลาหวัด ลป.มั่น

ลป.มั่น ถูกพระฝ่ายปกครอง เพ่งเล็ง
เพราะ มีชื่อเสียเกินหน้า เกิน..

ก้เลยส่งทีมมหา มหา สอบ

ทีมมหา เชื่อตาม วิสุกะทมรรค
ก้เลย ถือมั่นความรู้กสิณเปน
วัตถุทรงปลาหลาด ต่างๆ นานา

หลวงปู่มั่น สวนไปว่า กสิณในพุทธ
ศาสนา พระองค์สอนให้เพ่งใน
ตัวมนุษย์

ซึ่ง หากอ่านพระสูตรดีๆ ก้จะพบ
ว่าทรงสอนไว้เช่นนั้น ไม่มีสัก
ครั้งที่จะสอนแบบ วิสุกะทิมัด

และ

กสิณ10

ในกสิณ10 ตัวที่10 คือ กสิณวิญญาน

เพราะ วิญญานเปนธาตุ อย่างหนึ่ง
เกิดจาก ปัจจัยการ การตั้งอยู่
ของ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ทิฏฐิที่ว่า วิญญานเพ่งไม่ได้ ก้มีแต่
ในศาสนาอื่นเท่านั้น เพราะสำคัญ
ไปว่า เปนของ 12:00 น.

 

เนื่องจาก วิญญาน เปนสิ่งที่อาสัย
การปรากฏของ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ขันธ์5 จึงเปน ของกลาง

บางคำแปล ใข้คำว่า เปนของเก่า

บางสำนวน ต่อด้วย เปนของชาวบ้าน

บางสำนวน ใช้ เปนของนอก(แนว)


พระป่า บางท่าน จะกล่าวว่า

จิตมีปรกติส่งออก ตัวมันเปนภวสวะ

จึงเกิดสำนวน พบจิตให้ทำลายจิต

ถึงจะถึงความ ....ไม่มีใดเทียม


ปล.ลิง : ฟังแบบนี้ อย่าได้ไประเบิด
ตัวมู ตัวมู้ จับตัววูวาง ตรงนั้น ตรง
นี้ ขยับนิด ขมิบหน่อย นะฮับ
มันเปนเพียงสำนวน จริงๆแค่
รู้ชัด จิต เปนธาตุเกิดจากปัจจัย
ไม่มีเรื่อง สะสม แค่นี้ก้ พอแว้ว

 

เอวัง ก็มีด้วยปะการละ ฉะนี้.... ปิด กะมู้ย์...
.....มึนต่อ ถึงกะอุทานว่า..โอ๊ย..ไม่น่าเลยตู

 

อย่าเที่ยวมัวฟาดงวงฟาดงา
โทษนู่นนี่นั่นอยู่เลย

ระฆังทำวัตรเช้าดังแล้ว

อรหัง...

 

ผม ผุถุชนเต็มขั้นครับ..อ่อ อ่อ ่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่
เดาแม่นจนขนลุก

 

ปีดดดด กรามู้ววววววว


way?....whome?..... <------

 

เปิดดดดดด มีดดดดดดดดด

 

อย่างตั่วเฮีย แก ว่าครับ

หลวงปู่มั่น ฝึก อาการ 32 ก้คือ กสิณของพระพุทธเจ้า มีธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม สีแดง ขาว เขียว ในตัว

คนที่ไม่เข้าใจ ก็ ไปเข้าใจ ว่า สายกรรมฐานหลวงปู่มั่น เป็นพระสุขวิปัสโกไปอีก

คนที่ไม่เข้าใจ ก้ ไปกล่าวว่า สติปัฏาน 4 เป็น แนวทางของ พระสุขวิปัสโกเสียอีก

คนที่ไม่เข้าใจ ก้ ไปกล่าว ว่า พระ อรหันต์ สุขวิปัสโก ไม่มีอภิญญาอีก


ส่วนที่หลวงปู่พุธ เอาอาจารย์ผู้สอนเพิ่งกสิณ หากถามผม
ความคิดเห็น ผม ก็เห็นว่า ไม่ได้ มีอะไร ผิดเลยครับ
จริงๆ ไม่ได้ จะออกความคิดเห็น แบบนี้ เพราะ
หลวงปู่พุธ ท่านเป็น มหาเปรียญ ตั้งแต่เป็น สามเณร เก่ง ทั้ง ปริยัติ และ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

ผมสอบเพียง นักธรรมตรี ยังเดิน ตามหลังหลวงปู่ อยู่เลยครับ

กสิณ ก็ ฝึก เพียงกสินไฟ ตามแนวทางครูที่สอนมา เ่ท่านั้นเองครับ
ทุกวันนี้ก้เจริญสติไปเรื่อยๆ

 

ส่วนตัวผม มอง ว่า

ใครก็ได้ ที่เป็น สัปบุรุษ ก็เอียง หูฟังไว้ก่อน เพราะจะได้ฟัง ธรรมที่สมบูรณ์

ไม่ว่าจะ ดู ดี หรือ ดู บ้า ในสายตา ชาวโลก ฟังแล้วก็ ลงมือ ลอง ลอง ลอง ดูซิ๊

แต่ อย่าบ้า ที่เป็น วิกลจริต นะครับ ต้องไปตามฟังถึงศรีธัญญา

 

สัปบุรุษเหล่านั้น ที่กำลังท่านกำลังจะพาพ้นโลกอยู่นี่ใ ใช้วิธีวัดค่าแบบ โลกๆ มิได้
สัปบุรุษ ที่จะแท้นั้น ใช้วิธีตีค่าแบบโลกๆไม่ได้ เพราะ โลก มัน ไม่ เที่ยง
สัปบุรุษทีี่ีีีแบบโลกๆ บางครั้้้ ก็มาแบบใส่่่่่่่่่่สูตรผูกไทสูตรผูกไสูตรผูกสูตรผูสูตรผสูตรสูตสูส
มีตำแหน่ง มียศสูง คนนั้บหน้าถือตามาก แต่ที่จริงกับเป็นคนธรรมดาหรืออาจเป็นนักทำลายต่อเนื่อง....ก็ได้
นอกจากต้องมองหาสัปบุรุษแล้ว
ยังต้องมองหา อสัปบุรุษ ด้วยเ
เพื่อทำประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมผู้ถึงพร้อด้วยความไม่ประมาท
ในวันหน้า
นะ นะ นะา
ขอตัวทำงานจ้า
ด้วยความรักแลเคารพทุกท่านะครับ