เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 16 มีนาคม 2012.

  1. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,850
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่าน มาติดตามข้อมูลพี่หนุ่มเหมือนเดิมครับ
     
  2. Amp119

    Amp119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +830
    อยากทราบว่าราคาเหรียญล่ะเท่าไรและยังมีเหลืออยู่หรือไม่ครับ ขอรบกวนทราบรายละเอียดเพิ่มเติมทางกล่องข้อความส่วนตัวด้วย ขอบคุณครับ
     
  3. phraedhammajak

    phraedhammajak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,599
    ค่าพลัง:
    +2,969
    จองบูชา
     
  4. minitrem

    minitrem สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอทราบราคาด้วยครับ
     
  5. minitrem

    minitrem สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอทราบราคาด้วยครับ
     
  6. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,850
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่าน มาติดตามข้อมูลพี่หนุ่มเหมือนเดิมครับ
     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยืนยันการรับจอง เหรียญลองพิมพ์ ลพ.กวย แบบปั๊มซ้ำ สภาพพอสวยไว้แล้วครับ ขอบคุณครับ

    ผมขอโทษด้วยครับที่ตอบรับทุกคำถามช้ามาก เพิ่งเดินทางกลับจาก ตจว.ครับ สำหรับเหรียญลองพิมพ์ ลพ.กวยนี้ บางคนก็ยังตั้งคำถามว่ามีทั้งหมดกี่เหรียญกันแน่ แต่จากข้อมูลที่แจ้งไว้แล้วคือน่าจะมีประมาณ 150-200 เหรียญ ซึ่งไม่มีใครคาดเดาได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์และก็ไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไร เพียงขอให้เป็นของแท้ มีข้อแยกแยะได้ตามวิธีการที่ถูกต้อง และมีหลักฐานชัดเจนก็พอแก่การบูชา แม้แต่พระสมเด็จของสมเด็จโต วัดระฆัง ก็ไม่มีใครรู้ว่าท่านทำจริงๆทั้งสิ้นรวมกี่องค์กันแน่ แต่ทุกวันนี้ยังองค์ละ 20ล้านบาท เหรียญฝาบาตรเองก็มีรายละเอียดการสร้างไม่ตรงกันมานานแล้ว บางคนว่ามีทำไว้3000 บางคนก็ว่าทำถึง 5000 เหรียญ แต่สรุปว่าขอให้แท้จริงๆก็ดีมากแล้ว เหรียญรุ่นแรกเนื้ออัลปาก้ายิ่งหาข้อยุติไม่ชัดว่ามีกี่เหรียญแน่ๆบ้างว่ามี9 บ้างว่ามี20 แต่ขอให้แท้ มีหลักฐานและพิสูจน์ได้ว่าปั๊มออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกับเหรียญฝาบาตรก็ยุติได้เรื่องจำนวน เหรียญหลังหนุมานยิ่งสับสนไปใหญ่ บันทึกพระเครื่องฉบับแรกสุดปกแดง มีลงไว้ว่ามีสร้างเพียง 10000.เหรียญ เล่มต่อมาลงไว้ว่ามี 40000เหรียญ ดังนั้นเรื่องจำนวนเป็นเพียงการนำมาปั่นราคาให้แพงเพราะจะได้มีน้อยและหายาก ยังไม่นับเหรียญบางแบบที่ปั๊มจากแม่พิมพ์เดิม แต่ไม่ทันเสกอีกนับแสนเหรียญที่ขายกันมากว่า20ปี ก็ยังไม่หมดสักทีจนถึงตอนนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2020
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อาทิตย์หน้าจะลงแบ่งแบบราคาเบาๆอีกครับ ขอบคุณครับ
     
  9. minitrem

    minitrem สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอจองครับ
     
  10. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,850
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่าน มาติดตามข้อมูลพี่หนุ่มเหมือนเดิมครับ
     
  11. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยืนยันการรับจอง พระแหวกม่าน ลพ.กวย พิมพ์อกใหญ่ลงกรุ เนื้อขาว สภาพพอสวยไว้แล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    สกุ๊ฟพิเศษ...สุดยอดพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่าน (อกใหญ่)
    โดย...ครูเฒ่า สุพรรณ
    ขอคัดลอกมาลงให้อ่านเป็นเกร็ดความรู้ สำหรับคนที่สนใจ
    ..........................................................................................

    หลวงพ่อกวยได้รังสรรค์สร้าง พระสมเด็จที่โด่งดังและเก่งมากไว้พิมพ์หนึ่ง คือพระสมเด็จแหวกม่าน พิมพ์อกใหญ่ ดังและเก่งมาก ขนาดท่านพูดว่า พระพิมพ์นี้สามารถติดกรรม (กรรมเก่าได้) แต่มีผู้ค้านว่า กรรมไม่ดีตัดไม่ได้ แต่จริงๆแล้วตัดได้ ถ้าเคยทำกรรมไม่ดีไว้ แล้วนึกได้ว่าทำไม่ถูก ก็หยุดทำซะ แล้วทำกรรมดีชดเชยผ่อนส่งก็จะพอระงับได้ ผู้เขียนเคยตีผึ้ง ผลกรรมคือ ไฟต้องไหม้บ้าน ได้ตรวจ (กรวดน้ำ) อุทิศบุญผ่อนส่งพอจะยกโทษให้ เขาแสดงให้ดู ไฟซ๊อตไหม้ เซฟทีคัท 2 ครั้ง ไหม้บ้านขณะคนอยู่ ถ้ากรรมตัดไม่ได้ ป่านนี้ผู้เขียนคงโดนไฟไหม้บ้านถึง 2 ครั้ง แต่ท่านก็พูดไว้ แต่พระพิมพ์นี้ พิมพ์เดียวว่าตัดกรรมได้ พระที่ท่านสร้างได้เก่งแบบนี้ มี 3-4 พิมพ์ แต่จะไม่จัดอันดับให้ ให้ท่านพิจารณากันเอง ก่อนหน้านี้หลวงพ่อก็เคยสร้างพระพิมพ์ไว้ก่อนบ้างแล้ว แต่ท่านสร้างแบบหลังเรียบ บรรจุที่กระถางธูปของท่าน (กระถางธูปใหญ่เท่าโอ่งน้ำ) พระชุดนี้ท่านบรรจุไว้ (กรุต้นพิกุล) บรรจุไว้ใต้กอไผ่, บรรจุไว้ใต้ต้นโพธิ์ที่ท่านปลูกเอาไว้ พระมีมากที่เป็นพิมพ์เกศไชโยมีมากฯ

    ปีก่อน 2500 ท่านทำพิมพ์แหวกม่านอกใหญ่ แกะพิมพ์สวยเป็นพิมพ์และเนื้อมาตรฐาน มีพิมพ์ย่อมลงมาก็มี แต่ทำน้อย ทำเนื้อเดียว ดูง่าย เนื้อสีเปลือกไข่, สีดำมีน้อย (ค่อนข้างดูง่าย สีเปลือกไข่) และได้แกะ (ทำ) พิมพ์แหวกม่านข้างเม็ดด้วย แกะพิมพ์สู้พิมพ์อกใหญ่ไม่ได้ ราคาจึงไม่แพงเท่า เนื้อของพิมพ์แหวกม่านข้างเม็ดผสมว่าน พระแตกหักชำรุดด้วย แต่พบที่ทำด้วยเนื้อแหวกม่านอกใหญ่ก็เคยพบ พระพิมพ์นี้บูชาอยู่จะใจเย็น ซื้อง่ายขายคล่อง ชีวิตเปลี่ยนไปในทางร่ำรวยเร็วมาก ท่านคงเรียนวิธีทำผง วิชาเสก จากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช (พระลำพูนดำของหลวงพ่ออิ่ม ถ้าบูชาก็จะรวย ซื้อง่ายขายคล่อง เก่งตัวจริงของเดิมบาง) ชีวิตที่เปลี่ยนไปเหมือนลิเก เหมือนงิ้ว อยู่หลังโรงเป็นลาว พอออกมาหน้าเวทีเป็นฮ่องเต้ซะงั้น เนื้อนิยมเปลือกไข่ ชนิดดูง่าย หลวงพ่อทำเอง เนื้อรองลงมา หมอเฉลียว เดชมา น่าจะช่วยทำ ช่วยตำผง (ผมคิดเอาเอง ถามหมอ หมอไม่พูด โดยเฉพาะเนื้อผสมน้ำมันตังอิ้ว พิมพ์ครั้งที่ 2)

    หมอเฉลียว เดชมา น่าจะช่วยหลวงพ่อทำ มีเปอร์เซ็นมาก เนื้อผสมน้ำมันตังอิ๊ว ราคาถูกกว่าเขา (หลักแสน) สรุปคือมีการทำถึง 2 ครั้ง ภายหลังแม่พิมพ์อกใหญ่ ที่หลวงพ่อทำ เกิดชำรุด มีรูพรุน คล้ายคนเป็นสิว หลวงพ่อได้นำเนื้อแรกอกใหญ่บรรจุกรุ พร้อมพิมพ์ข้างเม็ดครั้ง 1 บรรจุที่โกดังโยมยอด เดชมา พระบรรจุกรุโดนร้อน โดนหนาว มีทรายในตัวกั้น ไม่ให้พระกระทบกัน วันเวลาผ่านไป พระบรรจุกรุจึงไม่สวย ดูยากสักหน่อย บรรจุกรุปี 07 แตกกรุ ปี 40 มีพระร่วมบรรจุหลายพิมพ์แต่ไม่มาก มีพระกันผีเนื้อผงและดิน, สมเด็จหลังสิวลี, พระสมเด็จโต(หล่อ) วัดกัลยา ปี 2500 ครุฑหลวงปู่เส็ง วัดบางนา ปทุมธานี, สมเด็จย้อนยุคออกวัดระฆัง, พระปรกโพธิ์เล็ก กะระสะติ (สร้างถึง 3 ครั้ง) มีพิมพ์หลังเรียบก็มี พระมีพอสมควร ขนาดโอ่งท่าน 2 โอ่ง โรยเกศาไว้ด้านบนมากขนาด 1 กระปุกได้ พระกริ่งได้ค้นพบหลวงพ่อมาเข้าฝัน วัดเลี้ยงจระเข้ มุมสระน้ำเสียไหลลงกรุพระ หลวงพ่อเลยไปเข้าฝันให้มาเอาพระขึ้น ท่านบวชอยู่จันทบุรี เคยบวช 2 ครั้ง ครั้งละ 10 พรรษา (ปี) ได้พระมาไม่แบ่งให้วัด วัดเลยขับข้อห้าก่อความไม่สงบ จำหน่ายพระไม่แบ่งวัด, ไปอยู่วัดหนองตาแก้ว ก็เกือบโดนต่อย เลยไปอยู่วัดสนามชัย พระบรรจุนี้จะไม่สวยเพราะโดนร้อนโดนหนาวมา แต่เจ้าของมักจะเก็บคราบกรุเอาไว้ดูของปลอม ทำคราบกรุไม่ได้เหมือน พระสมเด็จพิมพ์แหวกม่านอกใหญ่แบบไม่บรรจุนี้ ปัจจุบันถ้าคนดูเป็นจะดูง่าย น่าใช้บูชามาก ถ้าท่านมีสตางค์หลายล้านก็ควรหาบูชาไว้ (จะไม่ขอจัดว่าอยู่อันดับที่เท่าไรของพระสมเด็จ 3-4 พิมพ์นี้ มีสมเด็จพิมพ์หลังรูป พิมพ์นิยม 1, สมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบ พระนี้ดูง่ายกว่าสมเด็จวัดระฆังแต่หายากมาก ระยะหลังที่พบนาน ๆ จะเจอที่ดูง่ายๆจริงๆสักองค์) สรุปคือเนื้อนิยม สีเปลือกไข่ (ดำก็มี) พิมพ์ข้างเม็ด ทำพร้อม พิมพ์อกใหญ่ เนื้อเดียวกัน 1 ครั้ง (รุ่น) หลวงพ่อทำเองกับมือ
     
  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พิมพ์ที่ลองพิมพ์อกใหญ่ คือพิมพ์แหวกม่านทรงเจดีย์ หลังมียันต์นะโมพุทธายะ (ยันต์ตุ๊กตา) พระใหญ่กว่าพิมพ์อกใหญ่ ทำไว้ 2 เนื้อ คือชานหมาก (น้ำตาล) มีหน้าตา มีรัศมี มีเนื้อขาว, กับเนื้อน้ำตาล ภายหลังน่าจะเป็นคุณหมอเฉลียว นำแม่พิมพ์มาลองทำกับหลวงพ่อ มีสีเขียว หลังยันต์, และหลังเรียบ, สีน้ำตาลอ่อนก็มี ทำครั้งแรกแม่พิมพ์เริ่มไม่ชัด มีเนื้อเกินที่ฐาน และแม่พิมพ์ได้แกะเซาะใหม่บริเวณรัศมี พระพิมพ์แหวกม่านทรงเจดีย์ทำน้อยกว่าเขา พิมพ์ครั้งแรกหลวงพ่อพิมพ์เอง ทำเอง เป็นพระที่ดูง่ายเช่นกัน (ถ้าแท้) คนมีปัจจัยควรหาไว้ พระรูปแบบเขา จะสวยกว่าพิมพ์ข้างเม็ด ศิษย์ของหลวงพ่อในปัจจุบัน ขอให้แท้อย่างเดียว เลี่ยมทองใช้บูชากันหน้าตาเฉย พิมพ์ไหนก็ได้ขอให้แท้อย่างเดียว

    อภินิหาริย์พระพิมพ์แหวกม่านมีมาก ใช้แล้วใจเย็น ไม่โดนยิง ไม่เปรี้ยงป้าง แคล้วคลาด กำบัง, รวย , รวบแบบไม่รู้ตัว คนมีบุญจริงๆจึงได้ไว้บูชาและรู้ค่า พระมีน้อย แต่ต้องคล้องแบบติดตัวคลอด คล้องจนลืม (ถอดเฉพาะตอนนอนกับภรรยา (ทำลูก) คล้องคอจนลืมวันเวลา จะรวยแบบไม่รู้ตัว (แม้สร้างใหม่ แต่ใช้ผงเก่า ก็ใช้ได้ ไม่ต้องจ่ายแพง ยิ่งโรยเกศา, ยิ่งเก่ง เหมือนของเก่าเลย) จะขอบันทึกอภินิหาริย์เอาไว้ แม้เป็นเรื่องเก่าก็สมควรบันทึกเอาไว้ (คงไม่ได้เขียนอีก เรื่องพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่าน)

    เรื่องที่ 1 เอาเรื่องเบาๆก่อนนะ แต่พระพิมพ์นี้ไม่ใช่พระบู๊ เป็นพระรวย เป็นพระเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณศิริชัยและคุณแหม่ม บ้านอยู่บางปู สมุทรปราการ มีโรงงานฟอกหนัง คุณศิริชัย ชอบบูชาพระ คือเช่าพระ คุณแหม่มก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร อยากมีลูก คุณศิริชัยรักภรรยามาก เลยหาบูชาพระพิมพ์แหวกม่านให้ใช้ คุณแหม่มเลยร้องขอกับหลวงพ่อ ร้องขอกับพระแหวกม่าน เดินทางมาขอลูกกับหลวงพ่อที่รูปหล่อ ขอลูกชาย 3 วัน 3 คืนได้ คุณแหม่มและคุณศิริชัย ฝันว่ามาวัด และมาขอลูกกับหลวงพ่อ หลวงพ่อให้เด็กมา 1 คน ขนาดกำลังอุ้ม ขี่หลังได้ แล้วคุณแหม่มก็ท้องได้ลูกเป็นผู้ชาย คุณศิริชัยเลิกเช่าพระ รักลูกและเมียมาก ปู่กับย่า, ตากับยาย, แย่งหลานกัน ปู่-ย่า เลยซื้อบ้านให้ราคา 7 ล้าน (25 ปีเศษ พ.ศ. 63) พระที่ใช้เป็นแหวกม่านพิมพ์อกใหญ่

    อีกคนหนึ่ง ท่านคือสารวัตรละออง สุขนิล บุตรบุญธรรมของหลวงพ่อ สมัยตำรวจ กับทหาร รบกัน ตำรวจคนหนึ่งหนีมาบวชที่วัดหลวงพ่อ พอเรื่องสงบ เขาชักชวนนายละออง สุขนิล ไปเป็นตำรวจด้วย นายละอองจากพลตำรวจ เป็นสิบโทตำรวจ ได้คิดถึงหลวงพ่อ ได้มากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อได้พูดว่า “มึงเป็นตำรวจสักคนก็ดี ศิษย์ของกูเขาว่ามีแต่เสือ แต่โจร” หลวงพ่อลงรูปให้ (ยันต์เสริมดวง) เขาได้เลื่อนยศเร็วมาก เร็วกว่าคนอื่น ไม่นานก็เป็นจ่า แต่พอจะสอบยศนายร้อย เขาไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย หลวงพ่อต้องช่วย ได้ให้พระพิมพ์แหวกม่านทรงเจดีย์ไปบูชาติดตัว อยู่ต่อมาก็สอบยศ พ.ต.ต. ก็สอบได้ ปลดเกษียณยศ พ.ต.ท. ที่ สภอ.สรรคบุรี เป็น สวป. พระองค์นี้มีคนแบ่งไปออกจำหน่ายครั้งสุดท้าย 1 ล้านบาท

    อีกคนหนึ่ง เคยเป็นนายทหาร เคยสมัครไปรบที่ลาว ยศนายร้อย เก่ง ความรู้ดี จำชื่อไม่ได้เสียแล้ว มีภรรยา 2 รุ่น รุ่นที่ 2 เป็นเลขาจบจากมหาลัยจุฬา พี่เขาทำงานครั้งที่ 2 เป็นงานเอกชน คุ้มกันเงินธนาคาร ภรรยาคือเลขาฯ ได้ลาออกมาขับรถเก๋งให้เวลาไปทำงาน อยู่ต่อมาเศรษฐกิจย่ำแย่ลง ภรรยาต้องออกหางานทำพิเศษ สามีก็จะโดนคัดชื่อออก เพราะเงินเดือนสูง ประกอบกับภรรยาใหม่ก็ไม่มีลูก (สามีผ่าตัด) ไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน สามีได้หาพระแหวกม่านทรงเจดีย์สีขาวให้ภรรยาใช้ (เชื่อหลวงพ่อที่อยู่ราชบุรี) พอภรรยาได้พระไปบูชา เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต หูตาสว่าง ลูกก็ไม่มี เงินก็เริ่มย่ำแย่ คิดได้ว่าถ้าขึ้นอยู่แบบนี้ไม่ดี อยู่ใครอยู่มัน ดีกว่า (แยกกัน คือรวมกันตายหมู่ แยกกันอยู่ตายทีละคน) เลยเอารถเก๋งไปขายที่พม่า แบ่งสมบัติเอง และหนีไป ใครมีเมียสวยอย่าเที่ยวหาพระแหวกม่าน ให้เขาใช้ล่ะ เดี๋ยวจะเป็นแบบนี้

    อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง อายุเริ่มมากแล้ว เป็นคนโคราช สนิทกับคุณครูอธิป จันทร์วิวัฒน์ (โทรถามได้ 084-888-3681) เขาอยากมีแฟนเพื่อไว้พึ่งพากันในครอบครัวยากยาก, ยามแก่, แต่เนื้อคู่ก็ไม่เจอกันสักที ครูอธิปได้แนะนำให้หาพระแหวกม่านมาใช้บูชา (สร้างใหม่ วัดหนองเฒ่า) เธอก็บูชาด้วยความเชื่อมั่น ไม่นานก็ได้สามีเป็นคนมีฐานะรวยค่อนข้างมาก อยู่ต่อมาสามีก็เริ่มเบื่อ ภรรยางานก็มาก เริ่มมีอายุ เริ่มห่างเหินกัน คุณภรรยาคิดได้ ได้บอกเล่ากับหลวงพ่อไห้ช่วยด้วย อยู่ต่อมาไม่นานก็ตั้งท้อง พอคลอดลูกชาย เป็นหลานคนแรกในตระกูล คราวนี้ฐานะสะใภ้เปลี่ยนไป เป็นคุณนายเลย

    อีกคนหนึ่ง มีอาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กำพร้าเมียเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีลูกติดผู้ชาย 1 คน อาชีพเสริมขายแผ่นซีดี ฐานะยากจน จนขนาดเมียทิ้ง ขับรถรับจ้างอยู่แถวๆธนาคาร บางครั้งก็รับส่งเจ้าหน้าที่ธนาคาร เขาว่าชายหญิงนี่ ไม่มีดอกฟ้า ไม่มีหมาวัด ผู้ชายมักดูผู้หญิงเอาสวยเข้าไว้ก่อน ผู้หญิงดูนิสัย ถ้านิสัยดีอบอุ่นใจดี ไม่ว่าผู้ชายนั้นจะอ้วน, จะผอม, หัวล้าน, จน, รวย, แก่, แต่งตัวบ้าๆ บอๆ บทได้ชอบ รูปร่างขี้เหล่หรือจนอย่างไรก็ชอบ นับว่าผู้หญิงนี้ใจกว้างมาก (สมัยหนุ่มๆ ผู้เขียนเคยจีบผู้หญิง ใช้วาทะทุเรศมาก พูดกับเขาว่า ถึงผมจะจน จะโง่ แต่ผมก็ขี้เหล่ ขอให้พิจารณาผมด้วย) อยู่ต่อมาผู้หญิงแบงค์ (ธนาคาร) ซ้อนรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จากชายพเนจรที่ยากจน เกิดชอบพอกัน ได้นำเงินมาให้ชายมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาสู่ขอตน ได้หาบ้านอยู่กันใหม่ ลูกติดก็รับเลี้ยง เปิดร้านให้สามีขายซีดี ผู้หญิงแบงค์คนนี้ เตี่ยขายวัสดุก่อสร้าง ร่ำรวยในโคราช ส่วนผู้ชายเขาคล้องพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่านอกใหญ่ สร้างใหม่ประมาณ พ.ศ. 2558-60 วัดหนองเฒ่า พระรุ่นนี้ดังที่หนองเฒ่า สุโขทัย (ทำมือโดย อ.นักรบ เจ้าอาวาส) มีคนนำไปเลี่ยมทองใช้หลายสิบคน บูชาอยู่แก้สถานการณ์ได้ คือปลดหนี้ได้ ค้าขายดีขึ้น พลิกสถานการณ์ เรื่องนี้ให้โทรคุยกับคุณครูอธิป จันทร์วิวัฒน์ได้ 084-888-3681

    อีกคนหนึ่ง จบครูออกมา พ.ศ. ประมาณ 2558-60 เดี๋ยวนี้ข้าราชการครู เขาไม่ค่อยรับ รับยากคือตัดงบประมาณเด็กไม่เกิด แม้มหาลัยก็รับแต่ลูกจ้างประจำ ที่รับแน่นอนคือทหาร, ตำรวจ คุณวรวุฒิ ขึ้นสันเที๊ย จบออกมาได้ยินข่าวว่า พระพิมพ์สมเด็จแหวกม่านของหลวงพ่อ สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ทราบว่าพี่สาวได้ไว้ 1 องค์ (ทำใหม่ ทำแจก โรยเกศา แจกฟรี แต่พระมีน้อย ไม่พอแจก โดนด่าเสด็จแม่ซะหลายครั้ง (คน) คนเมษา นาเจริญทำให้) แต่ได้ถามพี่สาว พี่สาวก็หาไม่เจอ เขาพกพาเข้าสอบ สอบครั้งเดียวเรียกบรรจุเลย เขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องกับคุณครูอธิป จันทร์วิวัฒน์ เขาได้ช่วยแจกซองผ้าป่าทุกปี พระองค์นี้มีเมตตาสูงมาก คุณครูวรวุฒิ สอนอยู่โรงเรียนทางภาคใต้ ครูรุ่นพี่รักเขาเหมือนน้องเลย เรื่องเมืองโคราช นี่ผู้เขียนรู้อยู่ 2 อย่าง คือชื่อคุณหญิงโม (แม่ย่าโม) ภาษาโคราช ไม่มีใครจดบันทึกแบบเปิดเผยเอาไว้ว่า ท่านชื่ออะไร (ชื่อจริง) ไม่มีใครบังอาจเรียกชื่อจริงของท่าน คุณหญิงโม (มาจากคำว่าโม้ โม้แปลว่าใหญ่ คนภาคกลางใช้คำว่าโม้ แปลไม่เพราะ เช่นคุยโม้ (คุยใหญ่ คุยโต) เมื่อจะจัดทำหนังสือให้เด็กอ่านเรียนกัน จึงเขียนตัดจากโม้ เป็นโม, อีกองค์หนึ่ง คือหลวงพ่อเสี่ยง วัดเสมาใหญ่ คนสมัยก่อนเรียกท่านว่า หลวงพ่อเลี้ยง (เลี้ยงแปลว่าเข คือตาท่านเข 1 ข้าง) เวลาไปสร้างเหรียญ คนจะจดจำเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะ ไม่ดี เลยเขียนชื่อเป็นเสี่ยง (อีกองค์ก็เก่งคือพระพรหมสร รอด) เหมือนกับจังหวัดบางจังหวัด ก็เขียนแก้ไขเพิ่มเติมให้ฟังดูเพราะดูดี เช่นจังหวัดแพร่ (เขาว่ามาจากคำว่า เมืองแพร หรือ จ.แพร ตอนตีพิมพ์เขาใส่ไม้เอกให้ เมืองน่านก็เหมือนกัน ไปมายาก จังหวัดอยู่บนเขา บนดอย มาจากคำว่า เมืองนาน คือไปแล้วกลับเลยไม่ได้ มืดเสียก่อน ต้องค้าง จะใช้คำว่าเมืองนาน คนก็จะไม่กล้าไป เดิมทำไม้ ใช้ช้างลากจูงไม้ซุง เวลาตีพิมพ์เลยใส่ไม้เอกให้เป็นเมืองน่าน
     
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อีกเรื่องหนึ่ง เจ้าของเป็นคนจังหวัดลำปาง ค้าเสื้อผ้าร้านใหญ่จำพวกผ้าไหม มีลูกสาว 2 คนเรียนดี เขาอยากให้ลูกสาวเป็นแพทย์ เขาได้หาพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่าน (ข้างเม็ด) มาให้ลูกสาวบูชาคนละ 1 องค์ ผลคือลูกสาวสอบเรียนแพทย์ได้ ปีต่อมาอีกคนก็สอบเรียนได้ 5-6 ปีผ่านไป (มา) เขาโทรศิษย์มาต่อว่าผู้เขียนว่า ลูกสาวน่ะจบแล้ว แต่น้อยใจหลวงพ่อขอให้ได้บรรจุเป็นแพทย์ อย่าให้ไกลบ้าน หลวงพ่อไม่ช่วย เขาส่งไปบรรจุซะไกลเลย น่าน้อยใจ อย่างนี้ก็มี (คนแบบนี้) เรื่องสอบเรียนต่อนี้หรือสอบเพื่อเรียนโรงเรียนใกล้บ้านนี้ รูปถ่ายหลังจีวร ก็เก่งมาก ถ้าจะสอบเข้าหรือสอบเรียน ให้นำรูปของท่านมาเลี่ยมใช้ติดตัวสัก 1 เดือนก่อน แล้วบอกเล่ากับท่านว่า จะสอบเข้าหรือสอบเรียนต่อ จุดธูปบอกเล่าท่านเรื่อยๆ ขอพรหรือบน ถ้าไม่เกินกำลังโดยมากจะสอบได้

    รูปหลังจีวรนี้ มีคนจะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่ใช้พาสปอร์ตของคนอื่น ได้ใช้พระหลวงพ่อองค์อื่นติดตัวไป แต่ไม่ผ่านเขาจับได้ ต่อมาได้นำรูปหลังจีวรติดตัวไป ผลคือผ่าน (เจ้าของเรื่อง คุณพี่สำราญ รักแหลมทอง กทม.) บางคนก็นำเครื่องรางของท่านราคาถูกๆ ปฐวีธาตุผ้าขอด, เม็ดประคำติดตัวไปสอบก็สอบได้ เคยมีคนสอบบรรจุครู มีเม็ดประคำของท่าน คล้องคอเม็ดเดียว ยังสามารถสอบได้ คือหลวงพ่อชอบคนใจจริง นับถือจริง นายหม่อง (กำแหง) บนสอบเข้าเป็นพลตำรวจ ตัวเขาโตสูง แต่ตั้งใจว่าจะเป็นตำรวจที่ดี พอไปสอบวิ่ง วิ่งสู้เขาไม่ได้ ได้นึกถึงหลวงพ่อ จะขอเป็นตำรวจที่ดี พอจะเข้าเส้นชัยอยู่แล้ว แต่วิ่งอยู่ท้ายเลย พอจะเข้าเส้นชัย เหมือนมีใครมาถีบ ถีบเปรี้ยงเดียว หัวทิ่มเข้าที่ 1 เลย เดี๋ยวนี้เขาก็เป็นตำรวจที่ดี เป็นดาบอยู่ สภอ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี (อาจติด ร.ต.ต. แล้วก็ได้)

    อีกเรื่อง ตอนที่หลวงพ่อสร้างพระพิมพ์แหวกม่าน ประมาณ พ.ศ. 2500 ท่านกำลังเรื่องวิชา ท่านเอาไปโยนลงสระ แล้วให้ศิษย์ชื่อทอกไปเอามา คือท่านเสกจนลอยน้ำได้ อีกครั้งลุงคลี่ ยิ้มจันทร์ เขยพ่อแก่อุ้ย คนบ้านครู (ภายหลังตีมีดให้หลวงพ่อทั้ง 2 คน) ลุงคลี่เป็นเด็กวัดหลวงพ่อได้ยกถาด ใส่ขี้เถ้าไว้ให้แมวขี้ใส่ ออกมาพาดที่หน้าต่าง ท่านพูดกับเด็กวัด 4-5 คนว่า “ใครจะเอาพระบ้าง” เด็กวัดก็วิ่งมาเพื่อแย่งพระกัน แล้วท่านก็สาดพระ (ถาดใส่ขี้แมว) ลงมาด้านล่าง เด็กวัดแย่งกับเก็บพระ ได้มาคนละ 2-3 องค์ สักพักพระที่ได้กลายเป็นขี้แมวทั้งหมดเลย ท่านหัวร่อหึหึ แล้วท่านก็หยิบถาดใบใหม่มาสาดลงไปด้านล่างใหม่ ผลก็คือเป็นพระพิมพ์แหวกม่านข้างเม็ดอีก ลุงคลี่กลัวว่าจะเป็นขี้แมวอีก เลยหยิบมาแค่องค์เดียว ผมไปหาบูชาพระที่บ้านเขา เขาหยิบให้ดู พร้อมทั้งตั้งชื่อรุ่นให้เสร็จ เขาพูดว่านี้ไง องค์นี้สมเด็จรุ่นขี้แมว พระทะเลาะกันกับพระเนื้อโลหะในกระป๋อง หน้าตาสึก เพียงแต่ไม่บิ่นหรือหัก ผมเลยขอมาเฉยๆ ตามมารยาทเกรงใจเขาน่ะ

    อีกคนหนึ่งชื่อเรณู บ้านอยู่ทางวัดคังคาว (วัดหลวงพ่อเฒ่า) เขาหาแหวกม่าน (ข้างเม็ด มาใช้บูชา 1 องค์ อยากรวย ได้บอกเล่ากับหลวงพ่อว่า อยากรวยทางหวย เขาคงทำบุญไว้มาก เขาชื่อหวยทั้งใต้ดิน บนดิน ถูกติดต่อกัน 17 งวด เขาพอใจในเงินที่ได้ บอกกับหลวงพ่อว่า พอแล้ว งวดที่ 18 ไม่ได้ซื้อยังถูกหวยออมสิน แถมท้ายอีก 1 งวด (รางวัลใหญ่) เรื่องนี้เป็นบุญเฉพาะตัว ผู้เขียนก็ถูกประจำ ฝันไปว่า ถ้าถูก 150 ล้าน จะซื้อเหมาบึงฉวาก (บึงบรรหาร) รอบ ๆ บึงเอาไว้ ได้บึงฟรี แอบซื้อหลายงวด ถูกแต่ตัวแรก กับตัวสุดท้าย จะไปขอขึ้นเงินกลัวเขาพูดเอาว่า “ว่างงานมากนักหรือไง ลุง”
     
  15. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เรื่องบูชาพระพิมพ์แหวกม่านแล้วรวยนี้ มีหลักฐานชัดๆอยู่ 2-3 คน คนแรกเป็นนักการภารโรงโรงเรียนวัดเดิมบาง (อดีต อ.ถนอมผู้สร้างเหรียญหลวงพ่อรุ่นวัดเดิมบาง) เขาชื่อภารโรงแปรง เขาคล้องพระสมเด็จพิมพ์แหวกมานอกใหญ่ 1 องค์ ใช้มาแต่หนุ่ม ความรู้ ป.7 แต่มีโภคทรัพย์อยู่เนืองๆ ฐานะดีกว่าครูในโรงเรียนทุกคน ครูส่งลูกเรียนโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ แต่ภารโรงแปรงส่งลูกเรียนที่กรุงเทพ โรงเรียนฝรั่ง (เซ็นต์หลุย) อีกคนชื่อ สมจิตร ปรอทฤทธิ์ เป็นคนเดิมบางเช่นกัน มีภรรยาเป็นครูฐานะเดิมกับพอมีพอกิน ตอนบวชได้เดินไปกราบหลวงพ่อ (30 กว่ากิโลเมตร) เดินเอาไปกับอาจารย์ถนอม (เดินจริงๆ แม้จักรยานก็ไม่มี อ.ถนอมก็ไม่มี) พระที่ไป 4-5 องค์ จะไปสักยันต์กัน คุณสมจิตร กลัวเจ็บได้ทำบุญเช่าพระแหวกม่านอกใหญ่ มา 1 องค์ 20 บาท ลาสิกขา (สึก) ขอกับแหวกม่านขอกับหลวงพ่อ ขอให้สอบได้ก็สอบได้ อยากรวยก็รวย ขอพรกับแหวกม่าน ขอพรกับหลวงพ่อ เรื่องลูก ลูกก็เรียนดี จบเภสัชสอบเข้าทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรม อยู่แผนก อย. ฐานะของเขา (ครู) ในเดิมบาง ครูสมจิตร ปรอทฤทธิ์ ฐานะดีกว่าเขา อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ทั้ง 3 คน (คนจะรวยนั้นเขาประหยัด อดออม ครูสมจิตร บูชาพระแหวกม่าน เพียงองค์เดียว เลี่ยมทอง ใช้ติดตัวตลอดเวลา เลี่ยมเปิดหน้าหลังด้วย ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ให้ ไม่แบ่ง

    เรื่องที่ 2 ขึ้นเรื่องใหม่น๊ะ หลวงพ่อมีศิษย์ที่เป็นนายอำเภออยู่จังหวัดอยุธยา 1 คน ตอนนั้นปลดเกษียณแล้วได้สั่ง (บอกเล่า) หลวงพ่อไว้ว่า ถ้ามีงานบุญอะไร ให้กรรมการวัดบอกบุญกับเขาได้ เขาจะทำบุญร่วมด้วย ปีนั้นหลวงพ่อมีงานบุญ ได้ให้คุณหมอเฉลียว เดชมา ซึ่งเป็นกรรมการวัด ไปกับกรรมการวัดอีก 1 คนไปบอกบุญ กับนายอำเภอได้ไปค้างคืนที่บ้านนายอำเภอ ทางบ้านนายอำเภอเขาดูแลเรื่องอาหารให้ พอมืดมีเด็กรับใช้ผู้หญิง มาดูแลห้องและนำรองเท้า (คัทชู) ไปขัดทำความสะอาด คุณหมอได้ถามว่าเป็นใคร เด็กเล่าว่า เตี่ยให้มาดูแลนายอำเภอกับหลานนายอำเภอ เป็นนายทหารยศนายร้อย เธอเล่าว่านายอำเภอมีบุญคุณกับเตี่ยของเธอมากเตี่ยเลยให้มาดูแลรับใช้นายอำเภอ กับหลาน (นายทหาร) แต่หลานนายอำเภอเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว จะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ รุ่งเช้านายอำเภอทำบุญมาแล้ว หมอเฉลียว (เคยเป็นหมอโบราณตอนหลังเป็นหมอฉีดยา) ได้แกะพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่านให้เด็กรับใช้ไว้ใช้ เพราะปกติ ไม่มีใครมาดูแลคุณหมอขนาดนี้ (ขัดรองเท้า) 1 ปีผ่านไป คุณหมอไปบอกบุญกับนายอำเภออีก พบเด็กรับใช้ จำแทบไม่ได้ มีทองใส่เต็มตัว แต่งตัวภูมิฐาน คุณหมอเลยถามความเป็นมา (เป็นไป) เธอเล่าว่าหลังจากได้พระแหวกม่านมาบูชา รู้สึกอบอุ่น ปิติ ได้ขอพรกับพระ อยู่ต่อมาหลานนายอำเภอได้บอกเลิกกับคู่หมั้น มาขอแต่งงานกับเธอ นายอำเภอก็รักได้ยกสมบัติให้ทั้งหมด สามีก็สอบนายพันได้ เรื่องนี้เล่าไว้ด้วยความเคารพ ไม่อาจบอกชื่อนามสกุลได้ (เสียมารยาท)


    พระสมเด็จแหวกม่าน พิมพ์อกใหญ่ชนิดไม่บรรจุกรุ สมัยก่อนปี 2530 ราคาตกองค์ละ 15,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) คือแพงเงินเดือนของผู้เขียน พ.ศ. นั้น (ข้าราชการชั้นเอก 15,000 บาท คือราคาพอ ๆ กับเงินเดือน 1 เดือน) พระหาได้ยากอีกต่างหาก ได้ให้ภรรยาบูชาไว้ 1 องค์ ผู้จัดการโตโยต้าระยองรู้ข่าวโทรมายั่วราคา เผลอออกไป 6-7 หมื่นบาท ปลายชีวิตอยากได้มาบูชาสัก 1 องค์ ได้ขอหลวงพ่อขอสวยๆ ขอสัก 1 องค์ หลวงพ่อเมตตา มีเซียนพระ (ขายเป็นอย่างเดียว ดูพระไม่เป็น) ได้นำพระของหลวงพ่อมาปล่อย (ออกหรือจำหน่าย) ดูพระกันแล้ว ผู้เขียนไปส่งเขาที่รถ เจอพระที่หน้ารถ เลี่ยมเงินเก่าอยู่ หยิบดูเพราะจำได้ว่าเป็นพระพิมพ์แหวกม่าน อกใหญ่ ถามเขาว่าพระอะไร (แกล้งถาม) เขาบอกพระหลวงพ่อกวย ผู้เขียนถามเขาว่าดีไว้เท่าไร (ราคา) เขาบอก 4 พัน ผมดีใจที่หลวงพ่อไม่ทอดทิ้งผม ได้ควักสตางค์จ่ายให้เขา 4 พันบาท ไม่ต่อสักคำ ใจกว้างมาก แถมควักสตางค์ให้อีก 500 บาท ให้ไปกินข้าว พ่อ, ลูก, สะใภ้, 3 คน ภายหลังก็ขออีก ได้มาอีก 2 องค์ (ให้คุณบัญฑิต เอี่ยมตระกูลไป 1 องค์ เขามาช่วยสร้างกุฏิ 2 หลังที่วัดหนองเฒ่า และหาเงินมาเข้ามูลนิธิ เขากล้าขอ ผมก็กล้าให้ เพราะเขาดีพอ) ภรรยาของผู้เขียนก็ไม่กล้าใช้ กลัวน้ำเข้า ผู้เขียนก็ไม่กล้าใช้ กลัวชำรุดและน้ำเข้า พระราคาแพงมาก สำหรับผู้เขียน เลยนำไปใส่ตลับทอง (ทองชุบ) เอามาใส่ขวดบูชาที่โต๊ะทำงาน

    ปี 2562-63 เศรษฐกิจเริ่มย่ำแย่ โควิด-19 เป็นกันทั่วโลก (โควิด-19 นี้ บ่งบอกว่าผู้นำของประเทศไหนจะแน่กว่ากัน ผลออกมาใครว่า ฝรั่งฉลาด จริงๆแล้ว มันโง่กว่าจีน, ญี่ปุ่น, และโง่กว่าไทย (โง่กว่านายกประยุทธ์ จันทร์โอชา งานนี้ขอชมเชยจากใจ ผู้นำและผู้บริหารประเทศของไทย เขาเก่งจริง) เดือนเมษา 63 โควิด-19 กำลังระบาด เศรษฐกิจย่ำแย่ การซื้อขายของเก่าของผู้เขียน แทบไม่มีเลย ได้บอกเล่ากับพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่านอกใหญ่ ที่ใส่ขวดไว้แค่คืนเดียว ลูกหนี้เก่าได้หนีหายไป 2 ปี ติดเงิน 1 หมื่น 5 พันบาท ได้โทรมาจะใช้หนี้ อพยพจากสุพรรณบุรีไปอยู่เชียงราย รุ่งขึ้นเขาก็โอนเงินมาใช้หนี้ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหนี้นี้เป็นหนี้สูญ คือไปอยู่จังหวัดอื่นแล้ว แล้วเรื่องก็เงียบไป ขายอะไรก็ไม่ได้ คนก็ห้ามไปมาหาสู่กัน เงินทอง (เงิน) เริ่มอึดอัด เลยบอกกับพระแหวกม่านให้ขายของให้ได้อีกสัก 1 ครั้งก็ยังดี ปลายเดือนเมษา 63 บอกเล่าอยู่ 1-2 คืน มีคนมาซื้อของเก่าที่บ้าน ขายได้ไป 1 แสน (ราคาโควิด-19 ลด, แลก, แจก, แถม) เขาดีใจ 3 วันต่อมาเขามาเช่าซื้อของเก่าอีก 1 แสน รวบ3 ครั้ง นับว่าพระนี้ เป็นพระที่ดี (เดือนพฤษภา 63 วันที่ 6 วิสาขบูชา ไม่กล้าบอกขอพรกับท่านอีก เกรงใจท่าน ยังไม่มีใครเข้าร้านมาเลยแม้คนเดียว (โปรดอย่าโทรมายั่วราคา ผมมีแต่แค่นี้)

    อีกคนหนึ่ง คิดว่าเป็นเรื่องสุดท้าย ผู้เขียนเคยมีเพื่อน (รู้จัก) ร่วมงานตอนทำเหมืองแร่ อยู่คนหนึ่ง บ้านอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ เขาชื่อยอดชาย ภรรยาชื่อศิริขวัญ ยอดชายนับถือคริสต์ (พระเยซู) เขารู้ว่าผู้เขียนมีพระดี เป็นศิษย์ของหลวงพ่อกวย เขาอยากรวย เขามาขอพระจากผู้เขียน ผู้เขียนมาคิดดู เขานับถือพระเยซู แต่ยังแอบนับถือหลวงพ่อกวย ตอนนั้นผู้เขียนมีพระกรุแหวกม่านปี 2500 แตกกรุ ปี 40 มีอยู่หลายองค์ (เคยมีเป็น 100 องค์) พระตอนนั้นก็ไม่แพง เลยให้เขาไป 1 องค์ พิมพ์ข้างเม็ด เขานำไปเลี่ยมทอง ใช้กัน 2 คนผัวเมีย ผลักกันใช้ (คล้องคอ) เขามีรถพ่วง 18 ล้อ วิ่งแร่อยู่ 1 คน ฐานะเขาดีขึ้น ไปเข้าหุ้นกับบ่อทราย ซื้อเรือดูดทรายเพิ่ม 1 ลำ ปัจจุบัน มีรถพ่วง 18 ล้อ ประมาณ 3 คัน มีลูกน้อง 2-3 คน เปิดอู่ประกอบรถ 10 ล้อซ่อม ปลูกบ้านใหม่ ล้อรั้วอย่างดี มีงานซ่อมรถ 10 ล้อ รถเต็มบ้านเลย นับถือพระเยซู แต่ไม่ไปโบสถ์ แต่กราบไหว้หลวงพ่อกวยทุกคืน พระก็ใช้อยู่แต่องค์เดียว ไม่ซื้อ, ไม่ปล่อย, ไม่แบ่ง, ไม่เช่า,

    เรื่องพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่านนี้ บางเรื่องฟังดูออกเวอร์ ๆ ไป (คล้ายเกินจริง) แต่ในจำนวนพระเนื้อผงของหลวงพ่อ ผู้เขียนขอจัดอันดับเป็นที่ 2 ที่ 1เหนือกว่านี้และเก่งกว่านี้ หลายเท่า เขาสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ภายใน 5 วินาที แต่ยัง ยังไม่บอกว่าเป็นพระพิมพ์อะไร จะเล่าเพื่อบันทึกเอาไว้ ก่อนที่สายลมและแสงแดด จะทำให้ตำนานนั้น จางหายไป พร้อมตัวผู้เล่า (พระ 3 อันดับเก่ง, แหวกม่าน, ปรกโพธิ์และ หลับรูป) อีกคนหนึ่ง คิดว่าจะหยุดว่า นึกว่าแถมให้ มีศิษย์ของหลวงพ่ออยู่คนหนึ่งชื่อ ประเสริฐ เป็นคนสรรคบุรี มีนิสัยเกเร ชอบเล่นการพนัน เมื่อความจนเข้าครอบงำ พ่อตาแม่ยายก็รังเกียจ สับสน ท้อในชีวิต วันหนึ่งเพื่อนมาชวนให้ไปเล่นการพนันไพ่ เขารู้สึกไม่สบายใจ เพราะความจน เพื่อนเลยปล่อยพระแหวกม่านทรงเจดีย์ให้ 1 องค์ ในราคา 200 บาท (สองร้อย) จะเอาสตางค์ไปทำทุน นายประเสริฐเมื่อได้พระมาก็ดีใจ น้ำตาไหล คิดถึงอดีตที่เคยผิดพลาด คิดถึงหลวงพ่อเลยตั้งจิตอธิฐานว่า จะเลิกเล่นการพนัน จะเป็นคนดี ถ้าร่ำรวยแล้ว จะไปทำบุญที่วัด จะไปทอดผ้าป่า หวยก็จะไม่ซื้อ ถ้าหลวงพ่อไม่มาเข้าฝัน วันพระก็ไปทำบุญอุทิศให้หลวงพ่ออยู่มาสัก 3 เดือนได้ พ่อตาแม่ยายนึกเมตตา ได้ไปซื้อวัวมาให้เลี้ยง 2 ตัว ตก 2 หมื่นบาท อยู่ต่อมาไม่นาน หลวงพ่อมาเข้าฝันว่า ได้หยิบพระสมเด็จพิมพ์แหวกม่านทรงเจดีย์ ส่งให้เขา (องค์ที่เขาใช้อยู่) ขณะที่หลวงพ่อส่งพระให้เขา หลวงพ่อพลิกให้เขาดูด้านหลังของพระ เขาเห็นเป็นเลข 097 เขารู้ว่าหลวงพ่อให้หวยเขาแน่นอน พอตื่นขึ้นมาเขาจำได้ วันที่ 16 ตุลา พ.ศ. 2532 เขามีเงินอยู่ 200 กว่าบาท เขาไปหยิบยืมเงินใคร ก็ไม่มีใครให้ เขาเลยตัดสินใจชื่อหวย 3 ตัวบนตรง ๆ เลย 200 บาท แทงกลับอีก 20 บาท (แถม) ปรากฏว่าเขาถูกหวยเป็นเงิน 1 แสนกว่าบาท เขาดีใจมาก และเขาก็ไม่ได้ซื้ออีกเลย ไม่เล่นมั่ว ในปี พ.ศ. 2533 เดือนกุมภาพันธ์ เขาฝันว่าหลวงพ่อเอากระปุกออมสินมาส่งให้ ใต้กระปุกออมสินมีเลข 3 ตัว เขาพอมีสตางค์แล้ว เลยแทงหวยไป 2,000 บาท (สองพัน) ฝันวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 หวยออก 16 กุมภาพันธ์ 2533 ผลคือเขาไม่ถูกเลย นึกน้อยใจหลวงพ่อว่า ไม่น่ามาเย้าเล่นเลย พอเลยมา 4 วัน หวยออมสินก็จะออก เขาเลยแทงเล่น ๆ เลขที่หลวงพ่อให้ แทงไป 300 บาท (สามร้อย) ผลคือถูก ได้เงินมาอีก 1 แสนห้าหมื่น เขาดีใจมาก ปัจจุบันเขามีที่บ้าน, ที่ดิน คนก็นับหน้าถือตา (นับถือ) นับว่าพระพิมพ์นี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าหลวงพ่อมาเข้าฝัน หยิบกระปุกออมสินมาให้ดูแล้วมีตัวเลข หวยที่ให้คือหวยออมสิน
     
  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อีกคนหนึ่ง คือเถ้าแก่เล็ก ร้านเฮาฮะ ตลาดสรรคบุรี เป็นคนดี อ้วนท้วนใหญ่โต มีรถจิ๊บ ถ่ายรูปคู่กับหลวงพ่อไว้ข้างรถจิ๊บ หลวงพ่อจับข้อมือเขาไว้แน่น เหมือนพ่อจับมือลูกเล็กๆไว้ เถ้าแก่เล็กเดิมมีฐานะดีมีเรือวิ่งข้าว บรรทุกไปขาย ขาไปก็บรรทุกข้าวเปลือกไป ขากลับก็ซื้อของโซห่วยพริก, กะปิ, น้ำปลา, น้ำตาล, ฯ นำมาขายส่งที่สรรคบุรี วันหนึ่งดวงตก เรื่องเกิดชนกันล่ม ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว ได้ระลึกถึงหลวงพ่อ หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ และให้พระสมเด็จพิมพ์แหวกม่านอกใหญ่ มาติดตัว 1 องค์ มีอะไรก็มาปรึกษาหลวงพ่อ จะซื้อรถส่งน้ำแข็งกับน้ำหวาน ก็มาถามหลวงพ่อว่าดีหรือไม่ หลวงพ่อก็บอกว่าดี เวลาวัดมีงาน เขาก็เอาน้ำแข็งกับน้ำหวานมาถวายวัดฟรี ๆ กิจการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

    วันหนึ่งเขามาปรึกษาหลวงพ่อว่า จะออกรถ 6 ล้อ สักคัน ได้ถามหลวงพ่อว่า รถมี 2 คนให้เลือก ไม่รู้ว่าจะซื้อคันไหนดี คันทางใต้สภาพพอได้ ราคา 9 หมื่น คันทางเหนือสภาพดี แต่จอดอยู่ไม่ได้ใช้ ราคา 4 หมื่น ท่านพูดว่า คันนี้ “ไม่ออกวิ่งเลยก็มีกำไร” ตกลงเถ้าแก่เล็กซื้อคัน 4 หมื่น พร้อมตั้งชื่อให้เสร็จ เถ้าแก่เล็กตัดสินใจซื้อคัน 4 หมื่น โดยจ้างรถไปลากมา พอลากรถมาถึงอู่ มีคนเห็นรถชอบใจ ขอซื้อต่อในราคา 1 แสนบาท (ซื้อโดยไม่ต้องซ่อม) เถ้าแก่เล็กถึงกับงง อยู่ต่อมาไปกราบหลวงพ่ออีก หลวงพ่อได้พูดว่า อีกหน่อยมึงจะรวยใหญ่ อยู่ต่อมาธนาคารกสิกรไทย ได้มาขอเช่าที่ปลูกธนาคาร สมัยก่อนนั้นเงินหมื่นเงินแสน หาได้ยากมาก เครื่องจักรราคาแพง ทองคำยุคผู้เขียน 1 บาท ราคา 4,000 บาท (สี่พัน) แต่เงินเดือน เดือนละแค่ 1,000 บาท (หนึ่งพันบาท) ซื้อทอง 1 สลึง ยังซื้อไม่ได้เลย

    สมัยนั้น ส.ส.ที่มาพึ่งท่านก็มี หลายสิบคน โดยมากจะสอบได้คือได้เป็นเช่น ส.ส.สง่า ศรีเพ็ญ, ส.ส.เกรียงศักดิ์ แจ้งสว่าง, ส.ส.ประยูร ปัญณดิษฐ, ส.ส.สมหวัง ศรีชัย ที่เห็นมีชีวิตอยู่ อายุตกเกือบ 100 ปีก็มี ส.ส.สิงห์บุรี (ดังในสิงห์บุรี เก่ง ตัวจริง) ได้ให้รูปหาเสียง ในเล็ก ๆ กับหลวงพ่อไว้ หลวงพ่อลงยันต์ให้ พับเหน็บขนนกการะเวกไว้ 1 ขน เคยบอกเจ้าของให้มาเอาไปซะ (สมัย อ.สำรวย เป็นเจ้าอาวาส) รูป ส.ส.หลวงพ่อลงไว้ ลงยันต์เสริมดวง) ไว้ให้หลายสิบคน คนสุดท้ายที่มาเอาไป คือ ส.ส.สมหวัง ศรีชัย เขาสอบตก เพราะปีนั้นมีการซื้อเสียงกัน หลวงพ่อพูดว่างานนี้ เขามีการซื้อเสียงกัน ให้ระวังตัวให้มาก มึงอาจลำบาก ส.ส.สมหวัง ไม่ซื้อเสียงเลยสอบตก ส.ส.ที่มาขอให้ท่านช่วย หลวงพ่อจะให้คล้องพระแหวกม่าน คุณนาย ส.ส.ก็ให้คล้องลูกที่ช่วยหาเสียงได้ก็ให้คล้อง ส่วนคนใกล้ชิดที่ช่วยหาเสียงได้ ท่านจะให้สมเด็จอีกพิมพ์หนึ่ง (เก่งกว่าแหวกม่านพูดเอง 100 เอง) ส่วนมือปืน(หัวคะแนน) ยุคนั้นท่านจะให้คล้องรูปหล่อรุ่น 1

    จะขอเล่าเพื่อบันทึกเอาไว้สัก 1 คน ท่านชื่อ ส.ส.ประยูร ปัญณดิษฐ เขาเคยเป็นศิษย์หลวงพ่อโม วัดจันทาราม ห้วยกรด อ.สรรคบุรี หลวงพ่อโมเคยลงเสื้อแดง (เสื้อยันต์) ให้แล้วให้ขี่ควายหาเสียง เขาก็ได้เป็นจริง ๆ ก่อนหลวงพ่อโม จะมรณภาพ ส.ส.ประยูร ได้ถามว่า ถ้าหลวงพ่อมรณภาพผมจะไปพึ่งใคร หลวงพ่อโมตอบว่าให้ไปหาท่านกวย วัดบ้านแค เขาได้วิชาจากหลวงพ่อเดิม หนองโพ เหมือนข้าทุกอย่าง ส.ส.ประยูร ได้เป็น ส.ส.เพราะมาพึ่งบุญหลวงพ่อกวยสมัย เมื่อมีการเลือกตั้ง ก็มีการเล่นพนันกัน เพราะ ส.ส.ชัยนาทนั้น ล้วนแต่ตัวจริงกันแทบทั้งนั้น (ไม่ผูกขาด) ส.ส.ประยูร มาขอพรหลวงพ่อ มีแหวกม่านใช้ คนบ้านแค, หัวเด่น, สรรคบุรีรู้ว่า ส.ส.ประยูร มาขอพรกับหลวงพ่อ ส.ส.คนอื่นนับถือ หลวงพ่อองค์ไหนก็ไปขอพร มีการเล่นหาพนันกันเป็นเงินมาก หลายคนก่อนเล่นพนัน ได้มาถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ตอบหน้าตาเฉยว่า ส.ส.ประยูร ได้ (พูดว่า ไอ้ยูร ต้องสอบได้) แต่พอเลือกตั้งเสร็จ ส.ส.ประยูร กลับสอบไม่ได้ (สอบตก) แพ้เขา หลายคนแพ้พนัน บางคนอาจด่าไปถึงพระมารดาของหลวงพ่อ บางคนกล้ามาต่อว่าหลวงพ่อถึงวัด หลวงพ่อนั่งเฉย พูดว่า “ไอ้ยูร มันต้องได้” ท่านได้พูดว่า “ถ้าไอ้ยูร สอบตก กูจะลาสิกขา (สึก) และเผาตำราทิ้ง ไม่อยู่บ้านแค จะหนีจากไป ไม่อยู่ให้อับอาย” ฝ่าย ส.ส.ประยูร (ไม่ใช่ขี้ไก่) รอบตัวเหมือนกัน ได้ร้องเรียนให้ตรวจสอบใหม่ กรรมการส่งตู้หีบบัตรเขตท้องที่ของ ส.ส.ประยูร หายไปตรวจสอบแล้วได้ความว่า กรรมการนำตู้ท้องที่ของ ส.ส.ประยูร นำไปทิ้งเขื่อนเจ้าพระยา งานนี้มีคืนเงิน มีเลี้ยงโต๊ะ มีเฮ ส.ส.ประยูรเลยทำบุญบ้าน (บ้านที่กรุงเทพ อยู่คลองหลอด) เขามีโรงพิมพ์ นิมนต์พระเอง 9 รูป (หาฤกษ์เอง) ในงานมีหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ มีหลวงพ่อและองค์อื่น ๆ อีก 9 รูป ล้วนแต่เก่งทั้งสิ้น แต่พระ 9 รูป ไม่มีองค์ไหนไปเลย ฤกษ์ที่หาเป็นฤกษ์ไม่ดี หลวงพ่อรู้และไม่ไป ท่านพูดว่า ถ้าเราไป “เราก็โง่กว่าเขา” ภายหลังฤกษ์ดี หลวงพ่อไปเองเลย ส.ส.ประยูร นิมนต์พระมาด่วน พระสมุห์, กับพระมหานั่งองค์แรก ทำน้ำมนต์ นึกเมตตาหลวงพ่อ เอาน้ำมนต์มาพรมที่ศีรษะ (หัว) หลวงพ่อ สักพักพระมหา เกิดอาการชัก ท่องนำไม่ได้ คุณนายโมโหมากที่พระมหาว่านำไม่ได้ แถมเอาน้ำมนต์มาพรมหัวหลวงพ่ออีก เลยนิมนต์ (ไล่) กลับวัดเลย

    งานนี้ก็หนักอีกสำหรับหลวงพ่อ ส.ส.ประยูร พาภรรยามาแนะนำตัว มากราบ ลูก ๆ ด้วย ส.สงประยูร พูดว่า บ่าย ๆ หวยจะออก ภรรยาชอบเล่นหวย ขอหวยกับหลวงพ่อพอสนุก ๆ สักหน่อย หลวงพ่อให้พอสนุก ๆ คือ 3 ตัวบนและ 3 ตัวล่าง แต่พอให้หวยเสร็จ ส.ส.ประยูร พูดว่า อย่าเพิ่งกลับวัด บ่าย ๆ หวยจะออกแล้วค่อยกลับ ถ้าถูกหวยจะซื้อไตรแพรถวายให้ 1 ชุด พูดเล่นแต่เอาจริง หลวงพ่อนั่งนิ่งเฉย หมอเฉลียว เดชมา หน้าซีด เป็นไก่ต้มเลย ข้าวปลาไม่ยอมกิน (ข้าวกลางวัน) กลัวหลวงพ่อเสียชื่อ จะอับอาย พอตกบ่ายหวยออก ถูกทั้งล่างและบน หลายแสนบาท คนมากินเลี้ยงกัน (เชิญด่วนโดยเฉพาะคนถูก) มากันเต็มบ้าน หลวงพ่อได้กลับวัด หมอเฉลียว อุ้มไตรแพร กินข้าวไม่ลง หลายสิบครั้งผู้คน (ศิษย์) ทำกับท่านแบบนี้ ถ้าเป็นผู้เขียน ผู้เขียนว่าจะหนีไป ไปให้ไกล ๆ ท่านเคยพูดว่า พูดกับนายนบ เจียมพลับ พูดว่าถ้ากูไม่ห่วงพวกมึง กูจะไปอยู่ “หงษ์สาวดี” เขารักและเคารพกูมาก หงษ์สาวดี นี้ชื่อซ้ำกันกับของพม่า หงศสาวดีนี้อยู่ที่ประเทศลาว (สปป.ลาว) ส.ส.อีกคนที่เคยโดนโกงทั้งหีบบัตรลงเขื่อนเจ้าพระยา ที่เป็นศิษย์ของหลวงพ่อ และได้นับคะแนนหรือเลือกตั้งใหม่ อีกคนคือ ส.ส.สง่า ศรีเพ็ญ (ส.ส.คนเก่งของสิงห์บุรี ชื่อ สวัสดิ์ ขวัญเมือง)

    เรื่องสมเด็จพิมพ์แหวกม่านนี้ เขาเก่งจริง น่าใช้ตราดูง่าย (หลายองค์) กะทัดรัด ถือเป็นมือวางอันดับ 2 (พิมพ์อกใหญ่) ภายหลังวัดหนองเฒ่า สุโขทัย (ประมาณ พ.ศ. 2558) ได้สร้างขึ้นมาใหม่ ใช้ผงเก่าของสมเด็จโต, ผงหลวงพ่อและผงหลวงพ่อ, หลวงปู่ อื่น ๆ อีก เช่น ผงหลวงปู่ดู่ วัดสะแก, ผงหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง ผงให้ไปทั้งหมด 2 ขวดโหล (ผงหลวงปู่ดู่และผงหลวงพ่อทองสุข, ผงช้างผสมโขลงหลวงพ่อปรง วัดธรรมเจดีย์ (ตำราของหลวงพ่อกวย), ผงชินปัญชร ครูบาอินท์ วัดฟ้าหรั่ง, ผงและทรายเสก หลวงพ่อปี้ วัดลานหอย สุโขทัยฯ นำไปสร้างพระ พระนักรบสร้างเอง ทำมือ ทำ 2 แบบ คือ แหวกม่านและปรกโพธิ์ 9 ใบ หลายคนนำไปใช้ดีมาก นำไปเลี่ยมทอง สามีบูชาปรกโพธิ์ 9 ใบ ภรรยาคล้องแหวกม่านที่โรยเกศาก็มี พระชุมพล (พระพี่ชาย) เก็บไว้ยังไม่จำหน่าย เพราะขณะพิมพ์พระ ยังไม่ได้เสก คนงานก่อสร้างขอเอาไป โดนยิง ยิงไม่ออก, ไม่เข้า, ไม่ถูก คราวนี้เองมาขอฟรี ขอเช่ากันเต็มวัดเลย ดังตั้งแต่เริ่มสร้าง คุณครูอธิป จันทร์วิวัฒน์ ยืนยันบอกว่าเก่งเหมือนของเก่าเลย (โทรคุยได้ 084-888-3681) ปี 2562 พระนักรบได้สร้างใหม่อีก 1 รุ่น โดยแก้ไขแม่พิมพ์ เป็นแหวกม่านหลังรูปและปรกโพธิ์ 9 ใบ หลังรูป โรยเกศาให้ ใส่พลอยเสกของหลวงพ่อ ศิษย์ชอบมากตรงโรยเกศา พระรุ่นนี้ก็เก่ง คน (ศิษย์) ขอบูชารุ่นนี้กัน เพราะโรยเกศา เขาเก่งเหมือนของเก่าเลย คือ ใส่ผงมากกว่าหลวงพ่อใส่ ติดต่อทำบุญที่วัดหนองเฒ่า ปัจจัยสร้างวิหารหลวงพ่อ โทร. 085-273-5515, 086-9955-926

    ทางวัดของหลวงพ่อก็สร้าง เสกพิธีดี มีให้บูชาอยู่เก่งและดีแทบทุกรุ่น, วัดบรมธาตุ ชัยนาท ก็สร้าง แกะพิมพ์ได้สวย กว่าเขา สรุปถึงสาเหตุที่หลวงพ่อเสกพระได้ขลัง คือไม่รู้ว่าท่านเรียนวิธีเสกพระจากสำนักไหน คือ เสกแล้วจะมีเทวดา มารักษาที่องค์พระและคนคล้อง ก่อนที่ท่านจะมอบพระให้ใคร (ถ้าไม่ยุ่ง) ท่านจะให้ศีล พระคล้องคอ (ให้ศีลเทวดา) ท่านจะให้ศีล 8 หรือศีล 10 มีการขอศีล และให้ศีลมีตาลปัตร เสร็จแล้วท่านจึงอัญเชิญพระนั้น ที่ใส่ถาดอยู่ ยกออกมานอกกุฏิ มามอบให้ศิษย์ ข้อสังเกตและสงสัยท่านให้ศีลกับใคร วัตถุมงคลและพระของท่าน เมื่อมีเทพ, เทวดารักษา เวลามีภัย เทพ, เทวดาเขาจะมาเตือนเรา และถ้าร้องขอบนบาน เทพ, เทวดา ก็จะส่งจิต ไปบอกหลวงพ่อ พระเครื่อง และเครื่องรางของท่าน จึงเหนือกว่าเขา หลวงพ่อองค์อื่นตรงนี้ คือทำใหม่ก็ขลัง เพราะตรงที่มีเทพ, เทวดา คุ้มครอง คน (ศิษย์) จึงไม่รังเกียจ ลังเล ที่จะบูชาของใหม่ เพราะเชื่อว่าเก่งเหมือนของเดิม จ่ายก็ไม่แพง ได้บุญอีก ทางวัดยังสร้างพระปิดตาพิมพ์ปลดหนี้โรยเกศา, แหวนนิ้วทำจากผ้าจีวร, สีผึ้ง, ลูกอมฯ คงต้องยุติพระพิมพ์สมเด็จแหวกม่านเพียงเท่านี้ สาธุ..
     
  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อ่านเลย! มีประโยชน์...ช่วยคนได้ครับ.

    ท่านผู้นี้ชื่อจริงไชยวรรณ พิมพนิช คนส่วนมากเรียกติดปากว่าพ่อเลี้ยงวรรณ เป็นคนแม่สอดจ.ตาก มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกมันสำปะหลังปลูกอ้อย ปลูกส้ม สุดท้ายก็มาปลูกกล้วยส่งต่างประเทศ ก็ทำมาสิบกว่าปีแล้ว

    มีลูกชายสามคนจบปริญญาโทด้านการเกษตรทั้งสามคน คนโตเรียนพืชไร่ คนที่สองเรียนพืชสวน คนที่สามเรียนส่งเสริมการเกษตร ปัจจุบันอายุก็หกสิบกว่าแล้ว ปกติจะเป็นคนชอบออกกำลังกาย สุขภาพก็แข็งแรงดี เพื่อนๆหรือคนรู้จักจะชมว่าทำไมอายุมากขนาดนี้ถึงแข็งแรงเดินเหินได้สบาย

    @ เข้าตรวจอาการที่โรงพยาบาล @

    อยู่มาไม่นานเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเกิดอาการปวดที่หลังและไม่หายประมาณ 2 เดือนกว่า รักษาหลายวิธีทั้งแช่น้ำอุ่นและให้หมอนวด ก็ไม่หาย วันหนึ่งไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯเพื่อนเป็นหมอ อาตมาเล่า(ขณะที่เล่า..บวชแล้ว) ให้เพื่อนฟังว่าปวดหลังมา สองเดือนกว่าแล้วไม่หายสักที เพื่อนก็นิ่งแล้วมองหน้ากันเขาไม่พูดอะไร สักพักเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่าเอกซเรย์หน่อยดีไหม เพราะคนปกติปวดธรรมดาทั่วๆไป กล้ามเนื้ออักเสบเอ็นพลิก ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ก็หายแล้ว แต่พ่อเลี้ยงวรรณ ปวดจากหลังลามมาถึงหน้าอก 2 เดือนแล้วไม่หายต้องเอกซเรย์หน่อย

    พอเอกซ์เรย์เสร็จ ก็เห็นว่ามันมีรอยจุดด่างๆอยู่ 2 จุด หมอบอกว่ายังไม่แน่ใจนะต้องเข้าเครื่องสะแกน เข้าเครื่องสแกน 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่ทราบผล พอออกมาจากเครื่องสะแกนก็กลับบ้าน หมอบอกว่า 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ค่อยมาฟังผล เพราะ
    ฟิมล์ผลตรวจจะออกมาวันพรุ่งนี้

    รุ่งขึ้น 10 โมงเช้าก็ไปโรงพยาบาล มีหมอ 4-5 คนอยู่ในห้องคุณหมอที่เป็นเพื่อนสนิทกันพูดขึ้นมาว่า ไม่น่าจะเกิดกับเพื่อนเราเลย อีกประมาณ 20 นาทีก็ให้หมอผู้หญิง ที่เป็นหมออายุรกรรมมาบอกว่า พ่อเลี้ยงวรรณต้อง ( ATMID) แอดมิด แล้วละ หมายถึงต้องนอนที่โรงพยาบาล

    ตกลงวันนั้นก็ต้องนอนโรงพยาบาล หมอก็เอาเลือดไปตรวจเข้าเครื่องอัลตร้าซาวด์ ตรวจคลื่นหัวใจ วันนั้นผลเลือด หมอส่วนใหญ่ก็จะรู้แล้วว่าเป็นมะเร็ง เพราะว่า PHA ค่าของเลือดอยู่ที่ 300.800 สำหรับคนปกติ จะอยู่ที่ 000.000-4.0000 ถัดไปประมาณ 2-3 วันหมอก็ตัดเนื้อเยื่อไปตรวจ แล้วลงมติว่าเป็นมะเร็ง

    หลังจากทราบผลว่าเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลังขั้นสุดท้าย ก็ตกใจช็อกไปประมาณ 20 นาที 20 นาทีที่บอกไม่ถูก เป็น 20 นาทีที่ทรมานมาก ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี ความดันก็ขึ้นไป 180 จากปกติ 110

    ถึงขั้นสุดท้ายแล้วจะทำยังไงดี หมอบอกว่าต้องให้คีโม
    ( เคมีบำบัด ) ต้องฉายแสง ต้องฝังแร่ ก็เลยถามกลับไปว่า ถ้าฝังแร่แล้วอยู่ได้นานเท่าไหร่ หมอบอกว่าอยู่ได้ปีหนึ่งไม่รับรองมากกว่านี้ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่อเมริกา เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง เขาบอกให้ไปที่นั่น เขาจะดูแลให้ ก็ถามเขาว่าไปแล้วจะให้ไปทำอะไร เขาบอกให้ไปฝังแร่ ผมก็ไม่ไป ยังไงหนึ่งปีก็ตายอยู่แล้วจะไปทำไมให้เสียเงิน

    @ ตัดสินใจบวชหนีโรคร้าย @

    ตัดสินใจเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่ 1 อาทิตย์ ก็เลยนั่งคิดต่อว่าถ้าอยู่แต่ที่วัดจะรอดไหม น่าจะสู้กับมัน จะต้องสู้ให้ได้ จะต้องชนะ ชีวิตเกิดมาเพียงแค่ชีวิตเดียวอยู่ๆจะมายอมตายง่ายๆได้อย่างไร ผมคิดขึ้นมาได้ว่ากษัตริย์สีหนุ ท่านเคยเป็นมะเร็ง เมื่ออายุ 40 กว่าปีก่อนไปรักษาที่ต่างประเทศเวลานี้อายุตั้ง 90 ปียังมีชีวิตอยู่ คิดถึงตรงนี้ เลยโทรศัพท์หาน้องที่เป็นกงสุลใหญ่อยู่ต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลทราบว่าที่ประเทศที่สาม ( เกาหลีเหนือ ) มีสถานที่บำบัดมะเร็งจริงแต่การเดินทางไปลำบากมาก

    @ หนีความตายไปประเทศที่สาม @

    มะเร็งระยะสุดท้าย ฟังแล้วน่ากลัวจริงๆ หนทางรอดแทบไม่มี จึงตัดสินใจทำพินัยกรรมให้ลูกๆแล้วรวบรวมเงินทองที่หามาได้ตลอดชีวิตเดินทางไปประเทศที่สามเผชิญความตายด้วยใจสงบ ถ้าโชคดีคงได้กลับมาอีกมันเป็นภาวะจนตรอกที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ถึงแม้ชีวิตของคนเราจะเกิดมาแล้วต้องตายกันทุกคน แต่ถึงวินาทีนั้นคนเราต่างก็กลัวความตายโดยสัญชาตญาณ อยากจะยืดชีวิตต่อลมหายใจออกไปอีก

    นั่งเครื่องบินไปลงที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วจึงนั่งรถยนต์ไปอีก 8 ชั่วโมง แทบเอาตัวไม่รอดสุดทรมานโดยเฉพาะช่วงที่นั่งบนเครื่องบิน นั่งพิงเบาะไม่ได้ ปวดหลังอึดอัดทรมานมากนั่งเอามือเกาะเบาะด้านหน้าร้องโอดครวญตลอดการเดินทาง น้ำตาลูกผู้ชายมันหยดไหลอย่างไม่รู้ตัว นึกในใจว่าการเดินทางครั้งนี้คงไม่ได้กลับเมืองไทยอีกแล้ว ยิ่งช่วงการเดินทางโดยรถยนต์ไปยังประเทศที่สาม ลำบากมากทั้งเจ็บปวดสุดทรมานตลอดการเดินทาง 8 ชั่วโมงเต็ม

    ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์บำบัดตั้งอยู่บนเขา ผู้ที่มาบำบัดรักษาส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา อาหรับ ญี่ปุ่น คนไทยมีอาตมาเพียงคนเดียว เน้นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด ใช้แสงตะวัน ใช้สายน้ำ ใช้หิมะ อาหารทุกอย่างต้องสดคนป่วย 1 คน จะมีพยาบาลประจำตัว 1 คนดูแลเราอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เช้า 05.00-20.00 น.ไปไหนไปด้วยกันนอนด้วยกัน ดูแลทุกย่างก้าว เข้าห้องน้ำก็ไปนั่งเฝ้า เป็นพี่เลี้ยงตลอด อาบน้ำก็ไปดูว่าน้ำได้อุณหภูมิไหม อุ่นพอไหมเย็นพอไหม อาหารการกินก็กินโอสถ เน้นธรรมชาติล้วนๆ อยู่ที่นี่ยาสักเม็ดก็ไม่มี

    ศูนย์ธรรมชาติบำบัดแห่งนี้ จะมีคอร์สบำบัดรักษา 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน ของผม 30 วันอาการก็ดีขึ้นมาก ผิดกับตอนที่มาใหม่ๆ เจ็บปวดจนทนไม่ไหว คนที่มาที่นี่ป่วยเป็นมะเร็งทุกชนิดบางคนปฏิบัติตัวได้ตามที่เขาให้ทำให้กินก็ประสบความสำเร็จ

    ในแต่ละวันตื่นเช้าขึ้นมาประมาณ 05.00น.ก็จะเอาน้ำโอสถมาให้ดื่ม 1 ลิตร รสชาดจืดชืดสีเขียวเข้ม เวลาประมาณ 06.30น. ก็จะพาไปเดินออกกำลังกาย แล้วพาไปรับแสงตะวัน เรียกว่าแสงตะวันบำบัด นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่ง ไปกลับวันละ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะพาเดินบนหิมะประมาณ 1 ชั่วโมงทุกวัน เสร็จแล้วมาประคบน้ำอุ่นที่ฝ่าเท้า ถามเขาว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ เขาบอกว่าเพื่อสร้างภูมิภูมิต้านทานขึ้นมา บางคนก็ทำไม่ได้ ทำได้ประมาณ 20-30 % แต่ของอาตมาอาศัยเป็นนักกีฬาเก่า วันแรกก็ไม่ไหวเหมือนกันเย็นจัด วันที่สองวันที่สามก็เริ่มทำได้ และทำได้มาตลอด พอทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดีขึ้น ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ

    สำหรับโอสถสีเขียวเข้มจะดื่มช่วงเช้า 1 ลิตร บ่าย 1 ลิตร ตอนเย็นอีก 1 ลิตร และก่อนนอนอีก 1 ลิตร วันหนึ่งจะดื่มโอสถวันละ 4 ลิตร น้ำนี้น่าจะเข้าไปช่วยกำจัดอาจจะเป็นน้ำที่เชื้อมะเร็งไม่ชอบ เอาไปล้างพิษในร่างกายออกมา
    เพราะเรากินเข้าไปวันละตั้ง 4 ลิตรก็ต้องมีการถ่ายเทออกมา แต่เป็นเรื่องที่แปลกนะ เวลาเรากินน้ำกินยาแคปซูลอะไรก็แล้วแต่ เวลาเราปัสสาวะออกมาจะเป็นสีเหลือง แต่เวลาเราดื่มโอสถพวกนี้เวลาปัสสาวะออกมาก็ยังใส แสดงว่ามันเอาไปใช้หมด เป็นเรื่องที่แปลก ใสกว่าปกติด้วยซ้ำไป

    ช่วงไปอยู่ทีนั่นใหม่ๆนอนหงายไม่ได้ มันปวดหลังมากต้องนอนคว่ำเหมือนจระเข้ หลังมันปวดร้าวไปหมดเพราะถูกมะเร็งทำลายไปเยอะรวมไปถึงหัวเข่าด้านซ้ายด้วย เวลานั่งหลังก็พิงไม่ได้ เรื่องอาหารการกิน เขาจะให้ทานข้าวบาร์เลย์ กับข้าวก็เป็นกับข้าวพื้นๆไม่มีอะไรมากมายเน้นผักเป็นส่วนใหญ่ ผักที่นี่เขาปลูกเอง ปลูกในกระโจม ปรับอุณหภูมิและไร้สารพิษ ดินที่ใช้ปลูกเปลี่ยนทุก 3 เดือน

    เขาบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดล้วนๆแต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก ค่าใช้จ่ายต่อวันเขาคิด 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ผมอยู่ที่นี่ 30 วัน ปฏิบัตตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดมีระเบียบวินัย ถึงเวลาออกกำลังกายก็ต้องออก พักผ่อนก็ต้องพักผ่อน ถึงเวลากินก็ต้องกิน มั่นใจว่าดีขึ้นแน่ อาการป่วยของผมดีขึ้นตามลำดับ เพียง 10 วันแรกเราจะสัมผัสได้เลยว่าเรามาถูกทางแล้วอาการปวดเริ่มลดลงๆ ร่างกายแข็งแรงขึ้น ผิดกับวันแรกๆที่นอนร้องโอดโอยตลอดเวลา พอร่างกายแข็งแรงก็ขยับตัวเองไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยคนอื่นต่อ ก็คิดว่าเราน่าจะนำวิชาความรู้เหล่านี้ไปช่วยเหลือเพื่อนคนไทยที่ต้องทุกข์ทรมานกับมะเร็งร้าย ถ้าจะให้ดีต้องบุกครัวเข้าไปช่วยในครัวจะได้จดจำโอสถยาให้ได้ แต่โชคร้ายเขาไม่อนุญาต

    ผมจึงตัดสินใจว่าไหนๆก็เดินทางมาถึงที่สุดของชีวิตแล้ว จึงทรุดตัวลงคุกเข่าก้มกราบเขาจนกระทั่งเขาสงสาร จึงอนุญาตให้เข้าไปช่วยในครัว
    คิดถึงบ้านขอกลับ ผมรู้สึกร่างกายเราแข็งแรงแล้วเราไม่ตายแล้ว คิดถึงบ้านก็เลยขอกลับ เขาก็มาตรวจร่างกาย เขาบอกร่างกายแข็งแรงดีเขาก็ให้กลับ

    ระหว่างนั่งอยู่บนเครื่องบินก็คิดว่าเราน่าจะกลับไปช่วยคนที่เป็นมะเร็งได้ เพราะคนที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตรงไหนก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ 90 % จิตใจมันตายแล้ว มันเหลือแค่ 10 % เท่านั้นในร่างกาย จะมีสักกี่คนที่ใจสู้แล้วยอมหาวิธีรักษาตนเอง มีน้อยมาก ผมตั้งใจว่าถ้ากลับถึงเมืองไทยจะช่วยคนที่เป็นมะเร็ง ถึงช่วยได้ไม่ถึง 100 % ช่วยได้ 50 % ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว

    กลับมาเลยปรึกษาญาติๆว่าจะตั้งมูลนิธิเป็นของตัวเองชื่อว่ามูลนิธิวรรณ จุดเป้าหมายก็คือ ดูแลพวกที่เป็นโรคร้ายเกี่ยวกับมะเร็ง ส่งเสริมให้การศึกษาเด็กดีขยันเรียน คืนป่าให้แผ่นดิน มูลนิธิเราคงมีรายได้จากการปลูกผักไร้สารจากอำเภอแม่สอดจังหวัดตากส่งมาขายที่กรุงเทพฯ หลายคนพอทราบข่าวก็ยินดีให้การสนับสนุน

    หลังจากกลับจากต่างประเทศแล้วก็ไปตรวจร่างกายตรวจเลือดที่โรงพยาบาลที่เคยตรวจ ผลเลือดที่เรียกว่า PHA ( ช่วงที่ป่วยก่อนรักษาอยู่ที่ 311.800) หมอใช้เวลาตรวจ 6 ชั่วโมง วัดได้ 5.090 ต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม 2550 ไปตรวจอีกครั้งวัดได้ 0.268 หมอไม่แน่ใจส่งเลือดไปให้โรงพยาบาลอีก 2 แห่งตรวจอีก ผลการตรวจออกมาตรงกันหมด ถือว่าเยี่ยมแล้ว คนปกติทั่วไปที่ไม่มีเชื้อมะเร็ง จะอยู่ที่ 0.000-4.000 ของเราเลือดดีกว่าคนปกติอีก

    หมอถามว่าไปทำอะไรมา อาตมาบอกไปรักษามา อาตมาไม่ยอมตาย คิดว่ามะเร็งยังหลบอยู่ในตัวเรา แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหน เราก็ไม่ชะล่าใจ มะเร็งเกิดจากภูมิบกพร่องของชีวิต มันต้องการอาหาร อาหารโปรดของมันคือ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด ซึ่งเราก็ไม่ให้มันกินเลย มะเร็งถ้าเราไม่ให้อาหารมัน มันก็จะฝ่อ และอ่อนแรง เราไม่ให้กินนานๆเข้ามันก็จะตายในที่สุด บ้านเราผู้ป่วยใหม่ที่เป็นมะเร็งมี 284 คน/วัน ตายชั่วโมงละ 11 คน เราต้องมาปรับเปลี่ยนวิธีกินอยู่กันใหม่

    การเจริญเติบโตของมะเร็ง เขาจะก้าวกระโดด จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จาก 8 เป็น 16 บวกขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคนที่ป่วยเป็นมะเร็งส่วนใหญ่ที่ตายเพราะโลเล ตัดสินใจไม่เด็ดขาด มะเร็งหยุดได้ถ้าใจสู้”

    “ เราต้องมีวินัยถ้ามีวินัยเราสามารถหยุดมะเร็งได้ ต้องยึดกฎเหล็กดูแลเรื่องอาหารการกิน การปฏิบัติตัว สิ่งแวดล้อมอากาศบริสุทธิ์ การออกกำลังกาย ผมอาจจะมีบุญเพราะเป็นมะเร็งแต่ไม่เคยคิดว่าเป็นมะเร็ง คิดอยู่อย่างเดียวว่าทำอย่างไรถึงจะชนะ ทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตที่ยืนยาวดูแลลูกเต้าต่อไป ไม่เคยกังวลเลย แล้วเรื่องพืชผักต้องไร้สารจริงๆไม่ใช่ปลอดสาร ไร้สารคือดูแลการปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนเก็บเกี่ยวจะไม่ใช้ยา แต่ถ้าปลอดสารคือใช้เคมีพอใกล้วันเก็บเกี่ยวประมาณ 15 วันก็จะหยุดใช้สารเคมีอันนี้ไม่ปลอดภัย จะมีสารตกค้างตามมา”
    มะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิดถ้าเรารู้จักวิธีป้องกันดูแลสุขภาพเราก็สามารถชนะมันได้ขอเพียงอย่างเดียวจิตใจต้องเข้มแข็ง บางรายเกิดวิตกจริตนอนไม่หลับเพราะญาติพี่น้องเสียชีวิตเพราะมะเร็งไม่รู้จะถึงตัวเองเมื่อไหร่ หลายรายทำตามคำแนะนำของพ่อเลี้ยงวรรณอาการดีขึ้นทันตาเห็น

    ปัจจุบันพ่อเลี้ยงวรรณมีโครงการสร้างศูนย์ธรรมชาติบำบัดที่สวนเกษตรของพ่อเลี้ยงเองที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ผมเลยแนะนำพ่อเลี้ยงให้สร้างหิมะเทียมขึ้นเอง ในอนาคตเราคงได้เห็นศูนย์ธรรมชาติบำบัด ของมูลนิธิวรรณ ในเมืองไทย ซึ่งที่ อ.แม่สอด จ.ตากอากาศดีมาก นอกจากได้สูดอากาศบริสุทธ์แล้วยังมีแปลงเกษตรไร้สารพิษอีกด้วย

    พ่อเลี้ยงวรรณมีปณิธานว่าสำหรับผู้ยากไร้ มูลนิธิวรรณจะรักษาให้ฟรี สำหรับผู้มีอันจะกินให้สนับสนุนค่าโอสถเพียงวันละ 100 บาท ทางมูลนิธิจะจัดส่งโอสถไปให้ เรียกว่าคนมีฐานะช่วยคนด้อยโอกาสนะครับ ถ้าท่านอยากทราบรายละเอียดและขอคำ

    ปรึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม ติดต่อมูลนิธิวรรณ(ปัจจุบันลูกชาย-ภรรยาดูแลอยู่) เลขที่ ๓/๖๘๑ ประชานิเวศน์ ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ ลาดยาวจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๑๕๘-๐๖๕๘

    ช่วยกันเผยแพร่นะครับ ได้บุญ
     
  18. ครุฑา

    ครุฑา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +3,081
    เรื่องราวพระหลวงปู่ทิมที่เป็นมหากาพย์


     
  19. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    โชว์เหรียญลองพิมพ์ สภาพผิวเดิมๆ
    ผิวเดิม-3.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    การจารกำกับแบบต่างๆ ด้วยลายมือของ ลพ.กวย
    44-2.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...