ธรรมไหน? ทำให้เนิ่นช้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 31 พฤษภาคม 2020.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อืม ธรรมไหน? ทำให้เนิ่นช้า หรือครับ

    ถ้าได้ใช้คำว่า ''ไม่มีอะไรยึดติด''
    มันก็ไม่น่ามีรูปแบบอะไรแล้วนะครับ
    เพราะถ้าไร้ความยึดติด นอกเหนือความยึดติดแล้ว
    มันก็ควรเป็นสิ่งที่ไม่สามารถใช้อะไรมาชี้วัดได้
    เพราะย่อมนอกเหนือการชี้วัดไปแล้วเช่นกัน

    ที่ทำให้เนิ่นช้า น่าจะเป็นธรรมะที่ยังมีรูปแบบ
    ธรรมที่ยังมีการชี้วัดได้อยู่เพราะมันจะ
    จะกลายเป็นการหาที่ยึดที่เกาะตามยุคตามสมัย
    อย่างที่ไม่รู้ตัวได้อยู่หรือเปล่า
    พวกนี้ถือว่าเป็นวิบากได้อยู่นะครับ
    บางทีก็เป็นวิบากหมู่ด้วยซ้ำไปครับ

    ฝากไว้พิจารณาด้วยครับ ลุง
     
  2. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    สำหรับผมคงความไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ
    ปุถุชนไม่โดนบีบคั่นจากกิเลสเหมือนนักบวช
    ทำใฟ้กำลังใจไม่มากพอ
     
  3. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ที่เนิ่นช้าเพราะเราเริ่มไปภาวนาแทนผู้อื่น ลืมดูตัวเอง
     
  4. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
  5. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    คนละเรื่อง จิฮับ

    ต้องฟังธรรม ให้ดีๆ แล้วถึง จะ อ้าว ปัดติโถ

    อันดับแรก "สัญญา เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง"

    ตัวเนี้ยะ ตัวหลักเลย ต้อง มนสิการ นำหน้า เอาไว้
    อย่าไปใช้ กำลัง กระติก กระติ๊บ ตน เด็ดขาด

    ลองตอบคำถามดู

    " สัญญา เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง " โดยที่เวลาตอบ
    ก็ให้ พิจารณาก่อนว่า "ตอบใคร ?" และ ใครเป็น
    คนถาม หาก วางจิตผิดฝา ผิดตัว การ "มนสิการ"
    ที่เป็น "โยนิ" จะไม่เกิด หาก ไม่ผิดฝาผิดตัว นอก
    จากจะ "แจงแวง" ง่ายๆ แล้ว ยังมี "กำลังล้นเหลือ"

    ภาษาพระป่า เรียกว่า อัปปนาสมาธิ เกิด หรือ จิตอึ๊ก!!

    ง่าย สะเต๊ะ นิ่ม ขาดแต่ ความต่อเนื่อง ไม่ลูบหน้า
    ปะจมูก ตอบเสร็จ ยกสันติ อุดพระโอษฐ์ หาว่า
    ธรรมไม่สามารถปรากฏอยู่ได้ โลกย่ำยี โลกเร้าร้อน
    โลกจับข่อยไว้ ฮิวววววววส์ เฮีย !!!

    พอได้อัปปนา สมาธิ ด้วยการตอบคำถามเพียงสั้นๆ
    ว่า สัญญาเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

    ก็ย้อนกลับไปในสิ่งที่ พึ่งกระทำด้วยตนเอง เหมือน
    คนสั่งจ่ายเช็ค แล้ว ย้อนดูต้นขั้วนิดนึง ว่ามาจากไหน

    " สำหรับผมคงความไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ " อันนี้
    เขาเรียกว่า "สัญญา"

    แล้วอย่าไป ซื่อ จนเซ่อ หาก คุณปรารภออกมาได้
    ก็แปลว่า รู้จัด "รส" พร้อมซึ่ง "พยัญชนะ" คือ ลึกๆ
    เนี่ยะ รู้ชัดเลยหละว่า ภัยในสังสารวัฏ มีรสเป็นอย่างไร
    ขาดแต่ "การรู้ชัด"

    การรู้ชัด ไม่ใช่ ต้องไป มี 7 ม. เสพจนเข่าอ่อนสองสลึง

    คำว่า "รู้ชัด" ภาษาธรรมเขาหมายถึง เห็น "สัญญา"
    ที่ตนหมายรู้ได้ ว่ามันดับลง ทันที หลังจาก ปรารภจบ

    งง ไหม

    ปรารภออกมาว่า "สำหรับผมคงความไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ"

    พอปรารภจบเท่านั้น สัญญาก็ ดับสนิท !!! ไม่มีเหลือ

    นะ

    ถ้าสามารถ มนสิการ ได้อยู่ว่า สัญญาเที่ยง หรือไม่เที่ยง
    จิตไม่ห่างจาก ฌาณ ( อัปปนาสมาธิ ยังสดๆ ร้อนๆ ) แล้ว
    พอปรารภว่า "สำหรับผมคงความไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ"
    จบปั๊ป การมนสิการเห็นว่า สัญญาไม่เที่ยง มันจะกระทบ
    ข้อเท็จจริง จากใจ เราเอง ชัดๆ

    ชัดเท่าไหร่ ขน จะลุกชูชันเท่านั้น ( อาการ ติด คอมโบ้
    จิตเข้าสัมผัส ปิติ เป็นจุดนัดหมาย แต่ งานนี้เหตุคือ
    อกุศวิตกดับ จึงมีรส ปิติ เป็น องค์ของ ปฐมฌาณ ให้
    ฉลาดใน สัปปายะธรรม เห็น ปิติ ดับเป็น สัญญาดับ
    ไปอัก หนึ่งขณะจิต ก็จะเกิด ความต่อเนื่องในการ
    ปฏิบัติ ....ก็จะทราบว่า หลังจาก "สำหรับผมคงความ
    ไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ" แล้ว ฉลาดในการ อาศัยระลึก
    ก็จะ ปัดติโถ สมถะ มันง่ายนิดเดียว แล้วไม่ต้องเจตนา
    อะไรมาก เพราะ สัญญามันสามารถ หน่วงเข้ามาได้
    ง่ายๆ ยิ่งเป็นคนปากเปราะ อะไร อะไร ก็....ร่ำ
    "สำหรับผมคงความไม่เห็นภัยในสังสารวัฏ" มันจะกลาย
    เป็น คำบริกรรม เพื่ออาศัยระลึกเข้า ปฐมฌาณ

    พอจิตได้สัมผัส อกุศลวิตกดับ กามวิตกดับ ปฐมฌาณ
    เกิดได้บ่อยๆ ก็จะ ปัดติโถ ละกามวิตก ง่าย สะเตะนิ่ม

    ขาดแต่ ความเลื่อมใส (ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่อ เห็นโทษ
    ของ ปฐมฌาณ ว่ามัน ดับง่ายๆ พอๆกับ การเกิด
    และ ถ้าไม่เกิด วิปัสสนูปกิเลส ก็จะยังคง มนสิการ
    สัญญาเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ได้ต่อเนื่อง ) คราวนี้จะ
    ข้าม นิวรณ์(กามวิตก) และ ข้ามอุปกิเลส ได้อีกหนึ่ง
    ช๊อต จิตก็จะไม่ต้องไปสาระวน ทำสมถะ(เรียกว่า
    เกษมจากโยคะกรรม ลูบคลำศีลพรต) เห็นได้
    แบบนี้ก็จะ อ้าว จิตพาดกระแส หยั่งลงนิพพานเป็น
    คำตอบสุดท้ายของชีวิต มีจริงๆ ไม่ต้องไปรอตาย
    ก่อนถึงค่อยเห็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2020
  6. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    แล้วที่กล่าวนี่ ผู้รับสาร อยู่ไหน

    อยู่ใน กระมูว์ อะเป่า

    หรือว่า

    เงียบ เป็นไบ้ แล อยู่



    ปล ลิง : น้องๆ หนูๆ อย่า งง นะฮับ ถ้า งง
    จะเห็นเป็น การย้อนแย้ง กวน สันติ กัน

    แต่ถ้า พิจารณาตามได้ ว่า ผู้รับสาร อยู่ไหน

    ที่ปรารภว่า เป็น "สิ่งเนินช้า" มันจะผลิก
    เห็นว่า เอ้ย เปล่าเลย การเสวนาธรรม
    ตามกาล นั่นแหละ จะทำให้ บรรลุ ตรัสรู้เองโดยชอบ

    ซึ่ง จะนิ่ง เป็น ใบ้ จริงๆ หากยัง ขยับ นี่
    มันก็ แบเบอร์ กันเลยทีเดียว
     
  7. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ไม่ต้องมาภาวนาแทนผมครับ ผมตอบกระทู้
     
  8. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    ประสบการณ์ทางธรรม
    ทุกคนต้องเจอเหมือนกันหมดครบทุกรส
    อยูที่อุปนิสัยแต่ละคน
    จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว
    ถ้ายังไม่ทิ้งธรรม
    เดียวธรรมมันกะจัดสรรมาเอง
     
  9. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ตรึกแบบนั้นแหละ ฮับ ถึงได้เนิ่นช้า

    พระอุรุเวลกัสสปะ พอ เห็น สัญญาไม่เที่ยง ชัด
    จิตลงสู่อัปปนา ผั๊วะ !!!

    หันกลับมาถาม พระพุทธองค์เลย

    ว่าไอ้ที่ ประกอบๆเป็นแพ ต่างคนต่างมี เนี่ยะ

    ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับ การบรรลุ ใช่ไหม?

    แต่ แทนที่จะทรงตอบ ว่า "......."

    ก็ทรงกรุณา ตอบไปว่า ธรรมดา สามัญสำนึก
    เวลาคนมันจะ จมเพราะน้ำ ก็จะเป็น ธรรมดา
    อยู่เองที่ จะมี สิ่งเหล่านั้น ปรากฏ ไปตาม
    ปัจจัย ก็เป็นแค่ พยับแดดแห่ง สัญญา นั่นแหละ

    ไม่ใช่ว่า เพราะ เป็น สัตว์

    สัตว์ต้องมีสัญญา

    สัญญามีในสัตว์

    สัตว์เป็นสัญญา เฉพาะตัว แต่อย่างใด


    สัญญา เกิด ดับ เป็นเพียง ปรมัตถ
    ธรรม เหมือน ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ใช่
    ว่ามันมีความเป็น สัตว์ ฉะนั้น
     
  10. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อาการที่ ไป ร้อยเรียง สัญญา อย่างนั้น อย่างนี้
    ว่า มีความเป็น ลิขสิทธิ เฉพาะตัว

    เขาเรียกว่า อุปทานขันธ์ มันร้อยรัดเอาไว้

    ด้วย "การคิด" หรือ สังขารขันธ์ มันเข้ามา ทำหน้า
    ที่ สังขาร ของมัน หากเท่าทัน ก็ เออะ มันแสบ
    แต่ถ้าเห็น ชัด มันก็ห่างออก ย้อมไม่ติด

    สังขารขันธ์ มันก็ทำหน้าที่ พาคิด สาระตะ ไป
    ตามหน้าที่ของมัน

    โดยย่อ ทุกขสัจจ จึงให้กำหนดรู้ที่ อุปทานขันธ์
     
  11. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    โอ้ย แล้ว อุปทานขันธ์ อุปทานขันธ์ ข่อยจะไปเห็นได้ยังไง

    ก็ ศาสดาชี้ ไม่ได้ให้ไปเอา ข่อย ไปเห็น

    ชี้ เพื่อให้ ก้าวมาทางนี้ แล้ว กลับไป แล ถึงจะเห็น

    เห็นเองไม่ได้ "ข่อยเด้" ไม่ใช่ ศาสดามาเกิดแทรก พุทธันดร



    ปล.ลิง : อีกฝั่งๆ คืออะไร คือ ฝั่งที่ไม่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ ตั้งอยู่
    ได้ นะฮับ หาก อีกฝั่ง ยังมี ดิน น้ำ ลม ไฟ ตั้งได้ อะไรแบบ
    นั้นต้อง พกผ้าขาวเข้าไปด้วย ไปคอยเช็ดฝุ่นตาม เครื่องแก้ว
     
  12. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เน้นนะ ฮับ

    สาวก เห็น มรรค เองไม่ได้

    ต้อง เห็น ตุ๊กๆ แล้ว โดด ปั๊วะ มาอีกฝั่ง
    อ้าว นิโรธน เว้ยเฮ้ย

    แล้วค่อย มองกลับไป " มรรค เจริญมาอย่างนี้ "
    ( ไม่ใช่ ไปนั่ง เจริญมรรค ด้วยตัวเอง เป็น อฐานะ )
     
  13. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เน้นอีกที นะ ฮับ

    สาวก รู้ มรรค เองไม่ได้

    จะมา เออะ เราทำอย่างนี้ เดียว บรรลุ
    เป็นหนทาง เฉพาะตัว

    ตายฮ่าน ฮับ ไปตรึกแบบนั้น

    ทีนี้ ฟังนิทาน พระป่า พระท่าน จะเล่าบ่อย


    กาลครั้งหนึ่ง พระสมณโคดม ทำ ยมกปาฏิหารย์

    ผลของการทำ ยมกปาฏิหารย์ ครั้งนั้น แม้นแต่
    มดดำ มดแดง ก็ เกิดการ ปรารภว่าตน จะสอย
    ความเป็น สัพพัญญู มาให้จงได้ ( ทั้งๆที่ ขณะ
    นั้นเป็นแค่ เดรัจฉาน ตัวเล็กกว่า นกกระจาบ)

    ดังนั้น

    มดดำ มดแดง พวกนั้น หากมันอาศัย กุศลครั้ง
    นั้นมาเกิดเป็น คน

    มันก็จะ ซื่อจนเซ่อ เออะ เราจะ มี มรรค เป็น
    ของตัวเอง จะเป็น สัพพัญแทรกกลางศาสนา
    ให้จงได้

    โอ้ละพ่อ !!?
     
  14. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    มดและแมงทำบุญด้วยอะไรมานะถึงเกิดทันพุทธธันดร
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ระวัง ไม่ใช่ตุ๊ด แต่เป็น "เกย์" เด้อ...
    +++ กเษม 3 แยก ที่ไอ้ปังมัน เคยเชียร์ หนะ เกย์ นะ
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เจริญ = ทำให้มาก/ทำให้ได้นิสัย
    +++ อยู่กับรู้ มี 2 ระดับ
    +++ ระดับแรก คือ "ทำ" ให้ตน อยู่กับรู้ (เจริญสติ)
    +++ ระดับหลัง คือ "การทำทุกชนิด" ถูกรู้ (เป็นสติ)
    +++ ณ ขณะที่ เป็น/เจริญ สติ หากสามารถ "อยู่ (ดำรงค์)" ได้
    +++ ก็จะ "เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" มัน ปริวัตร กลายตัวไปเอง
    +++ ป่าว... มันไม่ได้จำ แต่กลายเป็น "มันรู้แจ้ง" ในสภาวะที่เรียกว่าเคลื่อน (จิตส่งออก)
    +++ ป่าว... ณ ขณะที่ "เห็นสภาวะเคลื่อน" หากย้อนเข้าหา "แดนเกิด" ของสภาวะ
    +++ ก็จะเห็น 1. ณ เมื่อส่งออกไปยัง / แล้วกลายเป็น "ชาติ" (เรียก จุติจิต)
    +++ 2. หากย้อนเข้า แดนเกิดก่อนเคลื่อน "ภายนอกตน" ก็จะ "เห็น ภพ/ภูมิ" (รูป/นาม ก่อนจุติ)
    +++ 3. หาก "รู้อยู่" ณ บริเวณนี้ ก็จะเห็น "กระแสเชื่อมต่อ" เรียก อุปาทาน (นาม/กระแสยึด)
    +++ 4. หาก "รู้อยู่" ก่อนกำเนิดกระแสยึด จะ "เห็นอาการ อยากยึด" เรียก ตัณหา (นาม)
    +++ 5. หาก "รู้อยู่" ก่อนกำเนิดอาการ อยากยึด จะ "เห็นกลุ่มก่อน เวทนาชนิดหนึ่ง (นาม)"
    +++ 6. หาก "รู้อยู่ ในข้อ 5" จนได้นิสัย จึงรู้ว่า "ธรรมแท้ว่าง" โดนก่อกวน จากภายนอก (นาม)
    +++ ณ ตรงนี้เรียก "ผัสสะ" ภาษาในปฏิจจสมุปบาท (นามภายนอก ตกกระทบ "ธรรมแท้ว่าง")
    +++ ตรงนี้แล... จากข้อ 6 จะย้อนกลับสู่ ข้อ 5 ยันข้อ 1 ภายใน "หนึ่งวาระจิต"

    +++ 7. หากสามารถ "ฝ่าด่าน จิตส่งออก" ได้ จึงจะเริ่ม "รู้" เรื่อง "อุดเหี้ย 5 รู"
    +++ แล้วจับมันที่ "รูที่ 6" อายตนะใจ ซึ่ง "โดยทั่วไปจะเข้าใจว่า เป็น อายตนะนิพพาน"
    +++ แต่เอาจริง ๆ แล้ว มันยังเป็น "ตัวดู" ที่ค้างเติ่งอยู่เฉย ๆ ในสภาพ "อรูป" เท่านั้น
    +++ จนกว่าจะ "เป็นรู้" จริง ๆ เท่านั้น จึง "รู้อยู่ว่า" มันยังเป็น "นามธาตุ" ค้างเติ่งอยู่
    +++ ตรงนี้ แม้ในปฏิจจะ จะเรียกว่า "นามรูป" ก็ตาม แต่ตัวเนื้อแท้ของมัน "ไม่มีรูป"
    +++ หาก "คงสภาวะ อยู่เฉย ๆ" มันก็ยังเป็น "นามธาตุ ค้างเติ่ง" อยู่อย่างนั้น
    +++ ตรงนี้ จะตรงกับภาษาของทาง "พระป่า ที่ท่านว่า เป็นผีใหญ่กันหมด"

    +++ 8. หาก "รู้อยู่ แบบ ธรรมแท้ว่าง" และสามารถ "ดำรงค์ (สติมั่น)" ตรงนี้ได้
    +++ ก็จะ "ค่อย ๆ เริ่มรู้ว่า ณ บริเวณนี้ มันมีสภาวะ เป็นธาตุ ชนิดหนึ่ง"
    +++ และสภาวะ "ธาตุตรงนี้ เวลาที่มัน เริ่มรวมตัวขึ้นมา มันจะกลายเป็น ตัวกู/ของกู" ขึ้นมา (วิญญาณ)
    +++ หลังจาก "เป็นกู" แล้ว มันจึง "เริ่มสู่รู้ ส่งออก ไปเรื่อย ๆ" กลายเป็น "ธรรมแท้ ไม่ว่าง" ทันที
    +++ แล้วจะกลับสู่ ข้อ 6 ยันข้อ 1 ตลอดเวลา "ตัวกูของกู/ตัวดู" นี่แล ส่งออกไป เกิดแล้วเกิดอีก

    +++ 9. หาก "รู้อยู่" ณ บริเวณที่ "สภาวะธาตุรวมตัว" ก็จะ "เห็น" กระแสแรงดึงดูด รวมตัวกันเข้ามา
    +++ เป็นลักษณะ คลาย "คนกาแฟ ให้น้ำตาลละลาย เป็นเกลียววน" เรียกว่า "กระแสปรุงแต่ง"
    +++ ตรงนี้ ข้อ 8 "ยังไม่เกิด"

    +++ 10. หาก "รู้อยู่" ณ บริเวณที่ ข้อ 9 ก่อกำเนิด ก็จะ "เห็น" สภาวะที่ "อณูธาตุ" รวมตัวเข้ามา
    +++ หาก "รู้อยู่" ณ บริเวณนี้จนชำนาญ ก็จะ "รู้" ได้ว่า ณ ขณะที่ อณูธาตุรวมตัวเข้ามา นั้น
    +++ สภาวะแห่ง "ธรรมแท้รู้" เริ่มกลายเป็น "ธรรมเทียมไม่รู้" ไปทันที
    +++ และ หาก "รู้อยู่" ณ บริเวณนี้ ก็จะรู้อยู่ว่า "ธรรมแท้ว่าง เริ่ม มีฝุ่นเข้าปกคลุม" เป็น "ธรรมเทียมฝุ่น"

    +++ 11. หาก "รู้อยู่" นอก บริเวณของ "ธรรมเทียมฝุ่น" ก็จะ "เข้าใจ" ในเรื่อง
    +++ "พระองค์ทรงค้นพบ ทางเวียนจบของจักรวาฬ หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏฏะสงสารอันปลดปลง" ได้เอง

    +++ หวังว่า "ธรรมแท้ว่าง" จะหลุดพ้นจากวังวนของ "ธรรมเทียมฝุ่น" นะครับ
     
  17. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ตรงนี้ก่อน ก้ได้ ครับ คำว่า สติ ของพี่ ธรรมชาติ ถ้าจิตไม่ได้ จดจำสภาวะ มันจะระลึกได้เองไหม
     
  18. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    รู้แจ้งกับรู้ถึงจิตอันเดียวกันมั๊ยนะ
    อาการรู้ถึงจิต คือจิตมันจะเป็นไปเองถ้ามันรู้ มันจะเหมือนพ้นเจตนา....
    ละเอียดเหลือเกิน...เมื่อไรจิตจะเห็นได้ขนาดนั้น
     
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ คำว่า "สติ" ของผมคือ "เป็นสภาวะรู้" อยู่แล้ว
    +++ อาการตรงนี้ คือ "การระลึกทุกชนิด ถูกรู้"

    +++ สติ 2 ระดับ คือ
    +++ 1. ฝึกสติ (อาสัย ระลึก)
    +++ 2. เป็นสติ (ไม่อาสัย ระลึก)

    +++ ข้อ 2 จะใช้เป็น "กิริยาจิตทุกชนิด" ถูกรู้
    +++ ไม่ว่าจะเป็น กายคตาสติ เวทนาสติ จิตตาสติ ธัมมาสติ
    +++ หาก จิต เกิดกิริยา เมื่อไร ตรงนี้จะ "เป็นเครื่องรู้" ทันที
    +++ ของผมจะ "แยก" สติ ออกจาก การระลึก ไม่ปนกัน
    +++ การระลึก "ทุกชนิด" สำหรับ ภาษาของผม จะจัดเป็น "สัญญาขันธ์"
    +++ เฉพาะอาการที่ "ระลึกเข้าสู่ สภาวะรู้ เท่านั้น" เรียกว่า "สติ"
    +++ นอกนั้น เป็น "สัญญาขันธ์ ทั้งหมด" ให้เข้าใจ ภาษาของผม ตรงนี้ก่อนนะ
    +++ คำตอบ คือ "ได้" หากฝึกจน "เห็น สภาวะอสังคตะธรรม ที่จิตส่งออกไปยึด"
    +++ ก็จะ "รู้ได้เอง" ว่า แดนกำเนิดของ "สัญญาขันธ์ ณ จุดกำเนิด" เป็น "อนุภาคอิสสระ"
    +++ ที่ "ไม่มี/ไม่รู้ ที่มา และ ไม่มี/ไม่รู้ที่ไป" ธรรมะของพระพุทธองค์ เป็น นิวเคลียร์ฟิสิคจริง
    +++ ตรงนี้แหละ "อะไรเอ่ย อยู่ในนิโรธ" และได้คำตอบคือ "กลับมาจากนิโรธ ได้งัย..."

    +++ ส่วนการ "ระลึกความจำ" นั้น นับเป็น กิริยาจิต ชนิดหนึ่ง
    +++ เมื่อ "สภานการณ์ สอดคล้องกับ เหตุในอดีต"
    +++ กิริยาจิต จะทำการ "ระลึก" ได้โดยอัตโนมัติ
    +++ ต้องฝึก "มหาปัฏฐาน ใน โภชฌงค์ 7" จนถึง
    +++ สัมปะยุตตะปัจจัยโย รวมทั้ง นิสัยยะปัจจัยโย (คุ้นเคย) ด้วยกัน
    +++ ต้องฝึกจนถึง "อะไรเอ่ย อยู่ในนิโรธ" จึงจะได้คำตอบ นะครับ
     
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เป็น "ความเข้าใจแจ่มแจ้ง ของ สังขารจิต ที่ พ้นพันธนาการ" และมีอาการ "สดชื่นที่พ้นแล้ว"
    +++ ต้องแล้วแต่ คำว่า "จิต" ของแต่ละคน เป็นสภาวะไหน
    +++ หากเป็น "สังขารจิต" คือ รู้ ต้นตอ ปฏิจจะ
    +++ หากเป็น "วิสังขารจิต" คือ เป็น "รู้" เฉย ๆ
    +++ เป็นอาการ เกษมที่พ้นจากความ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย และ ไร้ทุกข์"


    +++ เท่านั้นเอง แล............
     

แชร์หน้านี้

Loading...