สมถะ ตาที่สาม..

สาุปคนเพี้ยนหลุดโลกคุยกัน
อ่าโชคดีที่ฉันยังเป็นมนุษย์55

 

หลอน

555

 

ถ้าขึ้นสูงดั่งไอน้ำ มันจะเป็น นิยตมิจฉาทิฐิ มันไปไม่ถึงต้นตอ
มันต้องทวนไปหาที่ต้นน้ำ

 

กระจกเงาส่องดูภายนอก
ส่องดูจิตใจใช้อะไรส่องคับท่านปราบเทวา

 

ไม่ต้องไปหาไกล ไม่ต้องไปให้สูง
ธาตุน้ำมีในกายสังขารอยู่แล้วนะ ท่าน

 

จะสูง จะต่ำ ใครเป็นคนบอก..
จิตท่านเองไม่ใช่ หรือ..? ที่บอก..

 

สติเปรียบเสมือน กระจก

ส่องเห็นตัวเองแล้ว จะแต่งตัวโดยอัตโนมัติ เชื่อไม่เชื่อ
ไปลองส่องดูได้

หลังจากส่องกระจก ทำยังไงกับตัวเองโดยไม่มีใครบอก


จิตก็เช่นกัน หาก อบรมจนสติเกิดขึ้น มันจะจัดการด้วยตัวมันเอง

 

เขาเรียกการอุปมา ถ้าไม่เข้าใจ การอุปมา ก็ออกไปดูก่อน นั่นพระไตรปิฎก

 

ที่ผมเรียนมาสติเหมือนระฆังนะ

 

ลองอุปมาซิ

 

เสียดายรายการกระจก6ด้านไม่น่าเลิกฉายเลย
ชอบดูตอนเด็ก

 

เข้าใจคำสอนพระไตรปิฎก
แต่ไม่เข้าใจท่าน ว่า..
ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจซะที.. นี่ซิ

 

เราจะเริ่มกลอเทปกลับอีกรอบแล้ว

 

เราเหยียบโลก หรือ โลกทับเรา
มองต่างมุม

 

กระจกเงากับตัวเราไม่ใช่อันเดียวกัน
สติกับจิตเป็นสิ่งเดียวกันไหมคับ

 

แล้วท่านเข้าใจ คำสอนพระไตรปิฎกว่ายังไงล่ะ

 

จากสภาพคงโดนโลกทุบเละ55

 

เรารู้ธรรมด้วยการอุปมา

ถ้าจะเอาคำถามแบบสีทนนชัย มันก้ไหลได้รื่น

สติ เป็นเจตสิก อย่างนึง
จิตก็อย่างนึง
เจตสิก เป็นสิ่งที่อยู่กับจิต เกิดขึ้นพร้อมกับจิตดับไปพร้อมกับจิต

ฉนั้น
จิต ก้อย่างนึง
สติ ก็อย่างนึง

ถ้าไปหัดฟังพระบ้าง อ่านพระไตรปิฎกบ้าง จะได้เข้าใจ ในบัญญัติมากขึ้น

ภาษาที่ใช้ จะเป็นภาษากลางมากขึ้น

 

ใช้คำบัญญัติ.ใช้คำสับมาก
ผมมองว่าใช้สับบัญญัติมากไป
มันไม่เป็นชิ้นเป็นอันถึงขั้นอาจจะเละก็ได้คับ
สู้แบบเห็นตรงๆไม่ดีกว่าหรือคับ

 

ก้อถูกแล้วไงลุง จะให้ใช้คำไหนหล่ะ
สติเป็นเจตสิกธรรม เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต

แยกคำว่าจิต กับเจตสิกออกไหม