เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wanwi, 11 ตุลาคม 2016.

  1. Pattana

    Pattana ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12,669
    ค่าพลัง:
    +203,774
    Ramet Tanawangsri

    คนในครอบครัว
    .....
    หลังจากที่พ่อของผมเสียได้สามปี คุณก็เข้ามาอยู่บ้านของเรา ในฐานะเดียวกันกับพ่อของผม!
    แต่คุณสู้พ่อของผมไม่ได้แม้แต่น้อย สิ่งที่คุณพอมีก็คือคุณเป็นคนซื่อและเป็นคนดี
    แม่ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขอะไรมากมายในการหาคู่ชีวิตคนใหม่ สิ่งที่แม่ของผมต้องการก็คือเพื่อน
    และคุณมีสิ่งนั้นที่แม่ผมต้องการ
    >>>
    วันที่คุณได้พบกันแม่ของผมวันแรก คุณแทบจะเลิกล้มความคิด เพราะคุณเทียบอะไรกับแม่ผมไม่ได้เลย
    บ้านของคุณหลังเล็กนิดเดียว เงินเดือนของคุณก็น้อยมาก คุณมันก็แค่คนธรรมดาๆที่ตกงานคนหนึ่ง
    และลูกชายที่เพิ่งจะแต่งงาน ก็ยังต้องการการอุ้มชูจากคุณ
    พูดจริงๆนะ แม่ของผมก็แค่ไม่อยากให้คนที่แนะนำเสียหน้า ก็เลยตัดสินใจมาพบคุณ
    แต่สิ่งที่แม่ของผมประทับใจในตัวของคุณมากๆก็คือ ฝีมือทำกับข้าวของคุณ หลังจากการพูดคุยกันผ่านไปสักครู่ คุณก็เป็นผู้เอ่ยขึ้น
    “ผมรู้ว่าคุณมีคนให้เลือกมากมาย เพราะคุณไม่ได้ขาดพร่องอะไร ผมไม่รู้จะมอบอะไรให้คุณเป็นของขวัญ ไม่ว่าจะอย่างไร วันนี้เราก็ได้รู้จักกันแล้ว กลางวันนี้ทานข้าวร่วมกันสักมื้อนะครับ ผมจะทำอาหารอย่างง่ายๆให้พวกคุณทาน”
    ความสุภาพและความจริงใจของคุณทำให้แม่ของผมไม่กล้าปฏิเสธ
    คุณทำอาหารเพียงลำพังโดยที่เราไม่ต้องช่วยลงมือแม้แต่น้อย ก็ได้อาหารมาสี่อย่างกับน้ำซุปอีกหนึ่งถ้วยใหญ่
    แม่ติดใจผัดฟักทองของคุณมากๆ กินเอาๆจนไม่ยอมวางช้อน
    ก่อนกลับ คุณยังบอกแม่ของผมอีกว่า
    “หากคุณชอบทานผัดฟักทองก็แวะมาได้อีกนะครับ บ้านของผมอาจไม่สะดวกสบายมากนัก แต่ก็มีฟักทองเลี้ยงคุณได้สบายครับ”
    >>>
    แม่นัดพบกับผู้ชายที่ญาติแนะนำอีกหลายคน
    แม้คนเหล่านั้นจะมีฐานะดีกว่า และภูมิฐานกว่าคุณมากมาย แต่สุดท้ายแม่ก็เลือกคุณเข้ามาอยู่กับพวกเรา
    เหตุผลนั้นแทบจะฟังไม่ขึ้น
    แม่บอกว่า เพราะแม่ต้องดูแลพ่อตั้งแต่สมัยสาวๆจนแก่ แม่อยากเป็นคนถูกดูแลบ้าง!
    เพราะเหตุผลนี้ คุณจึงเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา
    >>>
    วันนั้น คุณ แม่ ผม และคนที่บ้านของคุณอีกสามคนไปกินข้าวร่วมกัน ผมตั้งใจเลือกภัดตาคารอาหารที่หรูและมีราคาแพง ดูเหมือนผมต้องการเลี้ยงต้อนรับพวกคุณ แต่จริงๆผมแค่ต้องการดูพฤติกรรมของคุณและคนที่บ้านของคุณต่างหากว่าจะมีหางหรืออะไรโผล่มาให้เห็นบ้างหรือเปล่า?
    หลังจากทานอาหารกันเสร็จ ตอนที่เดินออกมา คุณบอกกับผมเบาๆว่า
    “จากนี้ไปเราก็อยู่ร่วมกันในสถานะพ่อลูก หากเธอจะเลี้ยงข้าวฉัน พาฉันไปเลี้ยงที่ร้านข้าวแกงจะดีกว่า ที่นั่นฉันจะกินได้อิ่มกว่านี้ และไม่ต้องรู้สึกเสียดายเงินของเธอเหมือนกับวันนี้ ”
    ความจริงใจของคุณที่แสดงออกมา เหมือนน้ำร้อนๆลวกใจลวงๆของผมให้สะดุ้งครั้งแล้วครั้งอีก
    มันทำให้ผมรู้สึกว่า การล้อเล่นกับผู้ใหญ่ที่เป็นคนซื่อ ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่เอาขนมมาล่อเด็ก คุณทำให้ผมรู้สึกละอายใจ
    >>>
    คุณดูแลแม่ของผมเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ผมกลับไปเยี่ยมแม่ คำแรกที่แม่มักจะพูดเสมอก็คือ
    “แม่ต้องลดความอ้วนแล้ว ดูสิ!”
    คำพูดที่แม่พูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข ผมก็รู้สึกอย่างนั้นว่า กับข้าวที่คุณทำมันอร่อยยอดเยี่ยมมาก
    ครั้งหนึ่งที่เราทานข้าวด้วยกัน ผมเผลอพลั้งปากบอกภรรยาของผมว่า
    “วันหลังเธอก็มาเรียนทำอาหารกับอาแปะหน่อยนะ เธอทำอาหารไม่ได้เรื่องเลย สู้อาแปะทำก็ไม่ได้”
    ภรรยาของผมค้อนขวับในทันที เธอไม่ได้พูดอะไรนอกเสียจากจ้องผมอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
    คุณรีบออกมาห้ามทัพ
    “ตลอดชีวิตของฉันทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง มีดีบ้างก็เรื่องกินนี่แหละ พวกเธอเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าคนนายคน อย่ามาเรียนกับฉันเลย หากพวกเธอหิวก็แวะมากินข้าวได้ มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ฉันยินดีทำให้พวกเธอกิน กลัวก็แต่ทำแล้วพวกเธอไม่ชอบกินต่างหากล่ะ”
    วันนั้น ก่อนที่พวกเราจะกลับ คุณห่ออาหารที่คุณทำให้พวกเราเอากลับมากินตั้งมากมาย แถมยังลากผมไปคุยในห้องครัวว่า
    “อย่ายอฉันว่าทำกับข้าวอร่อย ผู้ชายทำกับข้าวอร่อยมันไม่น่าชมหรอก แค่เรื่องทำกับข้าว มันไม่ใช่เรื่องเก่งหรือไม่เก่ง วันหลังไม่ต้องชมฉันอีกนะ”
    ตอนที่ผมขับรถกลับบ้าน ผมบอกเรื่องที่คุณพูดกับผมในครัว ภรรยาของผมพูดขึ้นว่า
    “ก็ใครให้เขาเกิดมาด้อยกว่าคนอื่นล่ะ นี่ถ้าก้มหัวแทบพื้นได้เขาก็คงทำไปแล้วแหละ คุณแม่โชคดีนะคะ มีคนรับใช้ยังกะเป็นฮองเฮา”
    ผมขับรถไปมองหน้าของภรรยาไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แก้ตัวแทนคุณ ยังไงคุณก็เป็นคนอื่นอยู่ดี คุณไม่ใช่คนในบ้านของเราตั้งแต่แรกนี่นา
    >>>
    วันที่ผมย้ายบ้านใหม่
    คุณกับแม่มาช่วยจัดการเตรียมข้าวของเพื่อถวายพระ
    คุณมีความรู้เรื่องประเพณีดีมากๆ ไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว
    แต่พอถึงเวลาทานข้าว คุณกลับไม่ยอมมานั่งที่โต๊ะเจ้าภาพ ผมตามหาคุณไปทั่วก็หาคุณไม่เจอ โทรหาคุณโทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง
    เหมือนกับว่าคุณกะเวลาไว้แล้ว พอแขกทยอยกลับกันจนหมด คุณถึงปรากฏตัวอีกครั้ง คุณช่วยเก็บข้าวของด้วยความกระตือรือร้น
    คุณเก็บอาหารที่เหลือใส่กล่องที่เตรียมไว้เพื่อเอากลับไปกินที่บ้าน
    แม่ของผมไม่อยากให้คุณทำอย่างนั้น เพราะท่านรู้สึกอดสูแทนคุณ แต่คุณกลับบอกแม่ของผมเบาๆว่า
    “เย็นนี้ผมทำให้คุณใหม่ ส่วนนี้ผมเก็บไว้กินเอง”
    “ทำไมคุณต้องกินอาหารเหลือทุกๆวัน? คุณรู้หรือเปล่า ฉันรู้สึกแย่แค่ไหนที่คุณทำอย่างนี้?”
    แม่ของผมพูดขึ้น
    “คุณอย่ารู้สึกอย่างนั้นเลย หากทิ้งอาหารเหล่านี้ไปผมรู้สึกไม่สบายใจ อาชัย(ชื่อของผม)ทำงานหาเงินด้วยความลำบาก เราช่วยลูกประหยัดได้ก็น่าจะทำนะ”
    คำพูดของคุณ ทำให้แม่ของผมนิ่งไปนานสองนาน
    >>>
    แม่โทรมาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
    ผมฟังเสร็จ ก็รู้สึกสับสนมาก!
    จากความรู้สึกสับสนก็กลายเป็นละอายใจ
    สับสนตรงที่ว่า ทำไมผมถึงรู้สึกดีกับคุณมากยิ่งขึ้น
    เวลาข้าวของที่บ้านเสียหรือพัง คุณก็ช่วยซ่อมช่วยทำให้จนดีเหมือนเดิม
    คุณยังช่วยรับส่งลูกของผมไปโรงเรียนทุกวัน
    เวลาที่แม่ของผมไม่สบาย ต้องนอนโรงพยาบาล คุณก็ดูแลท่านจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนแม่ออกจากโรงพยาบาลคุณถึงบอกเรื่องนี้กับพวกเรา
    สิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนก็คือ คุณก็ล้มป่วยเป็นกับเขาเหมือนกัน
    วันนั้น ขากลับจากไปส่งลูกของผมที่โรงเรียน คุณล้มหัวฟาดกับพื้นถนน เลือดคั่งในสมองอาการหนักมากจนกลายเป็นอัมพฤกษ์
    >>>
    ผมและลูกของคุณ เราพยายามรักษาคุณให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ววัน
    เราหวังว่าคุณจะจะกลับมาดูแลเราเหมือนเก่า
    แต่ทว่า คุณก็ไม่อาจกลับมายืนได้เหมือนเดิมอีกต่อไป
    คนที่ร่าเริงและมีรอยยิ้มให้กับทุกๆคนอย่างคุณ กลายเป็นคนอ่อนแอ คุณเอาแต่ร้องไห้
    แม่ของผมดูแลคุณ คุณร้องไห้
    ลูกชายของคุณป้อนผลไม้ให้คุณกิน คุณร้องไห้
    พวกเราเข็นรถให้คุณนั่ง คุณร้องไห้
    เห็นเราเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาคุณเป็นจำนวนมาก คุณร้องไห้
    และวันหนึ่ง คุณก็เอามีดโกนหนวดกรีดข้อมือของตัวเอง คุณหมอใช้เวลาช่วยคุณเป็นเวลาถึง5ชั่วโมง เราจึงสามารถยื้อคุณจากอุ้งมือของมัจจุราชได้ สภาพของคุณทั้งเหนื่อยอ่อนทั้งหมดหวัง
    >>>
    คนที่ทิ้งคุณไปก่อนผม กลับกลายเป็นลูกชายของคุณ
    เขามาเยี่ยมคุณน้อยลง จนหลังๆนี้เขาแทบจะไม่โผล่หน้ามาเลย
    ทุกครั้งที่ผมโทรหาเขา คำตอบก็คือเขาต้องไปประชุมต่างจังหวัดบ่อยๆ ถ้ากลับมาเขาจะมาเยี่ยมคุณเอง
    และสิ่งที่เหมือนฟ้าผ่าผมตอนกลางวันแสกๆก็คือ แม่บอกกับผมว่า ท่านต้องการแยกทางกับคุณ!
    คุณกับแม่ไม่ได้จดทะเบียนกัน จะแยกกันเมื่อไหร่ก็ได้
    แม่บอกกับผมว่า
    “แม่แก่แล้ว แม่ดูแลเขาไม่ได้หรอก แม่ช่วยลูกในส่วนนี้ไม่ได้ ลูกจะเอาคนพิการไปเลี้ยงดูที่บ้านได้ยังไง มันจะเป็นภาระของลูกเปล่าๆนะ!”
    “!!!!!”
    ผมไม่อยากเชื่อว่าแม่จะพูดด้วยความเย็นชาอย่างนี้!
    ผมไม่อยากให้แม่เป็นคนพูดกับคุณเอง ผมจึงอาสาที่จะเป็นคนพูดแทน
    >>>
    ผมเปิดประตูห้องเข้าไปหาคุณ
    คุณนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย
    “อาแปะ แม่ของผมไม่สบาย”
    ผมพูดเพียงแค่นี้คุณก็ร้องไห้ มันบีบหัวใจของผมเพียงใด ผมจะพูดต่อดีหรือไม่?
    “อาแปะก็รู้ว่าแม่ของผมอายุมากแล้ว ช่วงที่ผ่านมาแม่ของผมก็ดีต่ออาแปะมาก”
    คุณพยักหน้าไปร้องไห้ไป
    “ส่วนผมกับเมียก็ต้องไปทำงานทุกวัน แม่ก็สุขภาพไม่ค่อยดี เอาอย่างนี้ดีไหมครับ หากอาแปะออกโรงพยาบาลวันไหน อาแปะกลับไปอยู่บ้านของอาแปะดีไหมครับ? ผมจะหาคนมาดูแลอาแปะหนึ่งคน ค่าจ้างผมเป็นคนออกเอง พวกเราจะไปเยี่ยมอาแปะบ่อยๆ”
    พอพูดถึงตรงนี้ คุณก็ไม่ร้องไห้อีกต่อไป ได้แต่พยักหน้าและพูดว่า
    “ดีๆ อย่างนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องจ้างคนมาดูแลฉันหรอก ไม่ต้องๆ...”
    >>>
    ผมเดินออกมาและแอบไปร้องไห้ที่สวนของโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโล่งอกที่ได้ปลดปล่อยตัวเอง
    หรือเป็นเพราะความรู้สึกละอายและผิดต่อคุณกันแน่
    ผมบึ่งรถไปบริษัทจัดหางาน ทำสัญญาว่าจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่ง และจ่ายค่าจ้างไปทั้งหมดหนึ่งปีเต็มๆ จากนั้นก็จ้างบริษัทรับทำความสะอาดมาช่วยทำความสะอาดบ้านของคุณให้สะอาดสะอ้าน
    จะว่าไป ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณเลย ผมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ต่างหาก!
    >>>
    วันที่คุณออกจากโรงพยาบาล ผมไม่ได้ไปด้วย แต่ผมให้คนขับรถของบริษัทเป็นคนจัดการธุระแทน คนขับรถกลับมาบอกผมว่า
    “คุณลุงฝากคำขอบคุณมาครับ แกบอกว่า ลูกจริงๆยังทำได้ไม่เท่าคุณเลย”
    คำพูดเหล่านี้ มันช่วยปลอบประโลมใจของผมได้เป็นอย่างยิ่ง แต่ความรู้สึกคลายใจนี้ก็อยู่กับผมได้ไม่นานนัก
    >>>
    ปีใหม่ของปีต่อมา พวกเราฉลองกันด้วยความเงียบเหงา
    ไม่มีคนที่คอยเสกอาหารอันเลิศรสส่งจากห้องครัวมาให้เราได้ลิ้มลองอีกต่อไปแล้ว
    ผมนั่งทานข้าวในโรงแรมห้าดาว แต่อาหารที่สั่งมากลับไม่มีรสชาติอะไรเอาเสียเลย
    จู่ๆ ตอนขับรถกลับบ้าน ลูกชายของผมก็เอ่ยขึ้นว่า
    “หนูจะกินปลาเปรี้ยวหวานของอากงๆ”
    ภรรยาของผมดุลูกชายด้วยสายตาว่าให้หยุดพูดได้แล้ว แต่ลูกชายของผมกลับพูดขึ้นว่า
    “ทำไม่ป่าป๊ากับหม่าม้าไม่พาอากงมาฉลองที่บ้านของเรา ป่าป๊ากับหม่าม้าเป็นบ้าไปแล้ว!”
    ภรรยาของผมทนไม่ได้ จึงตีแกไปหนึ่งที และก็บิดหูลูกให้หยุดเอะอะได้แล้ว
    เสียงตีลูกเสียดแทงเหมือนมีดกำลังกรีดลงไปที่หัวใจของผม จนหน้าแดงร้อนขึ้นมาในทันที
    คำพูดของลูก ทำให้พวกเราต้องช่วยกันหาคำปลอบใจมาพูดให้กันฟัง
    ผมมองกระจกหลังไปที่แม่ เห็นแม่ได้แต่นั่งก้มหน้าเช็ดน้ำตา
    คุณก็คงรู้ มันเป็นการฉลองปีใหม่ที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย
    ผมนึกถึงปีใหม่เมื่อปีที่แล้ว วันที่เราฉลองปีใหม่ด้วยกันที่บ้าน
    เราพูดคุยกันอย่างสนุกสนานมีความสุข
    แต่คุณกลับยิ้มแย้มแจ่มใสทำอาหารเงียบๆอยู่ในครัวอย่างมีความสุข
    ผมไม่รู้ว่าคืนนี้คุณฉลองปีใหม่อยู่กับใคร?
    และคุณจะคิดถึงพวกเรา เหมือนกับที่เราคิดถึงคุณไหม?
    คุณจะรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนที่เรากำลังเป็นกัน ณ ตอนนี้หรือเปล่า?
    >>>
    ผมส่งแม่ ภรรยาและลูกกลับไปที่บ้านแล้วจึงบ่ายหน้าไปหาใครคนหนึ่ง
    เสียงนับถอยหลังเค้าท์ดาวน์ดังขึ้นจากวิทยุในรถของผม
    ผมกดกริ่งหน้าประตูบ้านของคุณ
    คุณเดินกระเผลกๆออกมาเปิดประตูบ้าน
    พอเห็นว่าเป็นผม คุณยิ้มด้วยความดีใจ แต่น้ำตากลับไหลออกมาพร้อมๆกัน
    ผมเดินตามคุณเข้าบ้าน ผ่านห้องครัวที่เหมือนกับไม่ได้ทำอาหารมาเป็นเวลานาน
    ณ ตอนนั้น ทำนบเขื่อนแห่งน้ำตาของผมก็พังทลายลงมา มันกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
    ผมยกโทรศัพท์โทรไปหาลูกชายของคุณ จากนั้นก็ด่า ๆๆ
    พอด่าสมใจผมแล้ว ผมก็ลงมือต้มบะหมี่ให้คุณ
    คุณบอกผมว่า แม่บ้านลาหยุดไปฉลองปีใหม่ที่บ้านต่างจังหวัด
    เธอเตรียมอาหารกระป๋องไว้ที่หัวเตียงของคุณให้เพียงพอจนกว่าเธอจะกลับมาใหม่ในอาทิตย์หน้า
    ผมต้มบะหมี่และแอบตำหนิแม่ในใจว่าทำไมถึงใจดำอย่างนี้
    ผมยกชามบะหมี่ออกจากครัวมาให้คุณที่โซฟา
    คุณรับบะหมี่ไปกิน น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าของคุณตกลงไปที่ชามบะหมี่ ผมได้แต่เบือนหน้าหนีเพื่อปาดน้ำตาของตัวเอง
    >>>
    คืนนั้น ประมาณตีห้าผมก็แอบออกจากบ้านคุณมาอย่างเงียบๆ
    ผมยกขวดเหล้าขึ้นซด ได้แต่จอดรถไว้ไต้คอนโดของคุณ แล้วก็เดินออกไปที่สวน อากาศที่หนาวเหน็บยังหนาวไม่เท่าใจของผมที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
    จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
    “คุณอยู่ที่ไหน?”
    เสียงภรรยาของผมเอ็ดมาด้วยเสียงอันดัง
    โทสะของผมคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
    “ผมอยู่บ้านของคนที่เราทิ้งเขาไว้ให้โดดเดียว พวกเรายังเป็นคนอยู่กันอยู่หรือเปล่า? ตอนที่เขาสบายดี เรากลับใช้เขายังกับทาส พอเขาเดินไม่ได้ เรากลับส่งเขากลับบ้าน มโนธรรมของเราหายไปไหนกันหมด?”
    ผมยืนด่าตัวเองเหมือนคนเป็นบ้าอยู่ข้างถนน ด่าตัวเองจนหนำใจ ด่าตัวเองจนเหนื่อย
    จึงวิ่งกลับไปหาคุณที่บ้าน จากนั้นก็แบกคุณขึ้นบ่าแล้วเดินออกจากห้อง
    คุณตกใจ ลนลานถามขึ้นว่า
    “เธอจะทำอะไร? จะพาฉันไปไหน?”
    ผมตอบคุณอย่างไม่ลังเล
    “กลับบ้าน!”
    >>>
    เมื่อถึงบ้าน
    คนที่ดีใจที่สุดก็คือลูกชายของผม แกเอาแต่กอดและก็หอมแก้มคุณซ้ายทีขวาที อ้อนคุณให้ทำปลาเปรี้ยวหวานและขนมเกลียวทอดให้แกกิน อีกทั้งขอให้คุณวาดรูปการ์ตูนให้
    ภรรยาของผมดึงผมเข้าไปในห้อง
    “คุณเป็นบ้าแล้วหรือไง? ลูกของเขายังไม่ยอมดูแล คุณจะพาเขามาอยู่บ้านเราทำไม? ”
    ผมไม่โมโหแล้ว จึงบอกกับเธออย่างเรียบๆว่า
    “ลูกของเขาทำไม่ได้ก็เรื่องของลูกเขา มันไม่ควรเป็นเหตุผลที่เราไม่ควรดูแลเขานี่นา ผมไม่ขอให้คุณเห็นเขาเป็นพ่อผัวหรอก แต่หากคุณรักผม แคร์ผม ก็ขอให้เห็นเขาเป็นเหมือนญาติคนหนึ่ง เพราะในหัวใจของผม เขาเป็นเหมือนเตี่ย เหมือนญาติผู้ใหญ่ เป็นคนในบ้านคนหนึ่ง ปล่อยให้เขาอยู่ตามยถากรรมนะผมก็ทำได้ แต่มันเหมือนเป็นตราบาปติดอยู่ในใจผม ผมอยากมีชีวิตอยู่แบบไม่ผิดต่อใคร เหตุผลของผมก็มีเพียงแค่นี้แหละ”
    ผมพูดเหตุผลนี้ให้กับแม่ฟังเช่นกัน แม่ผมร้องไห้หนักมาก จับมือของผมไว้แน่น
    “แม่ไม่คิดว่าแกจะมีน้ำใจถึงขนาดนี้!”
    “แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วง ต่อให้วันหนึ่งแม่ไม่อยู่แล้ว ผมก็จะดูแลอาแปะต่อไปเรื่อยๆ”
    อยู่ๆ ลูกชายของผมก็เดินมาหา
    “ป่าป๊าครับ อย่าไล่อากงออกจากป้านอีกนะครับ วันหน้าผมโตขึ้นผมจะเป็นคนเลี้ยงอากงเอง ถ้าป่าป๊าแก่ ผมก็จะเลี้ยงป่าป๊าเหมือนกัน”
    ผมดึงลูกเข้ามากอด ในหัวใจมันตีบตันและตื้อไปหมด โชคดีแค่ไหน ที่ผมไม่เข้าใจตอนที่มันสายไปกว่านี้ โชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้สร้างตราบาปให้เกิดขึ้นในหัวใจของลูก โชคดีแค่ไหนที่ลูกยังสัมผัสได้ถึงความกตัญญูที่ผมมีอยู่
    “ใครจะไปกล้าไล่อากงออกจากบ้าน อากงรักหนูจะตายไป”
    ผมกอดลูกน้ำตาก็คลอไป นี่คือคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับลูกชายตัวน้อย
    …..
    หากคุณอยากให้ลูกดูแลยามที่คุณแก่เฒ่า
    ตอนนี้ คุณดูแลพ่อแม่บ้างหรือเปล่า?
    ตอนนี้ คุณเลี้ยงดูพ่อแม่บ้างหรือเปล่า?
    ชีวิตคนเราเวียนไปตามวัฏจักร
    วันนี้คุณดูแลพ่อแม่อย่างไร วันหน้าลูกก็จะดูแลคุณอย่างนั้น
    จงนำจิตทดแทนคุณมาดูแลพ่อแม่
    จงนำจิตสำนึกคุณมากตัญญูต่อพ่อแม่
    .....
    นุสนธิ์บุคส์Ramet Tanawangsri
     
  2. ศรีอุบล

    ศรีอุบล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +6,128
    แรกว่า. เรื่องอะไร ยาวจัง สุดท้ายอ่านแล้ว น้ำตาซึมตลอด. ขอบคุณสำหรับเรื่ิองดี ๆ จากหลากหลายสัพเพเหระ ของมิตรรักแฟนกระทู้ดี นี้
    ขอขอบคุณ คุณ Pattana และ พี่ wanwi ครับ
     
  3. White Fox

    White Fox เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +12,317
    คุณน้องมุ
    ได้รับพญานก เรียบร้อยค่ะ
    ใส่ไว้ในกรอบเดียวกับหลวงปู่ดู่ ที่โต๊ะออฟฟิต

    ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
    2020-07-10_113139.jpg
     
  4. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    15,448
    ค่าพลัง:
    +39,087
    "สายรัดข้อมือหลวงปู่เปลี่ยน"

    ขณะที่...หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป กำลังแจกสายรัดข้อมือ ให้กับญาติโยมๆได้กราบเรียนถามท่านว่า

    เด็กวัด : สายรัดข้อมือนี่ กันอะไรได้บ้างครับ หลวงปู่ ?

    หลวงปู่ : สายรัดข้อมือนี่ กันผีได้นะ ผีกลัวนะ บอกให้

    เด็กวัด : กันปืนไม่ได้เหรอ ครับผม

    หลวงปู่ : ถ้ากรรมไม่ถึง ไม่เป็นไร

    เด็กวัด : หลวงปู่เสกยังไงเหรอครับ สายรัดข้อมือเนี่ยครับ

    หลวงปู่ : สายรัดข้อมือเหล่านี้ อาตมาแผ่เมตตาไว้ ใครนำไปใส่ติดตัว เวลากรรมมันมาถึง เจ้ากรรมนายเวรมาทวง เจอสายรัดข้อมือ ที่อาตมาแผ่เมตตาไว้ เขาจะได้รับบุญที่อาตมาแผ่เมตตาให้ กรรมหนัก ก็จะเบาลง กรรมเบา ก็จะหมดไป เพราะเขาโมทนาบุญ ที่อาตมาแผ่ไว้ให้ เข้าใจไหม อาตมาแผ่เมตตา...ฝากบุญไว้

    เด็กวัด : สาธุๆ ครับ

    Cr.เพจเนื้อนาบุญ
    FB_IMG_1594351658824.jpg FB_IMG_1594351665257.jpg
     
  5. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    ตารางบุญน้องต้อดมาแล้ว วันนี้จัดแบ่งให้เว็ปค่าโฮสท์ประจำเดือนพฤษภาคมย้อนหลังไปก่อนสักเดือน สัปดาห์หน้า ลูกน้องกลับจากพักฟื้นค่อยจัดเดือนมิถุนายน เท่ากับไม่ติดค้างเว็ปให้ปวดหัว

    อีกสักพักลูกน้องกลับมา ค่อยลงสลิปให้โมทนา"บุญต้นน้ำ"พอเพลิดเพลินใจ
     
  6. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    เดือนกรกฏาฯ งานหนักลงพระให้ทำบุญไม่มาก กระท่อนกระแท่นเล็กน้อย เดี๋ยวลงพระกรุในฝันเมืองพิษณุโลกให้โอ้โฮกันสักองค์ รอตอบโพสท์เกลี้ยงก่อน หากไม่มีงานด่วนแทรกแซงคิว
     
  7. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    น้องติ้กว่างแวะทัก ขอบคุณมาก
     
  8. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    น้องบานชื่น 'เม้นท์สั้นๆถูกใจ
    ไพรดิบ ดงลึก สัตว์เขี้ยวเล็บคม
    คือการต่อสู้อันยุติธรรมสมัยเก่าก่อน
    ไม่เหมือนสมัยใหม่ เครื่องมือทันสมัย
    ล่อทีป่าหมด สัตว์เกลี้ยง
     
  9. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    ฉากนี้น่าเป็นทะเลญี่ปุ่น
    แผ่นดินทรหดลูกซามูไร ...

    อ่าวโอบอ้อม...ล้อม'เลเรื่อ
    ฟ้าเอื้อเฟื้อ.....เผื่อแผ่ผล
    คนกับเมือง.....เยื้องชิดชน
    ฤาหลีกพ้น......ผจญคลื่น(สึนามิ)!

    หมายเหตุ...'เล = ทะเล



     
  10. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    บาตรเต็ม ย่ามล้น คือสภาพหลวงตาเช้านี้ เมื่อพุทธศาสนิกชน เพิ่มมากขึ้นในการทำบุญกับพุทธบุตรที่แท้ ก็เหมือนได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพืชผลลงบนดินดีอุดม ผลแห่งบุญย่อมงอกงามดั่งต้นไม้ที่เจริญเติบโต สาธุ
     
  11. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    เรื่องเล่าแสนดี สรุปด้วยประโยคนี้...

    --นิมิตตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา
    --ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายแห่งคนดี!
    --กตัญญู = รู้คุณ
    --กตเวที = ตอบแทนคุณ

    มนุษย์ที่ขาดจาก 2 คำนี้ มีค่าน้อยกว่า "หมาขี้เรื้อน" แม้กระทั่งคนขายพระที่ยัดพระเก๊ให้ลูกค้าผู้มีพระคุณ "หมาขี้เรื้อน" ก็มีคุณค่ามากกว่า ลองให้ข้าว-น้ำข้าวมันสักมื้อดูสิมันจะจดจำคุณได้ยันวันตาย!


     
  12. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    ครับ-เรื่องราวที่มีคำถาม-คำตอบ บทสรุปในตัวไม่ต้องต่อเติมเสริมแต่งให้รุงรัง ทุกสังคมจะวุ่นวายน้อยลงถ้าคนรู้จักคำว่า "กตัญญู กตเวที"
     
  13. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    โต๊ะทำงานสายบุญ ระวังอย่าเพิ่มมากกว่านี้
    คนเข้ามาเห็นจะนึกว่าเป็นตำหนักเจ้าเข้าทรง-ฮ่า
     
  14. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    บทแห่งสนทนาและสิ่งที่หลวงปู่เปลี่ยนมอบเป็นสมบัติเหล่าศิษย์ จะเห็นชัดว่า ทุกอริยสงฆ์ต้อง "ทรงเมตตานำหน้า"เสมอ...ความเมตตาทำให้อธิษฐานจิตปลุกเสกเลขยันต์สิ่งใดก็ขลัง พลังเมตตานั้นแผ่ระรื่นชุ่มเย็นปราศจากกาลเวลาฆ่าทำลาย ผู้คิดร้ายจะถอยห่าง ผู้ปองร้ายจะแพ้พ่ายภัยตัวเอง

    วัตถุมงคลใดที่ปลุกเสกเลขยันต์ด้วยคาถาอาคมฝ่ายร้อน จะอยู่ได้ไม่นานทั้งยังมักจะดึงดูดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจเข้าหาตัวแบบ "ลองของ"บ่อยๆ

    ส่วน "เมตตา"นำหน้า ก็จะดึงดูดแต่สิ่งที่ดี คนที่ดี มรรคผลที่ดี ความเย็น ความชุ่มชื่นใจ ความเป็นมงคลเข้าสู่ตัว

    ขอบคุณคุณสาธิต ไม่ได้นำ"พุทธวจนะ"ติดมา จึงขาดพระธรรมจากพระโอษฐ์ไปหนึ่งตอน
     
  15. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    มอบปัจจัย"บุญต้นน้ำ"!
    ให้เว็ปเดือนพฤษภาคม
    ===============

    --ทำจิตให้ว่าง.....500
    --KEnG.............300(เหลือ1,300)
    --ประเวช ทันตา...200
    --บุญต้นน้ำ.........14,000

    === 15,000 บาทถ้วน ===

    จัดส่งเรียบร้อยวันนี้ตามสลิป เชิญร่วมอนุโมทนา บุญดีที่สนับสนุนส่งเสริมเว็ปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่กระทำกันมาต่อเนื่องกว่า 3 ปีเต็มกำลัง

    20200710_135654-1.jpg
    สัปดาห์หน้าจะเป็น "บุญต้นน้ำ" ของเดือนมิถุนายน ขออนุโมทนาบุญอันไพศาลนี้ให้กับสมาชิกทุกท่าน สาธุ สาธุ สาธุ !


     
  16. White Fox

    White Fox เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +12,317
    ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าจะติดกระจกรถยนต์ (คิดว่าเป็นสติกเกอร์แบบสุญญากาศ)
    พอได้รับมาแล้ว ตอนแรกใส่กระเป๋าจะนำกลับบ้าน..
    แล้วก็ เอ....ใส่กรอบเดียวกับหลวงปู่ดู่ดีกว่า เห็นบ่อยกว่าอยู่บ้าน (ฮ่า...)
     
  17. ar_korat

    ar_korat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +2,013
     
  18. ar_korat

    ar_korat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +2,013
    อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยทีเดียวครับ
     
  19. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    ดีครับ มีพลังพุทธะคุ้มครองโดยหลวงปู่
    ให้พลังเทพคุ้มกันโดย"พญาครุฑ"บ้าง
    ก็ครบเครื่องเรื่องแก้-กันไม่มุ่งร้ายใคร
     
  20. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    40,800
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,021,242
    เป็นเรื่องที่ดีมากครับอาจารย์
    ก็อปให้ลูกศิษย์ดื้อๆบางคนอ่านมั่ง
    บางที "ต้นร้าย" อาจกลาย "ปลายดี"
     

แชร์หน้านี้

Loading...