จิตต่อจิต ธรรมต่อธรรม ค้ำจุนพุทธศาสน์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย queenie, 21 มกราคม 2008.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เยี่ยมครับ
     
  2. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    เจ้ากรรมนายเวรที่คอยขัดขวางการปฏิบัติธรรมเพื่อลรรลุมรรคผลนั้น
    บางท่านมีความแค้นเคืองมาเป็นเวลานานหลายอสงไขย์กัปป์ เป็นอย่างนี้เรื่อยมา การปรามาทหรือว่าดูถูกเหยียดหยามนั้นเป็นข้อหนึ่งที่พวกเรามองข้ามไป แม้แต่การไปดูถูกแมลงตัวเล็กๆก็ยังต้องถูกแค้นเคืองเป็นหลายอสงไขย์กัปป์ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการขออภัยแบบธรรมดานั้นอาจจะไม่ได้ผลเนื่องจากท่านพวกนี้เขาไม่ยอมใหอภัยนอกเสียจากว่าเราได้กล่าวขออภัยให้ตรงจุดที่เราเคยได้ทำกับเขาไว้ ส่วนใหญ่แล้วท่านเหล่านั้นจะเป็นโพธิสัตว์เคยอธิษฐานเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    ดังนั้นเราจึงต้องค่อยๆนึกขออภัยแบบนี้ไปเรื่อยๆนึกไปเรื่อยๆไปเห็นตัวอะไรก็ขออภัยไปเจ้ากรรมนายเวรก็จะค่อยๆเบาบางลงไป
    หากเราไม่ใส่ใจก็จะยังขวางทางการปฏิบัติอยู่อย่างนั้น จะทำบุญมากแค่ไหนก็จะไม่ยอมไปเสียที นับว่าเป็นจุดหนึ่งที่พวกเราทั้งหลายได้มองข้ามไป จึงได้นำเอามาแนะนำเอาไปทำกัน

    ตัวอย่างเช่น...
    หากข้าพเจ้าได้เคยดูถูกท่านว่า ท่านเป็นเพียงมดแดงไม่สามารถบำเพ็ญเพียรเป็นพระพุทธเจ้าได้หรอก หากเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าขออภัย
    ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดและซาบซึ้งในบาปกรรมนั้นแล้วข้าพเจ้าได้มุ่งหวังพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ขอให้ท่านอภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเทอญ นับแต่วันนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพาน
    ข้าพเจ้าขอให้อภัยพวกท่านเช่นกัน เมื่อให้อภัยกันแล้วจงอนุโมทนาบุญบารมีของข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันด้วยเทอญ


    แล้วก็นึกเอาอะไรอื่นๆอย่างที่มีชีวิต มาใส่ ลงในสีแดงแทนแล้วก็ขออภัยไปเรื่อยๆ
    เช่น โสเภนี ขอทาน ชาวนา ชาวสวน คนขับรถ มดดำ มดง่าม มดตะนอย ลิง ชะนี กวาง ช้าง ม้า วัวควาย สุนัขขี้เลื้อน หมู ไก่ ปลา ปู ปลวก ด้วง แมงทับ และอื่นๆอีกมากมายเท่าที่จะนึกได้ ให้ทำบ่อยๆเจ้ากรรมนายเวรจะให้อภัยและโล่งสบายไปเรื่อยๆ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=81557&page=101
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2008
  3. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นภาษาปฏิบัติ มิใช่ภาษาพูด ไม่ใช่ภาษาที่อ่านมาก จำมากแล้วใช้สมองคิดวิเคราะห์จนเข้าใจ แล้วบอกว่าตนเองบรรลุธรรมแล้ว

    ในเบื้องต้นต้องค้นหาครูบาอาจารย์ที่ดี ที่ท่านปฏิบัติสำเร็จได้จริงตามแนวทางของพระพุทธเจ้า อันนี้อธิษฐานบารมีช่วยได้มาก คือให้ทำบุญใหญ่ในพระศาสนาแล้วอธิษฐานขอให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้า และให้ได้มีโอกาสได้เรียนกับท่านโดยเร็ววัน การได้ครูดีเราก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

    เมื่อเรียนกับท่านแล้ว ก็ให้เรียนแบบคนโง่ คืออย่าสงสัยให้มากนัก ท่านให้ปฏิบัติอะไรก็ปฏิบัติไปเถิด มีครูบาอาจารย์ท่านนึงบอกว่า ที่ท่านก้าวหน้าในธรรมได้มากกว่าพวกเรา เพราะท่านถือคำสอนครูบาอาจารย์เป็นคำสั่ง ที่ต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด แต่พวกเรายังถือว่าคำสอนเป็นคำสอนอยู่ ผมฟังท่านว่าแล้วแทงใจดำเข้าจุดอ่อนในการปฏิบัติของตนเองได้อย่างจัง คือตัวเองขาดวินัยในการปฏิบัติธรรม ปัญญาทางโลกที่มีอยู่มาก ยิ่งทำให้เกิดพิษภัย คือฟังคำสอนครูบาอาจารย์แล้วเข้าใจ(ด้วยสมอง)ได้ง่ายเร็ว จึงละเลย ไม่เห็นคุณค่าการปฏิบัติต่อไปให้เข้าใจจริงๆ(ด้วยจิต)

    ในที่สุด ปัจจุบัน ผมตัดสินใจย้อนกลับมาหารากฐาน ตามที่ครูบาอาจารย์สายอภิญญาท่านสอนให้อย่างง่ายๆแต่ได้ผลมานานแล้ว แต่ผมดันโง่ไปหาอะไรที่ซับซ้อนเกินไปเอง ท่านสอนง่ายๆว่า

    --> กรรมฐานต้องทำทุกอิริยาบถ ทั้งหลับตาลืมตา ถ้าจะรอแต่ปฏิบัติเวลานั่งสมาธินั้น ผลสำเร็จที่จะพึงมีพึงได้ อาจจะไม่ทันชาตินี้
    --> อานาปานุสสติทิ้งไม่ได้ ขึ้นกรรมฐานด้วยการรู้ลมหายใจไว้เสมอ
    --> ให้จิตทรงภาพพระไว้เสมอ เพื่อรักษาความเป็นทิพย์ของจิตและทรงผลการปฏิบัติให้ทรงตัวอยู่กับเรานานๆ
    --> นึกไว้เสมอว่าเราจะต้องตาย และร่างกายนี้มีแต่ความสกปรกและไม่เที่ยง
    --> จิตที่ทรงเมตตาย่อมรักษาศีลโดยอัตโนมัติ เป็นจิตที่สะอาดและทำให้เป็นพระอริยะเจ้าได้โดยง่าย
     
  4. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    ต้องมองตัวเราต่ำๆ นั่นคือมองว่าเราเพียงตัวเล็กๆอย่าไปคิดว่าตัวเราแน่
    ต้องเคารพทุกสรรพสัตว์ ไม่ไปเกลียด
    แต่ด้านกำลังใจต้องคิดว่าทุกอย่างน่าจะทำได้เราน่าจะทำได้

    ไม่คลอนแคลนในการสร้างความดี
    ไม่หาเรื่องชาวบ้าน
    ไม่ตั้งท่ารังเกียจใครแม้แต่คนที่เราไม่ชอบก็ต้องให้อภัยเขาเสมอ
     
  5. queenie

    queenie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +4,427
    หุหุ...เห็นท่านเปี๊ยก"ลาบวช" เลยลามั่งอ่ะ แต่ลาไปเป็นไก่หลงนะ สะเปะสะปะไม่เป็นโล้เป็นพาย พอเห็นท่านกลับมาก็เลยตามกลับมาด้วยนิ
    ขออนุโมทนาสาธุกลับท่านเปี๊ยกด้วยทุกประการนะคะ.....
    เอ...ระดับท่านเปี๊ยกนี่ ไม่น่าต้องรออ่านหรอกนะ ต้องเป็นไก่อ่อนและเพื่อนๆ แถวๆ นี้ต่างหาก ที่จะต้องเป็นฝ่ายมาปูเสื่อรอท่านน่ะ ธรรมใดที่ท่านแจ้งแล้ว ก็ขอจงเผยแพร่ธรรมนั้นเป็นทานด้วยเถิด...สาธุ อนุโมทนามิ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2008
  6. queenie

    queenie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +4,427
    เป็นจริงดังนั้นทุกประการเลยค่ะ

    สำหรับไก่อ่อนผู้ชาญฉลาดแต่ในกะลานั้น เดิมทีก็ใช้เวลาไม่ถึง ๑ นาที ในการอ่านทั้ง ๕ คำสอนนั้น แล้วก็ยิ้มหวานว่า "โอ้...แค่นี้เองรึ" จากนั้นก็นึกเอาเองว่า "ข้าเป็นผู้ทรงธรรมแล้ว"

    แต่พอมาเจอผู้รู้จริงเข้า เล่นเอาพังทุกข้อ เละกลับมา จนสุดท้ายต้องมาตั้งหลักใหม่ (ด้วยอานุภาพแห่งการมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะอันสูงสุด ทำให้กำลังใจไม่ตกแม้จะเพลี่ยงพลั้งยับเยินไปแล้ว) เริ่มต้นจากศูนย์เลย คือ ศีล

    และศึกษา (อีกครั้ง) พื้นฐานง่ายๆ ของการเข้าสู่เขตพระนิพพาน หรือเขตของพระอริยะเจ้า ตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านย้ำนักย้ำหนามาตลอด คือ
    ๑. เคารพพระรัตนตรัยด้วยความจริงใจ --คราวนี้ แทนที่จะอ่านแล้วผ่านไปเหมือนเคย ก็เปลี่ยนใหม่ อ่านแล้วก็ตีความหมายว่าเราเข้าใจจริงหรือเปล่า จากนั้นก็สำรวจจิตใจ ถามใจตัวเองว่าเราเคารพพระรัตนตรัยด้วยใจจริงๆ แน่หรือยัง จะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่า เรายอมมอบกายถวายชิวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจริงๆ
    ข้อนี้หลายคนคิดว่าง่าย เพียงอ่านแล้วผ่านเลยไป แต่เนื้อแท้จริงแล้ว เราต้องชี้ชัดให้เห็นจริงในการปฏิบัติให้ได้
    ๒. รักษาศีล ๕ บริสุทธิ์
    ๓. ไม่สงสัยในคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ๔. ไม่ลืมความตาย
    ๕. มีจิตใจรักพระนิพพาน
    (ข้อนี้ท่านแถมมาด้วย)

    นี่แหละ สิ่งที่ไก่อ่อนต้องถอยหลังมาพิจารณาทีละข้อ คิดทุกวัน ระลึกทุกเวลา คอยระวังไว้ไม่ให้ ๔ ข้อนี้เคลื่อนไปจากจิต ราวกับเป็นของรักของหวงที่อาจจะหลุดลอยไปได้ทุกเมื่อในยามที่เผลอ
    ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ไก่อ่อนไม่ลืมคำที่หลวงพ่อเคยย้ำไว้ว่า "การปฏิบัติธรรมนั้น ให้ทุกคนจงมุ่งหวังที่ความเป็นพระอริยะเจ้า นี่คือพระประสงค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" และทั้ง ๔ ข้อนี้ ก็เป็นก้าวแรกของการเข้าสู่ความเป็นพระอริยะขั้นแรก คือ "พระโสดาบัน"

    นี่เป็นสิ่งที่หลวงพ่อพูดเสมอว่า "เป็นเรื่องง่าย ๆ ถ้าตั้งใจจริง ไม่ใช่เป็นแค่ศรัทธาหัวเต่าผลุบเข้าผลุบออก"

    ทีนี้เมื่อเราคิดว่าเราทำได้จริง ก็ต้องหาข้อพิสูจน์กัน อย่างแรกก็คือ ถ้าเราเคารพเชื่อฟังในพระรัตนตรัยจริง เราก็ต้องไม่ฝ่าฝืนคำสั่งท่าน ก็เหมือนกับเรารักเคารพใคร เราก็เชื่อฟังเขานั่นแหละ ดังนั้นเมื่อท่านห้ามฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายเราก็ต้องไม่ฝืนคำสั่งและต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด เป็นอันว่าเราต้องรักษาศีลบริสุทธิ์ตามเพศ (เพศฆราวาสหรือเพศสมณะ) ของเราเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์

    แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น เพื่อไม่ให้กำลังใจตก ก็ให้ทรงอานาปานุสติคือ "รู้ลมหายใจเข้าออก" ไว้ จะรู้ลมหนึ่งฐาน สองฐาน สามฐาน ลมสบายหรือลมชายทุ่ง ก็ตาม แล้วเอาจิตจับภาพพระพุทธเจ้าไว้ในทุกอิริยาบถ ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้จิตมีกำลัง มีความชินและตั้งอยู่ในกุศลจิตตลอดเวลาที่ทรงอยู่

    และไม่ลืมความตาย ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดเท่าไหร่ตายเท่านั้น

    ตั้งใจทำให้ได้ทั้งหมดนี้ ก็ขึ้นชื่อว่าเราได้ก้าวเข้าสู่เขตพระนิพพานแล้ว คือพ้นจากอบายภูมิ แต่ยังต้องเกิดตายกันอีกเจ็ดชาติกว่าจะได้หลุดพ้น

    เพียงแค่นี้แหละ ที่ไก่อ่อนน้อมมาใส่ตน มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธงชัย จะหลับตาก็ให้เห็น จะลืมตาก็ให้เห็นพระพุทธองค์ เอาจิตใจปักไว้ที่พระนิพพาน

    ทำไปพิจารณาไป ที่ต้องคอยพิจารณาอยู่เสมอก็เพราะเกรงว่า จะหลง จะย่อหย่อน จะตึง จะพลาดจะเผลอ

    หากตั้งใจทำจริง ไม่ทิ้งอารมณ์ หลวงพ่อบอกว่า "จะเห็นผลในเจ็ดวัน อย่างเลวก็ไม่เกินสามเดือน"....

     

แชร์หน้านี้

Loading...